เรื่องทำบุญขาดอธิฐาน

"หลวงพ่อเจ้าค่ะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมค่ะ...?"
ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน
"เป็นไงค่ะ...?"
การปรารถนาจัดเป็นอธิฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่
"ถ้าหากว่าทำเฉยๆเล่าค่ะ...?"
ถ้าหากว่าทำเฉยๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มี ท่าน อาฬวีเศรษฐี
คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐี ท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน
เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้ว ต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั้งกลายเป็นขอทาน
วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงค์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้านพระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์
พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง
พระอานนท์จึงทูลถามว่า
"พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"
พระพุทธเจ้าถามว่า
"อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"
พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าบอกว่า ขอทานนั้นแหละคืออาฬวีเศรษฐี
แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า
ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี
เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้พระสกิทาคามี
เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียว จะได้เป็นพระโสดาบัน
แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีกลายเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทศน์จึงไม่มีผล
ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า
"ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
"นั่นเขามีบารมี อธิฐานบารมี"
เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิฐานบารมีใช่ไหมโยม
"ใช่ค่ะ"
คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิฐานเสียนะ.
จากหนังสือ ธรรมปฏิบัติ ๑๓ โดยหลวงพ่อพระราขพรหมยาน

 

สาธุ อนุโมทนามิครับ
เดี๋ยวนี้ ไม่รู้มีพวกรู้มากไม่รู้ไปแปลกันอย่างไร บอกว่าทำบุญอย่าหวังผล คือห้ามอธิษฐาน เราก็ขี้เกียจเถียงกับเขา ก็เลยปล่อยเขาไป จริงๆแล้วน่าจะแปลผิด ตีความหมายกันผิดๆ

 

เข้ามาเรียนรุ้คะ
ได้รับความรุ้มากคะ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">กำลังสร้างพระโอนเงินให้ผู้จัดสร้างแล้วเดี๋ยวจะอธิฐานอีกรอบ อนุโมทนา สาธุ
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ก็อธิฐานอย่าให้เกินความเป็นไปได้สิครับ

ผมอธิฐานตลอดอยู่แล้วเพราะยังหวังผลอยู่ หุหุ

อนุโมทนา สาธุครับ

 

เพียงเพื่อร่วมอนุโมทนา

ข้าพเจ้าเป็นผู้มาใหม่ ข้าพเจ้ายังเลวอยู่มาก แต่ก็พยายามศึกษาธรรมอยู่ ปฏิบัติก็ผิดบ้างถูกบ้างเพราะไม่มีครูบาอาจารย์คอยแนะนำทั้งทางตรงและทางอ้อม เคยไปขอความรู้และคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรมกับพระสงฆ์ที่มีผู้เคารพนับถือมากมายว่าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แต่ก็ผิดหวัง(ไม่ขอกล่าวมากกว่านี้) ก็เลยต้องมาหาความรู้เอาเอง พอดีผ่านเข้ามาในกระทู้นี้ อ่านแล้วเห็นว่าดีมีประโยชน์ ข้าพเจ้าก็ขอร่วมอนุโมทนาด้วย สาธุ!

 

สาธุๆๆ ฮะ เห็นอยู่บ่อยๆครับพวกที่ชอบพูดว่า...."ไม่อธิฐานหลอด....เราทำบุญไม่หวังสิ่งตอบแทน!!!" กระทู้นี้ดีมากๆครับ สาธูๆๆ

 

ผมนี่ ไง ปกติทำบุญ ทำด้วยใจบริสุทธิ ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น

ทำด้วยใจ หวังแต่ให้ผู้อื่น ได้มีความสุข ได้ดี ได้มีชีวิตที่ดีขึ้น ให้พระสงฆ์ได้สืบทอดพุทธศาสนา ให้พระสงฆ์มีกำลังให้การบำเพ็ญความเพียร

ทำแล้วรู้สึกมีความสุขใจมาก ผมว่าเป็นสิ่งถูกต้องแล้ว เป็นสิ่งอันประเสริฐ ไม่ผิดหรอก

เพราะเราก็ตั้งดำรงอยู่ในศีล ไม่กลัวตัวเองจะลำบาก ใดๆ ถึงทำบุญไม่ได้สิ่งตอบแทนผมก็มีความสุขใจ เต็มใจ และพอใจ

ต่อให้บุญที่ทำไปไม่บังเกิดผล ก็ไม่ได้หวังให้บังเกิดผลใดๆ

พระอาจารย์ ชม อนํคโณ ก็เคยเทศสอนพ่อผมว่า ทำบุญต้องไม่เอา....
ผมก็ไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็คงสอดคล้องกับ เรื่องนี้แน่นอน

 

เมื่อสักครู่ มีผู้อธิบายความหมายของ ทำบุญต้องไม่เอาให้ผมเข้าใจละ ท่านหมายถึง ทำบุญต้องไม่ยึดติดในผลประโยชน์จากบุญ ยึดนิพพานเป็นอารมณ์ อย่างเดียวเท่านั้น เพราะสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพียงสิ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไปเท่านั้น มันไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่ยึดติดในสิ่งสมมุติใดๆ ทั้งสิ้น

เป็นธรรมขั้นสูง อีกขั้นนึง ซึ่งผมเข้าใจว่า หาก อธิฐานบารมี ก็จักเป็นผลดี เพื่อให้อำนาจแห่งอธิฐานบารมี ช่วยดำรงช่วยจิตใจของเราให้กระทำแต่สิ่งอันเป็นคุณเป็นประโยชน์ ไม่หลงผิด ตกลงไปสู่อบายภูมิ

ฟังเค้ามาอีกทีครับ อนุโมทนา

 

ที่ว่าทำบุญไม่หวังผลตอบแทนในความคิดของข้าพเจ้าคือไม่หวังผลอันเพื่อเป็นไปในการเพิ่มพูนกิเลส ต่างจากการอธิษฐานบารมี(ซึ่งไม่ได้เป็นไปเพื่อเพิ่มพูนกิเลสแต่เป็นไปเพื่อการละกิเลส)

 

ลิงค์ธรรมะในเว็บต่างๆของหลวงพ่อ <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
<o> </o>