เรื่องเด่น นานาเรื่องราวหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย Wannachai001, 16 กันยายน 2014.

  1. psp1

    psp1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +461
    ขอน้อมกราบท่าน พระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ) วัดท่าซุง อุทัยธานี
     
  2. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กุมภาพันธ์ 2018
  3. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710








    หลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศลรับแขกที่วิหารร้อยเมตร
     
  4. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710


    11 กรกฎาคม 2560 พระราชภาวนาโกศล เล่าเรื่องลูกชายลูกหญิง ที่วิหาร๑๐๐ เมตร วัดท่าซุง



    14 กันยายน 2560 ท่านเจ้าคุณพระราชภาวโกศล สอนมโนมยิทธิ
     
  5. มันไม่แน่

    มันไม่แน่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2013
    โพสต์:
    1,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +7,956
    สวัสดี พี่วัน และศิษย์หลวงพ่อทุกท่าน

    ขอกราบส่งหลวงพ่อท่านเจ้าคุณ

    สู่เมืองแก้วพระนิพพาน...ครับ




     
  6. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    ขอน้อมกราบท่าน พระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ) วัดท่าซุง อุทัยธานี
     
  7. thongchat

    thongchat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    482
    ค่าพลัง:
    +2,195
    ขอน้อมกราบ พระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ) วัดท่าซุง อุทัยธานี สู่นิพพานเมืองแก้ว ด้วยเถิด สาธุ..

    สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ
    สังฆัง นะมามิ
     
  8. เช่นนี้เอง

    เช่นนี้เอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2014
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขอกราบหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศลด้วยความรักเคารพยิ่ง

    ธรรมใดที่หลวงพ่อบรรลุแล้วขอให้ผมได้เข้าถึงธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอด
     
  9. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    1.jpg
    S__60448793.jpg
    27749992_873130919531028_5136140530160517895_n.jpg

    IMG_20180209_152522.jpg
    IMG_20180209_152534.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 กุมภาพันธ์ 2018
  10. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
  11. berbapor

    berbapor เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,845
    ค่าพลัง:
    +21,862
    น้อมกราบส่งหลวงพ่อท่านเจ้าคุณพระราชภาวนาโกศลสู่แดนพระนิพพานครับ
     
  12. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    27625001_1580598102026093_1979951032113894719_o.jpg
    ในงานทำบุญคล้ายวันเกิดอายุ 62 ปี ของหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศลเมื่อ 30 กันยายน 2553 ท่านได้กล่าวสัมโมทนียกถา ดังมีใจความดังนี้....



    "..... กล่าวขอบคุณเพื่อนพระภิกษุสงฆ์ ญาติโยมและลูกศิษย์หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วันนี้มีญาติโยมจัดรถมาถวายรถเบนซ์คันหนึ่งและรถตู้สำหรับไปไหนไกล ๆ ได้สะดวกจะได้ไม่เหนื่อยและเพลียเกินไป เพราะก่อนหน้านี้เวลาเดินทางไปสอนกรรมฐาน ต้องนั่งรถทางไกลกลับมาต้องมานอน เพราะเพลียและไม่ค่อยสบาย พาลจะป่วยเอา ตอนนี้เขาถวายรถเบนซ์และรถตู้มา เป็นรถตู้กว้าง และตบแต่งให้สามารถนอนในรถตู้ระหว่างเดินทางได้ ทำให้ร่างกายจะได้ไม่เพลียหรือเหนื่อยล้าเกินไป

    ในเมื่อญาติโยมให้ความอนุเคราะห์ให้ความสุขในการดูแลวัด และก็ได้ความร่วมมือกับเพื่อนพระภิกษุและญาติโยมช่วยแก้ปัญหาเมื่อมีภัยมา ก็เหมือนได้หัวใจกันมาเลยอยู่ด้วยกันเหมือนพี่น้อง เราดูแลวัดกันด้วยความเต็มใจ จริง ๆ ท่านจะจัดแค่บวงสรวงและ เจิมรถเท่านั้นแต่ญาติโยมจัดอาหารมาเลี้ยง ความดีอย่างนี้ก็พาให้เรามีความสุขญาติโยมก็ได้ เอื้อเฟื้อพุทธศาสนา พระครูจากไปแล้ววัดจะเป็นอย่างไร


