ความอดทนเพื่อคู่แท้

เมื่อวันที่ 10-15 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปช่วยหลวงพ่อวิชญ์จุฑา ซ่อมพระพุทธรูปองค์เล็กที่ สุสานพระปฏิมา ทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรีอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ลาพักร้อนประกอบกับวันหยุดสงกรานต์ ก็เลยได้ใช้โอกาสอันดีนี้สร้างกุศลถึง 6 วันเต็มๆด้วยกัน (จริงๆควรจะเป็น 5 วันนะ เพราะอู้งานนอนเฉยๆซะวันนึง) ถือเป็นสงกรานต์ที่คุ้มมาก เพราะไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย ฝังตัวซ่อมพระอยู่ตลอดเวลา

ที่นั่น จะมีลูกศิษย์หลวงพ่ออยู่คนหนึ่ง ชื่อคุณกุ๊ก มาช่วยงานหลวงพ่ออยู่เป็นปีๆแล้ว ที่จริงเขาเป็นคนมีฐานะดีคนหนึ่ง พูดง่ายๆบ้านรวย แต่ก็ไม่อยากได้อะไรทางโลกนัก มาอยู่ที่สุสานพระปฏิมา ทำตัวเป็นเด็กวัด เช้าขึ้นมา กินข้าวแล้วก็เดินไปที่ศาลาซ่อมพระ ต่อพระเศียรพระพุทธรูปบูชาที่คนเอามาทิ้งแล้วญาติโยมก็เก็บมาให้หลวงพ่อ จนถึงเย็นๆบางทีทุ่มสองทุ่มก็กลับไปอาบน้ำนอน เป็นอย่างนี้ทุกวัน คุณกุ๊กจะมีหน้าที่ซ่อมพระองค์เล็กๆเหล่านี้ เมื่อเสร็จแล้วก็ทาสีใหม่จนสวยงาม ใครมาทำบุญอยากได้ไปบูชาก็เอาไปได้เลยฟรีๆ ข้าพเจ้าก็ได้ไปอยู่ช่วยคุณกุ๊กที่ศาลาซ่อมพระองค์เล็กนี่ทั้งวัน โดยไปถ่ายรูปวิธีซ่อมพระมาเผยแพร่ในอินเตอร์เน็ต และทำหน้าที่ปัดทองพระเป็นหลัก

อยู่ที่ศาลาซ่อมพระ เราได้คุยกันหลายเรื่อง คุณกุ๊กเป็นคนมีความรู้เรื่องกฎแห่งกรรมค่อนข้างแตกฉานคนหนึ่ง เรียกว่าเป็นผู้รู้ที่หลบมาอยู่กลางป่าเขาก็ว่าได้ จึงนับเป็นบุญที่ข้าพเจ้าได้ไปพบและรับฟังความรู้ใหม่ๆแปลกๆมากมายตลอด 6 วันที่ผ่านมา คงจะเป็นเศษบุญที่คุณกุ๊กเป็นผู้หล่อเม็ดพระศกและพระเกตุเมาลี เพื่อประดับพระเศียรพระประธานองค์ใหญ่หลายพระองค์ เลยทำให้เป็นคนมีปัญญามาก คุณกุ๊กบอกว่านี่คงเป็นแค่เศษๆ ถ้าให้ผลเต็มที่คงจะระดับเดียวกับไอน์สไตน์เลยทีเดียว ถ้าใครอยากเจอหรือสนทนาธรรมกับคุณกุ๊ก เวลาไปที่สุสานองค์พระปฏิมาก็ลองแวะไปดูแกที่ศาลาซ่อมพระองค์เล็กได้ ถ้าไม่ติดธุระต้องไปไหน แกก็จะอยู่ตรงนั้นตลอดแหละ

ในบรรดาเรื่องที่เรานั่งคุยกันตลอด 6 วัน มีเรื่องของคู่แท้ หรือคู่บารมี ที่น่าสนใจรวมอยู่ด้วย ข้าพเจ้าเล่าถึงความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าให้เขาฟัง และเล่าว่าตัวเองมีข้อเสียเรื่องกาเม คือ รักคนง่าย มักจะเจอคนที่มารักมาถูกใจอยู่เนืองๆ

