1. บุตรพระแม่อนุตตรธรรม

    บุตรพระแม่อนุตตรธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    548
    ค่าพลัง:
    +428
    ถาม:ข้าพเจ้าเรียนอยู่นิสิตปีที่2 อาจารย์วิทยาศาสตร์วิชาพลังงานได้มาบอกในห้องตอนจะกลับว่า สวรรค์ นรกไม่มีจริงเป็นเรื่งสมมุติ ถ้าคิดว่ามีก็มี ถ้าไม่เชื่อก็ไม่มี สวรรค์จริงๆอยู่ในอก นรกอยู่ในใจ คนเมื่อตายวิญญาณจะดับสูญ ไม่มีพบต่อไป เมื่อข้าพเจ้าฟังสะเทือนใจเป็นอย่างมากและไม่มีข้อใดจะมาอ้างเขาได้เลย ผู้ใดรู้ว่าจะโต้เขาอย่างไร โปรดบอก
     
  2. iofeast

    iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,174
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ฝากบอกอาจารย์ท่านว่า "พวกที่ไม่เคยลงมือทำ ลงมือพิสูจน์ หรือทำอะไรฉาบฉวยนิดๆหน่อยๆ แล้วตะแบงว่า สิ่งนั้น สิ่งนี้ไม่มีจริง เป็นพวกโง่ในสัจจะธรรม พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของคนจริง ผู้ทำจริงย่อมได้เห็นของจริง ของมีอยู่จริงเห็นๆกันอยู่ ไม่มีปัญญาจะพิสูจน์ได้ ด้วยเป็นคนโง่ในสัจจะธรรม ยังจะเอาความโง่ไปแปดเปื้อนผู้อื่น....กว่าจะรู้ตัว ว่าภพภูมิเหล่านี้มีอยู่จริง ก็อาจจสายเกินไปแล้วจ๊ะ" หุ หุ หุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2009
  3. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ต้องชวนให้ดูดาวบ้าง ^-^
     
  4. atsnop

    atsnop สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    โลกหน้ามีจริงหรือไม่

    ปัญหา ปัญหาใหญ่ที่คนถกเถียงกันอยู่เสมอ ก็คือปัญหาที่ว่าโลกหน้าที่มนุษย์จะไปเกิดหลักจากตายแล้วมีจริงหรือไม่ ?

    ในเรื่องนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้อย่างไรบ้าง ?
    พุทธดำรัสตอบ “..... ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์สองพวกนั้น สมณพราหมณ์ที่มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่าทานที่ให้แล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วแล้วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี อุปปาติกสัตว์ไม่มี สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลกดังนี้ เป็นอันหวังข้อนี้ได้คือ จักเว้นกุศลธรรม ๓ ประการ นี้ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต จักสมาทานอกุศลธรรม ๓ ประการ นี้ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต แล้วประพฤติข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ไม่เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นคุณฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้าที่อยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่าไม่มีความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฐิ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขาดำริว่าโลกหน้าไม่มี ความดำริของเขานั้นเป็นมิจฉาสังกัปปะ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าวว่าโลกหน้าไม่มี วาจาของเขานั้นเป็นมิจฉาวาจา ผู้นี้ย่อมทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ ผู้รู้แจ้งโลกหน้า ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขายังให้ผู้อื่นเข้าใจว่า โลกหน้าไม่มี การให้ผู้อื่นเข้าใจของเขานั้นเป็นการให้เข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม และเขายังจะยกตนข่มผู้อื่น ด้วยการให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ไม่ขอบธรรมนั้นด้วย เขาละคุณคือ ความเป็นคนมีศีลแล้ว ตั้งไว้เฉพาะแต่ส่วนโทษ คือความเป็นคนทุศีลไว้ก่อนเทียว ด้วยประการฉะนี้ อกุศลธรรมอันลามกเป็นอเนกเหล่านี้ คือ มิจฉาทิฐิ มิฉาสังกัปปะมิจาวาจา ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยะ การให้ผู้อื่นเข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม การยกตน การข่มผู้อื่น ย่อมมีเพราะมิจฉาทิฐิเป็นปัจจัยด้วยประการฉะนี้ ฯ”
    อปัณณกสูตร ม. ม. (๑๐๖)
     
