นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (แหวนปฐพีไร้พ่าย)

จุดเริ่มต้น มาเรื่องมหาลาภก่อนเลยนะครับ นอกจากว่านพญาไก่แดงที่ดีทางลาภลอย เมตตาลาภสักการะแบบสายว่านอาคม แล้ว

เราต้องยอมรับกันว่า พระสีวลี คือสุดยอดแห่งลาภ ชนิดที่ครูบาอาจารย์หลายท่านยังสอนให้สวดบทบูชาพระสีวลีกันเลย แทบทุกวัดจะมีรูปปั้นบูชาพระสีวลี


แต่.... ที่ดีที่สุด เห็นผลที่สุด คือบูชาพระธาตุพระสีวลีกัน แต่พระธาตุเราก็ รู้กันว่าเหมาะบูชากับบ้านมากกว่า (ถ้าพระธาตุของแท้นะครับ ที่ท่าพระจันทร์ผมเห็นมีเพียบ)

ทีนี้ เราจะรู้ได้ไงว่าพระธาตุเป็นของแท้ ยากอีก ของแท้ต้องงอกได้ครับ คือพระธาตุค่อยๆ ผุดมาทีละนิด ๆ คนที่บูชาขึ้นเขาเล่ามานะครับ ผมก็เคยได้มา ถวายหลวงปู่เหิรไปแล้ว

....แต่ที่หายากกว่าพระธาตุ ก็คือ ผงจากพระธาตุ ที่บางท่านเรียกว่า ผงพระเจ้า.... ไม่ใช่เอาพระธาตุไปทุบบดนะครับ ในตำราว่าไม่ควรทำ... เพราะผงพระเจ้านี้ เหมาะที่บูชาติดตัวหรือสร้างพระเครื่องโดยที่สุด

...จุดเริ่มต้นจากรู้จัก ผงพระเจ้าหรือพระธาตุพระสีวลี ก็ มาจากสมัย 30 กว่าปีก่อนละครับ อ่านจากหนังสือโลกทิพย์ มีการเผยแพร่ให้ความรู้เรื่องพระธาตุพระสีวลี และบอก ลายแทงเรื่องผงพระเจ้ากันมาด้วย

...ในหนังสืออานุภาพพระสีวลี ของนวลแสงทอง หรือท่านอาจารย์ประโพธ เปาโรหิตย์ ก็ได้กล่าววิเคราะห์ว่า ในพระเครื่องระดับตำนาน ยังมีมวลสารผงพระเจ้านี้ผสมอยู่ในเนื้อพระ...

...ทีนี้ ผมเองก็มีโอกาสได้พระสร้างจากพระธาตุพระสีวลี และเนื้อผงพระเจ้ามาด้วย หลวงปู่เหิร ท่านได้เคยเมตตาพิจารณาให้ว่า ดีมาก ๆ กระแสเย็นวูบเข้ามือเลย และเป็นมหาลาภอย่างแท้จริง

...ส่วนผู้ทรงจิตอื่นๆ ที่เคยสัมผัสกระแสให้ ก็กล่าวว่าเป็นมหาลาภ เป็นไฟเย็น รัศมีสีเหลืองทอง อันเป็นสัญลักษณ์แห่งมหาลาภ....

ต่อไปจะเล่าตำนานที่มา และการค้นหาผงนี้เกือบ 30 ปีให้ฟังครับ ... เสียดายอยู่หากชุดกายสิทธ์มหาลาภ ได้ผงนี้มาด้วย จะรุนแรงด้านลาภชนิดหลายสิบเท่าเลย

ก็ขอเริ่มชุดนี้แล้วกันครับ......

