สมาธิหมุน (อธิบายสำหรับคนที่นั่งสมาธิเเล้วเกิดอาการต่างๆ)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 15 มิถุนายน 2009.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การฝึกพลังจิต, พลังปราณ, พลังจักรวาล หรือ พลังใดๆก็ตาม

    ทุกอย่างเริ่มที่ จิต เป็น อันดับเเรกค่ะ

    คุณต้องศรัทธาในสิ่งที่คุณต้องการ เรียน

    ให้ เริ่มโดยการ อธิษฐานจิต ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิก่อน

    เเล้วจิต จะเหนี่ยวนำกายไปเจอเหตุการณ์ หรือ บุคคล หรือ หนังสือ

    หรือ อะไรก็ตามที่ถูกจริตกับเราในการฝึก เเต่ คุณต้องอยากฝึกจริงๆ

    ทุกอย่าง อยู่ที่จิต ถ้าคุณเชื่อ พลังปราณของคุณจะเกิดขึ้นเองในไม่ช้าค่ะ

    จิตเหมือนกับ ประจุไฟฟ้า ถ้าคุณคิดบ่อยๆ เท่ากับ คุณ ได้สร้างกระเเสไฟฟ้า

    สุดท้ายจะกลายเป็นเปลวไฟ เเละ ดวงไฟในที่สุด

    ถ้าคุณคิด พลังจิตเหนี่ยวนำตัวคุณเองค่ะ ไม่ต้องรีบร้อนค่ะ
     
  2. access

    access เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    68
    ค่าพลัง:
    +175
    ขอบคุณค่ะน้องจอย พี่เองก็ไม่ได้ปฏิบัตินานแล้วค่ะ ลองนั่งดูก็ไม่มีอาการหมุนแล้วค่ะ แต่สงบและมีแสงเท่านั้น พอจิตสงบได้ทีพี่ก็เลิกแล้วค่ะ กำหนดเวลานั่ง แค่ไม่นานค่ะ ส่วนเรื่องอยากไปนิพพานนั้นพี่ไม่มีนะค่ะ ไม่ได้อธิฐานอะไรแบบนั้นเลยค่ะ พี่เป็นพวกกิเลสยังเยอะค่ะ ชอบอยู่ธรรมดาๆทำในสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ดีที่สุดพอคะ่ไม่ทพให้คนอื่นรึพาคนอื่นทุกข์แค่นี้นะค่ะแต่ที่เข้ามาถามน้องเพราะว่าเริ่มจากที่ชอบนะค่ะแล้วเห็นน้องปวดหัวอะไรนั้นแค่นั้นนะค่ะ แล้วก็สงสัยเรื่องสมาธิหมุนบางเพระาเคยหมุนแต่ไม่ออกท่าทางเลยถามนะค่ะไม่มีอะไรหรอก ส่วนเรื่ององค์ อันนี้ก็ไม่เข้าใจก็เข้าไปถาม อืมอาจเพราะเป็นคนนิสัยเสีย ชอบมีคำถามเลยถามบ่อยระยะนี้ รึเพราะพี่ว่างก็ไม่รู้ช่วงนี้งดสังสรรค์กับเพื่อน เก็บเนื้อเก็บตัวเพราะเศรษฐกิจโลกไม่ค่อยดี เศรษฐกิจบ้านก็อเลยใช้อย่างมีสตินะค่ะ เพิ่อไว้ในอนาคตบางนะค่ะ คงไม่ว่ากันนะค่ะหากช่วงนี้จะเห็นมาถามน้องบ่อย
    เพราะเห็นว่าน้องศึกษามามากนะค่ะ พี่เป็นคนไม่ชอบอ่าน ชอบฟังนะค่ะ สนุกดีค่ะ เชื่อไมว่าพี่นะ ยกนิ้วให้หลายๆท่านมากเลย ที่ศึกษาค้นมาทุกๆศาสตร์จริงๆ พี่เองเวลาพูดอะไรออกไปไม่ค่อยมีสาระนะ แต่บางครั้งมีบ้างหากสนใจมากๆแล้วมีอารมย์เขียนจิตมันก็พูดออกมาเป็นเรื่องเป็นราวกับเขา เหมือนกัน เพระาอย่างนี้เวลาอ่านอะไรที่พี่ตอบ ก็อย่าคิดมากอะไรนะค่ะ ว่างๆจะโทรไปคุยด้วยนะค่ะ:-D
     
  3. guyvettanajittham

    guyvettanajittham สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบคุณพี่สันโดษมากมากครับ สำหรับคำแนะนำเรื่องสมาธิหมุน เมื่อวานเย็นผมไปลองปฏิบัติกับพระอาจารย์ศรีไพรมาแล้วได้อะไรมาเยอะมากๆ

    กายเวทนาจิตธรรม
     
  4. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    การที่โลก เป็นเรา เป็นเพราะว่า เราเกิดมาจากการวิวัฒนาการมาจากโลก

    ดิน = อะตอม, นิวตรอน, เซลล์ จนเป็น อวัยวะ

    น้ำ = ของเหลวในร่างกาย

    ลม = ลมหายใจ

    ไฟ = จิต หรือ คิด (พลังจิต)

    ทั้ง 4 สิ่งนี้ คือ การรวมกันของ อนุภาคเล็กๆ ในกายสังขาร

    เเต่ ส่วนที่เป็น ผู้รวมตัวกัน คือ พลังจิต หรือ ความคิด

    เมื่อไรที่เรา หยุดควบคุมความคิด เเละ ตามรู้กาย รู้ใจ

    เราจะเห็นเองว่ากายเเละจิตมีอิสระ ออกจากกัน

    พลังจิต เมื่อรวมตัวกันในกายเเล้ว ย่อมร่วมตัวกัน เเละ กลับคืนสู่ที่เดิม

    ที่เดิม คือ สุญญตาเเละความว่าง เเละนั้น คือ จุดเริ่มต้น ของ พลังจักรวาล

    ของผู้มีพลังจิต นั้นเอง พลังจิตไม่ได้เกิดจากข้างนอก เเต่เกิดจาก ภายใน

    ที่เรียกว่า จิตใต้สำนึก ถ้าจิตคุณไม่ว่าง คุณก็ไม่สามารถ รวมตัวกลายเป็น ธาตุรู้ได้

    เมื่อใดที่คุณ ไร้การควบคุม บังคับ ปล่อยให้ กายเเละ จิตเป็น อิสระ

    ก็เหมือนกับ การ เทน้ำในเเก้ว ลงเเม่น้ำ นั้นเองคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มิถุนายน 2009
  5. Fai3iola

    Fai3iola เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +319
    วันนีิจิตคงพาแวะมาที่นี่
    เพราะเมื่อวานสงสัย
    ^^
    พรุ่งนี้จิตจะพาไปไหน...
    ต้อง"ตามไปดู" [​IMG]
    แหะๆ
    ขอบคุณพี่สันโดษนะคะ

    [​IMG]


     
  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width="85%" height="100%">การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล

    การรักษาด้วยพลังจักรวาล
    วิธีการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล คือการส่งพลังจักรวาล ไปให้คนไข ้โดยไม่ใช้ อุปกรณ์ใดๆ นอกจากมือของผู้ให้การบำบัด โดยเฉพาะผู้ที่มีความสามารถสูง อาจไม่ต้องสัมผัสตัวคนไข้ก็ได้

    การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล เป็นวิธีการอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยรักษาโรคทางกาย และใจวิธีการรักษาโรคด้วยพลังจักรวาลนี้ไม่ใช่ไสยศาสตร์ พลังจักรวาลทำให้ เกิดความสมดุลโดยผ่านจุดหลัก 7 จุดในร่างกาย ที่ เรียกว่า "จักระ"ซึ่ง เป็นภาษา สันกฤตแปลว่า วงล้อการรักษาวิธีนี้ ได้รับการค้นคว้าจากโลก ตะวันตกเช่นกัน กล่าวได้ว่าพลังจักรวาลเป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับพลังงานที่เราเรียกว่า พลังคอสมิคต้นกำเนิดของพลังจักวาลนี้ สืบสาวได้ถึงวิธีการรักษาโดยธรรมชาติ และวิธีนี้ได้ถูกค้นพบอีกครั้งภายใต้กฎความเป็นอยู่ของมนุษย์ซี่งขณะนี้มีความ พยายามไม่ใช้ยาจากสารเคมี

    ขบวนการการทำงาน
    พลังจักรวาลจะเข้าสู่ร่างกายคนไข้ และปรับความ สมดุลให้กับอวัยวะที่มีปั_หาของ คนไข้ ผลก็คือ ทำให้คนไข้หายป่วยหรือทุเลาจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่กำลังเป็นอยู่ ทั้งนี้เพราะ เหตุผลที่ว่า บุคคลที่เจ็บป่วยมีสาเหตุเนื่องมาจาก อวัยวะที่เจ็บป่วยขาดความสมดุลของพลังจักรวาล จึงทำให้เกิดอาการของโรคต่างๆ ดังนั้น ผู้ที่มีความสามารถรับ และส่งพลังจักรวาลให้กับผู้ป่วยได้โดยส่งพลังจักรวาล ผ่านไปตามจักระของมนุษย์ ไปสู่ที่อวัยวะที่เจ็บป่วย เพื่อให้พลังจักรวาลปรับความสมดุลที่อวัยวะนั้น จึงทำให้ ผู้ป่วยหายหรือทุเลา จากการเจ็บป่วยนั้นๆ และกลับสู่สภาพปกติดังเดิม

    วิธีการรักษานี้ จะใช้การสัมผัสด้วยมือ (หรือไม่ใช้การสัมผัสก็ได้ เรียกว่าการรักษาทางไกล) โดยใช้เวลาแต่ละครั้ง จะต้องไม่เกิน 5 นาที และตามปกติวันหนึ่งจะทำการรักษาเพียง 1 ครั้งเท่านั้น


    การบำบัดนี้ผู้ทำการบำบัดควรจะมีความคิดและจะต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้
    1. ผู้ทำการบำบัด ต้องฝึกให้มีความคิดที่จะบรรลุถึงการควบคุมตนเองในภาระหน้าที่ต่างๆทุกประการ จากหน้าที่เล็กๆ ในครอบครัวไปจนถึงหน้าที่สูงสุดในสังคมนี่เป็นเป้าหมายของการฝึกฝนด้วยตนเองเมื่อผู้ทำการบำบัดบรรลุถึงเป้าหมายดังกล่าว แล้วจะสามารถนำความผาสุกมาสู่คนไข้ได้

    2. ผู้ทำการบำบัดและครอบครัวต้องผ่านการพิสูจน์จากสังคม และยอมรับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา แม้จะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ยิ่งทนได้มากเท่าไร กรรมของเราก็จะหมดลงเร็วเท่านั้น ขณะที่เราทนต่อความทุกข์ยากได้ จิตวิญญาณจะพุ่งสู่ระดับสูงขึ้น เมื่อจิตวิญญาณของเราพัฒนาเข้าสู่ ระดับสูงขึ้น ร่างกายของเราก็จะดูดซับพลังจักรวาลได้ง่ายขึ้น ในสภาวะเช่นนี้เราจะมีความสามารถมากพอที่จะบำบัดคนไข้ทั้งหมดที่มาพบเราได้ ถึงแม้ว่าคนไข้เหล่านั้นจะมีโรคที่ยากต่อการบำบัด

    3. เราต้องให้ความรักคนไข้ให้มากเท่ากับที่รักครอบครัวของเรา และต้องไม่แบ่งแยกชนชั้น

    4. ระหว่างการบำบัด ความคิดคำนึงของเราควรจดจ่ออยู่ที่คนไข้ และต้องไม่ยอมให้สภาวะแวดล้อมภายนอกทำให้เราไขว้เขว

    5. ผู้ฝึกฝนต้องเสียสละประโยชน์ส่วนตนด้วยการปฏิเสธความมีชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ และความรัก ความมีชื่อเสียงควรนำมา สู่บ้านเกิดเมืองนอนของตน ทรัพย์ศฤงคารควรอุทิศให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศของตน และความรักควรจะแบ่งบันไปสู่มวลมนุษย์

