เรื่องเด่น เรื่องเล่า "นักขุดกรุ"มือขลัง ขมังเวทย์ที่สุดในแผ่นดิน

ยังเขียนตอบรับไม่จบเลย ปัจจัยก็เดินทางมาพร้อมทานบารมีพ่วงท้าย ก็ต้องโมทนาคุณศรีฯอีกรอบ ปรก 7 เศียรแผ่พังพานคุ้มเศียรคุ้มเกล้าด้วยพระบารมี "อรหันต์กลางกรุง" ณ บัดนาว

 

หลวงพ่อสิริ วัดตาล นนท์ฯ
ปรกจ้อยรุ่นแรก อายุ 50 ปี
===============

ยอดเกจิรุ่นหลังปี 2530 ที่สร้างชื่อเสียงได้รวดเร็ว เพราะอยู่เมืองนนท์ ไม่ไกลปืนเที่ยง ความเก่งฉกาจบังเกิดกับสายตา ผู้คนเล่าขานเป็นไฟลามทุ่งอีกรูปต้องยกให้...

หลวงพ่อสิริ สิริวัฒโน วัดตาล นนทบุรี....!

ท่านเก่งมาตั้งแต่อายุ 50 หรือก่อนนั้นอีกเล็กน้อย เพราะได้ร่ำเรียนวิชาสืบสาย หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า กับลูกศิษย์สายตรง แม้ตอนท่านเป็นเณรก็เคยมีประสบการณ์กับ หลวงพ่อโอภาสี ซึ่งเห็นบางอย่างล่วงหน้าเกี่ยวกับตัวท่าน เป็นเรื่องเล่าจำเพาะที่เหล่าศิษย์ต่างรู้ดีเพราะ หลวงพ่อเล่าไว้ด้วยตัวท่านเอง ไม่สร้างเรื่อง

วัตถุมงคลหลวงพ่อสิริ เมตตาสร้างให้ศิษย์พอสมควร และเกิดประสบการณ์ที่ดีตลอดเวลา ปัจจุบันหลายรุ่นเป็นของดัง ของดีหายากเอาการ

เหมือน ปรกมะขามองค์จ้อย รุ่น "สิริ ๕๐" หลังยันต์ 'นะรัศมี' ที่ถือเป็น "ปรกรุ่นแรก" ปี 34 วาระอายุครบ 50 ปีหรือครึ่งศตวรรษของท่าน เป็น ปรกเล็ก-พุทธคุณล้ำเลิศ ที่เหมาะกับชุดเล็กบนคอของคนรุ่นใหม่เชื่อใจได้ว่า "ปรกคุ้ม คุมชีวิต" ได้แน่ แถมราคาก็ไม่แพงมาก ดังที่มอบร่วมบุญ...

=======500=======
ปรกทองแดงผิวไฟแสนงาม ไม่ผ่านการใช้ ของดีชนิด เล็กดี รสโต อีกรายการ ที่สามารถขึ้นคอได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องอวดโกัโชว์ใคร พุทธคุณเกินกว่าราคาล้านเท่า
ชัดเจนสำรับการเล่นหาสะสม ด้วยการบันทึกชื่อ-อายุลงไว้ิผ่านมาแล้ว 30 ปีสร้าง และยาวไปต่ออีกสามร้อยปี ก็สะสมบูชาไม่ผิดวัดผิดอาจารย์ ทั้งยันต์หลังกับตัวหนังสือทำได้สวยงาม
ขนาดที่น่ารักสมเป็นปรกมะขามองค์จ้อย สูสีกับปรกก่อนหน้าที่ลงให้ชมและบูชา

 

วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ ตรงกับวันเสาร์ ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีขาล
ใส่บาตรในเช้าวันนี้
โมทนาบุญร่วมกันครับ
สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสะวักขะยาวะหัง
นิพพานะ ปัจจะโย โหตุ ปัจจุบันเนกาเล

 

