เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 1 กุมภาพันธ์ 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,375
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพฤหัสบดีที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,375
    วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพต้องนำรถยนต์ที่ใช้งานประจำเข้าศูนย์ฯ อีกแล้ว รถใช้งานมา ๘ ปี ต้องนับว่าชราได้ที่แล้วเหมือนกัน

    อีกส่วนหนึ่งก็คือ หมาน้อยที่เลี้ยงมาตั้งแต่ตัวนิดเดียว ปัจจุบันนี้อายุ ๑๕ ปี ก็คือ "คุณนายลีลาจัง" เหตุที่เรียกเช่นนั้นก็เพราะว่าเวลาจะกินอาหารอะไรแต่ละทีต้องประณีตบรรจง ไม่แย่งไม่ชิงกับใคร ถ้าหากว่ามีใครมาแย่งด้วยชิงด้วย เธอก็จะเดินหนีไปเลย ถ้าหากว่าเปรียบกับคนแล้ว หมาที่อายุ ๑๕ ปี เป็นคนก็คงประมาณ ๑๐๕ ปี..!

    เหตุที่ต้องดูแลทั้ง ๆ ที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่เลี้ยงหมาอีก ก็เพราะว่า
    กระผม/อาตมภาพนำคุณนายเธอไปดูแลเกาะพระฤๅษี ในสมัยที่ปลัดตั้ม (พระปลัดอาทิตย์ ชุตินฺธโร) เจ้าสำนักสงฆ์ห้วยน้ำริน ตอนนั้นทำหน้าที่ประธานที่พักสงฆ์เกาะพระฤๅษีอยู่ ปรากฏว่าเมื่อนำไปเลี้ยงไว้ที่นั่นเพื่อให้ช่วยดูแลสถานที่ โดยที่เอาไปตั้งแต่ยังเป็นลูกหมาเล็ก ๆ อายุประมาณเดือนเดียว ไม่นึกว่าคุณเธอจะมีนิสัยอย่างนี้ ดังนั้น..เมื่อถึงเวลาแล้ว มีหมาอื่นไปทำตัวเป็นเจ้าถิ่น เพราะเห็นว่าอยู่ที่นั่นแล้วอยู่ดีกินดี ไม่มีใครแย่ง คุณนายเธอก็ต้องหนีออกมาอยู่นอกเกาะพระฤๅษีแทน..!

    ตอนแรกที่กระผม/อาตมภาพเข้าไปเยี่ยม ก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไร คิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะว่าไม่มีการปิดประตู หมาก็ต้องเข้าออกได้ แต่มารู้ทีหลังว่าคุณนายเธอไปตกระกำลำบาก เพราะว่าถึงเวลาแล้ว
    ตอนกินอาหารก็จะโดนตัวอื่นกัดไล่ออกมา จึงได้อุ้มกลับมาที่วัดท่าขนุน

    แต่เมื่อกลับมาแล้ว เมื่อตอนที่ไปเป็นหมาเล็ก ตอนกลับมาเป็นหมาโตแล้ว จึงไม่มีพรรคพวกและเข้ากับใครไม่ได้ จนต้องเอามาไว้ที่หน้าสำนักงานเจ้าอาวาส จนกระทั่งภายหลังมี "เจ้าเก็บตก" ลูกหมากำพร้าซึ่งแม่ชีชื่นเก็บมาเลี้ยง มาทำตัวเป็นลูกเลี้ยงของคุณนายลีลาจัง คอยปกป้องแม่ตัวเอง จึงทำให้คุณนายมีความสุขขึ้นมาบ้าง แต่เจ้าเก็บตกกลับอายุสั้นกว่า คุณนายเธอก็เลยกลายเป็นคุณยายอายุ ๑๐๕ ปี ขณะที่เจ้าลูกบุญธรรมตายไปเสียก่อนแล้ว..!

