เรื่องเด่น ประวัติตักศิลาไสยเวทย์เขาอ้อ พระปิดตาพระอาจารย์ทองเฒ่า และ พระเครื่องเครื่องรางผู้สืบทอด

เปิดดูไฟล์ 4148910
ประวัติศาสตร์ตักศิลาเขาอ้อ​

พระปรมาจารย์ทองเฒ่า หรือ “พ่อท่านทองเฒ่า” ชาวบ้านนิยมเรียกว่า " พ่อท่านเขาอ้อ " เป็นเจ้าอาวาสเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เชื่อกันว่าเป็นอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมทางไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป ตรงศรีษะของท่านมีเส้นผมสีขาวกระจุกหนึ่ง เล่ากันว่าไม่สามารถโกนหรือตัดให้ขาดได้
ในสมัยของ พระปรมาจารย์ทองเฒ่า สานุศิษย์ของท่านนิยมทำพิธีแช่ว่านยา กินเหนียว กินมัน กันมาก ราวสมัยรัชกาลที่ 5 พระอาจารย์ทองเฒ่า ได้รับแต่งตั้งดำรงสมณศักดิ์เป็น "พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต” เป็นเจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ และเป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย ท่านได้ปรับปรุงวัดให้มีความเจริญขึ้นเป็นอันมาก และสอนสั่งศิษยานุศิษย์ทั้งบรรพชิตและคฤหัสถ์ ให้ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท ด้วยวิชาพุทธาคม ที่เข้มขลังด้วยการประพฤติตนไว้ในที่ชอบ ไม่เบียดเบียนตนเองและบุคคลอื่นให้ลำบากกายใจ นำวิชาไปใช้ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก
พระปรมาจารย์ทองเฒ่า มรณภาพ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๐ รวมอายุได้ ๗๘ ปี
การสร้างวัตถุมงคล
พระปรมาจารย์ทองเฒ่า ได้จัดสร้างเครื่องรางของขลัง ประเภทตะกรุด พระปิดตาสร้างจากเนื้อโลหะผสม มีทั้งสำริดเงิน สำริดแก่ทองแดง( ทองแดงเถื่อน) ถือว่า เป็นปฐมแห่งพระปิดตาสำนักเขาอ้อ ที่เอกอุในด้านพุทธคุณ อย่างยิ่ง ครับ

*******************
หนังสือเก่า "รวมพระปิดตา และรูปหล่อ ภาคใต้ ยอดนิยม" โดย ชาญ เดอะมอล์ล (วิชาญ ศักดาณรงค์)
พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) วัดเขาอ้อ พัทลุง ท่านเกิดประมาณปี พ.ศ.2392 มรณภาพเมือประมาณ พ.ศ.2470 รวมอายุ 78 ปี พระอาจารย์ทองเฒ่านับว่าเป็นพระระดับปรมาจารย์องค์หนึ่งของวัดเขาอ้อมีความรู้เชี่ยวชาญทางพุทธาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณสูงยิ่ง เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไปและมีลูกศิษย์มากมาย เช่น อาจารยเอียด วัดดอนศาลา อาจารย์เกลี้ยง วัดดอนศาลา อาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ อาจารย์นำ ฯลฯ
พระอาจารย์ทองเฒ่าได้สร้างพระเครื่องไว้หรือไม่นั้นเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมานานแล้วซึ่งในเรื่องนี้ก็ไม่มีประวัติบันทึกไว้เป็นที่ชัดเจน จากการที่ได้พูดคุยฟังคำบอกเล่าจากผู้รู้และผู้สูงอายุหลายท่านซึ่งได้นำพระปิดตาที่เก็บไว้มาให้ดูแล้วบอกว่าเป็นพระของ "พ่อท่านเขาอ้อ" (คำว่าพ่อท่านเขาอ้อนั้นคือพระอาจารย์ทองเฒ่า) เมื่อได้พิจารณาดูลักษณะพิมพ์พระและเนื้อหาแล้วเห็นว่าเป็นพระปิดตาจัดหวัดพัทลุงศิลปะแบบโบราณ เนื้อเก่ามาก (ซึ่งพระปิดตาภาคใต้ที่มีเนื้อโลหะเก่านั้นมีอยู่ 2 แห่ง คือ พระปิดตาเมืองนครศรีธรรมราชและพระปิดตาวัดเขาอ้อจังหวัดพัทลุง พระปิดตาเขาอ้อและพระปิดตาเมืองนครนั้นศิลปะ และ เนื้อหาของพระแตกต่างกัน) ทำให้เกิดคำถามว่าพระปิดตาองค์นี้เป็นพระที่อาจารย์ทองเฒ่าสร้างหรือเป็นพระที่อาจารย์เอียดสร้าง
พิจารณาจากอาจารย์ทองเฒ่าเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาออ้อนั้น อาจารย์เอียดและอาจารย์ปาลเป็นผู้ช่วยอาจารย์ทองเฒ่าในการประกอบ พิธีกรรมต่างๆ ของวัดเขาอ้อ อาจารย์เอียดน่าจะยังไม่สร้างพระขณะอยู่วัดเขาอ้อ เพราะอาจารย์ทองเฒ่ายังอยู่ ต่อมาเมืออาจารย์เกลี้ยงเจ้าอาวาสวัดดอนศาลามรณภาพลง อาจารย์เอียดได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนศาลา ดังนั้นการสร้างพระของอาจารย์เอียดน่าจะเริ่งสร้างขณะอยู่ที่วัดดอนศาลาโดยเฉพาะพระปิดตามหายันต์ และ พระมหาว่านนั้น อาจารย์เอียดได้สร้างแจกให้กับทหาร เมื่อปี พ.ศ.2483 สงครามอินโดจีน แต่พระปิดตาที่พบนั้นพิจารณาดูเนื้อโลหะมีอายุเก่าแก่กว่าพระปิดตามหายันต์หรือพระปิดตาอาจารย์เอียดยุคต้นๆ เช่น พระพิมพ์ว่าวจุฬา พระปิดตาพิมพ์ปั้นทีละองค์ จึงสันนิฐานว่า พระปิดตาเขาอ้อน่าจะเป็นพระที่อาจารย์ทองเฒ่าสร้างไว้ ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าพระปิดตาวัดเขาอ้อ ที่ศิลปะหล่อโบราณเนื้อโลหะเก่าจัด น่าจะเป็นพระที่อาจารย์ทองเฒ่าสร้างไว้
...................

ข้อมูลจาก"หนังสือพิมพ์ คัมภีร์นิวส์"

