สมมติว่ามีคนเห็นแสงรัศมีสีทองรอบศีรษะของผู้ปรารถนาพุทธภูมินั้น

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย คนอาภัพ, 17 เมษายน 2008.

  1. คนอาภัพ

    คนอาภัพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +31
    สมมติว่ามีคนเห็นแสงรัศมีสีทองรอบศีรษะของผู้ปรารถนาพุทธภูมินั้นด้วยตาเนื้อแม้เขาจะขยี้ตาก็ยังเห็นอยู่จะถือว่าพระโพธิสัตว์ผู้นั้นมีบารมีมากมั้ยครับมีคนพูดให้ฟังอิอิหึหึ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2008
  2. นาๆจิตตัง

    นาๆจิตตัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +412
    ไม่เห็นมีใครตอบให้.....เลย !

    ถ้ามีแสงรัศมีสีทองที่ว่า หรือสีอื่นๆก็ตาม บารมีก็ต้องมีมากพอสมควรแล้ว.....
    เคยได้อ่าน ได้ฟังมาเหมือนกันว่า พระเกจิ อาจารย์บางรูปบางองค์ ซึ่ง
    ปราถนาพุทธภูมิ มีผู้เคยเห็น ปรากฏมีแสงรัศมีออกจากตัวท่านหลายสี ฯ
    (ตามความเข้าใจแล้วนั้นรัศมี มีอยู่ 6 ซึ่งบางอย่างก็มาจากการสำเร็จกสิณ
    ต่างๆ แล้วเหมือนกัน กับการสะสมบำเพ็ญเพียรบารมีมามาก)

    มีเรื่องเล่าต่อ.....(โปรดใช้วิจารณญาณด้วย)
    ตอนที่ข้าพเจ้าพร้อมครอบครัวได้ไปปฏิบัติธรรม.......
    ข้าพเจ้าก็ฟังพระอาจารย์ซึ่งก็ยังหนุ่มอยู่เลย......
    ก็มาสอนธรรมะปฏิบัติพระกรรมฐาน ข้าพเจ้าคิดว่าตนเองปฏิบัติได้บ้างพอสมควรแล้ว
    ก็กำหนดสมาธิจิต ไปตามเรื่องตามราว ก็คิดอยากจะรู้....เกี่ยวกับเรื่องสภาวะจิต
    หรือมีอะไรต่างๆ นาๆ (ที่ข้าพเจ้าไปปฏิบัติ..นั้นเป็นแนวของที่สุดแห่งธรรม..หรือโพธิญาณ
    ใช้อาโลกกสิณเป็นกรรมฐาน) ก็คิดว่าพระอาจารย์ท่านคงมีบารมีมากพอสมควร
    ซึ่ง ดูท่าทางจะบวชไม่สึกเป็นแน่ พอคิดก็กำหนดจิตดูซะเลย (ไม่ได้คิดอยากลองหรือเช็ค
    สภาพวะจิตใครหรือว่าตัวเองเก่งหรือวิเศษวิโส อะไร) ได้เรื่องเลย............

    มีแสงรัศมีเป็นสีออกขาวนวลปนแสงสว่าง เปล่งออกโดยรอบตัว พอสมควร
    องค์อื่นมาอีก (ขณะเวลาสอน/เทศน์ เปลี่ยนองค์มาตามภาระกิจ)
    ก็มีแสงที่ว่านั้นเหมือนกัน ส่วนเปล่งออกมามากหรือน้อยก็ต่างกันบ้าง แล้วแต่...

    ตามที่เคยสนทนาธรรมกับพระภิกษุที่สนิทหรือผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิเช่นกันนั้น
    เท่าที่สังเกตดู ก็มักมีเรื่องราวน่าสนใจ ผิดแปลก แตกต่าง จากปกติธรรมดา...
    ต้องลองพบปะ พูดคุยสนทนาธรรมกันจริงๆ ก็จะเป็นการดีไม่น้อย...และได้
    อรรถรส...ธรรมะ ...ที่ไม่ค่อยมีในตำรับตำราหรือแบบแผน ก็จะทำให้เจริญในธรรม
    ได้ยิ่งๆ ขึ้นไป

    ตามที่เข้าใจแล้วนั้น.....ก็น่าจะมีเกือบทุกผู้ทุกคนสำหรับผู้ที่ปราถนาโพธิญาณ
    ส่วนจะมีมากมีน้อยหรือรัศมีกว้างไกลเพียงใด ก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลไป
    (โดยเฉพาะตอนเทศน์หรือแสดงธรรม จิตที่เมตตา จิตต้องใสบริสุทธิ์...จึงเปล่งประกาย
    หรือมีรัศมีออกแนวใส สว่าง หรือชุ่มเย็น)