    คุณนายได้รับการผ่าตัดมาเมื่อวานนี้ ทั้งที่กระผม/อาตมภาพเองหวีขนให้กับคุณนายแกบ่อย ๆ ปรากฏว่าเมื่อไม่นานมานี้
    กระผม/อาตมภาพออกจากวัดมาประมาณ ๕ วัน กลับเข้าไปหวีขนให้คุณนาย อยู่ ๆ ก็เจอเนื้องอกก้อนโตเกือบเท่ากำปั้นโผล่ขึ้นมา ๒ ก้อน ทั้ง ๆ ที่ ๔ - ๕ วันก่อน หวีขนให้ก็ยังไม่มี แล้วคุณนายเธอก็ยังมีประวัติว่า มีเนื้องอกเหมือนกับหูดขึ้นที่ริมฝีปากก้อนใหญ่ จนกินอะไรไม่ถนัด ต้องนำไปผ่าตัดออกให้มาก่อนแล้ว
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,375
    กระผม/อาตมภาพต้องให้ท่านบรรณ (พระสุบรรณรักษ์ ปญฺญาวุฑฺโฒ) นำไปผ่าตัดที่ปศุปาลัน มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตไทรโยค ปรากฏว่าตอนนี้น่าจะเป็นเนื้องอกประเภทเดียวกันอีก เมื่อผ่าตัดกลับมา คุณยายเธอก็ผอมโกรก เหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เมื่อเช้าก่อนที่จะออกเดินทาง จึงได้นำเอาหลอดฉีดยา ดูดนมสดป้อนคุณยายเธอไปเกือบ ๑ กระป๋องนม

    ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่ากระป๋องนมสมัยนี้ อย่างเก่งก็บรรจุประมาณแค่ ๑๕๐ - ๑๖๐ ซีซีเท่านั้นกระมัง ? กระผม/อาตมภาพก็ไม่ได้ดูว่ากระป๋องนมสดสมัยนี้บรรจุกี่ซีซี แต่ว่าคุณนายก็กินเข้าไปจนเกือบหมดเหมือนกัน หลังจากนั้น
    กระผม/อาตมภาพก็บอกไว้ว่า "ถ้าจะตาย อย่างไรเสียก็รอหลวงพ่อกลับมาส่งก่อน ไม่อย่างนั้นถ้าแกไปส่งเดช อาจจะหลงลงข้างล่าง หรือกลับมาเกิดเป็นหมาใหม่ หลวงพ่อก็ไม่รับผิดชอบเลี้ยงดูแล้วนะ"

    เนื่องเพราะว่าการเลี้ยงหมานั้น นอกจากเป็นภาระแล้ว ยังเคยเห็นพระสังฆาธิการจำนวนมากด้วยกัน ที่เลี้ยงหมาแบบใกล้ชิด เมื่อถึงเวลาผู้ใต้บังคับบัญชามากราบ ปรากฏว่าหมานั่งอยู่บนตัก จนไม่ทราบว่ากราบเจ้าของหมา หรือว่ากราบหมากันแน่..!? หรือบางทีพอกราบ ปรากฏว่าหมาเลียหัวเสียแล้ว หรือว่าบางท่านดวงเฮงยิ่งกว่านั้นอีก กำลังคุกเข่ากราบ เจ้าหมาก็ย่องไปข้างหลัง ยกขาฉี่รดเสียอย่างนั้น..! จึงทำให้กระผม/อาตมภาพไม่ยินดีที่จะเลี้ยงหมาในลักษณะแบบนั้นเลย

    อีกอย่างหนึ่ง
    กระผม/อาตมภาพก็มีประสบการณ์ที่วัดท่าซุงมา ก็คือเมื่อไปธุดงค์ ๑๕ วันกลับมา ปรากฏว่าหมาเกือบอดตาย..! เนื่องเพราะว่าไม่ยอมรับอาหารจากคนอื่น วัน ๆ ก็ไปนอนอยู่ตรงผ้าเช็ดเท้าหน้ากุฏิ จึงตั้งใจไว้ตั้งแต่ยุคนั้นแล้วว่าจะไม่เลี้ยงหมาอีก คุณยายลีลาจังนี่ถือว่าเป็นนอกเหตุเหนือผล เนื่องเพราะว่าส่งเขาไปตกระกำลำบาก จึงต้องเอากลับมาดูแล ในลักษณะกึ่งเป็นเจ้าของ

