การฝึกพลังจักรวาลและการรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาว สมุนไพรที่จะใช้ในยุคปัจจุบัน

ผมไม่ใช่อาจารย์ แต่พอที่จะเปิดจักระให้ได้และสามารถให้ความรู้เรื่องการฝึกพลังจักรวาลได้พอสมควร ในขั้นเริ่มต้นนะครับ สำหรับผู้สนใจที่จะฝึก หรือผู้กำลังฝึกอยู่

คนที่จะฝึกพลังจักรวาล บางคนยังไม่รู้ว่าตนฝึกแล้วมีพลังเข้ามายังงัย ฝึกแล้วได้อะไร แล้วฝึกยังงัย

ขอกล่าวสั้นๆ ได้ใจความพอเข้าใจกันนะครับ ถ้าใครมีข้อสงสัยก็สอบถามเข้ามาได้ผมจะพยายาม หาข้อมูลและความรู้เข้ามาเสริมให้นะครับ
คนที่ฝึกพลังจักรวาลเพียงเพื่อเอาไปรักษาตนเอง รักษาญาติพี่น้อง ก็ไม่จำเป็นต้องไปเปิดจักระอะไรเลยครับ ทำไม
เพราะ คนแต่ละคนก็มีความสัมพันธ์กับพลังจักรวาล กันอยู่ทุกวัน ทุกเวลา แต่เราไม่รู้เรื่องและไม่ใส่ใจที่จะรู้เรื่องกันเท่านั้น
คนทุกคน ในแต่ละเชลล์ของร่างกายจะมี ขั่วแม่เหล็กที่เป็น บวก และ ลบ กันทุกเชลล์ และในอากาศอันว่างเปล่า เราทุกคนก็พอจะทราบอยู่บ้างว่ามี กระแสไฟฟ้า ที่มีขั่วบวก ขั่วลบ กันอยู่ ในปรากฏการณ์ ฟ้าร้องฟ้าผ่า เป็นต้น
ฉะนั้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ร่างกายเรา มันจะต้องเกี่ยวพันกับพลังงานที่มีประจุไฟฟ้าในอากาศนั่นแน่นอน เพราะว่า
การตื่นขึ้นของเชลล์ในร่างกายเราที่มีขั่วบวกขั่วลบอยู่นั้น มันต้องใช้พลังหรือประจุไฟฟ้าที่อยู่ในอากาศเข้ามาทำปฏิกิริยากับเชลล์ในร่างกายของเรา เพื่อให้เชลล์มันตื่นและมีการหมุนเวียนของพลังในร่างกายเราตลอดเวลา
โดยจะใช้จุดที่รับเอาพลังงานที่อยู่ในอากาศเข้ามา โดยส่วนมากจะใช้จุดที่กลางกระหม่อมของเราเป็นการรับพลังงานที่มีประจุขั่ว บวก เข้ามา
และจุดส่วนล่างทางอวัยวะเพศจะเป็นจุดที่รับประจุขั่ว ลบ เข้ามา
ทีนี้เราพอจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วนะครับ ว่าเราสัมพันธ์กับพลังจักรวาลอย่างไร
ฉะนั้นคนทุกคนทุกเพศทุกวัยจึงสามารถฝึกพลังนี้ได้ ส่วนจะรับได้มากได้น้อยหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าใครมีเวลาฝึกมากน้อยเพียงไร
ต่อให้ท่านไปรับการเปิดจักระมา แต่ท่านไม่มีแนวทางไม่มีวิธีการฝึกท่านก็จะไม่สามารถรู้เลยว่าท่านฝึกแล้วพลังมันเป็นยังงัย
