เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 13 ตุลาคม 2024 at 20:26.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,481
    ค่าพลัง:
    +26,308
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,481
    ค่าพลัง:
    +26,308
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เป็นวันนวมินทรมหาราช

    ก่อนอื่นขอให้ทุกท่านเข้าใจว่าในการศึกษาภาษาไทยนั้น หลายอย่างมีกฎเกณฑ์ซึ่งถ้าเราศึกษาไม่ถึงก็จะอ่านผิด อย่างเช่นว่าวันนวมินทรมหาราช (นะ-วะ-มิน-มะ-หา-ราด) ถ้าคนที่ไม่ได้เข้าใจกฎเกณฑ์ตรงนี้ก็จะอ่านว่า นะ-วะ-มิน-ทะ-ระ-มะ-หา-ราด เนื่องเพราะกฎเกณฑ์ตรงนี้อยู่ที่ว่า ถ้าหากว่ามีตัวการันต์อยู่ในระหว่าง เมื่อเขียนขึ้นมาแล้วให้ตัดตัวการันต์ออก แต่ให้อ่านเหมือนยังมีตัวการันต์กำกับอยู่ คำว่าตัวการันต์อยู่ในที่นี้ก็คือเครื่องหมายที่กำกับว่าอักษรนี้ไม่ต้องออกเสียง แต่ยังจำเป็นที่จะต้องมีอักษรนั้นอยู่

    อย่างเช่นว่าสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถ้าทั่ว ๆ ไปเราก็อ่านว่า เทบ-พะ-รัด-ตะ-นะ แต่ต้องเข้าใจว่า เราจะต้องอ่านเหมือนยังมีไม้ทัณฑฆาต คือตัวการันต์อยู่เหมือนเดิม

    กฎเกณฑ์ของภาษาไทยนั้นมีมาก จำเป็นที่จะต้องศึกษาและช่วยกันรักษาเอาไว้ เนื่องเพราะว่าพวกเราออกเสียง ค.ควาย ต่างกับ ฅ.ฅน ไม่ได้ ออกเสียง ข.ไข่ ต่างกับ ฃ.ขวด ไม่ได้ ออกเสียง ย.ยักษ์ ต่างกับ ญ.หญิง ไม่ได้ ออกเสียง น.หนู ต่างกับ ณ.เณร ไม่ได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่แต่โบราณมาเขาออกเสียงเหล่านี้ได้ชัดเจนมาก เนื่องเพราะว่าทั้งหมดที่ว่ามานั้น มีทั้งเสียงขึ้นจมูกและเสียงปกติ มีทั้งเสียงก้องและเสียงไม่ก้อง แม้แต่ จ.จาน เด็กรุ่นใหม่ก็ออกเสียงไม่ได้แล้ว ไปออกเสียงห่อกลางลิ้น ซึ่งฟังแล้วแปลก ๆ หูสำหรับรุ่นของกระผม/อาตมภาพ เพราะว่าฟังเหมือนอย่างกับตัว ch ในภาษาอังกฤษ..!

    ดังนั้น..ในเรื่องที่เว็บไซต์วัดท่าขนุนของเราจำเป็นที่จะต้องอนุรักษ์ภาษาไทย บังคับว่าถ้าใครเขียนผิดจะต้องเจอแจกใบแดง ถ้าไม่แก้ไขภายในเวลาที่กำหนดก็จะโดน "บล็อก" ไม่ให้ใช้งานอีก ก็เพราะว่าตามสื่อโซเชียลต่าง ๆ นั้นมีการใช้ภาษาไทยแบบผิดพลาดจนน่าทุเรศมาก ทำให้ภาษาไทยเสียหายหมด ใครที่เป็นสมาชิกเว็บไซต์วัดท่าขนุน เข้าไปใหม่ ๆ ก็มักจะนั่งตัวเกร็ง ไม่กล้าโพสต์อะไรเลย เพราะกลัวโดนใบแดง เพราะว่าผู้ดูแลเว็บไซต์วัดท่าขนุนนั้น เร็วมากในการจับว่าท่านเขียนผิดหรือถูก..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,481
    ค่าพลัง:
    +26,308
    คราวนี้ในวันนวมินทรมหาราชนี้ก็คือ วันที่เรารำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งสวรรคตเมื่อวันที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ที่ผ่านมา ก็จะเห็นว่าทุกหน่วยงานร่วมกันบำเพ็ญกุศลถวายต่อพระองค์ท่าน แม้แต่การที่ท่านทั้งหลายมาบวชเนกขัมมะปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกีรยติรุ่น ๗/๒๕๖๗ นี้ ก็บวชถวายพระราชกุศลเช่นกัน