ล่าสุดก็เพิ่งไปเจอน้องคนหนึ่งที่เป็นรักแรกพบ คือสบตากันแล้วต่างคนต่างชอบกันคงเป็นบุพเพสันนิวาสแน่ ทั้งๆที่เราก็อายุเยอะแล้ว เด็กหนุ่มๆหล่อๆไม่น่าจะมาสนใจ ก็กลับกลายเป็นว่าน้องคนนั้นกลับชอบเรา ขอไปส่งและขอเบอร์โทรเราไป และเราเองก็พึงพอใจในตัวเขา จนที่สุดก็มีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง แต่ข้าพเจ้าก็ไม่ปิดบัง บอกเขาว่ากำลังจะแต่งงาน คงจะมีอะไรกับเขาไม่ได้อีก เขาก็เสียใจ และเราได้ไปอธิษฐานที่หน้าพระพุทธรูปองค์ใหญ่ ว่าเราจะรักกันไปทุกชาติ ถึงชาตินี้จะไม่มีโอกาสสมหวังก็ตาม ข้าพเจ้าเคยเขียนจดหมายไปถามน้องเขาว่า อีก 26 อสงไขยนับจากนี้ กว่าพี่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า น้องยังอยากจะเจอพี่อีกไหม เขาก็โทรมาบอกว่า เขาอยากจะเจอพี่อีก ข้าพเจ้าจึงอธิบายความยาวนานของคำว่าอสงไขยให้ฟัง เขาก็ฟังแล้วงง และพูดขึ้นมาคำนึงว่า “ผมไม่เข้าใจซักอย่างที่พี่พูดมา ผมรู้แค่ว่าผมอยากเจอพี่แค่นั้นเอง” ทำให้ข้าพเจ้าซึ้งใจมาก เด็กหนุ่มคนหนึ่งซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองดี เขารู้แต่ว่าข้าพเจ้าอยากเป็นพระพุทธเจ้า ต้องใช้เวลาอีกยาวนาน และเขาก็อยากจะเจอข้าพเจ้าไปอีกทุกชาติเท่านั้น เรื่องอื่นๆเป็นรายละเอียดที่เกินความจำเป็นสำหรับเขาไปแล้ว

คุณกุ๊กฟังแล้วยิ้ม บอกว่าเด็กคนนี้น่าเอ็นดูดี ไม่อวดรู้เกินตัว รู้ก็บอกรู้ ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ ซื่อๆตรงๆดี น่าจะพัฒนาไปเป็นคู่แท้ได้ในอนาคต แต่ต้องคอยประคับประคองกันไปให้ดีๆ และบอกเคล็ดลับการบำเพ็ญบารมีให้ได้ผลดีแก่ข้าพเจ้าว่า พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์จะต้องประสบกับความทุกข์นานาประการเพราะเป็นบททดสอบ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายในเวลาที่ยาวนาน การที่จะไปให้ถึงฝั่งฝันคือได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีคู่แท้ หรือที่เรียกว่าคู่บารมี เพื่อเป็นเสมือนกองหนุน เป็นกำลังใจในการบำเพ็ญเพียรที่หนักหน่วง เวลาเราบาดเจ็บมาจากที่อื่น จะมีคนหนึ่งที่รอให้เราไปหนุนตักและซับเลือดและน้ำตาให้เรา คนๆนี้แหละที่จะทำให้เราไม่ท้อและไม่ถอยง่ายๆ พระโพธิสัตว์หลายๆองค์ที่ถอนความปรารถนาไปเพราะความท้อถอย เนื่องจากขาดคู่แท้ช่วยเป็นกองหนุน เลยทำให้ขาดกำลังใจในการบำเพ็ญเพียร