 

ตามติดๆครับ รอฟังอยู่นะครับ

 

ปูเสื่อ รอฟังของดีครับ

 

ครั้งอ่านจากหนังสือโลกทิพย์ ซึ่งเขาได้ค้นคว้ามาว่า ที่พบในประเทศไทย มี 2 แห่ง แห่งแรก เป็นถ้ำในวัดแห่งหนึ่ง ใน ภาคเหนือตอนล่าง ซึ่งหลังจากพบพระธาตุพระสีวลี และผงพระเจ้าในถ้ำ มีคนไปร่วมทำบุญกันมากและพบโชคลาภมากมาย จนมีการสร้างวิหารและนำพระธาตุพระสีวลีมาหล่อเรซิ่นเป็นองค์พระในวิหาร

เรียกว่า สร้างวัด ได้เลยทีเดียว จนพระธาตุและผงนั้นหมดเกลี้ยงเลย

หลังเวลาผ่านมานาน ผมได้มีโอกาสเจอหนังสือเก่า ๆ ในร้านขายหนังสือเก่า ก็ได้ กลับมาอ่านเรื่องพระธาตุพระสีวลีอีกครั้ง และ ได้โชคดีได้พระบูชาเป็นพิมพ์พระสังกัจจาย์ หล่อเรซิ่นข้างในเป็นพระธาตุพระสีวลี ซึ่งหลังได้มา ก็มีลาภจากการงานเข้ามาเรื่อย ๆ จนทุกวันนี้ (ปัจจุบันไว้บ้าง ตจว.ครับ เพราะไม่สะดวกในการบูชาที่พัก)

แต่ผงพระเจ้า หรือผงจากพระธาตุพระสีวลี หาไม่ได้เลย

ปลายปีที่แล้วผมได้ไปร่วมหล่อพระ นับว่าบังเอิญได้ผ่านวัดแห่งนั้นพอดี จึงได้ไปสักการะ และสอบถามท่านเจ้าอาวาส ก็ยืนยันว่า ผงพระธาตุหมดเกลี้ยงเลย จึงได้ร่วมทำบุญค่าน้ำค่าไฟไปครับ และอธิษฐาน......... ไว้




พระพุทธรูป ที่นำพระธาตุพระสีวลีหล่อเรซิ่น มีผู้ศรัทธาเป็นเจ้าภาพสร้างมาถวาย



พระบูชาที่ผมได้พิมพ์นี้ละครับ ที่ได้มาเกิดปาฏิหารย์ต่าง ๆ มากมาย ในภาพเป็นองค์ใหญ่ ที่อยู่ในวิหารที่วัดในภาคเหนือตอนล่าง





หลวงปู่ทวดสร้างจากผงพระธาตุพระสีวลี ซึ่งได้จากวัดแห่งหนึ่ง ถามว่ามีคนนำมาถวาย ผงพระธาตุได้จากในถ้ำ แต่ ถ้ำใดที่วัดไม่ทราบชัด หลวงปู่เหิรพิจารณาแล้วว่าแท้ พลังเย็นมหาลาภ

 

วิเคราะห์ พิจารณาเรื่องพระธาตุ.... พระบรมสารีริกธาตุ

จากที่ได้ นำพระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุไปถวายหลวงปู่เหิร ได้สอบถามหลวงปู่ ซึ่งยอมรับว่าพระธาตุที่ได้มาเป็นของมีอานุภาพ มีพุทธบารมี และความศักดิ์สิทธิ์จริง

ท่านกล่าวว่า หากมีกระแสพุทธบารมีของพระพุทธเจ้าเรียกว่า พระบรมสารีริกธาตุ

หากมีกระแสของพระอรหันต์เจ้า เรียกว่าพระธาตุ

ทีนี้ ผมก็อดสงสัยไม่ได้ ว่า พระธาตุต่าง ๆ ที่พบในถ้ำ หรือที่ว่า เนรมิต มาจากปาฏิหารย์เช่นที่เราได้ยินว่า เสด็จมาเอง เพิ่มจำนวน ลดจำนวนเองได้ (ไม่ได้เห็นกับตาไม่ได้อัดคลิป หรือเห็นคลิป ก็ว่าเล่นกลได้อีก) ทำไมเยอะจัง