    6. ร่างกายของมนุษย์มีจุดสำคัญ 7 จุด เมื่อจุดเหล่านี้ถูกเปิด จะสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่าเต็มที่ ในชั้นต้นเมื่อได้รับการเปิดจุด 6 จุด และได้ฝึกฝนด้วยตนเอง จนประสบผลสำเร็จแล้ว จุดสำคัญอีก 1 จุด จะถูกเปิด ซึ่งถือว่าได้บรรลุถึงจุดสูงสุด และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์


    จักระทั้ง7เป็นอย่างไร

    จักระ 1 (ดอกบัว 4 กลีบ)มีชื่อว่า มูละธารณะ
    - อยู่ระหว่างอวัยวะเพศ และทวารหนัก
    - เป็นรากฐานของระบบจักระ หรือระบบพลังงาน เป็นพื้นฐานของพลังชีวิต และเป็นกลไกที่ทำให้สืบทอดพันธุ์เป็นมนุษย์อยู่ในโลกทุกวันนี้
    - ผู้ที่ปฏิบัติได้ถึงระดับสูงสุด จักระนี้จะเปิดเองโดยอัตโนมัติ

    จักระ 2 (ดอกบัว 6 กลีบ) ชื่อว่า สวาธิษฐานะ
    - อยู่ตรงปลายก้นกบ เป็นศูนย์กลางเกี่ยวกับพลังทางเพศ รวมทั้งความเชื่อมั่นในตนเอง
    - ควบคุมระบบการสืบพันธุ์, การขับกากอาหารและของเสียออกจากร่างกาย (ระบบการขับถ่าย) รวมทั้งการตั้งครรภ์และการคลอด
    - ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับอัณฑะ, ท่อปัสสาวะ, อวัยวะสืบพันธุ์, มดลูก, รังไข่, ช่องคลอด, ทวารหนัก, กามโรค

    จักระ 3 (ดอกบัว 8 กลีบ) มีชื่อว่า มณีปุระ
    - อยู่ตรงแนวสะดือตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์กลางของการหยั่งรู้ ณ จุดนี้เป็นศูนย์กลางของร่างกาย
    - ควบคุมระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสีย
    - ใช้รักษากระเพาะอาหาร, ลำไส้ใหญ่, ลำไส้เล็ก, ลำไส้อ่อน, ลำไส้แก่, ไส้ติ่ง, ตับ, ม้าม, ดี, กระเพาะปัสสาวะ, ไต, โรคเบาหวาน, ถุงน้ำดี, ต่อมหมวกไต

    จักระ 4 (ดอกบัว 10 หรือ 12 กลีบ) ชื่อว่า อะนาหตะ
    - อยู่ตรงแนวหัวใจตัดกับกระดูกสันหลัง เป็นศูนย์รวมของความรักที่แท้จริง รวมทั้งการพัฒนาจิตใจ ด้วยความเมตตากรุณา และความเสียสละ
    - ควบคุมระบบหมุนเวียนโลหิต, หัวใจและระดับไขมันในเส้นเลือด
    - ใช้รักษาโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจโต, หัวใจเล็ก, หัวใจรั่ว, ความดันโลหิตสูง, ไขมันในเส้นเลือด, หัวใจเต้นอ่อนและเหนื่อยเร็ว

    จักระ 5 (ดอกบัว 16 กลีบ) ชื่อว่า วิศทะ
    - ความรัก ความเห็นอกเห็นใจ ความสมดุลของสติปัญญา
    - อยู่ตรงบริเวณเส้นแนวไหล่ตัดกับกระดูกสันหลัง
    - ควบคุมระบบทางเดินหายใจ และผิวหนัง
    - ใช้รักษาโรคปอด, หลอดลม, ลำคอ, ไซนัส, ต่อมผิวหนัง, หลอดลมอักเสบ, หอบหืด, ไอ, จมูก, ผื่นคัน, โรคผิวหนัง

    จักระ 6 (ดอกบัว 2 กลีบใหญ่ และกลีบย่อย 100 กลีบ) ชื่อว่า อะชะ
    - อยู่ตรงกลางหน้าผาก เปรียบเสมือนนัยน์ตาของปัญญา ใช้เป็นตาที่ 3 (ญาณวิเศษ) สำหรับการติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบน ห้าม ผู้สำเร็จ ระดับ1, 2,3,4 และ 5 ใช้จักระนี้ในการรักษาโรคอย่างเด็ดขาด
    - ควบคุมสติปัญญา, ความนึกคิด, ความเฉลียวฉลาด, และระบบประสาท
    - ผู้ที่เรียนถึงระดับ 5 จะใช้จักระนี้ทำสมาธิเท่านั้น (ถ้ารักษาโรคด้วยจักระนี้ จักระที่เปิดไว้ทุกจักระจะปิด)

    จักระ 7 (ดอกบัว 1,000 กลีบ) ชื่อว่า สหสราระ
    - อยู่ตรงกลางกระหม่อมหรือจุดตัดของเส้นที่ลากจากปลายจมูก ผ่านกลางหน้าผาก ตัดกับเส้นที่ลากจากหูซ้ายไปหูขวา เปรียบเสมือนมงกุฎดอกบัว
    - ควบคุม ระบบประสาททั้งหมดของร่างกาย เป็นศูนย์ควบคุมทุกจักระ เป็นจุดรับพลังจักรวาล และทำการกระจายไปทั่วร่างกาย เป็นจุดที่ สามารถรักษาอาการเจ็บป่วย ที่จักระอื่นไม่สามารถรักษาได้โดยตรง
    - ใช้รักษาเส้นประสาท, สมอง, ตา, หู, อวัยวะในช่องปาก, โรคเจ็บป่วยซึ่งเกี่ยวกับระบบประสาททั่วไป ที่อยู่นอกเครือข่ายของ จักระอื่น เช่น ระบบกล้ามเนื้อ, ไทรอยด์, ต่อมทอนซิล, กล่องเสียง

    จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น เมื่อ ฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้ จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้ครับ



    จากหลัก การสั่นไหว มากับพลังจักรวาล มาอีกหลักหนึ่งคือ การหมุน หรือการเคลื่อนไหวเป็นทรงกลม ดูดพลังจักรวาล เข้ามาเพื่อเป็นกลไกการทำงาน

    คนโบราณได้ค้นพบว่า รูปทรงต่าง ๆ บางรูปเปล่งหรือปล่อยพลังจักรวาลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และแรงกว่าธรรมดา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังจักรวาลเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก และเป็นทรงกลมที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่ออนุภาคมาเกาะตัวกันมันก็หมุน โดยเคลื่อนไหวของอนุภาคเหล่านี้ก็จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน และนำไปสู่รูปทรงที่ต่างกันย่อมก่อให้เกิดคลื่น ของจักรวาลที่ต่างกันออกไป

    ปราณ เป็นสิ่งค้ำจุนสรรพสิ่งในจักรวาล ดังนั้น ย่อมสามารถนำมันมาใช้เพื่อการพัฒนาชีวิตและจิตวิญญาณของคนได้แน่นอน

    การหมุน การหมุน จะถ่ายเทพลังงานตามหลักการสั่นไหวร่วมกัน เห็นได้ชัด ตามตัวอย่างทั่วไป ก็คือ พายุ ไต้ฝุ่น ซึ่งหมุนซ้ายทวนเข็มนาฬิกา และเวลาผ่านไป มันจะรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ การหมุนนี้ ก็คล้ายกับวิชาอื่น ก็คือ ไทเก็ก และ ฝ่ามือมังกรแปดทิศ ก็มีการเคลื่อนไหว เป็นวงกลม และถ้ายิ่งฝึกวิชามังกรแปดทิศ พลัง รวมถึง ดูดซับพลังจักรวาลด้วยแล้ว พลังก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณเลยครับ


    </TD></TR><TR><TD class=smalltext vAlign=bottom width="85%"><TABLE style="TABLE-LAYOUT: fixed" width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=smalltext width="100%" colSpan=2></TD></TR><TR><TD class=smalltext id=modified_4812 vAlign=bottom></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    พลังงานจักรวาลนี้เกิดจากไหน ?

    พลังงานนี้ มันมาจากจักรวาลครับ มันคือพลังงานที่มีอยู่ตามธรรมชาติของเรานี่แหละ เป็นที่ทราบกันดีว่า
    จักรวาลเกิดจากการระเบิดครั้งใหญ่ เรียกว่า แรงระเบิดนี้ ทำให้ก้อนมวลสารแตกกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง
    บ้างก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย บ้างก็เป็นฝุ่นผงเลยทีเดียว เรียกว่า เนบิวลา เศษมวลสารก้อนเล็ก ๆ ที่เคยกระจายออกไป
    ก็มีแรงดึงดูดซึ่งกันและกัน จนกลายเป็นมวลสารก้อนใหญ่ กลายเป็นดาว เป็นกลุ่มดาว และเป็น
    กาแลกซี่ในที่สุดครับ จักรวาลทำให้ก่อเกิดพลังงานเหล่านี้ ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตที่เหมาะสมกับดวงดาวนั้น ๆ
    ตั้งแต่สัตว์เซลล์เดียว จนพัฒนามาเป็นมนุษย์ ได้ในที่สุด

    [​IMG]

    จักร ทั้ง 7 นี้ทำหน้าที่ควบคุม จิต จิตใต้สำนึก อารมณ์ ปัญญา เป็นต้น เซลล์พิเศษของสมอง เรียกว่า ไมโครเซลล์ ไมโครเซลล์นี้ จะฉายแสงสีเหลืองเป็นประกายและสั่นไหวอย่างรุนแรง เป็นหลักการสั่นไหว เมื่อผู้ฝึกสมาธิ และจะสั่นไหวแรงขึ้น เมื่อ ฝึกในระดับที่สูงขึ้น จนขยายไปทุกส่วนของอวัยวะในร่างกายในทั่วร่าง และถ้าหากผู้ฝึกสามารถสั่งสมเพิ่มพลังงานให้มากขึ้น ไมโครเซลล์เหล่านี้
    จะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า กายทิพย์ และกายทิพย์นี้ เป็นเหมือนเครื่องมืออเนกประสงค์เลยทีเดียว บางที่อาจสร้างความมหัศจรรย์ของมนุษย์ได้ครับ การสั่นไหว มากับพลังจักรวาล มาอีกหลักหนึ่งคือ การหมุน หรือการเคลื่อนไหวเป็นทรงกลม ดูดพลังจักรวาล เข้ามาเพื่อเป็นกลไกการทำงาน

    คนโบราณได้ค้นพบว่า รูปทรงต่าง ๆ บางรูปเปล่งหรือปล่อยพลังจักรวาลออกมาเองโดยอัตโนมัติ และแรงกว่าธรรมดา ที่เป็นเช่นนี้เพราะพลังจักรวาลเป็นอนุภาคที่มีขนาดเล็กมาก และเป็นทรงกลมที่หมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่ออนุภาคมาเกาะตัวกันมันก็หมุน โดยเคลื่อนไหวของอนุภาคเหล่านี้ก็จะเกิดการถ่ายเทพลังงาน และนำไปสู่รูปทรงที่ต่างกันย่อมก่อให้เกิดคลื่น ของจักรวาลที่ต่างกันออกไป

    ไอน์สไตน์ เคยกล่าวว่า พลังงานและสสาร เป็นสิ่งเดียวกันพลังงานอาจกลายเป็นสสารได้และสารก็อาจกลายเป็นพลังงานได้ สสารที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังงานได้นั้น เราเรียกว่า "พลังงานอะตอมหรือพลังงานนิวเคลียร์" ซึ่งพลังงานนี้ มีอยู่ในปิรามิด ที่ปิรามิดดูดซับมา นักวิทยาศาสตร์ได้ประดิษฐ์กล้อง สำหรับส่องพลังงานออรา ชื่อ กล้องเกอร์เลียนครับ พลังงานออราที่มนุษย์เปล่งออกมา แต่ละคนสีไม่เหมือนกัน บางครั้งก็เปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์

    [​IMG]

    ด้วยเหตุนี้ ผมก็เลยศึกษาเกี่ยวกับพลังปิรามิด ที่เขาว่าสามารถรวบรวมพลังงานทั้งภายในโลก และนอกโลกมา ส่วนวิชาจักรวาลนี้ เป็นผลพลอยได้ เพราะใช้พลังปิรามิดเข้าช่วย อีกที

    http://www.newskythailand.com/board/index.php?topic=488.0;wap2

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  8. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]

    จักระคืออะไร?

