นางแก้วคู่บารมีพระโพธิสัตว์ นางผู้คอยช่วย

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 2 มิถุนายน 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    [​IMG]


    เกริ่นนำเกี่ยวกับพระโพธิสัตว์และนางแก้ว


    พระโพธิสัตว์คือผู้ที่เวียนว่ายตายเกิดชาติแล้วชาติเล่าในการสั่งสมบารมีให้เพียงพอ
    เพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึงในชาติสุดท้ายของท่าน
    เพื่อที่จะได้สั่งสอนผู้คนในยุคของท่านที่พอสอนให้เข้าถึงธรรมได้มีความพร้อม
    เพื่อสอนให้ถึงความหลุดพ้นและเข้าสู่พระนิพพาน
    อันพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดและเข้าสู่บรมสุข


    นางแก้วคือคู่บารมีของพระโพธิสัตว์ที่มีการเกื้อกูลกันช่วยเหลือกันในบางชาติ
    และสนับสนุนในการสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ในบางชาติให้สำเร็จผล
    (เช่นชาติที่เป็นพระเวสสันดรของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันที่
    ถวายภรรยาเป็นทานเป็นการสร้างมหาบารมีวิสัยพุทธภูมิ)


    โดยนางแก้วนั้นชาติที่เด่นๆที่สุดนอกจากชาติที่มาสร้าง
    มหาบารมีพิเศษร่วมกับพระโพธิสัตว์คู่บารมีแล้ว
    ชาติที่สำคัญๆที่ขาดนางแก้วไม่ได้คือชาติที่พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ
    เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ(พระบรมกษัตริย์ซึ่งเกิดขึ้นในบางยุคเพื่อ
    ปกครองโลกทั้งใบให้อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข)และพระเจ้าจักรพรรดิจะมีของวิเศษอยู่ 7 ประการ
    ซึ่งหนึงในนั้นคือนางแก้ว(อัครมเหสีนั้นเอง)ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างพระเจ้าจักรพรรดิในการสร้างพระบารมี
    (สำหรับพระโพธิสัตว์แล้วชาติที่เป็นพระเจ้าจักรพรรดินับว่าเป็นการสร้างบารมีได้
    ยิ่งใหญ่และมากที่สุดชาติหนึงกำลังจักรพรรดิจึงมากและน้อมนำมา
    เป็นบารมีของพระพุทธเจ้าด้วยจึงมีพระพุทธเจ้าปาง
    ทรงเครื่องจักรพรรดินั้นเองซึ่งมีกำลังสูงมากครอบจักรวาล)​


    [​IMG]


    จากเกร็ดความรู้ข้างต้นเราจึงได้รับรู้ความสำคัญของนางแก้วบางประการ
    นอกนั้นแล้วยังมีอีกหลายๆชาติของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
    ในสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีนางแก้วเข้ามาเกี่ยวข้อง
    โดยได้คัดสรรบางเรื่องมาให้ได้อ่านกัน ณ ที่นี้
    เพื่อเป็นการสรรเสริญบารมีของนางแก้วทั้งหลายตั้งแต่อดีต
    จนถึงปัจจุบันและอณาคต ถวายเป็น พุทธบูชา
    _________________________



    อ้างอิง http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?p=29482
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2008
  2. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    ผู้ปราถนาพุทธภูมิ(ปราถนาพระโพธิญาณ)ในเว็บนี้คิดว่าเป็นร้อยแล้วนะครับ(เพื่อนผมที่รู้จักกันตอนอยู่ที่กรุงเทพฯ เรียนอภิธรรมด้วยกันก็มีอีกเยอะ) แต่เห็นมีท่านที่ปราถนาเป็นนางแก้ว สัก 2-3 ท่านเท่านั้นเอง น้อยจังเลย ใครปราถนานางแกว้ ก็กล่าวคำปราถนาด้วยจะได้ช่วยกันอนุโมทนาครับ
     
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    [​IMG]


    บทเพลงในสายลม
    Tata Yong feat. ToR+Vejsupapo
    Dangerous Tata

    o ได้ยินในสายลมพัดผ่านมาทุกครั้ง บทเพลงที่ฝังในใจเก่าหวนคืนมา
    มันคือเพลงรักที่เคยถูกเขียนด้วยน้ำตา แว่วมาสั่นไหวหัวใจอีกครั้ง

    o เราเคยได้พบกันมาก่อนจำได้ไหม เพื่อนคนนี้ไม่รู้เธอลืมไปหรือยัง
    เก็บงำคำพูดไม่เคยบอกเธอให้ฟัง จนมันได้สายไปเกินที่จะเอ่ย

    *คำเดียวเท่านั้น ในครั้งนั้นทำไมฉันถึงไม่กล้าบอกเธอ
    เก็บซุกซ่อนเอาไว้ในใจทุกทีที่เจอ คำๆเดียวคือคำว่า ฉันรักเธอ

    o แต่คงจะสายเกินจะบอกเธอใช่ไหม คำพูดทั้งหลายคงต้องเก็บไว้คนเดียว
    กลายเป็นเพลงรักที่ได้แต่รักข้างเดียว และปล่อยให้สายลมมันพัดลอยไป

    กึ่มๆ โพธิสัตว์ กับ นางแก้ว ก็ต้องพบอุปสรรคที่เหมือนโลกธรรม
    ไม่เข้าใจการแสดงออกของกันและกัน มันไม่เหมือนคนธรรมดา
    เขาแสดงออกกัน

    กายเหินห่าง แต่ทว่า จิต ไม่เคยทิ้งกัน

    มันเป็นเรื่องของ จิต ที่ไม่ใช่เรา หากมีเรา เราจึงไม่เข้าใจ จิต
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2008
  4. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    จาริยาปทานของนางแก้ว องค์ที่เป็นเอก