ตามที่เราทราบกันพื้น ๆ ว่า พระธาตุมาจากกระดูกของผู้ทรงธรรม แล้วแปรสภาพดังเช่นที่เราเห็นในภาพ ของพระอริยหลายท่านมรณภาพ ผู้นำอัฐิธาตุไปบูชาจะเห็นปาฏิหารย์ว่า แปรสภาพ หรือมีผลึกแก้วใส บางท่านออกสีหยก เราก็นับถือว่า ท่านสำเร็จแล้ว เป็นพระธาตุแล้ว

ครูบาอาจารย์หลายท่านที่สอบถาม เห็นตรงกันว่า พระธาตุหรือพระบรมสารีริกธาตุ เกิดจาก 2 ที่มาหลัก ๆ

1. เกิดจากหรือแปรสภาพจากอัฐิธาตุโดยตรง นี่ชัดเจน หากเป็นของพระพุทธเจ้าก็ อยู่ตามเจดีย์ใหญ่ ๆ เช่นที่ศรีลังกา หรือตามตำนานในไทยก็เช่นพระธาตุพนม

2. เกิดจากเทพนิมิตร ที่เราเรียกว่าพระธาตุเทพนิมิตร คือเสด็จมาเอง ส่วนใหญ่พบจากการบูชาของผู้ปฏิบัติธรรม หรือครูบาอาจารย์ระดับสูงอัญเชิญมา ซึ่งก็มีอานุภาพเช่นกัน

ไม่นับของไม่จริงนะครับ หากไปตรวจพลังเดี๋ยวว่า ปรามาสอีก

ทีนี้ พระธาตุพระสีวลี ที่พบในหลาย ๆ ที่ หากจะบอกว่ามาจากกระดูกพระสีวลีคงไม่น่าใช่ เมื่อครูบาอาจารย์ที่ผมนับถือ พิจารณาแล้วกล่าวว่า เกิดจาก บารมีครูบาอาจารย์ในสายพระสีวลีไปปฏิบัติในถ้ำเหล่านั้นแล้ว อัญเชิญบารมีมา เพราะ พิจารณาได้ว่า แม้พระพุทธเจ้า ยังไม่ได้มีแค่พระองค์เดียว ดังนั้น พระสีวลีเช่นกัน ย่อมมีครูบาอาจารย์สืบสาย หรือเด่นในด้านลาภหลายองค์ได้เช่นกัน เมื่อไปปฏิบัติธรรมในถ้ำ กระแสบารมีของพระอรหันต์ระดับสูงแผ่ไป สภาพในถ้ำ ย่อมแปรเปลี่ยนไปได้เช่นกัน ก่อเกิดเป็นพระธาตุพระสีวลี และผงพระเจ้า หรือผงพระธาตุพระสีวลี....

 

โดยสรุป เมื่อผงพระเจ้าที่ผมตามหา ไปถึงสถานที่แรกที่ เขาชี้ทางกันว่า มีผงพระธาตุพระสีวลี หรือผงพระเจ้านั่นละครับ หมดเกลี้ยง ไม่เหลือแล้ว ... ผมก็ทำบุญค่าน้ำค่าไฟไป แล้วอธิษฐานในวิหารไว้.....

ก็เหลืออีกสถานที่หนึ่ง แต่พยายามตามหายังไงก็ไม่พบครับ ก็ต้องลุ้นกันต่อไป จะให้ตะไบบดหลวงปู่ทวดผงพระธาตุก็คงทำใจไม่ได้ 555 มีน้อยไป

หลังจากอธิษฐานไว้หลายเดือน คำอธิษฐานก็เป็นจริง หลังปีใหม่ ก็ได้มาจากอีกสถานที่หนึ่ง ตามที่ตำราบอกมา.....

ในหนังสืออานุภาพพระสีวลี ของ ท่านอาจารย์ประโพธ เปาโรหิตย์ ได้เล่าถึงการตามหาผงพระธาตุพระสีวลี ตามลายแทงที่กล่าวถึงสถานที่แห่งหนึ่ง และได้นำผงนี้มาสร้างพระเครื่องจนเกิดปาฏิหารย์มากมายเป็นน่าอัศจรรย์ (เรื่องในหนังสือมาจากความจริง 70 % ครับ ตัวหนังสือผมเก็บไว้บ้าน ตจว.)