ฝนถล่มหลายจังหวัดตามคำทายทักกรมอุฯ เมื่อวานตอนครำเล่นกทม.หัวทิ่มหัวตำ เช้าวันนี้ที่ปักษ์ใต้ก็ฉ่ำฝนพอแรง แต่หลวงพ่อก็ออกโปรดสัตว์ไม่ย่อท้อใต้ร่มกันฝน คนใส่บาตรก็เย็นใจใต้ร่มเงาบุญรวมทั้งผู้ร่วมอนุโมทนา

 

ปรก "หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน"
"หลวงปู่โต๊ะ"เสกรุ่นแรกปี15
===============

เจ้าของเหรียญแพงที่สุดในโลก ทั้งที่ไม่ถูกจัดอันดับอยู่ในระบบเบญจภาคี "หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน" เห็นว่าขายกันถึง 20-30 ล้านตามที่โม้ๆกัน ซึ่งไม่ทราบใครซื้อ?!?

พระนาคปรกใบมะขามรุ่นนี้ เป็นรุ่นแรกของวัดเชิงเลน "บพิตรพิมุข" ไม่ทัน หลวงปู่ไข่สร้าง-เสก เพราะสร้างในปี 15-16 พร้อมกับเหรียญรุ่น 2 ของท่าน

ทว่า...ได้ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี เป็นประธานเสกให้ทั้งปรก+เหรียญ ก็เหลือแหล่ พิธีนี้ยังมีคณาจารย์ชั้นสุดยอดร่วมกับหลวงปู่ด้วย อาทิ

--หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
--ลพ.แช่ม วัดนวลนรดิษฐ์
--ลพ.เนื่อง วัดจุฬามณี
=======ฯลฯ=======

สร้างก่อน "ปรกรุ่นแรก -หลวงปู่โต๊ะ" เสียอีก เพราะของ "วัดประดู่ฉิมพลี" สร้างในปี 21 ซึ่งบัดนี้แพงระยับ จับไม่ลง...

ใช้ปรกหลังยันต์ "มิ-บพิตร" องค์นี้ แทนได้อย่างสบายมาก หลวงปู่เมตตาเสกให้เต็มที่ทั้งเหรียญและวัตถุมงคลทุกชนิด ราคาเหรียญรุ่น 2 ตอนนี้แพงมากแล้ว พระนาคปรกรุ่นแรกก็คงแพงตามๆกันไปในอีกไม่นาน รีบเก็บบูชาก่อนได้เปรียบ ให้ร่วมบุญหลักร้อย...

=======800=======

เนื้อทองแดงแสนงามแต่ถ่ายรูปเป็นสีเหลืองอร่ามเพราะให้แสงมากไป พระนาคปรกใบมะขามที่ไม่ผ่านการใช้ บารมี หลวงปู่ไข่ วัดเชิงเลน+ อิทธิบารมี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งกว่าวัดประดู่ฯจะสร้างปรกรุ่นแรกให้หลวงปู่ก็อีกตั้ง 5-6 ปีต่อมา ถือว่านี่เป็นปรกที่ใช้เสมือนปรกหลวงปู่โต๊ะได้เลยทีเดียว

หลัง "มิ-บพิตร" จำง่ายๆ ย่อมาจาก 'วัดเชิงเลน' หรือ "วัดบพิตรพิมุข" เดิมชื่อวัดตีนเลน แต่รัชกาลที่ 1 ปฐมบรมราชวงศ์จักรีทรงพระราชทานนามให้ใหม่ดังทุกวันนี้

ขนาดปรกจ้อย ไม่ถึงกับจิ๋ว แต่ "แจ๋ว" มากสำหรับชุดเล็กของคนรุ่นใหม่ หรือจะเป็นคนรุ่นเก่าก็เถอะ ใช้ของดีราคาถูกแท้แน่ ดีกว่าของแพงแต่เก๊สุดยอดไร้เทียมทานของพวกมือผีที่จ้องทำมายิงปีละไม่กี่องค์ด้วยฝีมือสะท้านทรวง!

