หลักการใช้คาถา

หลักการใช้คาถา
..........................................
บอกก่อนว่าผมไม่ใช่ปรัมจารย์มาจากไหน
การใช้วิชาก็ยังไม่บรรลุไปซะทุกอย่างก็ยัง
ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง
ไม่ได้เรียนวิชาดีมาจาสำนักใดๆแค่เรียนวิชาจากอาจารย์หมอท่าน1ที่เรียกว่าลุง
ผมเป็นเพียงแค่คนธรรมดา
ที่รักและอยากมีพลังคาถา
ที่มีความต้องการพัฒนา
ให้เหนื่อกว่าขีดจำกัดของ
คนทั่วไปที่เคยพบเจอ
ตามประสพการการเรียนรู้
และฝึกฝนตามวิธีเดิมกว่า20ปีทำให้รู้ว่า
การใช้คว่าเชื่อด้งเดิมเช่น
ท่องเยอะท่องตามมีตามเกิด การผูกสามาธิในการท่อง การใช้คาบลม คาบคาถา และอื่นที่เชื่อๆตามกันมา
จะทำได้อย่างมากแค่พอใช้ได้เท่า
เวลาต้องการจริงก้อไม่สามารถ
อาจารย์ของคนทั่วไปจึงได้ย้ำกันนักหนาติดปากกันมาวว่า
ของดีๆให้ใช้ในคราวจำเป็นเท่านั้นอย่าใช้พร่ำเพื่อไม่จำเป็น
จากการฝึกฝนกว่า20ปีและค้นคว้าทดลองด้วยวิธีใดๆที่ล้มเหลวอีก10ปีจนแทบสิ้นหวังจนมาเจอนักต้มตุนวงการคาถาบอกวิธีว่าจงย้อนคิดกลับไปเคยใช้วิธีใดสำเร็จ ให้ใช้วิธีนั้น เมื่อมาพิจารณาคำพูดประโยคนี้มันเป็นวิธีพูดของนักเล่นกลลูกเล่นของเหล่ามิฉาชีพทั่วไปที่ใช้กัน
แต่มันจุดประกายทำให้ผมเริ่มต้นค้นคว้าใหม่โดยลบล้างวิธีที่ค้นคว้ากว่า10ปีทิ้งหมด และเริ่มศึกษาทำความเข้าที่มาของพลัง เพื่อจะสร้างพลังได้อย่างไร
และภายหลังอีก5ปีในปี2008ที่จำได้แม่นยำ ผมก้อได้ค้นพบเคล็ดลับจนได้ซึ่งเคล็ดลับตัวนี้ผมได้ตั้งชื่อว่า
××××เคล็ดวิชาสำเร็จใน7วัน×××××

 

กลุ่มที่คุณฝึกในช่วงหลายปีผ่านมาสำเร็จล้มเหลว
ใช้งานได้จริง คุณได้ลงบันทึกข้อมูล สถิติบ้างไหม
ผมสนใจตรงนี้มากกว่า หรือจะเปิดครอสอีกรอบ

 

น่าสนใจ รอฟัง

 

ถ้าได้คาถามาสักบท จากเวบ จากคน แต่ไม่ใช่จากเจ้าของคาถา หรือยกขันธ์ขึ้นครู จะใช้ไดสำเร็จกี่เปอเซนต์
รอรายละเอียดเรื่องการใช้ กลวิธี ขั้นตอนต่างๆ ตามที่อธิบาย เคสตัวอย่าง แต่ละหัวข้อ รอเพิ่มเติ่ม

 

