อิสลามบิดเบือนเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในศาสนาพุทธ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย กล่องไม้ขีดไฟ, 14 กันยายน 2018.

  1. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ว่าจะไม่พิมพ์แล้วแต่คงไม่ได้ครับ ท่านจิตยิ้มจะใช้คำว่าคลื่นไม่ได้นะครับ เพราะมันไม่ใช่ "ตน"(สภาวะของเนื้อธรรมต่างๆที่เราไปเป็นมันเช่นโกรธเราจะรู้สึกซู่ซ่าอัดแน่น) ไม่ว่าอาการใดๆก็ตามมันก็มีของมันไปแต่เราไม่ใช่มันน่ะครับ ดังนั้นจะใช้คำว่าคลื่นไม่ได้แต่เราก็รู้อยู่ว่ามันมีแต่มันไม่ใช่เรา

    ดังนั้นถ้าเราเป็นคลื่น(ยึดคลื่นความรู้สึกหรือเนื้อกายนั้นๆเป็นตน)ก็แสดงว่ายังไม่รู้นะครับ หรือไม่ท่านก็คงจะพิมพ์มาอธิบายได้ไม่ถูกต้องนั่นแหละครับ
     
  2. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    หลักสัจจธรรมมีเป็นหมื่นเป็นแสนครับ
    แล้วแต่ใครจะมองมุมไหน มันก็เป็นสัจจธรรมทั้งนั้น
    มันมีทุกศาสนาทุกลัทธิแหละครับ

    ภัยพิบัติก็ดี ผู้สร้าง ผู้ช่วยให้รอด ผู้ดูแล ผู้แก้ไข
    มันมาจากจิตทั้งนั้น ที่ยึดโยงโลกธาตุเข้าด้วยกัน
    ด้วยอำนาจแห่งการกระทำของสัตว์

    พระพุทธเจ้าถึงบอกไว้
    สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน
    เป็นทายาทแห่งกรรม
    มีกรรมเป็นกำเนิด
    มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์
    มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
    กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้

    กมฺมุนา วตฺตติโลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
     
  3. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,002
    ผมชอบที่เวลาคุณอธิบายนะครับ คุณจิตยิ้ม
    เหมือนเด็กน้อยที่คอยเจื้อยแจ้ว อธิบาย อย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์มารยา หรืออะไรแอบแฝง คือ เด็กน้อย ชอบกินไอติม พอถามทำไมชอบกินล่ะ เด็กน้อย ก็จะตอบ เพราะมันอร่อยค่ะ
    ทำไมถึงอร่อยล่ะ เด็กน้อยก็จะตอบ เลยก็มันหวานค่ะ

    นึกภาพตามแล้วอมยิ้ม :)
     
  4. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,002
    เป็นการถกธรรมมะ ที่ละเมียดครับ มันนุ่ม ลึกซึ้ง ไม่กระทบกระทั่ง ด้วยปัญญา ด้วยภูมิธรรม ด้วยสติ

    ขออนุโมทนาครับผม
     
  5. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ก็ไม่ขยาดนั้นหรอกครับ แต่ผมว่าที่ท่านจิตยิ้ม อธิบายมา มันยังไม่ใช่ หรือความจริงท่านจิตยิ้มอาจจะอธิบายไม่ได้ ด้วยเหตุจากใช้ภาษาไม่ตรงตามอาการ ซึ่งผมก็ไม่รู้เช่นกันครับว่าเพราะอะไร ดังนั้นคงต้องรอแค่ให้ท่านจิตยิ้มอธิบายใหม่ครับ
     
  6. เทวินตพรหม

    เทวินตพรหม พรหมวิหาร4มรรคมีองค์แปด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2017
    โพสต์:
    649
    ค่าพลัง:
    +1,002
    เอาน่า... รอฟังรอชม ด้วยสุนทรียธรรมขอรับกระผม :D
     
  7. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ท่านจิตยิ้มหายไปไหนแล้ว
    เห็นไปรับรองสำนักจิตจักรวาลว่าเป็นสัจจธรรม

    ทุกสำนักเขาก็ว่าเป็นสัจจธรรมทั้งนั้นแหละครับ
    ดูอย่างสำนักอนุตตธรรมนั้น
    ก็สื่อจิตมาจากพระผู้สร้าง

    พระผู้สร้างก็บอกว่าตัวเองอยู่แดนนิพพาน

    พระผู้สร้างนี้ที่สื่อจิตมายังมนุษย์
    ผมเจอมาหลายแล้วครับ

    พวกนี้เข้าใจว่าตัวเองอยู่แดนนิพพาน
    แล้วทำหน้าที่เป็นผู้สร้าง ผู้ดูแล จักรวาล

    แต่ที่จริง ดวงจิตพวกนี้ยังมีอาสวะกิเลสอยู่ทั้งนั้น
    เพียงแต่เจ้าตัวเข้าใจเอาเองว่าหมดกิเลสแล้ว
     
  8. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,859
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ในศาสนาพุทธ พระศาสดาท่านไม่พูดถึง
    พระผู้สร้างโลก จักรวาล โลกธาตุ

    เพราะท่านเข้าไปหยั่งรู้อาสวะกิเลสภายในจิต
    ของพระผู้สร้างนั่นเอง

    ที่พวกเขาเข้าใจว่าอยู่แดนโลกุตรแล้ว..
     
  9. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ไม่แปลกแยกแต่ไม่ได้เอามาเป็นอันเดียวกัน
    ไม่แปลกแยกแบบเอามารวมเป็นเรื่องเดียวกัน

    มันค่อนข้างจะต่างกันอยู๋ ผมก็มีเพื่อนที่เป็นคริส และ อิสลาม พี่เขยผมก็ค่อนไปทางศาสนาฮินดู

    ทั้ง 3 ศาสนานี้ในชีวิตจริง ผมไม่มีปัญหาอะไรๆกับใครเลยคุยกันด้วยดี

    เพื่อนอิสลาม เขาจะไม่ไหว้พระพุทธรูป เพราะมันผิด
    เพราะเขาต้องนับถือพระเจ้าเขาว่าสูงสุดมีเพียง 1 เดียว

    ทีนี้คุณว่า ต้นกำเนิดสัจธรรมมาจาก จิตจักรวาล เลยไปเป็นอันเดียวกันหมด

    ผมสันนิษฐานได้เลย ว่าคุณคงจะไม่เคยไปคุยกับคนต่างศาสนาจริงๆ ว่าในส่วนที่ไม่แปลกแยก
    นั้นคือ ต่างฝ่ายต่างเคารพในความเชื่อของแต่ละฝ่าย แต่เพียงเท่านั้น

    ตอนคุยกับพี่เขยเขาก็ว่า พระพุทธเจ้า ก็มาจากพระนารายณ์อวตาร
    ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา
    เพราะเขานับถือมาในแบบนั้น

    แต่จะไม่นำอะไรๆ มารวมว่าเป็นเรื่องเดียวกัน เป็นการยอมรับในความเชื่อต่างๆโดยไม่แปลกแยก จะไม่ใช่การ รวมศาสนาต่างๆเข้ามาไว้เป็นอันเดียวกันเพื่อได้ไม่แปลกแยก


    คุณลองไปคุยกับผู้ที่ไม่นับถือพุทธศาสนาก่อน ว่ามีจิตจัรวาล คือต้นกำเนิดสูงสุด
    แล้วลองฟังความเห็นของเขากลับมา ว่าเขาจะรับในแบบคุณใหม ?


