การออกปฏิบัติธรรมในสมัยแรกๆ ของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ

ในห้อง 'หลวงปู่แหวน' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 21 พฤศจิกายน 2008.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,612
    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>​


    การออกปฏิบัติธรรมในสมัยแรกๆ ของหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
    พระอริยะแห่งดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่

    ส่วนหนึ่งของการรวบรวมเรียบเรียงโดย
    พระนาค อตฺถวโร
    วัดสัมพันธวงศ์ กทม.

    การออกปฏิบัติธรรมในสมัยแรกๆ หลวงปู่แหวนท่านยังไม่รู้จักวิธีภาวนา เวลาอยู่ในป่าในเวลากลางคืนมักจะเกิดความระแวงไปในเรื่องที่ไร้สาระต่างๆ ตามแต่จิตมันจะปรุงขึ้นมา ส่วนมากมักจะเป็นเรื่องหลอกตัวเองทั้งสิ้น ตามความเคยชินของจิตที่เคยเป็นอิสระมาตลอด โดยไม่มีขอบเขต ไม่มีเครื่องกั้น ไม่มีสิ่งควบคุม ครั้นมาปฏิบัติเข้าในระยะแรกก็รู้สึกดื่มด่ำดี แต่พอเอาเข้าจริงๆ จิตกลับฟุ้งปรุงไปเป็นอดีตกับอนาคต ไม่ได้คิดพิจารณาในเรื่องปัจจุบันนัก

    แต่เพราะอาศัยได้รับคำแนะนำแก้ไข พร้อมทั้งอุบายในการแก้จิตในเวลาฟุ้งซ่าน อุบายการข่มจิตในเวลาเกิดความทะนงตน ประกอบการได้รับคำสั่งจากพระอาจารย์มั่นให้ไปอยู่ในที่ต่างๆ ได้อาศัยอาจารย์เสือบ้าง อาจารย์ช้างบ้างเป็นผู้ข่มขู่จิต ประกอบกับพยามยามประกอบความเพียรให้เป็นไปติดต่อไม่ขาดวรรคขาดตอน ทั้งกลางวันกลางคืน จิตก็ค่อยรวมตัวอยู่ในความควบคุมของสติรวมเข้าสู่สมาธิ ความเยือกเย็นในด้านจิตใจ เริ่มปรากฏผลให้ประจักษ์ ทำให้เกิดความมั่นใจในข้อปฏิบัติของตนที่ได้ดำเนินมาว่าไม่ผิดทาง



    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>


    เมื่อความสงบของจิตเริ่มปรากฏเป็นผลของการปฏิบัติความเพียร ซึ่งแต่ก่อนมาเคยฝึกทำมาตลอดนั้น พอจิตสงบลงความเพียรก็เร่งขึ้นตามส่วน เป็นเครื่องบำรุงส่งเสริมสมาธิปัญญาไปในขณะเดียวกัน เมื่อศรัทธามีกำลัง สมาธิมีกำลัง ปัญญาก็มีกำลังต่างก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน ตั้งแต่สมาธิขั้นต่ำไปถึงปัญญาขั้นสูง ความสุขทางด้านจิตใจเริ่มปรากฏเป็นผลให้ชื่นชม ไม่เสียแรงที่ได้พยามยามตั้งใจปฏิบัติมา

    การปฏิบัติทางจิตนั้นเป็นของละเอียดอ่อนมาก สติสัมปชัญญะต้องตื่นอยู่เสมอไม่เช่นนั้นจะตามไม่ทัน จิตซึ่งเป็นธรรมชาติ ชอบคิด ชอบปรุง ชอบแส่ส่ายไปหาอารมณ์ที่ใกล้ที่ไกล ไม่มีขอบเขต ถ้าอยู่ในที่ชุมชนอารมณ์ที่เข้ามานั้นส่วนมากจะเข้ามาทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง เมื่ออารมณ์เข้ามาทางไหน จิตก็รับรู้ต้อนรับทันที การต้อนรับอารมณ์ของจิตมักจะนำมาแบกมาหามมาทับถมตัวเอง การที่จะสลัดตัดวางนั้นไม่ค่อยปรากฏ เพราะเหตุนั้นจึงทำให้เราเป็นทุกข์ไปกับอารมณ์นั้นๆ เป็นสุขไปกับอารมณ์นั้นๆ เป็นความเพลิดเพลินไปกับอารมณ์นั้นๆ ทั้งนี้ก็เพราะขาดการพิจารณาของจิตนั่นเอง



