เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

เป็นข้อมุลที่อัพเดทได้สมบูรณ์มากครับสาธุในธรรมทานครับ

 

ไปค้นหาข้อมูลจากองค์การ น่าซ่า เรื่ององศาที่เบี่ยงเบนของโลกในปัจจุบันนี้ไม่มีเลยค่ะ ใครมีข้อมูลบ้างค่ะ หรือ มีบุคคลใดที่มีระดับญาณหยั่งรู้ได้ช่วยนำมาเล่าสู่กันฟังบ้างค่ะ

มีข้อมูลหนึ่งอยากเสนอให้พิจารณาค่ะ อาจเป็นความเห็นที่อาจแปลกหรือแตกต่างจากสื่อที่เป็น Talk of the town ในขณะนี้ก็ได้ค่ะ

เมื่อจิตจักรวาลสื่อออกมาว่า เป็นวันสร้างโลก มิใช่วันสิ้นโลก โดย อ.ปริญญา ตันสกุล

จะตรงกับสื่อต่างมิติที่บอกว่า ยกระดับจาก มิติที่ 4 ขึ้นสู่ระดับมิติที่ 5

แกนขั้วแม่เหล็กจะเบี่ยงเบนไปจากองศาเดิมไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ 3 องศา

นักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่า การที่แม่เหล็กพลิกกลับขั้วได้ ก็เฉพาะพลังงานสนามแม่เหล็กโลกลดลงอย่างมากจริง ๆ การพลิกขั้วกลับ จะเป็นการตีลังกากลับสลับขั้ว เปลี่ยนสลับขั้วระหว่างขั้วเหนือ กับ ขั้วโลกใต้ และนักวิทยาศาสตร์กล่าวไว้ว่า กินระยะเวลาประมาณ 2000 ปี ถ้าระยะเวลาประมาณนั้น ก็กะว่า ยุคสิ้นพุทธันดร หรือ ยุคสิ้นศาสนาพระสมณโคดม

ลองกดเข้าไปอ่านดูค่ะ ตามลิ้งด้านล่างนี้

http://www.4dthai.com/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B9%87%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%81/

แล้วมีคำถามกับตัวเองว่า ถ้าอย่างนั้นถ้ายังไม่ถึงเวลาขั้วโลกพลิกกลับขั้วตีลังกาหัวกลับ ระดับภัยพิบัติจะมีความรุนแรงแค่ไหน ? พระพุทธองค์ตรัสว่า ยักษ์นอกศาสนาจะได้ความทุกข์เข็ญมากจากภัยพิบัติต่าง ๆ ส่วนประเทศที่นับถือพุทธศาสนาจะทุกข์เภทภัยน้อยกว่ายักษ์นอกศาสนา แต่ก็หนีภัยธรรมชาติไม่พ้น

และระยะเวลาที่โลกกำลังเบี่ยงเบนขั้วแม่เหล็กโลกนี้ ย่อมเกิดภัยพิบัติตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วโลก หากโลกยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น เพราะเมื่อสิ้นสุดแล้ว นักวิทยาศาสตร์บอกว่า พลังงานสนามแม่เหล็กเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดธรรมชาติที่งดงามแก่โลก ที่เรียกว่า "วันฟ้าใหม่" หรือ "นิวเอจ" หรือ การยกระดับมิติพลังงานขึึ้นสู่ระดับที่่ 5

เรากำลังจะบอกว่า และให้กำลังใจแก่ตนเองว่า อนาคตอันใกล้นี้โลกยังไม่ถึงเวลาพลิกสลับขั้ว หรือ เกิดภัยพิบัติระดับใหญ่ที่ถึงกลับล้างเผ่าพันธ์มนุษย์ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นการชำระล้างส่วนเกินออกไป ภัยธรรมชาติเกิดทะยอยขึ้นตามประเทศต่่าง ๆ ทั่วโลก เป็นการทะยอยชำระล้างส่วนเกิน เมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งพอกพูนสั่่งสมกิเสลของคน ค่อย ๆ กำจัดออกไป ส่วนที่รกโลก ทั้งคนและวัตถุ จึงมีธรรมชาติเล่นงานไม่เว้นในแต่ละวัน

และต้องการจะสื่ออะไรหรือค่ะ? ภัยธรรมชาติจะใหญ่หรือไม่ว่า ขึ้นอยู่กับพลังงานของโลกว่าอ่อนแอลงเพียงใด? นักวิทยาศาสตร์บอกว่า ขณะนี้ถึงแม้สนามพลังงานแแม่เหล็กของโลกจะลดลง แต่ระดับพลังงานแก่นกลางโลกยังมีระดับที่ใช้ได้อยู่ (ไม่รู้ว่าใช้คำพูดถูกหรือเปล่า) จึงมีความเชื่อมั่น ณ ปัจจุบันนี้ โลกจึงยังไม่สลับขั้ว เพราะพลังงานยังไม่ลดลงมากจจนถึงเหตุที่จะทำให้เกิดอย่างนั้น เพียงแต่แค่ขัั้วโลกเบี่ยงเบนองศาเพื่อยกระดับพลังงานของโลกเท่านั้น แต่ก็ภาวนาอย่าให้มีเหตุการณ์อะไรทำให้พลังงานลดลงไปมากมายกว่านี้อีก

ให้นึกถึงเหตุผลที่ว่า ....เนื้อนาบุญของโลกสำคัญต่อโลกแค่ไหน!....