    ยโสธราเถริยาปทานที่ ๘
    ว่าด้วยบุพจริยาของพระยโสธราเถรี
    [๑๖๘] ดิฉันมีฤทธิ์มาก มีปัญญามาก มีภิกษุณี ๑,๑๐๐ องค์ เป็นบริวาร
    เข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ถวายอภิวาทแล้วเห็นลายลักษณ์กงจักร
    ของพระศาสดา แล้วนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนหนึ่ง ได้กราบทูลว่า
    หม่อมฉันมีอายุ ๗๘ ปี ล่วงเข้าปัจฉิมวัยแล้ว ถึงความเป็นผู้มีกาย
    เงื้อมลงแล้วขอกราบทูลลาพระมหามุนี หม่อมฉันมีวัยแก่ มีชีวิต
    น้อย จักละพระองค์ไป มีที่พึ่งของตนได้ทำแล้ว มีมรณะใกล้เข้ามา
    ในวัยหลัง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันจักถึงความดับในคืนวันนี้
    มิได้มีชาติ ชรา พยาธิและมรณะ จักไปสู่นิพพานที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง
    เป็นบุรีอันไม่มีความแก่ ความตายและไม่มีภัย บริษัทเข้าเฝ้าพระองค์
    อยู่ รู้จักความผิด ขอประทานโทษ ณ ที่เฉพาะพระพักตร์พระองค์
    เมื่อหม่อมฉันท่องเที่ยวไปในสงสาร หากมีความพลั้งพลาดใน
    พระองค์ ขอพระองค์ทรงโปรดประทานโทษแก่หม่อมฉันเถิด.
    พระมีผู้พระภาคตรัสว่า
    ดูกรท่านผู้ปฏิบัติตามคำสอนของเรา ท่านจงแสดงฤทธิ์ และตัดความ
    สงสัยของบริษัททั้งปวงในศาสนาเถิด.
    พระยโสธราเถรีกราบทูลว่า
    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันชื่อยโสธราเป็นปชาบดีของพระองค์
    เมื่อยังทรงครองอาคารวิสัย เกิดในศากยสกุลตั้งอยู่ในองค์สมบัติ
    ของหญิง ประเสริฐกว่าหญิง ๑๖๙,๐๐๐ นาง ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า
    หม่อมฉันเมื่ออยู่ในพระราชวังของพระองค์ เป็นประธานเป็นใหญ่
    กว่าหญิงทั้งปวง สมบูรณ์ด้วยรูปสมบัติ และอาจารสมบัติ
    ดำรงอยู่ในความเจริญทุกสมัย นารีทั้งมวลย่อมเคารพหม่อมฉัน
    เหมือนพวกมนุษย์เคารพเทวดา ฉะนั้น หม่อมฉันเป็นประมุข
    แห่งนางกัญญาหนึ่งพัน ในราชพระนิเวศน์ของพระศากยบุตร นาง
    กัญญาเหล่านั้นร่วมสุขร่วมทุกข์กัน ปานประหนึ่งว่าพวกเทวดาใน
    นันทวัน ฉะนั้น หม่อมฉันเป็นบัณฑิต ล่วงกามธาตุด้วยรูปธาตุ
    มิได้มีใครๆ มีรูปเหมือนรูปของหม่อมฉัน เว้นแต่พระองค์ผู้เป็น
    นายกของโลก หม่อมฉันขอภิวาทพระสัมพุทธเจ้าแล้ว จักแสดง
    ฤทธิ์ถวาย พระยโสธราเถรี แสดงฤทธิ์ชนิดต่างๆ มากมาย
    แสดงกายเท่าภูเขาจักรวาล แสดงศีรษะเท่าอุตรกุรุทวีป แสดงแขน
    สองข้างเท่าทวีปทั้งสอง แสดงสรีระเป็นต้นหว้าประจำทวีปมีกิ่ง
    ด้านใต้มีลูกเป็นพวง กิ่งต่างๆ ก็มีลูกดก แสดงดวงจันทร์ และ
    ดวงอาทิตย์เป็นนัยน์ตา แสดงเขาสุเมรุเป็นกระหม่อมแสดงเขา
    จักรวาลเป็นหน้า เอาต้นหว้าพร้อมทั้งรากทำเป็นพัดเดินเข้าไป
    เฝ้าถวายบังคมพระศาสดาผู้เป็นนายกของโลกแสดงเพศช้าง เพศม้า
    ภูเขา และทะเล ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ เขาสุเมรุ และเพศท้าว
    สักกเทวราช กราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อมฉัน
    ผู้ชื่อว่ายโสธรา ขอถวายบังคมพระยุคลบาท พระเถรีเอาดอกไม้
    ปิดพันโลกธาตุไว้ และนิรมิตเป็นเพศพรหมแสดงสุญญตธรรมอยู่
    กราบทูลว่า ข้าแต่พระวีรเจ้าผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันผู้ชื่อว่ายโสธรา
    ขอถวายบังคมพระยุคลบาท หม่อมฉันเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์
    มีความชำนาญในทิพโสตธาตุ มีความชำนาญในเจโตปริยญาณ ย่อม
    รู้ปุพเพนิวาสญาณ และทิพจักษุอันหมดจดวิเศษ มีอาสวะทั้งปวง
    หมดสิ้นแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉัน
    มีญาณในอรรถะ ธรรมะ นิรุตติ และปฏิภาณเกิดขึ้นในสำนักของ
    พระองค์ ความพร้อมเพรียงแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นนาถะ
    ของโลก พระองค์ทรงแสดงดีแล้ว ข้าแต่พระมหามุนี อธิการเป็น
    อันมากของหม่อมฉันย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่
    พระมุนีมหาวีรเจ้า ขอพระองค์พึงทรงระลึกถึงกุศลกรรมเก่าของ
    หม่อมฉันเถิดข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันสั่งสมบุญไว้เพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้น
    อนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อประโยชน์แก่
    พระองค์ได้ ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันเพื่อให้
    เป็นภรรยาผู้อื่นหลายพันโกฏิกัป ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อม
    ฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทาน
    หม่อมฉันเพื่ออุปการะหลายพันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
    หม่อมฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์
    ประทานหม่อมฉันเพื่อประโยชน์เป็นอาหารหลายพันโกฏิกัป หม่อม-
    ฉันมิได้เสียใจในเรื่องนั้นเลย หม่อมฉันบริจาคชีวิตหลายพันโกฏิกัป
    ประชุมชนจักทำการพ้นจากภัย ก็ยอมสละชีวิตของหม่อมฉันให้
    ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันย่อมไม่เคยหวงเครื่องประดับและผ้า
    นานาชนิดซึ่งอยู่ที่ตัว และภัณฑะคือตัวหญิง เพื่อประโยชน์แก่
    พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนิมหาวีรเจ้า ทรัพย์ ข้าวเปลือกปัจจัย
    เครื่องบริจาค บ้าน นิคม ไร่นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี
    ภรรยา มากมายนับไม่ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้วเพื่อประโยชน์
    แก่พระองค์ (พระองค์ตรัสบอกหม่อมฉันว่า) เราย่อมให้ทานกะพวก
    ยาจก เมื่อเราให้ทานอันอุดม เราย่อมไม่เห็นหม่อมฉันเสียใจ ข้าแต่
    พระมหามุนี หม่อมฉันยอมรับทุกข์มากมายหลายอย่างจนนับไม่ถ้วน
    ในสงสารเป็นอเนกเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนี
    หม่อมฉันได้รับสุขย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ก็ไม่
    เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่
    พระมหามุนี พระสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโดยมรรคาอันสมควร
    เสวยสุขและทุกข์แล้ว ได้บรรลุซึ่งพระโพธิญาณ หม่อมฉันได้ร่วม
    มาเป็นอันมาก กับพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดมผู้เป็นนายกของ
    โลก เป็นเทพผู้ประเสริฐ พระองค์ก็ได้ร่วมมาเป็นอันมาก กับพระ
    สัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ผู้เป็นนาถะของโลก ข้าแต่พระมหามุนี
    อธิการของหม่อมฉันมีมากเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันเมื่อ
    แสวงหาพุทธธรรมอยู่ก็ได้เป็นบริจาริกาผู้รับใช้ของพระองค์ ในสี่
    อสงไขยแสนกัป พระมหาวีรเจ้าพระนามว่าทีปังกร ผู้เป็นนายก
    ของโลก เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ประชาชนในปัจจันตประเทศ มีจิตใจ
    ยินดีนิมนต์พระตถาคตเจ้าแล้ว ช่วยกันแผ้วถางหนทางสำหรับเป็น