××××เคล็ดวิชาสำเร็จใน7วัน×××××
เคล็ดวิชาตัวนี้ จริงๆแล้วยังไม่วิเศษ อย่างนั้น แต่เคล็ดวิชาตัวนี้มีความวิเศษที่ว่า..สามมารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องไม่มีติดขัด เหมือนเคล็ดวิชาดั่งเดิม.
จริงๆแล้วเรื่องเคล็ดวิชา เคยพูดกับคนในวงการ เวทย์มนต์คาถา ที่ ว่ารวมผู้รวบรู้
พอถามถึงเคล็ดวิชาขึ้นถึงกับอึ่งงงงงงงงงงงกันเป็นแถวจริงแล้วไม่ใช่เขาไม่มีเคล็ดวิชา แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นเคล็ดวิชา เนื่องมาจากความเคยชินมากกว่า
เคล็ดวิชาส่วนใหญ่ของดั่งเดิม เช่น
1.หลักการท่องจำนวนมากๆ(ผมก็เป็นผู้ 1 ที่ใช้วิธีนี้ เมื่อ 30-40ปีก่อน)
2.วิธีใช้หลักคาบลม
3.วิธีใช้หลักคาบคาถา
4.วิธีใช้แบบมโนยิ
5.อื่นๆ