 

ปรก "สีหราชา" ปี 31
ยอดสิงห์"มหาดไทย"
===============

สร้างวันที่ 1 ตุลาคม ปี 2531 โดย บิ๊กแห่งกระทรวงคลองหลอด เพื่อมอบเป็นของขวัญแด่ ผู้กษียณอายุ และต้อนรับผู้เข้าดำรงตำแหน่งใหม่

สัญลักษณ์ "สิงห์มหาดไทย" ด้านหลังจึงเป็น "สีหราชา" ผงาดงดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นสิงห์ทั้งปวง ทั้งบรรจุลงในปรกองค์เล็ก ได้อย่างสุดสง่างามสมศักดิ์ศรี

ผ่านพิธีพุทธาภิเษกเข้มข้นสมความยิ่งใหญ่ของบิ๊กมหาดไทย โดย ท่านสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ในเวลานั้นทรงเป็นองค์ประธานด้วยตนเอง ณ วัดบวรนิเวศ ฯ ร่วมด้วยเกจิอาจารย์คับคั่ง108 รูป จากนั้นก็นำปลุกเสกที่ วัดใหญ่ชัยมงคล อยุธยา อีกครั้งเพื่อเป็นอุปเท่ห์ว่า งานใหญ่ ภาระหนักยิ่งยวดทั้งปวงต้องได้รับชัยชนะราบรื่นและมีแต่ความมงคล

พระนาคปรกรุ่นนี้เดิมทีเป็น "พระลึกลับ" เพราะไม่ได้ทำเพื่อค้าขายเป็นพุทธพาณิชย์ สร้าง"แจก"เป็นศิริมงคลเท่านั้น...แต่ด้วยอิทธิฤทธิ์ของโลกโซเชี่ยลทำให้ผู้ได้รับจากมือบิ๊กมหาดไทยหลายท่าน ค่อยๆทยอยหลักฐานโผล่ออกมา บางคนรับจากอดีตรองปลัดกระทรวงฯ บ้างก็รับจากอดีตผู้ว่าราชการจังหวัด มีกล่อง มีซองชัดเจน

จึงซ.ต.พ.ว่า...นี่คือ "สิงห์มหาดไทย"ตัวจริง เสียงจริง จะเป็นสิงห์ดำ,สิงห์แดง,สิงห์ทอง หรือสิงห์สีอะไรก็ไม่ต้องแยกสีแยกเผ่าพันธุ์ เชิญนำไปใช้บูชาเพื่อความก้าวหน้าในชีวิตราชการ ส่วนท่านที่ไม่ใช่เหล่าสิงห์จะมีไว้ก็ไม่แปลก อย่างน้อยศักดิ์ศรีบารมีก็ใช้ข่มพวกลาที่ชอบสวมหนังราชสีห์ได้อยู่หมัด...

=======700=======

เนื้อโลหะผสม ทองแดงล้วนก็ไม่ใช่ นวะโลหะเต็มตัวก็ไม่เชิง แต่งดงามไม่ผ่านการใช้ให้เสียความสมดุลและความศักดิ์สิทธิ์

สีหราชา ผู้เป็นใหญ่กว่าสิงห์ทั้งปวงหรือ"สิงหราช"ในท่วงท่าผงาดผาดโผน สง่างาม แข็งแกร่ง เด็ดขาด เหมาะเป็นเจ้าคนนายคน เป็นลูกน้องก็พกติดตัวไว้ เจ้านายรักใคร่...วันเดือนปีสร้างชัดเจน 1 ต.ค. 31 ต้อนรับฤกษ์ทำงานของฤดูกาล หลังเสร็จสิ้น เลื่อนยศ ปลด ย้าย!