    ที่เสด็จพระพุทธดำเนิน ณ กาลครั้งนั้น พระองค์เป็นพราหมณ์
    นามว่าสุเมธ ตกแต่งหนทางยาว เพื่อพระสุคตเจ้าผู้ทรงเห็นธรรม
    ทั้งปวง หม่อมฉันมีสมภพในสกุลพราหมณ์ เป็นหญิงสาวมีนามว่า
    สุมิตตาเข้าไปสู่สมาคม ถือดอกบัวไป ๘ กำ เพื่อบูชาพระศาสดา
    แต่ได้ถวายพระองค์ผู้เป็นฤาษีอุดม ในท่ามกลางประชุมชน ครั้งนั้น
    หม่อมฉันได้เห็นพระองค์ประกอบสุภกิจอยู่นาน มีความกรุณา เมื่อ
    ฤาษีนั้นเดินเลยไปแล้วยังดึงใจหม่อมฉันให้นิยม จึงได้สำคัญว่า
    ชีวิตของเรามีผล ครั้งนั้น หม่อมฉันเห็นความพยายามของพระองค์
    นั้นมีผลจึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ผู้เป็นฤาษี ด้วยบุญที่ทำมาก่อน
    แม้จิตของหม่อมฉันก็เลื่อมใสในพระสัมพุทธเจ้า หม่อมฉันยิ่งมีจิต
    เลื่อมใสในพระองค์ผู้เป็นฤาษีมีมนัสสูง มิได้เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวาย
    จึงได้ถวายดอกบัวแก่พระองค์ผู้เป็นฤาษีพร้อมด้วยกล่าวว่า ข้าแต่
    พระฤาษี ดอกบัว ๕ กำ จงมีแก่ท่าน ดอกบัว ๓ กำ จงมีแก่ดิฉัน
    ข้าแต่ท่านพระฤาษีดอกบัวเหล่านั้นจงมีเสมอกับด้วยท่านนั้น เพื่อ
    ประโยชน์แก่โพธิญาณของท่าน
    จบภาณวารที่ ๔.
    สุเมธฤาษีรับดอกบัว แล้วบูชาพระพุทธทีปังกร ผู้แสวงหาคุณธรรม
    ใหญ่ มีบริวาร ยศมาก เสด็จดำเนินมาในท่ามกลางประชุมชน เพื่อ
    ประโยชน์แก่โพธิญาณ พระมหามุนีมหาวีรเจ้าทีปังกร ทอดพระเนตร
    เห็นสุเมธฤาษีผู้มีมนัสสูงแล้ว ทรงพยากรณ์ในท่ามกลางประชุมชน
    ข้าแต่พระมหามุนีในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระมหามุนี
    ทีปังกรทรงพยากรณ์กรรมของหม่อมฉันอันเป็นกรรมตรงว่า ดูกรฤาษี
    ผู้ใหญ่ อุบาสิกาผู้นี้ จักเป็นผู้มีจิตเสมอกัน มีกุศลกรรมเสมอกัน
    ทำกุศลร่วมกัน เป็นที่รักของบุญกรรม เพื่อประโยชน์แก่ท่าน น่าดู
    น่าชม น่ารักยิ่ง น่าชอบใจ มีวาจาอ่อนหวาน จักเป็นธรรมทายาท
    ผู้มีฤทธิ์ของท่าน อุบาสิกานี้ จักรักษากุศลธรรมทั้งหลายเหมือนพวก
    เจ้าของทรัพย์ รักษาทรัพย์ที่เก็บไว้เองในคลัง ฉะนั้น ประชาชนจะ
    อนุเคราะห์ อุบาสิกาผู้ที่เป็นที่รักของท่านนั้น อุบาสิกานี้จักมีบารมี
    เต็ม จักละกิเลสได้ดังราชสีห์ละกรง แล้วจักบรรลุโพธิญาณ
    ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์หม่อมฉัน
    ด้วยพระวาจาใด หม่อมฉันเมื่ออนุโมทนาพระวาจานั้น เป็นผู้ทำ
    กรณียกิจอย่างนี้ หม่อมฉันยังจิตให้เลื่อมใสในกุศลกรรมที่ได้ทำไว้
    แล้วนั้น ได้เสวยผลในกำเนิดเทวดาและมนุษย์มากมาย ได้เสวย-
    สุขและทุกข์ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ในภพนี้ซึ่งเป็นภพหลัง
    หม่อมฉันเกิดในศากยสกุล มีรูปสมบัติ มีโภคสมบัติ มียศ มีศีล
    สมบูรณ์ด้วยองคสมบัติทั้งปวง ได้รับสักการะอย่างยิ่งในสกุล
    ทั้งหลาย มีลาภ สรรเสริญและสักการะ พรั่งพร้อมไปด้วยโลกธรรม
    มีจิตไม่ประกอบด้วยทุกข์ ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ สมจริงตามพระดำรัส
    ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ในกาลนั้นยโสธรานารีผู้มีเพียร แสดง
    อุปการะทั้งภายในพระราชฐานและแก่พวกเจ้าในพระนคร มีอุปการะ
    ทั้งในยามสุขและยามทุกข์ เป็นผู้บอกประโยชน์ให้และทำความ
    อนุเคราะห์ หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแล้วแก่พระพุทธเจ้า ห้า-
    ร้อยโกฏิและพระพุทธเจ้าเก้าร้อยโกฏิ ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์
    ทรงสดับอธิการเป็นอันมากของหม่อมฉัน หม่อมฉันยังมหาทานให้
    เป็นไป แก่พระพุทธเจ้าร้อยสิบเอ็ดโกฏิ ซึ่งเป็นนายกผู้เลิศของโลก
    ข้าแต่พระมหาราช ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้า
    ร้อยยี่สิบโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าร้อยสามสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าร้อยสี่สิบโกฏิและแก่พระพุทธเจ้า
    ร้อยห้าสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไป แก่พระพุทธเจ้า
    ร้อยหกสิบโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าร้อยเจ็ดสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าร้อยแปดสิบโกฏิ และแก่พระ-
    พุทธเจ้าร้อยเก้าสิบโกฏิ ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่พระ-
    พุทธเจ้าแสนโกฏิ ซึ่งเป็นนายกผู้ประเสริฐของโลก ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระพุทธเจ้าเก้าพันโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้า
    อื่นอีกซึ่งเป็นนายกของโลก ... หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไปแก่
    พระพุทธเจ้าแสนโกฏิ และแก่พระพุทธเจ้าแปดสิบห้าโกฏิแก่
    พระพุทธเจ้าร้อยแปดสิบห้าโกฏิ แก่พระพุทธเจ้ายี่สิบเจ็ดโกฏิ ...
    หม่อมฉันยังมหาทานให้เป็นไป แก่พระปัจเจกพุทธเจ้าผู้ปราศจาก
    ราคะ มีแปดโกฏิเป็นที่สุด ข้าแต่พระมหาราช ... หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแก่พระขีณาสพผู้ปราศจากมลทิน เป็นพระพุทธ-
    สาวกมาก นับไม่ถ้วน ข้าแต่พระมหาราช ขอพระองค์จงทรงฟัง
    อธิการเป็นอันมากของหม่อมฉัน แต่หม่อมฉัน หม่อมฉันยัง
    มหาทานให้เป็นไปแล้วแก่พระพุทธเจ้าผู้ทรงประพฤติธรรมทั้งหลาย
    และพระอริยสงฆ์ผู้ประพฤติในสัทธรรม ในกาลทั้งปวง ด้วย
    ประการอย่างนี้ บุคคลผู้ประพฤติธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้
    และโลกหน้า ควรประพฤติธรรมให้เป็นสุจริต ไม่ควรประพฤติ-
    ธรรมให้เป็นทุจริต เพราะบุคคลผู้ประพฤติธรรมย่อมอยู่เป็นสุขทั้งใน
    โลกนี้และโลกหน้า หม่อมฉันเบื่อหน่ายในสงสาร จึงออกบวช
    พร้อมด้วยบริวารชนพันหนึ่ง ครั้นบวชแล้วก็หมดกังวล ละอาคาร
    สถานแล้วออกบวช ยังไม่ทันถึงครึ่งเดือนก็ได้บรรลุจตุราริยสัจ
    คนเป็นอันมากนำจีวรบิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัชปัจจัยเข้ามา
    ถวาย เหมือนลูกคลื่นในทะเล ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... พระ-
    พุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว หม่อมฉันได้รับทุกขวิบัติมากอย่าง
    และสุขสมบัติมากอย่างเช่นนี้ ถึงพร้อมแล้วซึ่งความเป็นผู้บริสุทธิ์
    สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งปวง บุคคลผู้ถวายตนของตนแก่พระพุทธเจ้าผู้
    แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เพื่อประโยชน์แก่บุญ ก็ย่อมพรั่งพร้อมไป
    ด้วยสหาย ลุถึงนิพพานบทอันเป็นอสังขตะ กรรมทั้งปวงส่วนอดีต
    ปัจจุบันและอนาคต ของหม่อมฉันหมดสิ้นไปแล้ว ข้าแต่พระองค์
    ผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันขอถวายบังคมพระยุคลบาท.
    ทราบว่า ท่านพระยโสธราภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้เฉพาะพระพักตร์ผู้มีพระภาคด้วยประการฉะนี้แล.

