นั่งสมาธิก่อนนอนแล้วมักจะฝันร้าย

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บุตรเดียว, 5 เมษายน 2017.

  1. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    เพิ่งเริ่มนั่งสมาธิครับ ไม่รูเป็นไรพอหลังจากนั่งแล้วจะมีอาการนอนหลับยาก บ่อยครั้งหลับแล้วจะฝันร้าย
     
  2. รโชหรณัง

    รโชหรณัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    547
    ค่าพลัง:
    +732
    เพราะปกติ ใช้สมองเป็นประจำ เมื่อทำสมาธิก่อนนอนซึ่งเป็นการเพิ่มพลังจิตให้มากขึ้น พลังจิตจึงวิ่งไปตามทางที่เคยชินคือใช้สมอง จึงทำให้นอนไม่หลับ และเกี่ยวเนื่องไปถึงว่าเมื่อหลับแล้วสมองยังทำงานตามทางที่เคยชินจึงทำให้ฝันไปต่างๆนาๆ
    แนวทางแก้ไข คือ ก่อนนอนให้หมั่นทำร่างกายให้สบาย ผ่อนคลายร่างกาย ลดการใช้สมอง ใช้วิธีการสวดมนต์แทนการนั่งสมาธิครับ
    แต่หากจะประกอบความเพียร จะต้องปรับข้อวัตรปฏิบัติในการใช้ชีวิต ให้เอื้อต่อการปฏิบัติธรรม เช่น นอนเป็นเวลา ตื่นเป็นเวลา ทำสมาธิเป็นเวลา ทานอาหารแต่พอดี ทำงานแต่พอดี
     
  3. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ฝึกใหม่ๆก็ยังงี้แหละ เบื้องต้นต้องยอมรับ ฝันก็ฝัน (หลับสนิทจะไม่ฝัน กึ่งหลับกึ่งตื่น ชาวบ้านเรียกว่าฝัน คือมโนทวารวิถียังทำงานอยู่) แต่ตื่นนอนแล้ว ไม่ควรหวลคิดเรื่องฝันๆ เมื่อคืน แต่ให้จิตเกาะจับสิ่งที่เราทำอยู่เฉพาะหน้า เดี๋ยวนั้นขณะนั้นๆ ทำอะไรอยู่ก็เกาะจับอยู่กับงานนั้น

    ฝึกไปๆนานเข้าชำนาญเข้า ก็คุมจิตคุมความคิดได้ ที่จะนอนหลับสบาย

    เรื่องหลับยาก เช่น ได้เวลาเข้านอนแล้วให้ตั้งจิตตั้งใจนอนหลับ คือเอาจุดที่เราใช้ทำสมาธิ ตัวอย่าง เช่น ลมหายใจเข้า - ลมหายใจออก หรือ อาการท้องพอง กับ อาการท้องยุบ นั้นแหละให้จิตเกาะเบาๆ ทำในใจว่าจะนอนหลับแล้ว ไม่ต้องว่าไม่ต้องภาวนาว่าอะไรทั้งนั้น ตั้งใจหลับอย่างเดียว
     
  4. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    ฝัน ก็คือ ฝัน จบ ตื่นมาก็ อย่าเอามาคิด เดี๋ยวจะฟุ้งซ้าน ครับ

    ส่วนเรื่องทำสมาธิแล้วหลับยาก ก็แนะนำว่า ให้ภาวนา พุธโธ รับรองหลับแน่ ที่ไม่หลับก็เพราะฟุ้งซ่านอยู่หรือไม่ ลองภาวนาดู กิเลสจะรีบตัดให้เราหลับไวๆ

    แต่ถ้าจะให้ตอบ ส่วนตัว ก็จะบอกว่า เป็นเด็กใหม่ๆ เจอ มาร หลอก ด้วย เลห์ เอาง่ายๆ แค่ ทำให้ตัวเอง คิดเอาเองว่า ปฏิบัติแล้วมีผลเสีย นอนไม่หลับ ฝันร้าย บลาๆๆ โน้นนี้ มีแต่เรื่องซวยๆ เข้ามา แต่ก่อนไม่เคยปฏิบัติ ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรอย่างนี้

    มักจะเจอหลอก ถ้าหลงเลห์ ก็คงจะเลิกทำสมาธิ ไป อะไรอย่างนี้
    ทำให้เราติด เกิดมีความสงสัยผลการปฏิบัติขึ้นมา

    แนะนำว่า อย่าไปคิดมาก ช่างมัน เดี๋ยวก็หายจากอาการพวกนี้เอง ไป หลอกเรื่องอื่นๆต่อ ให้เราติดในอนาคต
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ต้องแยกประเด็น

    หลับง่าย. มันมีหลับง่ายเพราะกิเลส
    กับ หลับพอสมควรแก่ชีวตา.