ขนาดใหญ่กว่าปรกจ้อยทั่วไป จึงทำให้มีพื้นที่รังสรรค์ความงามได้เต็มที่ทั้งหน้า-หลัง เป็นองค์ประธานใน "ชุดพระนาคปรก" ได้สบายมาก

 

ลป.ทองเหลือ-วัดท่าไม้เหนือ
ปรกรุ่นแรก ปี41-เมืองลับแล
===============

วาระฉลองอายุ 90 ปีของอริยสงฆ์ทองคำเมืองลับแล อุตรดิตถ์ ปี 2541 เหล่าศิษย์รวมใจกันสร้าง วัตถุมงคลเพื่อมอบ หลวงปู่ทองเหลือ วัดท่าไม้เหนือ อธิษฐานจิตเสก "ทิ้งทวน"มากมายหลายประเภท เหรียญ,ล๊อคเก็ต,ขวัญถุง,พระปิดตา,พระเนื้อผง และขาดไม่ได้คือ พระนาคปรก ตัวแทนแห่งความร่มเย็นเป็นสุข ไม่จำเป็นต้องเป็นคนวันเสาร์ก็ใช้ได้ดีเสมอเหมือนกัน

ปรกรุ่นแรกและรุ่นสุดท้าย อริยสงฆ์เมืองลับแล เนื้อทองแดงผิวไฟ หลวงปู่ทองเหลือเสกทิ้งทวนให้ผู้บูชาได้รับสิ่งล้ำค่าดั่งทองคำติดตัวเป็นศิริมงคลชีวิต ท่านเป็น "ทอง" ที่ดีเด่นควบคู่กับหลวงปู่ "ทองดำ" ผู้ยิ่งยงแห่งเมืองลับแล ถึงมีคำกล่าวว่า....

"มี "ทองดำ" อย่าลืม"ทองเหลือ" บูชาควบคู่กันแล้วมั่งคั่ง 'ทองแท้' เหลือเฟือ"!!!

มอบให้สมาชิกบูชากับ นาคปรกองค์งามนามศิริมงคล ศักดิ์สิทธิ์สมชื่อไม่ผ่านการใช้เลย...

=======700=======

เนื้อทองแดงผิวไฟแต่เป็นโลหะผสมเกือบออกนวะ ตอกโค้ตชัดมากด้านซ้ายมือเรา ทำให้สะสมง่าย วันข้างหน้าท่านราคาแพงมากๆ พวกมือผีก็จอดเพราะ "โค้ต" นี่แหละ

ยันต์สามหรือยันต์ใบพัดกับรายละเอียดชัดเจนเท่าที่สามารถบรรจุลงพื้นที่เล็กๆนี้ไหว ทั้งนามท่าน-อายุ-วัด-ปีสร้าง...สิ่งเหล่านี้ทำให้นักสะสมไม่หลงทาง ไม่กลายเป็น "พระลึกลับ"ยัดวัดกันวุ่นวายในอีกหลายสิบปีข้างหน้า การสะสม-เล่นหาพระมีชื่อเสียงที่ชัดเจนแบบนี้ ทำให้นักเล่นพึ่งพาตนเองได้ไม่จำเป็นต้องพึ่งน้ำลายเสี้ยนนักขายพระ

ขนาดกำลังเหมาะสมสำหรับพระนาคปรก แต่องค์นี้บอกนิดนึงว่า องค์พระท่านหนา ได้น้ำได้เนื้อ

 

พระนาคปรกพระธาตุพนมปี18
"หลวงปู่ฝั้น-ปู่ดุลย์-ปู่โต๊ะ"เสก
===============

11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนม มหาสถานองค์แทนแห่งพระพุทธศาสนายิ่งใหญ่สุดริมฝั่งโขง นครพนม ล้มลงท่ามกลางความตกตะลึงของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ 2 ฝั่งโขง

รัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เร่งบูรณะฟื้นฟูค้นหา พระบรมสารีริกธาตุ-อุรังคธาตุ(ส่วนหน้าอกพระพุทธเจ้า)จนพบ และรวบรวมสิ่งสูงค่ามหาศาลอื่นๆในองค์พระธาตุออกมาเก็บรักษาเพื่อบูรณะซ่อมแซมฉับไวเร่งด่วน

ด้วยพลังชาวพุทธร่วมกันทุ่มเทบูรณะองค์พระธาตุ ฟื้นคืนตระหง่านเป็นมิ่งขวัญชาวพุทธอีกครั้ง สำเร็จเสร็จสิ้นภายในปี 2522 เท่านั้น ซึ่งในระหว่างนั้นก็มีการสร้างวัตถุมงคลหลายรูปแบบเพื่อนำรายได้ส่วนหนึ่งไปบูรณะเจดีย์

พระปางนาคปรกอันเปรียบดั่งองค์แทน 7 พญานาคที่เฝ้าแหนปกปักรักษาพระธาตุพนม ถูกสร้างขึ้นด้วยส่วนผสมอันเป็นอิฐ ดิน ผงของพระธาตุไม่ให้สูญเสียเปล่า มวลสารสูงค่าศักดิ์สิทธิ์ผ่านการกราบไหว้บูชามานานนับพันปีเหล่านี้ กอปรกันเป็นองค์พระได้อย่างสวยงาม ประชาชนแห่แหนกันร่วมบูชามืดฟ้ามัวดิน เมื่อเสร็จสิ้นพิธีพุทธาภิเษก

คณะสงฆ์สายกรรมฐานนำโดย...
--หลวงปู่ฝั้น อาจารโย
--หลวงปู่ดุลย์ อตุโล
--หลวงตามหาบัว
--หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
--ลป.ทองมา วัดสว่างทาสีร้อยเอ็ด

และอีกนับร้อยรูปทั่วภาคอีสานร่วมพิธีปลุกเสกพระนาคปรกกับวัตถุมงคลอีกหลายประเภท

***(((เป็นที่น่าเสียดายว่า การเขียนถึงประวัติพระชุดนี้ วิบัติไปมากจากคนขายพระที่ไม่เคยสนใจใคร่รู้ค้นคว้าหาความจริง ได้แต่ "ลอก"ข้อเขียนต่อๆกันมา อย่างเช่นเขียนว่า มี หลวงปู่จันทร์ เขมิโย(มรณภาพปี16) หลวงปู่ตื้อ อจลาธัมโม(มรณภาพปี 17) ร่วมเสก...ดีที่ไม่เขียนว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ร่วมด้วย...นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของความวิบัติในประวัติพระเครื่องโดยนักขายพระ เรื่องปะติ๋วแค่นี้ยังคัดลอกผิดๆกันมาเป็นสิบๆปี แล้วเรื่องใหญ่กว่านี้ อาทิ อภินิหารไร้สาระเหนือโลกเหนือมนุษย์ จะไม่เสกสรรปั้นแต่งนิยายโกหกกันขนาดไหน เพราะคนคัดลอกตามก็หน้ามืดตามัว ไม่รู้เหนือรู้ใต้รู้สี่รู้ห้า ได้แต่ "ก็อบปี้-ลอก" เพื่อขายพระ-ขายนิทานอย่างเดียว)))***

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 -สมเด็จพระนางเจ้าฯ กับพระบรมวงศานุวงศ์ ร่วมเสด็จเป็นขวัญกำลังใจในพิธีพุทธาภิเษก สร้างความปลาบปลื้มแด่พสกนิกรชาวพุทธอีสานท่วมท้น ในขณะเดียวกัน ยอดคณาจารย์จากส่วนกลางสายพระเกจิก็ร่วมพิธีปลุกเสกอีกนับร้อยรูป อาทิ

--หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
--หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง
--หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
--หลวงพ่อทองอยู่ วัดใหม่ฯ
=======ฯลฯ=======

จะกล่าวว่าเป็นยอดพิธียิ่งใหญ่ระดับ " 25พระพุทธศตวรรษ " แดนอีสานก็ว่าได้ ขอนำพระผงมวลสารพระธาตุพนมแท้ๆไม่มีสิ่งอื่นใดเจือปน พิมพ์เล็กให้ร่วมบุญบูชา พระสุดยอดของประเทศทำบุญมากับมือนานเกือบ 50 ปี ราคาเพียง...