ทำไมผู้ที่บรรลุธรรมจึงทำให้โลกธาตุหวั่นไหว เกิดแสงสว่างไปทั่วโลกธาตุ (คำบอกเล่าครูบาอาจารย์)

พระสงฆ์ พระอริยะบุคคลจึงเป็นเนื้อนาบุญของโลก (เนื้อนาบุญ คือ ความเจริญงอกงาม)

ผู้มีศีลมีธรรม ประกอบด้วยเมตตา ทำให้โลกนี้สงบสุข

บุคคลดังกล่าวย่อมให้แสงสว่างแก่โลก ทำไม? บุคคลทั้งสาม จึงมีผลแก่โลกมากนัก?

รู้ไหม....ว่าทำไม? แสงสว่างแห่งจิตวิญญาณ กับแสงสว่างใจกลางโลก เป็นพลังแสงสว่างแห่งกำเนิดเดิม เมื่อมีปฏิกริยามอบให้แก่กัน เป็นพลังงานร่วมกันก่อกำเนิดพลังงานที่สูงมาก เป็นแหล่งกำเนิดพลังงานสนามแม่เหล็กโลกและทำให้ผู้อาศัยในโลกดำเนินไปทางที่เจริญเพราะมีสติปัญญาที่สูงส่งขึ้น

โลกอาจจะยังไม่พลิกกลับขั้ว แต่โลกจะทยอยชำระสิ่งที่รกโลกออกไป หรือ Reseใหม่ ค่ะ

 

ออครับขอบคุณที่มาอัพเดทความรู้ให้นะครับ

 

จริงๆแล้วมันก็ไม่มีอะไรแน่นอนนะครับ โลกเราไม่ได้กลมเพราะฉะนั้นถ้ากลับขั้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่เหนือใต้แบบในปัจจุบันก็ได้ เหนืออาจอยู่อเมริกา ใต้อยู่นิวซีแลนก็ได้

หลักฐานทางธรณีวิทยา หลายๆแ้งในไทยและต่างประเทศก็มีว่าแผ่นชัั้นดินเลืื่อนสูงขึึ้นถึง 20-30 เมตรในเวลาไม่กี่ปีครับ

เพราะงั้นสิ่งที่บอกว่าค่อยเป็นค่อยไปตามหลักวิทย์ฯนั้นมันไม่แน่นอนครับ ซึนามิ 2547 ก็บอกไว้ชัดเจนแล้วนะครับ เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก็สามารถฆ่าผู้คนได้มากกว่าสามแสนคนแล้ว และถ้าเหตุมันใหญ่กว่านั้นละครับ ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอนครับ คนที่บอกว่าทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปเขาสร้างเรือโนอาไว้แล้วหรือเปล่า

การเลื่อนระดับมีอยู่จริง แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้เลื่อนระดับไป นี่คือลำดับเหตุ และสังเกตให้ดีนะครับ เพราะเมื่อไรมันเกิดขึ้นแล้วมันจะไปเร็วมาก

เศรษฐกิจโลกล่มสลาย>WW3>ภัยธรรมชาติ+โรคระบาด

จริงๆมีรายละเอียดปลีกย่อยอยู่อีกนะแต่ก็เท่านั้นละ รู้ไปก็ใช่ว่าแก้ปัญหาได้

นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้ายของเรานะ อย่าใช้ชีวิตโดยประมาท พึงระลึกเสมอว่า ถ้าพรุ่งนี้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเราจะทำอะไรได้ ถ้าเราแก้ไขมันไม่ได้ มีสิ่งใดที่ทำเพื่อตัวเองได้บ้างละ ก็จงทำสิ่งนั้นซะ

หวังว่าเราคงได้เจอกันในวันฟ้าหลังฝนนะ

บุญรักษา

 

อ๋ออีกอย่างนะครับ ข้อมูลทางวิทย์ฯที่ผมมี และข่าวที่เกี่ยวกับระดับ climate change อยู่ในสภาวะสิ้้นหวังอย่างสุดๆ ข้อมูลมีหลายด้านครับ อย่าเชื่อเพียงข้อมูลด้านใดด้านหนึ่่ง ในไทยไม่ค่อยมีเหตุทางธรรมชาติรุนแรงเหมือนต่างประเทศ แต่หลังจากนี้คอยดูให้ดีนะครับ หลังปีใหม่นี้