“อักขระยันต์ปิดตาเขาอ้อ”พ่อท่านห้อง
ขลังสูตรเคล็ดวิชาพุทธาคมสายเขาอ้อ
ชนวนมวลสารสืบวิชาพระอาจารย์ปาล
สู่“พระปิดตาพุทธาคมมหาลาภ”เนื้อเงิน
ผู้สื่อข่าวคัมภีร์นิวส์ รายงานว่า สำนักวัดเขาอ้อ เมืองพัทลุงนั้น มีพระอาจารย์ที่เข้มขลังสืบทอดวิชา สืบต่อกันมาโดยตลอด มีการจัดสร้างวัตถุมงคล ประเภทเครื่องรางของขลังมาเป็นระยะ แต่ที่ได้รับยอมรับมายาวนานคือ “พระปิดตา” และพระปิดตาเขาอ้อหนึ่งในตำนานคือ “พระปิดตาสายของพระอาจารย์ปาล” อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 10 ของสำนักแห่งนี้ “พระอาจารย์ปาล” ท่านเป็นศิษย์อาจารย์ทองเฒ่า ที่เรียนวิชาสายเขาอ้อรุ่นหลังพระอาจารย์เอียด และพระอาจารย์นำ ชินวโร แต่ท่านได้เรียนวิชากับอาจารย์ทองเฒ่า ไว้มากทีเดียวเรียกครบทุกด้านในพิธีกรรมที่สำคัญของสำนักวัดเขาอ้อ อย่างเช่น พิธีอาบว่านแช่ยา พิธีป้อนน้ำมันงาหรือพิธีหุงข้าวเหนียวดำ ซึ่งจัดขึ้นในสมัยพระอาจารย์ทองเฒ่านั้น ก็มีพระอาจารย์ปาลคอยดูแลช่วยงาน ในการประกอบพิธีกรรมด้วยทุกครั้ง หลังจากพระอาจารย์ทองเฒ่ามรณภาพลง พระอาจารย์ปาลท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อ และสืบสานการทำพิธีกรรมโดยมี “อ.เปลี่ยน หัทยานนท์” ฆราวาสศิษย์เอกของท่านเป็นผู้ช่วยตลอดพระอาจารย์ปาล นอกจากว่าท่านจะมีวิชาความรู้ ชำนาญในวิทยาคมของสายวัดเขาอ้อแล้ว ว่ากันว่าพลังจิตของท่านกล้าแข็งมาก แววตาเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง สามารถกำหนดจิตให้เป็นสมาธิได้ อย่างรวดเร็วรวดเร็วภายในอึดใจเดียว เล่ากันว่าที่กุฏิของท่านก่อนที่จะขึ้นกุฏิ จะมีอ่างน้ำล้างเท้าและมีผ้าเช็ดเท้าเก่า อยู่ผืนหนึ่งที่เอาไว้เช็ดเท้าก่อนขึ้นกุฏิ ท่านเคยฉีกผ้าเช็ดเท้านั้นออดมาริ้วหนึ่ง แล้วให้ลูกศิษย์นำไปลองเผาดู พอจุดไฟแช็คและเผาอยู่นานจนร้อนมือ แต่ผ้าเช็ดเท้ากลับไม่ไหม้ไฟ และครั้งหนึ่งมีคนมาลองดี ท่านก็เอาผ้าจีวรของท่าน ไปแขวนไว้ที่ราวตากผ้า แล้วให้คน ๆ นั้นทดลองยิงดู ปรากฏว่ายิงจนหมดโม่ แต่ลูกปืนไม่ถูกผ้าจีวรของท่านเลยแม้แต่นัดเดียว ลูกปืนตกอยู่ที่หน้าผ้าจีวรของท่านทุกนัด ในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น หากวัด ที่อยู่ในเครือข่ายสาขาของสำนักเขาอ้อ จัดพิธีกรรมคราวใด ก็จะต้องนิมนต์ท่านอาจารย์ปาล ไปร่วมพิธีกรรมที่เข้มขลังทุกครั้ง
นักเขียนดังเครือเนชั่น “เอก อัคคี” กล่าวว่า วัตถุมงคลที่พระอาจารย์ปาลสร้างไว้มีอยู่ หลายอย่าง เช่น ตะกรุด ซึ่งมีชาวบ้านมาขอให้ท่านทำให้เสมอ ๆ ส่วนมากจะเด่นทางด้านคงกระพันชาตรี แต่ท่านมักจะพิจารณาทำให้เป็นราย ๆ ไป และกำชับเสมอว่าคนที่เอาตะกรุดของท่านไปห้ามมิให้ประพฤติผิดลูกเมียชาวบ้าน เป็นเด็ดขาด ส่วนพระปิดตาของท่านนั้น เริ่มสร้างตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. 2490 การสร้างพระปิดตาของพระอาจารย์ปาล ก็เหมือนกับการสร้างพระปิดตาของพระอาจารย์ทองเฒ่า และพระอาจารย์เอียด คือ เมื่อมีเวลาว่างและมีวัสดุพร้อม ท่านก็จะสร้างขึ้นทีละไม่มากนัก แล้วปลุกเสกแจกชาวบ้านไปเรื่อย ๆ พอหมดแล้วมีเวลาว่างท่านก็จะสร้างขึ้นใหม่ พระปิดตาของพระอาจารย์ปาล ท่านจะปลุกเสกเดี่ยว และการที่ท่านสร้างมาเรื่อย ๆ นี่เองจึงทำให้มีพระพิมพ์ต่าง ๆ อยู่หลายพิมพ์ แต่เนื้อหาและเอกลักษณ์ของพิมพ์ทรงก็บ่งบอกได้ว่าเป็นพระปิดตาสายเขาอ้อ พระปิดตาพระอาจารย์ปาล แยกแยะออกจากพระปิดตาของพระอาจารย์ทองเฒ่า และพระอาจารย์เอียดได้คือ พระปิดตาของพระอาจารย์ปาลจะมีพิมพ์ทรงป้อมเตี้ยกว่าและเนื้อโลหะมักจะออกไปทางเนื้อขันลงหินและทองผสมพุทธคุณแล้วแต่ท่านจะกำหนดจิตยุคนั้นจะเน้นหนักไปทางด้านอยู่ยงคงกระพัน และแคล้วคลาดแต่ถ้าลูกศิษย์ขอด้านเมตตามหาลาภ ท่านก็ทำให้อย่างเต็มที่และขลังสุดๆโดยจะจารอักขระเลขยันต์พระปิดล้อมยันต์ ที่เป็นสูตรเคล็ดวิชาพุทธาคมสายเขาอ้อ ซึ่งวิชานี้ก็ตกทอดมายัง อ.เปลี่ยน ศิษย์เอก และถ่ายทอดสู่เจ้าอาวาสวัดเขาอ้อรุ่นสู่รุ่น รวมไปถึง “พ่อท่านห้อง” เจ้าอาวาสวัดรูปปัจจุบันของวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง และนี่คือ “ยันต์ปิดตาเขาอ้อ” สิ่งมงคลที่ “พ่อท่านห้อง” จารให้ผมไว้ “บนแผ่นชนวนเงินแท้” ซึ่งจะนำมาเป็นเนื้อชนวนโลหะศักดิ์สิทธิ์ หลอมรวมกับแผ่นชนวนเนื้อเงินประจุคาถาอื่นๆ เพื่อสร้าง “พระปิดตาพุทธาคมมหาลาภ”

พระปิดตามหาอุฒม์ปิดทวาร ทั้ง9 เนื้อสัมฤทธิ์ วรรณะสีน้ำตาลไหม้ ท่านปรมาจารย์บรมครู พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ศูนย์รวมตักศิลาพุทธเวทย์และไสยเวทย์ของภาคใต้ องค์นี้เนื้อจัดมากถือเป็นพระที่ทรงคุณค่ายิ่ง พุทธศิลป์กรรมวิธีการปั้นหุ่นเทียนได้เยี่ยมยอด และพุทธคุณเป็นเลิศ หายากมากๆ พุทธคุณครบทุกด้าน ครอบจักรวาล กล่าวขานกันมานานแล้วว่า "ใครมีพระสายเขาอ้อไม่ตายโหง"

ประวัติพระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ จ.พัทลุง
วัดเขาอ้อ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง ยังมีการกล่าวถึงอยู่ในพงศาวดารพัทลุง ดังปรากฏในหนังสือ "พระสังฆวิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (อาจารย์ทองเฒ่า) อาจารย์ผู้เฒ่าวัดเขาอ้อ" ซึ่งอาจารย์ชุม ไชยคีรี ศิษย์เอกทางไสยเวทคนหนึ่งของสำนักวัดเขาอ้อได้ค้นคว้าและเรียบเรียงขึ้นมาเป็น ประวัติพระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ มีความว่า "เท่าที่ค้นพบจากพงศาวดาร และจากคำบันทึกของพระเจ้าของตำรา พระอาจารย์ทุกองค์ในสำนักวัดเขาอ้อมีความรู้ความสามารถในทางไสยศาสตร์ให้แก่ทุกชั้น ตั้งแต่ชั้นเจ้าเมือง และนักรบมาแต่ครั้งโบราณ เริ่มตั้งแต่สมัยศรีวิชัยตลอดมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เช่น พระอาจารย์ที่ปรากฏองค์ที่ 1 ชื่อ พระอาจารย์ทอง ในสมัยนั้นทางฟากตะวันตกของทะเลสาบตรงกับวัดพระเกิด ตำบลฝาละมี อำเภอปากพะยูน ปัจจุบันนี้

ครั้งนั้นตามพงศาวดารเมืองพัทลุงกล่าวว่า ยังมีตายาย 2 คน ตาชื่อ สามโม ยายชื่อ ยายเพ็ชร์ ตายายมีบุตรหลานบุญธรรมอยู่ 2 คน ผู้ชายชื่อ กุมาร ผู้หญิงชื่อ เลือดขาว นางเลือดขาวกล่าวว่าเป็นอัจริยะมนุษย์ คือ เลือดในตัวนางมีสีขาว ผิวขาวผิดกับมนุษย์ธรรมดาสามัญ ตาสามโมเป็นนายกองช้าง หน้าที่จับช้าง เลี้ยงช้างถวายพระยากรงทอง ปีละ 1 เชือก เมื่อบุตรธิดาทั้งสองเจริญวัยพอสมควรแล้ว ตายายจึงนำไปฝากให้พระอาจารย์ทอง วัดเขาอ้อ สอนวิชาความรู้ให้ พบบันทึกในตำราว่าเริ่มนำตัวไปถวายพระอาจารย์ทองเมื่อวันพฤหัสบดี ปีกุน เดือน 8 ขึ้น 15 ค่ำ จุลศักราช 301 (พ.ศ.1482) จะศึกษาอยู่นานเท่าใดไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่าเป็นผู้มีความรู้ทางอยู่ยงคงกระพัน กำบังกายหายตัวและอื่นๆ เป็นอย่างดียิ่ง ต่อมาตายายให้บุตรบุญธรรมทั้งสองแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน พระยากรงทองโปรดให้ไปเป็นเจ้าเมืองชื่อพระกุมารและนางเลือดขาว ตั้งเมืองอยู่ที่บางแก้วฝั่งทะเลสาบตะวันตก ชื่อเมืองตะลุง ได้สร้างวัดและเจดีย์วัดตะเขียน (วัดบางแก้ว ตำบลเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง เดี๋ยวนี้) การที่ให้ชื่อเมืองว่า เมืองตะลุง อาจจะเป็นเพราะว่าเดิมเป็นหลักล่ามช้าง ต่อมาจึงกลายเป็นเมืองพัทลุง พระกุมารและนางเลือดขาวเป็นผู้มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างวัดวาอาราม พระพุทธรูป พระเจดีย์ ในเขตเมืองพัทลุง เมืองนครศรีธรรมราช และเมืองตรัง หลายแห่งด้วยกัน เช่น วัดบางแก้ว วัดสทังใหญ่ เมื่อปีพ.ศ. 1493 สร้างวัดพระพุทธสิหิงค์ จังหวัดตรัง 1 วัด สร้างพระพุทธรูปปางไสยาสน์ 1 องค์ พอจะจับเค้ามูลได้ว่าวัดเขาอ้อมีมาก่อนเมืองพัทลุง เพราะกุมารมาศึกษาวิชาความรู้ก่อนเป็นเจ้าเมือง" และยังมีตอนหนึ่งซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องถึงประวัติของหลวงพ่อทวด แห่งวัดช้างให้ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แต่ครั้งยังอยู่วัดพะโคะ อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ว่า

"เมื่อจุลศักราช 991 (พ.ศ.2171) พระสามีรามวัดพะโคะ หรือที่เราทราบกันเดี๋ยวนี้ว่า หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ ซึ่งประชาชนในสมัยนั้นยกย่องถวายนามว่าสมเด็จเจ้าพะโคะ ท่านได้ไปเรียนพระปริยัติธรรม ณ กรุงศรีอยุธยา เป็นผู้แตกฉานในอรรถธรรม ครั้งนั้นยังมีพราหมณ์เป็นนักปราชญ์มาจากประเทศสิงหล (ลังกา) มาตั้งปริศนาปัญหาธรรมที่แสนยาก พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาโปรดให้พระสามีรามเถระแก้ปัญหาธรรมนั้นๆ จนชนะพราหมณ์ชาวสิงหล จึงพระราชทานยศเป็นพระราชมุนี เมื่อกลับมาเมืองพัทลุงได้ก่อพระเจดีย์บรรจุพระรัตนมหาธาตุไว้บนเขาพะโคะ สูง 1 เส้น 5 วา มีระเบียงล้อมรอบพระเจดีย์ ตามตำนานเล่าสืบต่อกันมาว่า ครั้นฉลองพระเจดีย์นั้น ท่านอาจารย์เฒ่า วัดเขาอ้อ พัทลุง องค์หนึ่งชื่อ สมเด็จเจ้าจอมทอง ซึ่งคงจะเป็นชื่อที่ยกย่องเช่นเดียวกับสมเด็จเจ้าพะโคะ นำพุทธบริษัทไปในงานฉลองพระเจดีย์ทางเรือใบ แสดงอภินิหารวิ่งเรือใบเลยขึ้นไปถึงเขาพะโคะ ซึ่งไกลจากทะเลมาก ทำให้ประชาชนที่เห็นอภินิหารเคารพนับถือ และปัจจุบันสถานที่ตรงนั้นเรียกกันว่า "ที่จอดเรือท่านอาจารย์วัดเขาอ้อ" ต่อมา

ท่านสมเด็จเจ้าพะโคะ ให้คนกวนข้าวเหนียวด้วยน้ำตาลโตนด ภาษาภาคใต้เรียกว่า เหนียวกวน ทำเป็นก้อนยาวประมาณ 2 ศอก โตเท่าขา ให้พระนำไปถวายสมเด็จเจ้าจอมทอง วัดเขาอ้อ ครั้นถึงเวลาฉันท่านสมเด็จเจ้าจอมทองสั่งให้แบ่งถวายพระทุกองค์ ศิษย์วัดตลอดถึงพระก็ไม่มีใครที่จะแบ่งได้ เอามีดมาฟันเท่าใดก็ไม่เข้า ทราบถึงสมเด็จเจ้าจอมทอง ท่านสั่งให้เอามาแล้วท่านจึงเอามือลูบ แล้วส่งให้ศิษย์ตัดแบ่งถวายพระอย่างข้าวเหนียวธรรมดา อยู่มาวันหนึ่ง สมเด็จเจ้าจอมทองให้พระนำแตงโมใบใหญ่ 2 ลูก ไปถวายสมเด็จเจ้าพะโคะ พอถึงเวลาฉันก็ไม่มีใครผ่าออก สมเด็จเจ้าพะโคะทราบเข้าก็หัวเราะชอบใจ พูดขึ้นว่า สหายเราคงแสดงฤทธิ์แก้มือเรา ท่านรับแตงโมแล้วผ่าด้วยมือของท่านเองออกเป็นชิ้นๆ ถวายพระ

