คณะสงฆ์หวั่น ตัดไข่มาบวช

คณะสงฆ์หวั่น 'ตัดไข่'มาบวช

<TABLE height=34 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=780 border=0><TBODY><TR><TD style="PADDING-LEFT: 30px">http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=84759

คณะสงฆ์หวั่น 'ตัดไข่'มาบวช [3 เม.ย. 51 - 04:33]​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

<TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width=780 border=0><TBODY><TR><TD align=middle><TABLE class=text cellSpacing=0 cellPadding=15 width="85%" align=left border=0><TBODY><TR><TD>กรณีที่บรรดาตุ๊ด แต๋ว กะเทย วัยกระเตาะ แห่ไป “ตัดไข่” ทิ้ง จนกลายเป็นแฟชั่นฮิต สร้างความวิตกกังวลแก่บรรดาผู้ปกครองบรรดาตุ๊ดแต๋ววัยกระเตาะเหล่านี้ว่าอาจมีอันตรายต่อชีวิต ล่าสุดความวิตกกังวลดังกล่าวก็ส่งผลถึงคณะสงฆ์เช่นกัน ทั้งนี้ พระเทพวิสุทธิกวี เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เปิดเผยเมื่อ 2 เม.ย. ว่า คณะสงฆ์ได้มีการหารือเป็นการภายใน ถึงกรณีที่วัยรุ่นพวกเพศที่ 3 ที่นิยมตัดอัณฑะ เพื่อลดฮอร์โมนเพศชาย และทำให้สวยเหมือนผู้หญิงมากขึ้น เกรงว่า เมื่อคนกลุ่มนี้ตัดอัณฑะไปแล้ว มองภายนอกจะยังคงเป็นผู้ชายอยู่ เมื่อไปบวชเป็นพระ พระอุปัชฌาย์ดูไม่ออก อนุญาตให้บวชได้ จะส่งผลให้เกิดความเสื่อมเสียในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นการผิดวินัยสงฆ์ เนื่องจากคนที่ตัดอัณฑะก็เหมือนการถูกตอน คนที่ถูกตอนจะเป็นผู้ชายที่มีคุณสมบัติไม่ครบที่จะบวช หากบวชไปแล้วก็จะถือว่าเป็นพระสงฆ์ที่ไม่สมบูรณ์อยู่ดี

“การที่คนกลุ่มนี้ไปบวช และ หลอกพระว่ายังเป็นผู้ชายอยู่ จะเป็นบาป เมื่อทางวัดมารู้ในภายหลังว่าพระ รูปนั้นไม่ได้เป็นผู้ชาย ก็จะโดนจับสึกทันที ไม่ได้ต้องการกีดกันคนกลุ่มนี้มาบวช แต่อยากให้ระลึกว่า การบวชพระ ก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่วางไว้ คณะสงฆ์คงหามาตรการมาแก้ในเรื่องดังกล่าวไม่ได้ เพราะยากแก่การตรวจสอบ คงทำได้ทางเดียวคือ หากทราบเมื่อใดว่าพระรูปใด มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศก็คงต้องขอให้สึก อีกทั้งบางครั้งพระอุปัชฌาย์ ก็ลำบากใจ บางครั้งทราบอยู่แล้วว่าคนที่จะมาบวชเป็นเพศที่สาม แต่ครอบครัวของคนที่มาบวช เป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ก็ต้องยอมให้บวช เพราะหากไม่ยอมให้บวช พระอุปัชฌาย์ก็จะอยู่ไม่ได้ นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าจำนวนพระตุ๊ด พระแต๋ว มีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงอยากให้พระสังฆาธิการ และพระอุปัชฌาย์มีความเข้มงวดเพิ่มมากขึ้นด้วย ​

​

ด้านนายอำนาจ บัวศิริ ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กล่าวว่า จริงๆแล้วหากพระอุปัชฌาย์ไม่แน่ใจในตัวผู้ที่มาขอบวชก็สามารถขอให้หมอตรวจได้ เพราะตามพระวินัยนั้นหากผู้ขอบวชมีอวัยวะไม่ครบ ก็ไม่สามารถบวชได้ และหาก พระอุปัชฌาย์อนุญาตให้บวชก็จะมีความผิดด้วย ทั้งนี้คนที่เป็นเพศที่ 3 ที่สนใจพระพุทธศาสนาสามารถที่จะบวชได้ แต่ต้องเป็นการบวชพราหมณ์ รวมทั้งยังสามารถปฏิบัติธรรมได้ ขณะเดียวกัน ตอนนี้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กำลังจัดทำแผ่นซีดีบันทึกขั้นตอน วิธีการ ในการบวชพระ ซึ่งจะมีการระบุไว้ด้วยว่าคนที่จะสามารถบวชได้จะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับคนที่จะมาบวชเป็นพระด้วย​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

