**พระกรรมฐานสาย ลป.ชอบ ลป.คำดี ลป.หลุย และครูบาอาจารย์สายต่างๆ**//

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Lo_olLo, 12 พฤษภาคม 2016.

  1. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,793
    ค่าพลัง:
    +11,923
    thumbnail_20240909_183055.jpg
    ....วันนี้ 10/9/2567 ทางคณะชมรมพุทธธรรมเพื่อการเผยแพร่ ได้นำปัจจัยจากที่ท่านสมาชิกร่วมบุญกับกริ่ง "อวโลกิเตศวร" ส่วนหนึ่งจำนวน 5000 บาท น้อมถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด(ในซองดังในภาพ) เพื่อสมทบร่วมสร้างตึกที่พักสงฆ์ 73 ปีหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัด ณ วัดศรีสุทธาวาส ครับ

    ....และในการนี้ทางคณะ "ได้เขียนจดหมายกราบเรียน(อย่างไม่เป็นทางการ)" ถวายหลวงพ่อท่านเจ้าคุณ(ในภาพคือท่านกำลังอ่านจดหมายกราบเรียน เพราะท่านสายตาสั้นมากๆครับเลยต้องใช้หนังสือลองอ่านใกล้ๆ) เพื่อกราบขอเมตตา นำพระกริ่งอวโลกิเตศวรทั้งหมด เ
    ข้าพิธีลงสวดปาฏิโมกข์ ณ พระอุโบสถในวันที่ 11 กันยายน 2567(มีครูบาอาจารย์ร่วมพิธีจำนวนมาก) และในการนี้กราบขอเมตตาหลวงพ่ออธิษฐานจิตพระกริ่งทั้งหมดในโอกาสนี้ด้วยครับ

    ....หลังจากท่านอ่านจดหมายเสร็จ
    "ท่านก็เมตตาให้นำพระทั้งหมดเข้าไปไว้ในกุฏิท่าน" และท่านปรารภว่า "เดียวคืนนี้หลวงพ่ออธิษฐานจิตให้ก่อน พรุ่งนี้จะให้พระนำไปไว้ในพระอุโบสถให้" เพื่อรอการลงสวดปาฏิโมกข์ของคณะสงฆ์วันที่ 11 นี้...

    ****ตอนนี้พระทั้งหมดรอผ่านพิธีต่างๆก่อนนะครับ และเดียว "อาจารย์บุญเลิศ" ท่านจะนำเข้าอธิษฐานจิตตามพิธีอีกครั้ง ท่านอาจารย์บุญเลิศบอกว่า "พระกริ่งอวโลกิเตศวร" ใครดวงตกให้นำไปทำน้ำมนต์ล้างหน้า
    "จะเสริมราศีได้ดีนักแล".....

    thumbnail_20240906_165439-jpg.jpg
     
  2. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,793
    ค่าพลัง:
    +11,923
    thumbnail_20240918_140556.jpg
    .....วัน 18/9/2567 ทางคณะผู้จัดสร้าง(ชมรมพุทธธรรมเพื่อการเผยแพร่) ได้เดินทางเข้าพบ อ.บุญเลิศ เชื่อบุญมี อาจารย์ฆราวาสสายวัดประดู่ทรงธรรม ท่านได้กรุณารับทำพิธีไหว้ครูบูชาพระขอบารมีพระพุทธเจ้าท่านแผ่พุทธฉัพพรรณรังสีอธิษฐานจิตพระกริ่งอวโลกิเตศวรชุดนี้ ต่อจากหลวงพ่อท่านเจ้าคณะจังหวัด ซึ่งท่านได้ให้คณะผู้จัดสร้างนำพระทั้งหมดไปเรียงไว้ในห้องพระสำนักงานของท่าน

    ....ทางคณะก็ได้นำพระไปเรียง(ตามในภาพ) ใต้ฐานไม้ข้างพระประธานตั้งแต่วันที่ 14/9/2567(หลังจากรับมาจากหลวงพ่อเจ้าคณะจังหวัดแล้ว) แล้วท่านก็บอกว่าแล้วเดียวค่อยมาเอาหลังวันที่ 16/9/2567 เมื่อถึงวันที่ 16 ทางคณะก็ไปขอพระกริ่งอวโลกิเตศวรจากท่านคืนตามนัด แต่ทว่าท่านอาจารย์บุญเลิศบอกทางคณะครับว่า "อย่าเพิ่งเอาพระกลับไปนะ ผมยังทำไม่เสร็จเลย ดูเหมือนว่าพลังงานในพระท่านทำไมดูเหมือนไม่เต็มสักที จับตรงไหนก็เหมือนจะเต็มแต่พอเพ่งจิตพิจารณาดูดีดีพลังงานนั้นก็สลายไป ไม่คงที่เลย เอาไว้ก่อนนะ เอาไว้ก่อน" ทางคณะจึงจำเป็นที่จะต้องฝากไว้อีกในวันนั้น