=======600=======

ความงามดั้งเดิมไม่ผ่านการเสริมเติมแต่ง รักษามือเดียวมาเกือบ 50 ปี เชิญนำไปเป็นมิ่งขวัญมงคลสืบต่อกันไป

ถ้าทำบุญแรกๆจะได้พระเปลือยๆอย่างนี้ แต่พระสร้างจำนวนมากพอสมควร จึงมีเหลือมาอีกหลายปี ซึ่งทางวัดได้สร้างกล่องใส่เรียบร้อย ส่วน "พิมพ์ใหญ่" ทำบุญแพงหน่อย มีเลี่ยมปิดหลังให้จากวัด ซึ่งจะถ่ายรูปให้ดู แต่ยังไม่ให้บูชา
ขนาดของ'พิมพ์เล็ก' สำหรับภาพด้านล่างจะเปรียบเทียบกับ "พิมพ์ใหญ่" ชมกันพอเป็นความรู้ ดูเพลิน ซึ่งหลายๆท่านก็คงมีพระชุดนี้หรือเคยเห็น ก็ถือซะว่าเป็น พระนาคปรกมิ่งมงคลตรงวันหยุดวันเสาร์ก็แล้วกัน...

พิมพ์ใหญ่เมื่ออยู่ในเลี่ยม ดูใหญ่กว่าพิมพ์เล็กเกือบเท่าตัว

ด้านหลังที่เดิมๆทั้งคู่ พิมพ์ใหญ่เลี่ยมมาอย่างนี้ตั้งแต่ปี 2518 เลี่ยมโบราณที่สมัยนั้นดูเท่ แต่มาวันนี้เด็กรุ่นหลังอาจมองว่าล้าสมัยมาก แต่หารู้ไม่ 'วินเทจ'อย่างนี้แหละ นักสะสมตัวจริงเห็นแล้วน้ำลายหก

 

ร่วมบุญครับคุณอา...

 

น้องสอยดาวหายไปนานท่ามกลางมรสุมโควิด แต่ยังรักษาตัวรอดเป็นยอดดีได้อยู่ ก็ดีใจมากที่เห็นคนเก่าๆในความทรงจำผ่านพ้นโรคภัยมาได้ ทั้งด้วยความระมัดระวัง ฝีมือตนเอง อาจบวกพลัง "คุณพระช่วย" ที่เราเคารพนับถือด้วยก็เป็นได้

โมทนากับน้องสอยดาว ปรก"บพิตร" หลวงปู่โต๊ะเป็นประธานเสก ยอดเยี่ยมยิ่งยงไม่แพ้ปรกรุ่นแรกวัดประดู่ฯ คิดดูพระวัดที่มีเหรียญรุ่นแรกหลักหลายสิบล้าน สร้างพระทียังต้องนิมนต์หลวงปู่เป็นประธานเสกทุกครั้ง รวมทั้งวัดหนัง,วัดบางปะกอก-หลวงพ่อพริ้ง,วัดหลวงพ่อเกษร,วัดปากน้ำ, วัดกำแพง,วัดอรุณอัมรินทร์, วัดโคนอน , วัดระฆัง ฯลฯ นับไม่หวาดไหวยังไม่ทันข้ามมาฝั่งพระนคร ทุกวัดต้องมี "หลวงปู่โต๊ะ" ทั้งสิ้น เพราะหลวงปู่ร่วมงานใดไม่เคยเสกแบบสุกเอาเผากิน นั่งตัวตรง หลังเอนนิดๆแบบพระพุทธรูป อาราธนาบารมีพระพุทธองค์ เสกเต็มที่จนเจ้าของงานเกรงใจทุกวัด พระร่วมเสกทุกรูปยืนยัน...งานไหนมี "หลวงปู่โต๊ะ" สบายใจได้ เราเหนื่อยน้อย!

