เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 7 มิถุนายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,506
    ค่าพลัง:
    +26,341
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2024
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,506
    ค่าพลัง:
    +26,341
    วันนี้ตรงกับวันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเรียกว่า "วันซักผ้าแห่งชาติ" เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าทองผาภูมินั้น ฝนตกทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมหยุด ผ้าผ่อนอื่น ๆ อย่างเช่นว่าจีวร หรือว่า สบง อังสะ สามารถที่จะซักได้ เนื่องเพราะว่าเมื่อปั่นหมาดแล้ว ใช้พัดลมเป่าช่วยก็พอที่จะแห้ง แต่บรรดาผ้าห่มทำอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะแห้งได้..!

    ในเมื่อวันนี้เดินทางเข้าเมือง กระผม/อาตมภาพจึงขนมาทั้งหมด เพราะว่ามีเครื่องซักผ้าซึ่งใช้หยอดเหรียญอยู่ สามารถที่จะซักและอบแห้งได้ภายในครั้งเดียว ต้องถือว่าเหมาะที่จะใช้ที่ทองผาภูมิ แต่ว่าทองผาภูมินั้นไม่ได้มีบริษัทที่ทำเรื่องเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญอย่างเป็นทางการ นอกจากบางรายที่ตั้งเครื่องซักผ้าเอาไว้ บางทีก็โดนบรรดาเด็กวัยรุ่นไปงัดตู้บ้างอะไรบ้าง ทำให้เสียหายจนกระทั่งเข็ดกันไปตาม ๆ กัน..!

    สำหรับวันนี้เมื่อเดินทางลงมาแล้ว ก็รู้สึกว่าบรรยากาศเหมือนกับคนละโลก เพราะว่าทางด้านล่างนั้นมีแดดเปรี้ยงจนแสบตา แม้ว่าจะมีแดดหลบบ้างเพราะว่าเมฆฝนมา ก็แค่ครึ้มชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ขมุกขมัวอยู่ทั้งวันทั้งคืนเหมือนกับทางทองผาภูมิ ซึ่งในสมัยที่กระผม/อาตมภาพไปดูงานที่ศูนย์วิจัยต้นน้ำแม่กลอง ตำบลลิ่นถิ่น อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ประมาณปี ๒๕๓๒ นั้น ทางเจ้าหน้าที่กล่าวว่ามีเขตบัฟเฟอร์โซน ก็คือเขตรอยต่ออากาศอยู่แถว ๆ บ้านท่าทุ่งนา ต่อกับทางบ้านดงสักขึ้นมาบ้านลิ่นถิ่น บริเวณนั้นนอกจากจะเป็นเขตรอยต่ออากาศแล้ว ยังเป็นเขตรอยต่อของการแพร่พันธุ์พืชที่ไม่เหมือนที่อื่นอีกด้วย

    คำว่า เขตรอยต่ออากาศ ก็คือ ถ้าหากว่าตั้งแต่ช่วงนั้นขึ้นไปถึงทองผาภูมิฝนตก ด้านล่างฝนก็ไม่ตก แต่ถ้าหากว่าด้านล่างตก ขึ้นไปถึงตรงจุดนั้น บรรยากาศเหมือนกับคนละโลก อาจจะแดดออก หรือไม่ก็แห้งสนิทไปเลยก็เป็นได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่อัศจรรย์อยู่เหมือนกัน สมัยก่อนก็ไม่ได้ขอเรียนวิชาโลกะวิทูกับหลวงพ่ออุตตะมะเสียด้วย ไม่เช่นนั้นก็คงพอที่จะรู้ว่า ทำไมทางน้ำทางลมบริเวณนั้นจึงไม่เหมือนกับที่อื่น ?

    โดยเฉพาะต้นไผ่นั้น บริเวณนั้นมีการแพร่พันธุ์ข้ามกันในระหว่างไผ่สีสุกกับไผ่หนาม ซึ่งเป็นไผ่คนละพันธุ์กัน แต่ว่าไม่ทราบเหมือนกันว่าเป็นการผสมพันธุ์โดยพวกแมลงตามธรรมชาติ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น ? ทำให้เป็นพันธุ์ที่เกิดใหม่ก้ำกึ่งกันขึ้นมาระหว่างทั้งสองสายพันธุ์ ใครที่ศึกษาเรื่องนี้ สามารถที่จะไปดูในบริเวณนั้นได้
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,506
    ค่าพลัง:
    +26,341
    ในส่วนของการเดินทางนั้น ต้องบอกว่าส่วนใหญ่แล้วฝนฟ้าตกไปตลอดทาง สมัยที่กระผม/อาตมภาพสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมเกาะพระฤๅษีใหม่ ๆ ก็ต้องอาศัยรถยนต์ ๖ ล้อของศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ หมู่ที่ ๕ ตำบลสหกรณ์นิคม อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ในการลงไปขนปูนซีเมนต์ หรือว่าวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ขึ้นมา

    เนื่องเพราะว่าการขนวัสดุก่อสร้างเข้าไปยังเกาะพระฤๅษีสมัยนั้น เราจะเจอถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อแบบที่เรียกกันว่า "ปลักควาย" ตั้งแต่ริมถนนใหญ่เข้าไปจนขึ้นเขาไปยังเกาะพระฤๅษี ตลอดระยะทาง ๑๐ กิโลเมตร ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมมีควายมากมายขนาดนั้น ? ถึงได้เกิดปลักควายไปตลอดเส้นทาง..!