    หลับง่ายเพราะกิเลส อุปทาน. มันจะมีรส
    ตั้งธง. ว่าต้องหลับเท่านั้นเท่านี้ อย่างนั้น
    อย่างนี้ ใครมาทำให้ ข้อกำหนดที่ตั้งธง
    ไว้แปรปรวน. เดี๋ยวมี เหนี่ยว


    หลับตามสมควรแก่ชีวตา. วันนี้มีหน้าที่ต้องทำ
    ก้ตื่น. ไม่ถือการหลับเปนใหญ่กว่าหน้าที่

    อันนี้ตะอีกเรื่องหนึ่ง

    สมมติว่า. ตอนนี้หน้าที่เราคือ. ภาวนา. ก้ลอง
    ตอบคำถามเอาเองว่า. ควรหลับ. หรือตื่นอยู่
    หนะถูกแล้ว

    ประเดนฝันร้าย

    ฝันร้าย คือความคิด ที่ค่อนไปทางอกุสล ใจไม่
    สงบรำงับในยามที่เรา. หลับ. ลืมการภาวนา

    ฝันร้าย จริงๆ. ไม่ได้มาแค่ตอนเราหลับ ลองไป
    ใคร่ครวญดูดีๆ. ตอนเราตื่น. จิตที่คิดไปทาง
    อกุสลก้มีตลอด. ดังนั้น. ฝันร้าย เอาเข้าจริงๆ
    มันมีอยู่ตลอด. ไม่ใช่เพราะเรานั่งสมาธิ มันถึงจะมา

    พิจารณาตามเหนจิต. ด้วยจิตตั้งมั่น เปนกลาง
    ต่อการเหนสภาวะธรรม กุสลบ้าง อกุสลบ้าง
    อัพยากตาบ้าง เนืองๆ

    จะพ้นการติดหลับ. จิตจะไม่เหลวไหลเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 เมษายน 2017
  6. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    ขอบคุณมากครับสำหรับทุกความคิดเห็น ผมจะลองนำมาปรับใช้ดูครับ
     
  7. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ว่างๆ อย่าลืมไปฟังครับ เจ้าของกระทู้

     
  8. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    ฝันมี 4 แบบ ของคุณน่าจะเป็นจิตนิวรณ์ คิดแต่เรื่องทุกข์ๆ เยอะอะสิ เลยฝันร้าย
    ฝันดีคืออะไร ฝันปราบบอสใหญ่ได้ มีฝันนี้แหละที่ทำให้ผมภูมิใจที่สุด จากผู้ฝันมา 1000 กว่าฝัน ผมกำลังศึกษาอยู่ แต่ใครไม่รู้ชอบลบความจำผม ผมจึงมาโพสบอกไม่ได้ จากดาวกาลาโต้ ดาวห้องสมุดแห่งจักรยาน ไปติดต่อศึกษาเอานะ เดี๋ยวยาว ผมก็บ่นเจอแล้วห้องวิทย์อะ
     
  9. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    ฟังแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  10. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    ไช่ครับผมเป็นคนคิดเยอะ เรียกว่าสมองไม่ค่อยจะว่างก้อว่าได้่คับ
     
  11. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ว่างๆๆ อย่าลืมเก็บมาฟังซ้ำนะครับ
     
  12. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    .....สมัยแรกๆที่ผมศึกษาธรรมะ ผมชอบอ่าน และชอบติดตามคุณ ปราบเทวดา กับ เทพเจ้าดาวเหนือ อะไรนี้แหละจำไม่ได้ สนุกดี

    ....คุณ ปราบเทวดา ท่าน เป็นคนเหมือน ลุกศิษย์ หลวงพ่อพุธ ผมก็ ฟังซีดีท่าน เยอะเหมือนกันแหละ นานละ จำได้บ้างเล็กน้อย