    ...จนถึงวันนี้ครับ18/9/2567 ทางคณะได้รับโทรศัพย์จากท่าน อ.บุญเลิศ ให้มานำพระกลับไปได้ ทางคณะจึงรีบเดินทางไปหาท่าน พอไปถึงสำนักงานที่บ้านพักของท่านที่ จ.เพชรบูรณ์ ท่านก็บอกว่า "จำนวนขาดไป 2 องค์นะถวายพระครูอนุวัฒน์ท่านไป" ทางคณะจึงเรียนสอบถามท่านครับว่า "ท่านพระครูอนุวัฒน์เป็นใคร" อ.บุญเลิศท่านได้กรุณาเล่าว่า "พระครูอนุวัฒน์ก็เป็นเพื่อนท่านนี้แหละ ที่ไปบวช(ปัจจุบันอายุ74ปี) หลังจากท่านบวชแล้วปี2518 ได้ไปอยู่กับหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลีถึง 5 ปีก่อนที่ท่านจะออกมาทำสถานธรรมนาโพธิ์ที่จังหวัดนครพนม(ปี2522)

    ....วันนั้น(วันที่17 ก.ย.2567) ท่านมาเยี่ยมผม(เยี่ยมอ.บุญเลิศ) ที่นี้แหละ แต่ท่านไปสะดุดตาพระกริ่งอวโลกิเตศวรที่วางเรียงอยู่ฐานพระประธาน พระครูอนุวัฒน์ท่านจึงถามอาจารย์บุญเลิศว่าพระของใครท่านทำหรือ อ.บุญเลิศบอกไปว่าของชมรมเขามาฝากทำพิธี ท่านพระครูอนุวัฒน์ ท่านสนใจมากมองแล้วมองอีกจับแล้วจับอีก อ.บุญเลิศท่านจึงถามท่านพระครูว่า ทำพิธีสองหนแล้วดูเหมือนพลังงานไม่ลงเต็มสะที มันเป็นยังงัยนะ.. "

    ....ท่านพระครูอนุวัฒน์ จับพระกริ่งขึ้นมากำไว้ในมือ 1 องค์แล้วพิจารณาอยู่สักพัก แล้วบอกอาจารย์บุญเลิศว่า "โอยนี้ใช้ได้แล้วนะ เสกพระกริ่งอวโลกิเตศวรนี้ไม่เหมือนเสกพระอื่นๆนะ...."

    img_2342_resize.jpg
    ....ท่านอาจารย์บุญเลิศจึงสงใสแล้วถามพระครูท่านไป..."ยังงัยนะ(อาจารย์บุญเลิศถาม) ท่านพระครูจึงกรุณาอธิบายให้อาจารย์บุญเลิศฟังว่า...เนื้อพระกริ่งนี้ทำจากสำริดสำเร็จแล้วหล่ออะไรก็ขลังไปหมด(แม้จะไม่เสก) แต่พอขึ้นเป็นรูปพระอวโลกิเตศวรนี้ พลังงานจะเป็นแบบหัวใจพระสูตรปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร(พระสูตรว่าด้วยปัญญาอันเป็นหัวใจพาไปถึงฝั่งพระนิพพาน) เพราะเป็นพระสูตรหัวใจสำคัญของพุทธมหาญาณ พลังงานบทนี้มีหลักการคือ ทุกอย่างมีอยู่ แต่ไม่มีตัวตนเป็นของที่ไม่แน่นอน(คล้ายๆหลักการอนัตตาของพุทธเถรวาท)" ฉะนั้นเวลาพระท่านสงเคราะห์(หมายถึงพระท่านแผ่พลังงานบารมีลงมายังวัตถุมงคล) ท่านก็แผ่มาตามรูปลักษณ์ของวัตถุมงคลนั้นๆ อย่างพลังงานพุทธคุณต่างๆที่เราเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางเมตตา ทางโภคทรัพย์ หรือเป็นแล้วสารพักนึก สุดท้ายของเหล่านี้ไม่เที่ยงตั้งอยู่ชัวคราว(อนิจจัง) แล้วเดียวก็หายไปจับต้องอะไรไม่ได้(สูญญตา,อนัตตา) พลังงานสูญญตานี้แหละ "อวิชชาจะมองไม่เห็นละ ใครปล่อยคุณปล่อยของมานี้ตีกลับหมดเพราะมองไม่เห็นงัยพลังงานท่านบังไว้ นี้ล้างอาถรรพ์ได้ด้วยนะที่ไหนร้อนๆ ทำน้ำมนดับพลังงานร้อนต่างๆได้ดี (นัยยะคือสถานที่นั้นมีแต่การทะเลาะเบาะแว้ง หรือมีแต่ปัญหาบ่อยๆ ทำอะไรก็ไม่เจริญขึ้นหรือต้องธรณีสาร นำพระกริ่งอาราธนาทำน้ำมนต์รดราด พลังงานร้อนจะค่อยๆสลายไป แต่ต้องทำประจำโดยเฉพาะการสวดมนต์)"