การแสดงอภินิหารของพระอาจารย์ครั้งโบราณเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง ซึ่งมีมากอาจารย์ด้วยกัน ต่อจากนั้นพระอาจารย์วัดเขาอ้อทุกๆ องค์ ได้แสดงฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ตลอดมา จึงเป็นที่เคารพนับถือของบุคคลทุกชั้น เจ้าเมืองพัทลุงทุกคนต้องไปเรียนวิชาความรู้ที่วัดเขาอ้อ ประวัติเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ กล่าวสำหรับเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อ เท่าที่สืบค้นพบจนถึงปัจจุบัน มี 11 รูป ด้วยกัน ดังนี้
1. พระอาจารย์ทอง
2. พระอาจารย์สมเด็จเจ้าจอมทอง
3. พระอาจารย์พรมทอง
4. พระอาจารย์ไชยทอง
5. พระอาจารย์ทองจันทร์
6. พระอาจารย์ทองในถ้ำ
7. พระอาจารย์ทองนอกถ้ำ
8. พระอาจารย์สมภารทอง
9. พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต
10. พระอาจารย์ปาล ปาลธฺมโม
11. พระครูอดุลธรรมกิตติ์ (กลั่น อคฺคธมฺโม)
พระอาจารย์วัดเขาอ้อนั้นล้วนต่างมีวิชาความรู้ความสามารถมิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งนี้เพราะต่างศึกษาวิชากันมาไม่ขาดระยะ ตำราและวิชาความรู้ที่เป็นหลัก คือ การศึกษา

เวทมนตร์คาถาเป็นหลัก เรียนตั้งแต่ธาตุ 4 ธาตุ การตั้งธาตุ หนุนธาตุ แปลงธาตุ และตรวจธาตุ วิชาคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุด สอนให้รู้กำเนิดที่มาของเลขยันต์อักขระต่างๆ นอกเหนือจากการสอนวิชาความรู้ทางไสยเวทแล้ว ยังสอนวิชาความรู้เกี่ยวกับรักษาโรคด้วยสมุนไพร มีเรื่องเล่าขานถึงปาฏิหาริย์ความศักดิ์สิทธิ์ในวิชาของอดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อมากมาย อย่างอดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อ สมเด็จเจ้าจอมทอง ซึ่งนับว่ามีบุญญาวาสนาสูงส่งยิ่งนัก นอกจากจะมีสานุศิษย์มากมายแล้ว สัตว์ป่านานาชนิดยังเข้ามาพึ่งพาอาศัยอยู่ในวัดเป็นจำนวนมาก และไม่มีผู้ใดเข้ามาทำร้ายทำอันตรายต่อสัตว์เหล่านั้น ด้วยต่างทราบกันว่า ท่านให้การปกปักรักษาเหล่าสัตว์เหล่านั้น ที่สำคัญคนละแวกวัดเขาอ้อล้วนทราบดีว่าท่านมีวาจาศักดิ์สิทธิ์ ทว่าครั้งหนึ่งคนต่างถิ่นตามล่ากวางเผือกตัวหนึ่งของสมเด็จเจ้าจอมทอง ซึ่งอาศัยอยู่ในวัดเขาอ้อ เป็นกวางที่เชื่องมาก โดยปกติแล้วกวางตัวนี้จะหายไปจากเขตวัดเพื่อหากินไกลๆ ครั้งละ 2-3 วัน แล้วจะกลับมาหมอบอยู่หน้ากุฏิท่าน ปฏิบัติอยู่เช่นนี้เป็นประจำ วันหนึ่งกวางเผือกตัวนี้ได้วิ่งเข้ามาหมอบอยู่หน้ากุฏิของท่านด้วยอาการแสดงความหวาดกลัวเหมือนหนีสัตว์ร้ายมา เผอิญสมเด็จเจ้าจอมทองนั่งอยู่หน้ากุฏิ และได้มองไปที่กวางด้วยอำนาจญาณสมาบัติอันสูงส่งของสมเด็จเจ้าจอมทอง จึงทราบได้ทันทีว่ากวางเผือกหนีอะไรมา ท่านจึงได้กล่าวกับพระภิกษุที่นั่งอยู่ในที่นั้นว่า "เจ้ากวางเผือกเกือบจะไปเป็นอาหารของเขาเสียแล้ว" ยังไม่ทันที่จะกล่าวสิ่งใดต่อพลันก็มีคนถือหอกวิ่งเข้ามาข้างหน้ากุฏิทำท่าง้างหอกในมือเตรียมจะทิ่มแทงกวางเผือกซึ่งหมอบอยู่ใกล้ๆ ท่าน สมเด็จเจ้าจอมทองจึงตวาดออกไปดังกังวานว่า "หยุดเดี๋ยวนี้เจ้ามนุษย์ไม่มีศีลมีธรรม จะฆ่าสัตว์แม้แต่ในเขตวัดไม่เว้น เคยเบียดเบียนแต่สัตว์ต่อนี้ไปสัตว์จะเบียดเบียนเจ้าบ้างล่ะ"

ชายผู้ถือหอกถึงกับหยุดชะงักนิ่ง และเมื่อสิ้นคำพูดของสมเด็จเจ้าจอมทอง ชายผู้นั้นก็ร้องลั่นสลัดหอกในมือทิ้ง แล้วร้องขึ้นมาว่า "งู งู ฉันกลัวแล้วงู" เพราะเห็นหอกที่ตัวเองถือเป็นงู จากนั้นจึงวิ่งหนีออกจากวัดไปพร้อมส่งเสียงร้องลั่นด้วยความกลัวงู แต่ไม่ว่าจะวิ่งไปทางไหนก็เห็นงูไล่ล่าเขาอยู่ตลอด ผู้ที่เล่าเรื่องนี้กล่าวว่า ชายผู้นี้ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ หยุดนิ่งเมื่อใดจะเห็นงูไล่ล่าตัวเองอยู่ตลอด ยังมีกาเผือกอีก 2 ตัว ที่อาศัยเกาะต้นไม้อยู่หน้ากุฏิสมเด็จเจ้าจอมทองเป็นประจำ อาศัยกินข้าวก้นบาตรที่ท่านโปรยให้ทุกวัน สมเด็จเจ้าจอมทองเคยเอ่ยถึงกาทั้ง 2 ตัวนี้ว่า "เป็นสัตว์ที่ประเสริฐไม่กินเนื้อสัตว์หรือสิ่งมีชีวิต" มีพระลูกวัดเคยโยนเศษเนื้อสัตว์จากอาหารที่ญาติโยมใส่บาตรให้กาทั้ง 2 แต่ก็หาได้กินไม่ กลับเลือกกินแต่เฉพาะเม็ดข้าวสุกเท่านั้น อยู่มาวันหนึ่งกาเผือกทั้ง 2 บินลงมาเกาะใกล้ๆ กับที่สมเด็จเจ้าจอมทองนั่ง แล้วส่งเสียงร้องลั่นกุฏิอยู่เป็นเวลานาน สมเด็จเจ้าจอมทองก็นั่งนิ่งสงบฟังเสียงกาทั้ง 2 อย่างตั้งใจ ครู่หนึ่งจึงเอ่ยกับพระภิกษุลูกวัดที่อยู่บนกุฏิท่านว่า "กาเผือกเขามาร่ำลา ถึงเวลาที่เขาจะต้องบินกลับไปในป่าแล้ว จะไม่กลับมาอีก เจ้ากาตัวเมียจะไปวางไข่อีกไม่นานเขาคงจะต้องตาย คงไม่ได้มาเขาอ้ออีก เขาจะมาเขาอ้ออีกก็คงชาติต่อไป เขาจะต้องมาแน่"
ต่อเมื่อกาเผือกทั้ง 2 ได้รับศีลรับพรจากสมเด็จเจ้าจอมทองแล้ว ได้บินทักษิณารัตนะรอบกุฏิแล้วบินมุ่งเข้าป่าไป จากนั้นไม่มีใครพบเห็นกาเผือกทั้ง 2 อีกเลย กล่าวสำหรับอดีตเจ้าอาวาสวัดเขาอ้อที่พอสืบค้นประวัติได้บ้าง นับแต่สมัยพระครูสังฆพิจารณ์ฉัททันต์บรรพต (ทองเฒ่า) แต่จะเป็นเจ้าอาวาสเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชาวบ้านนิยมเรียกท่านว่า "พ่อท่านเขาอ้อ" เป็นพระเกจิอาจารย์ที่เข้มขลังทางวิทยาคมไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป กล่าวว่าตรงศีรษะของ

พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) มีเส้นผมสีขาวซึ่งไม่สามารถโกนหรือตัดขาดได้ น่าเสียดายว่าอัตโนประวัติของพระครูสังฆสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) สืบค้นได้จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ที่ยังจะพอจดจำกันได้บ้างว่า พื้นเพของท่านเป็นชาวบ้านสำนักกอ ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง บิดานั้นไม่ทราบชื่อ ส่วนมารดาชื่อ นางรอด ตัวของพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) เป็นพี่คนโต และมีน้อง 2 คน เป็นชายและหญิง ครอบครัวมีอาชีพทำนา

ในการอุปสมบทจะเป็นเมื่อใด ใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ตลอดจนพระกรรมวาจาจารย์และพระอนุสาวนาจารย์ หาทราบไม่ แต่มีเรื่องเล่ากันว่า ก่อนที่ท่านจะบวชได้ล้มป่วยมีอาการหนักมาก จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานบนบานศาลกล่าวว่า หากหายจากอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจะบวชเป็นการถวายแก้บน หลังจากนั้นไม่นานอาการป่วยไข้ก็ทุเลาเบาบาง และหายไปในที่สุดอย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งต่อมาได้อุปสมบทตามที่ตั้งจิตอธิษฐานไว้ และได้ศึกษาวิชากับพระอาจารย์เอียดเหาะได้ วัดดอนศาลา ซึ่งเป็นศิษย์สายสำนักวัดเขาอ้อ เป็นที่กล่าวขานถึงวิชาพุทธาคมของพระอาจารย์เอียดเหาะได้ว่า เหตุที่ท่านมีสมญานามเช่นนั้นสืบเนื่องมาจาก ทุกวันพระ 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ พระอาจารย์เอียดเหาะได้ จะเหาะไปบำเพ็ญภาวนาในถ้ำที่วัดเขาอ้อเป็นประจำ ชาวบ้านหลายคนได้พบเห็นเป็นประจักษ์ต่อสายตา จึงได้ขนานนามท่านว่า "พระอาจารย์เอียดเหาะได้" กล่าวสำหรับพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) ได้ชื่อว่ามีตบะบารมีสูงส่งทีเดียว ถึงกับเคยตวาดคนทีเดียวจนเป็นบ้า และเป็นผู้ที่เข้มงวดกวดขันกับบรรดาลูกศิษย์เป็นอย่างยิ่ง หากพบเห็นว่าทำสิ่งใดไม่ถูกต้องก็จะตำหนิตักเตือน ทั้งนี้ก็ด้วยความปรารถนาดีที่อยากให้ศิษย์ของท่านได้ดีในวิชาความรู้

ในส่วนของมารดาของพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) ในช่วงบั้นปลายของชีวิตได้บวชชีที่วัดเขาอ้อ โดยพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) ได้ปลูกกุฏิให้พำนักอยู่ใกล้ๆ กับกุฏิของท่าน เพื่อจะสะดวกในการปรนนิบัติตามหน้าที่ของบุตรผู้กตัญญูตราบจนสิ้นอายุขัย สมณศักดิ์ที่ "พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต" เจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ ได้รับพระราชทานในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนั้นยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ด้วย พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) ได้มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. 2470 ขณะอายุได้ 78 ปี สิ่งหนึ่งที่เหลือไว้สำหรับให้รำลึกถึง คือ วัตถุมงคลที่พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) ได้สร้างขึ้น นอกเหนือจากพิธีกรรมของสำนักวัดเขาอ้อ คือ พิธีอาบว่านแช่ยา พิธีหุงข้าวเหนียว พิธีป้อนน้ำมันงา ซึ่งในสมัยท่านเป็นพิธีกรรมที่เข้มขลังเป็นอย่างยิ่ง

พระเครื่อง วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ ที่สร้างมีหลายชนิดทั้ง มีดหมอ ตะกรุด ผ้ายันต์ ลูกไม้มงคล และ พระปิดตาพระอาจารย์ทองเฒ่า พระปิดตาของพระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทันต์บรรพต (ทองเฒ่า) พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อสร้างขึ้นเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2450 เป็นต้นมา ที่พบเห็นจะเป็นเนื้อสัมฤทธิ์และเนื้อตะกั่วผสมดีบุก หากเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ วรรณะของเนื้อโลหะออกสีน้ำตาลไหม้เข้ม หากเป็นเนื้อตะกั่วผสมดีบุก จะปรากฏคราบสนิมสีแดงเรื่อๆ
ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด

ส่วนพระปิดตา อ.เอียด ยุคต้นเนื้อจัดจ้าน โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า ทันท่าน อ.ทองเฒ่าเช่นกัน อ.เอียด มาสร้างพระยุคหลังอีกที ในช่วง ปี พ.ศ.2484-85 +- เนื้อโลหะจะเก่าไม่ถึงยุคต้น โลหะไม่สามารถเก่าตามกาลเวลาในชุดยุค อ.ทองได้

 

มีดหมอสำนักเขาอ้อ อ.ทองเฒ่า (ข้อมูลโดย คุณพยัพ คำพันธุ์)

 

พระพิฆเนศจับงวง พระครูสังฆวิจารย์ฉัตรทัณฑ์บรรพต (ปรมาจารย์ทองเฒ่า) สำนักเขาอ้อ สร้าง เนื้อหางาจะจัดจ้าน แช่น้ำว่าน ฝังหมุดและตะกรุดทองคำ ว่ากันว่า พระปิดตาเขาอ้อและพิฆเนศ เจ้าเมืองพัทลุงและลูกศิษย์สร้างให้ท่านปลุกเสก ส่วนพระพิฆเนศของ อ.เอียด เนื้อหางาจะไม่เก่าเท่า เป็นยุครองลงมา ขอขอบุคณพรรคพวก เฮียเบนซ์ บางกะปิ คุณวุธ โคราช ที่เอื้อเฟื้อภาพ

 

พระปิดตา อ.ทองเฒ่า ขอขอบคุณเจ้าของภาพที่เอื้อเฟื้อภาพ ที่มาจากเว๊ปไซด์ท่าพระจันทร์ดอทคอม

 

พระปิดตาอาจารย์ทองเฒ่า เนื้อสัมฤทธิ์ ขอขอบคุณเจ้าของภาพที่เอื้อเฟื้อภาพ ที่มาจากเว๊ปไซด์ท่าพระจันทร์ดอทคอม

 

โลหะยุคเดียวกันกับปู่เอี่ยมวัดหนัง พ่อทัพวัดทอง พระปิดตาปรมาจารย์พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ องค์นี้เป็นองค์ดาราในหนังสือพระสายใต้ 2เล่ม พระบางองค์ในหนังสือมาตรฐานผ่านมือผมมาแล้วเช่นกัน



ทองแดงเถื่อนอาจารย์ทองเฒ่า

 

พระปิดตาท่านปรมาจารย์พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ เจ้าของขอบูชาจากท่านพยัพ คำพันธุ์
ขอบคุณเจ้าของพระที่เอื้อเฟื้อภาพเพื่อเป็นความรู้มา ณ. โอกาสนี้

 