ซึ่งหลากหลาย 100 วิธี ที่ผมค้นคว้า ต่างดูดี สามารถเค้นกระแสจิตได้สูงสุด
กว่าเคล็ดทั้ง4ข้อข้างต้นมากมาย แต่ผลที่ได้ กลับใช้ไม่ได้เรื่อง หลายเคล็ดวิชา
แรกๆใช้ได้แรงเหนือคาดหมาย แต่เมื่อใช้ครั้งที่ 2-3-4กำลังจะเริ่มหดหายไปเรื่อยๆ
จนไม่สามารถใช้ได้อีกเลย แม้จะใช้กระแสจิตพลังที่รู้ทั้งรู้ว่าเหนือกว่าตอนที่ใช้ได้
ครั้งแรกแบบลิบลับ แต่ก็ไม่สามารถทำให้ผลได้อยู่ดี
การค้นหาเคล็ดลับแนวทาง10ปี ติดบั๊คหรือขีดจำกัดตัวนี้มาตลอดจนเข้าใจว่ามนุษย์ เดินดินคนทั่วคงได้แค่นี้สินะ
แต่.............ผมก็พยายามค้นคว้าต่อทั้งที่ไม่ได้อะไรขึ้นมา
ในปีที่11 ได้เจอคนผู้ 1 ตามที่เคยเล่า ถึงเค้าใช้วิธีที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ใช้วิธีย้อนกลับ ที่เข้าใจว่าเป็นลูกเล่นของนักเล่นกลทั่ว คำพูดว่า(เราเคยใช้วิธีไหนที่ทำแล้วได้ผล ให้ย้อนกลับไปคิด ให้ใช้วิธีนั้น)ผมได้ทำการ นึกย้อนอดีกลับไป ทำความเข้าใจ
จึงได้รู้ว่า วิธีเดิมใช้ไม่เรื่อง เพราะ ผมไม่ใช้กระแจจิตใดๆเข้าช่วยเลย ซึ่งต่างจากสมัยนี้ ที่ผมค้นคว้าแนวทาง การใช้กำจิตที่เหนือกว่าอย่างมากมาย แต่ก็ไม่ได้ผล
ถึงได้ผลก็ได้ในช่วงแรกๆเท่านั้น
แต่จุดนี้มันไม่จบแค่นี้ มันทำให้ผมสงสัยในที่มาของพลังที่แท้จริง มาได้อย่างไร
มันเกิดจากอะไร
ผมจึงลื้อความคิดเดิมทิ้ง มาเริ่มต้นทำความเข้าใหม่หมด แน่เน้นที่มาของ พลัง
อีกกี่ปีไม่แน่ชัด น่าจะเป็นเวลา3-5ปี จนมาจบในปี 2008 ผมจึงได้เข้าใจ ที่มาของพลังว่าเกิดจากอะไรและจะจัดการมันอย่างไร จนถึงขั้นสามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่องและใช้ได้จริง ไม่เหมือนแนวทางดั่งเดิม ซึ่งผมได้ตั้งชื่อเคล็ดวิชานี้ว่า****** เคล็ดวิชาสำเร็จ ใน7วัน******** แต่จริงแล้วถ้าฝึกแนวทางเคล็ดวิชาตัวนี้แล้ว จะสามารถสำเร็จจริงแค่ไม่ถึงวัน แต่มันก็ไม่ได้วิเศษขนาดนั้นกับทุกวิชา จะได้ผลชัดในวิชาพวกรักษา อาการปวด ได้อย่างดี ซึ่งแตกต่างกับก่อนหน้า ที่ไม่ได้ใช้เคล็ดตัวนี้ จะทำได้แค่ครั้งแรกครั้งต่อไปก็จะแย่ลง
แต่.......เคล็ดตัวนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้เฉพาะวิชารักษา แต่มันสามารถใช้ได้กับวิชาทั่วไป
อย่างเช่นวิชาเรียกฝน หยุดฝน หนังเหนียว ที่ไม่เคยเห็นชัดได้ผลมาก่อนก็สามารถ จะทำให้เห็นผลได้อย่างเหลือเชื่อ เดี๋ยวก่อนจะพูดว่าชัดและได้ทุกครั้งขนาดนั้นก็ไม่ใช่ซะทีเดียว มันจะเป็นการพูดเกินความจริงไปหน่อย คือพูดได้ว่าแค่60-70% จะถูกต้องมากว่า แต่ก็ทำให้เชื่อว่าแนวทางนี้ถูกต้องแล้ว และดีกว่าทุกๆแนวทางที่ผ่านมา มากมายนั้น แต่มันก้อยังติดอะไรบางอย่างที่เรียกว่าขีดจำกัด ที่ร่างกายมนุษ ไม่สามารถก้าวข้ามไปได้อยู่ดี การฝึก แนวทางนี้ก้มีผลข้างเคียงอยู่ดี กว่าจะหาวิธีแก้ได้ก็ใช้เวลาอีก4-5ปี แต่พอแก้ได้ก็มีปัญหาตรงที่ ว่าแก้ได้แต่พลังไม่มากเท่าวิธีการแรก เหมือนพลังมันจะลดลงไปครึ่ง 1 แต่พลังมันก้จะเสถียนมากขึ้น การค้นคว้าดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ 2022 (จริงๆแล้วก็ไม่ได้ทุ่มเทค้นคว้าอย่างเดียวก็แค่ทำความเข้าใจทดลองครั้งคราวยามว่างจากการทำงานหลักก็แค่นั้นเอง)หลายครั้งที่จะรู้สึกถึงพลัง แน่นมากขึ้น แน่วแน่ เหนือกว่าแต่ก่อนเยอะมาก แต่ผลก้ไม่เยอะมาที่จิตนาการ ทุกคนที่เข้ามาอ่านคงจะผิดหวัง แต่นี่คือเรื่องจริง ที่ความจริง ไม่ใช่ เรื่องแต่งก็แบบนี้ มันไม่มัน มันไม่ได้ดังใจอย่างที่มโนแน่นอน แต่มันก้ได้รับรู้เรื่องจริง ที่หลายครั้งเหมือนจะสรุปแบบเปล่าประโยชน์ แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นซะทีเดียว มันยังพอเจอความสำเร็จ ที่มีอยู่จริง และแนวทางหลักสูตรที่พอมีหวัง ที่จะทำได้จริงๆไม่ใช่ เรื่องเพอฝัน เหมือนแนวทางดั่งเดิม

 