    ....นี้ท่านพระครูอธิบายอุปเทห์ไว้ดังนี้ ท่านอาจารย์บุญเลิศจึงเข้าใจเพราะท่านไม่เคยทำพลังงานพระแนวนี้มาก่อน(ที่มีความลึกซึ้งซับซ้อนแบบมหาญาณ) ก่อนกลับท่านพระครูจึงขอพระอาจารย์บุญเลิศไป 2 องค์พร้อมทั้งมอบเงินเข้ากองทุน 2000 บาท จึงกราบขออนุโมทนากับท่านพระครูอนุวัฒน์ไว้ ณ ที่นี้ครับ

    หลังจากได้รับพระทั้งหมดแล้วต่อไปทางคณะจะทำการแบ่งยอดจอง และจัดส่งให้ท่านสมาชิกต่อไปนะครับ ขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกท่านด้วยครับ

    thumbnail_20240918_140549.jpg

    thumbnail_20240918_140623.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2024
  3. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,793
    ค่าพลัง:
    +11,923

    thumbnail_20240918_140556-jpg.jpg

    ในวันที่22 วันที่ 24 กันยายน 2567
    ทางคณะชมรมพุทธธรรมเพื่อการเผยแพร่ได้จัดส่ง

    "พระกริ่งอวโลกิเตศวรเมตตาบารมี"
    ให้สมาชิกทุกท่านที่ร่วมบุญครบทุกท่านแล้วนะครับ ส่วนท่านใดอยากได้รหัสไปรษณีย์สามารถแจ้งขอรับทาง PM ได้เลยครับ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ

    ********************************
    _temp_hash=a24c69390f510b8af1b2a7419afe8b65.jpg
    .....พอดีว่าทางคณะเพิ่งได้รับ "คาถาทำน้ำพระพุทธมนต์" สำหรับการอารธนาพระกริ่งอวโลกิเตศวรรุ่นนี้ทำน้ำมนต์ครับ โดยในตำราเดิมมีอุปเท่ห์ว่า...

    "คำว่าอวโลกิเตศวร แปลตามศัพย์ว่า พระเจ้าผู้มองลงมายังโลก" กล่าวคือผู้ฟังเสียงของมนุษย์ที่ได้รับความเดือนร้อน ฉะนั้นคาถาบทนี้โบราณว่า ให้ใช้ทำน้ำมนต์บอกกล่าวพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ตลอดจนน้อมนำบารมีแห่งองค์พระอวโลกิเตศวร มาช่วยเหลือเจือจุนเพื่อประสิทธิให้เกิดให้มีขึ้นในเรื่องต่างๆ ด้วยอิทธิบารมีธรรมนี้ให้สิ่งที่ปรารถนาสำเร็จ โดยมีน้ำเป็นตัวกลางในการสื่อถึงพลังงาน
    โดยท่านว่า ผู้ใดจะไปเจรจาค้าขาย หรือจะเปิดกิจการใดๆ เพื่อให้เกิดความเป็นมงคล ให้นำพระกริ่งนี้อารธนาแช่ลงในน้ำสะอาด(ขันน้ำมนต์) ว่าคาถานี้ 3-8 จบ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน นำน้ำไปอาบหรือนำไปรดราดเคหสถานบริษัทร้านค้าของท่าน จะเกิดเป็นมงคลลาภผลพูนทวีแลจะช่วยเสริมราศีมีเมตตา แก่ผู้นำไปล้างหน้าหรืออาบ(กรณีนำไปอาบ)