พระหน้าขาว

(||) อดทน คือ พระพุทธ
บริสุทธิ์ คือ พระธรรม
งามขำ คือ พระสงฆ์
อนุโมทนา สาธุ

 

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" UNSELECTABLE="on" width="100%"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">กรรมใดใครก่อกรรมนั้นถึงตัว
ที่เขาทำแบบนั้นก็ไม่รู้จะช่วยเขาได้ไม เพราะบวชไปแล้วไปทำแต่บาปและอกุศลไม่รู้ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นอะไร

แต่ก็ขอโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยที่นำเรื่องดีๆ ภัยพระพุทธศาสนาให้ชาวเว็ปพลังจิตได้อ่านกัน สาธุ
</TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ส่วนมากจะโดนพ่อแม่บังคับมากกว่าอ่ะครับ อ้างว่าบวชตามประเพณี กลัวว่าไม่ได้เห็นชายผ้าเหลืองลูกจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์

 

งูขาว

พุทธะเอ่ย........พุทธะ เป็นของกลางๆจริงแท้ ไม่มีเลือก ไม่มีแบ่ง ไม่พาลใคร ไม่ยึดมั่น ไม่มีเพศ ไม่มีกาลเวลา " พระ" อยู่ที่พุทธะ "บวชไม่ได้...ก็บวชจิตเลย" ขอเหล่าจิตแห่งพุทธะทั่งหลายไม่ว่าท่านจะอยู่ในรูปสมมุติใดๆ ทั้งรูปธรรม ทั้งนามธรรม ขอมุ่งเอาตรงนี้ เรื่องของสมมุติ ถกเทียงไม่สิ้นสุด แลวิมุตสุดแท้ที่จิตหนอ ให้ใจเป็นผู้รู้ ผู้ปฎิบัติ และเป็นผู้สำเร็จ เป็นล้านๆธรรมขัน ก็ลงที่จุดนี้คือเดิม ....................งูขาว

 

ชาติที่แล้วไปตอนหำชาวบ้านมามาก แล้วเลยโดนตอนในชาติปัจจุบัน อีกอย่างเศษกรรม ข้อ สามตามมาเล่นงาน ไม่ปีนต้นงิ้วไม้แหลมก้บุญโขแล้ว

 

"กะเทย"หรือ"บัณเฑาะก์"เป็นบุคคลต้องห้าม ห้ามบวชเด็ดขาด

"บัณเฑาะก์" มาจากคำว่า "ปณฺฑก" หมายถึง ผู้ที่มีเครื่องหมายของบุรุษหรือสตรีเพศขาดตกบกพร่องไป หรือที่เราท่านทั้งหลายเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า "กะเทย" ซึ่งแบ่งออกเป็น ๕ จำพวก ได้แก่
๑) นปุงสกบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่ไม่ปรากฏเพศ (คือ มีรูปร่างลักษณะสัณฐานเป็นชาย แต่ไม่มีอวัยวะเพศ) มีเพียงแต่ช่องปัสสาวะเท่านั้น อีกทั้งไม่สามารถประกอบกิจได้ดั่งบุรุษเพศโดยทั่วไป (โดยจำพวกแรกนี้ เป็นการแสดงโดยตรง)
ส่วนอีก ๔ จำพวกนั้น (เป็นการแสดงโดยอ้อม) ได้แก่
๒) อาสิตตกะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่เมื่อมีความกระวนกระวายด้วยอำนาจกามราคะขึ้นแล้ว กระทำโอษฐ์กามกับบุรุษอื่น ครั้นดูดกินซึ่งน้ำอสุจินั้นแล้ว จึงระงับความกระวนกระวายลงได้ หรือเป็นไปในลักษณะที่ ตอนแรกยังไม่กำหนัดยินดี แต่เมื่อได้ดูดกินแล้วจึงเกิดความกำหนัดยินดี
๓) อุสสูยบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อได้โอกาสแอบดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน ก็พลันบังเกิดดวงจิตคิดริษยา ในขณะเดียวกัน ความกำหนัดของตนก็ระงับดับลง ประหนึ่งดั่งว่าตนได้ร่วมเสพด้วยฉะนั้น
๔) โอปักกะมิกะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่เป็นโดยการถูกตอน เพื่อไม่ให้เกิดความกำหนัดยินดี อาทิ พวกขันทีในสมัยโบราณ ผู้ซึ่งมีหน้าที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับนางสนมกำนัลในของพระมหากษัตริย์ (กะเทยจำพวกนี้ มิได้เป็นมาแต่กำเนิด)
๕) ปักขะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อเวลาข้างแรม (กาฬปักษ์) มาถึง มักเกิดความยินดี และกระวนกระวายในกามด้วยอำนาจอกุศลกรรม เมื่อถึงเวลาข้างขึ้น (ชุณหปักษ์) ความกระวนกระวายก็ระงับดับหาย หรือในบางกรณีก็เป็นไปในทางกลับกัน