    จักระ คือ จุดรวมของช่องทางเดินของพลังต่างๆ มีลักษณะเป็นวงเล็กๆ
    เรืองแสง มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ผู้ฝึกสมาธิอย่างดีจะ
    สามารถมองเห็นในตัวเองและของผู้อื่นได้ จักระในร่างกายมนุษย์มีมาก
    มายถึง 84000 จักระ บางวิชาใช้ถึง 360 จักระ ส่วนวิชา
    พลังจักรวาล
    เรียนรู้และใช้เพียง 7 จักระ เท่านั้น


    จักระนี้จะหมุนตัวเองด้วยความเร็วสูงมาก จนไม่สามารถมอง
    ได้ทัน การหมุน (Spin) นี้ เรียกว่า จักระทำงาน ซึ่งจะสามารถซึมซับ
    หรือรับเอา พลังจักรวาลหรือพลังยูเรอัส อันเป็นโอสถวิเศษเข้าสู่ร่างกาย
    มนุษย์ได้ ความจริงแล้วจักระของมนุษย์สามารถซึมซับพลังจักรวาลหรือ
    พลังยูเรอัส ได้จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว เมื่อได้รับการกระตุ้นหรือเรียกว่า
    "เปิดจักระ" จากผู้ที่มีความสามารถ จะทำให้จักระนั้นซึมซับ
    พลังจักรวาลหรือพลังยูเรอัส ได้ดียิ่งขึ้น จนสามารถนำพลังจักรวาลไป
    ใช้รักษาโรคต่างๆ ให้กับตนเองและผู้อื่นอย่างน่ามหัศจรรย์


    ปัจจุบันพลังจักรวาลได้รับการถ่ายทอดและเผยแพร่ไปทั่วโลกกว่าร้อย
    ประเทศ โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และในประเทศไทย
    กระทรวงสาธารณะสุขได้รับรองให้การบำบัดรักษาด้วยพลังจักรวาล
    เป็นแพทย์ทางเลือกอีกด้วย

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  9. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่าการนำเสนอเรื่องพลังจักรวาลนี้เพียงเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจพลังจักรวาลในทางที่ถูกต้อง สำหรับผู้ที่เข้าใจแล้วก็ขอให้เข้าใจยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่เข้าใจไปทางขัดแย้งก็ขอให้เข้าใจถูกต้องด้วย และสำหรับผู้ที่ยังไม่เข้าใจก็ขอให้เข้าใจถูกต้องด้วยเช่นกัน ทั้งนี้วิชาพลังจักรวาลเป็นวิชาที่มีเนื้อหากว้างขวางมากหากอยู่ในระดับสูงขึ้นไป ดังนั้นจึงขอนำเสนอพลังจักรวาลในแง่หัวข้อที่ว่า พลังจักรวาลเพื่อการรักษาโรคเท่านั้น

    การใช้พลังจักรวาลคือ การใช้พลังของมนุษย์และพลังจักรวาลผสมผสานกัน เดิมวิชานี้มีความเจริญสูงสุดในยุคอาณาจักรแอตแลนติส หลังจากที่อาณาจักรนี้ล่มสลายเนื่องจากมนุษย์มากด้วยกิเลสตัณหา วิชานี้จึงค่อยเสื่อมคลายไป ต่อมาท่านดาสิรา นาราดา พระภิกษุชาวศรีลังกาได้รื้อฟื้นสืบทอดต่อกันมาจนกระทั่งถึง อาจารย์เลือง มินห์ ด๋าง (ปัจจุบัน เป็นศาสตราจารย์ดอกเตอร์เลือง มินห์ ด๋าง) เป็นชาวเวียดนามได้ทำการเผยแพร่ และรักษาผู้คนในยุโรป และเอเชียจนเป็นที่รู้จักแพร่หลายเกือบทั่วโลก

    พลังจักรวาล คือศาสตร์แห่งการบำบัด เป็นศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่เกี่ยวกับพลังงานที่เราเรียกว่า "พลังคอสมิค" ต้นกำเนิดของพลังจักรวาลนี้ สืบสาวไปได้ถึงวิธีการรักษาโดยธรรมชาติและวิธีนี้ถูกค้นพบอีกครั้งภายใต้กฎความเป็นอยู่ของมนุษย์ ผู้ที่ได้เรียนรู้ รวมทั้งแพทย์ จะใช้พลังจักรวาลนี้ในการบำบัดรักษาควบคู่ไปกับเทคนิคสมัยใหม่ก็ได้ แต่ที่สำคัญกว่าทั้งหมดคือเราใช้พลังจักรวาลนี้ป้องกันโรคและรักษาสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ พลังจักรวาลนี้มิได้เป็นของผู้ใดผู้หนึ่ง ศาสนาใดศาสนาหนึ่งโดยเฉพาะ เนื่องจากพลังนี้เป็นพลังที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และเป็นพื้นฐานของชีวิตมนุษย์ ทุกคนมีสิทธิที่จะเรียนรู้ได้ โดยผู้เรียนจะต้องมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์ ให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบเคราะห์กรรมที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

    วิธีการเรียนรู้พลังจักรวาลทุกคนสามารถเรียนรู้ได้แต่ไม่สามารถทำการเปิดจักระได้ด้วยตัวเองเพราะผู้เรียนจะต้องได้รับการเปิดจักระจากผู้อยู่ในระดับสูงกว่าเสียก่อน จึงจะสามารถเรียนวิชาพลังจักรวาลนี้ได้ หากท่านฝึกฝนด้วยตัวเองหรือนำวิชานี้ไปใช้ในทางที่ฝ่าฝืนข้อห้ามของพลังจักรวาล อาจทำให้ท่านเกิดอาการวิกลจริตได้

    ส่วนลักษณะของ "จักระ" นั้นมีลักษณะเป็นวงเล็กๆ เรืองแสง มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. ผู้ฝึกสมาธิเป็นอย่างดีจะสามารถมองเห็นในตัวเองและของผู้อื่นได้ การหมุนของจักระนั่นคือสามารถนำพลังจักรวาลเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ซึ่งตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจักระของมนุษย์ทุกคนเปิดอยู่มนุษย์จึงมีความสามารถในการรับพลังจักรวาลได้ แต่ทั้งนี้ด้วยความหลงตัวเองและความเย่อหยิ่งของมนุษย์ มนุษย์คิดว่าตนเองมีอำนาจเหนือกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้ถูกริดรอนอำนาจพิเศษนี้ไปโดยที่จักระทั้งหมดถูกปิด ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามนุษย์ก็เริ่มจมดิ่งลงสู่อวิชชา วัตถุนิยม การชิงดีชิงเด่น การฆาตรกรรม และการสงคราม

    การรักษาด้วยพลังจักรวาล เป็นวิธีการอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยรักษาทางกายและใจหากแต่มิใช่การรักษาด้วยไสยศาสตร์แต่อย่างใด และการรักษาผู้ป่วยจะได้ผลยิ่งขึ้นหากผู้ป่วยมีสมาธิดีและมารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือผู้ป่วยจะต้องมีความเชื่อในการรักษาด้วยพลังจักรวาล มิใช่เพื่อมาทดลองหากคิดเช่นนั้นแล้วผู้ป่วยจะไม่มีโอกาสหายจากโรคที่เป็นอยู่ได้เลย


    สำหรับวิธีการรักษาโรคนั้นจะมีการสัมผัสโดยใช้มือทั้งสองของผู้ให้การรักษาวางบนบริเวณตัวหรือจักระของผู้ป่วยในบริเวณที่ต่างกันขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยป่วยเป็นโรคอะไร และขึ้นอยู่กับว่าผู้ให้การรักษาจบในระดับใดเพราะหากระดับสูงขึ้นไปจะเป็นการนั่งสมาธิเพื่อรักษา แต่การรักษาทั้งสองแบบนี้ต้องใช้เวลาภายใน 5 นาทีต่อ 1 วันเท่านั้น นอกจากนี้ผู้ให้การรักษาต้องมีความเมตตากรุณาต่อเพื่อนมนุษย์อย่างตั้งใจและเต็มใจไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าใช้จ่ายในการรักษา เว้นแต่ว่าผู้ป่วยพึงจะตอบแทนเอง

    การอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อาจจะยากต่อการเข้าใจ อย่างไรก็ตาม มีวิธีที่จะทำให้ทุกคนได้ประจักษ์ในเรื่องนี้ได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เพราะเป็นการยากที่จะเห็นรูปธรรมของการไหลเวียนของพลังงานในร่างกาย ถึงอย่างไรก็ดี สิ่งนี้สามารถพิสูจน์ได้โดยการใช้อุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลองหลายประเภทที่มีอยู่ในโรงพยาบาล นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถรับรู้ได้จากประสาทสัมผัสและปฏิกิริยาโต้ตอบอื่นๆ นี่ก็หมายถึงว่าวิชาพลังจักรวาลเป็นวิทยาศาสตร์แนวใหม่ซึ่งจะมีส่วนในการบำบัดโรคภัยไข้เจ็บให้แก่มนุษยชาติต่อไป

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    พลังจักรวาล Universal energy

    [​IMG]

    ในสิ่งที่เกิดก่อนวิทยาศาสตร์มีอยู่หลายอย่างมากมาย
    เส้นตรงที่ตรงกว่าไม้บรรทัด ก็เกิดก่อนไม้บรรทัด

    วิทยาศาสตร์เป็นเพียงเครื่องมือวัด ที่เกิดทีหลังความลี้ลับของธรรมชาติที่เกิดมานับล้านๆปี
    บางสิ่งที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มี

    การจะพูดว่าเหลวไหลหรือไร้สาระเพราะพิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้ เป็นการใจแคบเกินไป
    อากาศที่เราหายใจ เรามองเห็นมันไหม? แต่ มันก็เข้าไปอยู่เต็มปอดของเราทุกที

    พลังรอบๆตัว คลื่นวิทยุที่วิ่งผ่านตัวเราไป เรามองเห็นมันมั้ย ก็ปล่าว แต่มันก็มีอยู่จริงๆใช่มั้ย
    พลังอีกหลายอย่าง มิติอีกหลายมิติ ล้วนไม่อาจสัมผัสได้ด้วยตาปล่าว หรืออาจจะไม่สามารถมองเห็นได้้ถ้าไม่ได้ฝึกฝน

    อย่างรังสีออร่า ที่มีอยู่ในทุกสรรพสิ่ง


    พลังจักรวาลคืออะไร

    ปีค.ศ.2000….เป็นปีที่ทุกคนต่างเรียกกันว่าปีแห่งสหัสวรรษใหม่ ปีที่มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆด้านบนโลกใบนี้แต่ทุกท่านคงไม่ปฏิเสธว่าแม้โลกของเราจะมีความก้าวหน้าล้ำยุคไปมากเพียงใดความเจ็บไข้ได้ป่วยก็ยังเป็นสิ่ง ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ อาจเกิดขึ้นกับทุกคนถึงแม้จะไม่รุนแรงแต่ก็ทำให้เกิดทุกข์ ทำให้เราเข้าใจ เห็น ถึงสัจธรรมที่ว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ

    พลังจักรวาล เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ทำให้ท่านพ้นจากโรคภัยไข้เจ็บได้ และต่อสู้บนโลก ใบนี้ที่พัฒนาอย่างไม่มีวันหยุด วิชาพลังจักรวาล ไม่ใช่วิชาที่แปลกใหม่แต่อย่างใด บางท่านอาจจะไม่ทราบ หรือทราบมาบ้างแล้วเพียงผิวเผินเท่านั้น

    พลังจักรวาลมิใช่พลังทางไสยศาสตร์ ไม่มีการใช้คาถาอาคม ไม่จำกัดศาสนาหรือชนชาติใดๆในการรับการศึกษาหรือรับการบำบัดโรค พลังจักรวาล เป็นพลังธรรมชาติมีลักษณะเป็นคลื่นไฟฟ้าคล้ายคลื่นของรังสีคอสมิคผู้มีความสามารถในการซึมซับพลังจักรวาลมาสู่ร่างกาย จะทำให้ร่างกายแข็งแรงมีภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บและยังมีความสามารถใช้พลังจักรวาลในการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้หายหรือทุเลาจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้อีกด้วยนอกจากนี้ยังนำไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกมากมาย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถของแต่ละบุคคล

    การรักษาโรคด้วยพลังจักรวาล จึงเป็นทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งทำให้โรคภัยไข้เจ็บทุเลาหรือหายได้โดยวิธีทางธรรมชาติ โดยใช้คุณธรรมสำคัญคือ " ความเมตตา " ดังนั้นผู้ให้การรักษา จึงไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้น.