ถึงตรงนี้ข้าพเจ้าเกิดความสงสัย เพราะเคยอ่านมาว่า พระสมณโคดมของเรา ท่านต้องบำเพ็ญไปจนถึงปรมัตถ์บารมีและได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้าก่อนไม่ใช่หรือ คู่บารมีที่แท้จริงจึงปรากฏ คุณกุ๊กตอบว่า มิใช่ว่าคู่บารมีอยู่ๆจะมาปรากฏในวันที่ได้รับพุทธพยากรณ์ แต่คู่บารมีเองก็ต้องบำเพ็ญเพียรมาเพื่อการนี้เช่นกัน วันที่ได้รับการพยากรณ์เป็นเพียงการตรัสยืนยันของพระพุทธเจ้าต่างหากว่าใช่แน่ แต่ก่อนหน้านี้เขาอาจติดตามกันมาแล้วกี่อสงไขยไม่ทราบได้ เพียงแต่นับจากได้รับพุทธพยากรณ์ การบำเพ็ญเพียรของทั้งคู่จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เรียกว่าต้องเจอกันทุกชาติ เป็นผัวเมียกันทุกชาติ เสียสละให้กันทุกชาติ การที่พระเวสสันดรได้กระทำทานบารมีขั้นปรมัตถ์ ด้วย การยกพระนางมัทรีให้แก่บุคคลอื่น ด้วยอานิสงส์ที่พระนางเมื่อครั้งติดตามพระโพธิสัตว์ มีความมั่นคงในความรักแท้ แม้ในอสงไขยนั้นจะไม่ได้เกิดมาเจอพระโพธิสัตว์เลย พระนางก็มิได้แปดเปื้อนด้วยชายอื่นนับเนื่องด้วยอสงไขย ทำให้เมื่อพระเวสสันดรต้องยกพระนางให้ผู้อื่น ทำให้มิอาจมีชายใดในโลกจะมาล่วงเกินนางได้ พระอินทร์จึงต้องแปลงลงมาขอรับนางเอาไว้ แล้วจึงถวายคืนทันที นี่กำลังใจของคู่แท้ เขาอดทนกันขนาดนี้

คุณกุ๊กยังบอกอีกว่า พระโพธิสัตว์บารมีต้นๆ มักจะโดนมารหลอกกันเยอะ เพราะยังไม่ได้ปักใจกับใครว่าจะบำเพ็ญเป็นคู่แท้กัน ด้วยความที่มีเมตตามากถึงจะบารมีต้น ก็จะทำให้มีคนเข้ามารักง่าย ตัวเองก็รักคนอื่นง่าย มารจะใช้ช่องนี้แหละเป็นตัวขวางการบำเพ็ญด้วยการทำให้รักๆเลิกๆไปทั่ว บางครั้งกับคนที่มีเค้าลางว่าน่าจะเป็นคู่แท้ได้ ก็กลับหักอกเขา ทำให้เขาเจ็บช้ำใจ ซึ่งผลกรรมที่ทำกับคู่แท้นี้จะรุนแรงมาก ทำให้ไม่สมหวังในความรักจนกระทั่งตัวเองหมดกำลังใจ ถอนอธิษฐานไปเองก็มีไม่ใช่น้อย ตรงนี้ข้าพเจ้าจึงฉุกคิด นี่เราท่าจะโดนมารหลอกมาพอสมควรเลย เพราะความรักที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีความสุขสมหวังเท่าไร รักๆเลิกๆไปเยอะ แต่โชคดีก็ยังมีตรงที่เป็นคนชอบหาเหตุผล ก็เลยยับยั้งใจเรื่องกาเมไว้ได้ในระดับที่น่าพอใจ และยังมีกุศลฝ่ายดีชักนำให้เจอคนที่รักจริง จึงยังไม่ล้มเหลวซะทีเดียว คุณกุ๊กแนะนำว่า หากข้าพเจ้ามุ่งมั่นในเส้นทางสายพระโพธิญาณจริง ก็ควรแสวงหาคู่แท้ได้แล้ว การปล่อยใจไปเรื่อยๆไม่ลงหลักให้ดี มีแต่จะโดนมารหลอก สุดท้ายต้องหมดกำลังใจไปเอง สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็เหมือนไม่ได้อะไร ถ้าทำได้ชาติต่อๆไป ขอให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า