    .....ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องฝันนิดหนึ่ง

    ....การฝัน คือจิตใต้สำนึก มันทำงานโดยอัตโนมัติ ท่านต้องเข้าใจอยู่อย่าง ว่า จิตนี้มันสามารถทำงานได้เอง และทำงานโดยการบังคับของเรา (เน้น บังคับของเรา) ในฐานข้อมูลของจิต มีหลากหลาย ถ้าเราดูหนังผีมากๆ ใส่ใจมากๆ เดี๋ยวฐานข้อมูลจิตของท่าน ก็จะนำไปให้จิต นำมาปรุงแต่งขณะที่ท่าน หลับแหละ

    .....ถ้าต้องการฝันดี คือต้องมีคาถาเรียกยักษ์ที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนา สี่ตนมา เฝ้าเรามิให้มีภูตผีปีศาจ มารังควาญ คือต้องหลอกจิตมิให้มันกลัวว่างั้นเถอะ

    .....ผมเคยตั้งกระทู้เรื่องจิตใต้สำนึก น่าสนใจนะแต่มีคนสนใจนิดเดียว เพราะมันไม่มีเรื่องปาฏิหารย์ คนไทยชอบเรื่องอภินิหารมากกว่า

    ......ถ้าฝันไม่ดี ตื่มมา ลองส่ายหัวไปมาสองสามที่ ฐานข้อมูลจะเปลี่ยนก็ได้ลองดู

    .....สำหรับผม ต้องออกจากจิต ครับ ไม่แคร์จิต ช่างจิตมัน ผมมาอยู่ใน ตัวผู้รู้อีกตัว มาอยู่ในสัมปชัญญะ

    ....ผมเคยตั้งกระทู้เรื่อง การออกจากจิต ก็มีคนอ่านนิดเดียว คงคิดว่าเหลวไหล ช่างเถอะ
    ...ลูกศิษย์พระพุทธองค์ เปรียบเหมือนดอกไม้หลากสีสรรค์ สวยงามคนละแบบ
     
  13. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762

    เห็นๆ แว่วๆ

    เลยหามาให้อ่านครับ จากหลวงปู่พุธ ฐานิโย

    พระอริยะเมื่อนอนหลับยังฝันอยู่เหมือนคนธรรมดาหรือไม่ หรือเป็น นิมิตร ทุกครั้งไป ?

    อะอืมๆๆ การฝัน การฝันเรียกว่า สุบินนิมิตร
    ถ้าคนธรรมดาฝันก็เรียกว่า สุบินนิมิตร

    ถ้าพระอริยะฝันเรียกว่า นิมิตร

    พระอริยะ การฝันของพระอริยะนั้นไม่เหมือนคนธรรมดาสามัญ

    พระอริยะ ในเมื่อท่านนอน ท่านหลับแต่กาย แต่ส่วนจิตไม่ได้หลับ
    อย่างบางท่านอาจจะเคยผ่านความเป็นเช่นนั้นมาแล้ว

    ในเมื่อพูดถึงความหลับ อาตมะก็ขอเพิ่มเติมสักหน่อย
    การภาวนาในเบื่องต้น เช่นเรา เราบริกรรมภาวนา พุทโธ พุทโธ เป็นต้น
    ก่อนที่จิตจะเกิดความสงบลงไป คือ การนอนหลับ
    เพราะมันมีอาการเคลิ้มๆเหมือนกับจะนอนหลับ
    ในเมื่อเคลิ้มแล้วก็มีอาการวูบลงไป
    พอวูบลงไป หยุดวูบ จิตนิ่ง
    ในเมื่อจิตนิ่ง ถ้าหากนิ่งแล้วมืดไป ไม่รู้เรื่อง อันนั้นเป็นการนอนหลับธรรมดา

    แต่ถ้าวูบลงไปแล้วจิตนิ่งเกิดสว่างขึ้นมา อันนั้น จิตเป็นสมาธิ
    เพราะฉะนั้น
    ผู้ภาวนา ถ้าหากกำหนดจิต ดูลมหายใจ
    หรือบริกรรมภาวนาอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่
    ความหลับจะช่วยให้จิตเป็นสมาธิได้