    ...และในที่แห่งใดเป็นทางสามแพร่ง เป็นที่แรงที่สุสานที่เป็นป่าช้าเก่า(สร้างเคหสถานทับที่แห่งนั้น) หรือต้องธรณีสาร ให้นำพระกริ่งอวโลกิเตศวรนี้แช่ทำน้ำมนต์รดราดทุกวันพระเป็นประจำติดต่อกันหลายวันพระ(โบราณว่า7วันพระ) พลังงานไม่ดีในที่นั้นๆจะเริ่มสลายไป พลังงานที่ดีจะเริ่มเข้ามาเป็นการปรับพลังงานในที่นั้นๆให้ดีขึ้นนั้นเอง " และอุปเท่ห์การทำน้ำมนต์แห่งพระอวโลกิเตศวรนี้มีมากมายนานับประการ สุดแท้จะอธิษฐานเอาเทอญ...


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2024 at 16:02
  4. supachaipnu

    supachaipnu ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    2,375
    ค่าพลัง:
    +7,306
    ได้รับเเล้วครับ ขอบพระคุณครับ อาจารย์
     
  5. ktv

    ktv เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    1,172
    ค่าพลัง:
    +1,179
    ได้รับพระแล้วครับ ขอบพระคุณท่านอาจารย์ครับ
     
  6. songsakth

    songsakth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2013
    โพสต์:
    1,965
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +2,669
    ได้รับพระแล้วครับ ขอบพระคุณมากครับ ท่านอาจารย์
     
  7. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,793
    ค่าพลัง:
    +11,923
    ยันต์พุทธปาฏิหาริย์.jpg

    **ยันต์พุทธปาฏิหาริย์**
    ...ท่านอาจารย์บุญเลิศ เชื่อบุญมี ท่านเล่าให้ทางคณะชมรมพุทธธรรมฟังในครั้งที่ไปเอาพระกริ่งจากท่าน ในเรื่องวิชาพุทธาคมสายต่างๆให้ฟังครับ โดยที่ได้หยิบตำราที่ท่านเขียนขึ้นมาเองเพื่อเตือนความจำในสมัยที่ท่านได้ไปร่ำเรียนวิชาจากครูบาอาจารย์ต่างๆ ในสมัยที่ท่านยังหนุ่มๆ(ราวๆ50กว่าปีที่แล้ว) โดยท่านจะจดอุปเท่ห์และคาถาต่างๆไว้มากมาย

    76c4470d0f9586ae01f54ae7083af27d.jpg

    ...ซึ่งในระหว่างที่ท่านเล่า ทางคณะได้ไปสะดุดตายันต์หนึ่งในตำรา โดยเขียนใต้ช็อตโน๊ตว่า "ยันต์นี้ท่านเรียกว่า พุทธปาฏิหาริย์" ทางคณะจึงเรียนสอบถามท่าน โดยท่านก็กรุณาเล่าว่า "ยันต์นี้ท่านไปเห็นในตำราของวัดพระญาติ(หลวงพ่อกลั่นท่านจดไว้) แต่ท่านเขียนไว้เป็นกลบท ไม่มีวิธีหรือกลอุบายใดๆในการลงไว้ เพียงแต่เขียนไว้เป็นตัวยันต์เท่านั้น"

    ...เมื่อปี 2520 ครั้งที่ท่านทำงานในกระทรวงอยู่ที่กรุงเทพ ก็ได้มีโอกาสเข้ากราบเรียนสอบถามยันต์นี้จาก "หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช อยุธยา" ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของท่านและยังเป็นครูบาอาจารย์สายวัดประดู่ทรงธรรมที่มีความอาวุโสมากในเวลานั้น ท่านให้ความเห็นว่า "ยันต์พุทธปาฏิหาริย์นี้เป็นยันต์ที่ต้องใช้กำลังใจสูงมากในการลง ต้องขอกำลังครูท่านประสิทธิลงมาให้ตั้งแต่บรมครูสูงสุดคือพระพุทธเจ้าลงมาเป็นลำดับ" จึงถือเป็นยันต์สำคัญ ครูบาอาจารย์ในอดีตท่านจึงไม่เขียนลงไว้ในบันทึกเพียงแต่โครงยันต์ ไว้เป็นตัวอย่างเท่านั้น แต่อุปเท่ห์การลง ตลอดจนคาถาต่างๆจะอาศัยการท่องจำเอา และท่านจะถ่ายทอดความรู้ให้กับศิษย์ที่สนใจและมีสมาธิที่ตั้งมั่นมากเท่านั้นจึงจะเรียนเขียนยันต์นี้ได้ เพราะยันต์นี้ต้องใช้กำลังใจสูง ใครจะเรียนก็ต้องสอบอารมณ์กรรมฐานกันก่อน ท่านจึงจะสอนให้...