    จบยโสธราเถริยาปทาน.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มิถุนายน 2008
  5. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    นางแก้วอื่นๆ ที่ช่วยสนับสนุน

    อปทานแห่งพระเถรีหนึ่งหมื่นที่ ๙
    ว่าด้วยบุพจริยาของพระเถรีหมื่นรูป

    [๑๖๙] ในสื่อสงไขยแสนกัป พระพิชิตมารผู้เป็นนายกของโลกพระนามว่า
    ทีปังกร เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว พระพุทธทีปังกรมหาวีรเจ้าผู้เป็นนายกชั้น
    พิเศษ ทรงพยากรณ์ว่า สุเมธบัณฑิตกับนางสุมิตตามีสุขและทุกข์
    ร่วมกัน เมื่อเสด็จเที่ยวทรงดูโลกกับทั้งเทวโลก เสด็จเข้ามาสู่
    สมาคมแห่งหม่อมฉันทั้งหลาย ในการทรงพยากรณ์สุเมธบัณฑิต
    และนางสุมิตตานั้นสุเมธบัณฑิตย่อมเป็นใหญ่กว่าชนทั้งปวงใน
    สมาคมอนาคตแห่งหม่อมฉันทั้งหลาย ภรรยาทั้งหมด กล่าววาจา
    เป็นที่รักเป็นที่พอใจแห่งท่าน ข้าแต่พระมหามุนี ทานศีลทั้งปวงและ
    ภาวนาที่บำเพ็ญดีแล้ว ทานทั้งปวงนี้ คือ ของหอม ดอกไม้ เครื่อง
    ไล้ทา ประทีป และทานวัตถุอันสำเร็จด้วยรัตนะ หม่อมฉัน
    ทั้งหลายบริจาคแล้วตลอดกาลนาน ข้าแต่พระมหามุนี ฐานะอย่างใด
    อย่างหนึ่ง หม่อมฉันทั้งหลายปรารถนาไว้แล้วทานทั้งปวงบริจาคแล้ว
    ข้าแต่พระมหามุนี กุศลกรรมอย่างอื่นและวัตถุเครื่องบริโภคเป็น
    ของมนุษย์ หม่อมฉันทั้งหลายทำไว้แล้ว หม่อมฉันทั้งหลายบริจาค
    ทานทั้งปวงในพระมหามุนีตลอดกาลนาน บุญเป็นอันมากหม่อมฉัน
    ทั้งหลายทำแล้วในสงสารมีชาติเป็นอเนก หม่อมฉันทั้งหลายได้
    เสวยความเป็นอิสระ ท่องเที่ยวไปในภพน้อยภพใหญ่ ในภพนี้
    ซึ่งเป็นภพหลัง หม่อมฉันเกิดแล้วในนิเวศน์แห่งพระศากยบุตร
    พวกสตรีเกิดแล้วในสกุลต่างๆ งดงามดังนางฟ้า มีวรรณะเป็นที่
    ชอบใจหม่อมฉันทั้งหลายมีลาภเป็นอย่างเลิศถึงยศแล้วได้รับบูชา
    สักการะแต่ชนทั้งปวง หม่อมฉันทั้งหลายได้อันนปานาหาร ประชุมชน
    นับถือเสมอไป ละอาคารสถานแล้วออกบวช ยังไม่ทันถึงครึ่งเดือน
    ก็ได้ถึงแล้วซึ่งความดับทุกข์ทั้งหมดด้วยกัน หม่อมฉันทั้งหลายได้
    ข้าว น้ำ ผ้า เสนาสนะและสรรพปัจจัยที่พวกทายกทายิกานำเข้า
    มาสักการะบูชาเสมอไป หม่อมฉันทั้งหลายเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ...
    พระพุทธศาสนา หม่อมฉันทั้งหลายทำเสร็จแล้ว.
    ทราบว่า ภิกษุณีหนึ่งหมื่นมีพระยโสธราเถรีเป็นประธาน ได้กล่าวคาถาเหล่านี้
    เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาค ด้วยประการฉะนี้แล.

    จบอปทานแห่งพระเถรีหนึ่งหมื่น.


