ทริปธรรมทัศนาจร(๓) สักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ(พลวง),รอยพระพุทธบาทภาคตะวันออก วันที่ ๑๔-๑๕ มีค.๕๒

ทริปธรรมทัศนาจร(๓) สักการะรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ(พลวง),รอยพระพุทธบาทภาคตะวันออก วันที่

รอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง)​

ชาวคณะพลังจิตพิชิตบึงลับแล ได้จัดธรรมทัศนาจรเป็นครั้งที่ ๓ โดยทริปนี้คือ ทริปนมัสการรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) , รอยพระพุทธบาทเขาบางทราย , รอยพระพุทธบาทอ่างหินที่สาม ตำหนักแดง , รอยพระพุทธบาทเขาบ่อกวางทอง ,วัดเขาสุกริม , วัดญานสังวร พระพุทธฉายเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี - จ.จันทบุรี วันที่ ๑๔-๑๕ มีค.๕๒

ขอเรียนเชิญกัลยาณมิตรที่สนใจร่วมเส้นทางธรรมทัศนาจรในครั้งนี้ โปรดลงชื่อแจ้งความประสงค์ร่วมเดินทางและชำระเงินได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ค่ะ


หมายกำหนดการเดินทาง โดยรถตู้ปรับอากาศ TOYOTA COMMUTER จำนวน ๑ คัน (๑๐ ที่นั่ง)

วันแรก เสาร์์ที่ ๑๕ มีค.๕๒ (รอยพระพุทธบาทเขาบางทราย , รอยพระุพุทธบาทอ่างหินที่สาม ตำหนักแดง ,รอยพระพุทธบาทเขาบ่อกวางทอง จ.ชลบุรี)

๐๕.๓๐ น. จุดนัดพบปั๊มน้ำมัน ปตท.สนามเป้า

๐๖.๐๐ น. ล้อหมุน

๐๗.๐๐ น. เดินทางถึง อ.เมือง จ.ชลบุรี พักทานอาหารเช้า
- เดินทางต่อไปวัดเขาบางทราย
- ร่วมบวงสรวงสักการะรอยพระพุทธบาทและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด
- ร่วมทาสีองค์พระปางป่าเลไลย์ และร่วมซ่อมแซมป้ายชื่อประวัติวัด

๑๑.๐๐ น. พักทานอาหารกลางวัน
เดินทางต่อไปนมัสการรอยพระพุทธบาทอ่างหินที่สาม ต.อ่างศิลา

๑๓.๐๐ น. เดินทางไปกราบสักการะรอยพระพุทธบาทวัดเขาบ่อกวางทอง ต.กวางทอง อ.บ่อทอง

๑๙.๐๐ น. เดินทางถึงวัดพลวง
- ทานอาหารเย็น
- ทำธุระส่วนตัว
- เดินทางขึ้นเขาคิชฌกูฎ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ระหว่างทาง และพักผ่อนตามอัธยาสัย


วันที่สอง อาทิตย์ี่ ๑๕ มีค.๕๒ (รอยพระุพุทธบาทคิชฌกูฎ(พลวง) ,วัดเขาสุกริม ,วัดญานสังวร พระพุทธฉายเขาชีจรรย์ )

๐๕.๐๐ น. ตื่นทำธุระส่วนตัว

๐๖.๐๐ น. สักการะรอยพระพุทธบาทพลวง

๐๙.๐๐ น. ลงจากเขา ทำธุระส่วนตัว และออกเดินทางต่อไปวัดเขาสุกริม
- ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด และเข้าชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่แหวน ,หลวงปู่วัน , พระอาจารย์มั่น ฯลฯ

๑๒.๐๐ น. พักทานอาหารกลางวัน เดินทางไปกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดญานสังวร หน้าผาเขาชีจรรย์

๑๗.๐๐ น. พักทานอาหารเย็น และแวะซื้อของฝากที่ตลาดหนองมน

๑๙.๐๐ น. เดินทางถึง กท. โดยสวัสดิภาพ


ประมาณการค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอยู่ที่คนละ ๑,๕๐๐ บาท โดยมีรายละเอียดของค่าใช้จ่าย ดังนี้