ตัวผมมีข้อเสียอยู่อย่างคือ เรื่องความจำ มักขี้หลงขี้ลืมบ่อย ผมจึงพยายาม หาคนที่มีหลักการ และ สติปัญญา ดีๆ เหนือกว่าผมมาร่วมงานกัน ผมอยากได้จนถึงขนาดลงประกาศหาคนร่วมทีม โดยมีขอแรกเปลี่ยนที่ว่าคนๆนั้นจะไม่ได้เงิน แต่จะสามารถ รู้และทำได้ทุกอย่างที่ผมทำได้ ทุกอย่างที่ผมเรียนรู้ค้นคว้ามากว่า40ปี จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครสนใจ จะด้วยเพราะกลัวผมจะขโมยวิชา ก็ไม่ทราบ หรือ บางคนก็ไม่กล้าเปิดตัว หรือ เหตุผลอะไรต่ออะไรก็ไม่ทราบ จนแล้วจนรอด ผมก้เลิกหวัง อีกต่อไปลงมือทำด้วยตัวเองคนเดียวตลอดมา ส่วนเรื่องผลสำเร็จขอบอกตรงว่าไม่ได้เวอร์อะไรขนาดนั้น แต่ก็ทำให้รู้สึก รู้ซึ้งถึงผลที่ได้มากขึ้น ผลที่ได้สูงขึ้น แต่ก็ไม่เวอร์จนผิดมนุษ ทั่วไปมากนัก อย่างเช่น เวลาต้องการทำให้หน้าตาดูดี ก้อจะดูดีแบบผิดหูผิดตาทุกครั้งที่ใช้วิชา หรือ เรื่องความจำ เวลาอยากให้ความจำดีเวลาใช้วิชาความจำก็จะดี ลื่นไหลอย่างเหลือเชื่อ เวลาปวดยอกเขา เวลาเดินวิ่ง ใช้วิชาก้อ จะหายจากอาการเป็นเดือน และยังมีอีกหลายๆวิชาที่ เห็นผลชัดๆ อย่างวิชาที่ทำให้ตัวลอย เวลาฝึกก็ทำให้ตัวเหมือนจะเบาอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันเป็นแค่สภาพจิตที่หลอกตัวเอง หรือ เป็นเรื่องจริง ไม่เคย รองฝึกวิชาบนเครื่องชั่งน้ำหนักสักที สิ่งที่ผมพูดมามันก็แค่คำพูดของผมเองคิดเองพูดเอง จริงเท็จ ไม่อาจพิสูจน์ได้ คนอื่นๆมากมายสามารถโม้ได้ดีและเนียนกว่าผมเยอะมากมาย และที่สำคัญมันอาจเป็นเพราะผมเพอไปเองก็ได้ เพราะฝึกพวกนี้ มีทั้งจริงและเท็จโดยไม่ตั้งใจ บางทีก็เป็นสภาพจิต หลงผิดคิดไปเอง เหมือนหมอจิตเวชเรียกอาการโรคนี้ว่า จิตหลงผิดก็เป็นได้ ถ้าเผื่อสักวันมีคนเข้ามาอ่านข้อความของผมและอยากรองของผมว่าจะทำเวอร์ อย่างที่ผมโม้ได้จริงไม และให้ผมพิสูจน์ ให้ดู ผมขอบอกว่า ผมคงไม่ไปพิสูจน์ให้คุณเห็นแน่นอน ให้ตีความตามใจพวกคุณๆท่านๆไปเลยว่าไม่เป็นเรื่องจริงไปเลยแล้วกัน ถ้าคุณอยากรู้ความจริงว่าสิ่งที่ผมพูดมาเป็นจริงหรือไม่ คุณต้องพิสูจน์ด้วยตัวคุณเอง สิ่งที่ผมบอกกล่าวเอาไว้ เพื่อให้สำหรับคนบางคนที่ สิ้นหวังในการใช้พลังคาถาแบบคนหัวเก่าได้มารองอีก 1 วิธี ที่ผมค้นคว้ามาก็แค่นั้นเอง






รวบรวมจิต กายใจ เป็น 1 เดียว

นำจิตประสาน
พลังเข้าสู่พวังแห่งจิต
ช้าๆ แต่มั่นคง หนักแน่น สงบ สุข ที่เหลือล้น
เพ่งท่องคาถาแต่ละคำด้วยจิตสูงสุด
ท่องเสร็จรวบรวมพลังคาถา แล้วใช้ไป
***นี่แค่ส่วนแรก ยังมี ต่อ แต่ไม่ขอบอก คงเข้าใจนะครับว่า ความรู้ดี ค้นคว้ามานาน จะเอามาให้คนทั่วไป ที่ไม่รู้จักกัน มันจะมีประโยชน์อะไร ************