    อย่างบางท่าน อะอืมๆๆ
    พอนั่งสมาธิบริกรรมภาวนาไปแล้วมันเกิดง่วง
    เลยไปเข้าใจว่าตัวเองจะนอนหลับ
    เลยไปหยุดเอาซะ

    แต่ความจริงนี่ควรจะทำอย่างนี้

    ในเมื่อบริกรรมภาวนาไปถ้ามันเกิดง่วงๆเหมือนอยากจะนอนหลับ
    ก็ปล่อยให้มันหลับไปเลย
    มันจะหลับจริงๆเหมือนอย่างนอนหลับก็ให้มันหลับลงไป
    ในเมื่อมันผ่านความหลับอย่างธรรมดาหลายๆครั้งเข้า เพราะอาศัยการบริกรรมภาวนา
    เมื่อหลับลงไปแล้วสมาธิมันจะเกิดเอง ไม่ต้องกลัว ปล่อยให้มันหลับลงไป

    ทีนี้ในเมื่อหลับลงไปแล้ว ถ้าหากว่าจิตของผู้หลับนั้น แม้แต่จะหลับในเวลานั่งก็ตาม
    หลับเวลานอนก็ตาม
    ถ้าหลับลงไปแล้ว จิตมันมีอาการเคลิ้มๆ แล้วก็สว่าง ส่งกระแสออกไปข้างนอก
    มันจะเกิดนิมิตรต่างๆขึ้นมา นิมิตรอันนั้นคือความฝัน

    ทีนี้อย่างพระอริยะเมื่อท่านนอนหลับแล้ว ท่านก็ยังฝันเหมือนกัน
    แต่ความฝันของพระอริยะนั้นคือ นิมิตร
    แล้วท่านจะไม่ได้ฝันแบบที่เรียกว่าหาจุดหมายปลายทางไม่ได้
    เหมือนอย่างคนสามัญธรรมดา

    อะอืมๆ
    ท่านฝันเป็นเรื่องเป็นราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ท่านรู้ท่านเห็น
    หรือบางทีอาจจะ
    อะอืมๆ เกิดนิมิตรขึ้นมา ว่า พรุ่งนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเป็นต้น
    อันนี้เรียกว่า นิมิตร
     
  14. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    โดยส่วนตัวผมคิดว่าฝันนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่เกิดจากการปรุงแต่งของจิตอย่างเดียวนะครับ เพราะในชีวิตผมเคยฝันว่าได้ไปไหนบางที่ พอนานวันผ่านไปมันได้ไปจริงๆพออยู่สถานที่ตรงนั้นก้อนึกได้ว่า เอ๊ะตรงนี้เคยฝันว่าได้มานี่หว่า ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ไง
     
  15. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    อ่านข้อความของพี่แล้วมีส่วนตรงกับที่ผมเป็นอยู่ครับ คือเวลาผมนั่งสมาธินั้นบ่อยครั้งเป็นอย่างนี้ครับพอนั่งจนเริ่มสงบแล้วจะเกิดอาการง่วงครับ ง่วงจริงแบบสัปหงกเลย ผมก้อไม่ฝืนรอกครับเพราะฝืนไม่อยู่แต่ก้อไม่ได้หลับแบบหลับลึกรอกนะคับประมาณว่า .เคลิ้มหนักก้อแล้วกันน่าจะไกล้เคียงอาการที่สุด.นี่แหละคับปัญหาคือผมมักเริ่มนั่งประมาณ23.00 ถึง 24.00 น วันไหนที่ผมมีอาการ.เคลิ้มหนัก.ในสมาธิวันนั้นหลังจากเลิกนั่งสมาธิแล้วผมจะไม่ง่วงนอนเลยหลับยากมากบางทีไปหลับอีกครั้งตอน ตี4 ตี5 เลยคับ พี่พอมีคำแนะนำมั้ยครับ
     
  16. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    อันนี้เป็นคำแนะนำส่วนนึงของหลวงปู่พุธ ฐานิโยครับ