    การที่พสกนิกรจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น เป็นทั้งความสำนึกในหน้าที่ของตนที่มีต่อบุพการี หรือถ้าหากว่าจะอ่านให้ถูกต้องก็คือบุรพการี ก็คือผู้ที่ทำคุณแก่เราก่อน ส่วนเราเมื่อรู้สำนึก ก็เป็นกตัญญูกตเวทิตาบุคคล คือผู้ที่รู้คุณท่านแล้วกระทำสิ่งที่ดี ๆ ตอบแทน
    เนื่องเพราะว่าสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยของเรามา จนกระทั่งมีแผ่นดินให้พวกเราได้อยู่อาศัย เท่านั้นยังไม่พอ ความสงบร่มเย็นที่แผ่ออกไปรอบด้าน เราจะเห็นว่าทางด้านพี่น้องชาวพม่า ชาวลาว ชาวเขมร ทั้งที่เข้ามาโดยถูกต้องและลักลอบเข้ามา ทำมาหากินในประเทศของเรานั้นมีจำนวนที่น่าตกใจมาก เฉพาะชาวพม่าอย่างเดียวที่เป็นประชากรแฝง ก็คือเข้ามาโดยไม่ถูกต้อง มีไม่ต่ำว่า ๖ - ๗ ล้านคน ส่วนที่เข้ามาโดยถูกต้องนั้น อย่างเก่งก็ประมาณ ๓ - ๔ ล้านคนเท่านั้น

    นี่คือสิ่งที่ประเทศซึ่งไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์คอยปกป้องดูแลพสกนิกร เขาได้รับความเดือดร้อนจากการปกครองโดยรัฐบาล ที่เห็นแก่พวกพ้องและตัวกูมากกว่าเห็นแก่ประชาชน แต่บ้านเราเมืองเรา ด้วยความที่ว่างเว้นจากศึกจากสงครามมายาวนานมาก หลังจากสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวมาแล้ว ก็แทบจะไม่มีศึกสงครามที่รบกันอย่างจริง ๆ จัง ๆ ระหว่างประเทศเลย

    แม้สงครามโลกครั้งที่ ๑ ในยุคในหลวงรัชกาลที่ ๖ หรือว่าสงครามโลกครั้งที่ ๒ ในยุคของในหลวงรัชกาลที่ ๘ ต่อรัชกาลที่ ๙ เราก็ไม่ได้เป็นคู่กรณีหรือคู่ศึกโดยตรงกับใคร แล้วความสงบร่มเย็นยาวนานที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๘ มาถึงปัจจุบันนี้ เราก็มีเพียงความขัดแย้งทางความคิด ซึ่งมีบุคคลที่ตั้งใจจะปลุกปั่นให้บ้านเราเมืองเราเกิดความวุ่นวายแล้วเข้ามาครอบงำ..!

    โชคดีที่เรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คอยดูแลพวกเราอยู่ และไม่ได้มองผู้เห็นต่างเป็นศัตรู อย่างที่นักข่าวฝรั่งขอพระราชทานสัมภาษณ์ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งตอนนั้นยังรบกับความขัดแย้งของบุคคลที่ถือลัทธิคอมมิวนิสต์ว่า "พระองค์ท่านคิดว่าสงครามครั้งนี้จะสามารถชนะได้หรือไม่ ?"
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,481
    ค่าพลัง:
    +26,308
    ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ทรงถามย้อนกลับไปว่า "สงครามอะไร ? คุณรบกับใคร ? ฉันไม่ได้ทำสงครามกับใคร ถ้าหากว่ากำลังทำสงครามอยู่ ก็คือทำสงครามกับความหิวโหยของประชาชน" พูดง่าย ๆ ก็คือพระองค์ท่านกำลังต่อสู้ในการที่ทำให้ประชากรไทยของเรา อันดับแรกเลย ได้กินอิ่มปากอิ่มท้อง อันดับที่สองก็คือยกระดับความเป็นอยู่ในชีวิตให้ดีขึ้น แล้วพระองค์ท่านก็กระทำได้สำเร็จ

    ในขณะที่อินโดจีนลุกเป็นไฟ โดนลัทธิคอมมิวนิสต์ครอบงำจนหมด ประเทศไทยเป็น "โดมิโน" ตัวเดียวที่ไม่ได้ล้มตาม เพราะว่าเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ไม่ได้เห็นพสกนิกรเป็นศัตรู หากแต่เห็นเป็นลูกหลาน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องให้การสงเคราะห์ แม้ว่าจะเกเรไปบ้างก็ถือว่าเป็นลูกหลานเช่นกัน จนกระทั่งคุณงามความดีตรงนี้ ชนะแนวคิดซึ่งเป็นไปไม่ได้ในแบบของมาร์กซิสม์ หรือที่เรียกว่าคอมมิวนิสต์ เพราะว่าจะให้ทุกคนเสมอกัน

    ถ้าเราทั้งหลายศึกษาประวัติศาสตร์ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นพี่ใหญ่อยู่ในปัจจุบันนี้ประเทศหนึ่งของโลก เราจะเห็นว่าเขาเสียเวลาจ่อมจมอยู่กับลัทธิคอมมิวนิสต์นานมาก ทำให้ประเทศชาติล้าหลังตามใครไม่ทัน จนกระทั่งมาถึงสมัยประธานาธิบดีเติ้งเสี่ยวผิงจึงค่อยเปิดกว้าง รับเอาแนวคิดทุนนิยมจากโลกภายนอกเข้าไป โดยมีอมตะวาจาว่า "จะแมวขาวหรือแมวดำ ถ้าสามารถจับหนูได้ก็ถือว่าเป็นแมวที่ดี" พูดง่าย ๆ ก็คือจะเป็นคอมมิวนิสต์หรือทุนนิยม ถ้าทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้ ก็ถือว่าเป็น "แมว" ที่ดีนั่นเอง หลังจากนั้นประเทศจีนก็พัฒนาอย่างรวดเร็ว จนก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจอยู่ในปัจจุบัน