ฉะนั้น...มีพระที่ หลวงปู่โต๊ะ เมตตาไปเสกให้ ไม่ว่าจะวัดไหนก็นำมาอาราธนาใช้เถิด บูชาได้ดีมีพุทธคุณสูงเยี่ยมทัดเทียมกับ วัดประดู่ฯที่แพงรากเลือดตาลายในปัจจุบัน

 

เหรียญนาคปรก-วัดฤกษ์หร่าย
"หลวงพ่อสว่าง"เสกรุ่นแรกปี17
===============

เจ้าของเหรียญ "ปลอดภัย" อันดับ 1 ของเมืองกำแพงเพชรดินแดนทุ่งเศรษฐี...หลวงพ่อสว่าง อุตตโร ซึ่งมรณภาพแล้วถึงวันนี้ครบ 45 ปี สังขารคงอยู่เหนือกาลเวลามาจวบจนบัดนี้

ท่านเมตตาเป็นประธานปลุกเสกวัตถุมงคลชุดแรก รุ่นแรกของวัดฤกษ์หร่ายสามัคคี กำแพงเพชร ซึ่ง "พระครูใบฏีกาสมนึก" เจ้าอาวาสสร้างเพื่องานฝังลูกนิมิตโบสถ์หลังแรกที่ทางวัดใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะแล้วเสร็จ

วัดฤกษ์หร่ายฯได้รับวิสุงคามเสมาในปี 2513 มีพระพุทธรูปปางนาคปรกเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด การสร้างวัตถุมงคลให้คนร่วมบุญงานใหญ่หนแรกจึงมีทั้ง พระซุ้มกอ เนื้อดินเผาใช้ดินกรุเก่ากำแพงเพชรแท้ๆล้วนๆ,พระซุ้มกอหลังปั้มยันต์ กับ เหรียญรุ่นแรกปางพระนาคปรกอันเป็นพระเอกของงาน

เหรียญปางพระนาคปรกออกแบบสวยงามรัศมีเหนือเศียร สร้างไม่เกิน 3,000 เหรียญ ประสาวัดบ้านนอกทุนน้อย ได้กระจัดกระจายไปทั่วด้วยบารมี "หลวงพ่อสว่าง" ใครก็เก็บวัตถุมงคลที่ผ่านญาณบารมีท่านหมดถ้าทราบว่าท่านเสกปัจจุบันทางวัดได้สร้างพิพิธภัณฑ์ ก็ยังไม่มีเหรียญงามๆอย่างที่เห็นนี้เลย

นี่ป็นเหรียญที่งามดั้งเดิมตัวจริง มอบให้ร่วมบุญกับพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประจำวัด ส่วน ผู้ประสิทธิ์พุทธมนตราให้ก็เหนือโลกเหนือธรรมดา...

=======900=======
เหรียญนาคปรกเนื้อกะหลั่ยเงิน ความงามดั้งเดิมที่รักษามายอดเยี่ยม รูปแบบเหรียญน่าบูชาและน่าสะสมมาก ยิ่งเป็น "หลวงพ่อสว่าง" เสก ก็สามารถใช้แทน "เหรียญปลอดภัย" ราคาแสนแพงได้เช่นกัน

รายละเอียดหลังเหรียญชัดเจน สะสมแล้วไม่ต้องตามศึกษาให้เวียนหัว รู้ว่าแท้เป็นแบบอย่างรุ่นแรกแน่นอน

ขนาดพอเหมาะ
รูปทรงงามมาก

 

รับครับ

 

เก็บเป็นที่ระลึกไว้เหมือนกันครับ

 