    บางทีบางคนภาวนาหนักๆเข้า จิตสงบสว่าง
    เวลานอนแล้วจิตมันก็สงบสว่าง
    บางทีเข้าใจว่าตัวเองนอนไม่หลับก็มี
    แต่แท้ที่จริง จิตมันเป็นสมาธิ จิตสมาธินี่ถ้าเราฝึกให้มันคล่องชำนิชำนาญแล้ว
    การนอนไม่มีหรอก นอนก็นอนแต่กาย แต่ว่าจิตมันไม่ยอมนอน
    พอนอนหลับปุ๊บลงไป มันก็สว่างรู้อยู่ในจิตตลอดคืน นั่นจิตมันอยู่ในสมาธิ

    บางที่นักภาวนารู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ว่าตัวเองนอนไม่หลับ
    สงสัยตัวเองอยู่เรื่อย ถ้าใครสงสัยคล่องใจก็ให้ทดลองพิจารณาดู
    ถ้านอนลงไปแล้ว มันไม่หลับตลอดคืน ตื่นขึ้นมาแล้วมันง่วงมั๊ย
    มันเพลียมั๊ยมันอ่อนมั๊ย นี่ให้กำหนดหมายรู้อย่างนี้

    ถ้าหากว่ามันไม่ง่วงไม่อ่อนเพลีย กายเบาจิตเบา กายสงบจิตสงบ
    แล้วไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
    นั่นแสดงว่า
    จิตมันอยู่ในสมาธิ กายมันได้นอนหลับอย่างเต็มที่
    แล้วเมื่อจิตเป็นสมาธิแล้ว ทำให้กายเบา ทำให้จิตเบา ทำให้กายสงบ ทำให้จิตสงบ

    เมื่อกายเบาจิตเบา กายสงบจิตสงบ เราก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
    สิ่งแปลกๆทั้งหลายเหล่านี้ มันจะบังเกิดขึ้น
    บางทีเรานอนลงไปแล้ว กำหนดจิต จิตมันหลับแล้วมันก็สงบสว่าง
    บางทีมีคนมาปลุก เรานอนไม่รู้สึกตัว ทีนี่เมื่อเรารู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
    แล้วเพื่อนถามว่านอนหลับหรือเปล่า .. ไม่ได้นอนหลับ
    อ้าว ..ไม่ได้นอนหลับทำไมปลุกไม่ตื่น แล้วเราก็จะสงสัยตัวเอง
    ถ้าจิตอยู่ในสมาธิขั้น อัปนาสมาธินี่ ใครจะทุบอย่างไรมันก็ไม่ตื่น
    เอาไฟมาจี้มันก็ไม่รู้จักเจ็บ
    ถ้าคนภาวนาเค้าไม่อธิฐานจิตเอาไว้ว่า ถึงเวลานั้นเค้าจะออกจากสมาธิ
    ในช่วงที่ไม่ถึงเวลาที่เค้ากำหนดไว้นี่ ใครจะมาทำอะไรมันไม่รู้สึกตัว
    เพราะอย่างนั่นนี่ อันหนึ่งแล้ว ที่ทำให้นักปฏิบัติจะต้องสงสัย

    ข้อ หนึ่ง เมื่อจิต สงบบ่อยๆ บ่อยๆบ่อยๆเข้า
    ที่หลังมา มันสงบลงนิดหน่อย
    ความคิดมันก็ ฟุ้ง ฟุ้ง ฟุ้ง ฟุ้ง ฟุ้งฟุ้งขึ้นมา
    เราก็จะว่าจิตของเรามันฟุ้งซ่าน ให้สังเกตุดูให้ดี
    เมื่อจิตมีความคิดเรากำหนดดู ถ้ามันรู้สึกว่าเออ..ความคิดมันช่วยให้เราสะบาย
    ก็ปล่อยให้มันคิดไป

    และอีกอย่างหนึ่งเมื่อทำสมาธิเก่งแล้วมันนอนไม่หลับ
    เลยสงสัยตัวเองเป็นโรคประสาทหรือเปล่า ประเดี๋ยววิ่งไปหาหมอ
    หมอก็จะหาว่าอ้าวเราเป็นโรคประสาท ฉีดยาระงับโรคประสาทเข้าให้
    ประเดี๋ยวมันก็จะสะลึมสะลือ เป็นเดือนเป็นปี
    อันนี่หลวงพ่อเคยเจอมาแล้ว เพราะฉะนั้นจึงเตือนท่านทั้งหลายเอาไว้
     