    96396015_3144505532246726_8381007204966203392_n.jpg
    ....อาจารย์บุญเลิศ ท่านจึงกราบขอความกรุณาเมตตาจากหลวงพ่อเทียมว่าอยากสืบวิชานี้ไว้ไม่ให้ศูนย์หาย เพราะถือเป็นมรดกของบรรพชนครูบาอาจารย์ในอดีตจึงอยากเรียนไว้มิให้สาปสูญหลวงพ่อเทียมท่านก็เมตตาอาจารย์บุญเลิศและได้ถ่ายทอดให้ โดยหลวงพ่อเทียมท่านอธิบายคุณวิเศษยันต์นี้เบื้องต้นให้อาจารย์บุญเลิศฟังว่า ...ยันต์พุทธปาฏิหาริย์นี้ถือเป็นยันต์ชั้นสูง "ที่พระเจ้าแผ่นดินอยุธยาหรือพระเจ้าแผ่นดินพม่า" ใช้ลงไว้ที่ผ้าโผกหัวก่อนใส่หมวกไปรบ หรือไปในราชการสำคัญๆต่างๆ ให้เกิดความเป็นมงคลสูงสุด อนึ่งยันต์นี้นอกจากท่านจะใช้ลงในผ้าโผกแล้ว ครูบาอาจารย์ในอดีตยังลงเป็นตะกรุดบรรจุไว้เหนือยอดปราสาทเพื่อป้องกันฟ้ากันไฟอีกด้วย(เนื่องจากสมัยก่อนไม่มีสายล่อฟ้า) และยังถือเป็นการปัดเป่าสิ่งชั่วรายไม่ให้เข้ามากล้ำกรายในบริเวณอาณาเขตพระราชวังด้วย

    *******

    ........ซึ่งยันต์นี้ อาจารย์บุญเลิศท่านได้สืบวิชามาจากหลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช โดยท่านกรุณาเล่าคราวๆเกี่ยวกับคุณวิเศษของยันต์นี้ไว้เป็นอุบายดังนี้ครับ
    ....ยันต์พุทธปาฏิหาริย์นี้ ถือเป็นยันต์ "ที่หมายเอาคุณวิเศษแห่งพระพุทธเจ้า" ผู้ท่านมีฤทธิปาฏิหาริย์คุณวิเศษด้วยกัน 3 ประการคือ

    1.อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ซึ่งอิทธิคุณนี้แม้พระพุทธเจ้าท่านไม่สรรเสริญนักแต่ท่านก็ใช้เพื่อปราบเดียรถีย์และปราบทิฐิมานะ เช่น พระชฎิล 3 พี่น้องโดยใช้กสินไฟปราบพญานาคที่เหล่าพระชฎิล 3 พี่น้องปล่อยมาพ่นพิษใส่พระพุทธเจ้า หรือ แสดงยมกปาฏิหาริย์ปราบเดียรถีย์ทั้ง 6 ตามคำกราบทูลของพระเจ้าพิมพศาล (ด้วยอุปเท่ห์ของคุณวิเศษนี้ ยันต์นี้จึงมีฤทธิ์เป็นมหาปราบ เป็นมหาสะท้อน ใครดูหมิ่นคิดร้ายด้วยคุณวิเศษนี้ย้อมทำให้ศัตรูพินาศฉิบหายไป)

    2.อาเทสนาปาฏิหาริย์ การที่พระพุทธเจ้า รู้สภาพจิตใจของผู้เรียนหรือผู้ฟังแล้ว ก็สอนเขาตามสภาพจิตใจนั้น พระพุทธเจ้าทรงใช้วิธีนี้ กับบุคคลประเภทอุคฆฏิตัญญู คือคนที่มีปัญญาบารมีสูง (ด้วยอุปเท่ห์คุณวิเศษนี้ ยันต์ย้อมมีคุณวิเศษด้านกลั่นกรอง กล่าวคือ พระพุทธเจ้าใช้ปาฏิหาริย์นี้กลั่นกรองบุคคลว่ามีภูมิรู้ ภูมิธรรม มากน้อยขนาดไหน ก็จะสอนให้ได้เหมาะสมกับปัญญาของบุคคลขนาดนั้นๆ ให้ได้สำเร็จธรรมตามกันได้ ซึ่งเหมือนดังกลั่นกรองสิ่งที่ไม่ดีต่างๆที่จะเข้ามาฉันใด ยันต์นี้ย้อมมีคุณเจียรนัยแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิตดุจดั่งพระพุทธเจ้าใช้อาเทสนาปาฏิหาริย์เจียรนัยจากปุถุชนให้เป็นอริยชนฉันนั้น)