บางคนอาจจะบอกว่า ยังยึดติดอยู่กับท่าทาง ยังยึดติดอยู่กับวิธีการ แต่ผมขอบอกนะครับ คนที่เริ่มฝึกถ้าคุณยังไม่รู้แนวทางการฝึกต้องฝึกยัง ต่อให้คุณเสียเงินเพื่อรับการเปิดจักระ คุณก็ไม่รู้อยู่ดี ว่าคุณสามารถใช้พลังนี้ได้ให้เกิดประโยนช์ได้อย่างไร
ผมไม่ขอรับคำโต้แย้งในกระทู้นี้นะครับ เพราะผมก็กำลังฝึกอยู่เหมือน แต่ถ้าถามว่า อยู่ขั้นใหนนั้นคุณไม่ต้องไปสนใจนะครับ เพราะคนที่บอกว่าอยู่ขั้นนี้แล้ว ถึงตรงนี้แล้วนั่นแหล่ะคือการเอาจิตของตัวเองไปยึดติดอยู่กับขั้นนั่นขั่นนี่
การฝึกพลังจักรวาลที่แท้จริงนั่นคือ การทำร่างกายของเราแข็งแรงอยู่ตลอดเวลา
การที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงอยู่ตลอดเวลานั้น คือ การจัดระเบียบของเชลล์ในร่างกายให้มันตื่นตัวอยู่ตลอดโดยให้มันเรียงตัวกันอย่างมีระเบียบ ขั่วบวก ขั่วลบให้มันเรียงตัวกันอย่างมีประสิทธิภาพพลังงานที่เกิดขึ้นมันก็จะวิ่งได้ตลอดเหมือนไฟฉายที่เราใส่ถ่านแล้วเรียงขั่วบวก ขั่วลบให้ถูกต้องมันถึงมีกำลังไฟฟ้าส่องออกมาเป็นแสงสว่างให้เราได้
แต่ถ้าคนที่ฝึกพลังจักรวาลแล้วหน้าแก่ หน้าเหี่ยว ไม่สดใส ไม่เต่งตึง ร่างกายไม่สมบูรณ์ แสดงว่ายังฝึกไม่ถูกวิธี คือจะพูดยังงัยดีละ เดี่ยวไปโดนหลายๆคนเข้า ดูตัวอย่างอาจารย์หรือปรมจารย์ของวิชานี้ ก็คือ ท่านอาจารย์ ดาสิดา นาราดา นั่นแหล่ะครับ หน้าตาท่านจะสดใส ผิวพรรณมีประกายหน้ามอง แล้วคนที่บอกว่าอยู่ขั้นนั่น ขั้นนี้แล้วนั่น บอกได้เลย ว่าท่านยึดติดเข้าไปแล้ว คนที่สามารถใช้วิชานี้ได้ จริง คือคนที่สามารค เปิดรับพลังจักรวาล และสามารถปิดรับพลังจักรวาลได้ ไม่ใช่เปิดตลอดเวลา ถ้าเปิดตลอดเวลาแล้วยังปิดไม่เป็นก็จะเป็นอันตรายต่อบุคคลรอบข้างและต่อตนเอง การฝึกรับพลังจักรวาลให้ได้มากขึ้นนั้นก็ไม่อยากครับ เดี่ยวผมจะอธิบายต่อไป ช่วงนี้พอก่อนนะครับ มีเสียงตอบรับมายังงัย พอที่จะเพิ่มข้อมูลได้ ใหม หรือว่า จะมีแต่คนเข้า มาด่า มาว่า 55555 อย่ายึดติดในตัวกู ของกู ต่อไปอีกเลยนะครับ มีอะไรก็ปล่อยๆๆ วางๆๆ เสียบ้าง
วาง เพื่อ ให้ว่าง ว่างเพื่อ ดับศูนย์ อ่านก่อนนะครับ อย่าเพิ่งมาสวด ชยันโตให้ผม แล้วจะมาต่อให้นะครับ ฝึกพลัง ต้องรู้ว่าพลังเป็นยังงัย เอาแบบเริ่มต้นนะครับ ไม่เอาแบบจรวด เมื่อคุณฝึกได้ที่แล้ว ท่าทางการฝึกก็ไม่ยึดมันแล้วครับ เราสามารถดึงพลังได้ทุกเวลา และปิดพลัง คำว่าปิดนี่ไม่ใช่ ปิดเลยนะครับ คือไม่ให้มันเข้ามามากตลอดเวลา เพราะยังงัยคนเราก็มีพลังจักรวาลเข้าออกอยู่ตลอดเวลาอยู่แล้วครับ

 