ขอบใจน้อง หมอบิน เชียงใหม่ ที่แบ่งพระปิดตา อ.ทองเฒ่าให้พี่ไว้บูชา

 

ภาพ พื้นแดง เจ้าของร้านอ้วนลอยฟ้า ขอบคุณเจ้าของใหม่ที่เอื้อเฟื้อภาพ

 

ขอขอบคุณเจ้าของภาพเพื่อนๆทุกท่านที่ให้นำภาพนี้มาเผยแพร่เป็นความรู้แก่ทุกท่าน
พระปิดตาว่าวจุฬาเนื้อสัมฤทธิ์ดำ อ.ทองเฒ่า เจ้าของภาพ คุณ yang kho
พระปิดตา อ.ทองเฒ่า
เนื้อผงคลุกชันโรง เจ้าของคุณ วิเชียร พัทลุง ได้รับจากปู่
และของเพื่อนๆในเว๊ปและเฟสบุ๊คทุกท่าน มา ณ.ที่นี้ครับ

 

บทความจากหนังสือเก่า "รวมพระปิดตา และรูปหล่อ ภาคใต้ ยอดนิยม" โดย ชาญ เดอะมอล์ล (วิชาญ ศักดาณรงค์)
พระครูสังฆวิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต (พระอาจารย์ทองเฒ่า) วัดเขาอ้อ พัทลุง ท่านเกิดประมาณปี พ.ศ.2392 มรณภาพเมือประมาณ พ.ศ.2470 รวมอายุ 78 ปี พระอาจารย์ทองเฒ่านับว่าเป็นพระระดับปรมาจารย์องค์หนึ่งของวัดเขาอ้อมีความรู้เชี่ยวชาญทางพุทธาคมและวิชาแพทย์แผนโบราณสูงยิ่ง เป็นที่เคารพยำเกรงของคนทั่วไปและมีลูกศิษย์มากมาย เช่น อาจารยเอียด วัดดอนศาลา อาจารย์เกลี้ยง วัดดอนศาลา อาจารย์ปาล วัดเขาอ้อ อาจารย์นำ ฯลฯ
พระอาจารย์ทองเฒ่าได้สร้างพระเครื่องไว้หรือไม่นั้นเป็นปัญหาที่ถกเถียงกันมานานแล้วซึ่งในเรื่องนี้ก็ไม่มีประวัติบันทึกไว้เป็นที่ชัดเจน จากการที่ได้พูดคุยฟังคำบอกเล่าจากผู้รู้และผู้สูงอายุหลายท่านซึ่งได้นำพระปิดตาที่เก็บไว้มาให้ดูแล้วบอกว่าเป็นพระของ "พ่อท่านเขาอ้อ" (คำว่าพ่อท่านเขาอ้อนั้นคือพระอาจารย์ทองเฒ่า) เมื่อได้พิจารณาดูลักษณะพิมพ์พระและเนื้อหาแล้วเห็นว่าเป็นพระปิดตาจัดหวัดพัทลุงศิลปะแบบโบราณ เนื้อเก่ามาก (ซึ่งพระปิดตาภาคใต้ที่มีเนื้อโลหะเก่านั้นมีอยู่ 2 แห่ง คือ พระปิดตาเมืองนครศรีธรรมราชและพระปิดตาวัดเขาอ้อจังหวัดพัทลุง พระปิดตาเขาอ้อและพระปิดตาเมืองนครนั้นศิลปะ และ เนื้อหาของพระแตกต่างกัน) ทำให้เกิดคำถามว่าพระปิดตาองค์นี้เป็นพระที่อาจารย์ทองเฒ่าสร้างหรือเป็นพระที่อาจารย์เอียดสร้าง
พิจารณาจากอาจารย์ทองเฒ่าเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาออ้อนั้น อาจารย์เอียดและอาจารย์ปาลเป็นผู้ช่วยอาจารย์ทองเฒ่าในการประกอบ พิธีกรรมต่างๆ ของวัดเขาอ้อ อาจารย์เอียดน่าจะยังไม่สร้างพระขณะอยู่วัดเขาอ้อ เพราะอาจารย์ทองเฒ่ายังอยู่ ต่อมาเมืออาจารย์เกลี้ยงเจ้าอาวาสวัดดอนศาลามรณภาพลง อาจารย์เอียดได้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดดอนศาลา ดังนั้นการสร้างพระของอาจารย์เอียดน่าจะเริ่งสร้างขณะอยู่ที่วัดดอนศาลาโดยเฉพาะพระปิดตามหายันต์ และ พระมหาว่านนั้น อาจารย์เอียดได้สร้างแจกให้กับทหาร เมื่อปี พ.ศ.2483 สงครามอินโดจีน แต่พระปิดตาที่พบนั้นพิจารณาดูเนื้อโลหะมีอายุเก่าแก่กว่าพระปิดตามหายันต์หรือพระปิดตาอาจารย์เอียดยุคต้นๆ เช่น พระพิมพ์ว่าวจุฬา พระปิดตาพิมพ์ปั้นทีละองค์ จึงสันนิฐานว่า พระปิดตาเขาอ้อน่าจะเป็นพระที่อาจารย์ทองเฒ่าสร้างไว้ ดังนั้นจึงมีความเห็นว่าพระปิดตาวัดเขาอ้อ ที่ศิลปะหล่อโบราณเนื้อโลหะเก่าจัด น่าจะเป็นพระที่อาจารย์ทองเฒ่าสร้างไว้

 