    3.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือ คำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนสาวกให้รู้ว่าสิ่งใดมีโทษ สิ่งใดไม่มีโทษ สิ่งใดควรเจริญ ไม่ควรเจริญ สิ่งนี้เป็นกุศล สิ่งนี้เป็นอกุศล หนทางนี้คือทางดับกิเลส คือ อริยมรรค การสอนด้วยพระธรรมทีเป็นสัจจะนี้เองที่สามารถให้สาวก หรือ ผู้ที่ได้ฟัง ละ สละ ขัดเกลากิเลส และมีปัญญาถึงการดับกิเลสได้ นี่คือ ปาฏิหาริย์สูงสุด เพราะว่ากิเลสเป็นสิ่งที่ละยาก การละกิเลสได้จนหมดสิ้นด้วยพระธรรม จึงเป็นสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์สูงสุด (ด้วยอุปเท่ห์คุณวิเศษนี้ ยันต์ย้อมมีคุณวิเศษด้านทำให้พลิกชีวิต จากร้ายกลายเป็นดี จากดวงตกให้ดวงดี จากตกต่ำให้สูงขึ้นมาได้ ดุจดั่งพระธรรมที่พระพุทธเจ้าใช้อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ให้ปุถุชนกลายเป็นพระอริยชนได้อย่างรวดเร็วฉันใด ด้วยพุทธานุภาพนี้ย้อมพลิกชีวิตผู้ตกต่ำให้สูงได้ดังทำของที่คว่ำให้หงายได่ฉันนั้น...)

    **ซึ่งปาฏิหาริย์ทั้ง 3 ประการนี้จึงต้องใช้กำลังใจและบารมีสูงมากสำหรับผู้ที่ลงเพราะต้อง "ให้ยันต์นี้สามารถมีปาฏิหาริย์เกื้อหนุนผู้ที่บูชาให้เกิดความเจริญงอกงามขึ้นมาได้เป็นประกาารนี้" ฉะนั้นยันต์นี้จึงมีทั้งคุณวิเศษ ทั้งด้านมหาปราบศัตรูหมู่มาร มีทั้งคุณวิเศษด้านป้องกันและแก้ไขสิ่งเลวร้ายไม่ให้เข้ามาได้ และมีทั้งคุณวิเศษด้านพลิกชีวิตกลับร้ายกลายเป็นดี รวมลงสู่ยันต์นี้ทั้งคุณวิเศษ 3 ประการครับ...
     
  8. Lo_olLo

    Lo_olLo เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,793
    ค่าพลัง:
    +11,923
    แบบพระพุทธปาฏิหาริย์12.jpg
    .....วันที่ 27 กันยายน 2567 ทางคณะได้ประชุมและมีการเสนอว่า "อยากจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นมารุ่นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับบยันต์พุทธปาฏิหาริย์" สืบเนื่องมาจากได้ยินได้ฟังเรื่องราวยันต์พุทธปาฏิหาริย์จากท่านอาจารย์บุญเลิศแล้วเห็นว่า"ยังไม่มีใครทำมาก่อนสำหรับยันต์นี้" (จริงๆแล้วเป็นยันต์โบราณกาลมาแล้ว ครับแต่ครูบาอาจารย์เก็บไว้ทำกันเองและใช้สงเคราะห์ลูกศิษย์ใกล้ชิดไม่คิดจะเผยแพร่สู่สาธารณะเท่าไร)

    ....จึงถือเป็นการสร้างเพื่อสืบสรรพวิชามิให้สูญไป ทางคณะจึงเรียนขออนุญาตอาจารย์บุญเลิศในฐานะที่ปรึกษาชมรม จัดสร้างพระขึ้นมารุ่นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับพุทธปาฏิหาริย์ ท่านก็คิดอยู่นาน และยังไม่อนุญาตในวันนั้นโดยท่านบอกว่า"ขอดูรายละเอียดต่างๆก่อน" จนวันนี้ครับได้โอกาสอันดี อาจารย์บุญเลิศให้คนใกล้ชิดโทรมาบอกทางชมรมว่า "ให้ทำพระแบบพิมพ์ของหลวงพ่อเงิน วัดดอยยายหอมนะ" กล่าวคือเป็นพิมพ์พระพุทธเจ้าสิบทัศน์ แต่เป็นพิมพ์ที่บ่งบอกถึง "ความเป็นพระพุทธเจ้าที่ทรงมีบารมีครบ30ทั้ง 1.บารมี10 2.อุปปารมี10และ 3.ปรมัตถ์ปารมี10รวม 10x3= 30 พอดี"