สนใจครับต้องทำไงบ้างครับผม เมลล์ผมครับ aoonjang@hotmail.com

 

ขอบคุณค่ะ สนใจค่ะ และมาให้กำลังใจด้วยค่ะ

 

ขอความรู้ด้วยครับ

 

โอเค ครับ
เริ่มต้นเรามาทำความเข้าใจเกี่ยวกับพลังงานที่เข้าสู่ร่างกายเราก่อนนะครับ
พลังงานจะเข้าสู่ร่างกายเราโดยผ่านจุดต่างๆที่เรียกว่า จักระ หรือ จุด ในร่างกายเรามีจุดที่พลังงานหรือพลังจักรวาลในที่นี้บางครั้งผมจะเขียนเป็นพลังงานนะครับ เอาที่สำคัญๆ มี 7 จุดนะครับที่สำคัญนะครับขอย้ำ
พลังงานที่เข้าจุดหลักๆ ก่อนนะครับ
จุดแรก คือจุดกลางกระหม่อม เรียกว่า จุดที่ 7 หรือจักระ 7 เราจะรู้สึกได้โดยการกำหนดนึกถึงกลางกระหม่อแล้วจะมีความรู้สึก ตรึงๆที่กลางศรีษะด้านบนสุดไม่ใช่ในศรีษะนะครับ
พลังงานที่ผ่านจุดนี้ จะเป็นจุดสำคัญในการนำพลังงานประจุที่เป็น บวก เข้าสู่ร่างกายครับ
ความรู้สึกที่ได้ คือ จะค่อยๆมีความร้อนแผ่ลงมาตามหน้า ต้นคอลงไปเรื่อยๆๆ
พลังงาน บวก ตัวนี้จะเข้าไปจุดประกายหรือทำปฏิกิริยากับขั่วลบที่อยู่ในเชลล์ของร่างกายเรา ถ้าไปเจอขั่วบวกก็จะผลัก กันเหมือนแม่เหล็ก นั้นแหล่ะครับ ก่อให้เกิดความร้อนขึ้นมา ทีนี้บางคนเมื่อฝึกไปมากๆ พลังความร้อนจะมีมาก จนแผ่ออกมา บางทีคนข้างๆ จะรู้สึกอึดอัด และได้รับไออุ่นๆนั้นไปด้วย ซึ้งก็หมายความว่า พลังงานที่เข้ามามันมากเกินไปจนไปทำลายเชลล์บางตัว ทำให้เกิดการเหนี่ยวยนของร่างกายเร็วขึ้น เอาแค่ก่อนนะครับในส่วนนี้
มาดูอีกจุดหนึ่ง จุดนี้เรียกว่า จักระ 1 หรือเรียกง่ายๆว่า จุด 1
จุดนี้ครูบาอาจารย์ทั้งหลายบอกเตือนไว้ว่า พยายามอย่าไปยุ่งกับมัน แต่ผมขอบอกได้เลยว่า จุดนี้แหล่ะสำคัญ เพราะจุดนี้จะรับพลังงานที่เป็น ขั่วลบ เข้ามาแล้วมันสำคัญตรงที่สามารถไปหักล้างพลังงานขั่วบวกที่เข้ามามากเกินไป
เมื่อเราฝึกเปิดจักระตัวนี้ มันจะมีความรู้สึกร้อนมากตรงจักระที่ 1 แต่ว่า มันจะส่งพลังงานความเย็น <<< ให้เข้าใจตรวนี้นะครับ มันร้อนแต่ส่งพลังงานความเย็นขึ้นมาจากกระดูกก้นกบของเราวิ่งขึ้นมาตามสันกระดูกสันหลังของเราจนถึงกลางกระหม่อมของเราเลยทีเดียว
นี่คือจุดสำคัญในการฝึกพลังจักรวาลที่แท้จริง
คือจุดที่ 7 ทำให้เชลล์ตื่นขึ้นจนเกิดความร้อนแผ่ออกมา
ส่วนจุดที่ 1 จะทำให้เกิดพลังความเย็นขึ้นมาหักล้างพลังงานความร้อนที่มากเกินไปและสามารถ ซ่อมแซมเชลล์ส่วนที่สึกหร่อให้กลับคืนได้โดย ให้เราทำการร้องขอหรืออธิฐานในใจ <<<< จะบอกในขั้นตอนต่อไปนะครับ