อ้างอิงจาก http://th.uncyclopedia.info/wiki/บัณเฑาะก์

 

ถึงจะไม่ได้บวชก็สามารถตอบแทนบุญคุณพ่อกับแม่ได้ โดยปฎิบัติตนเป็นคนดีไม่ทำให้พ่อแม่เดือดเนื้อร้อนใจ เท่านี้ท่านก็ได้ไปสวรรค์เหมือนกัน ไม่ต้องทำให้พุทธศาสนามัวหมองอีกด้วย

 

ต่อไปนี้เป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้จะบวชได้แก่
๑.เป็นคนทำความผิด หลบหนีอาญาแผ่นดิน
๒.เป็นคนหลบหนีราชการ
๓.เป็นคนต้องหาในคดีอาญา
๔.เป็นคนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ
๕.เป็นคนถูกห้ามอุปสมบทเด็ดขาดทางพระศาสนา
๖.เป็นคนมีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ เช่นวัณโรคในระยะอันตราย
๗.เป็นคนมีอวัยวะพิการจนไม่สามารถปฏิบัติกิจพระศาสนาได้
สิ่งต่างๆ ข้างต้นจะมีเขียนถามไว้ในใบสมัครขอบวชซึ่งต้องไปเขียนที่วัดนั้นๆ <!-- #EndEditable -->

 

บุคคลที่ห้ามบวชอื่น ๆ อีก ​

ต่อมามีเหตุการณ์เกิดขึ้นในการที่ภิกษุทั้งหลายบวชให้แก่ผู้ไม่สมควร จึงทรงบัญญัติพระวินัย ห้ามบวชให้แก่ผู้ไม่สมควรต่อไปนี้
๑. กะเทย<SUP>๒</SUP>
๒. คนที่ลักเพศ (คือบวชเอาเองโดยไม่ถูกต้อง)
๓. ภิกษุที่ไปเข้ารีตเดียรถีย์
๔. สัตว์ดิรัจฉาน
๕. ผู้ฆ่ามารดา
๖. ผู้ฆ่าบิดา
๗. ผู้ฆ่าพระอรหันต์
๘. ผู้ข่มขืนนางภิกษุณี
๙. ผู้ทำสงฆ์ให้แตกกัน
๑๐. ผู้ประทุษร้ายพระพุทธเจ้าถึงยังพระโลหิตให้ห้อ
๑๑. คนมีอวัยวะ ๒ เพศ (อุภโตพยัญชนก)
ทั้งสิบเอ็ดประเภทนี้ ถ้าบวชให้แล้วรู้เข้าภายหลัง ต้องให้สึกไป.

๒. กะเทยหรือที่เรียกว่าบัณเฑาะก์ คือผู้ที่พอใจให้บุรุษเกี่ยวข้องกับตนโดยมีความรู้สึกตนเหมือนเป็นสตรี

http://www.larnbuddhism.com/tripitaka/prawinai/4.7.html

 

ขอบคุณค่ะกับความรู้ของคุณสมบัติของผู้ที่บวชได้

ถ้าเป็น "แบบนี้" ถึงจิตบริสุทธิ์ก็ไม่ควรบวช แม้ไม่มีใครรู้

 

แถวจังหวัดผม มีพระที่เป็นเจ้าอาวาสและเป็นธรรมยุติ ชอบเอาเด็กผู้ชายมานอนด้วย และระบุอายุต้องไม่เกิน 25 ปีเท่านั้น ถ้า 16 17 ชอบมาก กินข้าวเย็น ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีใครกำจัดออกไปให้พ้นได้ครับ ...

 

ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณ์ คาถา อุทาน อติวุตตกะ ชาดก อัพภูธรรม เวทัลละ แต่เธอย่อมปล่อยให้วันคืนล่วงไป ละการหลีกออกเร้นอยู่ ไม่ประกอบความสงบใจในภายใน เพราะการเรียนธรรมนั้น ภิกษุนี้เรียกว่าเป็นผู้มากด้วยการเรียน ไม่ชื่อว่าเป็นผู้อยู่ในธรรม

สมาชิกเวบพลังจิต ภีมภากร ทำเวบธรรมะ เชิญติชมได้ที่ www.watnai.org

 

บวชกายไม่ได้ ก็บวชใจดีกว่าครับ

 

ง่า... - - (พูดไม่ออก)