กลุ่มต่างประเทศนั้นเขารวมกลุ่มกันแล้วนะครับ ละทิ้งชุมชนเมือง และแสวงหาแค่ปัจจัย4 รอรับหายนะที่กำลังมา ถึงจะไม่มากแต่ก็เพิ่มจำนวนเรื่อยๆครับ

เขาไม่ได้เชื่อเรื่องวันสิ้นโลก แต่เขาไม่อาจรอคอยให้รัฐมาช่วยเหลือได้ เพราะเมื่อไรที่ climate change มันรุนแรงสุดๆแล้ว รัฐก็จะไร้ความสามารถในทันทีครัับ

 

มาต่อกันค่ะ ข้อมูลเพิ่มเติม

จากที่รู้กันจากนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกตามสื่อต่าง ๆ จะมีข่าวออกมาสอดคล้องกับที่ เรารับรู้จากสิ่งศักดิ์สิทธิิ์ว่า การเคลื่อนย้ายแนวแกนแม่เหล็กโลก ได้ย้ายโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปจาก ...ตำแหน่งเดิม สู่พิกัดใหม่ ก็หมายถึง การเคลื่อนย้ายแท่งแม่เหล็กโลกเหนือใต้ โดยมีแท่งโลหะหนักอยู่ตรงใจกลางโลก ที่มีการเคลื่อนไหลไปมาอยู่รอบ ๆ จะพลังงานแม่เหล็กแผ่ขยายออกมา เป็นพลังงานสนามแม่เหล็กโลก ตรงนี้แหละค่ะเป็นจุดสำคัญ

เท่าที่เราทราบกันเมื่อหลายปีที่ผ่านมา จากนักวิทยาศาสตร์ เรื่อง พลังงานจากพายุสุริยะ และ พลังงานแม่เหล็กจากดวงจันทร์ไอโอ ผลคือ การเกิดภัยพิบัติ ภัยอันตรายต่าง จะเกิดขึ้นแต่ทวีความรุนแรง และมีความถี่ในการเกิดแต่ละแห่งกกระชั้นขึ้นเรื่อย ๆ ลักษณะการเกิดจะเลียนแบบปรากฏการณ์ ม้วนกลับของพลังงาน คล้ายกระบวนการขยายตัวของจักรวาล "บิ๊กแบง" นั่นคือ จะเกิดในท้องถิ่นที่ห่างไกลความเจริญที่อยู่รอบนอกก่อน แล้วค่อย ๆ ม้วนกลับเข้าสู่จุดศูนย์กลาง คือ ประเทศที่เป็นศูนย์กลางแห่งความเจริญเติบโตทางเทคโนโลยีแห่งมนุษยชาติทั้งหลาย ภาวะวิกฤตเหล่านี้ มนุษย์ต้องเผชิญกับมันอย่างแน่นอนไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ มันจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่จำเพาะเจาะจงว่าเป็นปีหนึ่งปีใด ที่คาดหมายกันว่าโลกจะหายนะในปีนั้น

จิตจักรวาลสื่อว่า ปรากฎการณ์สุดท้ายบางส่วนจะให้เห็น คือ ผลพายุแม่เหล็กธรณีจะเกิดขึ้นอย่างรุนแรง คือ จะทำให้แผ่นดินใหม่โผล่ขึ้นมาให้เห็น หรือ แผ่นดินเก่าที่เคยจมลงใต้แผ่นน้ำ โบราณวัตถุใด ๆ ที่เคยฝังตัวอยู่ในกายภาพของโลก จะผุดโผล่ขึ้นมาโดยไม่ต้องเปลืองแรงขุด

โลกยังไม่หายนะ เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาแต่มนุษย์เองต่างหาก ตั้งตนอยู่ในความประมาทและความหลง มนุษย์นั้นอาจต้องหายนะถึงแก่ชีวิตท่ามกลางวิกฤตเหล่านั้นมากกว่า เพราะความประมาทและขาดสติ นอกจากนั้นอุบัติเหตุร้ายแรงขัั้นตายหมู่คราวละมาก ๆ จะเกิดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ไมว่าทางบก ทางน้ำ ทางอากาศก็ตาม มนุษย์พึงจงสังวรณ์ไว้ให้จงหนัก

มนุษย์จำนวน 1 % หรือ จำนวน 60 ล้านคนน จะต้องจบชีวิตทันทีด้วยภัยธรรมชาติ สถิติการตายสะสมของช่วงการเปลี่ยนแปลงโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก สู่ยุคพลังงานใหม่...

เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากค่ะ สำหรับยุคที่หลายคนสงสัยเกี่ยวกับภัยพิบัติในยุคนี้ มีข้อมูลที่เรารู้มาจากเทพเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และผู้มีญาณคุณอันวิเศษมากมาย ข้อมูลนี้ได้มาจาก สื่อคลื่นความคิดจากจิตจักรวาล หนังสือของ อ.ปริญญา ตันสกุลค่ะ ซึ่งตรงกับหลาย ๆ สิ่งที่เราได้รู้ข้อมูลกันอยู่ในขณะนี้

หลาย ๆ คน สงสัยว่า จิตจักรวาล คือ อะไร ถ้าเรานึกถึง สวรรค์ทั้ง 6 ชั้น และ เทพพรหมตามชั้นพรหมโลกต่าง ๆ ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องบน และจิตจักรวาลอยู่ตรงไหน? ของชั้นฟ้า เทพเทวดาอินทร์พรรหมเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องบนในชั้นจักรวาลโลก แต่ จิตจักรวาล คือ.....

ธาตุทั้งยวงของวิวัฒนาการนั้นคือ อาการที่เรียกว่า "วัฏฏะสสาร" ลักษณะ "วัฏฏะสสาร" นี้มีลักษณะเช่นเดียวกันกับสิ่งที่เรียกว่า "Galaxy" นั้นเอง จิตจักรวาล คือ จิตที่พ้นจากอัตตา จิตแห่งความเป็นตนออกพ้นไปจากกระแสของ"วัฏฏะ" หรือ การแยกออกจากอัตตา เข้าสู่จักรวาล นี้เรียกว่า "จิตจักรวาล" คือ เกิดจาก "วิมุตติแยกจากอัตตาจิตแห่งความเป็นตน" ออกไปจนพ้นกระแสของวัฎฎะ เข้าสู่เนื้อความว่างของอวกาศ" นอกวัฎฎะ สู่ อวกาศ อันแท้จริง ซึ่งเป็นคนละเนื้อกับสภาวะนิพพาน

ข้อมูลประมาณนี้ ศึกษาได้จากกระทู้ด้านล่างนี้ค่ะ

http://palungjit.org/threads/การแยกปรมาณูละเอียดออกจากจิต.567699/

เราจะเชื่อกันหรือไม่ เป็นการเตือนสติทางวิญญาณให้ได้รับรู้ค่ะ ว่ากำลังเกิดขึ้นอะไรกับโลกมนุษย์ เพื่อให้มนุษย์ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเอง ว่าต้องทำเช่นไรตามที่เรารับรู้กันมาแล้ว ตามคำพุทธทำนาย และคำบอกกล่าวของครูบาอาจาย์ที่ทรงคุณทุกท่านค่ะ

 

นี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกขาดความสมดุล ที่มีผลต่อการเหวี่ยงตัวของโลก ทำให้โลกหมุนตัวช้าลง มีส่วนให้แกนโลกเอียงและพลิกคว่ำค่ะ นอกจากขยะเทคโนโลยี และ การขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ ฯลฯ ไม่มีสิ่งใดจะปกป้องกันภัยพิบัติได้หรอกค่ะ หากสร้างมีแต่เร่งให้เกิดภัยธรรมชาติแก่ประเทศชาติตน และโลกมากขึ้น ถือ ว่ายังเป็นความโชคดีของประเทศไทยนะค่ะ ที่ยังไม่คิดสร้าง เพราะการป้องกันภัยพิบัติได้ อยู่ที่ คุณธรรม ศีลธรรม มนุษย์ธรรม ภายในจิตใจของมนุษย์ด้วยกันเองเป็นสิ่งสำคัญ

 

ข้อมูลแน่นมากฮะถ้ามีไรเพิ่มเติมอีกรบกวนบอกอีกด้วยนะครับอนุโมทนาฮะ

 

เมื่อคืนก็ฝันว่ามีสัตว์ในน้ำ ขึ้นมาบนบกจำนวนมาก เเล้วมีคนมาขอชื่อ เเล้วมีหมายเลยกำกับด้วยครับ เเค่ฝันนะครับ

 

มีไรคืบหน้าอีกไหมครับแม่ชีจิตยิ้มเห็นเงียบไปนานฮะ

 

เมื่อก่อนตอนเรียนไบเบิ้ล
พระธรรมวิวรณ์ในไบเบิ้ล

กล่าวถึง ยุคสุดท้ายและวันอวสานโลก อมาเกดอน นั้นล่ะ
เป็นปริศนา

ตอนนี้จำไม่ได้แล้ว ตอนนั้น นั่งอ่านบทนั้นเมามันส์มาก....

 

ก็ ไฟไหม้ป่า ที่แคลิฟอรเนีย ทะเลเพลิง

นี้มลก้หวั่นว่า จะมีพายุหิมะอีกหรือเปล่า ...