  17. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    ถ้าจะแนะนำ ก็จะแนะนำว่า
    1.ให้ฟังพระ บ่อยๆ ท่านจะสอนเทคนิค วิธีการ ให้เราเข้าใจ
    2. อ่านแล้วให้อ่านซ้ำ เราจะเริ่มๆจำได้ในวิธีการ
    3. ทำตามที่พระท่านแนะนำอย่างต่อเนื่อง
    4. เมื่อสงสัย ก็กลับมาฟัง ใหม่ การฟังซ้ำ จะทำให้เราแม่นในวิธีการมากขึ้น


    อันนี้เป็นสิ่งช่วยส่งเสริม
    1.ถวายสังฆทานทุกเดือน เดือนละครั้งหรือสองครั้ง
    2.วัตรเช้าวัตรเย็น ให้สม่ำเสมอ คือ การสวดมนต์ไหว้พระเป็นปกติ


    อันนี้เป็นลิ้ง ที่แนะนำให้อ่าน ประจำสำหรับท่านครับเฉพาะ คำพระสอนนะครับ
    http://palungjit.org/threads/จิตแท้-จิตดั้งเดิม-หลวงปู่พุธ-ฐานิโย.338252/
     
  18. ปราบเทวดา

    ปราบเทวดา ลอยลำ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    6,258
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +4,762
    หากชอบฟัง ตามนี้ครับในยูทุบ

     
  19. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,442
    ค่าพลัง:
    +35,042
    เอาแค่วิธีที่จะทำให้นอนหลับก่อนนะครับ
    ความจริงแล้วมันเหมือนเส้นผมบังภูเขาครับ
    ถ้าเราฝึกสมาธิบ้างเป็นธรรมดาครับ
    ที่เราจะมีความคิดจากอดีตย้อนผุดขึ้นมาครับ
    แต่โดยมากแล้วที่เราจะพลาดก็คือ เรามักไปคิดปรุงร่วม
    กับมันหรือไม่สร้างเรื่องต่อเติมให้มันโดยที่เราไม่รู้ตัวครับ
    และจริงๆความคิดพวกนี้เรามีเป็นปกติครับ
    แต่ในเวลาทั่วไปเราไม่เห็นมันเฉยๆครับ

    เพียงแค่พอนึกอะไรได้ อย่าเผลอลืมตาเป็นอันขาดครับ
    ย้ำว่า อย่าเผลอลืมตาครับ เพราะถ้าลืมตา สภาวะจิตเรา
    ก็จะเข้าสู่โหมดการใช้ชีวิตปกติ มันจะทำให้เราหลับยาก
    เพราะจิตต้องลดกำลังลงมามากกว่า
    เพื่อให้เข้าสู่โหมดหลับ มันไม่เหมือนตอนที่เราหลับตา
    อยู่ซึ่ง สภาวะจิตมันจะวิ่งอยู่ในระดับกำลังที่ต่ำกว่า
    ระดับที่ทำให้ร่างกายหลับและวิ่งอยู่ในสภาวะที่ร่างกายหลับ
    พอเข้าใจได้นะครับ
    ส่วนถ้าอยู่ในท่านั่งก็เช่นเดียวกัน
    ก็อย่าเผลอลืมตา แต่ให้ค่อยๆขยับร่าง
    ให้อยู่ในสภาวะปกติก็จะนั่งต่อได้..


    หรือถ้ารู้สึกร่างกายชักมีอาการ
    ก็ให้ลุกไปหาอะไรอย่างอื่นทำเสียก่อน
    แต่ว่า สิ่งที่สำคัญก็คือ ให้รักษาระบบของ
    การหายใจเราเอาไว้ให้เป็นปกติ
    มันก็จะเป็นเสมือนการรักษาอารมย์สมาธิ
    ตอนนั้นไว้ ในขณะที่เรากำลังใช้ร่างกาย
    ทำอย่างอื่นนั่นหละครับ ไม่มีอะไร