ได้รับพระแล้วครับคุณอา

 

สวัสดีครับคุณอา wanwi และ พี่ๆนักขุดทุกท่าน
วันก่อนย้อนอ่านเก็บรายละเอียด
เห็นคุณอา wanwi ตอบคอมเม้นท์ว่าเชื่อว่าพยานาคมีอยู่จริง ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
ผมโพสถามว่าเล่าเลยครับ ปรากฎว่ากดส่งเท่าไรก็ไม่ไป (สงสัยอินเตอร์เน็ทร่วงพอดี 55)

ทิ้งไว้สักพัก ผมย้อนกลับมาอ่านใหม่ เห็นคุณอาโพสให้ร่วมบุญพระนาคปรกใบมะขาม (จังหวะพอดีกัน เหมือนพยานาคท่านอาจจะยั้งไว้ รอคุณอาโพสก่อน 55)

ค้นในบ้านเจอพระพิมพ์นาคปรกเหมือนกัน เนื้อดินแม่เหล็กดูดติดแต่ไม่แรงมาก กับเนื้อโลหะอีกองค์หนึ่งแต่แม่เหล็กดูดไม่ติด

 

ขอรับครับ … และขออนุญาตโอนวันจันทร์ได้มั้ยคับ เงินเดือนออกพอดี แฮะๆ ^__^

 

พระนาคปรกเนื้อผงพระธาตุพนมอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง มิ่งขวัญชนเผ่าไทย-ลาวสองฝั่งโขง ได้ฤกษ์เดินทางกลับสู่แดนอีสาน แม้จะไม่ตรงกับพื้นที่ท่านจากมา แต่ก็เป็นดินแดนลูกหลานพญานาคทั้งสิ้น โมทนาคุณเทพ จัดส่งวันจันทร์ครับ

 

น้องเดฯเก็บรักษาท่านได้ดียังมีกรอบกระจกเรียบร้อยเป็นพิมพ์เล็กที่ผมให้บูชาคุณเทพรับไว้แล้ว ของผมองค์ใหญ่กระจกไม่มีเพราะเคยแขวนใช้อยู่พักทำให้กรอบแตกเลยแกะออก ส่วนพิมพ์เล็กรับมาแบบนั้น

เอาท่านมาแขวนใช้มั่งนะ พระอริยสงฆ์สุดยอดทั้งนั้นที่ร่วมพิธี คิดถึงรูปไหนที่มีชีวิตอยู่เวลานั้น อธิษฐานถึงไปเลย ไม่ผิดตัว ท่านอยู่ในพิธีแน่

 

วันหยุดไม่พัก ฝนฟ้าหนักก็ไม่ลา ไปรษณีย์ไทยทำงานเฉียบขาด นำองค์พระพุทธชินราชวัดพันอ้น ปี12ถึงบ้านน้องแดงเรียบร้อย โมทนาบารมีท่านดูแลรักษาให้มีแต่ความสุข ความเจริญมากๆขึ้นครับ

 

น้องภาสมาย้ำให้ทวนความหลังครั้งเจอพญานาคตัวจริง พอดีนั่งดูวอลเล่ย์บอลไทยไป พิมพ์หนังสือตามไปด้วย คงนึกทบทวนเรื่องเก่ายาวนานกว่า 50 ปีไม่ไหว ต้องติดไว้ก่อนอีกที มาชมภาพพระนาคปรกที่ส่งมาดีกว่า

--องค์แรกเป็นเนื้อดินทางลพบุรี แท้แน่แต่นึกกรุ นึกวัดไม่ออก

--องค์ที่สองเนื้อชิน ถ้าแม่เหล็กดูดติดก็เก๊ แต่ดูแล้วองค์นี้ไม่ควรเก๊ เป็นพระมีวัด มีอาจารย์ ไม่ใช่ของเก่าของกรุ อายุสร้างก็โขอยู่ เกิน30-40ปีชัวร์