    ปล. ก็โปรดใช้วิจารณญาณใคร่ครวญด้วย เรื่องบางเรื่องไม่มีเหตุหรือจับต้องพิสูจญ์ได้
    ต้องลองหรือพิจารณาเอาเอง

    ผิดพลาดหรือล่วงเกินผู้ใดเข้าก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2008
  3. lissent

    lissent เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +1,169
    ตามความคิดของดิฉันแล้วนะคะการที่พระองค์ใดที่ท่านมีแสงออกมารอบศรีษะท่านนั้นก็แสดงว่าท่านมีบารมีจากการปฎิบัติของท่านอยู่แล้วและการที่คนอย่างเราๆจะไปเห็นแสงนั้นก็ไม่ใช่ของง่ายนอกเสียจากว่าคนนั้นก็มีบุณบารมีเช่นกันจึงจะเห็นแสงได้ค่ะ
     
  4. คนอาภัพ

    คนอาภัพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +31
    เรื่องนี้มีความเป็นมาคือ ในวัดนึง มีพระหนุ่มอายุ 21 ปีบวชใหม่พึ่งจะพรรษาแรก ท่านก็ปฏิบัติธรรมของท่านไปไม่ค่อยสนใจใคร อาการของท่านรู้สึกว่าจะทำอะไรก็เฉื่อยชา จะเดินจะนั่งจะฉันข้าวทำอะไรก็ดูเฉื่อยชา แต่สายตาท่านนิ่งดี แล้วมีโยมผู้หญิงสองคนที่ไปรักษาศีล 8 อุปัฏฐากพระในวัดนั้น โยมคนนึง อายุ 52 คนนึง 38 คนที่อายุ52 นั้นรักพระหนุ่มเหมือนลูกตัวเอง เห็นพระหนุ่มนั้นทำอะไรก็เฉื่อยชา วันนึงจึงอดจะพูดไม่ได้จึงพูดขึ้น ว่า ลูกพระทำไมถึงทำอะไรเฉื่อยจังต่อไปนี้ แม่จะเรียกลูกพระว่า ลูกพระเฉื่อยนะ พอพระหนุ่มนั้นได้ยินจึงมองดูหน้าโยมนั้น แล้วคิดในใจว่า ถ้าเราจะห้ามเขาก็จะหาว่าเราไม่พอใจอาการที่เราเป็นมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ถ้าจะเตือนด้วยเห็ตุผลก็คงเป็นไปโดยยากเพราะเขาถือวิสาสะคุ้นเคยกัน ถ้าจะเฉยเขาก็เป็นคนที่มีพระคุณต่อเรา จะปล่อยไปตามกรรมก็ไม่ควร จึงคิดว่าจะทำอย่างไรดี ก็มองไม่เห็นทางใดจึงไม่รูจะทำอย่างไรจึงไปทำสมาธิต่อ พอตกตอนเย็นโยมเขาสวดมนต์เสร็จก็นั้งสมาธิต่อ พระหนุ่มนั่นก็เดินลงมาจากที่พักมาที่ศาลาเพื่อที่จะสนทนาธรรมด้วย เห็นโยมนั่งสมาธิอยู่จึงนั่งรออยู่ตรงหน้าโยม พอรอสักพักโยมก็เลิกนั่งสมาธิโยมคนอายุ 52 ก็ลืมตาขึ้นแล้วมองดูพระหนุ่มนั้นด้วยอาการตกใจ ตาโต จองมองพระหนุ่มนั่นสักพักแล้วก็ถอดแว่นตามองดู แล้วก็ขยี้ตามองดูพระนั้นโดยไม่พูดอะไรพระหนุ่มนั้นก็สนทนาธรรมสักพักแล้วก็เดินกลับที่พัก
    พอถึงตอนเช้าโยมคนอายุ 52 นั้นก็เขามาหาพระหนุ่มนั้นแล้วพูดว่า ลูกพระแม่ขอโทษอโหสิให้แม่ด้วยแม่ไม่กล้าเรียกลูกพระว่า ลูกพระเฉื่อยอีกแล้ว พระนั้นก็ทำหน้าตางง แล้วถามว่า อะไร ทำไม หรอ โยมคนนั้นจึงพูดว่า ตอนเย็นที่ลูกพระมานั่งตรงหน้าแม่นั้น แม่เห็นแสงสีทองอยู่รอบศีรษะของลูกพระ พระหนุ่มนั้นจึงว่า ตาฝาดไปมั้ย โยมนั้นตอบว่าไม่ได้ตาฝาด พระพูดว่างั้นก็อุปทาน โยมตอบว่าไม่ใช่ จะตาฝาด หรืออุปทาน ได้ยังไง ขนาดขยี้ตายังเห็นอยู่เลย พระหนุ่มนั้นจึงไม่พูดอะไรต่อ ท่านก็ปฏิบัติของท่านไปตามเดิม