 

จากประสพการณ์การใช้คาถากว่า40ปี
ไม่ว่าเราจะได้บทไหนมาจริงหรือปลอมเราจะสามารถใช้ได้ทั้งหมด

 

การค้นคว้าทดสอบ 25 พค 2565
พักนี้รู้สึกถึงแนวทางการฝึกพลังคาถาที่เกิดมากขึ้น
สมาธิจิตที่สูงและหนักแน่นขึ้นทุกวัน แบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน
ผลทดสอบ
การใช้พลังคาถาผลที่ได้ ชัดและอยู่ทนนาน มากขึ้น แบบผิดหูผิดตา
อย่างเรื่องการใช้คาถาทำให้.........................ผลที่ได้แต่ก่อน..ที่เคย
---กลับมา-- ร่างกายมีกำลัง เดินไปไหนมาไหนไม่ปวดยอกเข่าอีกแล้ว
แถมเดินเหมือน----- ส่วนเรื่องหน้าตาก็ดู-----กว่าแต่ก่อนมากมาย
อาการปวดฟันเวลาเคียวอาหารที่เริ่มมาปวดอาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์ ก็หาย
ไปหมด

 

ผลการใช้คาถา ย่นหนทาง และผลข้างเคียง
ทุกครั้งที่ฝึกคาถานี้ มักรู้สึก เวลามันเดินช้ามาก จนผิดสังเกต แม้ยามไม่ใช้คาถา
แต่ผลที่ได้ จะอยู่ในวันเดียว

 

ผลการใช้คาถา สุจิปุลิ
ผลที่ได้
เมื่อหมั่นสวด ภายในวันเดียว จะสังเกตุว่า มันจะมีผลทำให้
หัวคิดแล่นไวคิดอะไรก็คิดออกได้อย่างรวดเร็ว
ไม่เหมือนตอนที่ไม่ฝึกท่องคาถาเลย
ผลที่ได้มันจะอยู่เป็นระยะเวลา 1 อาทิตย์

 

คาถา ปรับสภาพร่างกาย
พุทธาโมยานะ
ตัวนี้เมื่อใช้แล้วร่างกายที่อ่อนเพลียจะกลับฟื้นขึ้นมาอย่างดี
ปรับสภาพร่างกายได้ทั่วตัว
เคยเข่ายอก เป็นเดือนๆไม่หาย เดินได้อย่างเดียว วิ่งไม่ออก ยอกหัวเข่าแปบๆ
เลยรองใช้ดูจริงไม่ใช้มานาน ทำงานอย่างเดียวพอจะใช้จริงเลย ไม่มีความเชื่อความมั่นใจเลย เพราะอาการแฝงหนักเอาควร เวลาวิ่งก็จะมีอาการทุกที แต่ก้อรองใช้ไปงั้นๆ ท่องเสร็จแล้วก็ส่งไป จำได้ว่าตอนนี้กำลังเดินข้ามถนนปกติ แต่ผลที่ได้เหนือคาดหมาย กว่าจะรู้ตัวก็อีกวัน พอดีต้องมีเหตุให้วิ่งข้ามถนน พอวิ่งเสร็จ มาคิดอีกที อา..............วิ่งได้ไงนี่ เมื่อวานยังยอกอยู่เลย

และประสพการณ์อีกหลายครั้งที่ใช้ ก็ได้ผลดีอย่างเหนือคาดหมายเช่น
อีกครั้ง นิ้วมีอาการเจ็บแบบที่แตะไม่ได้ที่เขาเรียกว่าน้ำเลด เจ็บเสียวแปบบบบบบบขึ้นสมอง แต่เมื่อใช้ กลับหายสนิททันตา กดบีบยังไงๆก็ไม่เจ็บเลย แต่ที่แปลกยิ่งกว่าคือก่อนที่จะเข้าใจเคล็ดวิชาจริงก่อนหน้านี้10กว่าปี จะรักษาหายได้ชั่วคราวแต่ครั้งนี้ทำครั้งเดียวหายตลอดกาล จนมาถึงวันนี้วันที่พิมพ์ข้อความนี้