ตอนนี้บางคนอาจจะเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วนะครับ และต่อไป ถ้าคุณอยากรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้มากที่สุดหรือยาวนานที่สุด มันสำคัญอยู่ที่ จุดที่ 1 และจุดที่ 2 ครับ เอาง่ายๆไปก่อนนะครับ คนที่ไม่ค่อยมีเซกส์ หรือมีการรักษาพรมจรรย์ไว้ คนนั้นจะรักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ยาวนาน โดยสามารถดึงเอาพลังจักรวาลมาต่อเติมเพิ่มพลังให้เชลล์ในร่างกายเราคงความแข็งแรงไว้ได้ตลอด แต่ขอบอกไว้อย่างหนึ่งนะครับ สำหรับคนที่เป็นหมอหรือแพทย์ท่านไปศึกษาหรือวิจัยต่อนะครับ
ว่า ทำยังยังให้เชลล์ในร่างกายของเรามันเรียงตัวกันอย่างมีระเบียบโดยขั่วบวก ขั่วลบ ให้มันเรียงเหมือนเราใส่ถ่านไฟฉายให้ได้ แล้วเราจะพบว่า เราสามารถคงความเต็งตรึงของร่างกายเราไปได้ตลอด <<<< ซึ่งตรงนี้บุคคลในยุคแอตแลนติส สามารถคันพบได้ แต่เขามีความใจแคบตรงที่ถ่ายทอดให้แก่กลุ่มคนที่เป็นระดับผู้นำของยุคนั้นเท่านั้น ซึ่งมันเป็นความใจแคบที่คนอื่นยอมไม่ได้ จนนำไปสู่การล่มสลายของอนาจักรแห่งนั้น
ต่อไปจะมาเขียนถึง ความสำคัญของ 7 จุดนั้น ส่วนใครที่จะฝึกก็ทำได้เลยนะครับ หาเวลาว่างๆ นั่งสมาธิโดยการ วางทั้ง 2 ข้างบนหัวเขา นิ้วโป้งแตะกับนิ้วชี้ ส่วนนิ้งอื่นๆ ปล่อยเหยีอดออกไป ไม่ต้องฝืน สูดลมหายใจเข้าลึกสัก 3 ที แล้วกำหนดนึกไปที่จุดที่ 7 ตรงส่วนบนกลางศรีษะ ถ้ายังไม่ได้ให้ใช้นิ้วชี้ไปวางชี้ตรงจุดที่ 7 ก่อนเพื่อให้จิตหรือความรู้สึกของเราไปอยู่ตรงจุดนั้น ค่อยๆทำไปไม่ต้องรีบร้อนนะครับ เมื่อเรากำหนดนึกหรือใช้จิตความรู้สึกไปจับตรงส่วนบนกลางกระหม่อมได้แล้วมันจะรู้สึกตึงๆ นั่นแหล่ะปล่อยมันไว้อย่างนั้น
ทีนี้ ให้เราสักเกตุตรงฝ่ามือทั้ง 2 ข้างเราจะรู้สึกว่า ตรงกลางฝ่ามือและตามปลายนิ้วของเราแต่ละนิ้วมันจะตึงและรู้สึก ซ่าๆๆๆ นั่นแหละครับพลังงานได้วิ่งผ่านจุดที่ 7 เข้ามาแล้วโดยเราสังเกตุที่ฝ่ามือของเรา ค่อยๆฝึกไปวันละนิดละหน่อย ถ้ามันร้อนมาก หรือจุดที่ 7 มันตึงตลอดเวลา เราก็เปลื่ยนจิตหรือกำหนดจิตของเราไปอยู่ที่อื่นครับ อยู่ตรงใหนก็ได้ที่ไม่ใช่จุดที่ 7 ครับ
อย่าเพิ่งใช้เวลามากในการฝึก เพราะจะทำให้เรานอนไม่หลับ

 