    อปทานแห่งพระเถรีหนึ่งหมื่นแปดพันที่ ๑๐
    ว่าด้วยบุพจริยาของพระเถรีหมื่นแปดพันรูป

    [๑๗๐] ภิกษุณีที่มีสมภพในศากิยสกุล ๑๘,๐๐๐ มีพระยโสธราเถรีเป็น
    ประธาน เข้าเฝ้าพระสัมพุทธเจ้า ภิกษุณีทั้ง ๑๘,๐๐๐ ล้วนแต่ผู้มี
    ฤทธิ์ ถวายบังคมพระยุคบาทแห่งพระมุนี ได้กราบทูลตามกำลังว่า
    ข้าแต่พระมหามุนีผู้นายก หม่อมฉันทั้งหลายมีชาติ ชรา พยาธิและ
    มรณะสิ้นแล้ว ย่อมถึงอมตบทอันสงบไม่มีอาสวะ ข้าแต่พระมหา-
    มุนีผู้เป็นนายกชั้นพิเศษประชาชนย่อมรู้ความผิด คือ ความพลั้ง-
    พลาดที่มีในก่อนของหม่อมฉัน ทั้งปวง ขอพระองค์โปรดประทาน
    โทษแก่หม่อมฉันทั้งหลายเถิด.
    พระบรมศาสดาตรัสว่า
    ท่านทั้งหลายเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเรา จงแสดงฤทธิ์และ
    ตัดความสงสัยของบริษัททั้งมวลเถิดฯ
    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า พระยโสธราเถรีผู้เป็นปชาบดีแห่งพระองค์
    เมื่อยังดำรงอยู่ในอคารวิสัย เป็นที่พอพระทัยน่ารัก น่าชมทุกอย่าง
    เป็นหัวหน้าแห่งสตรี ๑๙๖,๐๐๐ ข้าแต่พระองค์ผู้มีความเพียร
    หม่อมฉันทั้งหลายนั้นเป็นอิสระกว่าสตรีทั้งสิ้น สมบูรณ์ด้วยรูป
    สมาบัติและอาจารสมบัติ ดำรงอยู่ในความเจริญ มีวาจาเป็นที่รัก
    สตรีทั้งปวงย่อมเคารพเหมือนพวกมนุษย์เคารพเทวดา สตรีที่มี
    สมภพในศากิยวงศ์ ๑๘,๐๐๐ มีพระยโสธราเถรี เป็นประมุขเป็น
    ใหญ่ ข้าแต่พระมหามุนี พระยโสธราเถรีล่วงกามธาตุ ดำรงอยู่
    ในรูปธาตุ สตรีหนึ่งพันมิได้มีคนไหนมีรูปเหมือนพระเถรีนั้น ท่าน
    พระยโสธราเถรีจงถวายอภิวาทพระสัมพุทธเจ้าแสดงฤทธิ์ถวายเถิด
    ภิกษุณีมีพระยโสธราเถรีเป็นต้นนั้นแสดงฤทธิ์ชนิดต่างๆ เป็น
    อันมาก แสดงกายเท่าภูเขาจักรวาล แสดงศีรษะเท่าอุตรกุรุทวีป
    แสดงแขนสองข้างเท่าทวีปทั้งสอง แสดงสรีระเป็นต้นหว้าประจำ
    ทวีป มีกิ่งด้านใต้มีลูกเป็นพวงกิ่งต่างๆ มีลูกดก แสดงดวงจันทร์
    ดวงอาทิตย์เป็นนัยน์ตา แสดงเขาสุเมรุเป็นกระหม่อม แสดงเขา
    จักรวาลเป็นหน้าเอาต้นหว้าพร้อมทั้งรากเดินพัดเข้ามาถวายบังคม
    พระโลกนายกแสดงเพศช้าง เพศม้า ภูเขา ทะเล ดวงจันทร์
    ดวงอาทิตย์ เขาสุเมรุและเพศท้าวสักกเทวราช ข้าแต่พระวีรเจ้าผู้มี-
    พระจักษุ เป็นนายกของนรชน พระยโสธราเถรีและหม่อมฉัน
    ทั้งหลาย ขอถวายบังคมพระยุคลบาท เป็นผู้สำเร็จแล้วด้วยกุศล
    ธรรมที่อบรมมานานเพื่อพระองค์ ข้าแต่พระมหามุนีหม่อมฉัน
    ทั้งหลายเป็นผู้มีความชำนาญในฤทธิ์ มีความชำนาญในทิพโสตธาตุ
    มีความชำนาญในเจโตปริยญาณ รู้ปุพเพนิวาสญาณและทิพจักษุอัน
    หมดจดวิเศษ มีอาสวะทั้งปวงหมดสิ้นแล้ว บัดนี้ภพใหม่ไม่มีอีก
    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าหม่อมฉันทั้งหลายมีญาณในอรรถะ ธรรมะ
    นิรุติและปฏิญาณเกิดขึ้นแล้วในสำนักของพระองค์ หม่อมฉัน
    ทั้งหลายแสดงความสมาคมแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นนาถะ
    ของโลกแต่ข้าพระมหามุนี อธิการเป็นอันมากของหม่อมฉันทั้งหลาย
    ย่อมเป็นประโยชน์แก่พระองค์ ขอพระองค์ทรงระลึกถึงกุศลกรรม
    เก่าของหม่อมฉันทั้งหลายเถิด ข้าแต่พระมหาวีรเจ้าหม่อมฉัน
    ทั้งหลายสั่งสมบุญ ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์หม่อมฉันทั้งหลาย
    งดเว้นอนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อประโยชน์
    พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนีพระองค์ประทานหม่อมฉันทั้งหลาย
    เพื่อต้องการให้เป็นภรรยาของผู้อื่นหลายพันโกฏิกัป ก็เพื่อประโยชน์
    แก่พระองค์ หม่อมฉันทั้งหลายมิได้เสียใจ ข้าแต่พระมหามุนี
    พระองค์ประทานหม่อมฉันทั้งหลายเพื่ออุปการะหลายพันโกฏิกับ เพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันทั้งหลายมิได้เสียใจในเรื่องนี้เลย
    ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันทั้งหลาย เพื่อ
    ประโยชน์เป็นอาหารหลายพันโกฏิกัป เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
    หม่อมฉันทั้งหลาย มิได้เสียใจในเรื่องนี้เลยหม่อมฉันทั้งหลายยอม
    สละชีวิต ทำความพ้นภัยหลายพันโกฏิกัป ข้าแต่พระมหามุนี
    หม่อมฉันทั้งหลายไม่เคยหวงเครื่องประดับ และผ้ามากชนิดซึ่งอยู่ที่
    ตัว และภัณฑะคือ ตัวหญิงเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ ข้าแต่
    พระมหามุนีมหาวีรเจ้า ทรัพย์ ข้าวเปลือก ปัจจัยเครื่องบริจาค บ้าน
    นิคม นา บุตร ธิดา ช้าง ม้า โค ทาสี ภรรยา มากนับไม่
    ถ้วน พระองค์ทรงบริจาคแล้ว เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ พระองค์
    ตรัสบอกหม่อมฉันทั้งหลายว่า เราทั้งหลายจักให้ทานกะพวกยาจก
    เมื่อเราให้ทานอันอุดมเราทั้งหลายก็ไม่เห็นความเสียใจกัน ข้าแต่
    พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันทั้งหลายยอมรับทุกข์มากมายหลายอย่าง
    นับไม่ถ้วน ในสงสารเป็นอเนก เพื่อประโยชน์แก่พระองค์
    หม่อมฉันทั้งหลายได้รับความสุข ย่อมอนุโมทนา และในคราวได้
    รับทุกข์ก็ไม่เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่ง เพื่อประโยชน์แก่
    พระองค์ ข้าแต่พระมหามุนี พระสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมโดย
    มรรคาอันสมควรเสวยสุขทุกข์แล้ว ได้บรรลุซึ่งโพธิญาณ หม่อมฉัน
    ทั้งหลายได้ร่วมกับพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม ผู้เป็นนายก
    ของโลก เป็นเทพผู้ประเสริฐ มาเป็นอันมาก พระองค์ก็ได้ร่วมกับ
    พระสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ผู้เป็นนาถะของโลกมาเป็นอันมาก
    ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า อธิการของหม่อมฉันทั้งหลายมีมากเพื่อ
    ประโยชน์แก่พระองค์ เมื่อพระองค์ทรงแสวงหาพุทธธรรมอยู่
    หม่อมฉันทั้งหลายก็ยอมเป็นบริจาริการับใช้พระองค์ ในสี่อสงไขย์
    แสนกัป พระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร เป็นพระมหาวีระ เป็น
    นายกของโลก เสด็จอุบัติขึ้นแล้ว ประชาชนในปัจจันตประเทศ
    มีใจยินดี นิมนต์พระตถาคตเจ้าแล้ว ช่วยกันแผ้วถางหนทางเป็นที่
    เสด็จพระพุทธดำเนิน กาลครั้งนั้น พระองค์เป็นพราหมณ์นามว่า
    สุเมธตกแต่งหนทางยาว เพื่อพระสุคตเจ้าผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง
    คราวนั้น หม่อมฉันทุกคนมีสมภพในสกุลพราหมณ์ ถือดอกบัว
    เป็นอันมากนำไปสู่สมาคม สมัยนั้น พระพุทธเจ้าทีปังกรผู้มีบริวาร
    ยศมาก เป็นพระมหาวีระทรงพยากรณ์สุเมธฤาษีผู้มีมนัสสูง
    เมื่อพระพุทธทีปังกรกำลังทรงประกาศกรรมของสุเมธฤาษีผู้มีมนัสสูง
    แผ่นดินหวั่นไหวสะเทื้อนสะท้านไปในโลกพร้อมทั้งเทวโลก พวก
    เทพกัญญา มนุษย์ และหม่อมฉันทั้งหลายกับทั้งเทวดา พากัน
    บูชาพระองค์ผู้เป็นสุเมธฤาษีด้วยสิ่งของที่ควรบูชาต่างๆ แล้วก็
    ปรารถนา พระพุทธเจ้าพระนามว่าทีปังกร ทรงพยากรณ์แก่เขา
    เหล่านั้นว่า ในวันนี้ ชนเหล่าใดมีความปรารถนา ชนเหล่านั้น
    จักมีในที่เฉพาะหน้าในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้พระพุทธเจ้าทรง
    พยากรณ์หม่อมฉันทั้งหลาย ด้วยพระวาจาใดหม่อมฉันทั้งหลาย
    เมื่ออนุโมทนาพระวาจานั้นเป็นผู้ทำกรณียกิจอย่างนี้ หม่อมฉัน
    ทั้งหลายยังจิตให้เลื่อมใสในกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้วนั้น จึงได้เสวย
    สมบัติในกำเนิดเทวดาและมนุษย์นับไม่ถ้วน ครั้นได้เสวยสุขและ
    ทุกข์ในเทวดาและมนุษย์แล้ว ในภพนี้ซึ่งเป็นภพหลัง จึงมาเกิดใน
    ศากิยสกุล มีรูปสมบัติ โภคสมบัติ ยศและศีล สมบูรณ์ด้วยองค์
    สมบัติทั้งปวงได้รับสักการะอย่างยิ่งในสกุลทั้งหลาย มีลาภ สรรเสริญ
    และสักการะ พรั่งพร้อมไปด้วยโลกธรรม มีจิตไม่ประกอบด้วยทุกข์
    ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ สมจริงตามพระดำรัสที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
    ในกาลนั้น ยโสธรานารี แสดงอุปการะทั้งในภายในราชฐานและแก่
    พวกเจ้าในพระนคร มีอุปการะทั้งในยามสุขและในยามทุกข์ เป็นผู้
    บอกประโยชน์ให้และทำความอนุเคราะห์ ควรประพฤติธรรมให้เป็น
    สุจริตไม่ควรประพฤติธรรมให้เป็นทุจริต เพราะว่าบุคคลผู้ประพฤติ
    ธรรม ย่อมอยู่เป็นสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า หม่อมฉันทั้งหลาย
    ละอคารสถานออกบวช ยังไม่ทันถึงครึ่งเดือนก็บรรลุจตุราริยสัจ
    คนเป็นอันมากนำจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และเภสัชปัจจัยมา
    ถวาย เหมือลูกคลื่นในทะเล หม่อมฉันทั้งหลายเผากิเลสทั้งหลาย
    แล้ว ... พระพุทธศาสนา หม่อมฉันทั้งหลายได้ทำเสร็จแล้ว หม่อม-
    ฉันทั้งหลายได้ทุกขวิบัติมากอย่าง และสุขสมบัติก็มากอย่างเช่นนี้
    ถึงพร้อมแล้ว ซึ่งความเป็นผู้บริสุทธิ์ สมบูรณ์ด้วยคุณทั้งปวง บุคคล
    ผู้ถวายตนของตนแก่พระเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เพื่อประโยชน์
    แก่บุญ ก็ย่อมพรั่งพร้อมไปด้วยสหาย ลุถึงนิพพานบทเป็นอสังขตะ
    กรรมทั้งปวงส่วนอดีตปัจจุบันและอนาคตของหม่อมฉันทั้งหลาย
    หมดสิ้นไปแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้มีพระจักษุ หม่อมฉันทั้งหลาย
    ขอถวายบังคมพระยุคลบาท.
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า
    เมื่อเธอทั้งหลายบอกลาเพื่อจะนิพพาน เราจะกล่าวอะไรให้ยิ่งกะเธอ
    ทั้งหลายเล่า บุคคลที่เป็นทาสที่นับว่าสัตว์ก็ลุถึงอมตบทแล้ว.
    ทราบว่า ภิกษุณีหนึ่งหมื่นแปดพันมีพระยโสธราเถรีเป็นหัวหน้า ได้กล่าวคาถาเหล่านี้
    ในที่เฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคด้วยประการฉะนี้แล ฯ