    ผลงานวิจัยหลายชิ้นได้ลงความเห็นว่า พลังจักรวาลใช้รักษาโรคและอาการหลายอย่าง เช่น โรคเกี่ยวกับ หู ตา จมูก หรือโรคไม่แสดงอาการความเจ็บป่วยออกมา ในสหรัฐอเมริกา และประเทศทั่วโลก มีผู้สนใจวิชานี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งล้วนมาจากระดับความรู้ต่างกัน มีผู้คนหลายวงการเช่น แพทย์ นักวิจัย วิศวกร ได้รับการอบรม เขาเหล่านั้นจะสามารถช่วยบรรเทา หรือรักษาโรคให้แก่ตนเองและคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงาน โดยเพียงเขา ได้รับการเปิดจักระ ในร่างกายด้วยวิธีการที่ถูกต้อง และได้รับคำแนะนำจากผู้ที่มีความสามารถ จริงๆ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]
     
  11. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width=522 bgColor=white border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width=140 bgColor=white>[​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    </TD><TD width=382 background=./image/bg04.gif bgColor=white>[​IMG]
    <TABLE width=382 border=1><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle bgColor=#993399 colSpan=2>จักร์มงกุฏ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ศูนย์พลัง</TD><TD>สีม่วง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ที่ตั้ง</TD><TD>กระหม่อม</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ธาตุ</TD><TD>รู้ , เจตน์จำนงค์</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>หน้าที่</TD><TD>ให้ชีวิตชีวา ช่วยสมองส่วนบน</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ต่อมอวัยวะ</TD><TD>ต่อมไพนีล ศุนย์รวมระบบประสาทตาข้างขวา</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อัญมณี , แร่ธาตุ</TD><TD>เพชร , พลอย สีม่วง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อาหาร</TD><TD>ผลไม้ พืชผักสีม่วง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้</TD><TD>จะสามารถสัมผัสกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น เช่น วิญญาณในภพภูมิต่าง ๆ เชื่อเกี่ยวกับเทพและวิญญาณระดับต่าง ๆ และสามารถติดต่อได้ มีเอกภาพ มีอุดมคติ เสียสละ เชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด และชีวิตนอกโลกว่ามีจริง </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย</TD><TD>จะขาดความกระตือรือร้น สับสนวุ่นวาย มีความลังเล ทำตัวแปลก เหินห่างสังคม แก่เกินวัย ไม่เชื่อเกี่ยวกับศาสนา</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=382 border=1><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle bgColor=#000099 colSpan=2>จักร์หน้าผาก</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ศูนย์พลัง</TD><TD>สีน้ำเงิน</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ที่ตั้ง</TD><TD>หน้าผากหรือเหนือระหว่างคิ้ว</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ธาตุ</TD><TD>แสงสว่าง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>หน้าที่</TD><TD>เป็นตาที่สาม ใช้ชีวิตชีวาแก่สมองส่วนล่างและระบบประสาทให้เกิดญาณทัศนะ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ต่อมอวัยวะ</TD><TD>ต่อมพิจูอิทารี ต่อฐานสมองเกี่ยวกับตาข้างซ้าย จมูกและหูทั้ง 2 ข้าง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อัญมณี , แร่ธาตุ</TD><TD>อัญมณีสีน้ำเงินแก่และแร่ธาตุสีน้ำเงินแก่</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อาหาร</TD><TD>ผลไม้ พืชผักสีน้ำเงินแก่</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้</TD><TD>จะสามารถเข้าสมาธิได้ง่าย เกิดวิปัสสนาญาณ มีตาทิพย์ จิตใจสงบสุข มีความจงรักภักดี สัมผัสกับสิ่งที่สัมผัสได้ยาก มีจินตนาการในทางที่ดี </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย</TD><TD>ขาดสมาธิ มีความกลัว ชอบเยาะเย้ย ถากถาง เครียด ปวดหัว สายตามีปัญหา ฝันร้าย เบื่อหน่ายโลกอย่างไม่มีเหตุผล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=382 border=1><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle bgColor=#66ccff colSpan=2>จักร์ลำคอ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ศูนย์พลัง</TD><TD>สีน้ำเงินอ่อน หรือสีฟ้า</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ที่ตั้ง</TD><TD>ลำคอ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ธาตุ</TD><TD>อากาศ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>หน้าที่</TD><TD>เกี่ยวกับการแสดงออกทางคำพูด เสียง การสื่อความหมาย</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ต่อมอวัยวะ</TD><TD>ต่อมไธรอยด์ พาราไธรอยด์ ลำคอ ปาก</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อัญมณี , แร่ธาตุ</TD><TD>เพชร พลอย สีน้ำเงินอ่อน</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อาหาร</TD><TD>ผลไม้ พืชผัก สีน้ำเงินอ่อนหรือสีฟ้า</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้</TD><TD>มีความสามารถในการแสดงวาทะศิลป์ สื่อความหมายได้ชัดเจน พูดแบบถ่อมตน สร้างสรรค์ มีความเมตตา เชื่อถือได้ ให้เกียรติผู้อื่น สุภาพอ่อนโยน </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย</TD><TD>ไม่สามารถสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน มีปัญหาในหารพูด ใช้ความรู้อย่างไม่ฉลาด ขาดการใช้วิจารณญาณ มีความหดหู่ ไม่ร่าเริง มีปัญหาเกี่ยวกับไธรอยด์ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=382 border=1><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle bgColor=green colSpan=2>จักร์หัวใจ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ศูนย์พลัง</TD><TD>สีเขียว</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ที่ตั้ง</TD><TD>ทรวงอก</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ธาตุ</TD><TD>ลม</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>หน้าที่</TD><TD>รับพลังมาจากจักรวาล เทพ หรือวิญญาณชั้นสูง ทำให้เกิดพลังชีวิตที่สมบูรณ์ โลหิตไหลเวียนดี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ต่อมอวัยวะ</TD><TD>หัวใจ ต่อมไร้ท่อ ที่อยู่ข้างกระดูกเต้านมขึ้นไปถึงบริเวณต่อมไธรอยด์ คือต่อมไร้ท่อ 2 พู ที่อยู่ข้างหลอดคอ ช่วยระบบหมุนเวียน แขนทั้งสองข้างและมือทั้งสองและปอด</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อัญมณี , แร่ธาตุ</TD><TD>หยก เพชร พลอย สีมรกต</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อาหาร</TD><TD>ผลไม้ ผัก พืชสีเขียว</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้</TD><TD>มีความรักที่แท้จริง มีอัปปมัญญาธรรม สงสารเพื่อนมนุษย์ ให้อภัย ยอมรับความคิดเห็นของเพื่อนมนุษย์ เปิดเผย อยู่ร่วมกับเพื่อนมนุษย์อย่างมีความสุข ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่เห็นแก่ตัว </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย</TD><TD>จะผิดหวังเรื่องความรัก เอาแต่ใจตัวเอง ควบคุมตัวเองไม่ได้ โรคหัวใจ การไหลเวียนโลหิตไม่ดี </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=382 border=1><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle bgColor=#ffcc00 colSpan=2>จักร์สุริยประสาท</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ศูนย์พลัง</TD><TD>สีเหลือง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ที่ตั้ง</TD><TD>กลางหัวใจกับสะดือ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ธาตุ</TD><TD>ไฟ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>หน้าที่</TD><TD>ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดี ช่วยระบบขับย่อย ช่วยการสันดาบ ( metabolism ) ควมคุมอารมณ์</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ต่อมอวัยวะ</TD><TD>ตับอ่อน ต่อมหมวกไต ท้อง ตับ ถุงน้ำดี ระบบประสาท กล้ามเนื้อ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อัญมณี , แร่ธาตุ</TD><TD>อัญมณีสีเหลือง แก้วตาเสือ ทองคำ แร่ธาตุสีเหลือง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อาหาร</TD><TD>ผลไม้ ผัก พืชสีเหลือง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้</TD><TD>จะสามารถมีความมั่นใจในตัวเอง มีเจตน์จำนงค์แน่วแน่ ควบคุมความต้องการของตนเองได้ ตื่นตัวเสมอ มีอารมณ์ขัน มีความร่าเริงแจ่มใส เชื่อในความเป็นอมตะ </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย</TD><TD>เป็นคนที่มีความหวาดระแวง ไม่เชื่อมั่นในตัวเอง มักมีความโกรธ เกลียด มีปัญหาระบบขับถ่ายและย่อยอาหาร </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=382 border=1><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle bgColor=#ff9922 colSpan=2>จักร์สะดือ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ศูนย์พลัง</TD><TD>สีส้ม</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ที่ตั้ง</TD><TD>สะดือ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ธาตุ</TD><TD>น้ำ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>หน้าที่</TD><TD>ให้เกิดความรู้สึกทางเพศ นำอาหารไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้มีชีวิตชีวา</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ต่อมอวัยวะ</TD><TD>รังไข่ ลูกอัณฑะ ต่อมลูกหมาก อวัยวะสืบพันธุ์ ม้าม มดลูก กระเพาะปัสสาวะ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อัญมณี , แร่ธาตุ</TD><TD>อัญมณีสีส้ม โกราล แร่ธาตุสีส้ม</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อาหาร</TD><TD>ส้มและน้ำส้ม ผลไม้ ผัก พืชสีส้ม</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้</TD><TD>จะสามารถรู้จักให้และรับ ควบคุมอารมณ์ได้ดี ชอบความเปลี่ยนแปลง ยอมรับความคิดใหม่ ๆ แปลก ๆ รู้จักยอมตัวอยู่ร่วมกับครอบครัวได้ดี มีความคิดในทางสร้างสรรค์ร่วมกับเพื่อนมนุษย์ </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย</TD><TD>มักมากในกามคุณ มีปัญหาเรื่องทางเพศ สับสน วุ่นวาย เห็นแก่ตัว อิจฉา ริษยา ต้องการที่จะครอบครองทั้งที่ไม่สามารถ มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ ไร้สมรรถภาพทางเพศ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width=382 border=1><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle bgColor=#cc0033 colSpan=2>จักร์ฐาน</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ศูนย์พลัง</TD><TD>สีแดง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ที่ตั้ง</TD><TD>กันกบ</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ธาตุ</TD><TD>ดิน</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>หน้าที่</TD><TD>ทำให้ร่างกายแข็งแรง มีชีวิตชีวา มีสัญชาตญาณในการต่อสู้เพื่อตัวเอง มีภูมิต้านทานดี</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ต่อมอวัยวะ</TD><TD>หมวกไต ไต กระดูกสันหลัง ลำไส้ใหญ่ ขาทั้งสอง กระดูกทั้งหมด</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อัญมณี , แร่ธาตุ</TD><TD>อัญมณีสีแดง แร่ธาตุสีแดง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>อาหาร</TD><TD>โปรตีนสีแดง เช่น พวกเนื้อแดงต่าง ๆ ผลไม้ ผัก พืชสีแดง</TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้ามีคุณภาพหรือได้เรียนรู้</TD><TD>จะสามารถมีสุขภาพพลานมัยที่ดี แข็งแรง มีความสำเร็จในทางวัตถุ แบบนักวัตถุนิยมที่มีความสำเร็จ มีความมั่นคงทั้งทางกายและจิตใจ มีความอดทน มีความกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อความอยู่รอด </TD></TR><TR vAlign=top><TD width=100>ถ้าไม่มีคุณภาพหรือมีพลังน้อย</TD><TD>โลภ เป็นคนเห็นแก่ตัว มีความอ่อนแอ มักโกรธ มีความเครียด ท้องผูกเสมอ ปวดตามกระดูกสันหลัง </TD></TR></TBODY></TABLE></TH>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <HR class=hrcolor width="100%" SIZE=1>
    การรับพลังจักรวาล

    การรับพลังจักรวาล ก็คือการรับเอาอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เข้ามาในร่างกายเรานั่นเอง..