    อาตมาก็บอกว่า "... ญาติโยมสบายใจได้งานที่ทำปัจจุบันนี้ทำล่วงหน้าไป ๑๐๐ ปีข้างหน้าโน้นเตรียมพร้อมไป ๑๐๐ ปีข้างหน้าแล้ว ญาติโยมไม่ต้องหนักใจ เปรียบพระของฉันเหมือนก่อไผ่มีหน่อแซมขึ้นมาโดยมีตัวเก่ายืนแซมขึ้นมาเป็นธรรมชาติ ในเมื่อเขาบริสุทธ์ใจต่อพระพุทธเจ้า งานนี้หน่อนี้จะเกาะกันเหมือนก่อไผ่เป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่มีหวั่นไหวจะเจอะพายุขนาดไหนก็ไม่มีปัญหาอยู่ด้วยกันเกาะเกี่ยวกันทั้งกายและใจเสมอ

    ฉะนั้นญาติโยมทุกคนให้สบายใจ ฉันเป็นคนทำงานก็จะต้องรู้ว่ามันไปอย่างไรวางแผนอย่างไร งานอย่างนี้เป็นงานมั่นคงเพราะเป็นงานไม่ได้พัฒนาวัตถุ เราพัฒนาจิตใจเป็นพื้นฐาน ถ้าพื้นฐานเราดี จิตใจเรามีศีลมีธรรม มีสมาธิมีปัญญารู้คุณพระรัตนตรัยก็พาให้เราทำอะไรไม่วู่วามทำอะไรด้วยความรอบครอบ การเสียหายก็จะมีน้อย มีน้อยเราก็จะหาช่องจุดที่เกิดความเสียหายและทำให้มันสมบูรณ์ที่สุด

    ฉันได้บอกกับหลวงพี่โอว่าถ้าวันนี้มีใครถวายเงินมาจะทำเป็นกองทุนสำหรับพระอาพาธ พระภิกษุบางท่านไปหาหมอแล้วไม่มีเงินเจ้าอาวาสไม่รู้มารู้ทีหลัง จึงทำเป็นกองทุนพระที่อาพาธ พระที่มาบวชออกจากอกพ่อแม่แล้วการดูแลต้องเป็นหน้าที่พระสงฆ์ที่ต้องดูแลกัน ป่วยไข้ก็ต้องใช้เงิน พระท่านไม่มี

    พระวัดท่าซุงทำงานทุกอย่างเก็บขยะเป็นกุลี หลวงพ่อสอนมาดีทำอะไร ไม่มีเกี่ยงงอน ก็ต้องขอขอบคุณพระภิกษุสงฆ์และญาติโยมทุกท่าน ความดีนี้หลวงพ่อสะสมมาให้เราอยู่ในใจค่อยสะสม พูดให้เรารู้ประโยชน์

    ท่านถึงบอกว่า "...ตราบใดที่ลูกของฉันยังรักษาสาธารณประโยชน์ไว้ ตราบนั้นก็นึกว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดไป..." การเสียสละทาน เสียสละวาจา เมตตากรุณาออกไปเพื่อให้เกื้อประโยชน์สุขของมวลชน เพื่อให้เกิดมีปัญญารักษาศีล นั่งสมาธิ ได้รู้แจ้งเห็นจริงได้ หลวงพ่อเราปลุกปั้น ปลูกฝัง อดทนซำแซะปลุกปั้นเราให้เป็น คนดีเห็นศีลธรรม ฉะนั้นวัดของเราที่ไม่โทรมเศร้า ก็เพราะพวกเราเห็นธรรม เห็นทานแล้วเห็นทาน เห็นธรรม เห็นศีล เห็นภาวนาว่าดี เห็นนิพพานว่าดี จึงมีจิตใจบำรุงศาสนาและปฏิบัติตัวเองให้เกิด ความสุขสมบูรณ์ได้