    ที่ท่านดูเหมือนเฉื่อยชาเพราะท่านมีสติกับจิตดูจิตทุกขณะดูอาการของจิตทุกขณะ
    จบแล้วครับ สาธุ เหอ ๆ
     
  5. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    สถานที่วัดอุดมคงคาคีรีเขต

    คณะของพญานาค
    ท่าน ๆ บุญก็มาก บารมีก็มาก
    คำพูดนี้เคยได้เกิดขึ้นแล้วกับเรา ชาวบังบดชื่นชมยินดี พวกผมรู้สึกดีใจที่ท่านขึ้นเขามาแผ่ส่วนกุศล ให้ ทำให้ขุนเขาแห่งนี้เกิดความร่มเย็นไปทั้งขุนเขา ท่าน ๆบุญท่านก็มาก บารมีก็มาก
    ผมตามมาส่งท่าน จากบนเขา พอผมมองออกไปนอกมุ้งกลด
    เห็นชาวบังบนเต็มไปหมดนุ่งชดผ้าหม้อห้อมแบบเดียวกันทั้งหมด เดินแบบมีระเบียบเรียบร้อยเป็นทิวแถว มีหัวหน้าคณะเท่านั้นที่พูดกับผม นอกนั้นได้แต่ยิ้มและนิ่งสงบ
    เรื่องของพระที่เห็น
    เพื่อนภิกษุก็ถามเช่นกันมองเห็น รัศมีสีทองรอบศรีษะท่าน
    ก็ได้ตอบเลี่ยงไปว่า รัศมีพระจันทาบทับศรีษะพอดี
    เพื่อนภิกษุด้วยกันก็ว่าไม่ใช่ ผมเห็นแสงรอบศรีษะท่านจริง ๆ
    ตัวผมเท่านั้นที่รู้ วิชาวิมุตติได้เกิดขึ้นแล้วกับเรา
    แสงสว่างได้เกิดขึ้นแล้วกับเรา ปัญญาได้เกิดขึ้นแล้วกับเรา
     
  6. TANAKORN17

    TANAKORN17 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    41
    ค่าพลัง:
    +17
    คุณคนอาพับ......ทุกคนมีรัศมีการทั้งนั้นส่วนจะเป็นสีใดนั้นก็จะขึ้นอยู่กับ
    บุญหรือบาปที่เกาะเกี่ยวกายทิพย์อยู่ คุณเองก็สามารถมองเห็นรัศมีการของผู้
    อื่นได้หากคุณทำสมาธิจนจิตมีความละเอียดในระดับหนึ่ง มิใช่ว่าผู้มีรัศมีกาย
    ที่แสงสีสวยงามจะเป้นผู้มีบุญ ผู้เห็นก็สะสมบุญไว้สูงเช่นกันถึงได้สัมผัสรู้เห็นได้ มีจริงครับซึ่งผมเองก็เคยได้รู้จักกับท่านผู้มีความสามารถทางนี้มาแล้ว
    เป็นวิทยาศาสตร์ครับ เพราะจิตเป็นพลังงานถ้าสะสมไว้มากก็จะมีความเข้มข้น
    สูง ก็จะสัมผัสได้
     