    ทำให้บรรดาร้านขายวัสดุก่อสร้างนั้น เรียกค่าส่งวัสดุเที่ยวละ ๖,๐๐๐ บาท..! ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่าค่าส่งวัสดุเที่ยวละ ๖,๐๐๐ บาทในช่วงที่ทองคำราคาบาทละ ๔,๒๐๐ นั้นเป็นราคาที่แพงมาก..! กระผม/อาตมภาพจึงต้องรอสั่งวัสดุจนกระทั่งได้ ๑๘ ตัน เมื่อได้น้ำหนักขนาดนั้นแล้วจึงได้จ้างรถขนเข้าไปครั้งหนึ่ง

    ถ้าหากว่าเป็นการขนของที่ไม่มากนักก็อาศัยรถ ๖ ล้อของทางศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ โดยขออนุญาตจากหัวหน้าศูนย์ฯ ขอยืมรถยนต์พร้อมพลขับและน้ำมันเชื้อเพลิง ในส่วนนี้ก็ต้องเจริญพรขอบคุณย้อนหลัง ให้กับทางศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ไม่ว่าตั้งแต่สมัยหัวหน้าสากล ทรงรักษ์ หัวหน้าประเดิมชัย แสงคู่วงษ์ หัวหน้าจรูญรัตน์ หิรัญชุฬหะก็ตาม ล้วนแล้วแต่ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดียิ่งตลอดมา

    แต่ด้วยความที่ไปถึงทองผาภูมิใหม่ ๆ ไม่รู้ว่าเวลาฝนตกจะตกได้ดุเดือดขนาดนั้น เมื่อลงไปสั่งปูนซีเมนต์ในตัวเมืองกาญจนบุรี ซึ่งญาติโยมจะสงสัยว่าทำไมต้องวิ่งไป ๑๐๐ กว่ากิโลเมตรเพื่อสั่งของที่กาญจนบุรี ? ก็เพราะว่าทองผาภูมิในสมัยนั้น เรื่องวัสดุก่อสร้างหรือว่าสิ่งของอื่น ๆ นั้น เขาจะไม่สั่งทิ้งเอาไว้ ยกเว้นว่ามีคนต้องการเมื่อไร ก็จะวิ่งลงไปซื้อในตัวเมืองแล้วก็วิ่งขึ้นมาส่งให้กับลูกค้า โดยกินกำไรในส่วนต่างเท่านั้น

    กระผม/อาตมภาพเคยต่อว่าบรรดาผู้ที่ทำการค้าวัสดุต่าง ๆ เขาให้คำตอบว่า "ถ้าซื้อมากองเอาไว้ เงินก็จมเสียเปล่า ๆ เพราะไม่รู้ว่าจะขายได้เมื่อไร" ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงต้องเจอเรื่องโหด ๆ ในลักษณะแบบนี้ ก็คือสั่งกระเบื้องปูพื้น ๓๐๐ ตารางเมตร ต้องรอเป็นอาทิตย์กว่าที่จะได้ แล้วตอนนั้นมีคนงานอยู่ ๔๓ คน ค่าแรงรายวันหัวหน้าช่างคือวันละ ๗๐๐ บาท ค่าแรงคนงานทั่วไปวันละ ๒๐๐ บาท แล้วลองคิดดูว่า ในแต่ละวันต้องจ่ายค่าแรงฟรีไปวันละเท่าไร ?
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,506
    ค่าพลัง:
    +26,341
    เนื่องเพราะว่าต้องรอจนกว่าวัสดุก่อสร้างจะมาถึง จะให้เขาพักงานก็ไม่ได้ เพราะว่าถ้าพักงานแล้วไม่มีรายได้ เขาก็จะไปทำงานที่อื่น กว่าที่จะขอตัวมาอีกก็ลำบากมาก เนื่องเพราะว่าต้องไปติดต่อกับทางที่ว่าการอำเภอ เพื่อที่จะขอตัวคนงานจากศูนย์อพยพต่างด้าว เมื่อจ่ายค่าธรรมเนียม ค่าลงทะเบียนอะไรให้แล้ว ค่อยรับตัวมาอยู่กับเราให้ทำงานได้ แล้วก็ยังมีการตรวจสอบอยู่เป็นระยะไป ในเมื่อเป็นเช่นนั้น จึงต้องอาศัยวิ่งรถลงไปซื้อด้วยตนเอง

    ครั้งนั้นกระผม/อาตมภาพซื้อปูนซีเมนต์มาเต็มคันรถ ๖ ล้อ ปรากฏว่าระหว่างที่วิ่งขึ้นมานั้นฝนก็เริ่มทำท่าจะตก นายสมบัติ คุ้มท้วม ผู้เป็นหัวหน้าคนงานของศูนย์จัดการต้นน้ำที่ ๑๖ ซึ่งไปทำหน้าที่พลขับให้ก็บ่นว่า "อาจารย์ครับ ถ้าฝนตกนี่ปูนพังบรรลัยหมดแน่นอนเลยครับ..!"