 

ขอบคุณที่มาอัพเดทความรู้เพิ่มนะฮะหนูมลสวดบทจักรพรรดิ์มา3วันเด็กเขาบอกว่าหลวงปู่กับหลวงตาม้าแวะมาอนุโมทนาทุกวันเลย

 

ลองพิจารณาเรื่องนี้ดูกันค่ะ

1.เรื่องระยะเวลาที่ทุกคนคาดคิดว่าจะมาถึง
2.การขยับตัวของแกนโลก ในช่วงสุดท้ายจะเป็นอย่างไร?

ถ้าเรื่องระยะเวลานะคะ วันนี้ได้บังเอิญคุยกับคนหนึ่งเขาบอกว่ามีญาณองค์เทพ เขาบอกว่า ปี2561 และ 2562 ประเทศไทยจะได้รับภัยพิบัติ ก็ต้องลองดูต่อไปค่ะ

แต่ถ้าทางวิทยาศาสตร์องค์การนาซ่า ที่ไปเจอข้อมูลบอกว่า ประเทศไทยปี 2563 คือ กรุงเทพและปริมลฑล อยุธยา สุพรรณบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร ไม่มีในแผนที่โลกขององค์การน่าซ่าที่ทำขึ้นไว้ค่ะ เท็จจริงเป็นอย่างไรใครรู้ได้ แต่มีเหตุจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก และดินยุบตัวเป็นเหตุหลัก

ใคร ๆ ก็คาดคะเนว่า ปี 2561 2562 2563 นี้เป็นปีที่จะเกิดภัยพิบัติต่าง ๆ เป็นข้อมูลที่เกือบตรงกันทั่วทุกสารทิศ ที่นี้นะซิค่ะ

ลองมาดูข้อมูลของจิตจักรวาล สื่อว่า การที่โลกเริ่มปรับเข้าสู่ยุคใหม่ ตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปี 2542 เป็นระยะเวลา 7 ปี ที่เริ่มนับแต่มีพายุสุริยะ แกนโลกได้ขยับไปเพียง 1 องศา จากเดิม 23.5 องศา เจ็ดปีค่ะ ขยับเพียงแค่ 1 องศา แต่ไม่รู้ว่ามีใครรวบรวมสถิติไว้บ้างว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกในช่วงนั้นอย่างไรบ้าง สำหรับระยะเวลาที่เคลื่อนไป 1 องศา เราจะสังเกตุได้ว่า ทุกระยะเวลา 7 ปี ที่คนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าโลกจะขยับ ที่ 1องศา ถ้านับจาก พ.ศ. เป็นช่วง 2535 ก็แล้ว ปี 2542 ก็แล้ว ปี 2549 ก็แล้ว ปี 2556 ก็แล้ว นั่นก็ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุดอย่างที่ทุกคนคาดคิดกัน ถ้าอย่างนั้นที่เหลืออยู่ในรอบสุดท้ายในระยะเวลาช่วงปี 7 ปี หลัง จะอยู่ที่ ปี 2563 นี้คือ ปีที่ทุกคนคิดว่าน่าจะเป็นปีสุดท้ายที่สิ้นสุด

https://board.postjung.com/655859.html

ถ้าเราดูสถานการณ์โลกปัจจุบันนี้ ที่เราคิดว่าถ้าสถานการณ์จะเป็นอยู่อย่างนี้ โลกเราจะเป็นเช่นไร!! จะเดินหน้ากันไปได้อย่างไร!! เอาแค่สภาวะภูมิอากาศกับพืชธัญญาหาร กับสภาพที่เป็นอยู่ ณ ขณะนี้ หรือ แม้แต่ทรัพยากรธรรมชาติ ที่จิตจักรวาลบอกว่า หากยังเป็นอย่างนี้ต่อ มนุษย์ก็จะไม่เหลือใบไม้แม้แต่ใบเดียว ลองคิดดูนะคะว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จะเป็นอย่างไรบ้าง?

ตามหลักกฏธรรมชาติ อันเป็นสัจธรรม เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป หรือ สร้างใหม่ ดำรงอยู่ ทำลาย

ข้อมูลที่ใครหลายคนอาจจะไม่ได้คำถึงค่ะ...การเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ทุกครั้ง ทำให้แกนโลกและการหมุนตัวเปลี่ยตัวเปลี่ยนแปลง สถิติคร่าว ๆ ...