บางคนอาจจะสงสัย ว่าที่ผมเขียนนี้ ผมได้รับการเปิดจักระหรือยัง
ผมได้รับการเปิดจักระแล้วครับ ทั้งจากอาจารย์ที่เป็นคนไทย ทั้งจากอาจารย์ที่เป็นอินเดียครับ
คนอินเดียเขาเปิดจักระไม่เหมือนคนไทยครับ เปิดทีเขาจะไม่ยั้งครับเปิดให้เต็มทีจนสลบไปเลยก็มีครับ เพราะเขาไม่กลัวว่าพลังที่ให้ไปมันจะเป็นอันตรายครับมันเป็นสิ่งที่ดีครับ แล้วไม่มีว่า ถึงขั้นใหนแล้ว ไม่มีครับ ถ่ายพลังเสร็จคุณไปฝึกเอาเอง ว่าจะก้าวหน้าถึงไหนแล้วแต่คุณครับ
ถ้าถามผมว่า ผมเปิดได้ใหม ผมเปิดได้ครับ แต่ไม่ค่อยอยากจะเปิดให้ 5555 เพราะถ้าผมเปิดให้แล้วผมจะคอยติดตามคุณ สอบถามคุณว่า ฝึกไปถึงไหนแล้ว ฝึกอยู่ใหม ถ้าไม่ฝึก ผมจะส่งจิตไปหาแล้วก่อกวนให้ลุกขึ้นมาฝึกช่วงเวลาตี 4 เป็นต้นไป 5555 พูดเล่นนะครับแต่ถ้าคุณฝึกเองได้เปิดเองได้มันจะสร้างความมั่นใจในตัวคุณเองครับ ว่าคนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้
ผมเคยเปิดจักระให้แค่ 2 คนเท่านั้นและเขาก็ฝึกได้จนทุกวันนี้
ฝึกจน เอานิ้วชี้ไปจี้ที่หัวสิว จนหัวสิวใหม้และยุบไปเลย 55555 ไม่มีอะไรทำงัยครับ เลยทำไปงั้นๆ ฝึกด้วยตัวท่านเองแล้วท่านจะมีความองอาจในตัวเองครับ

 

รูปภาพข้างบน เป็นการแสดงจักระหรือ จุดที่ สำคัญทั้ง 7 จุดครับ นับจากข้างล่างสุด เป็นจักระที่ 1 และ 2 3 4 5 6 7 ขึ้นไปตามลำดับ ไม่ต้องไปจำมันชื่อว่าอะไร รู้แต่ว่ามันอยู่ตรงจุดใหนก็พอ ส่วนสีหรือความสำคัญของแต่ละจักระนั้นคงไม่ต้องอธิบายนะครับ เพราะเสริชคำว่า จักระ ก็มีเพียบแล้วครับ ไปอ่านเพิ่มเติมได้ครับ
ต่อไปผมจะแนะนำ การเพิ่มพลังเข้าสู่จักระของเราได้อีกทางหนึ่ง คือ การออกกำลังกายครับ วันละ 10 นาทีก็พอแล้ว เดียวเขียนให้นะครับ

 

การออกกำลังกายที่จะเขียนเป็นการออก กำลังกาย เพื่อให้พลังงานวิ่งเข้าสู่ร่างกายของเราให้มากขึ้น ความสำคัญของแต่ละท่าจะสัมพันธ์กับการตัดกันของสนามแม่เหล็กโลก กับ เชลล์ที่อยู่ในร่างกายของเราครับ เดี่ยวมีรูปภาพประกอบนะครับ พยายามจะเขียนให้ครบภายในวันนี้ครับ
เพราะวันพรุ่งนี้ ไปถึงวันศุกร์จะไป ปักกรด ฝึกจิตเพิ่มเติมสัก 3 คืน ใครมีคำถามหรือข้อเสนอแนะ ก็เขียนไว้ได้เลยครับ คาดว่าจะกลับมาวันศุกร์ครับ เป็นอย่างนี้ละครับ ผมจึงไม่ค่อยอยากจะตั้งกระทู้ในเวปสักเท่าไหร่ เพราะไม่ค่อยมีเวลามาเขียนให้มันต่อเนื่อง อย่างกระทู้ ธรรมะจากอาจารย์ปริญญา ก็ไม่มีเวลาเข้าไปเขียนเลย
พอกลับมาคงเขียนได้ถึงวันที่ 14 ครับ จากนั้นก็ไปปักกรด อีก 7 วัน 555 กลายเป็นฤาษีไปเลย ช่วงนี้ต้องเดินทางไปปลดปล่อยวิญญาณ มากๆ หน่อยครับ เพราะ มีบางคนไป พยายาม กดเขาไว้ ทำให้เขาโกรธแค้นเป็นอย่างมาก ปล่อยไว้เดี่ยวเป็ยอันตรายต่อผู้คน ที่ไม่รู้เรื่อง เฮ้ย มนุษย์นี่หนอ ทำอะไรไป ไม่คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยจริงๆๆๆ

 

ขอบคุณค่ะ เข้าใจง่ายดีค่ะ แล้วมาอธิบายต่ออีกนะค่ะ

 

ขอบคุณครับ
กลับมาแล้วครับ
ผมจะเริ่มการออกกำลังกาย ที่สามารถเพิ่มการดึงพลังงานจากจักรวาลเข้ามาสู่ร่างกายของเรานะครับ
ซึ่ง ผมก็ทำอยู่ แต่ไม่ทุกวันเท่าไร ครับ แต่ถ้าใครทำได้ทุกวันก็จะยิ่งดีครับ
ผลที่ได้ ถ้าทำช่วงเย็นต้องระวังเรื่องการนอนไม่หลับด้วยนะครับ เพราะพลังจะวิ่งเข้ามาทั้งคืน
และร่างกายทุกส่วนจะแข็งแรง เนื้อจะแน่น เต็งตึงอยู่ตลอดครับ ลองทำดูนะครับ

วิชาเพื่อรักษาความหนุ่มแน่และความสาวสวยไว้อย่างยาวนาน
เคล็ดวิชานี้ได้สืบทอดต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว ที่วิหารลี้ลับในแถบเทือเขาหิมาลัย
กระบวนท่าจะมีอยู่ 5 ท่าและท่าที่ 6 เป็นท่าที่เหมาะสำหรับคนที่ละวางอารมฌ์ทางเพศได้แล้วครับ
ขอเข้าหลักการทางวิชาการสักหน่อยนะครับ
พลังจักรวาลส่งผลโดยตรงต่อการทำงานของระบบไร้ท่อในร่างกาย
ทางการแพทย์เริ่มพบแล้วว่า การแก่เฒ่าของคนเราเป็นกระบวนการที่ถูกควบคุมโดยฮอร์โมนที่หลัง่มาจากต่อมไร้ท่อเหล่านี้ โดยเฉพราะจาก จักระที่ 6
กระบวนท่า 5 ท่านี้ เป็นการฟื้นฟูร่างกายเพื่อเปิดรับพลังงานที่เข้ามาจากจักรวาลได้เข้าสู่ร่างกายของเราอย่างมีประสิทธิภาพ
ถ้าคุณตัดสินใจที่จะฝึกหัดตามหลักวิชาอันนี้อย่างแน่นอนแล้ว คุณจะต้องระลึกอยู่เสมอว่า
1.คุณจะต้องตระหนักว่า คุณเป็นบุคคลพิเศษที่ไม่ธรรมดาที่สามารถมองเห็นข้อจำกัดในวิธีคิดและทัศนะของสามัญชนในเรื่องความแก่ชรา

2.คุณต้องตระหนักดีว่า ตัวคุณเองเป็นบุคคลที่มีคุณค่าพอที่รักษาความเป็นสาวให้ยั่งยืนนานเท่านาน เพราะคุณเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าต่อสังคมนี้และต่อโลกใบนี้

สิ่งสำคัญแรกที่ผมจะบอกก็คือ
ร่างกายของคนเรามีศูนย์พลังงานอยู่ 7 แห่ง ภาษาสันตกฤตเรียกว่า จักร
จักรนี้เป็นสนามไฟฟ้าที่ทรงพลังมาก มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง

เมื่อมนุษย์มีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีมาก จักระเหล่านี้แต่ละอันจะหมุนด้วยความเร็วที่สูงมาก ถ้าจักรบางจุดหมุนช้าลง คนผู้นั้นจะเริ่มแก่ชราและมีร่างกายอ่อนแรงลง

 

การหมุนของจักระ ด้วยความเร็วสูงที่สูงมากนี้จะทำให้ พลังชีวิต ที่เรียกว่า ปราณ หรือ พลังงานจากจักรวาล ไหลเข้าและไหลขึ้นไปตลอดทั่วระบบต่อมไร้ท่อในร่างกาย แต่ถ้าจักระ หมุนช้าลงการหมุนเวียนของพลังงานจากจักรวาล จะน้อยลง ซึ่งนำไปสู่การเจ็บไข้ได้ป่วยและแก่ชราเร็วขึ้น
วิธีที่เร็วที่สุดในการฟื้นฟูสุขภาพความมีชีวิตชีวา และความเป็นหนุ่มเป็นสาวก็คือ ต้องทำให้จักระเหล่านี้กลับมาหมุนด้วยความเร็วสูงตามเดิม

กระบวนท่าที่ 1
กระบวนท่านี้จะทำให้ตัวเราทุกส่วนเคลื่อนไหว ตัดกับเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลก พลังงานไฟฟ้า ประจุ บวก และ ลบ จะเข้ามาเกาะเกี่ยวกับ เชลล์ในร่างกายของเราได้มากขึ้นครับ

ก่อนอื่นยืนตัวตรง กางแขนสองข้างขนานกับพื้น แล้วหมุนรอบตัวเอง ถ้าเราอยู่เหนือเส้นศูยน์สูตร ให้หมุนจากซ้ายไปขวามือตามเข็มนาฬิกา ถ้าอยู่ใต้เส้นศุนย์สูตร ให้หมุนกลับทิศกันครับ ตรงนี้สำคัญมากนะครับ
ให้หมุนจนคุณรู้สึกตาลายเวียนศีรษะเล็กน้อยจึงหยุด ถ้าเป็นผู้ใหญ่ ในช่วงแรกๆ ควรหัดหมุนตัวไม่เกินหกครั้ง อย่าไปฝึกหัดมากกว่านั้น ถ้ารู้สึกตาลายให้นั่งหรือนอนนิ่งๆ พักสักครู่

 

แล้วเราอยู่เหนือหรือใต้เส้นศูนย์สูตรครับ

 

เราอยู่เหนือครับ ตอนนี้
เมื่อมีการเคลื่อนย้ายสนามแม่เหล็กโลกเสร็จเมื่อไหร่(การชำระล้างครั้งสุดท้ายประเทศเราจะอยู่ใต้ครับ แต่ตอนนี้เราอยู่เหนือครับ)

 

กระบวนท่าที่ 2

ท่านี้เป็นการกระตุ้นจักระทั้ง 7 จุด ต่อจากกระบวนท่าที่ 1 ที่มุ่งกระตุ้นจักระให้ทำงานมากขึ้น
ในท่าที่ 2 นี้ ให้ผู้ฝึกนอนราบลงกับพื้น หงายหน้ามองเพดาน ถ้าจะให้ดีควรนอนบนพรมหรื่อเสื่อนุ่มๆ เพื่อป้องกันไอเย็นจากพื้นไม่ให้ชำแรกเข้าสู่ร่างกาย จากนั้นเหยียดแขนทั้ง 2 ข้างออกไปแนบลำตัว วางฝ่ามือทั้งสองควำ่ลงกับพื้น นิ้วทั้งหมดชิดกัน เงยศีรษะชึ้นมาจากพื้นเก็บคางไว้แนบหน้าอกยกขาทั้งสองข้างจนตั้งฉากกับพื้น ขาทั้ง สองจะต้องเหยีอดตรงชี้ฟ้า ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทั้งหมดแล้วเริ่มกระบวนท่านี้ใหม่ อาทิตย์แรกควรทำแค่ 3 ครั้งต่องวันก่อนนะครับ