๑. ค่าเช่ารถตู้ ๒ วันๆ ละ ๑,๘๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๓,๖๐๐ บาท

๒. ค่าน้ำมันประมาณ ๓,๐๐๐ บาท

๓. ค่าบายศรี ๑ ชุด , แผ่นทองคำเปลว-น้ำอบ-ผ้าสไบ-ผ้าแพร-ธูป-เทียน , ดอกดาวเรือง (สำหรับชาวคณะใช้โปรยในระหว่างทางขึ้นเขาคิชฌกูฎในช่วง ๑ กม.สุดท้าย) สี-ปูน-ทราย สำหรับทาสีองค์พระปางปาเลย์ไลย์วัดเขาบางทราย กับซ่อมแซมป้าย ประมาณ ๕,๐๐๐ บาท

๔. ค่ารถโดยสารขึ้น-ลงเขาคิชฌกูฎ ประมาณ ๒,๐๐๐ บาท (ประมาณการจากจำนวนสมาชิก ๑๐ ที่นั่งๆ ละ ๒๐๐ บาท)

๔. ค่าประกันอุบัติเหตุหมู่

๕. ค่าอาหารและน้ำดื่มของคณะรวม ๖ มื้อ


รวมประมาณการค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอยู่ที่ ๑๓,๖๐๐ บาท (ข้อ ๑-๔)


หมายเหตุ
- ทริปนี้การเดินทางของชาวคณะ ขอแจ้งให้กัลยาณมิตรทุกท่านทราบว่า เส้นทางเดินขึ้นเขาคิชฌกูฎ ถึงแม้ว่าจะสามารถนั่งรถขึ้นไปได้ แต่ช่วงเส้นทางสุดท้าย คือเส้นทางเดินเท้า โดยแบ่งการเดินให้เลือกออกเป็น ๒ แบบ คือ

จากจุดพักรถที่หนึ่ง (จุดเปลี่ยนต่อรถ) ระยะทางจากจุดเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขาประมาณ ๓ กม. ทุกๆ ๑ กม.จะมีเสียงระฆังตีบอกระยะทาง เส้นทางที่ใช้เดินมี ๒ เส้นทางคือ เส้นทางที่ ๑ ทางเดินป่า (ทางลัด) เส้นทางที่ ๒ คือทางเดินรถ ถ้าต้องมีการเดินเท้าในช่วงที่ ๒ ชาวคณะจะเลือกเส้นทางที่ ๑ ในการเดินขึ้น และใช้เส้นทางที่ ๒ ในการเดินลงค่ะ

จากจุดพักรถที่สอง ระยะสุดท้ายของเส้นทางรถ จะต้องลงเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขาประมาณ ๑ กม. ถ้าเดินไม่ไหวมีลูกหาบรับจ้างหาบขึ้น คนละ ๕๐๐ บาท

เพราะฉะนั้นสภาพร่างกายจิตใจต้องพร้อม การแต่งกายขอให้เป็นชุดรัดกุมที่เหมาะสมเพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง เช่น กางเกงผ้าเนื้อหนา รองเท้าผ้าใบ หมวก แว่นกันแดด และที่ขาดไม่ได้คือ ผ้าสำหรับคาดปิดจมูกเพราะทราบมาว่า เนื่องจากมีผู้เดินทางไปแสวงบุญมากจนทำให้เส้นทางเดินบางช่วงเป็นฝุ่น

- อุปกรณ์ที่ต้องนำติดตัวไปคือ ไฟฉาย น้ำ ลูกอม หมากฝรั่ง ยาดม ผ้าเช็ดหน้า เป้สำหรับใส่ของกินเช่น ข้าวเหนียว ไก่ย่าง ขนมปัง

- ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ชาวคณะเก็บหารเท่ากันตามค่าใช้จ่ายและจำนวนสมาชิกที่ร่วมเดินทางจริง ไม่พอเก็บเพิ่มเหลือเป็นเงินสะสมร่วมบริจาคทำบุญสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ของวัดท่าขนุนค่ะ


- สำหรับท่านที่สนใจร่วมเดินทาง
ขอให้ลงชื่อแจ้งความประสงค์พร้อมชำระเงินค่าเดินทางได้ทันที และเตรียมฟิตซ้อมร่างกายได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป


- วิธีการชำระค่าเดินทาง โอนเข้าบัญชี ภายในวันที่ ๘ มีค.๕๒ (เพื่อที่จะสามารถทราบจำนวนสมาชิกและเตรียมการได้อย่างถูกต้อง)
ธนาคารกรุงไทย ประเภทออมทรัพย์
ชื่อบัญชี ณญาดา ศราภัยวานิช
เลขที่บัญชี ๑๒๑-๐-๑๐๕๔๕-๔ (121-0-10545-4)

เมื่อโอนแล้วขอให้มาโพสหรือโทรแจ้งที่เบอร์ ๐๘๑-๗๓๕๙๒๖๑
สำหรับสมาชิกที่โอนชำระเงินแล้วทุกท่าน กรุณาแจ้งชื่อ-สกุล-เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน-วันเดือนปีเกิด พร้อมทั้งเบอร์โทรศัพท์ที่สามารถติดต่อได้
ไปที่ี่ PM หญิงภายในวันที่ ๑๐ มีค. เพื่อติดต่อแจ้งทำประกันอุบัติเหตุหมู่สำหรับชาวคณะค่ะ

พระพุทธรุปปางป่าเลไลย์ที่ชาวคณะจะไปร่วมทาสี ตั้งอยู่ที่กึ่งกลางเขาพระพุทธบาทบางทราย​

ภาพประกอบ : จากภาพส่วนตัวและอินเตอร์เน็ต
ภาพลำดับที่ ๑-๓ รอยพระพุทธบาทพลวง
ภาพลำดับที่ ๔ รอยพระบาทอ่างหินที่สาม
ภาพลำดับที่ ๕ พระพุทธรูปปางเลไลย์ วัดเขาบางทราย
ภาพลำดับที่ ๖ พระพุทธรูปหน้าผาเขาชีจรรย์

 

รายชื่อสมาชิกร่วมเดินทาง,บริจาคเงินทำบุญ ประจำวันที่ ๙ มีค.๕๒

รายชื่อกัลยาณมิตรที่แจ้งความประสงค์ร่วมเดินทาง

๑. ญ.ผู้หญิง (หญิง) ยืนยันการเดินทาง จ่ายแล้ว ๑/๐๓/๕๒
๒. คุณกร (พี่กร) ยืนยันการเดินทาง จ่ายแล้ว ๑/๐๓/๕๒
๓. LittleNon (นนท์) ยืนยันการเดินทาง จ่ายแล้ว ๒/๐๓/๕๒
๔. กาลกตา (ศาล) ยืนยันการเดินทาง จ่ายแล้ว ๓/๐๓/๕๒
๕. วรุณบุตร (กฤศ)
๖. mang12 (หนึ่ง)
๗. mang12 ขอถอนตัวเนื่องจากงานเข้า ลว.๖/๐๓/๕๒
๘. mang12 ขอถอนตัวเนื่องจากงานเข้า ลว.๖/๐๓/๕๒
๙. riderman (นะ) ขอถอนตัวเนื่องจากงานเข้า ลว.๖/๐๓/๕๒
๑๐. i-Anne (แอน) ยืนยันการเดินทาง จ่ายแล้ว ๘/๐๓/๕๒
๑๑. กระติ๊บ (ติ๊บ) ขอถอนตัวเนื่องจากงานเข้า ลว.๘/๐๓/๕๒
๑๒. กระติ๋บ ขอถอนตัวเนื่องจากงานเข้า ลว.๘/๐๓/๕๒
๑๓. Teetab (ธีร์)
๑๔. คุณชุลี


สรุป
ผู้แจ้งความประสงค์ร่วมเดินทาง ณ.วันที่ ๙ มีค.๕๒ จำนวน ๑๔ คน
ยืนยันการเดินทาง จำนวน ๙ คน
ขอถอนตัวเนื่องจากงานเข้า จำนวน ๕ คน