“ หากผู้ใดไม่ใช่คู่แท้ของข้าพเจ้าแล้ว จะไม่ขอมีความสัมพันธ์ด้วยเป็นอันขาด”
ข้าพเจ้าถึงกับรอง “โอ้โห ! เอางั้นเชียวเหรอ” คุณกุ๊กขำ และก็บอกว่า ถ้าเราอยากได้คู่แท้ นี่ก็คือการแลกมาอย่างสมเหตุสมผลไม่ใช่เหรอ การที่เรากล้าปวารณาตนว่าจะทำเพื่อคู่แท้ได้ขนาดนั้น ก็สมควรแล้วที่เราจะได้คู่แท้ที่รักเราจริงมาครอบครอง เป็นราคาที่สมน้ำสมเนื้อกันที่สุด เมื่อเราบำเพ็ญไปถึงจุดหนึ่ง ธรรมชาติหรือกฎแห่งกรรมจะสรรหาผู้ที่เหมาะสมมาให้เราเอง และท้ายที่สุดเมื่อเราได้คู่แท้มาครองแล้ว ต้องระวังมากที่สุดคือ อย่าดูหมิ่นคู่แท้ของตน เพราะจะทำให้เกิดความบาดหมางร้าวลึกอยู่ในใจ จำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องนี้ให้ดี
ก่อนกลับ คุณกุ๊กยังได้ให้หนังสือเกี่ยวกับเรื่องคู่ประเภทต่างๆมาให้เราอ่านเพื่อศึกษาอีกด้วย ชื่อเรื่อง คู่บารมี คู่ธรรม คู่กรรม คู่กาม คู่กัด ที่บอกรายละเอียดของคู่แต่ละประเภทละเอียดยิบตั้งแต่แรกสบตา จนถึงบั้นปลายการคบหา เป็นประโยชน์มาก

กลับจากซ่อมพระ โทรคุยกับน้องคนนั้น ความรู้สึกดีๆที่ได้รับจากกันและกันทำให้ข้าพเจ้ามีกำลังใจต่อสู้อุปสรรคในชีวิตต่อไป เราคุยกันว่า แม้ตอนกลางวันจะไปเจอเรื่องอะไรต่างๆน่าเหนื่อยใจ แต่ตอนกลางคืน เราโทรมาคุยกันอย่างมีความสุข เพื่อเป็นกำลังใจกันดีที่สุด ข้าพเจ้าไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคู่แท้ แต่ตั้งใจไว้ว่า จะทำให้ดีที่สุดให้คนที่รักเรามีความสุข ชาติหน้าฉันใด ก็จะขอมีความรักและมีความสัมพันธ์กับคนที่เป็นคู่แท้ของเราจริงๆเท่านั้น ก็พอแล้ว...

 

คุณบอกว่าเจอเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นรักแรกพบ แล้วคนที่คุณจะแต่งงานด้วยล่ะคะคุณไม่รักเขาเหรอ น่าสงสารจัง ถ้าพระโพธิสัตว์เจ้าชู้นางแก้วก็แย่เหมือนกัน แต่ก็ดีเหมือนกันเป็นบทพิสูจน์กำลังใจนางแก้ว แล้วอย่างนี้คุณจะไม่เกิดเป็นกะเทย500ชาติกับผู้หญิงอีก500ชาติอีกเหรอคะ

 

ครุกแชง ถามใจเธอดูซิ ครุกแชงจุดประสงค์การเป็นนางแก้วของเธอคืออะไร
ถ้ารู้ก็พอเป็นไปได้ ถ้าไม่รู้มันก็ยากนะ ครุกแชง

การเป็นนางแก้วไม่ใช่ เป็นการแก้แค้นผู้ชายทั้งโลก หรือประชดประชัน

แต่คือแม่พิมพ์ของคนทั้งโลก ที่จะยึดเป็นแบบอย่าง ของผู้นำจิตวิญญาณ
ของผู้หญิงทั้งโลก ในเวลาที่ศีลธรรมเสื่อมเสียความสมดุล ครุกแชงต้องมายกขึ้น

 

สาธุ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ สาธุ อยู่วัดตั้งหลายวัน

 