    (พระเจ้า พระนารายณ์ พระพุทธเจ้า) = จิตจักรวาล

    การสร้างความเชื่อใหม่ก็คือการตั้งเป็นลัทธิใหม่นี้หละ
     
  10. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    คุณไม่เข้าใจจริงๆหรอครับ เมื่อมีผู้หนึ่งนับถือสูงสุดอย่างหนึ่ง
    แล้วมีคนมาบอกว่ามีที่สูงสุดกว่านั้น มันเป็นการหักล้างแบบย่อมๆ
    โดยการต้องให้สิ่งหนึ่งต้องตกเป็นลองไปโดยปริยาย
     
  11. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207

    จะนำรายละเอียดเรื่อง "คลื่น" ตามที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์กล่าวไว้ว่าอย่างไร นำมาลงเพื่อพิจารณาค่ะ ที่เราเคยกล่าวเอาไว้ เกี่ยวกับ ๐(ศูนย์) แล้วแปรมาเป็น ๑ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสรรพสิ่ง หรือ กระบวนการทางกายภาพของจิต เมื่อเกิดการสั่นสะเทือนขึ้น มันจะแสดงออกผ่าน "อารมณ์รู้สึกนึกคิด" ที่สามารถบอกผู้อื่นได้ ถ่ายทอดให้รู้ได้ และการแสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมทางกายภายนอกต่าง ๆ ที่สามารถสัมผัสรู้เห็นได้อย่างเป็นรูปธรรมนั่นเอง มนุษย์รู้แค่เพียงว่าการสั่นสะเทือนทางจิตเกิดขึ้นเมื่อใด อารมณ์รู้สึกนึกคิดอันเป็นการกระทำภายในและพฤติกรรมทางกายซึ่งเป็นการกระทำภายนอกต่าง ๆ มันจะเกิดขึ้นเสมอ โดยอาจจะเกิดพฤติกรรมภายในอย่างเดียว หรือเกิดพฤติกรรมทั้งภายในและภายนอกร่วมกันก็ได้ ในขณะที่มนุษย์ไม่รู้เลยว่าในเวลาเดียวกันนั้น การสั่นสะเทือนทางจิตใจหรือจิตวิญญาณเป็นการคิดรู้สึกทางอารมณ์ใด ๆ ก็ตาม มันจะเกิดกระบวนการทางจิตในมิติแก่นแท้ หรือ มิติทางพลังงานที่ตามองไม่เห็นหูไม่ได้ยินด้วยเช่นกัน

    การสั่นสะเทือนคืออำนาจ...

    ถ้าจะเอ่ยคำว่า "สั่นสะเทือน" ที่กล่าวถึงจิตใจหรือจิตวิญญาณ

    เรื่องการสั่นสะเทือน เป็นเรื่องของรูปธรรมทางพลังงานทุกชนิดในสากลจักรวาล ไม่ว่ารูปธรรมนั้นจะมีเปลือกห่อหุ้มตนเองไว้เป็นรูปลักษณ์แบบใด จะมีตัวตนที่เป็นมายาห่อหุ้มตนเองไว้หรือว่าไม่มีอยู่เลยก็ตาม นั่นและเรียกว่า คำว่า "พลังงาน" ก็คือ

    คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่มีการสั่นสะเทือนของอนุภาคอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง

    รูปธรรมทางจิตวิญญาณ ซึ่งเป็นแก่นแท้และเป็นรูปธรรมทางพลังงานในสังขารร่างกายแต่ละคนนั้น เมื่อเกิดสิ่งเร้าหรือการรับเอา มันจะเกิดการสั่นสะเทือนจากรหัสสิ่งเร้าที่มนุษย์รับเอา ผ่านกลไกลประสาทสัมผัสทั้งหลาย มันจะเกิดพลังอำนาจทันทีที่มันสั่นสะเทือนนั้น

    พลังอำนาจที่เกิดขึ้น คือ สิ่งใดบ้าง ที่พอแยกแยะเป็นสังเขปคือ อำนาจในการคิด อำนางทางอารมณ์ด้านบวก อำนาจทางอารมณ์ด้านลบ อำนาจในการรู้สึกรับรู้ และอำนาจการการะทำทางอวัยวะ มันคือ อำนาจทางมิติกายภาพทั้งหมดทั้งหลายของมนุษย์แต่ละคนนั่นเอง

    ไม่ว่าสรรพสิ่งใดก็ตาม ทั้งที่เป็นวัตถุมวลหยาบในมิติทางกายภาพ และสรรพสิ่งที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่สมดุลภายในตนเอง เช่นจิตวิญญาณ การสั่นสะเทือนภายในรูปธรรมตนเอง หมายถึง การสร้างพลังอำนาจในตนเองให้เกิดขึ้นเสมอ

    เช่น กายภาพของดาวเคราะห์โลก เนื้อมวลสารของโลกทั้งหลายไม่แตกระเบิดกระจัดกระจายแยกตัวออกจากกันไปก็เพราะว่า รูปธรรมทางพลังงานที่เร้นอยู่ในในกลางโลก ที่มีการสั่นสะเทือนไปทางด้านเดียวคือ ด้านบวกตลอดเวลา และ มีค่าคงที่ ผลลัพธ์ของการสั่นสะเทือนนั้นก็คือ พลังงานใหม่ หรือ อำนาจใหม่ ที่เป็นประโยชน์ยึดรั้งอนุภาค อะตอม โมเลกุลมวลสารทางกายภาพโลกให้เหนี่ยวรั้งกันไว้อย่างเหนียวแน่น ในทางกลับกันหากการสั่นสะเทือนของโลกสะดุดลงหรือหยุดลง พลังอำนาจใหม่ทางพลังงาน หรือพลังงานใหม่มิได้ถูกสร้างขึ้น มันจะทำให้ดาวเคราะห์ทั้งระบบโลก มิอาจดำรงความเป็นรูปธรรมทางกายภาพเอาไว้ได้เลย