ซึ่งตอนนี้มักใช้เคล็ดวิชาที่ค้นคว้าใหม่ ทดสอบมาหลายเดือนแล้ว ผลที่ได้เหนือกว่า เคล็ดวิชาสำเร็จใน 7 วัน แถมเป็นไปตามหลักกฏเกณการใช้คาถาที่ตั้งไว

 

วิชาทุกวิชา ต้องเชื่อก่อนแน่นอน แต่ไม่ควรเชื่อแบบไม่มีสติ จึงจะพัฒนาต่อยอดได้

คนสมัยก่อน ผมเคยคุยกับพวกเรียนวิชาสายเก่า หลายคนส่วนใหญ่มักถูกสั่งสอนให้เชื่ออย่างเดียว อาจาร์ยเขาจะไม่ชอบมากๆหากพวกลูกศิษม์รองวิชาแบบไม่จำเป็น ท่านจะโกรธมาก คนที่เรียนวิชาจากอาจารย์ คนหัวเก่าพวกนี้จึงไม่กล้าคิดแม้แต่คิดที่จะรอง เพราะถือว่าผิดครู กลัวอาจารย์จะดึงวิชากลับและจะไม่มีพลังคาถา จะใช้วิชาคาถาไม่ได้อีกต่อไป นี่จึงเป็นเป็นสาเหตที่ว่าทำไมโลกวิทยาศาสตร์ ถึงได้ก้าวหน้ามากกว่าโลกไสย์ศาสตร์คาถาอาคมมากมายนัก วิชาวิทยาการใดๆถ้าขาดซึ่งการทดสอบทดลองวัด ผลวิชานั้น เราก็จะไม่มีทางรู้ ว่า การจะทำให้ใช้วิชาได้ผลจริงๆเป็นอย่างไร วันๆเอาแต่ฝึกเวลาใช้ก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง ฝึกและใช้แบบไม่รู้สาเหตุที่มาคือไม่รู้จะทำอย่างไรให้ใช้ได้ต่อเนื่องแล้วใช้ไม่ได้จริงเพราะอะไร ไรทางแก้ไข เพราะไม่สามารถทดสอบทดลองค้นหาเหตุผลที่มา แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร ผลสุดท้าย เรื่องการพัฒนาให้ทั้นโลกวิทยาศาสตร์ ย่อมไม่มีทางแน่นอน

 

เคยรู้สึกไม่
เวลาใช้คาถา
แล้วรู้สึกถึงพลังเวลาใช้

 

การใช้พลัง
ตัดเรื่องในหัวออกให้หมดสิ้น
หายใจเข้าช้าๆๆๆๆๆ หายใจออกช้าๆๆๆๆๆๆๆ
รวบรวมจิต
เร่งพลังให้สูงสุด
นำจิตมาเพ่งท่องคาถา ทุกอักขระช้าๆ
รับรู้สึกถึงพลังที่เกิดขึ้น
เมื่อท่องเสร็จให้รวมรวม
ระเบิดไปสู่เป้าหมายใน ครั้งเดียว
จิตส่งไปควบคุมให้สกดให้อยู่ตลอดไป

 

การใช้พลังต่อให้ดีแค่ไหนก็ไรค่า ทำอะไรจะสำเร็จ ต้องมีพลังพื้นฐานที่มากเกินพอ เข้าใจซึ่งการจัดการพลัง คนสมัยนี้สักแต่จะใช้ ใช้ตามความเชื่อเก่าๆไม่รู้จักที่มาของพลังที่แท้จริง มาจากไหน ไรซึ่งการทดสอบทดลอง ให้รู้จริงๆ แล้วเราจะสร้างและพัฒนาพลังให้เหนือฟากฟ้าได้อย่างไร นับวัน มีแต่ถดถอยไรค่า และ ท้อแท้