    แต่ว่าในขณะเดียวกันหมาตัวอื่น ๆ เมื่อถึงเวลา ก็ยัดเยียดตัวเองมาอยู่ที่หน้าสำนักงานกุฏิเจ้าอาวาสเอง ในปัจจุบันนี้ถ้าหากว่าขยับเดิน อย่างน้อย ๆ ก็จะมีวิ่งตามไป ๗ - ๘ ตัว โดยเฉพาะแก๊งลูกของ "เจ้าโกโก้" เจ้าโกโก้นี่ต้องบอกว่าเป็น "คุณแม่วัยใส" เนื่องเพราะว่าอายุยังไม่ทันจะถึงปีก็ท้องเสียแล้ว แล้วลูกเจ้าโกโก้ชุดแรกนั้น ก็มายึดหน้า่สำนักงานเจ้าอาว่าสวัดท่าขนุน จนกระผม/อาตมภาพต้องเลี้ยงเอาไว้ทั้งชุดเลย มีเจ้าชานม ชาเย็น โอเลี้ยง ช็อกโกแลตปั่น เป็นต้น แล้วลูกชุดถัดมาก็ยังมีมาร่วมแก๊งอยู่ด้วย จึงทำให้กลายเป็นแก๊งหมาหน้ากุฏิสำนักงานเจ้าอาวาส..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,375
    เหตุที่ต้องเลี้ยงอยู่บ้าง ก็เพราะว่าถึงเวลาแล้ว เจ้าพวกนี้ก็มานอนอยู่หน้าสำนักงานเจ้าอาวาส ไม่ยอมไปไหน ยัดเยียดตัวเองมาเป็นหมาเจ้าอาวาส แถมบางครั้งยังไปกัดชาวบ้าน ให้ต้องจ่ายสตางค์เสียอีก..! แต่ก็ดูแลเฉพาะช่วงที่อยู่เท่านั้น ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นแม่ชีมะลิทำหน้าที่เลี้ยงดูมากกว่า แต่เจ้าหมาพวกนี้ก็จะวิ่งหาแม่ชีมะลิตอนที่มาเลี้ยงเท่านั้น พอกินอิ่มก็กลับมานอนที่หน้าสำนักงานตามเดิม เป็นต้น

    ปัจจุบันแก๊งนี้ก็ยังมีแก๊งกาแฟตามมาอีก ก็ประกอบไปด้วยเจ้าม็อคค่า ซึ่งคนทั่วไปเรียกว่าเจ้าม็อคควาย เพราะว่าตัวใหญ่มาก เจ้าอเมริกาโน่ เจ้าเอสเพรสโซ่ ส่วนเพื่อนร่วมคอกนั้น ปรากฏว่าเจ้าลาเต้ตายก่อนเพื่อน แล้วหลังจากเจ้าคาปูชิโน่ หรือว่าอีกชื่อหนึ่ง ไม่มั่นใจว่าชื่ออะไรก็ตายตามไปอีกตัว เหตุเพราะว่าชอบไปนอนใต้ท้องรถญาติโยมที่มาวัด พอถึงเวลาเขาออกรถ ไม่เห็นลูกหมาตัวเล็ก ก็โดนทับแบนไปตามระเบียบ..!

    ทุกวันนี้เมื่อมอบให้ท่านบรรณทำหน้าที่ดูแลรักษาหมา ก็มอบงบประมาณให้เดือนละ ๑๐,๐๐๐ บาท แต่ว่ามักจะไม่พอ เนื่องเพราะว่าบางทีก็ต้องผ่าตัด หมาที่กัดกันแล้วไม่มีใครดูแล จนแมลงวันไปตอมแล้ววางไข่ แผลกลายเป็นหนอนไปเลยก็มี ถ้าเดือนไหนมีเคสผ่าตัดหรือว่าทำหมัน ก็จ่ายไปหลายหมื่นบาท เนื่องเพราะว่าการทำหมันหมาตัวผู้นั้น อยู่ที่ราคาตัวละ ๖๐๐ บาท แต่ว่าทำหมันตัวเมียตัวหนึ่ง อยู่ที่ราคา ๑,๕๐๐ โ€“ ๑,๖๐๐ บาท แต่ก็จำเป็นต้องทำ ไม่เช่นนั้นแล้วหมาที่มีอยู่เต็มวัดก็น่าจะล้นวัดไปนานแล้ว..!

    ปัจจุบันนี้ก็ยังอยู่ที่เกือบ ๒๐๐ ตัว แล้วก็มีพระแอบนำหมาไปซ่อนไม่ให้ทำหมัน เพราะเกรงว่าจะไม่มีลูกหมาอีก ก็ขอให้มีความสุขความเจริญ ถ้าหากว่าวันไหนหมาล้นวัด ก็จะตัดเงินเดือนพระเพื่อที่จะเอาไปดูแลหมาแทน..!