    ถ้าสั่นสะเทือนขึ้นมาเมื่อใดพลังอำนาจก็จะเกิดขึ้นเมื่อนั้น
    ถ้าสั่นสะเทือนด้านใด พลังอำนาจด้านนั้นก็จะเกิดขึ้น
    ถ้าสั่นสะเทือนด้านใดด้านหนึ่งอย่างต่อเนื่อง พลังอำนาจด้านนั้นก็จะดำรงอยู่อย่างต่อเนื่องเช่นกัน


    เราจะรู้ว่าคลื่นพลังงานจิต..ของมนุษย์นี้มีประจุไฟฟ้าบวกเป็นคุณสมบัติอยู่

    ถ้าหากคำว่า "พลังงาน" ก็คือ คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก ที่มีการสั่นสะเทือนของอนุภาคอยู่อย่างต่อเนื่องตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง นั่นเองแล้ว

    เมื่อจะพูดถึงเรื่อง "กฎแห่งกรรม" การมีภพชาตินี้ภพชาติหน้า การมีสวรรค์นรกและโลก มันย่อมเกิดขึ้น เพราะการก่อผลกรรมที่เป็นพันธะกรรมต่อกัน หากมนุษย์สามารถปฏิบัติตนด้วยการ รับรู้ไม่รับเอา เช่นนี้ได้ มนุษย์จะสามารถเข้าถึงการสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ขับเคลื่อนพฤติกรรมใด ๆ ในชีวิตของตนเองได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมดีงามเสมอ

    แต่ปรากฎว่าในความจริงของมนุษย์โลกนั้น เมื่อเกิดการรับรู้แล้วมักจะมีการรับเอาเสมอ คือ เมื่อมนุษย์ได้รับคลื่นสัญญาณการรับรู้มาจากกลไกประสาทสัมผัสช่องทางใดทางหนึ่ง จะมีการปรุงแต่งเกิดขึ้น

    การปรุงแต่งก็คือ การที่มนุษย์จะนำเอาคลื่นสัญญาณการรับรู้ที่ได้รับมานั้น เป็นเงื่อนไขให้เกิดการกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือน ก็คือ อนุภาคไฟฟ้า ซึ่งถูกบันทึกสั่งสมเอาไว้ตรงตาที่สามนี้ที่มีคุณสมบัติทางอารมณ์ต่าง ๆ กำกับไว้ นั่นเอง

    "อนุภาคไฟฟ้า" ที่ว่านี้คื รหัสรพกรรมทางอารมณ์ หรือ นิสัยทางอารมณ์ต่าง ๆ ที่มันสั่งสมไว้ตั้งแต่ภพชาติอดีตซึ่งจิตวิญญาณถือติดตัวไว้เป็นคุณสมบัติของตนข้ามภพข้ามชาติมาสู่ปัจจุบัน

    มนุษย์ต้องรู้ว่า นิสัยทางอารมณ์ แต่ละอย่าง อารมณ์แต่ละชนิด ที่ทุกคนแสดงออกในภพชาตินี้เสียจนติดเป็นนิสัย และนิสัยอารมณ์บางอย่างเป็นนิสัยที่ติดข้ามภพข้ามชาติผ่านมาแล้วหลายภพชาติ เรียกว่า สันดานอารมณ์ มันจะถูกบันทึกไว้ในรูปอนุภาคไฟฟ้าที่มีรหัสคลื่นความถี่ทางอารมณ์นั้น ๆ เป็นคุณสมบัติอนุภาคอยู่ด้วย แต่ละอารมณ์จะมีอนุภาคแยกเป็นอิสระต่อกัน

    ดังนั้น เมื่อใดก็ตามที่มันเกิดการมั่นสะเทือนรับเอา หลังจากรับรู้แล้ว มายาที่รับรู้ได้คือ จะเกิดมีอารมณ์รู้สึกนึกคิดเกิดขึ้นเสมอ สิ่งที่มนุษย์สัมผัสไม่ได้และมองไม่เห็นก็คือ

    แรงสั่นสะเทือนภายในตนเองจนเกิดคลื่นความถี่ของการสั่นสะเทือนทางไฟฟ้าแม่เหล็กระบบหนึ่ง คลื่นความถี่นี้จะเป็นชนิดเดียวกันกับคลื่นความถี่ของสนามแม่เหล็กโลกนั่นเอง จะต่างกันเพียงคุณสมบัติของคลื่นความถี่เท่านั้น

    ทันทีที่จิตมนุษย์เกิดการสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกขึ้น ผลลัพธ์ของการสั่นสะเทือนที่จะเกิดขึ้นในขณะนั้นคือ การเกิดคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กซึ่งเป็นพลังงานใหม่ที่จิตมนุษย์สร้างมันขึ้นมาจากการสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนั้น ๆ โดยที่มนุษยืบางคนเรียกพลังงานใหม่ที่สร้างคลื่นนี้ว่า "พลังจิต" หรือ "พลังงานจิต" นั่นเอง

    ถ้านิพพานได้ แสดงว่าสภาวะจิตกลับเป็นสุญญตาดังเดิมได้แล้ว

    ถ้าดวงจิตธรรมญาณใดซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานรูปใด ที่สาาารถยกระดับตนเองคืนสู่คุณสมบัติสุญญตาได้ เขาเหล่านั้นก็จะมีพลังอำนาจในการนำพาตนเองพุ่งผ่านออกไปจากสนามพลังงานเอกภพนี้ได้

    รู้หรือไม่ว่า!! การครองสภาวะแห่งเทพพรหมทั้งหลายในแต่ละชั้น ดวงจิตธรรมญาณจะต้องผ่านการยกระดับให้สุงขึ้นต้องใช้ระยะเวลายาวนานเป็นกัปกัลป์ ต่างจากมนุษย์ที่ยังมีเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเป็นผู้ช้วยเหลือในการยื่นเงื่อนไขบททดสอบให้แก่กันและกันใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีกี่ชาติเท่านั้น

    เหตุที่เทพพรหมทั้งหลายกว่าที่จะยกระดับเลื่อนชั้นตนเองให้สูงขึ้นไปแต่ละชั้นอย่างเชื่องช้า ด้วยการชำระจิตตนจึงต้องอาศัย การละวาง ด้วยการบำเพ็ญจิต หรือ ถอดรหัสเท่านั้น การทำหน้าที่ถอดรหัส สภาวะจิตที่เป็นลบจากคุณสมบัติด้านลบทั้งหลายในดวงจิตธรรมญาณของตนให้หมดสิ้นไปนั้น ก็เพื่อสภาวะจิตกลับเป็นสุญญตาดังเดิมนั่นเอง