    จบอปทานแห่งพระเถรีหนึ่งหมื่นแปดพัน.
     
  6. nerazzurriboyz1908

    nerazzurriboyz1908 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    713
    ค่าพลัง:
    +763
    น้อมรับในบารมีพระโพธิสัตว์
     
  7. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ผู้ใด ตั้ง จิต อธิษฐาน เพื่อ ช่วย เวไนยสัตว์ นั้น แล คือ จิตของพระโพธิสัตว์

    ผู้ใด ตั้ง จิต อธิษฐาน เพื่อ หลุด พ้น นั้นแล คือ จิตของอรหันต์

    ทุก จิต จะ สมประสงค์ ได้ ด้วย อธิษฐาน จิต ที่ ไม่ เสื่อม คลาย
     
  8. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    สัพสัตว์ทั้งหลายย่อมเป็นไปตามกรรม(ตามการกระทำที่สร้างขึ้นและรับผลวิบากกรรมที่ส่งผลนั้น)

    ผมจะขยายบทความด้านบนให้พอทำความเข้าใจได้ดังนี้

    ใน 1 กัป นั้นสัตว์ผู้หนึ่งถ้าไม่ได้ไปเกิดบนพรหมโลก หรือในมหานรก จะวันเวียนอยู่เป็นล้านๆ ชาติ

    ดังนั้นการเวียนว่ายตายเกิดใน 1 อสงไขย ก็นับชาติได้ไม่ถ้วน คือมากมายจนสุดจะนับได้

    ดังนั้นคู่บารมีของพระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว จริงอยู่จะมีเพียง หนึ่งเดียว แต่ภพชาติในการเวียนว่ายสร้างบารมีนั้นมีมากมายเสียเหลื่อเกิน ดังนั้นสตรีผู้ที่ประสงค์จะช่วย ส่งเสริมในการสร้างบารมีหาได้มี หนึ่งเดียวเท่านั้น

    แต่หาใช้ว่าสตรีเหล่านั้นต้องแย่งชิงกัน เพราะทุกอย่างเป็นไปตามธรรมของโลกในช่วงนั้นๆ ตามวาระตามภาวะความเหมาะสมในสมัยนั้นๆ

    แต่สรุปแล้วสตรีเหล่านั้นสามารถบรรลุเป็นพระอรหัตหมดสิ้นกิเลส ในสมัยของพระโพธิสัตว์ที่ตรัสรู้นั้นเอง.....

    ดังจาริยาปาทานของพระเถรี ที่ยกมาแสดงให้ปรากฏด้านบน
     
  9. Soodyod

    Soodyod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +385
    น่าสนใจ ครับ
    แล้วแบบล็อคมานี่ทำไงอ่ะครับ
    ทำได้ไหมแบบถ้ามาเกิดให้เราเลือกก็เลือกคนที่รักเรามากที่สุด
    แต่จะรู้ได้ไงใครรักเรามากที่สุดถ้าไม่มีญาณทัสนะ
    แล้วส่วนใหญ่ถ้าญาณทัสนะ มักจะไม่ได้เลือกทุกที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 3 มิถุนายน 2008
  10. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    อธิษฐานจิตคะ

    เมื่อเรา ตั้ง จิตอธิษฐาน

    เรา จะ พบ คู่ บารมี ของเรา แน่นอนคะ

    เพียงแต่ น้อยคนจะ เชื่อ เรื่อง นี้
     
  11. NCK2046

    NCK2046 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    628
    ค่าพลัง:
    +3,793
    ห่างแต่กาย

    แต่หัวใจผูกกันนิรันดร
     
  12. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    สนทนากับคุณรักแท้ของแม่เรา จากคำถามที่ว่า "แล้วแบบล็อคมานี่ทำไงอ่ะครับ"

    ตอบ ถ้าแบบล็อคนั้น ถึงขั้นการแต่งงานตามประเพณี หรืออยู่กินกันฉันสามีภรรยาแล้ว ก็ต้องย่อมรับ ต้องทำหน้าที่ตนให้ถูกต้องตามฐานะ สามีหรือภรรยา ไม่ใช่ว่ายังไปนอกใจหาเศษหาเลย ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องทุกข์

    และจากคำถาม "ทำได้ไหมแบบถ้ามาเกิดให้เราเลือกก็เลือกคนที่รักเรามากที่สุด
    แต่จะรู้ได้ไงใครรักเรามากที่สุด"

    ตอบ ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมที่กระทำขึ้นและวิบากกรรมที่ส่งผล ญาณทัสนะ หรืออภิญญาช่วยอะไรไม่ได้มากหรอกครับ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถึงจะมีฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศได้ ก็ไม่สามารถหนีไปจากกรรมที่กระทำหรือวิบากกรรมไปได้ครับ.
     
  13. Soodyod

    Soodyod เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +385
    แล้วถ้าเกิดฝ่ายหญิงเป็นโสดาบันแล้ว
    เราไม่ไปดึงไว้ ยังไงก็ไม่ได้เป็นคู่กันใช่ไหม
    แบบว่าเลิกกัน(เขาอธิษฐานตัดขาด)ไปแล้ว ฝ่ายหญิงปฏิบัติเกินเราไปแล้ว
    เขาก็เจอคนดีกว่าเราแล้ว แบบนี้เราก็เลือกคนใหม่ได้ใช่ไหม

    เพราะอันดับถัดไปก็เปลี่ยนมาแทนไปเรื่อยๆ
    ตอนนี้เลยอยากกลับสวรรค์ จังเลย
    จะได้ไปเตี๊ยมกับอันดับถัดไปเอาแบบ Lock Specification แก้ไม่ได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 มิถุนายน 2008
  14. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    ต่อไปผมจะยกชาดกที่พอจำได้ ในเรื่องที่ แม้ พระโพธิสัตว์และคู่บารมี ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ร่วมกัน แต่หาได้ครองคู่กันไม่

    เล่าชาดกตามที่จำได้นะครับ พระโพธิสัตว์ได้เกิดมาเป็นชาวบ้านธรรมดาอาชีพทำนา ท่านมีพี่ชาย และพี่ชายนั้นได้แต่งงานกับหญิงนางหนึ่ง(ซึ่งก็คือคู่บารมีของพระโพธิสัตว์นั้นเอง แต่ไม่ได้แต่งงานกับพระโพธิสัตว์ กลับไปแต่งงานกับพี่ชายของพระโพธิสัตว์)

    หญิงนั้นก็เป็นกุลสตรี ทำหน้าที่ภรรยาพี่ชายอย่างดี และมีหน้าที่จัดอาหารให้ครอบครัวนี้

    วันหนึ่งยามเช้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ได้แวะมาบินฑบาท ที่ครอบครัวนี้ หญิงนั้นด้วยที่ได้จัดเตรียมอาหารที่ทอดไว้พอดีคนในครอบครัว และคนอื่นก็นำส่วนแบ่งของตนเองออกไปทำงานแล้ว จึงเหลือแต่ส่วนของพระโพธิสัตว์ที่ยังไม่รับเอาไป

    นางศัทธาต่อพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก จึงได้เอาขนมอาหารส่วนของพระโพธิสัวต์นั้นแหละ ใส่บาตรให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้า และคิดว่าเดี๋ยวจะทำใหม่ให้กับน้องสามี

    แต่เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าผ่านไป น้องสามีก็แวะเข้ามาเอาขนมอาหารส่วนแบ่งของตน เพื่อออกไปทำงาน แต่พีสะใภ้บอกว่า อาหารส่วนนั้นหมดแล้ว กล่าวไม่ทันจบ

    พระโพธิสัตว์ ขัดเคื่องมากโวยวายและว่าพี่สะใภ้

    พี่สะใภ้ก็โกรธแล้วบอกให้ทราบว่า เราได้เอาอาหารส่วนนั้นตักบาตร์ให้กับพระปัจเจกพุทธเจ้าไปแล้ว แล้วกะว่าจะทำอาหารส่วนใหม่ให้ท่านที่หลัง แต่ท่านกลับมาโวยวายตำหนิว่าเรา โดยไม่ฟังเหตุผล ดังนั้นด้วยผลบุญนี้ข้าขออธิษฐานว่า เกิดชาติหน้าฉันใดขออย่าได้เจอกับท่านนี้อีกเลย