    สุดท้ายนี้อาตมาเองก็ถือว่าเป็นพระสงฆ์ของศาสนาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อเหมือนกับเราทุกคน ก็ขออาราธนาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ครูบาอาจารย์มีหลวงพ่อปาน หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หลวงพ่อเล็ก หลวงพ่อปู่ใหญ่เทพเทวาอารักษ์ ท่านปู่ท่านย่า ท่านท้าวมหาราช ทั้ง ๔ เทวดาที่ปกปักษ์รักษาสถานที่นี้โปรดอำนวยอวยพรให้ท่านทั้งหลาย เพื่อนพระภิกษุก็ดี ญาติโยมก็ดี ที่มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย มีความผูกพันในพุทธศาสนา ขอให้จิตของท่านทั้งหลายจงตั้งมั่นมีความมั่นคง มุ่งมั่นเพื่อที่จะไปพระนิพพาน สิ่งใดที่ไม่เกินวิสัยปรารถนาแล้วขอให้สำเร็จ สำเร็จทุกประการด้วยเทอญ..."

    IMG_0933.jpg~original.jpg
     
  13. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    กำหนดการงานทำบุญ 50 วันหลวงพ่อมีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมวันที่ 8 มาเป็นวันที่ 1 เมษายนดังนี้ครับ

    50 วัน.jpg
     
  14. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    49712.jpg 49713.jpg
     
  15. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    47,411
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,046
    งานพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระราชภาวนาโกศล วิ.วัดท่าซุง

    nantanat srikuan
    Published on Feb 12, 2018
    งานพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระราชภาวนาโกศล วิ.(อนันต์ พทฺธญาโณ) อดีตเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) และ แต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดจันทาราม (ท่าซุง) ( พระครูปลัดสมนึก สุธมฺมถิรสทฺโธ ) โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดไตรมิตรวิทยาราม มาเป็นประธานในพิธีการแต่งตั้งในครั้งนี้ ณ มหาวิหาร ๑๐๐ ปี หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (ศาลา ๑๒ ไร่) วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 จัดทำโดย..ทีมงาน watthasung.com
    กราบน้อมส่งหลวงพ่อสู่นิพพานเจ้าค่ะ
     
  16. เอกไชย12345

    เอกไชย12345 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +1,269
    ขอกราบหลวงพ่อพระราชภาวนาโกศลด้วยความรักเคารพยิ่งครับ

    ธรรมใดที่หลวงพ่อบรรลุแล้วขอให้ผมได้เข้าถึงธรรมนั้นในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเทอด
     
  17. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    DSC00456.jpg

    ตอบแทนคุณหลวงพ่อ

    หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ)


    จะทำบุญแบบไหน จึงเป็นที่ชื่นใจหลวงพ่อและเป็นการเทิดทูนต่อหลวงพ่อ เจ้าคะ ?


    ดร.ปริญญา ตอบว่า " ไปนิพพานให้ได้ชาตินี้ ช่วยอยู่อย่างเดียวแหละ "

    พระครูปลัดอนันต์พูดเสริมว่า

    เหมือนกับเราเป็นพ่อเป็นแม่ ถ้าลูกเราปฏิบัติตามคำสั่งสอนของเรา เราก็สบายใจ ที่ท่านสอนเรา หวังให้เราเป็นคนดี ท่านก็มีความดีใจว่าท่านไม่เหนื่อยเปล่า ที่ทรมาณร่างกายเจ็บไข้กินข้าวไม่ได้ กินอะไรไม่ได้ กลับมาก็ทรมานร่างกาย ดันทนอยู่เพราะอะไร ถ้าไม่ทนอยู่เพราะเราท่านไปตั้งแต่ปี 13 แล้ว ที่ท่านทนอยู่เพราะพวกเราใช่ไหม เราอยู่นึกถึงคุณท่านอย่างนี้เราถึงทำอย่างที่ ดร.ปริญญาตอนนี้

    ที่ถูกต้องที่สุดจะให้อะไร จะให้ทรัพย์ ให้สิน ให้เงิน ให้ทอง ทุกอย่างก็ยังไม่คุ้มเท่า แม้แต่พระพุทธเจ้าเมื่อทราบว่าท่านอัญญา โกณทัญญะเห็นธรรมเท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าดีใจมาก ท่านอุทานวาจาเปล่งอกมาว่า " อัญญาสิ วะตะโก โกณทัญโญๆ " ท่านโกญทัญญะรู้แล้วหนอ ท่านดีใจ ที่ท่านแสวงหาคนพ้นทุกข์นี่เจอคนแล้ว คำพูดของท่านมีผลแล้ว