  7. rawiphan

    rawiphan บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    วันคล้ายวันเกิดเรา วันที่ 12 ส.ค.
    กลางดึกสงัด บนเตียงนอน
    มองไปที่ปลายเตียง เห็นกายเทพ กายพรหม สามองค์
    แต่งกายแบบ ศักดิเทพ คือ การแสดงอาการกราบราบลงกับพื้นด้วยเบญจางคประดิษฐ์ จึงออกปากถามไปท่านมากราบเราทำไม ศักดิเทพที่มา พูดขึ้นว่า ได้ทราบว่าวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านผมก็มาแสดงอาการกราบคารวะ ส่วนที่ไม่อนุญาตให้เข้ามารบกวนท่านก็อยู่รอบนอก ก็เห็นจริง รอบนอกมีเทพแต่ง คาดสังวาล พระภูษาผูกด้วยด้ายทององค์ใหญ่โตเท่าพระพรหมแต่งองค์แบบเทพนาจา บรรดาเซียน ก็องค์โต ๆ เท่ายักษ์ ก็เห็นยืนอารักขา ท่านศักดิเทพ ก็ให้นึกแปลกประหลาด เทวโลก พรหมโลก เขารู้ไม่มีคาดเคลื่อน กับวันคล้ายวันเกิดของข้าพเจ้า ทั้งที่เราไม่เคยให้ความสนใจ กับประเพณีการจัดงานวันคล้ายวันเกิดเลยนะ แต่ก็ขอของใจน้ำใจไม่ตรีท่านศัดดิเทพและบริวาลของท่านศักดิเทพ ตลอดถึงเทพเจ้าเหล่าเซียนทุก ๆ องค์ ไป ก่อนท่านศักดิเทพจะกลับ ก็แแสดงอาการกราบราบลงกับพื้นด้วยเบญจางคประดิษฐ์ สามครั้งแล้วพากันค่อย ๆถอยห่างออกไป เลื่อนลอยหายไปกับว่างเปล่า
    เช้าวันใหม่ ก็มาทบทวน หลวงตามหาบัวก็มีวันคล้ายวันเกิด วันที่ 12 ส.ค. เช่นกัน
     
  8. คนอาภัพ

    คนอาภัพ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +31
    จะขอเล่าถึง สามเณรรูปนึง มีเรื่อมาว่า สามเณรนั้นอายุ 18 ปีอยู่ที่วัดป่าแห่งหนึ่ง มีอยู่วันนึงสามเณรได้ทำกิจวัตรเสร็จแล้วตามปกติที่เคยทำมา พอถึงตอนกลางคือวันนั้นเอง สามเณรได้นั่งสมาธินานพอสมควร จึงออกจากสมาธิแล้วรู้สึกเหนื่อยจึงเอนกายลงนอนพักเพื่อให้ผ่อนคลายแล้วจะนั่งสมาธิต่อ แต่ตอนนอนนั้นก็ยังทำสมาธิอยู่มีสติเช่นเดิม พอภาวนาไปได้สักพักเกิดรู้สึกว่าเหมือนกับตัวเองหลับไป จึงได้สติแล้วรีบตั้งสติภาวนาต่อ ขณะนั้นเองสามเณรนอนภาวนาอยู่นั้นก็เกิดมองทะลุเปลือกตาที่ปิดอยู่มองเห็นสภาพทั่วไปเหมือนลืมตาดู และสถานที่นั้นก็เป็นที่เดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมีสภาพเหมือนเดิมทุกอย่าง ขณะนั้นได้มองเห็นผู้ชายคนนึกกับผู้หญิงคนนึงลอยมาทางอากาศแล้วลอยลงบนพื้นเดิมมาที่ปลายเท้าของสามเณรนั้นทั้งสองคนได้กราบสามเณร 3 ครั้งต่างก็มองหน้ากันสามเณรนั้นมองดูหน้าตาของชายหญิงคู่นั้นจึงรู้ชัดว่าเป็นใคร ... พอสักพักชายหญิงคู่นั้นก็กราบสามครั้งแล้วก็ถอยออกไปแล้วลอยไปในอากาศหายไป แล้วทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติคือนอนหลับตาภาวนาต่อ เหมือนเดิม
    **สามเณรว่าไม่รู้ว่าจริงหรือไม่อาจเป็นเพียงภาพนิมิตหรือเทพนิมิตก็ไม่อาจรู้ได้ แต่คนนั้นไม่ใช่ใครอื่น คือ ในหลอง กับ สมเด็จพระเทพฯ **
    และสามเณรนั้นตอนถ่ายรูป ก็มีรัศมีเหมือนสีรุ้งพุ่งลงมาปิดบังส่วนหน้าและส่าวตัวท่านจนมองเห็นเพียงส่วนบ่าและเข่าทั้งสองข้างเท่านั้นซึ่งก็ถ่ายรูปอยู่ในศาลาและอีกรูปนึงในศาลาตอนนั่งฉันกาแฟถ่ายรูปออกมามีรีศมีสีชมพูลงมาจากอากาศมาปิดไวเช่นรูปแรก โดยที่มีพระเณรในวัดนั้นประมาณ 8 รูป ก้ไม่มีใครสักรูปที่ถ่ายออกมามีรัศมี ...
    และสามเณรก็เป็นผู้ปรารถนาพุทธภูมิด้วย...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2008

แชร์หน้านี้

Loading...