    นักปราชญ์จีน ค้นพบว่าการทำงานในร่างกายคนเรานั้นเป็นดั่งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสถิตแบบธรรมชาติที่ยอดเยี่ยม มีพลังหมุนเวียนในร่างกายในลักษณะ หยิน-หยาง

    เมื่อเราหายใจลึกๆยาวๆ พลังงานจะผ่านเข้าสู่ร่างกายโดยจะเริ่มต้นที่หน้าผาก ลงมาสู่จมูก สู่ปลายคาง ลงสู่ลำคอ ผ่านกลางหน้าอกสู่หน้าท้อง สะดือลงสู่อวัยวะเพศ จากนั้น พลังหยินเริ่มไหลย้อนกลับ ขึ้นสู่ด้านหลัง ผ่านก้นกบ สู่กระดูกสันหลังขึ้นสู่ท้ายทอย ผ่านหลังไปสุดที่กระหม่อม พลังหยิน-หยาง ไหลวนเป็นวงกลมครบวงจรเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าสถิตให้กับร่างกายมนุษย์ทุกคน


    ในอดีตเหล่านักพรต ที่มุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุความเป็นเซียน ต้องฝึกวิชากำลังภายในที่ล้วนต้องเริ่มต้นด้วยการ ฝึกการหายใจเข้า-ออก เพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดการหมุนเวียนลมปราณเหมือนสายพานวิ่งจากด้านหน้ากลับขึ้นสู่ด้านหลัง

    เมื่อใดที่ร่างกายจิตใจสมดุลที่สุด จิตวิญญาณที่ละเอียดก็สามารถเหนี่ยวนำพลังงานต่างๆไหลผ่านตัวหรือสื่อสารกันได้ทันที โดยมี"สนามแม่เหล็กโลก" อยู่ตรงกลาง เพื่อชี้ทิศทางของพลังงานต่างๆ จากดวงอาทิตย์ ดวงดาวบนท้องฟ้า จากทุกๆจุดทุกๆดวงสัมพันธ์กัน และยังมี"ดาวหาง"ทำหน้าที่เป็นสื่อนำ"พลังประจุ หยิน-หยาง"มาถ่ายเทให้ตามวงโคจรอีกด้วย




    ร่างกายของมนุษย์ถูกออกแบบโดยธรรมชาติ
    มนุษย์บนโลกนี้มิใช่เหตุบังเอิญ ไม่ว่าจะเป็นหญิง เป็นชายเราต่างเป็นผลิตผลของการแปรรูปพลังงาน แต่หญิงนั้นเป็นผลิตภัณฑ์รุ่นล่าสุด พัฒนาสูงกว่าชาย 1รุ่น

    ฟันของมนุษย์ถูกถอดแบบมาจากวงแหวนสนามแม่เหล็กโลก (Van allen Belt) ที่มีประจุขั้วบวก-ลบ วิ่งสัมพันธ์เชื่อมโยงกัน เป็นต้นแบบฟันในปากของมนุษย์ ซึ่งมีฟัน 32 ซี่ บน 16 ล่าง16 ดั่งเครื่องยนต์ 32 วาวล์ การถอนฟันซี่ใดซี่หนึ่งออกเป็นการทำลายระบบกระแสแม่เหล็กทั้งระบบ ทำให้เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มสูบ


    โครงกระดูกเราถูกกำหนดโดยสภาวะสนามแม่เหล็กโลก (magnetosphere) กับแรงลมสุริยะ (Solar wind) ประกอบกับแรงเหวี่ยงหมุนออกจากศูนย์กลางแก่นโลกที่หมุนรอบตัวเอง ก่อรวมตัวกับมวลสารโลหะธาตุลึกใต้ศูนย์กลางแก่นของโลก

    ดวงตาของเรา ถอดแบบมาสภาวะของแสงดวงอาทิตย์ ทุกครั้งที่เราหลับตาภาพปรากฎในหนังตาใน ก็คือ ระบบสภาวะของดวงอาทิตย์ต้นแบบ

    ระบบมดลูกมารดาถอดแบบมาจากสนามแม่เหล็กโลกเช่นกัน มนุษย์อยู่ในครรภ์มารดา 280 วันจนคลอด จากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวคือ ตัวอสุจิ มนุษย์ได้ย่อระยะเวลาลงเท่ากับเวลาวิวัฒนาการในอดีต 1 วันในครรภ์=10 ล้านปีบนโลก เป็นผลจากธรรมชาติที่ย่อส่วน และบรรจุข้อมูลพื้นฐานของการแปรรูปทุกขั้นตอน (โอกาสของมนุษย์ที่จะกลับคืนสู่สวรรค์ชั้นสูงสุดนับว่ายากมาก หนึ่งในร้อยล้าน ยากพอๆกับอสุจินับล้านที่จะผ่านเข้าสู่มดลูกเพื่อปฎิสนธิเพียงหนึ่งเดียว)

    "ธรรมชาติ" ได้ให้อุปกรณ์สำคัญที่สุดกับมนุษย์ก็คือ "สมอง" ด้วยระบบสมองนี้เราสามารถพัฒนาสติปัญญาขณะอยู่บนโลก ให้เข้าใจต้นกำเนิดที่แท้ของเรา ที่สิ่งมีชีวิตอื่นๆไม่สามารถทำหรือศึกษาได้


    มนุษย์เท่านั้นที่มีมันสมองสูงสุดที่ค้นหาคำตอบ และเข้าใจที่มาที่ไปของตนเอง ซึ่งเป็นภาระกิจสูงสุดเพื่อหาคำตอบให้กับชีวิต เพื่อจะได้เข้าใจรู้แจ้งในเจตนารมณ์ของการได้เกิดเป็นมนุษย์
     
  13. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เอกภพและจักรวาล ท้องฟ้า ความมืด ความว่าง ล้วนเป็นที่มาของเรา
    เป็นต้นตระกูลแห่งคลื่นความถี่ คือผู้กำหนดต้นแบบของคลื่นจิต คลื่นสมอง และคลื่นจิตวิญญาณ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยร่างกายทำให้เรามีองค์ประกอบบริบูรณ์ในความเป็นมนุษย์

    แต่เดิมเมื่อเรายังเป็น"พลังงาน"อยู่บนท้องฟ้านั้น คลื่นกระแสความถี่ทุกระดับ ล้วนบริสุทธิ์ ไร้ข้อมูล ไร้เนื้อหา ไร้การบันทึกรหัส มีคุณสมบัติเป็นกลาง ไร้ดี-ไร้ชั่ว ไร้ชื่อ ไร้สังกัด ไร้พรมแดน...

    ต่อเมื่อเริ่มจุติเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายในวินาทีแรก ของการปฎิสนธิ คลื่นไร้สังกัดนี้เริ่มจุติร่วมกับปัจจัยของการเกิด พัฒนาตนเองหมุนย้อนกลับ นับหนึ่งใหม่ทันที นี่คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางโคจรเข้าสู่ความเป็น"คน" กลายเป็นที่มาแห่งวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตรูปแบบหนึ่งขึ้นมา

    ร่างกายเราได้รับโครงสร้างโดยปฎิกริยาของสนามแม่เหล็กบรรจบกับลมสุริยะบนท้องฟ้า ทำให้สัดส่วนร่างกายเราได้ 1:7 ความกว้างต่อความสูง หรือขนาดฝ่าเท้า 1คูณ 7 เท่ากับความสูงของคนเรา

    เราได้รับอิทธิพลจากดวงจันทร์ ด้วยแรงดึงดูดต่อระบบหมุนเวียนโลหิต และเหนือขึ้นไปเราได้รับอิทธิพลของดาวนพเคราะห์ทั้งหมดในระบบสุริยะจักวาลโดยเป็นปัจจัยกำหนดสภาวะรูปแบบของจิตใจ และวงโคจรของดวงดวงต่างๆ เป็นผู้กำหนดรหัสเซลล์ประจำตัว DNA ของแต่ละคน ตามวัน เดือน ปีเกิด เพราะ "ดาวต่างๆทำมุมองศา" ทำให้เกิดคุณสมบัติของสนามแม่เหล็กเฉพาะตัวขึ้น

    จากนั้นเรายังได้รับอิทธิพลจาดดวงอาทิตย์ในรูปของกระแสแม่เหล็กจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ประจำปีเกิด ที่กำหนดคลื่นความถี่ลงในธาตุ ในลักษณะของจุดเด่น พรสวรรค์ต่างๆ ตามลักษณะราศี ที่โหราศาสตร์เรียกกล่าว

    พลังที่ละเอียดเหนือสุริยะจักรวาลขึ้นไปเป็นพลัง รังสีคอสมิก ซึ่งละเอียดมากที่สุดเป็นรังสีที่กำหนดระบบจุดพลังในร่างกาย เป็นผู้วางโครงร่างของวงจรประจุแม่เหล็กไฟฟ้า ในอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ตับไต กระเพาะ หัวใจ กล้ามเนื้อต่างๆ (สัมพันธ์กับจักระทั้ง 7 ในร่างกาย)

    สรรพสิ่งบนท้องฟ้า ต่างล้วนแฝงจุติรวมอยู่ในกาย ฉะนั้น เมื่อเวลาขากลับ คลื่นกระแสจิตวิญญาณควรจะกลับไปในสภาวะบริสุทธิ์อีกครั้งเช่นกัน แหล่งพลังงานบนท้องฟ้าที่กระจายลงมาสู่มนุษย์บนโลก เราเรียกว่าเป็นพลัง "หยิน" หรือสภาวะไร้รูป พลัง หยิน-หยาง ทำงานเป็นคู่และสมดุลกันเสมอ
    (ปรัญญาสำคัญของจีน รูปร่างเป็นพลัง "หยาง" พลังหล่อเลี้ยงเป็น "หยิน")



    [​IMG]



    ภาพนี้เป็นภาพ แรงดันของลมสุริยะ (Solar Wind) กระทำต่อสนามแม่เหล็กโลก (Magnetosphere)
    พร้อมกับแรงหมุนรอบตัวเองของโลก จะได้สัดส่วนราว 1:7 พอดี (ส่วนหัว 1ส่วน ส่วนลำตัวอีก 7 ส่วน)
    เหมือนรูปร่างมนุษย์ทีเดียวเชียวครับ.. มนุษย์ : คือผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ 100%
    ตอนที่เรามาเกิดก็พุ่งหัวลงมาสู่ในครรภ์มารดา




    ถ้าเป็นดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ โครงสร้างแบบนี้ก็จะแตกต่างออกไปอีก ยกตัวอย่างเช่นที่ "ดาวพฤหัส" เมื่อใดที่พลังสนามแม่เหล็กแรงเท่ากับ Solar Wind หรือ เท่ากับ 1:1เมื่อนั้นรูปร่างเรา ก็จะเป็นคล้ายรูปสัตว์เลี้อยคลานสี่เท้า แบบรูปข้างล่างนี้ล่ะครับ! ถ้ามีสิ่งมีชีวิตคาดว่าอยู่อาจจะมีรูปร่างเช่นนั้น

    สำหรับดาวพุธ (Mercury) ก็จะมีลักษณะคล้ายแมลงทับ แมลงสาบ บางข้อมูลทราบว่า ดางจันทร์จะบอกความสมดุลตามธรรมชาติแห่งการกำเนิดด้วย เช่นดาวดวงใดมีบริวารดวงจันทร์มากหรือน้อย สิ่งมีชีวิตนั้นๆจะมีลูกเท่านั้น เช่นโลก จะมีลูกหรือบริวารเพียงหนึ่งเดียว ดาวบางดวงสิ่งมีชีวิตด้อยพัฒนาจะมีลูกหลายๆตัวพร้อมกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 มิถุนายน 2009
  14. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    เริ่มต้นที่ ดาวพูลโต (Pluto) เป็นด่านแรกที่พลังปฐมภูมิละเอียด (Cosmic Ray)จากภายนอกรวมตัวเข้ามาจุติเป็นรูปมวลสาร เปรียบดังปลั๊กไฟที่เสียบออกมาจากต้นกำเนิด กระแสจะถูกส่งเข้าด้านในโคจรเข้าวงในสู่..