    จิตยิ้มว่านะ การสงบแล้วมีการกระเพื่อมไหวขึ้น นั่นคือการสั่นสะเทือน จิตที่ว่างแล้วนิ่งอยู่ พอเกิดการไหวขึ้นจึงมีอาการเกิดขึ้นในลักษณะแบบนี้นะค่ะ สำหรับอารมณ์ของจิตวิญญาณ ส่วนอื่น ๆ เช่น การเคลื่อนเลื่อนไหวของระบบพลังงานของเอกภพหรือจักรวาลก็น่าจะเป็นการสั่นสะเทือนเพื่อรักษาความสมดุลของตนเองให้เกิดมายาเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติให้คงอยู่ เมื่อเกิดการหยุดนิ่งไม่สั่นสะเทือนสิ่งใดเลยปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีอันดับลง หรือ แตกสลายหายไปไม่สามารถคงสภาพเดิมอยู่ได้นะค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2018
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ถ้าพระผู้สร้างนั้นเป็นคนละสิ่งกับสิ่งที่ท่านได้กล่าวไว้ล่ะคะ

    ถ้า...คำว่า พระผู้สร้าง/ผู้สร้าง หรือ พระเจ้า นั่นหมายถึง รูปธรรมทางพลังงานซึ่งแก่นแท้ของพระผู้สร้าง ประกอบด้วยอนุภาคของแก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาทั้งหมดทั้งมวล และสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตานั้นก็คือ ผู้เป็นจุดเริ่มต้นของการสั่นสะเทือนทางพลังงานในทุกมิติ ในอันที่จะให้กำเนิดสรรพสิ่งใหม่ ๆ ที่เป็นอนัตตาและที่จะมีอัตตาทั้งในมิติแก่นแท้และในมิติทางกายภาพที่หยาบขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากพระผู้สร้างนี้

    รูปธรรมทางพลังงานที่อุบัติขึ้นครั้งแรก ที่เรียกว่า จุดเริ่มต้น หรือ พระบิดา/พระผู้สร้าง ที่ดำรงอยู่ คือ สนามพลังงานที่ละเอียดอ่อนมาก ทุกหนทุกแห่งล้วนเต็มไปด้วยความว่าง นั่นเอง

    "ไม่มี" อนุภาคของคลื่นความถี่ใดในมิติใดเลยที่มีอยู่ในสนามพลังงานแห่งเอกภพ และในสนามพลังงานสากลในแดนสุญญตาแห่งพระผู้สร้าง (พระบิดาหรือพระเจ้า ) จะไม่มีอยู่ภายในนิวเคลียสของจิตจักรวาลดวงใหญ่ (พระผู้สร้าง) เพราะมันได้ถูกเก็บบรรจุไว้ภายในรูปธรรมเดียวอย่างครบถ้วนแล้ว

    ภายในรูปธรรมของจิตจักรวาลดวงใหญ่ของพระผู้สร้าง ได้บรรจุแก่นแท้ของทุก ๆ สรรพสิ่งเอาไว้ภายใน นั่นย่อมแสดงว่าหากพระผู้สร้างสั่นสะเทือนนิวเคลียสของตนเอง ตรงแก่นแท้ของคลื่นความถี่ในมิติใด ๆ พลังอำนาจในการสร้างใหม่ พลังอำนาจในการเปลี่ยนแปลง และพลังอำนาจในการช่วยให้สรรพสิ่งนั้นดำรงอยู่ก็จะเกิดขึ้น

    จึงมีที่มาว่า สรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา จะเป็นผู้สร้างสรรพสิ่งที่เป็นอัตตาเสมอ

    ความมีตัวตนของสรรพสิ่งใด ๆ นั้นล้วนเกิดจากแก่นแท้ซึ่งเป็นอนัตตาทั้งสิ้น ความมีอัตตาตัวตนจึงหมายถึง สรรพสิ่งที่มีความสมดุลอยู่ในตนเองอันเกิดจากสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตานั่นเอง หรืออาจกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า

    สรรพสิ่งที่มีอัตตาตัวตนหรือเป็นวัตถุมวลหยาบ ๆ ทั้งหลายล้วนเป็นมายาของแก่นแท้ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่เร้นอยู่ข้างในทั้งสิ้น นี้ย่อมแสงให้รู้ว่าแก่นแท้ของวัตถุมวลหยาบ ๆ ก็คือ รูปธรรมทางพลังงานโดยแท้

    นั่นเป็นที่มา ถ้วนทุกสรรพสิ่งล่วนเกิดจากเหตุ หากว่าเหตุดับทุกสิ่งทุกอย่างก็ดับตามเหตุเสมอ
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสในศาสนา ก็เพราะไว้ว่าเป็นใบไม้นอกกำมือสำหรับคนยุคนั้นที่ยังไม่รู้เรื่องพลังงานเหมือนสมัยปัจจุบันค่ะ

    ภายในศูนย์กลางจิตมนุษย์ทุกคนล้วนเป็นแก่นแท้อนัตตาอยู่ภายในตนเองที่จะหยั่งถึงเพื่อเป็นปัญญาญาณในการหลุดพ้นค่ะ เพราะนั่นคือแก่นแท้อนัตตาที่คิดรู้ได้ในทุกสรรพสิ่ง ที่เป็นคุณสมบัติสุญญตาเดิมของทุกดวงจิต

    การเข้าถึงการรอบรู้ของทุกสรรพสิ่ง ที่เรียกว่า สัพพัญญุตญาณ ก็คือ การเข้าถึงต้นธรรม ต้นธาตุ หรือ จุดเริ่มต้นคือพระผู้สร้างเพื่อนำองค์ความรู้นั้นมาถ่ายทอด จะมีบุคคลประเภทเดียวค่ะ เท่าที่จะเข้าถึงได้คือ ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เท่านั้นค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2018
  14. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,426
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ได้คำตอบยังค่ะ
     
  15. ศิริมันตรา

    ศิริมันตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +602
    เอา คริสตศาสนามาฝากค่ะ ขออนุญาตคุณกล่องไม้ขีดไฟและเพื่อนสมาชิกนะคะ
    ให้มาเห็นหลายมุมมองค่ะ

    คิดว่าตัวเองไม่บังเอิญแน่นอน คือมลเกิดในไทยแต่ ชีวิตได้เข้าคาทอลิก
    และเปลี่ยนเป็นคริสเตียนในบัตร ปชช ถึง สามครั้ง ก็รับเชื่อจนถึงขั้นมิชชันนารี
    นั้นล่ะ
    เล่านิทานคริสตศาสนาให้ฟัง เล่นๆค่ะ

    พระเยซู ก็พระโพธิสัตว์ และพระยาธรรมิกราชนั้นล่ะ
    ลงมาเกิดเพื่อไถ่บาปเพราะหลังจากน้ำท่วมโลก
    พุทธธันดร ... ลูกหลานเหลนโหลนโนอาห์ก็ดันไปสร้างพระเจ้ากันเอง ศาสนายิวยูดายเกิด
    ไปเอาศิลา บัญญัติ 10 ประการ มาดัดแปลง (คุ้นๆเนาะ) จนพระเยชูท่านต้องลงมา
    เพราะเห็นท่าจะเลยเถิดไปกันใหญ่

