อัลเบิร์ต ไอสไตน์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต

เขาเก่งเหมือนกันนี่ สุดยอดครับ

 

ผมคิดว่า นอกจากพระอรหันต์ที่ทรงอภิญญา ก็เห็นจะมีแต่ไอน์สไตน์นี่แหละที่เข้าใจธรรมชาติได้ดีที่สุด พวกเขาใช้วิธีที่แตกต่าง แต่มีจุดมุ่งหมายไม่ต่างกันนัก

วิทยาศาสตร์มักถึงทางตันได้ง่าย เพราะอาศัยสัญญา ความคิด เป็นหลัก แต่ธรรมชาติลึกซึ้งกว่านั้นมากนัก สังเกตุได้จากทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์ ที่ก้าวพ้นกรอบของสัญญา ความคิด หรือสามัญสำนึกไปแล้ว นั่นจึงทำให้เขาลุ่มลึกกว่านักวิทยาศาสตร์ทั่วไป

วิถีของพุทธ พยายามจะก้าวไปจากกรอบของขันธ์ 5 ซึ่งก็คือกรอบแห่งความนึกคิด กรอบแห่งสามัญสำนึก ไปสู่สิ่งที่ลึกซึ้งกว่า แน่นอนกว่า การเรียนรู้ลักษณะนี้คือ ปัญญา เป็นปัญญาที่มีรากฐานมาจาก ฌาณ และฌาณได้ก้าวพ้นกรอบคิดแห่งสามัญสำนึกไปแล้ว วิธีการเช่นนี้ จึงสามารถเรียนรู้ธรรมชาติจากเบื้องลึก สู่เบื้องนอกได้อย่างมหัศจรรย์

เมื่อมุ่งศึกษาแก่นแท้ของสิ่งเดียวกัน แม้ต่างวิธีการ สุดท้ายก็ต้องมีช่วงเวลามาบรรจบกันจนได้ ไม่แปลกที่ไอน์สไตน์จะรู้สึกทึ่ง และเชื่อมั่น ในหลักของพุทธศาสนา แต่เสียดายเขาเข้าใกล้ได้เพียงเปลือกนอก

ไอน์สไตน์ ไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลย แต่เขาเรียนรู้หลักของศาสนาใหญ่ๆของโลกอย่างถ่องแท้ เขาใช้ชีวิตอย่างสมถะ อารมย์ดี ทรงภูมิ เขาเคยกล่าวว่า ในชีวิตเขา เขาเพียงต้องการอยู่ 3 อย่าง คือ อาหารอร่อยๆที่เขาชอบ เล่นไวโอลีน และทฤษฎี

ไอน์สไตน์มีส่วนในโครงการผลิตระเบิดนิวเคลียส์อยู่บ้าง จากสมการสสารและพลังงานอันลือลั่นของเขา สิ่งนี้ถูกนำไปต่อยอดด้วยมันสมองของนักวิทยาศาสตร์ระดับโลกนับร้อยชีวิต มันเหมือนการทำทฤษฎีอันไม่น่าเป็นไปได้ ให้เกิดเป็นรูปร่างขึ้นมา และด้วยความพยายามอันเอกอุ 6 ปี โลกจึงได้รู้จักกับระเบิดนิวเคลียส์

แม้เขาเป็นเจ้าของทฤษฎี แต่คนที่นำไปใช้ไม่ใช่เขา จะโทษว่าเป็นเพราะเขามันก็ไม่ถูกนัก เหมือนเราไปซื้อมีด เพื่อทำอาหารและใช้งานทั่วๆไป มันก็เป็นประโยชน์ต่อชีวิต แต่ถ้านำมีดไปแทงคน มันก็เป็นโทษ เราจะโทษคนขายมีด หรือคนใช้มีด
พระนั้นให้ความอบอุ่นแก่จิตวิญญาณ ไอน์สไตน์ให้ความสุขสบายแก่ชีวิตเรา ผ่านทฤษฎีหลากหลายของเขา ที่กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่เราใช้ในชีวิตประจำวัน

 

..................ทฤษฏี ออฟ เอเวรี่ติง เหรอ..................:'(

 

"สิ่งสุดท้ายก่อนตายคือไอส์สไตน์พยายามพูดประโยคอะไรสักอย่างให้พยาบาลส่วนตัวฟังแต่พยาบาลไม่ทราบว่าเค้าพูดว่าอะไร"
"สิ่งที่เดินทางได้เร็วกว่าแสง คือ จิต" ได้ยินมาว่านั้นนะ ไม่เชื่อลองหลับตาแล้วคิดว่าไปยืนบนวงแหวนดาวเสาร์สิ มีอย่างเดียวที่ทำไม่ได้คือมวลสารไม่ได้ไปด้วยเท่านั้นเองวิธีที่จะทำได้คือการเป็น "อนัตตา" หรือการไม่มีตัวตน

 

ไอน์สไตน์ยอมรับหลักเหตุผลในพุทธศาสนา (วันวิสาขบูชา)


โดยพระอาจารย์อินทร์ถวาย วัดป่านาคำน้อย




<embed src="http://www.4shared.com/embed/773258153/2e891701" width="420" height="250" allowfullscreen="true" allowscriptaccess="always"></embed>

 

อารมณ์ อัตตา เต็มเปื่ยม

 

ได้ฟังเสียงอ่าน ไอน์สไตล์พบพระพุทธเจ้าเห็น
เค้าเป็นบุคคลที่โลกต้องยอมรับ แม้บั้นปลายชีวิตจะล้มเหลว
ทฤษฎีของเค้าเป็นประโยชน์คุณูปการต่อมนุษย์ชาติ

ถึงกระนั้น ก็ยังเป็นเพียงเศษเสี้ยวของพระพุทธเจ้า
ที่ได้ชี้ทางสู่สัจธรรม