การหาคู่บารมีที่แท้จริงต้องดูหลายๆด้านนะครับ โดยเฉพาะถ้าปรารถนาพระโพธิญาณ คู่บารมีที่เหมาะสมจะมี
ศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน แล้วจะเกื้อกูลซึ่งกันและกันได้ดีที่สุดครับ ความเข้าใจซึ่งกันและกันเช่นนี้จะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การบำเพ็ญบารมีราบรื่น และยืนยาวจนบรรลุถึง
พระโพธิญาณได้

 

ไม่มีใครอยากเป็นนางแก้วเพื่อแก้แค้นผู้ชายหรือประชดประชันหรอกค่ะ เพราะนอกจากจะช่วยพระโพธิสัตว์ไม่ได้แล้วยังเป็นบาปกรรมติดตัวอีก ที่น้องเค้าพูดก็ถูกนะ อย่างน้อยก็ไม่ควรผิดกาเม

 

หนูไม่ได้เคียดแค้นผู้ชายทั้งโลก แล้วไม่ได้อยากจะแก้แค้นผู้ชายนะคะหนูอ่านดูแล้วรู้สึกสงสารแฟนพี่เค้าเฉยๆ และสงสารที่พี่เค้าทำผิดกาเม หนูไม่ได้มีเจตนาอะไรอย่างที่คุณว่าเลย ถ้าหนูทำให้เข้าใจผิดหรือรู้สึกไม่ดีอย่างไรหนูก็ขอโทษแล้วกันนะคะ อย่าได้โกรธเคืองอะไรหนูเลย หนูเป็นคนพูดตรงๆอยู่แล้วเลยอาจจะทำให้คนอื่นไม่สบายใจบ้าง ช่วงนี้จะขอห่างจากเว็บหน่อยละกัน แต่ขอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครนะคะ

 

รับคำทำนาย

เอาละเอาละ อ่านแล้วเข้าใจแล้ว อินมากไป น้องครุกแชงไม่มีผิดไม่จำเป็นต้องขอโทษ เอวังโหตุ ๆ ขอให้ความปรารถนาได้โปรดเกื้อหนุน น้องครุกแชงจงเป็นผลสำเร็จ เป็น นางแก้ว ตามคัมภีร์ภาคเหนือโบราณหมายถึง นางอิตถีรัตนะ คือนางผู้วิเศษที่มีความเพรียบพร้อมดีงาม เป็นนางแก้วของจักรพรรดิ และหากออกเรือนแล้วจะกลายเป็นแม่ศรีเรือนที่ทรงค่าที่สุดของชายซึ่งมักจะเรียกว่า

 

" ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม " คงเป็นตามที่หลวงปู่ทวดและหลงปู่ดู่กล่าวละครับ

 

โมทนาสาธุ บางทีเรื่องความรักก็อธิบายไม่ได้จริง บางคน(รวมทั้งตัวผมเอง)ก็ยังไม่มีคู่แท้ที่มารักเราซักที เมื่อก่อนเอาแต่รักเขาข้างเดียว บัดนี้เริ่มรู้แล้วว่าอาจยังไม่เจอคู่แท้ก็เป็นได้ ขอให้เขามีตัวตนและรอเราอยู่ก็พอ ให้กาลเวลาพาไป ปัจจุบันทำตัวเองให้ดีที่สุด ความเหงามันทำให้กำลังใจลดลงไปแต่มันก็เพียงน้อยนิด(หรือมากหนอ) ใจจริงอยากให้วันนั้นมาถึงไวๆนะ อยากมีกำลังใจน่ะ สู้คนเดียวแล้วเหนื่อย แต่ถึงยังไงก็ไม่ท้อขอพามวลมนุษย์สัตว์ สุขสรรค์พ้นความทุกข์ทั้งปวงขึ้นสู้แดนพระนิพพานดั่งความตั้งใจด้วยเทอญ

*แต่ที่คิดไว้ว่ายังไม่มีใครรักนี้มี2สาเหตุนะ 1.รูปร่างหน้าตา 2.เพราะคู่แท้ปาฏิหารรอเราอยู่ ไม่รู้ข้อไหนถูก แต่คิดว่าอาจจะทั้ง2ข้อมากกว่าู {^u^}*

 