    ดาวเนปจูน (Neptune) ทำให้พลังโคจรกระเถิบเข้าเข้าหาศูนย์กลางมากขึ้น และอัดกระแสแม่เหล็กเพิ่มขึ้นสู่ ดาวยูเรนัส (Uranus) แนวโคจรบีบตัวยิ่งขึ้น

    กระแสโคจรผ่านเข้าสู่ ดาวเสาร์ (Saturn) รูปร่างดาวเสาร์มีวงแหวนจากอิทธิพลการดูด กลั่นกรองสะเก็ดสนามแม่เหล็ก ให้มีความถี่ละเอียดและสมดุลขึ้น

    จากนั้นกระแสแม่เหล็กขาผ่านเข้าสู่ ดาวพฤหัส (Jupitor) ซึ่งเป็นส่วนกลั่นกรอง มีดวงจันทร์บริวารมากมายที่โคจร ผลจากการกรองส่วนเกินนี้ จึงปรากฎเป็นรูปวงแหวนอ่อนๆ รอบดาวพฤหัส ถัดมาเป็นแนวดาวเคราะห์น้อย (Asteroid Belt) ด่านนี้เป็นดังตะแกรงกรองเศษมวลสารอีกครั้ง

    ดาวเคราะที่อยู่บริเวณนี้จะสลัดดวงจันทร์บริวารที่อ่อนแอออกไป ดาวอังคาร (Mars) อยู่ในบริเวณนี้ ถัดจากแนวนี้จะบังคับให้วงโคจร ได้แนวระนาบราบเรียบมากขึ้น กระแสแม่เหล็ก 2 มิติ แปรเปลี่ยนเป็นกระแสแม่เหล็ก 3มิติ

    เมื่อกระแสเหล่านั้นมาถึง"
    โลก"ก็จะได้ความสมดุลของ หยิน-หยาง พอเหมาะพอดี (7:1) โลกเราจึงมีบรรยากาศและสภาวะที่ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตได้ มีปัจจัยเอื้อให้ได้รับพลังหยิน(ขาเข้า) และพลังหยาง(ขาออก)จากศูนย์กลางคือดวงอาทิตย์ โดยมี"ดวงจันทร์"เป็นตัวถ่วงดุลปรับพลัง หยิน-หยาง ไม่ให้กระแสเข้ามากเกิน

    ดาวศุกร์และดาวพุธ เป็นคลังเชื้อเพลิงช่วยเสริมเติมพลังเร่ง ระบบการเผาไหม้ (Combustion) ขั้นสุดท้าย ที่มี"ดวงอาทิตย์"เป็นเตาใหญ่สันดาป ดวงอาทิตย์จึงทำงานสองหน้าที่ เป็นทั้งผู้รับพลังขาเข้า และแปรรูปเป็นพลังขาออก แผ่รังสี (Radiation) 7ระดับ (Fision) กลับกระจายไปหล่อเลี้ยงระบบสุริยะอีกครั้ง ในแง่วิทยาศาสตร์

    ดาวหางคือ ตัวอิเลคตรอน (Electron) ที่โคจรรอบนอกรวมพลังสะสมแปรรูปสู่ดาวเคราะห์ต่างๆ ส่งเสริมกัน เพื่อการดำรงอยู่โดยขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้

    ในอนาคตอันใกล้นี้โลกก็จะโคจรเคลื่อนตัวเข้าสู่พลังงานระบบใหม่ทำให้ดุลหยิน-หยาง มากเกินพอดี สรรพสิ่งก็จะแปรเปลี่ยนไปตามวาระ
     
  15. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    หยินและหยาง: พลังแห่งชีวิตและจักรวาล
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ลัทธิเต๋า ([FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]道教)[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เป็น[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ลัทธิ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]และ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ศาสนา[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ที่เกี่ยวข้องกับการมีชีวิตอยู่กับ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ธรรมชาติ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] โดยคำว่า เต๋า แปลว่า "หนทาง" ไม่สามารถที่จะรู้จากอักษรและชื่อ ถ่ายทอดไม่ได้[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เล่าจื๊อ[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เป็นบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่ได้เขียนข้อความสื่อถึงเต๋าในชื่อหนังสือว่า [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เต๋าเต็กเก็ง[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] (Tao Te Ching) (道德經)[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]หยินหยาง ยังมีชื่อเรียกอีกว่า คติทวินิยม, พุท, อัว หมายถึง ธรรมชาติที่เป็นของคู่ตรงกันข้าม ,สิ่งที่เป็นของคู่ [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ของคู่อันพึ่งทำลาย ของคู่อันทำให้สมดุล[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ธรรมชาติประกอบด้วยของคู่[/FONT]
    1. [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]หยาง คือพลังบวกมีลักษณะสีแดง เป็นพลังเพศชาย พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความอบอุ่น สว่างไสว มั่นคง สดใส เช่น ดวงอาทิตย์ ไฟ ฯลฯ [/FONT]
    2. [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]หยิน คือพลังลบ มีลักษณะสีดำ เป็นพลังเพศหญิง พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความหนาวเย็น ความมืด อ่อนนุ่ม ชื้นแฉะ ลึกลับ และเปลี่ยนแปลง เช่น เงามืด น้ำ ฯลฯ [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เอกภพเกิดขึ้นโดยมีหยินและหยาง จากการปะทะกันของสองสิ่งนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็อุบัติขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างมีพลังทั้งสองนี้ทั้งนั้น บางครั้งหยินอาจมีพลังแข็งแรง แต่บางครั้ง หยาง ก็มีพลังมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น ท่อนไม้ ตามปกติเป็นหยิน แต่เมื่อโยนเข้าไปในกองไฟ ก็เปลี่ยนรูปเป็นหยางไป ในชีวิตหยินและหยางก่อให้เกิดความล้มเหลวและความสำเร็จเป็นต้น เช่นเดียวกัน หยางและหยินไม่ใช่เป็นตัวแทนของความดีและความชั่ว แต่ทั้งสองนี้มีความจำเป็นต่อกฏเกณฑ์และระเบียบของเอกภพ ทั้งสองนี้ไม่ใช่อยู่ในภาวะปะทะกันตลอดเวลา แต่ยามใดมีความสามัคคีกัน ทั้งสองอย่างนี้ก็เป็นสิ่งดีด้วยกัน[/FONT]


    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ความคิดในเรื่องแบบแผนแห่งการหมุนวนของเต๋า ได้ถูกกำหนดเป็นโครงสร้างที่แน่นอนโดยการเสนอว่ามีขั้วตรงกันข้ามสองอันคือ หยิน กับ หยัง เป็นขั้วซึ่งกำหนดขอบเขตของวงเวียนแห่งการเปลี่ยนแปลง [/FONT]
    <TABLE class=MsoNormalTable style="BACKGROUND: #fffff5; WIDTH: 85%; BORDER-COLLAPSE: collapse; mso-padding-alt: 0cm 0cm 0cm 0cm" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="85%" border=0><TBODY><TR style="mso-yfti-irow: 0; mso-yfti-firstrow: yes; mso-yfti-lastrow: yes"><TD style="BORDER-RIGHT: maroon 1.5pt solid; PADDING-RIGHT: 5.4pt; BORDER-TOP: maroon 1.5pt solid; PADDING-LEFT: 5.4pt; PADDING-BOTTOM: 0cm; BORDER-LEFT: maroon 1.5pt solid; WIDTH: 100%; PADDING-TOP: 0cm; BORDER-BOTTOM: maroon 1.5pt solid; BACKGROUND-COLOR: transparent" vAlign=top width="100%">
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เมื่อหยังถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยิน [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เมื่อหยินถึงจุดสูงสุดก็ต้องถอยให้กับหยัง [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ในทัศนะแบบจีน สิ่งปรากฏแสดงทั้งมวลของเต๋ามาจากการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงของแรงแห่งขั้วทั้งสอง ความคิดนี้เป็นความคิดที่เก่ามาก และชนหลายรุ่นได้ถือเอาสัญลักษณ์แห่งหยิน หยังจนกระทั่งมันกลายเป็นความคิดพื้นฐานของจีน ความหมายเดิมของคำว่าหยินและหยัง คือส่วนที่เป็นเงาและส่วนที่ต้องแสงแดดของภูเขา ซึ่งแสดงความสัมพันธ์ของความคิดทั้งสองได้เป็นอย่างดี สิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างเรียกว่า เต๋า [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]นับแต่ยุคแรกสุด ขั้วทั้งสองของธรรมชาติไม่เพียงแต่แทนความสว่างและความมืดเท่านั้น แต่ยังแทนด้วยความเป็นชายและความเป็นหญิง แข็งและอ่อนข้างบนและข้างล่าง หยังส่วนที่เป็นความเข้มแข็ง ความเป็นชาย พลังสร้างสรรค์นั่นคือฟ้า ในขณะที่หยินส่วนที่เป็นความมืด ความอ่อนโยน ความเป็นหญิงและความเป็นแม่นั่นคือดิน ฟ้าอยู่เบื้องบนและเต็มไปด้วยความเคลื่อนไหว ดิน ในทัศนะเดิม อยู่เบื้องล่างและสงบนิ่ง ดังนั้นหยังแทนความเคลื่อนไหวและหยินแทนการสงบนิ่งในเรื่องของความคิดหยินคือจิตใจที่ซับซ้อนแบบหญิงเป็นไปในทางญาณปัญญา หยังคือจิตใจที่ชัดเจนมีเหตุมีผลอย่างชาย หยินคือความเงียบนิ่งอย่างสงบของปราชญ์ หยังคือการกระทำที่สร้างสรรค์อย่างมีพลังของจักรพรรดิ [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ลักษณะการเคลื่อนไหวของหยินและหยัง ถูกแสดงด้วยสัญลักษณ์ของจีนโบราณที่เรียกว่า ไท้ จิ ถู หรือ “แผนผังแสดงสัจธรรมสูงสุด” แผนผังนี้แสดงสมมาตรระหว่างส่วนที่มืดคือหยินกับส่วนที่สว่างคือหยัง ทว่ามิใช่สมมาตรที่อยู่นิ่ง แต่เป็นสมมาตรแห่งการหมุนวนอันเปี่ยมไปด้วยพลัง [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][/FONT]​
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif][​IMG][​IMG][​IMG][/FONT]​