ข้อมูลในเฟสบุ๊ค
()ฝากให้คิด()
กระแสเรื่องอ.ทองเฒ่าไม่สร้างพระ.ตอนนี้เริ่มขยายวงกว้างออกเรื่อยๆ วันนี้เอาพระปิดตาเขาอ้อเก่าลึก ที่เชื่อว่าทันอ.ทองเฒ่า มาให้ชมบางส่วน(ยังมีอีก)
ถามว่าศิลป์พระแบบนี้? เนื้อหาแบบนี้ตีของใคร? เนื้อหาไม่แพ้วัดหนัง วัดทองที่องค์เป็นล้านๆเลย แต่พระปิดตาเขาอ้อที่เก่าลึกเดี๋ยวนี้ไม่กล้าตีอ.ทองเฒ่ากัน โยนให้อ.เอียด หรือไม่ก็ตีนครฯไป ซึ่งน่าเสียดายที่บ้าจี้พูดตามๆกัน ไม่เอาเหตุเอาผล เอาหลักฐานที่มีมาวิเคราะห์กัน ทำให้ภูมิปัญญญา ของครูบาอาจารย์ด้อยค่าลงไป ทั้งๆที่เราเป็นคนใต้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาอ้อยุคหนึ่งเป็นตักศิลาแห่งภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นพระ ฆราวาส พระยา เจ้าเมือง อยากได้วิชาล้วนมุ่งสู่เขาอ้อหมด ลองสืบดูพระเกจิเก่งๆล้วนได้วิชาจากเขาอ้อแทบทั้งนั้น เกจิดังทางชุมพร สุราษฎร์ นคร สงขลา ฯลฯ แม้กระทั้งฝั่งมาเลฯคือหลวงพ่อครน และเกจิฝั่งลาว อิสานก็มี(พระบางศิลป์นักเล่นเคยสับสนมาแล้วเช่นเข่ากว้างหลังคู้) ทีนี้ถามว่าในเมื่อเขาอ้อคือตักศิลา กับแค่วิชาหล่อพระทำไม่ได้เชียวหรือ? ตำราเล่นแร่แปลธาตุของเขาอ้อก็มีคู่วัดมานานก่อนอ.ทองเฒ่าด้วยซ้ำ เพิ่งจะแพร่แก่ลูกศิษย์ เมื่อ248...กว่า ตามวัดอื่นๆในละเวกทางใต้ และการหล่อพระก็คือการสอนศิษย์ในภาคปฎิบัติดีๆนี่เอง ไมใช่ว่าสอนศิษย์แต่ตัวเองไม่เคยทำ เป็นไปได้หรือ? น่าเสียดายครับที่ทุกวันนี้ด้วยกระแสที่ว่าอ.ทองเฒ่าไม่สร้างพระ ทำให้พระปั้นหุ่นเขาอ้อมันส์ๆ ที่ทันอ.ทองเฒ่าตกไป เพราะเหตุนี้ อยากให้คนที่มีเพาเวอร์ช่วยหาเจ้าภาพจัดสัมมนาเรื่องนี้ เอาหลักฐาน เอาเหคุผลมาหาข้อถกกัน เพื่อหาข้อสรุปเรื่องนี้ อย่างน้อยได้ช่วยเชิดชูภูมิปัญญา ของครูบาอาจารย์ให้คงอยู่ต่อไป ทุกวันนี้นักเล่นรุ่นใหม่ตัดปัญหาเล่นพระพิมพ์ง่ายดี จบขายได้ราคา ทั้งๆพระปั้นหุ่นสร้างได้ยาก แค่ทีละองค์เสน่ห์ของพระต่างกัน จิตวิญญาณ ขั้นตอนการทำยากกว่า และหายากกว่า สร้างได้น้อยกว่า แต่ค่านิยมต่างกัน เทียบกับวัดหนัง วัดทองฯ ไม่ติดทั้งๆที่เนื้อหาบางองค์มันส์กว่าด้วยซ้ำ ทางวัดหนัง วัดทองเนื้อเหมือนสูตรสำเร็จ(เรียกเนื้อโรงงาน)เป็นเรื่องน่าเสียดายมาก ที่ทางใต้เรามีของดี แต่เรากลับไม่สนใจ จะช่วยกันศึกษาวิเคราะห์หาเหตุผล สิ่งใดเราเองยังไม่รู้ไม่เห็นก็น่าจะ ทำความศึกษาร่วมกันก่อนที่จะสรุปว่าไม่มี ไม่ได้สร้าง จะดีกว่าไหม.
ที่มา : www.facebook.com/photo.php?fbid=1059275480847927&set=gm.1322388534489415&type=3&theater

วิเชียร แสงศักดิ์ พัทลุง
วิเชียร แสงศักดิ์ : ตัวผมมั่นใจว่าพระ อ.ทองเฒ่าสร้างพระแน่นอน เพราะเคยได้รับการบอกเล่ามาจาก คนรุ่นปู่รุ่นลุงรุ่นพ่อ หลายคนแถวบ้าน พร้อมทั้งนำ พระปิดตามาไห้ชม เรื่องราวที่ผมได้รับรู้มา บุคคลที่ผมกล่าวถึงไม่ได้เล่าไห้ผมฟังตรงๆ แต่ผู้ใหญ่เขาคุยกันยามเมื่อเส็จจากงาน ทำนา นั่งล้อมวงโจ้เหล้าขาว พอเริ่มตึงๆก็จะมีเรื่องเล่าที่ตัวเอง ไปถูกยิงถูกฟันมาแล้วไม่เป็นอ่ะไร ต่างก็พูดถึงพระและเครื่องรางที่ตัวเองมีอยู่ไห้พรรคพวกฟังส่วนมาก ก็ไม่พ้นเขาอ้อ ไม่ว่าจะเป็นพระปิดตาหรือเครื่องราง สมัยเมื่อ 2516-17 ผมอายุ 10กว่าปี ผมเกิด2507 แถวบ้านผม(นครศรีธรรมราช) โจรชุมยิ่งกว่ายุง ไฟฟ้ายังไม่มีใช้ ถนนหนทาง ยังไม่มี การคมนาคมส่วนมาก ใช่ตีน ใช่ม้า และทางเรือ สมัยก่อนหน้านั้น(รุ่นพ่อผม) ถ้าหนุมคนไหนไปขอสาวแต่งงาน พ่อฝ่ายหญิงจะถามว่า ปล้น ลักขโมย เป็นหรือเปล่า ถ้าบอกว่าปล้นไม่เป็น โอกาสที่จะได้สาวมาเป็นเมีย เกิดขึ้นยากมาก เพราะเขาจะถือว่าถ้าปล้นไม่เป็น จะรักษาสมบัติไว้ไม่ได้ เช่น วัวควาย เพื่อนจะปล้นเอาจนหมดไม่มีเหลือ พูดถึงตำรวจ สมัยก่อนคนบ้านผมเขาเรียกว่า.. ยาม..ไม่มีใครไห้ค่าให้ราคา ไม่อยู่ในสายตาโจรเลย จะมีอยู่คนเดียวที่โจรเกรงใจคือ จ่าแกบ เป็นหัวหน้าโรงพัก ประจำ อ. หัวไทร อำเถอ ที่บ้านผมอยู่ จาแกบเป็นคน หนังเหนียวอยูยงคงกระพันยิงฟันไม่เข้า เพราะแกเป็นศิษย์เขาอ้อ จึงได้รับการเกรงใจจากโจร เพราะโจรโดยมาก เป็นศิษย์เขาอ้อเสียส่วนใหญจึงไห้ความเครพกันในถานะศิษย์ร่วมสำนัก เพราะวัยรุ่นสมัยพ่อผม ถ้าคนไหนชอบด้านนักเลง พอแตกเยื้อหนุ่ม จะเดินทางไป สำนักเขาอ้อ เพื่อไปเรียนวิชา ไปอาบว่านยา ไปกินนํ้ามันงา และพกพาพระปิดตาสายเขาอ้อกันแทบทุกคน. เรื่องที่ว่าอาจารย์ทองเฒ่าสร้างพระหรือไม่นั้น ผมขอยืนยันว่าสร้างแน่นอน เพราะผมเห็นมาเยอะ... คนรุ่นหลังที่ไม่เคยเห็นก็ทึกทักเอาว่าท่านไม่ได้สร้าง แล้วถ้าแบบนั้น อ.เอียด อ.ปาล จะเอาแม่แบบมาจากไหน ถ้าไม่เอามาจาก อ.จารย์ของท่านคือ อ.ทองเฒ่า คนที่ไม่รู้ก้อเที่ยวพูด บ้าหวันพูดไปเรื่อย เขาเรียกว่าบ้าเดินหน้า ผมเห็นมีอยู่เหมือนกันแถวๆพัทลุง ตั้งตัวเป็นเฃียนทำรู้มากหาว่า อ ทองเฒ่าไม่ได้สร้างพระ สมัย ที่ท่านสร้างพระ ตัวมันยังเป็น นํ้า อยู่เลย ทำรู้มาก

 

เซี๊ย วัดหนัง :
"พระปิดตาที่หายากมากๆในสาย #เขาอ้อ มักได้ยินคนกล่าวกันบ่อยๆว่าพระปิดตาองค์นี้เป็นของอาจารย์ทองเฒ่า องค์โน้นก็เป็นของอาจารย์ทองเฒ่าซึ่งผมก็เห็นมาหลายองค์แล้วบอกตรงๆเลยนะว่ายังไม่เคยเห็นองค์ไหนดูแล้วลึกซึ้งเหมือนองค์นี้ทั้งเนื้อหาและรูปลักษณ์ของพระปิดตาองค์นี้ทำให้ผมมั่นใจเต็ม 100 % ว่านี่แหละเป็นพระปิดตาของอาจารย์ทองเฒ่า แห่งวัดเขาอ้อ จ.พัทลุง อย่างแน่นอนครับ"
ขอขอบคุณพี่เซีย วัดหนัง ปรมาจารย์เซียนพระปิดตาแนวหน้าของประเทศไทย มา ณ. โอกาสนี้ครับ