ในแต่ละครั้งที่กระทำท่านี้ จังหวะการหายใจควรจะสม่ำเสมอ คือ หายใจเข้าให้ลึกขณะที่ยกศีรษะกับท่อนขาขึ้นมา และหายใจออกช้าๆ ขณะที่วางศีรษะกับท่อนขาลงกับพื้น ในระหว่างการพักท่าผู้ฝึกจะต้องผ่อนคลายทุกส่วนของร่างกายให้เต็มที่

 

เข้ามาอ่านทุกวัน ให้กำลังใจ ขอฝึกด้วยคนค่ะ

 

ขอบคุณครับ

กระบวนท่าที่ 3

กระบวนท่านี้ควรฝึกหัดต่อเนื่องทันทีจากกระบวนที่ที่ 2
ก่อนอื่น คุกเข่าทั้งสองลงกับพื้น ลำตัวตั้งตรง สองมือวางไว้ที่ต้นขาทั้งสองข้าง จากนั้นก้มศีรษะและลำคอไปข้างหน้า เก็บคางแนบหน้าอก เสร็จแล้ว งอศีรษะและลำคอไปทางด้านหลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมกันนั้นก็ดัดสันหลังให้โค้งงอตามไปด้วยขณะที่ดัดหลังให้ผู้ฝึกใช้มือจับต้นขาเอาไว้เพื่อพยุงลำตัว แล้วจึงกลับมาอยู่ที่ท่าเดิม ก่อนจะเริ่มทำท่านี้ใหม่ ควรเริ่มทำ 3 ครั้งในอาทิตย์แรกก่อนนะครับ
ในขณะที่หัดกระบวนท่าที่สาทนี้ ผู้ฝึกควรจะหายใจเข้าให้ลึกขณะที่งอลำตัวไปข้างหลัง และหายใจออกขณะที่กลับมาตัวตรงอีก ควรที่จะหลับตาขณะที่ดัดตัวเพื่อเพ่งสติความนึกคิดเข้าไปข้างใน และขจัดความนึกคิดที่รบกวนต่างๆ ออกไปจากใจ

 

ขอแทรกหน่อยนะครับ ให้ท่านไปหาซื้อ ศรีจักราจะเป็นแบบใหนก็ได้ครับ ผมเห็นวางขายแถวๆพาหุรัดก็มีครับ
วิธีการให้เราเอาสร๊จักรานี้ มาทำการดึงเข้า ดึงออก ตรงใกล้ๆ แต่ละจักระ แล้วเราจะรู้สึกถึงแรงดึงดูระหว่างจักระกับ ศรีจักรา


โดยหันด้านปลายแหลมเข้าหาตัวเองนะครับ มันจะช่วยเปิดจักรและ ดึงพลังงานจากจักวาลเข้ามาได้ด้วยครับ
วิธีการสัดพลังจักรวาลที่เข้ามาว่า มากน้อยขนาดใหน ให้เรายกมือทั้ง 2 ข้างขึ้นมาลักษณะขนานกันแล้ว ดึงมือเข้า ออก คล้ายการตบมือแต่ฝ่ามือไม่กระทบกัน ทำช้าๆ แล้วเราจะรู้สึกของพลังดูด และผลักกัน นั่นแหล่ะครับ พลังจักรวาลผ่านเข้ามาในตัวเราแล้วครับ ถ้าพลังมากระยะห่างของมือที่เรารู้สึกมันจะมากไปด้วยครับ ทำช้าไม่ต้องรีบร้อนจับความรู้สึก การดูดและผลักของพลังนะครับ

 

ขอบคุณครับ ไม่ทราบว่ามีรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิหารลี้ลับที่เทือกเขาหิมาลัยไหมครับ ที่นั่นเขาเรียกว่า จัมบาลา หรือเกี่ยวกับลามะธิเบตยุคก่อนหรือไม่ครับ

 

สนใจศรีจักรา อะ เพิ่งรู้จัก ท่าบริหารยังมีอีก 2 ท่า หรือป่าวครับ ขอบคุณครับ
ตย.1-3

<object width="425" height="344">


<embed src="http://www.youtube.com/v/9VWzfwLK1K4&hl=en&fs=1" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="425" height="344"></object>