  5. atsnop

    atsnop สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    เหตุให้เชื่อชาติหน้า

    ปัญหา คนในโลกเชื่อกันว่า ตายแล้วเกิดก็มี ตายแล้วสูญก็มี อะไรเป็นมูลเหตุให้เชื่อเช่นนั้น ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์พวกบัญญัติอัตตาที่มีสัญญาว่า เบื้องหน้าแต่ตายไปยั่งยืน (มีอยู่ ไม่สูญ) ย่อมคัดค้านสมณพราหมณ์พวกบัญญัติความขาดสูญ ความพินาศ ความเกิดของสัตว์ ที่มีอยู่ นั่นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านี้แม้ทั้งหมด ย่อมหมายมั่นกาลข้างหน้า กล่าวยืนยันความหวังอย่างเดียวว่า เราละโลกไปแล้วจักเป็นเช่นนี้ ๆ เปรียบเหมือนพ่อค้า ไปค้าขายย่อมมีความหวังว่า ผลจากการค้าเท่านี้จักมีแก่เรา เพราะการค้าขายนี้ เราจักได้ผลเท่านี้ ดังนี้ฉันใด ท่านสมณพราหมณ์พวกนั้นก็ฉันนั้นเหมือนกันแล ชะรอจะเห็นปรากฏเหมือนพ่อค้า จึงหวังว่าเราละโลกไปแล้ว จักเป็นเช่นนี้ ๆ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตย่อมทราบเรื่องนี้ดี
    “ดูก่อนสมณพราหมณ์ พวกบัญญัติความขาดสูญความพินาศ ความไม่เกิดของสัตว์ที่มีอยู่ เป็นผู้กลัวสักกายะ (กายของตน) เกลียดสักกายะ แต่ยังวนเวียนไปตามทสักกายะนั้นอยู่แล เปรียบเหมือนสุนัขที่เขาผูกโซ่ล่ามไว้ที่เสาหรือที่หลักมั่น ย่อมวนเวียนไปตามเสาหรือหลักมั่นนั้นเอง ฉันใด ท่านสมณพราหมณ์ พวกนี้ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้กลัวสักกายะ..... แต่ยังวนเวียนไปตามสักกายะอยู่นั่นแล เรื่องสักกายะดังนี้นั้น อันปัจจัยปรุงแต่งเป็นของหยาบ และความดับของสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งมีอยู่ ตถาคตทราบว่าสิ่งนี้ยังที่อยู่ จึงเห็นอุบายเป็นเครื่องสลัดออกจากสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งนั้น เป็นไปล่วงสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งนั้นได้ ฯ”

    ปัญจัตตย ปญ
    สูตร อุ. ม. (๓๓)
     
  6. atsnop

    atsnop สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +4
    ชาติหน้ามีจริงหรือไม่
    ปัญหา ชาติหน้ามีจริงหรือไม่ ? ผลแห่งกรรมดีกรรมชั่วมีจริงหรือไม่ ?