ชำระเิงินแล้ว จำนวน ๕ ที่นั่ง เป็นจำนวนเงิน ๗,๕๐๐ บาท




รายชื่อกัลยาณมิตรที่ร่วมบริจาคเงินทำบุญ

๑. คุณ srirote จำนวน ๓๐๐ บาท
๒. คุณ LittleNon (นนท์) จำนวน ๕๐๐ บาท* (เงินจำนวนนี้ฝากซื้อทองคำเปลว ๑๐๐ แผ่น ที่เหลือสมทบร่วมทำบุญ)
๓. คุณ กาลกตา (ศาล) จำนวน ๕๐๐ บาท* (เงินส่วนนึ้ฝากซื้อทองคำเปลว ๕๐ แผ่น ที่เหลือสมทบร่วมทำบุญ)
๔. คุณ pmntr (ปอ) จำนวน ๒๐๐ บาท



หมายเหตุ
* แจ้งความประสงค์ขอฝากซื้อแผ่นทองคำเปลวเพื่อแปะส่วนตัวตามความเหมาะสม ส่วนที่เหลือขอร่วมทำบุญตามแต่จะจัดสรร

ขออนุโมทนาบุญกับกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยค่ะ​

 

เหวอ! บ้านอยู่ใกล้จุดนัดพบที่สุดนะนี่ ยังกลัวอีก แถมมี 7/11 ตั้งอยู่ข้างหน้า ที่ั่นั่งรอก็แสนสบาย หิวก็เดินเข้าไปซื้อ นั่งยังไม่ทันเหนื่อย ก็จับขึ้นรถออกเดินทางแล้ว

อีกอย่าง... ให้รู้เสียบ้างเหตุที่ชอบนัดขึ้นรถตอนเช้ามืด เพราะเขาบอกว่า คนที่ตื่นเช้ากว่าคนอื่น ก็จะทำอะไรได้มากกว่าคนอื่น เพราะเวลามันมากกว่ากัน แล้วชาวคณะนี้ก็แหม.... (ไม่บอก ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) ที่นี้เข้าใจเหตุผล ของชาวคณะหรือยังคะ.... คริ คริ คริ

 

อนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ทุกผู้ ทุกนาม ด้วยค่ะ

รีบปั้มเลยค่ะน้องนะ ยังมีเวลาอีกหลายวันค่ะ (good)

ถ้าอยากจะไปจริงๆ ก็ตั้งจิตขอซิคะน้องที ถ้าจะได้ไปก็จะไม่มีเหตุอะไรมาขวางเหมือนทุกคราวหรอกค่ะ (smile)

ด้วยความยินดีค่ะน้องติ๊บ ;aa24

ขอบคุณค่ะ ถ้าสดวกมาร่วมบุญกันที่ี่วัดญานฯ ก็ได้นะคะ เบอร์หญิงอยู่ในกระทู้นี้แล้ว โทรหาได้เลยค่ะ;aa8

 

อนุโมทนาสาธุ

.....มีสอบถามหลังไมค์เข้ามาเยอะ เรื่องเส้นทางขึ้นเขาคิชฌกูฎ ต้องขอเรียนตรงๆ นะคะว่าหญิงยังไม่เคยไปเลยสักครั้ง เพราะเวลาจะไปทีไรก็ต้องเลยเวลาเปิดให้ขึ้นเขาทุกครั้งไป แต่ถามว่าได้ถามข่าว หรือมีการพูดคุยกับกัลยาณมิตรที่เคยไปหรือไม่ ขอตอบว่า พูดคุยถามตลอด และก็ตั้งใจไว้เลยว่า ถ้ากำลังกายยังมี สังขารยังไหว ยังไงในชีวิตนี้ก็ต้องขอไปกราบสักการะรอยพระบาทพลวงให้ได้อย่างน้อยสักครั้ง
แล้วปีนี้ก็ธรรมะจัดสรร เกือบทุกๆ สถานที่ๆ คิดว่าจะไป ก็ได้ไป และในเมื่อได้มีโอกาสไปทางโน้นแล้ว หญิงเห็นว่าทางภาคตะวันออกยังมีรอยพระุพุทธบาทอีก ๑๕ รอย ตั้งอยู่ในพื้นที่แต่ละจังหวัด ก็เลยถือโอกาสที่ได้เดินทางไป ได้แวะเวียนร่วมสักการะบวงสรวงรอยพระพุทธบาทต่างๆ ในคราวเดียวกัน เท่าที่เวลาจะจัดให้เดินทางไปได้

ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายที่หลายท่านบอกว่า เนื่องในภาวะเศรษฐกิจอย่างนี้ ทำให้บางครั้งไม่สดวกในการเดินทางไปร่วมบุญ หญิงขอชี้แจงให้ทราบว่า คณะฯ ของหญิง เป็นคณะที่รวมตัวกันขึ้นมาเพืื่่อเดินทางไปแสวงบุญในที่ต่าง ๆโดยเฉพาะ พวกเราไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ เพราะฉะนั้นในการเดินทางไปแต่ละทริป พวกเราจะจัดสรรค่าใช้จ่ายเก็บหารเท่ากันหมดค่ะ เรียกว่า ทำบุญร่วมกัน ทานเหมือนกัน ไม่มีใครแปลกแยก แต่เนื่องจากค่าใช้จ่ายหลักของคณะก็คือค่าพาหนะและค่าน้ำมันที่ใช้ในการเดินทาง ซึ่งมักจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่สามารถลดทอนให้เบาลงไ้ด้ ยิ่งมีการเดินทางที่แวะเวียนหลายจุดก็ทำให้มีค่าใช้จ่ายตรงส่วนนั้นสูง เพราะหญิงถือคติว่า ถ้ามีโอกาสได้ไปแล้ว ที่ไหนที่สามารถเดินทางไปถึงหรืออยู่ใกล้ๆ กัน ก็ควรจะไปไม่ให้เสียเที่ยว หรือเสียโอกาส

แต่ทริปแต่ละทริปที่จัดเป็นทริปธรรมทัศนาจร ก็ไม่ใช่ว่าจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงทุกทริปเสมอไป ถ้าเป็นทริปเล็กๆ ประเภทไปเช้า - เย็นกลับ ตรงนั้นค่าใช้จ่ายก็จะลดลงมาเหลือแค่หลักร้อย เรียกว่า ประมาณ ๒-๓ ร้อยบาทซึ่งก็แล้วแต่วาระ

เพราะฉะนั้นกัลยาณมิตรท่านใดที่ไม่สดวกในการร่วมเดินทาง ก็ขอให้ตั้งจิตอนุโมทนาบุญร่วมกันค่ะ หญิงและชาวคณะขอเป็นสะพานบุญให้ทุกท่านได้ก้าวไปพร้อมกัน เพราะยังไงพวกเราก็ล้วนแล้วแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันทั้งสิ้น คือ มุ่งสู่พระนิพพาน......

 

ขออนุโมทนาุกับคุณ srirote ด้วยค่ะ



<table cellpadding="5" cellspacing="5"><tbody><tr><td>
</td><td colspan="2" align="right">
</td><td>
</td></tr><tr><td>
</td><td colspan="2" align="right">
</td><td>
</td></tr><tr><td>
</td><td colspan="2" align="right">
</td><td>
</td><td>
</td><td colspan="10" align="right">
</td><td>
</td></tr><tr><td>
</td><td colspan="2" align="right">
</td><td>
</td><td>
</td><td colspan="10" align="right">
</td><td>
</td></tr><tr><td>
</td><td colspan="2" align="right">
</td><td>
</td></tr></tbody></table>

 

ประวัติและรอยพระพุทธบาทวัดเขาบางทราย

​

วัดเขาพระบาทบางทรายหรือวัดเขาบางทราย
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของจังหวัด ห่างประมาณ ๒ กิโลเมตร บริเวณวัดอยู่เชิงเขาพระพุทธบาทบางทรายหรือเขาพระบาทสามยอด กล่าวกันว่าพระเจ้าแผ่นดินผู้ครองกรุงศรีอยุธยา (นักประวัติศาสตร์และโบราณคดีให้ข้อสันนิษฐานว่า คือ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) ได้เสด็จประพาสทางเรือมาประทับแรมที่ตำบลนี้ ทอดพระเนตรเห็นว่ามีภูมิประเทศที่งดงามมาก จึงโปรดให้สร้างวัดขึ้นที่เชิงเขานี้ (ระหว่าง พ.ศ.๒๒๔๙ - ๒๒๗๕) และได้สร้างปูชนียสถานไว้อีกหลายแห่ง