    หลวงพ่อท่านอยู่มาตั้งนาน ท่านจะมรณภาพตั้งแต่ปี 13-14 แล้ว ท่านก็กลับมา กลับมาเพราะพวกเรา ท่านรอพวกเราอยู่ตรงนี้แหละ(วัดท่าซุง) ที่ท่านทรมานร่างกายทุกอย่างก็ตรงนี้ ฉะนั้นที่จะตอบแทนท่านให้ดีที่สุดก็คือการปฏิบัติธรรม จนเป็นพระอริยะ แม้แต่เบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องสูง แล้วแต่เราจะทำได้ อย่างน้อยถ้าไม่ได้ อย่างนั้นก็ให้ก็ขอให้งดความชั่วทุกอย่างถึงจะได้ชื่อว่าเป็นลูกศิษย์ที่ท่านชื่นใจหน่อยและอันนี้ชื่อว่าทดแทนคุณได้และท่านพอใจ


    (จากคำบอกเล่า ธัมมวิโมกข์ มกราคม 2537)


    12698395_10153966389064329_4016056291624716635_o.jpg



    เรื่องสำนักปรามมาร

    หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ)

    มีอีกสำนักหนึ่ง ไม่ใช่ที่วัดเรานะ ก็เป็นที่นับถือหลวงพ่อนั่นแหละ ก็สอนลูกศิษย์ให้ไปปราบมาร บอกมันจะผิดไป มันจะเพี้ยนไปถ้าเรามัวไปปราบมารข้างนอก จริงๆสมาธิก็ดี มโนมยิทธิก็ดี สอนเพื่อปราบตัวเรา ปราบกิเลสของเรา ถ้าใช้ผิดความประสงค์นี่มันจะเพี้ยนไป เป็นทางบ้าง่าย มันไม่ถูกตามความประสงค์ของพระพุทธเจ้า

    พระพุทธเจ้าสอนว่า เมื่อสมาธิเกิด จิตสงบแล้ว ไปพิจารณากิเลสของเรา ความโลภ ความโกรธ ความหลง เป็นสำคัญ ถ้าเราไปรู้ว่าไอ้คนนู้นมันชั่วจะไปปราบเข้านี่ หนักเข้าๆเห็นภาพเห็นนิมิต อะไรอย่างนี้ บ้ากันพอดีเราน่ะ มันผิดความประสงค์ของพระพุทธเจ้า ต่อไปมันจะเพี้ยนไปใหญ่ แล้วก็จะบ้าไป เขาเรียกว่าใช้ผิดๆ

    เขาเล่าให้ฟังไงล่ะ พอได้มโนมยิทธิแล้ว โอ้โฮ คนนี้มารแฝงแล้วนี่ มีเขาโง้งเลย ฉันจะต้องไปปราบอย่างโน้นอย่างนี้ เก่งมากไป พระพุทธเจ้าให้ปราบกิเลสของเราเป็นสำคัญว่านี่มีโกรธไหม มีความโลภไหม อยากจะโกงคนอื่นไหม เรื่องศีล 5 นี่มันต้องพิจารณาตัวเราเป็นสำคัญ

    คือตัวนี้ถ้าห่างครูบาอาจารย์ละคอยจะเป็นอย่างนั้น ประโยชน์ก็จะไม่ได้ มีแต่เสีย เสียคือเสียตัวเราที่ไม่ได้มรรคผลได้ผลอะไร จะไม่พ้นนรกเอา พูดถึงเทวทัตที่ตกนรกนี่ ถ้าไม่พูดถึงอดีต พูดถึงปัจจุบัน ตอนใหม่ๆ ก็เลื่อมใสกันดี พอได้อภิญญามาบ้าง มีสมาธิแก่กล้า มีอภิญญาเหาะได้นี่ คนก็ยกย่องสรรเสริญ ทีนี้คนมันนับถือมากนี่ ก็อยากจะตั้งสำนักบ้าง พระพุทธเจ้ามีคนไปไหว้เยอะแล้ว ก็ขออนุญาติพระพุทธเจ้า บอกพระพุทธเจ้าไม่ดีหรอก สอนไม่ให้คนฆ่าสัตว์ แต่พระพุทธเจ้านี่ฉันเนื้อสัตว์ พระพุทธเจ้านี่ปากว่าตาขยิบนี่ แน่ ชักเก่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว หากมองผิวเผินก็เอ๊ะ เทวทัตนี่เขาขอถูกนี่นะ