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]เมื่อหยังหมุนกลับสู่จุดเริ่มต้น หยินก็เป็นใหญ่ แล้วก็หมุนไปสู่หยังอีก [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]จุดสองจุดในแผงผังแทนความคิดที่ว่า เมื่อใดที่แรงหนึ่งแรงใดถึงจุดสูงสุดในตัวมันขณะนั้นก็มีพืชพันธ์ของสิ่งตรงข้ามอยู่ด้วยแล้ว [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]คู่ของหยินและหยังเป็นเสมือนอุปรากรที่เปิดแสดงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทรกซึมอยู่ในวัฒนธรรมของจีน และเป็นสิ่งกำหนดลักษณะทั้งมวลของวิถีตามแบบจีน จางจื้อกล่าวว่า “ชีวิตคือการผสมผสานอย่างกลมกลืนของหยินและหยัง” เนื่องจากเป็นประเทศเกษตรกรรมชาวจีนจึงคุ้นเคยกับการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล การเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและปรากฎการณ์แห่งการเจริญเติบโตและการเสื่อมสลายของธรรมชาติฝ่ายอินทรียวัตถุจึงถือได้ว่าเป็นการแสดงที่ชัดเจนของการขับเคี่ยวระหว่างหยินกับหยัง ระหว่างฤดูหนาวที่มืดและเยือกเย็นกับฤดูร้อนที่สว่างและร้อนแรง การขับเคี่ยวในฤดูกาลของขั้วต่างทั้งสอง สะท้อนออกมาในอาหารที่รับประทานซึ่งจะมีทั้งหยินและหยางในทัศนะของชาวจีนแล้ว อาหารที่มีคุณค่าต้องประกอบด้วยหยินและหยางในสัดส่วนที่สมดุลกัน [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif] การประทะกันของหยินและหยาง [/FONT]

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]การแพทย์แผนโบราณของจีนก็เช่นกัน ตั้งอยู่บนรากฐานแห่งความสมดุลระหว่างหยินและหยังในร่างกายของมนุษย์ ความเจ็บไข้ใด ๆ เกิดจากสมดุลนี้เสียไป ร่างกายถูกแบ่งเป็นส่วนหยินและหยาง กล่าวรวม ๆ ว่าภายในร่างกายคือหยาง ผิวนอกร่างกายคือหยิน ด้านหลังคือหยัง ด้านหน้าคือหยิน อวัยวะต่าง ๆ ก็มีทั้งที่เป็นหยินและหยาง ความสมดุลระหว่างส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ถูกหล่อเลี้ยงอยู่ด้วยการเลื่อนไหลของ ฉี้ หรือพลังงานแห่งชีวิต [/FONT]
    [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ในทัศนะของชาวจีน มีน้อยเกินไป ดีกว่า มีมากเกินไป ไม่ได้ทำ ดีกว่า ทำมากเกินไป เพราะแม้ว่าถึงเราจะไม่ก้าวหน้าไปไกลแต่ก็แน่ใจได้ว่าเราจะไปถูกทาง เปรียบกับชายผู้ปรารถนาจะไปให้ไกลสุดทางตะวันออก ท้ายที่สุดจะกลับไปทางตะวันตก หรือผู้ปรารถนาจะสะสมเงินมาก ๆ เพื่อให้ตนเองร่ำรวย ท้ายสุดจะต้องกลับมาเป็นคนจน การที่สังคมอุตสาหกรรมสมัยใหม่กำลังพยายามอย่างต่อเนื่องในการเพิ่ม “มาตรฐานการครองชีพ” จึงทำให้คุณภาพของชีวิตของสมาชิกในสังคมนั้น ๆ ลดลง นับเป็นภาพที่แสดงปัญญาของจีนโบราณดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
    [/FONT]
     
  16. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD>พลังที่มีอำนาจมากที่สุดในจักรวาล


    [​IMG]




    โดย - อ. ดร. บุญเลิศ สายสนิท A.M.D., M.H.A., P.M.T., C.Ht
    ถ้าผมเอ่ยนามชาวต่างชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลกท่านหนึ่งขึ้นมา ท่านจะรู้จักทันที แต่ท่านรู้จักเพียงแต่ชื่อและเห็นภาพท่านเท่านั้น เพราะท่านเสียชีวิตไปนานแล้ว ท่านผู้นี้คือ อัลเบิร์ท ไอสไตน์ (Albert Einstein) ท่านกล่าวว่า “จินตนาการเป็นพลังอำนาจสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาล” (Imagination is the greatest creative force in the universe) ทำไมนักวิทยาศาตร์ท่านนี้จึงกล่าวเช่นนี้ ขอให้เรามาดูคำพูดที่ว่า “พลังอำนาจสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” กับคำว่า “จินตนาการ” ทำไมท่านไม่กล่าวถึง การศึกษา หรือ เงิน หรือ โชควาสนา
    นักเขียนหรือนักประพันธ์ผู้มีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่อีกผู้หนึ่ง ซึ่งเป็นผู้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งขื่อว่า “คิดแล้วร่ำรวย” (Think and Grow Rich) เป็นหนังสือที่ขายดีอันดับหนึ่งของโลก ท่านกล่าวว่า “จินตนาการเป็นพลังอำนาจที่น่าพิศวงมหัศจรรย์อย่างประหลาดที่สุดที่โลกเคยรู้จัก” ท่านผู้ที่กล่าวถ้อยคำนี้ก็คือ นโปเลียน ฮิล (Napoleon Hill) ท่านผู้นี้เคยเป็นที่ปรึกษาแก่ประธานาธิบดีของสหรัฐถึง 2 ท่านด้วยกัน เป็นผู้ที่ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ของท่านคือ แอนดรู คาร์เนกี (Andrew Carnegie) ซึ่งเป็นผู้สอนคนให้รู้วิธีที่จะมั่งคั่งร่ำรวยและสานความฝันให้เป็นความจริง มีบุคคลสำคัญ บุคคลที่ยิ่งใหญ่ทั่วโลกได้ขอบคุณเขา ช่วยพวกเขาได้วิธีคิดที่พัฒนาศักยภาพเขาให้ร่ำรวยได้อย่างสมความปรารถนา ท่านยังได้ช่วยบุคคลเหล่านี้ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันกับ วู๊ดโรว์ วิลสัน (อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ) จอร์จ อีสท์แมน (ผู้ก่อตั้งบริษัทโกดัก) และมีผู้อื่นอีกมากที่ได้ประสบความสำเร็จจากคำสอนของท่าน
    การจินตนาการเป็นพลังอำนาจที่สามารถนำพาท่านไปพบเห็นสถานที่หรือสิ่งต่าง ๆ ที่ท่านยังไม่เคยเห็นและยังไม่เคยไปมาก่อนเลย
    เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry Ford) มีความไว้วางใจในเรื่อง การจินตนาการและความเชื่อ และ วอลท์ ดิสนี่ย์ (Walt Disney) กล่าวว่า ถ้าเขาไม่ได้เห็นภาพ ดิสนี่แลนด์ ในจิตของเขา บุคคลอื่น ๆ ในโลกนี้ก็คงไม่ได้เห็นดิสนี่แลนด์ (Disneyland) ด้วยเช่นกัน แม้แต่ บิลล์ เกทส์ (Bill Gates) ก็ใช้ การจินตนาการ ต่อสินค้าที่เขาผลิตขึ้นมา บุคคลที่ประสบความสำเร็จส่วนมากแล้วล้วนมีจินตนาการที่แจ่มชัดทำให้ความฝันของเขาเป็นความจริงขึ้นมาได้อย่างอัศจรรย์
    จักรวาลจะช่วยให้ท่านได้รับประสบการณ์ดังจินตนาการของท่านไม่ว่าสิ่งนั้น ๆ จะเป็นอะไร
    ดังคำปราชญ์กล่าวไว้ว่า “บุคคลใดคิดเช่นใด ก็จะได้และเป็นเช่นนั้น” ชีวิตของเรามักจะเป็นไปตามจิตที่คิด หรือเป็นไปตามจิตที่สร้างภาพขึ้นให้เห็นวิธีดำเนินชีวิต การเรียน การทำงานหรือการทำธุรกิจ ซึ่งจะเป็นไปตามความคิดหรือจินตนาการของเราทั้งสิ้น
    ประสบการณ์จากความคิดของท่านเองจะเป็นเครื่องชี้บอกว่า สิ่งใดที่ควรจะเลือกรับไว้ และสิ่งใดที่ควรจะละเว้นและขจัดตัดออกไป ท่านรู้ได้ด้วยตัวของท่านเอง ตามความเป็นจริงแล้ว ในอดีตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาด ความสูญเสีย ความผิดหวัง และความล้มเหลว ล้วนแล้วตัวของเราเองเป็นผู้เลือกรับเลือกทำและเลือกมีเองทั้งสิ้น เราจะไปโทษใครไม่ได้ ตรงกันข้าม อดีตที่ท่านสมหวัง ประสบความสำเร็จ ก็เป็นเพราะท่านเลือกเองทั้งสิ้นด้วยเช่นกัน
    ความคิด ภาพนิมิตรและความฝันของท่าน ไม่ว่าจะเป็นอะไรหรือสิ่งใด ๆ พอจะเป็นการพยากรณ์ได้ว่า ท่านจะมี จะได้ จะเป็น สักวันหนึ่งในอนาคตอย่างแน่นอน พฤติกรรมของความคิด และการกระทำของท่าน ในปัจจุบัน เป็นสิ่งบ่งบอกถึงสิ่งที่ท่านจะประสบในอนาตตอย่างแน่นอน
    มีหลายสิ่งมากมายที่มีอิทธิพลต่อความคิดและการจินตนาการของท่าน - ความกลัวในอดีต ความประหม่าตื่นเต้น การขาดความรู้ความเข้าใจชีวิตของตนเองและผู้อื่น ขาดการตั้งเป้าหมายในชีวิต ต่อไปนี้ ให้ท่านปรับเปลี่ยนความคิด ปรับเปลี่ยนจินตนาการ ปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต โดยหยุดพฤติกรรมใด ๆ ที่ทำให้ผิดพลาด ทำให้ผิดหวัง ทำให้ล้มเหลว และทำให้สูญเสีย มาสร้างจินตนาการ การดำเนินชีวิตเสียใหม่ สลัดทิ้งพฤติกรรมเก่า ๆ ที่ล้วนแต่ไม่ดีทั้งหลายให้หมดสิ้นไป เริ่มคิดใหม่ คิดบวก คิดดี คิดสร้างสรรค์ คิดพัฒนาตนให้เป็นผู้รักความเจริญก้าวหน้า มุ่งทำงานหรือธุรกิจที่ตนเองชอบและรัก ด้วยความขยันหมั่นเพียร ด้วยความอดทน ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หยุด ทำตามแผนการณ์หรือแผนงานของเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ต้องก้าวไปให้ถึงหลักชัยแห่งความสำเร็จให้ได้ โดยปราศจากความย่อท้อ การผลัดวันประกันพรุ่ง โดยคิดถึงด้วยความขยันหมั่นเพียร ด้วยความอดทน ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่หยุด ทำตามแผนการณ์หรือแผนงานของเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ ต้องก้าวไปให้ถึงหลักชัยแห่งความสำเร็จให้ได้ โดยปราศจากความย่อท้อ ไม่ผลัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    สมาธิของพลังจักรวาล

    เป็นการปฎิบัติเพื่อช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว ประเทศชาติ มนุษยชาติ และสรรพสิ่ง

    การฝึกสมาธิแบบพลังจักรวาลสำหรับระดับ 1 , 2 และ 3

    1. ที่ใดก็ได้ ท่าไหนไม่กำหนด
    2. สูดลมหายใจสั้น เข้าทางจมูก และพ่นออกยาวทางปาก ทำ 3 ครั้ง
    3. หลับตา
    4. ให้จักระ 6 เคลื่อนที่มารวมอยู่ที่ จักระ 7
    5. นิ่งไว้ไม่คิดเรื่องใดใด เป็นเวลา 5 นาที
    6. ครบ 5 นาที ให้ลืมตา แล้วสูดสั้นพ่นยาว อีก 3 ครั้ง

    แต่ละวันทำกี่ครั้งก็ได้ ในแต่ละครั้ง 5 นาทีก็เพียงพอจะทำให้มีพลัง สดชื่น แข็งแรง ปลอดโปร่ง และทำให้นอนหลับง่าย