    (คัมภีร์มันขาดตอนที่โมเสสแหวกทะเลแดง
    อิสลามลูกเมียน้อย คริสต์ลูกเมียหลวง)

    เพื่อนชาวคริสต์ ต่างสรรเสริญ 555 โอ้ย มลแกทำไมไม่ไปสวรรค์ แกทิ้งสวรรค์ได้ไง
    อุ้ยยย ฉันมีทางที่ดีกว่าไปสวรรค์อีกแก 55555
    แต่ยอมรับว่า การที่เอาดวงจิตตอนนั้นไปแบกรับทุกข์ของพระเยซูที่ต้องรับบาปคนทั้งโลก
    ตอนแบกกางเขนนี้ คือรู้สึกว่าคนคนนึงเค้ากล้าเสียสละได้ขนาดนั้นเลยเหรอ มันหนักหนามากเลยนะ เราก็ไม่รู้หรอกคนพุทธะ ที่ว่าพระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระโพธิสัตว์ต้องทรมานขนาดไหน
    ก็เลยรู้ได้แบบนั้น .... นี้ถือเป็นความรู้สึก ที่จดจำมาทุกวันนี้

    ถ้าไม่เห็นแสงพระธรรมนำทาง คงเป็นแม่ชี หรือมิชชันนารีหญิงแต่งกับลูกชายผู้นำคริสตศาสนา
    ในประเทศไทยไปแล้ว 55 เพื่อนสนิทมลเอง ข้างบ้าน

    มาเรื่องการพูดถึงการกำเนิดโลก กำเนิดจักรวาลถ้าอิสลามเขาค้าน แล้วมีคริสเตียนไปด้วย
    คงจะฆ่ากันนัว มันส์พะยะค่ะ ;D (จริงๆ ไม่ชอบอิสลามเลย ฝังหัวมาก)

    ในไบเบิล เขาก็ตีกันเรื่องพระสัทธรรมปฏิรูปนั้นล่ะ ที่สำนักวาติกัน บอกไบเบิลเป็นของศักดิ์สิทธิ์ห้าม ชาวบ้านอ่านและเรียนรู้ คาทอลิกเลยฆ่าล้างโคตรคริสเตียน
    เพราะพอชาวบ้านอ่าน เค้าก็รู้สิว่า คาทอลิกบิดเบือน...อ้าวหลงตั้งนาน ประมาณนี้
    ไอ้ลัทธิของชาวคริสต์ที่เต็มไปหมด ก็เพราะดัดแปลงกันมั่วนี้ล่ะ

    ที่ศาสนาคริสต์ไปแปลว่า ชาตินี้มีชาติเดียว ไม่เชื่อเรื่องภพชาติ แต่ไงล่ะ ฮอลลีวูลสร้างหนังต่างๆมานับหมื่นเรื่อง ภพชาติทั้งนั้น จิตวิญญาณ

    จะบอกว่า แปลไบเบิล กันไปคนละเรื่อง เนาะ พระเยชูบอกนัยยะ ให้ตัดภพตัดชาติ ไม่ติดในภพในชาติ เพื่อพ้นวัฏรสงสารอันจะให้เกิดทุกข์ ก็เป็นคำสอนของพระพุทธศาสนาเรานั้นล่ะ
    แต่มลไม่ได้มาอ้างเครดิตว่าพระเยซู เป็นคนเดียวกับพระพุทธเจ้าพระสมณโคดม ไม่ใช่ค่ะ
    ท่านบารมียังไม่ถึง พระเยซูเป็นพระโพธิสัตว์สายศรัทธาธิกะจ้ะ ไม่แปลกที่ฝรั่งที่เขาเป็นคริสเตียนพอนั่งสมาธิ สอนทางธรรมมะ เขาถึงเชื่อได้เร็ว

    อันนี้อยากรู้ต่อว่าพระเยซูคือผู้ใด หาอ่านในเรื่องเล่าของหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้ค่ะ

    อิสลามมีแต่ นบี คำสอน เพราะลอกเอาคริสต์มาเป็นรากทั้งดุ้น
    เอามาผสมความชอบทางโลกเลยกลายเป็นโกโก้้ครั้น


    อันนี้ปุจฉาเป็นนัยนะทางธรรมค่ะ ไหนๆเอาให้ครบทุกศาสนาหลักๆของโลกใบนี้ละกันเนาะ

    พวกเตือนภัยสิ้นโลก คัมภีร์มารต่างๆ ก็ว่าไว้ใน วิวรณ์ ลูกา และ ยะเธสเค
    เมื่อก่อนบ้าไง โอ้ยสุดๆๆ แม้แต่ปฏิปทา ทางอักษรก็มีภาษาของโลกคู่ขนานกล่าวไว้ในไบเบิ้ล
    จึงเป็นสิ่งที่เรียนรู้ไว้ว่า อิสลามกลัวแพ้ เลยออกกฏให้ผู้ชายมีเมียสี่และมากกว่าสี่ ไม่คุมกำเนิด เพราะจะเอาเผ่าพันธุ์ดำรงปริมาณมาต่อสู้ กับคริสต์ที่เป็นศาสนาที่ให้ระบบครอบครัวสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด ผัวเมียห้าม หย่า กันนะจ้ะ จริงๆ 555 และกิเลสตัญหาของพระเจ้าเฮนรี่ที่แปดของราชวงศ์ทิวดอร์ แห่งราชอาณาจักรอังกฤษ มาแก้ไขไบเบิล เพราะตัวเองจะได้มีเมียใหม่ได้จ้า เป้นนิกาย โปรเตสแตนท์ ....เห็นคนพุทธสมัยนี้ไปแต่งงานตามโบสถ์ฝรั่งเขา แต่ไม่รู้เรื่องหลักธรรมครองเรือนกันเลย ( 1โครินโธ 13 ) เมียสองเมียสามไม่มีเพราะเขาว่า อดัม มีเอวาคนเดียว เพราะพระเจ้าเขาชักกระดูกสีข้างอดัมมาปั้นเป็นผู้หญิงที่อะไรผู้ชายไม่มี ผู้หญิงจะมี ผู้ชายไม่มีผู้หญิงจะมีไง (อิสลามเขารับไม่ได้นะนั้น)