    พระพุทธเจ้าห้ามพระไม่ให้ฉันเนื้อสัตว์ 10 อย่าง มีเนื้อคนหนึ่ง เสือโคร่ง เสือดาว เนื้อหมี เนื้องู ฯลฯ พอเทวทัตไปขอพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ไม่ยอม ไม่ยอมก็แยกวงเลย ถือโอกาสจะแยกวงอยู่แล้ว

    แต่อย่างนี้ต้องเชื่อบุพกรรม กรรมของเทวทัต จองเวรพระพุทธเจ้ามาเยอะนี่ กรรมอดีตชาติมันให้ผลด้วย มันถึงเห็นผิดไปอย่างนั้น คนเรามันก็อยากจะดีทั้งนั้น แต่ว่าอกุศลกรรมมันให้ผลนำพาให้ตนเห็นผิด เทวทัตจองเวรมานาน เท่าเมล็ดทรายกำมือหนึ่ง ที่อธิษฐานไว้ใช่ไหม ว่าขอจองเวรพระพุทธเจ้าเท่าเมล็ดทรายกำมือหนึ่งนี่ แต่ละชาติๆ เท่าไร

    เพราะฉะนั้น ฝึกมโนมยิทธิก็ดี ฝึกสมาธิก็ดี ต้องใช้ให้ถูกทาง ถ้าไม่ถูกทางนี่มันแทรกได้ อกุศลกรรมแทรกละก็ไปกันใหญ่ มีอยู่คนหนึ่งชื่อ ตาดี พูดถึงคนหลง คนไม่ใช้ปัญญา สมาธิต้องใช้ปัญญาประกอบนี่ จะทำอะไรก็ต้องต้องใช้ปัญญาประกอบ

    ตาดีมาฝึกมโนมยิทธิไป ก็ไปที่บ้าน อยู่แถวนครสวรรค์ พอฝึกไปก็ไปปฏิบัติที่บ้านก็นั่งเป็นอาจารย์ใหญ่เลย เป็นอาจารย์ใหญ่ก็นั่งล้อมวง ตาดีก็นั่งกรรมฐานก็นั่งล้อมวงกันอยู่ คงจะขลังมาก พอได้ที่ตาดีก็ถอดเสื้อเลย ไอ้ลูก บริวารมันก็ชักตื่นแล้ว เอ๊ะ ถอดเสื้อทำไมวะพ่อกู ถอดเสื้อ ถอดกางเกง พอถอดกางเกงนี่คนเผ่น (หัวเราะ) เหลือแต่เมียเฝ้าอยู่ ก็เอารถเหมามาวัดท่าซุง รู้จักกับเรามาให้หลวงพี่นันต์รดน้ำมนต์ให้

    เราก็บอก ดี เป็นอะไรเล่า นี่เขาหาว่าเราบ้าแล้วรู้หรือเปล่านี่ หลวงพี่ บ้าที่ไหนเล่า นี่แก้ผ้าแก้ผ่อนนี่ ชาวบ้านเขาหาว่าบ้าแล้ว ไม่บ้าหรอก ผมน่ะ มันเป็นยังไง ไหนลองเล่าให้ฟังซิทำไมถึงถอดแก้ผ้าแก้ผ่อน จะไม่แก้ยังไงเล่า ก็เทวดาเอาชุดสวยมาให้เลยน่ะ จะเปลี่ยนชุด เห็นเอาชุดใหม่มาให้นี่ บอกนี่ชาวบ้านเขาเรียกว่าบ้าแล้ว คนเต็มบ้านเต็มวงจะไปแก้ตรงนั้น เขาเรียกไอ้คนไม่ใช้ปัญญา นี่ตรงนี้ไอ้กิเลสมารมันแทรกได้ ไม่ใช่ปัญญาประกอบว่าควรไม่ควรอะไรนี่ เชื่อส่งเดชไปได้