    หากวันไหนปัญหาในชีวิตประจำวันมาก สมาธิแบบสบายสบายโดยไม่คาดหวังอะไรจะช่วยได้มาก ถ้ารู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว หรือพลังเข้ามามาก ให้สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้ง เพื่อปรับสมดุลของร่างกาย

    สมาธิเพื่อหมุนจักระสำหรับระดับ 4

    1. ให้ผู้ฝึกลืมตา
    2. ใช้จักระ 6 ซึ่งเป็นตาที่ 3 ไปหมุนจักร 7 , 5 , 4 , 3 และ 2 ทีละจักระ หรือพร้อมกันก็ได้
    3. เมื่อเกิดความรู้สึกที่จักระ ไม่ว่าจะ หมุน , ตึง ,โล่ง , โปร่ง ,ตุ๊บๆ หรืออื่นๆ ที่จักระ แสดงว่าจักระได้ทำงานแล้ว

    สมาธิเพื่อส่งพลังรักษาโรค

    1. เมื่อทราบโรค อาการ และตำแหน่งของโรคแล้ว ให้อธิษฐานถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ศาสดา ที่นับถือ หรือเบื้องบน หรือ อาจารย์ใหญ่ เลืองมินด๋าง ให้มาช่วยให้พลังแด่คนป่วยให้ปรับสมดุลให้เป็นปกติ

    2. สมาธิลืมตาให้จักระ 6 เคลื่อนที่มารวมอยู่ที่ จักระ 7

    3. วางมือเบาๆ ในบริเวณที่เจ็บป่วย และที่จักระที่เกี่ยวข้องด้วย ความระมัดระวัง สุภาพอ่อนโยน และมีจิตเมตตาให้ผู้ป่วยพ้นทุกข์โดยมิได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ
    สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้ง ใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ถ้ารู้สึกร้อนที่มือ มีพลังตีกลับ ให้หยุด ถือว่าเพียงพอแล้ว
    จากนั้นย้ายมือไปที่จุดอื่นถ้ามี
    ถ้ามีเวลาเหลือให้ฟอกเลือดโดยแตะด้วยปลายนิ้ว 3นิ้ว 1 นาทีไม่ต้องสูดสั้นพ่นยาว

    4. ส่งพลังรักษาโรคได้ ไม่เกิน 5 นาที ต่อคนต่อวัน ยกเว้นฉุกเฉิน

    ข้อควรปฎิบัติในขณะช่วยเหลือผู้อื่น


    1. ไม่ดื่มเหล้า หรือรู้สึกมึนเมา ขณะทำการรักษา
    2. ให้ล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
    3. ไม่ห้าม หรือ ขัดขวาง หรือแสดงความไม่เห็นด้วย หากคนป่วยที่มาขอให้ช่วย จะรักษาโรคควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน การส่งพลังจักรวาลเป็นแพทย์ทางเลีอกแขนงหนึ่ง
    4. ให้สุภาพมีมารยาท อ่อนน้อม ถ่อมตน ปฎิบัติตัวเรียบง่าย
    5. มีจิตเมตตาช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ

    ตัวอย่างการรักษาโรค

    ปวดในที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ ข้อ กระดูก

    วางมือบริเวณที่เจ็บป่วย และที่จักระ7สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ถ้ารู้สึกร้อนที่มือ มีพลังตีกลับ ให้หยุด ถือว่าเพียงพอแล้ว

    สะอึก

    วางมือบริเวณกลางหน้าอกลิ้นปี่ และที่จักระ5สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ถ้ารู้สึกร้อนที่มือมีพลังตีกลับ ให้หยุดถือว่าเพียงพอแล้ว

    ไทรอยด์

    วางมือครอบคอบริเวณต่อมไทรอยด์ และที่จักระ7สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ถ้ารู้สึกร้อนที่มือมีพลังตีกลับ ให้หยุด ถือว่าเพียงพอแล้ว จากนั้นฟอกเลือด 1 นาทีไม่ต้องสูดสั้นพ่นยาว

    ซีสต์จำนวนมากที่เต้านม

    วางมือบริเวณเต้านมทั้ง2ข้างสูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที ถ้ารู้สึกร้อนที่มือมีพลังตีกลับ ให้หยุด ถือว่าเพียงพอแล้ว ต่อไปวางมือที่จักระ7และฟอกเลือด สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 2 นาที
    ควรรักษาด้วยตัวเอง หรือ สามี

    ปวดประจำเดือน

    วางมือบริเวณท้องน้อย และที่จักระ2สูดสั้นพ่นยาว 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 2 นาทีถ้ารู้สึกร้อนที่มือมีพลังตีให้หยุด ถือว่าเพียงพอแล้ว ต่อไปฟอกเลือด1 นาที ไม่ต้อง สูดสั้นพ่นยาว

    การปรับฮอร์โมน

    ทำได้เมื่อได้รับการเปิดจักระร้อยเปอร์เซ็นแล้วเท่านั้น การปรับฮอร์โมนนี้สามารถทำได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชั่วชีวิต ดังนันจะต้องตั้งสมาธิให้แน่วแน่ การปรับฮอร์โมนจึงจะได้ผลดี การปรับฮอร์โมนเป็นการปรับสมดุลของร่างกาย

    วิธีการทำควรเลือกวันที่สบายๆ และอยู่บ้านได้ทั้งวัน ไม่ต้องมีภาระกิจมากนัก

    • ในตอนเช้าทานอาหารเบาๆเล็กน้อย ได้แก่ ขนมปัง 1-2 แผ่น
    • แล้วดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนครึ่งแก้ว และนมครึ่งแก้ว
    • กลางวัน , เย็น ไม่ต้องทานอาหารอะไร หากหิวก็ให้ดื่มน้ำแทน
    • บางคนอาจมีการถ่ายท้องหลายครั้งในวันนั้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ

    การลดสารพิษ

    เราสามารถลดสารพิษโดยหยิบช้อนและซ้อมสลับมือกัน ก่อนใช้ตักอาหาร แก้วน้ำดื่มก็เช่นกัน ให้ถือแก้วน้ำสลับมือก่อนดื่ม

    ความสามารถสัมผัสกับระดับของจิตวิญญาณ

    ความรู้สึกที่เกิดที่ จักระ 5 ถึงจักระ 7 แสดงถึงได้พบเจอ พลังของสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุด สามารถคุ้มครอง และช่วยเหลือเราได้

    ความรู้สึกที่เกิดที่ จักระ 3 ถึงจักระ 5 แสดงถึงได้พบเจอวิญญาณ ดี เช่น เทพอุปถัมภ์ นักบุญ บรรพบุรุษ

    ความรู้สึกที่เกิดที่ จักระ 3 ลงไปแสดงถึงได้พบเจอวิญญาณชั้นต่ำ วิญญาณที่ยังไม่ถึงฆาตวิญญาณเร่ร่อน

    เราสามารถช่วยเหลือเขาได้
    โดยอธิษฐานขอความช่วยเหลือจาก เบื้องบน หรือ วิญญาณของท่านอาจารย์ใหญ่ เลืองมินห์ด๋าง
    ขอให้มาช่วยนำจิตวิญญาณของเขาเหล่านี้ไปสู่แสงสว่าง
    เพื่อที่จะไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น
    แล้วให้พ่นลมออกจากปาก 3 ครั้งติดต่อกันโดยไม่สูดลมหายใจเข้า

    โรคจิตประสาทจริง


    หมายถึงการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นจริงจากจิต จากสิ่งแวดล้อมหรือสังคม หรืออาจเกิดจากอุบัติเหตุทางสมอง
    สามารถตรวจสอบได้ด้วยการใช้ปลายนิ้วของเราแตะที่ข้อมึอผู้ป่วย หากรู้สืกถืงการไหลย้อนกลับของพลังมาที่ศรีษะของเรา ในรูปแบบของการบีบรัดหรือวิงเวียน

    วีธีการรักษา จักระ7+ฟอกเลือด ( สูดสั้นพ้นยาว สามครั้ง)ไม่เกิน 2นาที

    การเจ็บปวดโรคจิตประสาทปลอม

    เกิดจากถูกผี หรือวิญญาณเข้าสิง หรือโดนเวทมนต์ คุณไสย์ หรือมนต์ดำ ซึ่งวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ไม่เข้าใจและไม่มีทางแก้ ผู้ป่วยมักมีการ อาละวาดดุร้าย และผิดปกติต่างๆ ความจำเสื่อม และฝันร้าย
    สามารถตรวจสอบได้ด้วยการใช้ปลายนิ้วของเราแตะที่ข้อมึอผู้ป่วย โดยเราจะมีอาการกระตุกเบาๆของกล้ามเนื้อหรือมีอาการคันมาทิ่งแทงเบาๆ จากจักระ3 ลงไปถึงปลายเท้า

    การรักษาใช้เวลา 2 วัน

    วันที่1 : ใช้มือแตะที่จักระ 5 และ 7พร้อมกันนาน 5นาที เป่าลมออกจากปากตนเองสามคร้ง โดยไม่หายใจเข้าไป
    วันที่2 : ให้คนไข้นั่นลง จับหัวแม่เท้าคนไข้ไว้สองข้างนาน 5 นาที เป่าลมออกจากปาก 3ครั้งโดยไม่หายใจเข้าไป

    จุดประสงค์ของการักษาทั้ง 2 วัน

    1. เพื่อขับวิญญาณแปลกปลอมออกไปจากผู้ป่วยเป็นการปลดปล่อยวิญญาณเหล่านั้นให้เป็นอิสระไ
    ปสู่ทางที่จะได้พัฒนาต่อไป
    2. เพื่อนำวิญญาณเดิมของผู้ป่วยกลับมา

    *หมายเหตุ หลังจากรักษาครบ 2 วัน คนป่วยควรจะกลับสู่ปกติ หากยังจับสัญญาณบริเวณจักระสาม 3 ลงไปได้อีกก็ไม่จำเป็นต้องรักษาซ้ำ

    เพียงแต่ให้ระลึกถึง เบื้องบน และหรือวิญญาณอาจารย์ใหญ่เลือง มินห์ ด๋าง (ใช้กระแสความคิดติดต่อท่าน) ขอให้มาช่วยนำจิตวิญญาณของเขาเหล่านี้ไปสู่แสงสว่าง เพื่อที่จะไปเกิดในภพภูมิที่สูงขึ้น *

    สมาธิติดต่ออาจารย์ด๋างสำหรับระดับ 5

    1 ท่าสบาย ทำจิตให้ นิ่ง สงบ ว่าง ขจัดความกลัว
    2 ลืมตาสมาธิหมุนจักระ สูดสั้น พ้นยาว 3 ครั้ง
    3 นึกถึง / คิดถึง / ภาวนา หรืออธิฐาน ให้อาจารย์ด๋าง ช่วยเหลือในเรื่อง..................... ไม่เกิน 30 วินาที

    3.1 การพัฒนาจิตวิญญาณ
    3.2 ขัดข้องวิธีการรักษาโรค
    3.3 แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ฉุกเฉินคิดไม่ออก “อาจารย์ด๋าง ช่วยด้วย” ( ออกเสียง)

    ถ้าตอบโดยตรง จะเกิดความคิด และแก้ไขปัญหาออกทันที

    ตอบทางอ้อม ท่านจะส่งพลังมา รู้จาก จักระ 5 , 6 และ 7 เมื่อจิตสงบ ตรึกตรอง จะมีความนึกคิด เป็นขบวนการได้กว้างขวาง แก้ไขปัญหาได้เสมอ หรือ จะรู้จากหลับฝัน หรือ มีคนมาบอก หรือ เปิดหนังสือเจอ ........................

     
  18. ป๋าปี๋ปู้

    ป๋าปี๋ปู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    164
    ค่าพลัง:
    +270
    ขอบคุณมากเลยค่ะ หิหิ เข้าใจขึ้นเยอะ
     
  19. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
  20. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870

แชร์หน้านี้

Loading...