    .....ซึ่งในพิมพ์นี้จะประกอบด้วยพระพุทธเจ้าอยู่ในซุ้มเรือนแก้วนั่งบนฐานชุกชี มีด้วยกัน 4 ปาง


    ห้ามญาติ.jpg
    1.ปางห้ามญาติที่อยู่ตรงกลาง โดยในปางนี้เป็นพระพุทธรูปยืนยกพระหัตถ์ขวา ซึ่งตามพุทธประวัติแล้วสองตระกูล คือ ตระกูลโกลิยวงศ์(ญาติฝ่ายมารดา) ยกทัพมาแย่งน้ำจากตระกูลศากยวงศ์(ญาติฝ่ายบิดา) พระพุทธเจ้าทรงเสด็จไปห้ามทัพครั้งนี้และทรงแสดงเรื่องความเมตตาธรรมและความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ จนทำให้ทั้งสองตระกูลได้สติและเลิกลาในการฆ่าฟันกัน เอกเทศธรรมครั้งนี้ครูบาอาจารย์ในอดีตท่านได้นำมารจนา ให้มีพุทธานุคุณในเรื่อง"ห้ามสิ่งไม่ดี เป็นมหากันสรรพอันตรายทั้งหลายไม่ให้เสียเลือด เสียเนื้อ ดังคุณแห่งพระพุทธเจ้าห้ามทั้งสองตระกูลไม่ให้ฆ่าแกงกัน.."

    รำพึง.jpg
    2.ปางรำพึงอยู่ทั้งสองข้างปางห้ามญาติ พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้ว ก็ทรงคิดพิจารณาว่าธรรมที่ทรงตรัสรู้เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งยากที่มนุษย์ปุถุชนจะรู้ตามได้ จึงเกิดความท้อพระทัยคิดจะไม่สั่งสอนชาวโลก ร้อนถึงท้าวสหัมบดีพรหมได้มากราบทูลอาราธนาให้ทรงแสดงธรรม โดยทูลว่าในโลกนี้ยังมีบุคคลที่มีกิเลสเบาบางสามารถฟังธรรมของพระองค์เข้าใจได้อยู่ พระองค์จึงทรงรำพึงถึงธรรมเนียมพระพุทธเจ้าทั้งหลายแต่ปางก่อน ว่าตรัสรู้แล้วย่อมแสดงธรรมโปรดสัตว์เพื่อประโยชน์สุขแก่โลก จึงทรงเปลี่ยนพระทัยและเห็นชอบที่จะเสด็จออกไปแสดงธรรมแก่คนทั้งปวงตามคำอาราธนานั้น เอกเทศธรรมครั้งนี้ครูบาอาจารย์ในอดีตท่านได้นำมารจนา ให้มีพุทธานุคุณในเรื่อง "พระพุทธเมตตาที่ทรงสั่งสอนสัตว์โลกให้พ้นจากภัยต่างๆในวัฏสงสารฉันใด พุทธคุณนี้ย้อมเกิดความชุ่มเย็นเป็นสุข เป็นเมตตาแต่มนุษย์และเทวดาฉันนั้น.."