หนังสือนี้ผมได้ทำหายไป ตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ ต่อมา มาพบร้านหนังสือเก่าก็ได้กลับมาครองครองอีกครั้ง...

เป็นสถานที่เดียวกันเลยครับ ...




ส่องเนื้อผงละเอียดจะเห็นประกายระยิบระยับสะท้อนแสง


พระธาตุพระสีวลีองค์เล็ก ๆ หลังการร่อนผง

 

ประวัติพระสีวลีเถระเจ้า
พระสีวลี เป็นโอรสของพระนางสุปปวาสา ราชธิดาแห่งโกลิยนคร ตั้งแต่ท่านจุติลงถือปฏิสนธิในครรภ์ของพระมารดา ได้ทำให้ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระมารดาเป็นอันมาก ท่านอาศัยอยู่ในครรภ์ ของพระมารดา นานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน ครั้นเมื่อใกล้เวลาจะประสูติ พระมารดาได้รับทุกขเวทนาอย่างแรงกล้า พระนางจึงขอให้พระสวามีไปกราบบังคมทูลขอพร จากพระบรมศาสดาและพระพุทธองค์ตรัสประทานพรแก่พระนางว่า:

“ขอพระนางสุปปวาสา พระราชธิดาแห่งพระเจ้ากรุงโกลิยะ จงเป็นหญิงมีความสุข
ปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชโอรสผู้หาโรคมิได้เถิด”

ด้วย อำนาจแห่งพระพุทธานุภาพ ทุกขเวทนาของพระนางก็อันตรธานไป พระนางประสูติพระราชโอรสอย่างง่ายดาย ดุจน้ำไหลออกจากหม้อ พระประยูรญาติทั้งหลายได้ขนานพระนามพระราชโอรสของพระนางสุปปวาสาว่า “สีวลีกุมาร”

เมื่อท่านอุปสมบทแล้วปรากฏว่าท่านเป็นพุทธสาวกที่มีลาภสักการะมากมาย ด้วยอำนาจบุญบารมีของท่านที่สั่งสมมา ลาภสักการะเหล่านี้ได้เผื่อแผ่ไปยังพระสงฆ์สาวกท่านอื่น ๆ ด้วย แม้พระบรมศาสดาเมื่อทรงพาหมู่ภิกษุสงฆ์เสด็จทางไกลกันดาร ถ้ามี พระสีวลี ร่วมเดินทางไปด้วย ความขาดแคลนอาหารและที่พักอาศัยในระหว่างทางก็จะไม่เกิดขึ้นแก่หมู่ภิกษุ สงฆ์เลย เช่น....

สมัย หนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จำนวน ๕๐๐ รูปไปเยี่ยมพระเรวตะผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง ๒ แพร่ง พระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า.....

“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเสด็จไปทางอ้อม ระยะทางไกล ๖๐ โยชน์ มีประชาชนอยู่อาศัยมาก พระภิกษุไม่ลำบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ ๓๐ โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย มีสภาพเป็นป่าใหญ่ มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วยภิกขาจาร”

พระพุทธองค์ ตรัสถามว่า:-

“ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่?”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระสีวลีมากับเราด้วย พระเจ้าข้า”

พระพุทธองค์ ตรัสว่า:-

“ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหาร
บิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลีผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวก ตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของพระสีวลี นั้นด้วย
ได้รับยกย่องในทางผู้มีลาภมาก

ด้วย อำนาจบุญที่ท่านพระสีวลี ได้บำเพ็ญสั่งสมอบรมมาตั้งแต่อดีตชาติ เป็นปัจจัยส่งผลให้ท่านเจริญด้วยลาภสักการะ โดยมีเทพยาดา นาค ครุฑ และมนุษย์ทั้งหลาย นำมาถวายโดยมิขาดตกบกพร่อง ไม่ว่าท่านจะอยู่ในที่ใด ๆ ในป่า ในบ้าน ในน้ำ หรือบนบก เป็นต้นด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์ จึงทรงประกาศให้ปรากฏในหมู่พุทธบริษัทตรัสยกย่องท่านในตำแหน่ง เอคทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง ผู้มีลาภมาก นับว่าท่านพระสีวลีเถระเป็นพระมหาสาวกอีกรูปหนึ่งที่ได้ช่วยกิจการ พระศาสนา แบ่งเบาภาระของพระบรมศาสดาเป็นอย่างมาก ท่านดำรงอายุสังขารโดยสมควรแก่กาลเวลาแล้วก็ดับขันธปรินิพพาน