26 ธ.ค. 2547 เกิดแผ่นดินไหวที่สุมาตรา ขนาด 9.1 ริกเตอร์ ที่ภาคใต้เราได้ผลกระทบด้วย ทำให้แกนโลกเปลี่ยนแปลงไป 2.32 มิลลิอาร์กวินาที ทำให้เวลาสั้นลง 6.8 ไมโครวินาที ส่วนปี 2553 แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่ชิลี ขนาดด 8.8 ริกเตอร์ ทำให้แกนโลกเปลี่ยนแปลงไป 2.7 มิลลิอาร์กวิทนาที ระยะเวลาสั้นลง 1.26 ไมโครวินาที นั้นคือ โลกหมุนเร็วขึ้น นักวิทยาศาสตร์ได้ให้ข้อมูลว่า แกนโลกมีการขยับตัวมากที่มีผลกระทบมาจาก อันตรกริยาระหว่างโลกกับดวงจันทร์เป็นหลัก มีค่าขยับมากที่สุด 9.21 อาร์กวินาที ประมาณ 0.0025 องศา

ดููซิค่ะแกนโลกขยับ 9.21 อาร์กวินาที โลกขยับเพียงแค่ 0.0025 องศา แล้วแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 9.1 ริกเตอร์ กับขนาด 8.8 ริกเตอร์ ขยับเพียงแค่ 2 จุดกว่า ๆ มิลลิอาร์กวินาที ลองเทียบคำนวนดูค่ะว่า แกนโลกขยับไปกี่องศา แล้วเพียงแค่ 1 องศาโลกต้องสั่นสะเทือนไปเท่าใด ภัยที่เกิดขึ้นน่าจะประมาณไหน! น่าคิดเหมือนกันนะค่ะ

ทีนี้มีอีกอย่างหนึ่งค่ะ เรื่องการทำลายมี 2 ประเด็น คือ การทำลายเพื่อสร้างใหม่ กับ การทำลายเพื่อปรับความสมดุล ใครจะเข้าไปอยู่ในเหตุนั้น ภัยพิบัติที่ผ่านมาเป็นเคราะห์กรรมของคนในชนชาตินั้นๆ ที่ศาสนาบอกว่า "มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์" ผลกระทบที่ได้รับจะสาหัสแค่ไหนอยู่กับกรรมของคนในชาตินั้น ๆ ตั้งแต่อดีตได้ทำลายธรรมชาติ คือ ดิน น้ำ อากาศ และ พืชพันธ์ของโลกไว้แค่ไหน การเบียดบังทรัพยากรธรรมชาติล่วงเกิน คือ การไปทำลายจากที่หนึ่ง มาสร้างใหม่อีกที่หนึ่ง เช่นเมืองอาคารใหญ่ ๆ การลุกล้ำ คือ การขนดินถมทะเลก่อสร้าง เป็นต้น

ลองพิจารณาดูค่ะ ประเทศไทยอาจมีศาสนาไว้ป้องคุ้มกันภัย แต่สำหรับคนชั่วก็ต้องรับภัยเอง แล้วเรื่อง การลุกล้ำ การเบียดบังธรรมชาติ เราจะพ้นจากภัยธรรมชาติได้มากน้อยเพียงใด ต่อการเปลี่ยนแปลงโลกในครั้งนี้

เป็นการวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อช่วยกันคิดค่ะ น่าคิดเหมือนกันนะค่ะ

 

ข้อมูลแน่นมากครับขอบคุณที่มาอัพเดทไห้นะครับ

 

การเปลี่ยนแปลงมีสองกรณี

ใครรู้สึกเหมือนกันบ้างไหม! เหมือนโลกมันมาถึงทางตัน ชะลอๆ อย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนหยุดเดินทางมุ่งไปข้างหน้า มีแต่ถอยหลัง เจอแต่ข่าวรบราฆ่าฟัน ช่วงชิงอำนาจ เศรษฐกิจโลกย่ำแย่ หากินกันฝืดเคือง

อยากภาวนาให้วันฟ้าใหม่ไวๆ การเคลื่อนตัวของโลกมันจะค่อยๆ ขยับไป เกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติหนักบ้าง เบาบ้าง อย่างที่ผ่านมา อาจตัองใช้ระยะเวลาอีกไม่รู้กี่สิบปี คนยุคนี้ก็รับกรรมทรมานกันไปอีกแสนนาน. หรือถ้าเกิดตามการที่ทำนายทายทักกันไว้ ในช่วงระยะเวลาสองสามปีที่จะถึงนี้ ถ้าโลกอยู่ในสภาพนี้ แล้วเปลี่ยนแปลงสู่สิ่งใหม่ คือเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือ เป็นหลังมือ ก็คงหนักเอาการ ไหนจะอยู่ในช่วงระยะเวลาฟื้นฟูอีกหลาย ยุคนี้จึงเป็นยุคทุกข์เข็ญกันจริงๆ

ถ้าเลือกได้อยากเป็นแบบไหน ระหว่างเปลี่ยนแปลงระหว่างแบบที่1 และแบบที่2 ถ้าติดตามสถานการณ์โลกแล้ว แบบที่สองน่าจะมีภาษีมากกว่า การรบราฆ่าฟันเอย การทดลองระเบิดนิวเคลียร์ล้วนแล้วแต่ทำให้พลังงานของโลกอ่อนแอลง ทำให้พลิกคว่ำได้ง่าย