อารมณ์ทั้ง7 กามคุณทั้ง 6




สิ่งที่ทำให้เซียวเหล่งนึ่งมีบุคลิคที่ เรียบเฉยดูไร้อารมณ์ สืบเนื่องมาจาก อาจารย์ของนางให้นางได้ฝึกฝนวิชา เน้นหักห้ามอารมณ์ทั้งเจ็ดและกามคุณทั้งหก การฝึกฝนแบบนี้ตั้งแต่เล็ก นอกจากจะส่งผลให้นางเป็นคนมีสมาธิ มีจิตใจที่สงบ ยังทำให้มีใบหน้าที่เยาว์วัยกว่าคนทั่วไป ความสำเร็จในการสงบใจแบบนี้ แม้แต่ลิ้มเฉียวเอ็งผู้เป็นอาจารย์ยังมิอาจเทียบเปรียบติด ซึ่งอารมณ์ทั้งเจ็ด ประกอบไปด้วย ยินดี เดือดดาร โศกเศร้า สุกสันต์ ความรัก ความชัง และความปรารถนา ส่วนกามคุณทั้งหกคือการรับรู้ทาง จักษุ โสต ฆาน ชิวหา กายา และใจ ก่อเกิดเป็นความต้องการต่อ รูป รส กลิน เสียง สัมผัส และทางมโนสำนึกขึ้น



<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->


บุรุษ หากพานพบสตรี นารีแก้วเฉกเช่นเซียวเหล่งนึ่ง

พึงถนอมไว้ และ ประคองกันไปสู่ชีวิตที่สมบูรณ์
<!-- / message --><!-- attachments -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>

</FIELDSET>

 

OOอธิษฐาน บุญบารมี (ตามแนววิชชาธรรมกาย )OO


<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message --><TABLE class=tborder id=post124029 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt1 id=td_post_124029 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD>คำอธิษฐานบุญบารมี







</PRE>












</PRE>




ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อ

 

เมื่อแรงปรารถนา ถูกระงับ และพ่ายแพ้ แก่จิตที่งดงามด้วยรักอันบริสุทธิ์


จะยังบารมีแห่งอุปบารมี ปรมัตถบารมี เต็มได้โดยเร็ว


.....เราเท่านั้นที่จะวัดจิต วัดบารมี(จิต )ตนเอง .....

 

อ่านตอนเเรก ยอมรับว่าโกรธเเทนว่าที่สามีคุณ NCK2046 ครับ

เเต่ลองคิดดูอีกด้าน เห็นเเบบนี้เเล้วทำให้ผมเบื่อการมีชีวิตคู่ นอกใจ หึงหวง โดนทรยศ หักหลัง สุดท้ายไม่เเยกจากก็ต้องตายจาก
เคยโดนทรยศจากคนที่ยอมสละชีวิตให้ได้ มันเป็นความรู้สึกที่สุดจะทน

ขอบคุณที่มาพิมพ์ให้อ่านครับ

 

ความคิดของผมมันก็แล้วแต่ยุคสมัยนะครับ สมัยที่ผู้ชายสามารถมีแฟนหลายคนได้และโลกยอมรับในตอนนั้นนางแก้วก้จะยอมรับเอง หรือถ้าเป็นประเพณีที่สืบๆกันมาให้มีแฟนหลายคนนางแก้วก็คงไม่ขัดข้อง แต่ถ้าสมัยที่ต่างคนต่างเข้าใจว่า ไม่ควรมีหลายคนถ้ามีมันก็น่าคิดนะครับแสดงถึงจิตที่ไม่ค่อยมั่นคง และควรสงสารคนที่เขารักเราที่จะอยู่กับเรา ถึงจะเป็นคนที่ตกลงกันจะแต่งงานกับเราก็ไม่ควรทำเหมือนเดิมครับ นอกจากเลิกกันแล้วนั้นก็เป้นอีกเรื่องนึง โดยเฉพาะนางแก้วผู้ที่มีคุณต่อพระโพธิสัตว์แล้วยิ่งควรเห็นใจเค้านะครับ เพราะเค้าจะไปนิพพานยังง่ายกว่าที่จะมาทนทุกข์กับเราแล้วยังมาโดนพระโพธิสัตว์ทำให้เป้นทุกข์อีก ดูแล้วก็น่าคิดนะครับ
ผมก็เป้นคนเจ้าชู้นะแต่ผมก็คิดว่าไม่น่าจะทำอย่างนั้น สาธุ แสดงความคิดแรงไปหน่อยคงมิว่ากานนะครับ
ถ้าผมเปงผู้ชายคนนั้นรู้ว่าแฟนตัวเองที่จะแต่งงานด้วยไปทำยังงั้นก็ไม่รู้จะทำยังไงพูดมิออกเหมือนกัน..เหอๆๆ