    กระผม/อาตมภาพหลุดปากออกไปว่า "บรรดาเทวดาฟ้าดินทั้งหลายที่ดูแลพระพุทธศาสนาอยู่ ถ้าหากว่าการก่อสร้างวัดวาอาราม หรือว่าสำนักสงฆ์ซึ่งเป็นสมบัติในพระพุทธศาสนา ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ เพราะว่าวัสดุก่อสร้างเสียหาย อาตมาก็จะปรับโทษว่าเป็นเทวดาทั้งหลายทำให้ของสงฆ์เสียหาย..!"

    ปรากฏว่าพูดแรงเกินไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ? เมื่อวิ่งไป ปรากฏว่าฝนตกนำหน้าไปตลอดทาง ก็คือตรงไหนก็ตามที่เราผ่านนั้น ฝนก็ตกเปียกแฉะน้ำนองถนนไปเลย แล้วเมื่อมองไปข้างหลังก็เห็นฝนตกไล่หลังตามมา แต่ตอนที่รถของเราวิ่งผ่านนั้นไม่มีฝนแม้แต่เม็ดเดียว..!

    กระผม/อาตมภาพเองตอนแรกก็ยังรู้สึกสงสัยว่า ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ? เมื่อกราบเรียนถามพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ซึ่งท่านดูแลการก่อสร้างให้
    อยู่ในช่วงนั้น ถึงขนาดที่บรรดาคนงานเห็นท่านปรากฏตัวออกมาในลักษณะ "ตัวเป็น ๆ" เลย จนต้องมาสอบถามว่า "ท่านอาจารย์ครับ หลวงพ่อองค์ดำ ๆ ใส่แว่น ถือไม้เท้าอยู่กุฏิไหน ? กระผมสั่งให้คนงานตีแบบเพื่อเทต้นเสา ท่านมาชี้ว่าแบบขาดไป ๓ นิ้ว ตอนแรกกระผมก็ไม่เชื่อ ท่านบอกว่าถ้าไม่เชื่อเอ็งลองไปวัดดู เมื่อใช้ตลับเมตรไปวัดดู ปรากฏว่าขาดไป ๓ นิ้วจริง ๆ หลวงพ่อรูปนั้นสายตาท่านแม่นร้ายกาจขนาดนั้น จึงอยากจะทำความรู้จักเอาไว้ครับ"
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,129
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,506
    ค่าพลัง:
    +26,341
    กระผม/อาตมภาพก็ยังบอกกับเขาว่า "อาตมาก็ไม่ทราบว่าจะบอกกับโยมว่าอย่างไร แต่นั่นก็คือหลวงพ่อของอาตมาเอง และท่านมรณภาพมาเป็นปีแล้ว..!" ทำเอาทุกคนถึงขนาดขนหัวลุกไปตาม ๆ กัน..!

    แล้วก็ยังมีบุคคลที่โชคดี รู้จักสวดมนต์ไหว้พระ เข้าไปกราบพระในอาคารที่กระผม/อาตมภาพตั้งพระประธานไว้แทนโบสถ์ ปรากฏว่าระหว่างที่สวดมนต์ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็มานั่งที่อาสนะ แล้วแสดงธรรมให้ฟังด้วย บรรดาผู้ที่พบเห็นก็คิดว่าเป็นพระที่อยู่วัดนี้เองมาเทศน์ให้ฟัง ก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อทราบความจริงเข้าก็ตกใจไปตาม ๆ กัน แต่ว่าสิ่งที่ดีก็คือ ทำให้คนงานจำนวนมากเลิกกินเหล้าไปเลย..!

    เมื่อเป็นเช่นนั้น กระผม/อาตมภาพกราบเรียนถาม พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "ก็เอ็งไปตั้งข้อหาท่านเสียสาหัสขนาดนั้น แล้วพรหมเทวดาที่ไหนจะรับได้ เขาก็ต้องช่วยป้องกันสุดชีวิต แต่ก็ได้คาดโทษเอาไว้เหมือนกันว่า ถ้าคราวหน้ามีอย่างนี้อีกจะแจกรางวัลให้หนัก..!"

    กระผม/อาตมภาพจึงได้จำเอาไว้ว่า เรื่องบางอย่างเราไม่สามารถที่จะพูดโดยคะนองปากได้ โดยที่จำสิ่งที่ครูบาอาจารย์สอนก็คือ "อย่าอวดดีกับผี อย่าลองดีกับพระ" เนื่องเพราะว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีจริง ถ้าหากว่ามีบุญสัมพันธ์กรรมสัมพันธ์กันเมื่อไร เราอาจจะได้รางวัลหนัก ๆ อย่างที่คิดไม่ถึงก็เป็นได้..!

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันศุกร์ที่ ๗ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)

     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...