คนยุคนึ้จึงน่าสงสาร ใครที่ไม่เชื่อ หรือเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง คิดอย่างไรกันบ้าง เพราะระยะเวลาที่เกิดภัยจะเกิดขึ้นมามันก็เลื่อนมาช่างยาวนานเหลือเกิน จนหลายคนเลิกคิดและเลิกสนใจไปก็มี จนกลายเป็นเรื่องชินชา ก็ดีนะ บางทีการชาชินก็คือ การยอมรับชะตากรรมโดยไม่ได้ตั้งใจ บางคนมีบุญมากแทบไม่ได้รับผลกระทบ หรือกระทบเพียงส่วนน้อยเลยกลายเป็นเรื่องไกลตัว คนที่โชคดี คือคนที่มีบุญ คนที่พอเพียง คนที่ปฏิบัติตามคำสอนของศาสนา

เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมพร้อมรับทุกสถานการณ์กันค่ะ มันไม่อาจได้ดั่งใจที่ต้องการ ล้วนแล้วแต่ปัจจัยส่งผลให้ เพราะไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง มันเป็นชะตากรรมของคนที่ต้องเกิดมายุคนี้ แสดงความรู้สึกส่วนตัวออกมาบ้างค่ะ เบื่อโลกแบบนี้ อยากเห็นโลกสวยสดงดงาม ความรู้สึกลึกๆ ในขณะนี้ ที่เป็นในบางครั้ง

 

ครับเห็นด้วยครับเปลี่ยนไหม่ก็ดีครับจะได้เห็นอะไรไหม่ๆ

 

เคยสังเกตุกันไหมค่ะว่า...ทำไม? การเกิดภัยพิบัติ ที่ใคร ๆ ก็พูดถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นครูบาอาจารย์ผู้ทรงฌานผู้ทรงญาณ หรือ ตำราต่าง ๆ หมอดูต่างก็ทายทักว่าจะเกิดปีนั้นปีนี้ ทำไมถึงกำหนดปีได้ สงสัยไหมค่ะ!

ว่าทำไม!นะค่ะ ถึงกำหนดปีที่จะเกิดภัยพิบัติได้

ถ้าเราเชื่อในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เทพเทวา องค์ญาณเทพต่าง ๆ แม้กระทั่งผู้ทรงคุณพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบว่ามีจริงและความวิเศษจริง!! แล้วเราก็เชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เบื้องบนที่เหนือเทพชั้นฟ้า คือชั้นพรหมที่อยู่สูงสุดในชั้นจักรวาลโลก เราเชื่อกันอีกไหมค่ะว่า....ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่เหนือกว่านั้นอีก

ทำไมภัยพิบัติใหญ่ หรือ ภัยพิบัติที่จะสิ้นสุดเภทภัยรุนแรงต่าง ในยุคนี้ จึงมีการกำหนดปีนั้น ทั้งต่างเราก็รู้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุปัจจัยไม่มีใครสามารถควบคุมได้ ต่างล้วนเป็นไปตามเหตุของมัน

พายุสริยะ และพลังงานจากดวงจันทร์ไอโอ ที่เคยเป็นข่าววิทยาศาสตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลกต่างก็ติดตามกัน เป็นคลื่นกระแสแม่เหล็กจากระบบสุริยะที่ถูกส่งมาหลายระลอก มีผลต่อระบบการสื่อสารของโลกและสภาวะดินฟ้าของโลก ส่งผลให้เกิดภัยธรรมชาติต่าง ๆ ตรงนี้แหละค่ะที่สำคัญ ว่าเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติปกติแน่หรือ!

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้เตือนสื่อกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในโลกนั้น เหตุที่เรารับรู้กันมาบ้างว่าเป็นเพราะเหตุใด ทำไมโลกจึงต้องได้รับพลังงานจากนอกโลกเช่น พลังงานจากระบบพายุสุริยะ เหตุผลสำคัญ!!! ก็เพื่อเปลี่ยนแปลงโลกนี้แหละค่ะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แจ้งว่า มันเป็นความจงใจของจักรวาล การเปลี่ยนแปลงนี้อยู่ภายใต้การควบคุมของจักรวาล เพราะถ้าขืนให้มนุษย์ยังกระทำต่อโลกเช่นนี้ โดยไม่ได้เข้ามาช่วยเหลือ โลกจะอยู่ไม่ได้ เพราะถึงวิกฤติขั้นหนักทั้งจิตใจมนุษย์และทรัพยากรในโลก จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนกระบวนการพลังงาน พลังงานที่ถูกส่งเข้ามานอกโลก ก็เพื่อการนี้ค่ะ