    ทางคริสต์กับอิสลาม จึงทำลายพระพุทธรูปเพราะในสมัย โมเสส พระเจ้าอียิปต์ ตุตันคาเมน
    เขาเชื่อนักบวช และบ้าเทวรูป เกณฑ์ทาสชาวฮีบบรู มาสร้างเทวรูป คือสนใจแต่เทววัตถุ แต่ไม่เข้าแก่นกระพี้ คือไม่ให้สำคัญกับการนับถือพระเจ้าของเขาทางจิตวิญญาณเลย God เลย
    ส่งโมเสส และ ปรากฏการณ์ธรรมชาติลงโทษ จนอาณาจักรอียิปต์ล่มสลายและโมเสสก็แหวกทะเลแดงพาชนชาติอียิปต์ ข้ามมาได้ ส่วนชาวอียิปต์ที่เหลือ พอล่มสลายฟาโรห์เทวรูปล่ม ก็เลยจัด อิสลาม แปลว่า สันติ อิสลามก็นายอิสอัค ลูกฟาโรห์ นั้นน่ะ ยอมกลับมารับพระเจ้าของโมเสส แต่ดัดแปลงไง... และแค้นฝังหุ่นก็เริ่มบัดดนั้น แม้แต่เรื่อง ญิฮาบผ้าคลุมหัวอธิษฐานก็เหมือนกัน พระเยซู จึงมาเกิดเพราะนายอิสอัค วางรากไว้เสียไปกันใหญ่ และยิวก็เสื่อมถอยความเชื่อใน GOD เลยโดนสาปเป็นเผ่าพันธุ์ จริงๆคือกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ (เห็นไหมพระพุทธศาสนาเรามีความละเอียดอธิบายอรรถกฐานัยนะได้ดีกว่าค่ะ) ยิวเลยโดนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แบบโคตรโหดเหี้ยม ในสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เยรมัน ฮิตเลอร์ ได้ใช้สัญลักษณ์ สวัสดิกะ นั้นคือตรงคำทำนายในฮีบรู ว่าสวัสดิกะ ทำลายและเกิดใหม่ ...ยิวเป็นชนชาติที่เก่งมาก ไอนสไตล์ และสตีฟ จ้อปคนผลิตไอโฟน ก็เป็นยิว แต่สองท่านรู้ความจริงว่าคืออะไรจึงได้ให้ความสนใจในพระพุทธศาสนาก่อนสิ้นใจ

    อเมริกานี้ จึงมีปฏิทิน ศาสนายิง ยูดายที่จับพระเยซูตรึงกางเขนนั้นล่ะ
    ที่นี้เขาเรียกวันหยุดยิว คิดเองว่าประเทศมหาอำนาจมีวันหยุดยิว...

    พระพุทธศาสนาเรามีพระไตรปิฏก เป็นเอก ซึ่งในจริงๆแล้วพระพุทธองค์ท่านให้เรา ปฏิบัติ มากกว่าปริยัติ ให้เข้าใจ ดุจ ที่พุทธทางเซน ท่านสอนให้เข้าใจในวิถี ธรรมชาติ
    "มีสติอยู่กับปัจจุบัน สิ่งใดเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย สิ่งนั้นเป็นสิ่งสมมติ ไม่มีจีรัง ไม่ให้ยึดถือ เมื่อรู้ก็ให้ผ่านไป รู้ว่ามีแค่นั้น พอ... และมีสติอยู่กับตัว อนาคตจะเป็นอะไรไม่ต้องกลัว เพราะมรณานุสติ สมถกรรมฐานจะเอื้อประโยชน์ให้ผู้ฝึกมีความพร้อมดุจนักรบมีอาวุธครบมือพร้อมรบตลอดเวลานั้นเองค่ะ "

    วันนี้เป็นเช้าวันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน ที่พายุ เฮอริเคนFlorence จะซัดเข้าชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งช่วงนี้ ชาวยิวศาสนายิว อยู่ช่วงเทศกาลสวดอธิษฐาน 25 ชั่วโมงรวมจิตวิญญาณ (น่าขนลุก) ตั้งแต่ วันที่ 10 Rosh Hashanah วันที่ 19,20 Yom Kippur และ Ashura

    ศิลาจารึกที่อิสราเอล ในตะวันออกกกลาง ที่อิสลามไปฮัจณ์ นั้นคือเครื่องหมายพระยาธรรมิกราช เป็นภาษาฮีบรู ที่ชาวคริสเตียนต้องการศิลานั้นคืนมาเช่นกัน ก็เลยฟัดกันแหลก สงครามครูเสดเลยยืดเยื้อ ยิ่งมีศาสนายิวยูดาย มาเอี่ยวเป้นเหง้ารากด้วย เพราะปริศนา มันอยู่ในนั้นแต่คนตีความมันมีอาสวะกิเลส ไม่อุเบกขา เลยตีความเข้าข้างตนเองกันมั่วไปหมด

    สรุปเกี่ยวกะพุทธไหม ถ้าไบเบิ้ล จากการเขียนพระธรรมของศาสดายอรห์น และศิลาฮีบรูของโมเสส ได้รับการตีความที่ถูกต้อง (ปัจจุบันพระคัมภีร์ไบเบิ้ลออกโยสำนักคาทอลิกวาติกัน) และ พวกโต้ะอิหม่าม ในอิสลาม ไม่เอามายำเพื่อสนองอำนาจตัวเองเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นะ

    ต่างชาติเขาถึงสนใจศาสนาพุทธมากขึ้น พระไตรปิฏก คือ คำตอบของศิลาหินจารึกนั้น
    ทีนี้ ที่ไม่ได้อ่านแค่ถกกันในความรู้เปรียญ 9 และบาลีสันสกฤต แต่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้เรา
    ใช้ความจริงของธรรมมะ ที่อยู่ปัจจุบัน ตัดอาสวะกิเลสเพื่อตัดวงจรแห่งความผิดบาป ที่เราต้องสร้างต้องใช้กรรมของสัตว์โลกอย่างไม่มีวันจบสิ้น นั้นเอง ...


    ปล. เขียนไว้พอดีง่วงเลยหลับคาจอคอมค่ะ และมารตัวไหนมันส่งผู้ชายมาลวนลามเดี้ยนเนี้ย 55555 แหม มาเสียหล่อล่ำเลยนะ เลยแปลงร่างเดี้ยนเป็นผู้ชายที่หล่อกว่ามันล่ำกว่ามันเหมือนนักรบอาร์เจนตินาไง มารมีตกใจด้วยนะมีแปลงกลับเป็นผู้หญิงด้วย ไม่เอาหรอก เล่าขำๆค่ะ
    จิตปรุงแต่ง เป็นมายาทางจิต ให้มารท่านมาทดสอบ ดุจนิทานเพ้อเพี้ยนๆ
    Hebrew-D92427_1000.jpg 6e6b0f1a4c96eb7886f4958061d7191d.jpg b8c4c246ff006e27128a799c6992d55f.jpg
     