    มีศีล มีสมาธิ แล้วก็มีปัญญา ปัญญาก็ต้องใคร่ครวญ ยิ่งฝึกสมาธิปกติยิ่งฉลาดนี่ ดูพระหลวงปู่หลวงตาซิ อยู่ในป่าในโป่งน่ะ ไม่ได้มีความรู้อะไรมาก แต่เป็นพระอรหันต์ทีไรฉลาดทุกองค์ ไม่เห็นมีใครซื่อบื่อสักองค์นี่ (หัวเราะ) โอโห ฉลาดเหยียบเมฆทั้งนั้นเลย เราตามไม่ทันเลย

    นี่ถึงว่ามีสมาธิ มีปัญญา มันฉลาด อย่างหลวงพ่อคูณนี่...ดูที่ท่านให้สัมภาษณ์แล้ว โอ้โฮ ไล่ท่านไม่จนหรอก ดูออกโน่นออกนี่ (หัวเราะ) ท่านจะเป็นอะไรไม่รู้แต่ว่าฉลาดนี่ สมาธิมันเกิดแล้วปฏิภาณไหวพริบมันช่วยเอง


    (จากคำบอกเล่า ธัมมวิโมกข์ พฤษภาคม 2538)


    1620404_243367359174057_7891866_n.jpg
     
  18. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    IMG_20180101_141333.jpg
    IMG_20180101_141403.jpg
    IMG_20180101_141631.jpg
     
  19. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
  20. Wannachai001

    Wannachai001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    8,844
    กระทู้เรื่องเด่น:
    112
    ค่าพลัง:
    +225,710
    21083281_793814630795991_1422991806552384331_o.jpg
    เรื่อง สมาธิ



    มีคำถามว่า สมาธิแบ่งออกได้หลายแบบ หลายวิธีการ แต่ละวิธีมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ว่าให้ถือกำหนดลมหายใจ บ้างก็ว่าให้คิดถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง บ้างก็ว่าคือการมองเข้าไปในสิ่งที่เป็นอยู่จริง อยากทราบว่าแท้ที่จริงแล้ว สมาธิคืออะไร และมีข้อควรปฏิบัติอย่างไร และจะถือหลักใดในการปฏิบัติ

    เอ้อ สมาธิยกไปก่อน คุยถึงเรื่องกินก่อน คือคนกินข้าวนี่ กินข้าวก็อิ่มใช่ไหม กินก๋วยเตี๋ยวก็อิ่ม กินขนมปังก็อิ่ม กินกาแฟก็อิ่ม กินให้อิ่มเพื่อต้องการไม่ให้ร่างกายหิว ร่างกายมันหิวถึงกินใช่ไหม สมาธิก็เหมือนกัน ทำเพื่อต้องการให้จิตสงบ เพราะฉะนั้นจะจับภาพพระก็ดี จะภาวนา นะมะ พะธะ ก็ดี จะรู้ลมหายใจเข้าออกก็ดี เป็นอุบายอย่างหนึ่งให้จิตสงบ ฉะนั้น คนทุกคนนี่จริตไม่เหมือนกัน คือนิสัยของคนไม่เหมือนกัน บางคนก็ชอบสีเขียว บางคนก็ชอบสีแดง ใครพอใจสีไหนก็เอาสีนั้น ทีนี้การภาวนา ใครชอบอย่างใดก็เอาอย่างนั้น

    พระพุทธเจ้าจึงสอนกับคนทุกคนที่มีจริตทุกจริตได้หมด ฉะนั้นถึงแยกแยะการภาวนาให้ตรงกับนิสัยกับจริตของคน ภาวนาแบบไหนก็ไม่ผิด ขอให้จิตเป็นสมาธิก็แล้วกัน ถ้าภาวนาแบบไหนถ้าไม่มีสมาธิก็แสดงว่าผิดแล้ว ผิดทางเพราะสมาธินี่มีแค่ขณิกสมาธิ นี่จิตก็เริ่มสุขแล้ว ถ้าภาวนาไปจิตฟุ้งซ่านต้องหยุดหรือเครียดต้องหยุด แสดงว่าผิดทาง แค่เข้าไปถึงประตูนี่มันยังไม่เข้าทาง เข้าไปชิมหน่อยเดียวมันยังไม่สุข นี่แสดงว่าผิดแล้ว ผิดทาง ต้องหยุด กลับมาตั้งหลักใหม่