    ซึ่งผลของสมาธิช่วยให้จิตสงบลง กับกำลังสติที่ได้
    ทำให้เราเห็นความคิดตรงนี้ได้ครับ
    แต่ด้วยที่เราอาจไม่คุ้นเลยไปใช้ความพยายาม
    ที่จะวางมันหรือทำให้ความคิดมันหายไปจากกำลังสมาธิ
    พอกำลังสมาธิเราที่จะพยายามวางมันไม่พอ
    มันก็นอกจากจะทำให้เรามีอารมย์ร่วมเชิงไม่พอใจแล้ว
    มันจะยังส่งผลต่อร่างกายเราก็คือ ทำให้เรารู้สึกเพลียได้
    (นึกภาพออกไหม การผุดความคิดในอดีตก็คือ
    ก็คือการจิตมันมีความคิดขึ้นมาจากตัวจิต ซึ่งมันจะยังมี
    ความคิดอีกอย่างหนึ่งที่มาจากภายนอก ที่เราเรียกว่า
    ความคิดที่เกิดจากขันธ์ ๕ ส่วนนามธรรมตรงนี้ฟังไว้ก่อน
    ถ้าจิตแยกรูปธรรมแยกนามธรรมได้ เราจะเข้าใจได้เองและ
    พอเราไปปรุงร่วมกับความคิดมันก็เหมือน
    สมองเราตื่น แม้เราจะหลับตา
    พอสมองเราทำงาน มันก็ไม่ต่างอะไรกับการใช้ชีวิตปกติ
    ประจำวัน ต่างกันที่เราแค่หลับตาเฉยๆ
    และไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายอะไรมากแค่นั้นเอง)


    ดังนั้นอย่าไปเผลอออกกำลังกายให้มัน
    ให้เราทำตัวเหมือนเป็นท้องฟ้าเปรียบกับความคิดเป็นก้อนเมฆ
    มองเห็นก้อนเมฆไหม มันขยับ มันเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ
    มันเปลี่ยนแปลงรูปร่างไปเรื่อยๆ แต่ฟ้าก็ยังอยู่เฉยๆนั่นหละ
    จิตเราถึงจะเรียกได้ว่าเป็นกลาง เราถึงจะเข้าสู่การวิปัสสนาได้
    แต่เราต้องมีกำลังสมาธิสะสมเพียงพอ
    จากการเจริญสติให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น
    หรือเราจะนั่งสมาธิบ่อยขึ้นเอาแค่สงบพอ
    ครั้งละ ๒ ถึง ๓ นาทีก็ว่าไป แต่ให้บ่อยๆขึ้น
    เพื่อที่จะมีกำลังสมาธิเพียงพอ ที่จะสามาถรักษาอารมย์
    ให้อยู่ในสภาวะนี้ได้นามขึ้นโดยที่ไม่ง่วง ไม่ซึม ไม่เบื่อไปก่อน

    แลในทำนองเดียวกันนี้ ขณะที่เราเจริญสติต่อเนื่องให้เพิ่มขึ้นนั้น
    เราจะได้เห็นอีกอย่างก็คือ ตัวกิเลสต่างๆที่เรายังอ่อนๆอยู่ในระหว่างวันได้
    ถ้าเราไม่เจริญสติต่อเนื่องเราจะไม่เห็นนะครับ และพอเห็นแล้ว
    ให้เราวางอารมย์ไว้ เช่น ตัวอย่าง เห้ย เช่นเราติดกลิ่นหอมของผู้หญิง
    พอเราเดินผ่านหญิง เราชอบเอามาคิดปรุงแต่งต่อต่างๆนาๆ
    เชิงอกุศล กำลังสติจะทำให้เราเห็นว่า เห้ย ความคิดตรงนี้ไม่ดีนะ
    ไม่ใช่ทาง พอเรารู้แล้ว เราก็เฉยๆไปซะ เหมือนๆลืมๆไป