ที่มา

https://www.gotoknow.org/posts/254662

 

ประสบการณ์ที่ผมพบ เองโดยตรง ก็เป็นแนวทางบุญฤทธิ์ อานุภาพแนวทางพุทธคุณละครับ คือมีผู้นำลาภทางการงานมาให้ สม่ำเสมอมาจนทุกวันนี้ เรียกว่า บูชาพระบูชามายาวนาน

ลาภสักการะในทางสายพระ คือลาภที่เราต้องออกแรงนะครับ 555 ไม่ใช่แบบทางอาคม คือถ้าเราไม่ทำก็อดครับ ในแนวทางพระ ผมเรียกว่าลาภประจำ

แต่ก็ต้องมีครับ

ครั้งสร้างลูกอมกายสิทธิ์มหาลาภ จากว่านพญาไก่แดง ผมเสียดายที่ผมยังหาผงพระเจ้านี้ไม่ได้ ไม่งั้นจะครบเลย ทางบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์ เรียกว่า ลาภประจำ ลาภลอย ครบเลย

แต่ครั้งนี้ เมื่อ มีผู้สอบถามด้านเสน่ห์ จึงเครียดเลย เมื่อสอบถามที่ที่ปรึกษาและ ผู้รู้ท่านอื่นที่เก่งเสน่ห์แบบไม่ต้องอวดใคร ก็ทราบว่า มี อีกทั้งผงพระเจ้านี้ไม่ได้มาจากอัฐิธาตุโดยตรง สามารถนำมารวมกับ สายเสน่ห์ได้

เรียกว่า มีลาภ มีเสน่ห์ ครบ ไม่ลำบากแน่ เพราะหากมีเสน่ห์แต่จน ก็จบ....


แต่ปัญหา เสน่ห์แบบไหนที่แรง แบบไม่มีพรายและไม่มีผลเสีย เพราะตามประสบการณ์หลายท่าน รวมทั้งผมและผู้มีขุนแผนเป็นร้อย ๆ องค์คงทราบดี ว่า หายาก ๆ ๆ ผมเองกว่าจะพบของจริง ก็ เปลืองเงินไปเยอะเช่นกัน

แต่...ใช่ว่าจะไม่มี...

 

ติดตามครับ

 

ด่านแรกผ่านแล้วครับ เหลืออีกด่าน เราต้องตีให้แตก

ด่านต่อไป คือ ด้านเสน่ห์...............

 

ตามแนวทางของ ครูบาอาจารย์มีหลักอย่างหนึ่ง คือ การจัดกระแสพลัง และการเสก

ไม่ใช่มวลสารมีอะไรใส่หมด ๆ ไม่ใช่ครับ หากจัดกระแสพลังดี เสกก็เสกง่าย ได้ตรงวัตถุประสงค์

ชุดลองพิมพ์ ยังมวลสารไม่ครบ ว่านพญาไก่แดงใส่ไปนิดเดียว รอมวลสารอื่น ๆ ครับ จะได้ใส่เป็นขวด ๆ ไปเลย

ท่านให้เหตุผล ในชุดนี้ว่าจะมีแต่เสน่ห์อย่างเดียวไม่ดี ต้องมีด้านติดต่อการงาน สะกดใจคน และ ดึงจิตด้วย

คำว่าดึงจิต เป็นอย่างไร รอประมาณปลายเดือนนี้จะทำความเข้าใจละเอียดครับ ต้องนัดคุยกับท่าน แบบตัวต่อตัวเลย รวมทั้งวิธีใช้และสรรพวิชาแบบพิสดารด้วยครับ

และปิดท้ายคือการเสก แบบพิสดารด้วย แน่นอน ต้องฆราวาสเสกครับ หรืออาจมี surprise ที่คาดไม่ถึง .......................