ต่อมาพระยาพิชิตชลเขต ผู้กำกับราชการเมืองชลบุรี ได้สร้างวัดพระพุทธบาทบางทรายขึ้นใหม่ในรัชกาลที่ ๕ วัดนี้มีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาท และตึกหลังเล็กภายในมีพระพุทธไสยาสน์ตั้งอยู่บนยอดเขาบริเวณวัดที่ตั้งอยู่เชิงเขามีสิ่งก่อสร้างอาคารต่างๆ เป็นทรงยุโรปสมัยรัชกาลที่ ๕ หลายหลัง มีประเพณีเดินขึ้นไปไหว้พระพุทธบาทบางทรายในวันสิ้นเดือน ๔ จนถึงวันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๕ รวม ๓ วัน ทุกๆ ปี และยังมีงานประเพณีตักบาตรเทโวเทศกาลออกพรรษาด้วย

 

ประวัติการค้นพบรอยพระพุทธบาทพลวง (คิชฌกูฎ)

​

การพบรอยพระพุทธบาทจันทบุรี ออกจะเป็นบุญญาภินิหารของชาวจังหวัดจันทบุรีมิใช่น้อย นับว่าเป็นโชคของพุทธศาสนิกชน และเป็นมิ่งขวัญของชาวจังหวัดจันทบุรี และพุทธศาสนิกชนทั่วทั้งประเทศไทย

เมื่อ พ.ศ. 2397 โดยมีนายติ่งพร้อมด้วยพวกหลายคนด้วยกัน ได้พากันเดินทางขึ้นไปบนเขา เพื่อหากฤษณากะลำพักมาขายทำที่พักไว้บนเขาหลายวัน ตอนกลางวันต่างคนต่างก็ออกไปแสวงหาโชคลาภ วันหนึ่งพากันกลับที่พักไม่ถูก ต่างพากันขึ้นไปพักเหนื่อย เพื่อนคนหนึ่งของนายติ่งได้ถอนหญ้าเพื่อจะนอนพักก็พบแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแม่เท้าได้ เมื่อช่วยกันตรวจดูก็ปรากฏว่าเป็นแหวนทำด้วยนาค เมื่อพบโชคลาภเช่นนี้ก็ช่วยกันถอนหญ้าเพื่อแสวงหาโชคกันใหญ่ ตอนนี้ไม่พบอะไร นอกจากหินแผ่นหนึ่งมีพื้นที่เป็นรูปก้นหอย หลังจากนั้นก็กลับบ้านได้อย่างสะดวกง่ายดาย ต่อมานายติ่ง นายนำ นายปลิ่มได้นำบุตรชายไปอุปสมบทที่วัดพลับ อ.เมือง จ.จันทบุรี เมื่อบวชลูกชายเรียบร้อยแล้ว จึงกลับบ้านไม่ทัน จึงค้างคืนที่วัดนั้น

รุ่งขึ้นก็เป็นงานเทศกาลปิดทองรอยพระพุทธบาทจำลอง นายติ่งจึงซื้อทองไปปิดรอยพระพุทธบาทจำลองนั้น เมื่อปิดแล้วจึงพูดขึ้นว่า พระพุทธบาทที่เขาเช่นนี้ทางบ้านผมก็มีเหมือนกัน พระได้ยินเช่นนั้นก็จึงเรียนให้เจ้าอาวาสวัดทราบ สมัยนั้น หลวงพ่อเพชรเป็นเจ้าอาวาสวัดพลับ จึงเรียกนายติ่งเข้าไปไต่ถาม นายติ่งจึงเล่าความว่าเป็นความจริงเจ้าคณะจังหวัด จึงให้พระไปพิสูจน์ดู นายติ่งเป็นผู้นำทางเมื่อไปพบเข้าก็เป็นความจริงดังที่นายติ่งบอก จึงได้นำแหวนจากนายติ่งไปถวายเจ้าคณะจังหวัด ต่อมาเจ้าคณะจังหวัดได้ไปดูด้วยตนเองไปดูก็เป็นความจริง จึงได้ตรวจดูตามบริเวณนั้นทั่วไป ก็พบสิ่งแปลกประหลาดและสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง ดังนี้