    และพอเรามานั่งสมาธิเราต่อ ในขณะที่เราไม่สนความคิด
    ที่เสมือนเป็นก้อนเมฆได้แล้ว ไม่ปรุงร่วมหรือเผลอไปออกกำลัง
    กายให้มันแล้ว พอจิตเราเป็นกลาง
    เด่วตัว กิเลสเรื่อง การได้กลิ่นแล้วไปปรุงแต่งต่อมันจะผุดขึ้น
    มาได้ของมันเองอัตโนมัติครับ ตรงนี้เราจะสามารถวิปัสสนาได้
    ย้ำว่า มันจะผุดขึ้นมาได้ของมันเอง และมันจะมาเป็นเรื่องๆด้วยครับ
    เช่น เราเห็นวันนี้ ๔ เรื่อง มันจะค่อยๆขึ้นมาจากเรื่องที่ ๑ ๒ ๓ และ ๔
    ของมันเอง ไม่ใช่แบบที่เรา ไปคิดก่อนจะนั่งว่า
    วันนี้จะพิจารณาเรื่องโน้นนี่นั้น พวกนี้ทำได้
    แต่ประโยชน์เพียงแค่เป็นแนวทางให้จิตเดินปัญญาได้เฉยๆ
    แต่ไม่ส่งผล ต่อการที่จิตจะคลายจากเรื่องนั้นๆ
    นึกภาพออกไหม จิตมันไปพิจารณาเรื่องที่มันยัง
    ไม่ส่งผลต่อจิต มันจะไม่เกิดประโยชน์
    เหมือนๆถ้าเรามี ทรัพย์สินมากๆ เราจะไม่เข้าใจอารมย์ตอนที่เราไม่มี
    เราต้องไม่มีทรัพย์ก่อน เราถึงจะเห็นอารมย์
    ไม่ใช่อยู่ดีๆเรามีทรัพย์มาก จะไปพิจารณาว่า การไม่มีทรัพย์เป็นอย่าง
    โน้นนี่นั้น มันไม่มีประโยชน์อะไรนั่นหละครับ นี่พูดเปรียบให้ฟัง


    ดังนั้นกำลังสติที่ได้ จากการเจริญสติให้ต่อเนื่องนั้น
    จะทำให้เราเกิดเห็นกิเลสที่เกิดได้
    ก็เสมือนให้จิตเข้าถึงอารมย์ที่ไม่มีทรัยพ์ได้
    พอเรามาวิปัสสนารับรู้ตามความเป็นจริง
    เพื่อให้จิตยอมรับมันถึงเกิดผลกับตัวจิตได้นั่นหละครับ

    ปล.กำลังระดับนี้ หากพิจารณาไปแล้ว และเราออกจาก
    อารมย์มา เราจะสัมผัสได้ว่าจิตเรามันยังฟูอยู่ครับ
    คือรู้สึกว่า หน้าอกมันเหมือนมีอะไรหมุนๆ
    ให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องปกตินะครับ ถ้าเราเข้าอารมย์พิจารณา
    ได้ ๓ ถึง ๔ ครั้งในเรื่องเดิมๆ จิตจะสามารถคลายกิเลสตัวนั้นๆ
    ได้จนถึงระดับละเอียด พูดง่ายๆว่า ให้พยายามนึก พยายามคิด
    พยายามปรุง แม้ว่าจะมองเห็นด้วยตาแบบเดิมๆ
    จะไม่มีผลอะไรกับตัวจิตนั้นหละครับ
     
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,442
    ค่าพลัง:
    +35,042
    ประโยชน์อีกอย่างถ้าเราฝัน ก่อนที่เราจะลืมตา
    ให้พยายามนึกเรื่องราวในฝันให้ออก
    ผลที่ได้คือเราจะได้กำลังสติครับ
    ย้ำว่า ก่อนที่จะลืมตานะครับ
    แต่ถ้าลืมตาขึ้นมาแล้ว
    และไม่รู้หรือจำอะไรไม่ได้เลย...
    ก็ให้เรา ลืมไปเลยว่า
    เรื่องที่เราเคยฝัน มันเกิดขึ้น
    บนดาวดวงนี้ครับ
    ทำอย่างนี้ได้ เด่วอนาคต
    เราจะมีเครื่องย้อนรู้ได้เองว่า
    ฝันเราเกิดจากอะไร โดยที่ไม่ต้องไปถามใครครับ
    เช่น เกิดจากธาตุพร่อง เทพบัลดาล
    อนาคตังฯอย่างอ่อน หรือเพลีย
    หรือปรุงแต่ง ฯลฯ

    ปล. สิ่งที่เห็นในฝันไม่ใช่ประเด็นสำคัญนะครับ
    แต่ประเด็นที่สำคัญคือ เราเข้าใจวัตถุประสงค์
    ที่ทำให้เราเห็นในฝันได้หรือไม่นะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...