    อย่างอานาปานุสสติ อย่างนี้เป็นต้น อานาปาฯ คือรู้ลมหายใจเข้าออก รู้ลมหายใจนะ แต่เรากลัวมันจะไม่รู้ เอ๊ะ มันไม่รู้สักทีวะ สูดซะแรงๆ บางทีก็เกร็งลม คือรินลมน่ะ กลัวลมจะออกไม่เป็นธรรมชาติ รินออกรินเข้า เหนักเข้าเหนื่อย เหนื่อยก็เครียด แสดงว่าผิดแล้ว พระพุทธเจ้าให้รู้ลมหายใจเข้าออกเฉยๆ หรือภาวนาควบไปด้วย

    แต่คนเราถ้าฝึกใหม่ๆ คล้ายกับมันจะแน่นหน้าอกไปหมด ตึงประสาทไปหมด แสดงว่าผิด ค่อยๆ รู้เข้ารู้ออกก่อน หยาบสุดต้องรู้เข้ารู้ออกเฉยๆ ก่อน ถ้าต่อไปถึงจะรู้อ้อ มันเข้าไปถึงไหนแล้ว มันออกไปถึงไหนแล้ว ต่อไปมันจะรู้ มันเข้าไปถึงนั่นมันละเอียด อ้อ เห็นสายลมแล้ว จิตก็จะเริ่มเบา จิตก็จะสุขขึ้น สุขแสดงว่าถูกทางแล้ว ถ้าเครียดต้องหยุด

    การปฏิบัติธรรมนี่จะยากอยู่ช่วงสมาธิต้นๆ เท่านั้นเอง ฉะนั้นที่ถามว่า ภาวนาอย่างไร อะไรอย่างไร คือว่าให้พอกับจริตของคน ใครชอบอย่างไรให้เอาอย่างนั้นนะ หลวงพ่อสอนนะ แต่สำนักบางสำนักอื่นเขาสอนให้ภาวนาพุทโธก็ดี หรือภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี ก็ภาวนาก็ไม่ผิด แต่ว่ามันเหมือนกับอะไรล่ะ อย่างวัดท่าซุง หรือหลวงพ่อของเรานี่มีแกง ๔๐ หม้อ เลือกกินเอา แต่วัดอื่นมีแกงหม้อเดียว เราจะเลือกกินเอาร้านไหนก็แล้วแต่ กินอิ่มเหมือนกันนี่ แต่เราไปเลือกเอา กรรมฐานคือกรรมฐาน ๔๐ ข้อ ชอบใจตัวไหนก็เอา

    “เอาเป็นว่าตอบข้อหนึ่ง ก็คือ สมาธิคืออุบาย เครื่องสงบใจ ทำให้ให้สงบ ควรจะปฏิบัติอย่างไร ก็บอกว่ากรรมฐาน ๔๐ น่ะ ไปเลือกเอาเถอะ ทีนี้เขาถามว่า แล้วจะยึดหลักใดในการปฏิบัติ หรือว่าต้องให้ไปอ่านกรรมฐาน ๔๐ เสียก่อน แล้วค่อยมาคุยกันใหม่”

    คือพื้นฐานจริงๆ แล้วนี่ท่านให้เอาอานาปาฯ เป็นหลักไว้ อานาปาฯ นี่เป็นต้น ตัวนี้ทำให้สงบง่ายขึ้น ถ้าได้ตัวนี้แล้วตัวอื่นจะง่ายขึ้น อานาปาฯ นี่เป็นกรรมฐานที่ละเอียด แล้วก็เป็นหลักใหญ่ ถ้าจับกสิณแล้วอานาปาฯ ไม่ทรง ก็จะทรงตัวยาก ถ้าได้อานาปาฯ เสียแล้ว ตัวอื่นจะง่ายหมด