    ดังนั้น..ในเรื่องของความเสมอภาคโดยแท้จริงแล้วไม่มี โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนาของเรา เพราะว่าแต่ละคนทำกรรมมาไม่เท่ากัน เรามีกรรมเป็นกำเนิด เรามีกรรมเป็นทายาท เรามีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เรามีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย ในเมื่อทำกรรมมาไม่เท่ากัน แล้วจะให้ทุกคนเสมอกันย่อมเป็นไปไม่ได้

    ที่นักการเมืองบางพรรคพยายามที่จะขายฝัน จะให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเสมอกัน เท่าที่กระผม/อาตมภาพมอง ๆ มาก็คือ ส่วนใหญ่ไม่เข้าใจคำว่าสิทธิและเสรีภาพเสียด้วยซ้ำไป มักจะคิดว่าการที่ตนเองทำอะไรอย่างอิสระตามใจตนเอง นั่นคือสิทธิและเสรีภาพที่ควรมี โดยที่ไม่ได้ดูว่าการกระทำของตนเองนั้น ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนอย่างไรบ้าง ก็คือใช้สิทธิและเสรีภาพของตนเองอย่างเต็มที่ แต่ไปล่วงสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นลักษณะของการตีความแบบไร้ปัญญา..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    18,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,481
    ค่าพลัง:
    +26,308
    ดังนั้น..ประเทศไทยของเราโชคดีมาก ที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ช่วยค้ำจุนมาจนถึงปัจจุบันนี้ แม้แต่น้ำท่วมภาคเหนือที่ผ่านมาและยังคงท่วมอยู่ เราก็จะเห็นว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ขอยืนยันว่า บอ-รม-มะ-รา-ชิ-นี พวกเราส่วนใหญ่อ่านว่า บะ-รม-มะ-รา-ชิ-นี คำว่า บรม (บอ-รม) บวร (บอ-วอน) บพิตร (บอ-พิด) คำเดียวกัน อ่านวิธีเดียวกัน แล้วทำไมเราไม่อ่านว่า บอ-รม เราไปอ่านว่า บะ-รม ก็แปลว่าผิดตั้งแต่แรกเล้ว..!

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานถุงยังชีพก่อนเพื่อนเลย หลังจากนั้นยังเสด็จไปเยี่ยมโดยที่ไม่ให้ออกข่าวอีกด้วย มาภายหลังก็มอบเครื่องฉีดน้ำความแรงสูง เพื่อให้ไปล้างโคลนในบ้านเรือนของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน โดยมอบหมายให้กับหน่วยทหารในพื้นที่ออกไปช่วยเหลือประชาชน ขณะที่นักการเมืองของเราก็มาแสดงโวหารทะเลาะเบาะแว้งกัน..น่าเหนื่อยใจ พูดง่าย ๆ ว่าพ่อแม่พยายามที่จะทำให้พี่น้องคนอื่น ๆ พ้นจากความทุกข์ ไอ้พวกลูก ๆ ที่มีฐานะ มีตำแหน่งหน่อย กลับมาทะเลาะเบาะแว้งเกเรเกตุงกันอยู่ เป็นเรื่องที่น่าเหนื่อยใจมาก..!

    วันนี้ที่ทั่วประเทศไทยของเราร่วมใจเป็นอันหนึ่งอันเดียว บำเพ็ญกุศลต่าง ๆ เพื่อถวายต่อในหลวงรัชกาลที่ ๙ ถือว่าเป็นการกตเวที ที่แม้จะมาช้าก็ดีกว่าไม่มาเสียเลย เนื่องเพราะว่าส่วนใหญ่บอกว่า "รักพ่อ" เป็นการรักแต่ปาก สิ่งที่พระองค์ท่านสอนและทำเป็นตัวอย่างอยู่ หาผู้ที่ทำตามได้แค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ขนาดนั้นก็ยังทำให้ประเทศชาติของเราเจริญมั่นคงได้ ขณะที่รอบบ้านผ่านเมืองของเราเดือดร้อนกันหมด

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าทุกคนมีสำนึกและกตเวทิตาคุณจริง ๆ แล้ว เร่งรีบทำตามพระบรมราโชวาทที่พระองค์ให้ไว้ในโอกาสต่าง ๆ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ทรงสืบสาน รักษา และต่อยอดเอาไว้ ก็ยังไม่ถือว่าสายจนเกินไป เพราะว่ามีแต่คุณความดีต่อตนเอง ครอบครัว และประเทศชาติอย่างยั่งยืน

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๑๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...