ถ้าเรานึกภาพสิ่งหนึ่งเกิดพลังงานที่เสียสมดุลไป แล้วทุกสิ่งต้องปรับตนเองให้อยู่รอดเมื่อยังมีเหตุให้ดำรงอยู่ หากสิ่งนั้นหรือโลกย่ำแย่มาก แล้วมันเกิดปรับกระบวนการปรับเปลี่ยนพลังงานเองในกรณีที่ย่ำแย่สุดขีด แล้วดีดปรับตนเองขึ้นมาโดยอัตโนมัติครั้งเดียวเพื่อความอยู่รอด จะมีลักษณะเช่นไร!ลองนึกถึงภาพสิ้นพุทธันดร ที่เป็นการกระทำของธรรมชาติที่เกิดในยุคนั้น ที่พระศาสดาตรัสว่า โลกจะถูกทำลายด้วยไฟ เมื่อมนุษย์ยุคนั้นมีโทสะมาก จะถูกทำลายด้วยน้ำ เมื่อมีราคะมาก จะถูกทำลายด้วยลม เมื่อมีโมหะมาก เป็นปรากกฎการณ์อันเป็นสัจธรรมที่ตรัสไว้ แต่ครั้งนี้มิได้เป็นอย่างนั้น เพราะยังมีเหตุดำรงอยู่ได้ ในครั้งนี้จึงเป็นเพียงแค่กระบวนการเปลี่ยนแปลงพลังงานแค่นั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ภัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว และภัยต่าง ๆ ที่กำลังจะตามมา เป็นเพราะกระบวนการช่วยเหลือยกระดับพลังงงานจากนอกระบบโลกเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเป็นส่วนใหญ่ เพื่อต้องการให้โลกเป็นไปตามที่กำหนด การเกิดภัยนั้นจึงมีกำหนดปีที่จะเกิดตามที่เราทราบกันตามข่าวจากสื่อต่าง ๆ นั่นเองค่ะ

ซึ่งแต่เดิมแล้วมีกำหนดระยะเพียงแค่ ๑๐ ปี นับแต่ปี 2535 กำนดสิ้นสุดในปี 2546 แต่ระยะเวลาก็ได้เลื่อนมาเลื่อย ๆ ไม่เป็นเช่นนั้นได้ เพราะมนุษย์ยังประพฤติตัวกันเหลวไหลเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง คนส่วนใหญ่ไม่ได้ช่วยเหลือโลก หรือรักษ์โลก กันขึ้นมาบ้างเลยกลับทำตัวให้ย่ำแย่กว่าเดิม ภัยพิบัติกี่ครั้ง ไม่ได้เตือนใจให้มนุษย์ส่วนใหญ่สำนึกกลับมาได้เลย เมื่อถึงคราวที่โลกมีความจำเป็นต้องยกระดับปรับกระบวนการเป็นไปตามที่จักรวาลบอกไว้ ทุกคนต่างก็ต้องหลีกเลี่ยงภัยที่จะเกิดขึ้นไม่ได้เช่นกัน

นี้แหละค่ะเป็นเหตุผลว่าทำไม สิ่งทั้งหลายจึงบอกว่าจะเป็นปีไหน!!! แต่ที่ไม่เป็นอย่างที่กล่าวไว้ เพราะพลังงานของโลกมีปัจจัยร่วมอยู่หลากหลาย สิ่งที่สำคัญคือ มนุษย์บนโลกทุกคน!!!!! ถ้าหากไม่อยากเชิญชะตากรรมภัยพิบัติที่รุนแรงมนุษย์ทุกคนมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือโลกในการยกระดับเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ถ้าถึงเวลาจริง ๆ ก็มิอาจหลีกเลี่ยงได้แน่นอน

นำสื่อมาจากคลื่นความคิดจิตจักรวาล อ.ปริญญาค่ะ เพื่อลองพิจารณาถึงเหตุผลต่าง ๆ ที่เราได้รู้มาเป็นข้อมูลเตือนใจ และ ตัดสินใจค่ะ

นับแต่นี้ไป จนถึงปี 2563 เราทุกคนในโลกจะต้องเผชิญกับอะไร !! จะแค่ไหน ข้อมูลเตรียมใจเพื่อเตรียมพร้อมสติในทุกเหตุการณ์ เป็นเช่นไรใครยากคาดเดา ไม่เตือนให้กลัวค่ะ รู้ไว้ก่อนได้เปรียบ

 

ข้อมูลแน่นมากขอบคุณมากครับ

 

ขอบคุณค่ะ เป็นข้อมูลที่เหลือเชื่อ น้อยคนนักที่จะเชื่อ แต่มิได้ให้ใครเชื่อเลยนะค่ะ แต่บางอย่างก็เป็นเหตุผลที่ต้องรอการพิสูจน์กันค่ะ