พบรอยพระพุทธบาท นั้นท่านทรงเหยียบจารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนั่งได้เป็นร้อยกว่าคน บนยอดเขาสูงสุด กว่าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร และทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งใหญ่มาก หินก้อนนี้เรียกกันว่า "หินลูกพระบาท" ตั้งขึ้นมามองแล้วน่าแปลกใจและมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ไม่น่าตั้งอยู่ได้เลย มองดูแล้วคล้าย ๆ ลอยอยู่เฉย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นคนก่อน ๆ เล่ากันต่อมาว่า เขาเคยเอาด้าย สายสิญจน์คล้องแล้วหลุดมาได้ พิสูจน์ดูแล้วก็น่าจะเป็นไปได้ ดูโปร่ง ๆ คล้าย ๆ ไม่ติดอะไรเลยและยังมีหินอีกลูกหนึ่งใหญ่มากเหมือนกัน อยู่ตรงกันข้ามกับลูกพระบาทนี้ ก็มีรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ 5 เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้นในก้อนหินนั้นตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่อันนี้เรียกว่า "รอยเท้าพญามาร" เพียงแหงนหน้าขึ้นไปมองจะเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร ต่อจากนั้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง 15 วา ก็มีหินลูกข้างบนเป็นลานจะมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน นี่ก็น่าแปลกมาก ยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือจะเห็น ถ้ำเต่า บนหลังถ้ำจะมองเห็นเป็นรูปเต่า ลักษณะคล้าย ๆ เต่าปลวก ต่อจากนั้นก็หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาท ก็จะพบกับถ้ำช้าง ถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง ๆ เลยจากช้างไปสูงสุดนั้น เราเรียกว่าห้างฝรั่ง ที่เรียกว่าห้างฝรั่ง ก็เพราะฝรั่งไปตั้งห้างส่องกล้องเพื่อทำแผนที่ มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งเรียกันกว่า ถ้ำสำเภา เพราะมีก้อนหินก้อนหนึ่ง ข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา จึงเรียกว่าถ้ำสำเภา ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้เรียกว่าถ้ำตาฤาษี

ที่ของชื่อเขาคิชฌกูฏนั้น ในตำนานศาสนาพุทธกล่าวไว้ว่าเขาคิชฌกูฎอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงราชคฤห์ แปลว่าภูเขาแร้งกระพือปีก มีคันธกุฎีอยู่บนยอดเขา และเคยเป็นสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าในอดีต เป็นความดำริของพระครูธรรมสรคุณซึ่งเป็นกรรมการและเป็นหลักในการพัฒนาพระบาทพลวงตั้งแต่ พ.ศ. 2515 ได้เสนอใช้ชื่อ พระบาทเขาคิชฌกูฎ (พลวง) เหตุผลเพราะเมืองไทยเป็นเมืองพุทธที่พุทธศาสนาเจริญกว่าเมืองไหนๆ แม้กระทั่งประเทศอินเดีย จึงน่าจะใช้ชื่อนี้เป็นที่ระลึกถึงพระบรมศาสดา ในทุกๆ ปีจะมีพิธีเปิดและพิธีปิดการขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทเป็นประจำทุกปี


ขอบคุณที่มา: (คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ, 2544:97-99)
ภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต

 

โมทนาค่ะน้องเตียง

ขอบคุณที่เอา Link มาวาง จะเดินทางไป ขอให้โบกรถได้แต่คนขับดีมีน้ำใจ คุณพระคุ้มครอง ธรรมรักษาค่ะ

ขอบคุณค่ะคุณบุญ คุณบุญไปมาเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่เอาประสบการณ์ตอนเดินขึ้นเขาคิชฌกูฎมาเล่าสู่กันฟังบ้างหรือคะ อยากทราบมุมมองในการเดินขึ้นเขาบ้างค่ะว่าเป็นอย่างไร เพราะหญิงจะทราบข้อมูลจากเพื่อนๆ ที่เป็นผู้หญิงที่ไปมาแล้วทั้งนั้น...