 

ผลด้านการสะกดใจนี่คล้ายๆกับมหาละลวยไหมครับ

 

มีเสน่ห์แต่จนเห็นภาพเลย

 

ผมยังไม่เคยพบมหาละลวยจริงๆ เลยครับ แต่ฤทธิ์ที่จะมีเหมือนหลงงมงายเลยครับ

แบบติดตาติดใจ นึกถึงตลอด สะกดได้ทั้ง ญ ช

 

เก็บตังค์ ตั้งตารอครับ

 

ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ

 

ผงพระธาตุ ที่ผมพบมา มีหลายชนิดนะครับ ดังที่พบ ผงพระธาตุพระกัสสป เคยได้จากถ้ำแถวชัยภูมิ ผงพระธาตุพระปัจเจก ก็มี แต่ผมไม่ได้สนใจมาก เพราะแนวพุทธคุณมากเกินไป

การจะรู้ว่าเป็นผงพระเจ้าพระธาตุชนิดใด ต้องพบพร้อมพระธาตุวรรณะลักษณะตามตำราว่า เป็นพระธาตุของพระสาวกท่านใด ถ้าครูบาอาจารย์ระดับสูงก็ ดูจากวาระจิตท่านเลย

อานุภาพ ก็สุดจะประมาณได้ครับ เพราะยุคปัจจุบันคงหาสุดยอดเท่าพระอรหันต์สมัยพุทธกาลได้ยาก

 

ขณะนี้ รอครูบาอาจารย์ตั้งขันธ์บอกกล่าว เพื่อนำมวลสารเสน่ห์มาอีกทีครับ รอฤกษ์งามยามดี ช่วงนี้ข้างขึ้น ทำได้อยู่

ท่านให้เหตุผลว่า จะเอาแต่เสน่ห์ ก็ไม่ดี ลำบากจนอีก ถ้ารวมมหาลาภได้จะดีพร้อม

เรื่องเสน่ห์ ที่ปรึกษาครูบาอาจารย์มา พบมา ดังนี้

1.มีติดตัวแต่กำเนิดตามวาสนาเก่าครับ ดังที่จะยกตัวอย่างมาดังนี้

เรื่องบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ เป็นหนุ่มเสน่ห์แรง เพราะเคยอธิษฐานเอาไว้ในอดีตชาติ

ผู้ชายบางคนมีเสน่ห์แรงมาก ใครเข้าใกล้แล้วก็มีอันต้องรักใคร่ แม้จะเป็นการพบกันเป็นครั้งแรกก็ตาม เขาเรียกว่าบุพเพสันนิวาส คือเคยรักใคร่ชอบพอกันมาแต่ปางบรรพ์ หรือเคยอธิษฐานจิตร่วมกันมาก่อน แต่ในกรณีของนายแขมกะนี้ เขาเคยประกอบกุศลกรรมและได้อธิษฐานจิตเอาไว้ เขาก็จึงเสวยผลจากคำอธิษฐานจิตนั้น และคำอธิษฐานจิตของเขาก็เป็นต้นแบบ ให้พวกผู้ชายเจ้าชู้ในปัจจุบัน นำมาใช้เป็นคาถาอาคม เสกเป่าให้ผู้หญิงรักใคร่หลงใหล

เรื่องนี้ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็น เมื่อคราวที่พระศาสดา ประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุตรเศรษฐีชื่อเขมกะ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า จตฺตาริ ฐานานิ เป็นต้น


ในอรรถกถาพระธรรมบทเล่าเรื่องนี้ไว้ว่า นายเขมกะ นอกจากจะมีชาติตระกูลดี ก็ยังเป็นชายหนุ่มรูปหล่อ เป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ทั้งหลาย ซึ่งแต่อนงค์นางต่างยินยอมพร้อมใจพลีร่างมีเพศสัมพันธ์กับนายเขมะคนนี้ทั้งนั้น นายเขมกะเองก็ชอบเรื่องแบบนี้ด้วย จึงได้ประกอบกิจกรรมที่เรียกว่า “ปรทารกรรม”(เป็นชู้กับภรรยาของผู้อื่น) อยู่เป็นอาจิณ

พวกเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเคยจับนายเขมะในข้อหาเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่นและนำตัวไปถวายเจ้าปเสนทิโกศลถึง 3 ครั้ง แต่พระราชาทรงมีรับสั่งให้ปล่อยตัวไปทุกครั้ง เพราะว่านายเขมะผู้นี้เป็นหลานของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระราชาจึงมีความเกรงใจ เมื่อท่านเศรษฐีทราบเรื่อง ก็ได้นำตัวนายเขมกะเข้าเฝ้าพระศาสดา และกราบทูลว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดแสดงธรรมแก่นายเขมกะนี้”

พระศาสดาทรงแสดง สังเวคกถา (คำที่ชวนให้เกิดความสลดใจ) และเมื่อจะทรงแสดงโทษในการเสพสมเป็นชู้กับภรรยาของคนอื่น ได้ตรัสพระธรรมบท พระคาถานี้ว่า

จตฺตาริ ฐานานิ นโร ปมตฺโต
อาปชฺชตี ปรทารูปเสวี
อปุญฺญลาภํ นนิกามเสยฺยํ
นินทํ ตติยํ นิรยํ จตุตฺถํ
อปุญฺญลาโภ จ คตี จ ปาปิกา
ภีตสฺส ภีตาย รตี จ โถกิกา
ราชา จ ทณฺฑํ ครุกํ ปเณติ
ตสฺมา นโร ปรทารํ น เสเว.

นระผู้ประมาท ชอบเสพภรรยาของคนอื่น
ย่อมถึงฐานะ 4 อย่าง คือ
การได้สิ่งที่มิใช่บุญ(เป็นที่ 1)
การนอนไม่ได้ตามความปรารถนา(เป็นที่2)
การนินทาเป็นที่ 3 นรกเป็นที่ 4
ได้สิ่งมิใช่บุญอย่าง 1
คติลามกอย่าง 1
ความยินดีของบุรุษผู้กลัว กับด้วยหญิงผู้กลัว มีประมาณน้อยอย่าง 1
พระราชาย่อมลงอาชญาอันหนักอย่าง 1
เพราะฉะนั้น นระไม่ควรเสพภรรยาของคนอื่น.

เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง นายเขมกะ บรรลุโสดาปัตติผล ตั้งแต่นั้นมา มหาชนนอนตาหลับ ไม่ต้องหวาดระแวงว่านายเขมกะจะแอบมาเป็นชู้กับภรรยาของพวกตนอีกต่อไป


พระคัมภีร์อรรถกถาธรรมบท ยังได้เล่าถึงบุรพกรรมของนายเขมะว่า ในสมัยของพระพุทธเจ้าพระนามว่ากัสสปะนั้น นายเขมะเป็นนักมวยที่เก่งที่สุด และมีความเข้มแข็งมาก ได้ยกธงทอง 2 แผ่นขึ้นไว้ที่สถูปทองคำของพระกัสสปพุทธเจ้า แล้วตั้งความปรารถนาว่า “เว้นหญิงที่เป็นญาติสาโลหิตเสีย หญิงที่เหลือเห็นเราแล้วจงกำหนัด” (ฐเปตฺวา ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชนฺติ ) เพราะฉะนั้น เมื่อเขาไปเกิดในภพชาติใดก็ตาม หญิงคนใดได้เห็นเขาแล้ว หญิงคนนั้นก็จะเกิดความหลงใหลในความมีเสน่ห์ของเขา จนคุมสติคุมอารมณ์อยู่มิได้