    อุ้มบาตร.jpg

    Untitled-1.jpg
    3.ปางอุ้มบาตร ครั้งพระประยูรญาติต่างถวายนมัสการทูลลากลับสู่พระราชสถานที่พักของตน แต่ไม่มีใครทูลนิมนต์พระพุทธองค์ให้รับภัตตาหารเช้าเลย โดยเข้าใจเอาเองว่า คงเสด็จไปเสวยภัตตาหารในพระราชนิเวศน์ ในวันรุ่งขึ้นพระพุทธองค์ทรงทราบด้วยพระญาณว่าพระพุทธเจ้าในอดีตเมื่อเสด็จมาประทับ ณ พระนครของพุทธบิดา ตามพุทธประเพณีได้เสด็จบิณฑบาตเพื่อโปรดมหาชน พระพุทธองค์จึงเสด็จออกบิณฑบาตตามพุทธประเพณี และมีความปีตียินดีประณมหัตถ์นมัสการ นับเป็นครั้งแรกที่ชาวเมืองกบิลพัสดุ์ได้เห็น พระบรมศาสดาทรงอุ้มบาตร เสด็จพระพุทธลีลาโปรดประชาสัตว์ เป็นการเพิ่มพูนความปีติ โสมนัส พระพุทธจริยาตอนนี้เป็นเหตุให้พุทธบริษัทสร้างพระพุทธรูป เรียกว่า ปางอุ้มบาตร เอกเทศธรรมนี้ครูบาอาจารย์ในอดีตท่านได้นำมารจนา ให้มีพุทธานุคุณในเรื่อง "มหาโภคทรัพย์ด้วยเหตุที่ครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงออกบิณฑบาตรจะมีผู้ร่วมใส่บาตรพระพุทธองค์มากล้นพ้น เนื่องด้วยอยากได้กุศลบุญจากการใส่บาตรพระพุทธเจ้าครั้งนี้ และยังเป็นอำนาจมหาปราบอีกด้วย กล่าวคือ ครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าทรงปราบทิฐิมานะ ของชฏินสามพี่น้องที่ปล่อยพญานาคมาทำร้ายพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณแล้วแต่เพื่อแสดงฤทธิ์ให้ชฏินสามพี่น้องได้รู้(เพราะชฏินสามพี่น้องถือตัวว่าสำนักตัวเองวิเศษสุด) จึงทรงไปยังสถานที่ ที่ชฏินสามพี่น้องนั้นให้ไปอาศัย ครั้งแล้วพญานาคใหญ่ออกมาเพื่อพ่นพิษใส่พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงใช้กสินไปแผดเผาพญานาคต้นนั้น แต่ไม่ถึงตายเพียงทำให้หมดฤทธิ์ไป และได้เนรมิตรให้พญานาคนั้นเล็กลง และกักขังไว้ในบาตรของท่านไว้เพื่อให้ชฏินสามพี่น้องดูเป็นหลักฐานว่าทรงปราบพญานาคลงได้ บาตรจึงเป็นสัญญาลักษณ์แห่งพลังงานรูป ทั้งแบบโภคทรัพย์และมหาปราบในเวลาเดียวกัน..."

    4.ปางนั่งขัดสมาธิ(จับหัวเข่า) ซึ่งในพิมพ์แสดงอุปเทห์แทนพระพทธเจ้า 5 พระองค์ในภัทรกัปป์นี้ครับ ซึ่งคุณวิเศษตรงนี้มีมากมายไม่มีประมาณ และพิมพ์สมาธิจับเขานี้ก็เป็นสัญญลักษณ์การแสดงธรรม"อันเป็นปาฏิหาริย์" หรือที่เรียนว่าอนุสาสนีปาฏิหาริย์อันเป็นการแสดงปาฏิหาริย์อันสูงสุด "ที่สามารถทำให้ปุถุชนคนธรรมดากลายเป็นพระอริยผู้ประเสริฐขึ้นมาได้ฉันใด พุทธานุภาพแห่งนี้ย้อมพลิกชีวิตที่ตกต่ำ เกื้อหนุนให้เจริญขึ้นมาได้ดุจกันฉันท์นั้น"

    *************************
    20171507.jpg

    202409.jpg
    ....โดยด้านหลังเหรียญจะใช้การยิงเลเซอร์ ยิงยันต์พระพุทธปาฏิหาริย์แบบรองลึกลงในโลหะเหรียญเพื่อจะได้เห็นตัวอักษรได้อย่างชัดเจนเพื่อคนรุ่นหลังสืบไปจะได้ทราบว่าเป็นยันต์เกี่ยวกับอะไรครับ และในการนี้อาจารย์บุญเลิศได้กรุณามอบแผ่นยันต์(ที่ท่านลงไว้นานแล้วอัดกรอบไว้) ให้มาด้วยครับ ซึ่งท่านลงและเสกไว้นานแล้วครับผู้เขียนเลยขอถ่ายรูปมาแต่ท่านบอกว่า "ให้ไปเป็นชนวนหล่อเลย 4 แผ่น" และในการนี้ยังจะมีมวลสารสำคัญๆอีกมายม่ายครับ(บอกเลยครับมีเนื้อพิเศษหล่อจากพระพุทธที่หลวงปู่ชอบ และหลวงปู่เฉยร่วมกันเทหล่อไว้เมื่อปี 2506 มาทำเป้นเนื้อพิเศษด้วย) สามารถติดตามชนวนมวลสารได้ในบอร์ดนี้กระทู้ต่อไปครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2024 at 23:25

แชร์หน้านี้

Loading...