 

ขออภัยที่ไม่ได้เข้ามาตอบเลยนะคะ เพราะไปต่างจังหวัดหลายวันเรื่องหาที่ปลูกข้าวไว้กินเอง เพิ่งกลับมากรุงเทพฯวันนี้ค่ะ ไม่คิดว่าจะเข้ามาคุยกันเยอะขนาดนี้

คุณ ครุกแชง ไม่ต้องซีเรียสเรื่องนี้หรอกค่ะ ก็อย่างที่พี่ tamsak บอกนั่นแหละ บางครั้งเราไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของคนอื่นจริงๆว่าลึกๆแล้วเขามีที่มาอย่างไร ถ้าอ่านดูแล้วจะรู้สึกแบบนี้ก็ไม่ผิดค่ะ เพราะข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้เล่ารายละเอียดทั้งหมด เป็นอันว่าฟังเอาเพลินๆเป็นบทเรียนก็แล้วกัน

ขอบคุณสำหรับคำเตือนจากทุกท่านค่ะ ตอนนี้ข้าพเจ้าเองก็มีความตั้งใจแล้วว่าจะหยุดเจ้าชู้แล้ว เพราะคิดว่าเจอคนที่ใช่แล้ว เลยไม่ต้องการอะไรอีก ที่เหลือคือช่วยกันประคับประคองกันไปให้ดี ถึงข้าพเจ้าจะแต่งงานแล้วแต่ก็ไม่ได้มีสัมพันธ์อะไรทางกายกับน้องเขาอีก เพียงแต่ต่างยังพูดคุยเป็นกำลังใจให้กันอยู่เสมอ โดยที่ต่างฝ่ายต่างอดทนรอภพชาติใหม่ที่ได้อธิษฐานขอได้ครองคู่กันสมใจ และต้องเป็นกำลังใจให้กันและกันเพื่อจะผ่านชาตินี้ไปให้ได้ ข้าพเจ้าเคยพูดกับน้องเขาไว้ว่า

" ด้วยอานิสงส์ที่พี่ไม่นอกใจคู่ครองในชาตินี้ ขอให้ชาติหน้าเราสองคนได้รักกันอยู่ด้วยกันสมดังใจ"

พอพูดจบ น้องเขาบอก "สาธุ"

เป็นอันว่าเราสองมีความตั้งใจจะอดทนในการอยู่ห่างกันเพื่อไม่ให้ผิดศีลข้อ 3 เพื่อสร้างเหตุปัจจัยให้เราสองคนสมหวังได้อยู่ครองรักกันในชาติต่อๆไป ทุกๆท่านสบายใจได้ค่ะ เรื่องนอกลู่นอกทางนับจากนี้ไม่มีอีกแล้ว แต่เรื่องสามีของข้าพเจ้าที่ดูว่าน่าสงสารนั้น ที่จริงเขาเองไม่มีข้าพเจ้าเขาก็สุขสบายเรื่องคู่ดี เอาเป็นว่ารู้แค่นี้ก็แล้วกันเนาะ

ขอบคุณพี่ตั้มที่มาตอบกระทู้ค่ะ พักนี้ไม่ค่อยเห็นเลย ตอนนี้เอ๋ไม่ได้ช่วยเรื่องสัมภาษณ์ลงนิตยสาร เพราะเพิ่งลาออกจากงานเก่า อยู่ในช่วงสัมภาษณ์งานใหม่ ถ้าเรียบร้อยแล้วจะกลับมาช่วยเหมือนเดิมนะคะ อย่าลืมกันน้า