    พุทธดำรัสตอบ “.....อริยสาวกนั้น มีจิตหาว่าเรามิได้อย่างนี้ มีจิตหาความเบียดเบียนมิได้อย่างนี้ มีจิตไม่เศร้าหมองแล้วอย่างนี้ มีจิตหมดจดแล้วอย่างนี้ เธอย่อมได้ความอุ่นใจ ๔ ประการในชาตินี้
    “ความอุ่นใจที่หนึ่งว่า ถ้าโลกเบื้องหน้ามีอยู่ ผลแห่งกรรมมีสัตว์ทำดีทำชั่วมีอยู่ ข้อนี้ย่อมเป็นฐานะซึ่งจะเป็นไปได้ คือเบื้องหน้าแต่กายแตกตายไปแล้ว เราจะได้เข้าไปถึงสุคติโลกสวรรค์ ดังนี้ ความอุ่นใจนี้ อริยสาวกได้แล้วเป็นที่หนึ่ง
    “ความอุ่นใจที่สองว่า ถ้าโลกเบื้องหน้าไม่มี ผลแห่งกรรมมีสัตว์ทำดีทำชั่วไม่มีเราก็จะรักษาตนเป็นคนไม่มีเวร ไม่มีความลำบาก ไม่มีทุกข์ มีแต่สุขในชาตินี้ ดังนี้ ความอุ่นใจนี้ อริยสาวกได้แล้วเป็นที่สอง
    “ความอุ่นใจที่สามว่า ถ้าเมื่อบุคคลทำบาป บาปชื่อว่าเป็นอันทำแล้ว (และจะนำผลคือทุกข์มาให้เรา) เราไม่ได้คิดบาปให้แก่ใคร ๆ ไหนเลยทุกข์จักมาถูกต้องเรา ผู้ไม่ได้ทำบาป ดังนี้ ความอุ่นใจนี้ อริยสาวกได้แล้วเป็นที่สาม
    “ความอุ่นใจที่สี่ว่า ถ้าเมื่อบุคคลทำบาป บาปชื่อว่าเป็นอันทำแล้ว (และจะนำผลคือทุกข์มาให้เรา) เราก็ได้พิจารณาเห็นคนเป็นคนบริสุทธิแล้วทั้ง ๒ ส่วน ดังนี้ ความอุ่นใจนี้ อริยสาวกได้แล้วเป็นที่สี่
    “อริยสาวกมีจิตหาเวรมิได้ หาความเบียดเบียนมิได้ มีจิตไม่เศร้าหมอง มีจิตหมดจดแล้วอย่างนี้ ย่อมได้ความอุ่นใจ ๔ ประการนี้แล ในชาตินี้ฯ”

    เกสปุตตสูตร (กาลามสูตร) ติ. อํ. (๕๐๖)
     
  7. minidog

    minidog Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2009
    โพสต์:
    266
    ค่าพลัง:
    +91
    อย่าโต้ตอบเลยดีกว่าแค่แสดงออกความคิดเห็นก็พอควร เพราะอาจารย์คือผู้ให้ความรู้ สาธุ
     
  8. อวิปลาส

    อวิปลาส เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    211
    ค่าพลัง:
    +353

    นี่คือคำตอบที่ดีที่สุด ที่เราจะต้องเก็บใว้ตอบตัวเราๆท่านๆเองครับเรื่องแบบนี้ถ้าใครไม่เชื่อแล้ว ยากมากครับที่จะรับใส่ใจ

    อนุโมทนาสาธุการ ครับผม.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2009
  9. center-in-center

    center-in-center เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2009
    โพสต์:
    458
    ค่าพลัง:
    +1,717
    ไม่ต้องโต้ตอบอาจาารย์หรอก ถ้าอาจารย์ผู้นั้นเป็นคนดีอยู่แล้ว ซึ่งหมายถึง ดีด้วยกาย วาจา ใจ แม้จะเชื่อว่าชาติหน้ามีหรือไม่ ก็ไม่ขาดทุนที่ได้ทำดีในปัจจุบัน เพราะความดีย่อมส่งผลดีต่อกาย วาจา และใจ ฉันใด ความชั่วหรือสิ่งอกุศล ก็ย่อมส่งผล ต่อ กาย วาจ ใจ ฉันนั้น เมื่อได้ประจักษ์เช่นนี้แล้ว ย่อมรู้ว่า มูลแห่งการทำดีหรือชั่วที่ทำไปแล้ว ย่อมส่งผลต่อในภายภาคหน้า
     
  10. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,470
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,012
    ต่างกันกับผมครับ ผมกลับคิดว่ามีอยู่จริงครับ ของอย่างนี้ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งครับ ดีกว่านั้นให้ลงมือปฏิบัติเองไปเลยจะรู้เห็นได้ด้วยตัวเองด้วยการนั่งสมาธิ สวดมนต์ เเผ่เมตตาครับ ลองอ่านอันนี้ดูนะครับ จขกท อนุโมทนาครับ อ้อ สิ่งที่เราไม่เห็นใช่ว่าจะไม่มีเสมอไปนะครับ เอาง่ายๆเหมือนกับคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ เราสามารถมองเห็นพวกเขาไหม ?? ไม่เห็นใช่ไหม ??? เเต่ทําไมเรารู้ว่ามีอยู่จริงบนอากาศล่ะครับ อ่านอันนี้ดูจ้า

    พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ <table style="border-collapse: collapse;" id="AutoNumber11" width="100%" bgcolor="#ffffff" border="0" bordercolor="#111111" cellpadding="0" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td width="100%">
    <center> <table style="border-collapse: collapse;" id="AutoNumber12" width="750" bgcolor="#fff8d9" border="1" bordercolor="#fff8d9" cellpadding="10" cellspacing="3"> <tbody><tr> <td width="100%">
    037 โลกหน้ามีจริงหรือไม่

    ปัญหา ปัญหาใหญ่ที่คนถกเถียงกันอยู่เสมอ ก็คือปัญหาที่ว่าโลกหน้าที่มนุษย์จะไปเกิดหลักจากตายแล้วมีจริงหรือไม่ ?

    ในเรื่องนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้อย่างไรบ้าง ?
    พุทธดำรัส ตอบ “..... ดูก่อนพราหมณ์และคฤหบดีทั้งหลาย บรรดาสมณพราหมณ์สองพวกนั้น สมณพราหมณ์ที่มีวาทะอย่างนี้ มีความเห็นอย่างนี้ว่าทานที่ให้แล้วไม่มีผล การบวงสรวงไม่มีผล การบูชาไม่มีผล ผลวิบากแห่งกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วแล้วไม่มี โลกนี้ไม่มี โลกหน้าไม่มี มารดาไม่มี บิดาไม่มี อุปปาติกสัตว์ไม่มี สมณพราหมณ์ที่ไปโดยชอบ ปฏิบัติโดยชอบ ทำโลกนี้และโลกหน้าให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งเองแล้ว ประกาศให้รู้ทั่ว ไม่มีในโลกดังนี้ เป็นอันหวังข้อนี้ได้คือ จักเว้นกุศลธรรม ๓ ประการ นี้ คือ กายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต จักสมาทานอกุศลธรรม ๓ ประการ นี้ คือ กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต แล้วประพฤติข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะท่านสมณพราหมณ์เหล่านั้น ไม่เห็นอานิสงส์ในเนกขัมมะ อันเป็นคุณฝ่ายขาวแห่งกุศลธรรม ก็โลกหน้าที่อยู่จริง ความเห็นของผู้นั้นว่าไม่มีความเห็นของเขานั้นเป็นมิจฉาทิฐิ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขาดำริว่าโลกหน้าไม่มี ความดำริของเขานั้นเป็นมิจฉาสังกัปปะ ก็โลกหน้ามีอยู่จริง แต่เขากล่าวว่าโลกหน้าไม่มี วาจาของเขานั้นเป็นมิจฉาวาจา ผู้นี้ย่อมทำตนเป็นข้าศึกต่อพระอรหันต์ ผู้รู้แจ้งโลกหน้า ก็โลกหน้ามีอยู่จริง เขายังให้ผู้อื่นเข้าใจว่า โลกหน้าไม่มี การให้ผู้อื่นเข้าใจของเขานั้นเป็นการให้เข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม และเขายังจะยกตนข่มผู้อื่น ด้วยการให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ไม่ขอบธรรมนั้นด้วย เขาละคุณคือ ความเป็นคนมีศีลแล้ว ตั้งไว้เฉพาะแต่ส่วนโทษ คือความเป็นคนทุศีลไว้ก่อนเทียว ด้วยประการฉะนี้ อกุศลธรรมอันลามกเป็นอเนกเหล่านี้ คือ มิจฉาทิฐิ มิฉาสังกัปปะมิจาวาจา ความเป็นข้าศึกต่อพระอริยะ การให้ผู้อื่นเข้าใจผิดโดยไม่ชอบธรรม การยกตน การข่มผู้อื่น ย่อมมีเพราะมิจฉาทิฐิเป็นปัจจัยด้วยประการฉะนี้ ฯ”
    </td></tr></tbody></table></center>​
    </td></tr></tbody></table>พลังจิต > พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...