    ในเมื่อหมาก็แก่ รถก็เก่า ทำให้นึกถึงตัวกระผม/อาตมภาพเอง ที่ดูย้อนหลังไปในอดีตชาติ ไม่เคยอายุถึง ๕๐ ปีสักครั้งเดียว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ออกรบราฆ่าฟันกับผู้อื่นเป็นปกติ ทำให้มีอายุสั้นพลันตาย บางชาติยังไม่ทันจะโตเป็นวัยรุ่น ก็เจ็บไข้ได้ป่วยตายไปแล้ว เป็นต้น
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,540
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,538
    ค่าพลัง:
    +26,375
    ชาตินี้อยู่มาถึง ๖๕ ย่าง ๖๖ ปี กระผม/อาตมภาพก็ยังอัศจรรย์ใจอยู่ ทั้ง ๆ ที่อายุตนเองที่ดูครั้งแรกนั้นอยู่ที่ ๒๗ ปีเท่านั้น..! หลังจากที่สร้างคุณงามความดีโดยไม่ประมาท ระมัดระวังให้ตนเองประกอบกุศลเอาไว้ เป็น "เสบียงบุญ" ในการเดินทางไปโลกหน้า ไม่ทราบเหมือนกันว่ากลายเป็นอะไร ชีวิตถึงได้ยืนยาวมาจนถึงปัจจุบันนี้ ทั้ง ๆ ที่บางครั้งก็นั่งดูตัวเองหมดลมหายใจ เพราะว่าทนอาการเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ไหว..!

    มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่อยู่เกาะพระฤๅษี น่าจะประมาณ ๔ ทุ่มกว่า ๕ ทุ่ม มีความรู้สึกว่ามือเท้าเย็นเข้ามา เย็นเข้ามา นั่นเป็นอาการของไฟธาตุหมด เมื่อเย็นหนักเข้า ๆ ก็เกิดอาการหลอน รู้สึกว่าตัวกำลังนอนอยู่ แต่จมน้ำลงไป พอจมูกจมลงใต้น้ำ ด้วยความที่สติยังครบถ้วน ก็รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองหยุดหายใจแล้ว จึงค่อย ๆ กำหนดดูไปเรื่อย ว่าจิตจะออกจากร่างตอนไหน ? ปรากฏว่านอกจากตัวจะจมลงใต้น้ำแล้ว ยังจมลึกลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งท้ายที่สุด มีความรู้สึกเหมือนแผ่นหลังติดกันโคลนเย็นเยือกที่ใต้แม่น้ำ เมื่อกระทบโคลนนั้นแล้ว ร่างกายก็ค่อย ๆ ลอยสูงขึ้นมา ๆ

    เมื่อจมูกพ้นน้ำ ปรากฏว่าร่างกายกระตุกเฮือกแล้วหายใจเองใหม่ ครั้นเมื่อดูนาฬิกาปรากฏว่าเป็นเวลาตี ๕ กว่าแล้ว เป็นเรื่องที่อัศจรรย์มาก ทั้ง ๆ ที่ดูตนเองอยู่ รู้สึกว่าแค่ไม่กี่นาที แต่ระยะเวลากลับผ่านไปเนิ่นนานขนาดนั้น แล้วถ้าคนเราขาดลมหายใจนานขนาดนั้น มั่นใจว่าต่อให้กลับมาก็น่าจะพิกลพิการไปเลย แต่กลับรอดมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า โดยเฉพาะบางครั้งนั้น ถึงขนาดโดยพระยายมราชท่านพูดใส่หน้าว่า "ยังไม่ถึงเวลา ให้กลับไปก่อน" กระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยอยู่ คำว่า "เวลา" นั้นทำไมถึงได้ยืดยาวออกมาเรื่อย ๆ..!

    แต่ในเมื่อสังขารตนเองก็ชำรุด หาหมออยู่ไม่เว้นแต่ละวัน รถก็ชำรุด เข้าศูนย์ฯ อยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า หมาที่เลี้ยงเอาไว้ก็เจ็บไข้ได้ป่วย ทำท่าจะไปแหล่ ไม่ไปแหล่ ถึงได้บอกกับคุณยายลีลาจังว่า "ถ้าอยากจะให้หลวงพ่อมาส่ง ก็ต้องกัดฟันทนเอาไว้ จนกว่าหลวงพ่อจะจบภารกิจกลับมา" ซึ่งไม่แน่ใจว่าคนจะตายก่อน หรือหมาจะตายก่อน..! หรือรถอาจจะพังอีกรอบก็ได้ ตามความอนิจจังที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้

    สำหรับวันนี้ก็เล่าเรื่องเหลวไหลให้กับพระภิกษุสามเณรและญาติโยมทั้งหลายได้ฟังแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพฤหัสบดีที่ ๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...