  16. Mdef

    Mdef เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2017
    โพสต์:
    1,366
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,869
    ตอนผมคุยกับคุณ คือ มีผมอยู่ในสถานการณ์นั้นๆจริงๆ หรือ มีตัวตนนี้หละ
    หากไม่มีตัวตนผมอยู่ในสถานการณ์นั้นๆจริงๆ อันนี้คือมัน เกินตน

    ระหว่าง ถ่อมตน กับ ถ่อมทางคำ

    หากผมกล่าวว่า ผมนี้อ่อนด๋อยแบบสุดๆ แต่เวลากล่าวอะไรออกมา
    ไม่มีผมอยู่ในเหตุการณ์
    ต่างๆเลย แล้วกล่าวไปอย่างขยายความโดยพิศดาร
    คุณว่าผมจะมองตัวเองว่าอ่อนด๋อยจริงๆใหม หรือ เพียงถ่อมทางคำ

    ในเรื่องที่คุณเล่ามา หากผมฟังเป็นแต่เพียงเรื่องเล่าเอาไว้ก่อนนั้นก็ได้อยู่
    หากจะให้ผมฟังแล้วกลายไปเป็นคำตอบ
    โดยส่วนตัวผมไม่มีความสามารถในการเข้าถึงอะไรขนาดนั้นได้หรอกครับ
     
  17. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ขอแนะนำว่าอย่านำคำพูดของท่านใดๆ มาปนกับวิธีทำของตนเองเพราะ เราไม่รู้ว่าคำพูดของท่านนั้นๆจะใช่กับที่เราทำหรือไม่ หากไม่ใช่วิบากกรรม ย่อมตามมาเอง ด้วยความปราถนาดี

    ฉะนี้แลจึงมีทั้งคำถามและวิธีทดสอบมาแถมให้

    คำถาม
    1.ผู้ปฏิบัติธรรมย่อมไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ถ้าไม่ได้ทดลอง และต่อให้ทดลองได้แล้วก็ต้องค้นหาต่อไปว่าใช่ที่สุดแห่งธรรมหรือไม่ เพราะหากเกิดชาติหน้าหากเป็นภพหยาบทั้งหมดรับรอง สิ่งที่เรียนรู้มา "มักจะหายหมด(ไม่นับบางท่านที่จิตระลึกชาติได้เอง)"

    ซึ่งท่านแน่ใจหรือว่าท่านเป็นกรณีเช่นนี้ และท่านแน่ใจหรือว่ามันเป็นที่สุดแห่งธรรมจริงๆ ดั่งคำกล่าวนี้ "ภิกษุจงดำรงตนด้วยความไม่ประมาทเถิด" และท่านก็รู้ได้ด้วยตนอยู่แล้วว่าการจะพบสัจธรรมได้ต้องไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ต้องทำเท่านั้น และไม่ฟันธงกับอะไรง่ายๆ แต่ทำไม "ท่านถึงได้เชื่อว่าการปฏิบัติแบบจิตจักรวาล นั้นใช่ทางเสียแล้วละ?" เพราะถึงแม้จะใช่หรือไม่ใช่ก็ตามแต่ แต่การฟันธงไปเลยว่าสิ่งไหนใช่แล้วถูกแล้ว มันจะไม่มีทางที่ใช่กว่าหรือ ? ลองพิจารณาเอาเอง "ว่าท่านกำลังประมาทใช่หรือไม่ ?" เมื่อท่านอ่านคำถามนี้เสร็จลองพิจารณาเดี๋ยวนั้นเลย ว่า "นั่นสิทำไมเราถึงได้เชื่อว่าทางนี้ถูกต้องแล้ว?"



    วิธีทดสอบ(ตรวจคำตอบ)

    1.ให้ท่านเพ่ง ไปที่ไหนก็ได้ในสภาวะที่ไม่ได้นั่งสมาธิ แต่ให้เพ่งมองบางสิ่ง และสังเกตุอาการ
    2.เมื่อเพ่งแล้วให้ย้ายจุดเพ่ง(ห้ามย้ายดวงตา) จะพบว่ามีบางสิ่งในหัวเคลื่อนตามจุดเพ่งหรือจุดโฟกัส
    3.ให้สังเกตุตัวที่เพ่ง นั่นแลคือ "อัตตาจิต" มันส่งสิ่งที่ท่านเรียกว่าคลื่น หรือภาษาอื่นคือจิตส่งออก ไปหาสิ่งใดๆก็ตามและนี่แหละคือกามวจร รับธรรมารมณ์/ความรู้สึก จากภายนอก
    4.หลังจากรู้แล้วให้ทดลองเกร็งแขนสังเกตุอาการที่ตัวอัตตาจิตจะทำการส่งสิ่งที่ท่านเรียกว่าคลื่นไปยังแขนข้างที่เกร็ง

    สรุป = อัตตาจิตยึดสิ่งใดสิ่งนั้นเป็น ตน

    ตรวจคำตอบ part 2
    1.ให้ท่านทดลองทำสมาธิหลายๆรูปแบบ หรือเข้าฌานเลยก็ได้ และสังเกตุว่าในตอนนั้น อัตตาจิตมีสภาวะเช่นไร
    2.ขณะที่กำลังเข้าฌาน ให้สังเกตุสภาวะของอัตตาจิตว่าเป็นเช่นไร
    3.เมื่อรู้แล้วว่า สภาวะฌานคือสภาวะของอัตตาจิตที่เปลี่ยนไปเป็นเฉย ปิติ หลังจากนั้นให้ทดลองเข้าอรูปฌาน จะพบอัตตาจิตเปลี่ยนสภาวะ เป็น ว่าง โล่ง หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ท่านจะพบว่าขณะที่เปลี่ยนเป็นอรูปฌานแล้ว มันยังมีเนื้อตน(เนื้อสภาวะนั้นๆ) เช่น โล่งอยู่
    4.เมื่อรู้แล้วให้ทดลองทำสมาธิแนวดิ่งแบบของท่านเอง แล้วก็จะพบเองว่า มันยังมี "ตน" อยู่
    5.ให้ทดลองเข้าสภาวะละวางของท่าน จะพบว่า มันซ่านออก แต่ซ่านนั่นแหละที่เป็น "ตน"

    สรุป = ดังนั้นแล้วสภาวะธรรมของท่านที่ปรากฏ ยังไม่พ้นจาก ธรรมารมณ์ ดังนั้นไม่ขอฟันธงว่า "พ้น" นะครับแต่ถ้าหากท่านคิดว่าใช่แล้วก็ให้ลองพิจารณาแบบอื่นบ้าง วางอันนี้ไปเลย ดั่งคำกล่าวที่ว่า "ภิกษุจงดำรงตนด้วยความไม่ประมาทเถิด" นะครับ