(หมายเหตุ คำอธิษฐานของนายเขมกะที่เป็นภาษาบาลีว่า ฐเปตฺวา ญาติสาโลหิติตฺถิโย อวเสสา มํ ทิสฺวา รชนฺติ (อ่านว่า ถะเปดตะวา ยาติสาโลหิติดถิโย อะวะเสสา มัง ทิดสะหวา ระชันติ) นี้ได้กลายเป็นมนต์สร้างเสน่ห์วิเศษ ที่พวกหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่ต้องการสร้างเสน่ห์ให้แก่ตัวเองนำไปท่องบ่นภาวนา)

ที่มา
https://sites.google.com/site/dhammatharn/km-mu-na-wt-ti-lo-ko/hnum-senh-raeng

ผมเองก็เคยพบเพื่อนแบบนี้นะครับ หน้าตาก็ดี สาว ๆ ติดเพียบไม่ต้องใช้ของดีอะไร พอไปถามเคล็ดลับ มันบอก "เราว่าเรารู้ใจ ญ"

อีกทั้ง โอกาสด้วยละครับ โอกาสพบปะผู้คนมาก ๆ เวลามาก ก็จะเพิ่มโอกาสในเรื่องแบบนี้ได้

2. อันนี้ยุคปัจจุบันคงทราบกันดี คือมีเงินนะครับ 555 และหน้าที่การงานดี อย่างเพื่อนผมอีกคน ได้ลูกอมกายสิทธิ์มหาเดชไป ผมบอกแล้วว่าเสกเสน่ห์มาด้วย มันก็ว่าจริง ได้ไปมี ญ เข้าหาหลายคน แต่อาจเพราะหน้าที่การงานเขาดีด้วยละครับ

3.หน้าตาคารมดี

...การใช้วิชาอาคมซึ่งก็ได้ผลเร็ว อย่างเช่นใส่อาหารไปเลย แต่ก็มีผลเสียพิษตกค้างของคนที่ได้กินเข้าไป ผู้รู้บอกว่า ต้องเติมบ่อยๆ ไม่ให้ อำนาจฤทธิ์เสื่อมถอยลง

รายละเอียดพวกนี้เดี๋ยวรอ ข้อมูลให้มากกว่านี้ก่อนครับ

 

สาธุ
รอๆๆๆๆ

 

พระธาตุพระสีวลีแท้ ๆ นั้น มีวรรณะหลัก ๆ จะเป็นแบบนี้นะครับ และมีคุณลักษณ์พิเศษคืองอกได้ การงอกจะค่อยๆ งอกตามผิวเนื้อออกมานะครับ ท่าพระจันทร์มีเพียบแต่ของจริงหรือไม่ ไม่อาจทราบได้นอกจากผู้มีฌานสมาธิสัมผัสเอา 55

วรรณะที่ครูบาอาจารย์บอกมีอานุภาพสูงที่สุด คือ ผิวเนื้อส่องประกายระยิบระยับท่านเรียกว่า พระธาตุวรรณะแสงเพชร ในเนื้อลองพิมพ์ที่ ผมทำขึ้น 2 องค์ผู้ได้ไป บอกแล้วว่า ส่องกล้องแล้วระยิบระยับจริง



ผงพระธาตุที่มองด้วยตาเปล่านะครับ



ส่องกล้องขยายดูผงพระธาตุแบบชัดเจนจะเห็น เนื้อผงเป็นตามสูตรที่ปรึกษาบอกเลย ว่าเป็นใย ๆ ซึ่งครูบาอาจารย์บอก ต่อไปผงนี้จะจับตัวเป็นก้อนพระธาตุ

สรุป ผงพระเจ้าที่บอก ไม่ใช่มาจากการนำพระธาตุบดนะครับ ตำราบอกไม่สมควรทำอย่างยิ่ง เกิดผลร้ายตามมา

อานุภาพตามที่ QC บอก พระธาตุนั้น เหมาะแก่การบูชาที่บ้านตามผมคาด คือกะแสพลัง แนวสงบร่มเย็น ชัดเจนไม่ออกกระแสดึงดูด แต่อานุภาพของผงพระเจ้า จะดึงดูดคนลาภสักการะชัดเจนกว่า จึงเหมาะแก่การสร้างวัตถุมงคลที่สุด