 

ขอขอบคุณน้ำใจ พี่ใจ ตะพานหิน เซียนใหญ่สายตรงหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร และ พระเครื่องยอดนิยมทั่วประเทศ ที่แบ่งพระปิดตาท่านปรมาจารย์พระอาจารย์ทองเฒ่าให้ผมไว้ครอบครอง องค์นี้เป็นเนื้อชินตะกั่วเคลือบรักแห้งเก่าจัด นี่แหละศิลป์เอกลักษณ์แห่งตำนานพระปิดตาสำนักเขาอ้อตักศิลาไสยเวทย์แห่งแดนใต้ ศิลป์แบบนี้บางท่านอาจจะตีเป็นอาจารย์เอียด หรือ หลวงพ่อครณ บางเซะ มาเลเซีย ถ้าได้ส่องจะทราบว่าองค์นี้เก่าลึกกว่าครับ พระปิดตา อ.เอียดถ้ายุคต้นเนื้อจัดทัน อ.ทองเฒ่าแน่นอนเช่นกัน อ.เอียดมาเน้นสร้างพระบล็อคประกบและพิมพ์ปั้นในยุคปี 248..กว่าในยุคมหาสงครามเอเชียบูรพาแต่เนื้อมีความเก่าที่ไม่จัดเท่า ส่วนหลวงพ่อครณ จะเป็นพระเนื้อผงคลุกรัก จุ่มรัก ศิลปะเลียนแบบศิลป์มาจากพระปิดตาอ.ทองเฒ่า เพราะหลวงพ่อครนเป็นหนึ่งในศิษย์ของท่านพ่อเขาอ้อ เรื่องพุทธคุณไม่ต้องพูดให้มากความ ครบทุกด้านครอบจักรวาล เพราะทั้งพุทธเวทย์และไสยเวทย์สายเทพรวมบรรจุรวมกันทั้งหมดของสำนักเขาอ้อ ใครมีพระปิดตาสำนักเขาอ้อไม่ตายโหง พระปิดตาท่านอาจารย์ทองเฒ่าปลุกเสกนั้นตัวจริงหายากนะครับ ส่วนใหญ่เจอก็เป็นของเก๊ หรือของที่ยัดอาจารย์ ของจริงมีน้อยมากๆจนแทบไม่เห็นในวงการเลย บางเซียนหรือบางคนเข้าใจไปว่าไม่มีสร้างเพราะที่เจอมีแต่ของปลอม ผู้รู้จริงน้อย คนที่รู้จริงทีีบรรพบุรุษชาวพัทลุงได้มอบให้ลูกหลานสืบมาหลายท่านยืนยันว่ามีสร้าง แต่มีน้อยมาก พ่อท่านเขาอ้อ ได้สร้างไว้ และเป็นสมบัติตกทอดกันมา สมัยนั้นเขาอ้อเป็นที่เลืองลือไปทั่วสารทิศ ลูกศิษย์ลูกหาทำมาให้ท่านเสกบ้างเพื่อใช้ติดตัวส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องรางซะมาก พระปิดตาของอ.ทองเฒ่า ถ้าคนอ่านเป็นโลหะความเก่าจะเก่าจริงจัดจ้านถึงยุค เลยยุคปี 248..กว่าขึ้นไป ความเก่าอยู่ในยุคหลวงพ่อทัพ วัดทอง ปู่เอี่ยมวัดหนัง พ่อเงิน บางคลาน

พระปิดตาพระอาจารย์ทองเฒ่า เนื้อสัมฤทธิ์น้ำตาลไหม้
เปิดดูไฟล์ 5088298

 

พระปิดตาทรงพลังพุทธคุณแห่งแดนทักษิณ พุทธคุณครอบจักรวาล ผู้ใดมีพระเครื่องของสำนักนี้ไม่มีตายโหง เขาอ้อศูนย์รวมตักศิลาไสยเวย์ของภาคใต้ พระปิดตาพิมพ์ว่าวจุฬา พระอาจารย์เอียด 1ใน3ศิษย์เอกของท่านปรมาจารย์พระอาจารย์ทองเฒ่า วัดเขาอ้อ เป็นพิมพ์ปั้นหุ่นเทียนทีละองค์ชาวบ้านและศิษย์ได้ขออนุญาติพระอาจารย์จัดสร้างทำไว้ใช้ศิลปะบ้านๆเพื่อเป็นขวัญกำลังในยามสงคราม การปลุกเสกของศิษย์สายเขาอ้อจะปลุกเสกไม่ใช่แค่เพียงชั่วอึดใจหรือเสกยี่สิบสามสิบนาทีเหมือนยุคปัจจุบัน สมัยก่อนนั้นเขาเสกกันชนิดที่เรียกว่า "เสกกันแบบเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียว" คือเสกเป็นเดือนๆ หรือ 3 เดือนจนกว่าจะแน่ใจว่าวัตถุมงคลที่ผ่านการปลุกเสกจากสำนักนี้เปี่ยมพลังอานุภาพพุทธาคมและไสยเวทย์ สามารถใช้ได้กับผู้ที่ีนำไปใช้ติดตัว ในบางวาระ พระอาจารย์เอียดประกาศให้ลูกศิษย์ลูกหาในแต่ละท้องที่ไปร่วมกันทำพระมาเพื่อนำเข้าในพิธีมหาพุทธาภิเษกซึ่งพระอาจารย์เอียดเป็นประธานในพิธีและมีพระเกจิสายเขาอ้อร่วมปลุกเสกจำนวนมาก ปัจจุบันคนที่มีไว้ครอบครองต่างหวงแหนยิ่ง เป็นพระที่ทรงคุณค่าและหายาก ของปลอมระบาดทั่วทุกหย่อมหญ้า ใครไม่ชำนาญควรศึกษาให้ดีหรือหาผู้ที่ทรงคุณวุฒิเพื่อเป็นแนวทางที่ถูกต้อง

พระปิดตาพระอาจารย์เอียดยุคต้นๆเนื้อโลหะจัดเก่าส่วนหนึ่งผมเชื่อว่าทันท่านพระอาจารย์ทองเฒ่าแน่นอนเพราะเป็นไปไม่ได้ที่ท่านอาจารย์เอียดสร้างจะข้ามหน้าข้ามตาและจะไม่ให้พระอาจารย์ทองเฒ่าผู้เป็นอาจารย์ปลุกเสก
ถ้าพระอาจารย์เอียดยุคปี 85 เป็นการสร้างพระยุคสงคราม และมีเสกพิธีวัดปรางหมู่ ที่มีการระดมชาวบ้านสร้างพระแต่ละท้องที่เข้าพิธีใหญ่ พระจึงมีหลากหลายแบบพิมพ์ มีทั้งปั้นหุ่นเทียน พิมพ์แกะมีด และบล็อคประกบ

พระปิดตาตะพาบใหญ่ อ.ปาล ส่วนใหญใช้กระดองปลาหมึก เทหยอด



พระสังกัจจายน์หลวงพ่อดิษย์ ปี 85 เนื้อทองสัมฤทธิ์ บล็อคประกบ


ว่าวจุฬา อ.เอียด

 

สวัดดีครับ ใช่พี่ใจตะพานหินที่เปิดร้านพระเครื่องอยู่ขอนแก่นหรือป่าว???

 

พิจิตรครับ http://www.prathaprachan-mag.com/shop/store/396
www.facebook.com/252333481619718/photos/a.252338614952538.1073741827.252333481619718/302194023300330/
http://www.krusiam.com/community/fo...C7%A7%A1%D2%C3%BE%C3%D0&postid=ForumID0059780