    <TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=alt1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>



    จิตที่ไม่มีสติไม่มีพี่เลี้ยงคอยควบคุม คอยแนะนำมักจะไปแบกไปหาม ไปหามเอาทุกสิ่งทุกสิ่งทุกอย่างมาทับมาถมตนเองให้เกิดทุกข์ ถึงกับบางคนตีอกชกตนเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่น่ารื่นรมย์ กลายเป็นพิษเป็นภัยไปก็มาก ส่วนอารมณ์ของนักปฏิบัติผู้อยู่ในป่านั้น มักเกิดขึ้นกับจิตที่ชอบปรุงแต่งเป็นอดีตอนาคต ซึ่งอารมณ์ประเภทนี้ทำลายนักปฏิบัติมามากต่อมากแล้ว เหตุเพราะไม่รู้เท่าทันกลมายาของจิต เหตุเพราะขาดสติปัญญาพิจารณานั่นเอง

    ดังนั้น การปฏิบัติจิตภาวนาจำต้องเป็นผู้ตื่นอยู่เสมอ อารมณ์ต่างๆ ที่ผ่านเข้าออกตามทวารต่างๆ นั้น ต้องได้รับการใคร่ครวญพิจารณาจากสติสัมปชัญญะเสียก่อนทุกครั้ง นอกจากความเป็นผู้มีสติประจำอิริยาบถแล้ว การบริโภคปัจจัย ๔ ก็ต้องพิจารณาโดยอุบายทุกครั้ง การพิจารณาปัจจัย ๔ ก่อนการบริโภคการใช้สอยนั้น เป็นอุบายข่มความทะเยอทะยานอยากของจิตได้ดี บางครั้งก็เกิดความแยบคาย เป็นอุบายของปัญญาได้ ดังนั้น การภาวนาก็คือการมีสติสัมปชัญญะคอยตักเตือนตนเองอยู่เสมอ ไม่ให้เกิดความประมาท ความมัวเมา มีอินทรีย์สังวรละเว้นบาปอกุศลแม้เพียงน้อย จำต้องอาศัยความหมั่นเพียร ความพยายามทางกาย ทางวาจา ทางใจของตน จึงจะรักษาตนให้รอดปลอดภัย ต้องกระทำให้มาก ให้เป็นไปติดต่อไม่ขาดวรรคขาดตอน




    ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=4642
     
  2. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG] ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
     
  3. mrthanawat

    mrthanawat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +52
    อนุโมทนาด้วยนะครับ
    ข่าวดีมาถึงแล้ว!!! คอร์สอบรบเทคนิคการทำงานให้เจริญรุ่งเรืองอย่างน่าอัศจรรย์!
    http://palungjit.org/showthread.php?t=180134
     
  4. godman

    godman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    1,006
    ค่าพลัง:
    +2,254
    ว่ากันว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเรานั้น ท่านสามารถคุยกับหลวงปู่แหวนที่อยู่บนดอยแม่ปั๋งทั้งๆที่พระวรกายอยู่ที่กรุงเทพ - -* ดังนั้นหมายควายว่าท่านก็ต้องรู้ว่าใคร ผู้ใดบริหารบ้านเมือองเป็นแบบใด ใครดี ใครชั่ว แต่ท่านกลับไม่เคยออกพระโอษฐ์เลยแม้แต่น้อยว่าใครเลว ใครดี ท่านรู้หมดแหละครับ แต่ท่านไม่กล่าวเท่านั้น แต่ทรงใช้ทศพิศราชธรรมปกครองบ้านเมืองต่อไป เอ้า!ใครโกงใครกินบ้านเมือง ระวังตัวไว้นะครับ แอบตีบ้านเมืองจากต่้างประเทศ ระวังด้วยนะครับ
     
  5. ธ.เธียรไท

    ธ.เธียรไท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    612
    ค่าพลัง:
    +1,735

แชร์หน้านี้

Loading...