    Edit: ดังนั้นท่านจิตยิ้มจึงใช้คำว่า อนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน) ไม่ได้เพราะธรรมารมณ์/ความรู้สึก ต่างๆ ทั้งเฉย ละวาง หรือ อะไรก็ตามแต่ นั่นแหละคือ "ตน" นะครับ

    Edit 2: และที่สำคัญ หากท่านมาได้ขนาดนี้ แสดงว่าย่อมไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ดังนั้น ที่จิตจักรวาล พูดมา ท่านรู้ได้ยังไงว่าเขาพูดจริง ? หรือเขาพูดจริงแต่เขาพูดได้แค่ที่เขาทำได้ และเขาก็คิดว่านี่คือที่สุดแล้ว? หรือเขาอาจจะโกหกแต่แรก คำตอบคือเราไม่รู้ ดังนั้นขอฝากว่า ชีวิตตน อย่าไปฝากไว้กับใคร "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" นะครับ หากจะเชื่อให้ดูที่ผล คำสอนของพระพุทธองค์ ทำให้เกิดพระอริยะ ที่มีพระธาตุ "จริง" แล้วให้ท่านสังเกตุเอาเองว่า ผู้ปฏิบัติสายจิตจักรวาลคนอื่นๆ มีใครเกิด "พระธาตุ" หรือไม่นะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2018
  18. zalievan

    zalievan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    3,268
    ค่าพลัง:
    +5,219
    ชอบวิธีการสังเกตการเคลื่อนของจิตของคุณ sataniel ครับ
    เห็นเร็วมาก ขอบคุณที่เอามาเผยแพร่ครับ
     
  19. Sataniel

    Sataniel "วิชชาและวิมุติ"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,490
    ค่าพลัง:
    +2,364
    ไม่เป็นไรครับ เพราะผมก็ได้วิธีการเดินจิตแบบต่างๆมาจากในเว็บนี้เหมือนกันครับ ถือซะว่าช่วยๆกันครับ
     
  20. ศิริมันตรา

    ศิริมันตรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2018
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +602
    ถ้าจะถกเถียงเรื่องความเชื่อ
    เรื่องพระศาสดา ตัวเราไม่ได้คิดเอามา รีมิกซ์แต่อย่างใดเนาะ นี้ล่ะ เลยออกมาจากการเป็นคริสเตียน ที่เคร่งครัดมาก เพราะเมื่อเข้าแก่นกระพี้ ของการไถ่บาปพระเยซูมากเท่าไร อธิษฐาน(คุกเข่าถึงเช้า)
    อดอาหารอธิษฐานมากเท่าใด ยิ่งรู้สึกว่า พระเยซูท่านเหมือนสื่อสารบอกมลบางอย่าง ว่าไม่ให้หนีกฏแห่งกรรม และวัฏรสงสาร ก็อยู่อย่างนั้น การบำเพ็ญตนให้ไถ่บาปคนทั้งโลกนั้น มันเป็นปณิธานอันยาวไกลมาก (พระเยซูท่านไม่ได้เกิดวันที่ 25 ธันวา ท่านเกิดเดือนสิงหาคม ตะหาก ) คนมันก็ไม่เลิกทำบาปอยู่ดี
    -“- พวกคริสเตียน ยังเข้าใจว่าท่านจะไถ่บาปให้
    แต่จริงๆท่านให้เลิกบันทึกบาปและจิตบันทึกบุญต่างหาก ไม่ให้ยึดติดภพชาติ ให้ตัดให้ทิ้ง ภาษาฮีบรูเขียนแบบนั้น ไบเบิลจากสำนักวาติกันและพวกกษัตริย์ก็แปลออกมา เอาผลประโยชน์ทางการเมือง อำนาจ ครอบงำ ซานตาครอสขายของได้ เอาเข้าไปเดะ

    พอเข้าใจปั้ปนะ ... ออกคริสเตียนเลย ชีวิตเคว้งคว้างช่วงนึง จนกลับมา สนใจพุทธศาสนามากขึ้น อ่านพระธรรมของท่านพุทธทาส อย่างเซน เข้าใจมากขึ้น
    และเลยรู้ว่า ถ้าจะตั้งปณิธานพุทธภูมิ หรือพระโพธิสัตว์ .... ไม่ใช่แค่บำเพ็ญทุกรกิริยา.. แต่ต้องเป็นแบบที่พระเยซูท่านได้รับ ... จะทนไหวไหม....
    ปล. คงอีกหลายพุทธันดร อยู่.. (คหส.ต.)



    ส่วนอิสลาม ก็คือพวกฤาษี หรือนักบวช( แบบท่านอัญญาโกญทัญญะ ) ที่แสวงหาทางรอด แสวงหาพระเจ้า ก็บำเพ็ญตนไป อ้างว่า คัมภีร์ อัลกรุอ่าน เป็นคัมภีร์ที่แท้ทรู อัพเดทเวอร์ชั่น ล่าสุด แม่นหลาย
    ยิ่งกว่า คัมภีร์จากพระศาสดาใดในโลก

    นบีมูฮัมหมัด บอกเทวดาชื่อญิบรีลมาบอก ...
    มาให้ โกหร่าน แล้วบอกว่า ถ้าคัมภีร์อื่นเป็นเท็จหมด เหมือนที่เขาแย้งพระไตรปิฎกของเรา แต่จริงๆ
    คือ ไม่มีที่มาที่ไป เทวฑูตหรือ ซาตานจำแลงมาให้ ก็ไม่ทราบ อิสลาม บอกว่าเพืาอสันติ แต่ขยายเผ่าพันธุ์ หนักหนาสาหัสกว่าทุกความเชื่อในโลก แถมมีการตายเพื่อศาสนา บอกเพื่อสันติ แต่สร้าง นักรบศาสนา เหมือนเหตุการณ์ เวิลเทรดถล่ม ....

    และ... คนที่แปลคัมภีร์ไบเบิลภาษาไทย ก็พระสงฆ์บรมชั้นครูเปรียญ9 นี้ละค่ะ ตอนนั้นมล อ่านไบเบิล
    ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาฮีบรู ค่ะ เทียบกัน
    ถึง สรรเสริญ ปฏิปทาท่านว่า แตกฉานด้านภาษาจริงๆ เพราะภาษาอังกฤษ จากสำนักวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี ยังบิดเบือนไปเยอะ... แต่ช่างเถอะ
    ตอนนี้ ที่สำคัญและเยี่ยมยอดที่สุด คือ พระไตรปิฎก
    พระพุทธเจ้า ท่านทรงมีปัญญาสูงสุด นี้ล่ะ คนต่างชาติ
    ถึงมาบวชเรียนศรัทธาพระพุทธเจ้าเรามากขึ้น

    แล้วคนไทยล่ะคะ ? ยังเป็นศาสนิกชน แค่ในบัตรประชาชน กับทะเบียนบ้านหรือเปล่า ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...