    พระโพธิสัตว์ได้สติแต่ก็ยังขัดเคื่องอยู่ จึงกล่าวคำอธิษฐานบ้างในแง่ไม่ย่อมแพ้ อ้างในส่วนบุญนั้นบ้างว่า "ทานที่นางให้ไปนั้นเป็นส่วนของข้าพเจ้า บุญนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของข้าพเจ้าเช่นเดียวกัน ดั้งนั้นชาติหน้าฉันใด ขอให้นางนี้ ได้มาเป็นภรรยาของข้าพเจ้า และในที่สุดต้องรักข้าพเจ้าจนได้"

    ตั้งแต่นั้นมาพี่สะใภ้ก็ไม่ชอบใจ ไม่ถูกใจน้องสามีคนนี้โดยตลอด เรียกว่าเปียนเกลียวกันโดยตลอด จนสิ้นอายุขัยไม่ตามฐานะ


    เป็นอย่างไรครับ? คู่บารมีไม่ใช่ว่าเกิดมาเจอกันแล้วจะได้เป็นคู่ครองกันเสมอไป ยังมีกรรมและวิบากกรรมที่ยังให้ดำเนินไปตามฐานะอยู่
     
  15. namsompun

    namsompun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,365
    ขอน้อมจิตอนุโมทนากับนางแก้วทุกท่านทุกประการ..

    ดวงใจเดียวกัน
    (เรื่องเล่า)
    ในกาลก่อน สุเมธดาบส ได้รับคำพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าทีปังกร ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต ในอีกสี่อสงไขย แสนมหากัป ในขณะนั้นมีสตรีนางหนึ่ง ได้ฟังพุทธพยากรณ์ เกิดความเลื่อมใส จึงได้ถวายดอกบัว และขออธิษฐาน ร่วมสร้างบารมีคู่ไปกับสุเมธดาบสทุกภพทุกชาติ จนกว่าท่านจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต
    เมื่อเกิดมาร่วมกัน ก็ถูกเสียสละให้เป็นของคนอื่นบ้าง..ถูกให้สละชีวิตเพื่อช่วยหมู่คนให้พ้นภัยบ้าง ถูกทอดทิ้งให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ร้องไห้แล้วร้องไห้อีก.. แต่เมื่อพระพุทธองค์สร้างบารมีในครั้งใด เธอก็ร่วมอนุโมทนากับความสำเร็จในการสร้างบารมีของพระพุทธองค์ทุกครั้ง.. ความสำเร็จในการสร้างบารมีของพระพุทธองค์ เธอก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งเช่นกัน.. ท่านจึงต้องประคับประคองการสร้างบารมีคู่กัน ให้ไปตลอดรอดฝั่ง จึงเป็นตำนานการสร้างบารมีของผู้ที่มี... ดวงใจเดียวกัน
    (เนื้อร้อง)
    หนึ่งเดียวในใจดวงนี้ที่มีใจสัมพันธ์ ให้เรามาเดินร่วมกัน ฝ่าฟันไปถึงจุดหมาย .. หนึ่งเดียวในใจดวงนี้ฉันมีเธอเดินคู่กาย ร่วมเป็นพลังแห่งใจเดินสู่จุดหมายปลายทางแห่งฝัน... ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ เกินกว่าใครจะคิดกัน ผู้ใจมาเรียงร้อยกันร่วมกันสร้างฝัน แต่สิ่งดีงาม
    หากความคิดของเธอไม่สดใสดั่งที่หวัง เรามาร่วมสร้างฝัน มุ่งไปให้สู่จุดหมาย แม้จะเหนื่อยจะล้า ขอเธอจงมั่นใจ ฉันจะเดินก้าวไปคู่กับเธอ... หนึ่งเดียวในใจดวงนี้ ที่มีใจสัมพันธ์ ให้เรามาเดินร่วมกัน เรื่อยไป... ยามใดเธอเป็นทุกข์ ฉันพร้อมพลีชีวิตให้ เราจะเดินก้าวไป ร่วมกัน เราจะเดินก้าวไป มุ่งไปสู่จุดหมาย ..พร้อมกัน
    คลิกฟังเพลงที่..
    http://www.thammatipo.com/images/1170849188/One%20heart.zip
     
  16. ตติยะ

    ตติยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    79
    ค่าพลัง:
    +127
    สนทนากับคุณ รักแท้ของแม่เรา จากข้อความ "แล้วถ้าเกิดฝ่ายหญิงเป็นโสดาบันแล้ว"

    ตอบ อย่างนั้นก็ไม่ใช่คู่บารมีเรานะชิ. ครับ ยิ่งถ้าเราปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ไม่ใช่คู่บารมีเลยครับ เพราะฝ่ายหญิงเป็นโสดาบันไปแล้ว

    ส่วนที่เหลือนั้นก็แล้วท่านชอบใครรัก จนแต่งกันแล้วละครับ

    ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมที่กระทำและวิบากกรรมที่ส่งผล เมื่อเกิดผลแล้วเราจะไปล็อกอะไรได้

    ต้องทำความเข้าใจธรรมที่ ว่ายึดมั่นถือมั่นไม่ได้ บังคับบัญชาตามใจเราทุกอย่างไม่ได้ อยู่ที่กรรมที่กระทำและวิบากกรรมเก่าที่กำลังส่งผล นะครับ

    อยู่ที่เหตุปัจจุบันเราดำรงอยู่ในศีลธรรมความดีแล้วหรือยัง ผลเบื้องหน้าที่จะเป็นวิบากส่งผลก็ย่อมดีตามนั้น ไม่ใช่เป็นไปตามความคิดและปรุงแต่งเท่านั้น.
     
  17. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    อย่ากระนั้นเลย คอยแล้วคอยเล่า เฝ้าแต่คอย ไมเจอ ..สักที่ ก็อธิฐานเลยก็แล้วกัน เหอๆๆๆ
     
  18. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    ตัวของเราไม่เห็นจะมีนางแก้วโผล่มาซักคนเลย ปัจจับันเราก็เป็นพระโพธิสัตว์อยู่ สงสัยยุคนี้ไม่ได้เกิดเป็นกษัตริย์มั้ง จึงไม่มีนางแก้วโผล่มาร่วมบารมี
     
  19. พลัjจิต

    พลัjจิต สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    361
    ค่าพลัง:
    +18
    ผู้ที่จะได้เป็นพระโพธิสัตว์ได้แบบเต็มตัว จะต้องบรรลุโมกธรรมเสียก่อน จึงจะได้รับคำกล่าวนั้นจากเทวด พรหม เปรต มาร เป็นต้น ว่าเป็นพระโพธิสัตว์
    สันโดษท่านหลงผิดตลอดเลยนะ วิบากกรรมของท่าน ถ้ายังไม่ยอมรับความจริง ทั้งหลายก็จะเป็นเช่นนี้ตลอดไป
     
  20. นายวีระศักดิ์ ท

    นายวีระศักดิ์ ท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    309
    ค่าพลัง:
    +1,003
    อนุโมทนาสาธุ บรรลุโมกธรรม คืออะไร มีกี่ข้ออะไรบ้าง
     

แชร์หน้านี้

Loading...