    ไอ้ตัวอานาปาฯ มันตัวลบคลื่น จะจับกสิณสีแดงก็ต้องมาลงที่ศูนย์อานาปาฯ นี่ จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว สีอะไรได้ อานาปาฯ คล่องเสียมันก็เปลี่ยนง่าย อานาปาฯ คือลบอารมณ์ฟุ้งซ่าน

    “ทีนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยปรารภว่า ในกรรมฐาน ๔๐ หรือว่า ถ้ารวมมหาสติปัฏฐานสูตรเป็น ๔๑ นี่ เป็นกรรมฐานพิจารณาเสียตั้ง ๒๙ เป็นกรรมฐานภาวนาแค่ ๑๑ คือ อานาปาฯ กับกสิณ ๑๐ เป็นกรรมฐานภาวนา ในขณะที่อื่นๆ นี่ ไม่ว่าจะเป็นอนุสสติก็ดี จะเป็นพรหมวิหาร ๔ จะเป็นอะไรก็ตามแต่เถิด เป็นกรรมฐานพิจารณา ทีนี้แม้แต่กรรมฐานพิจารณาก็ต้องตั้งต้นที่อานาปาฯ ใช่ไหมครับ หรือว่าอย่างไรครับ”

    ใช่ๆ ท่านบอกว่าถ้าไม่มีอานาปาฯ อย่างอื่นไม่ทรงตัว

    “อย่างเช่นว่าจะเอาตัวเมตตาเป็นบทกรรมฐานอย่างนี้ จะพิจารณาเมตตาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องตั้งต้นที่อานาปาฯ เสียก่อน พอกำลังใจนิ่งดีแล้ว ทีนี้ก็จะพิจารณาได้ทะลุปรุโปร่งใช่ไหมครับ”

    แต่บางอย่างท่านก็ให้คิดพิจารณาเสียก่อน พิจารณาจนจิตเย็นแล้ว อ่อนดีแล้ว อย่างเช่นหลวงปู่ปานสอนให้หลวงพ่อใช่ไหม หลวงพ่อชอบอิทธิฤทธิ์นี่ ชอบฤทธิ์ชอบเดช โอ๊ย...แกจะให้มีอภิญญาทรงตัวแกต้องพิจารณาเสียก่อนว่า เออ...ร่างกายนี่มันไม่เที่ยงนะ มันต้องตายนะ พิจารณาให้จิตยอมรับ หลวงพ่อก็เออ... จะให้มีฤทธิ์มีเดชใช่ไหม ก็ต้องพิจารณาตรงนี้ ที่แท้หลวงปู่ปานสอนวิปัสสนาญาณให้เสียจนชุ่มหมดแล้ว พอสมาธิทรงตัวมันก็ง่าย หลวงปู่ปานฉลาดกว่าหลวงพ่อ

    “เอ๊ะ แต่ได้ข่าวว่าท่านพระครูปลัดฯ ท่านเจ้าอาวาสนี่ท่านก็ชอบฤทธิ์ชอบเดชอยู่ไม่ใช่หรือครับ”

    ชอบ...โอ้โห ชอบจังเลย ชอบจนเขี้ยวเหี้ยนหมดเลย ไม่ได้สักอย่าง มันเป็นบุพกรรมต้องชอบสุกขวิปัสสโก คือตัวเองมันเกี่ยวกับกลัวจะตายเสียก่อน กลัวจะไม่ได้อะไรสักอย่างเลย คือมันเป็นคนคิดมากอยู่อย่างว่า ไอ้ที่เรารู้มันจริงหรือเปล่า บางทีมันก็จริงมั่ง บางทีก็ไม่จริงมั่ง เราก็ เอ๊ มันจะเสียเวลาเสียแล้ว

    “ชักจะมีมรณานุสสติ ว่าอย่างนั้นเถอะ”

    ใช่ กลัวจะเสียเวลาเกินไป สอง กลัวเราจะเสียพระเสียก่อน เลยต้องตัดออกไปให้หมด

    หลวงพ่อพระราชภาวนาโกศล(อนันต์ พทฺธญาโณ)


    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=194


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2018

แชร์หน้านี้

Loading...