ทำไมพระป่า ท่านไม่เรียนพระไตรปิฏก..ครับ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย เราโตมาคนละแบบ, 22 มกราคม 2017.

  1. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๓.๔๗

    ๕๕๕ ท่านมีสิทธิ์ไปตำหนิเค้าได้ด้วยหรือ
    ภาษาไทยของท่าน ก็ห่วยแตกนะ หึหึหึ
    เฮ้อ..สุดแรงพลังจะห้ามไหว (ได้ยิน)
    เพลง เค้าร้องออกมาพอดี นะจ๊ะ



    กระต่ายป่า ข้างวัด / แสงแห่งค้างคาว

    .
     
  2. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก๊ากกกกกๆๆๆๆกั๊กๆๆ....พูดได้ ฮาตรึม....:D
     
  3. มินเนี่ยม

    มินเนี่ยม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2016
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +19
    สนทนาธรรมกันได้ออกรสชาติ ดุเดือดไม่เบาครับ:p
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,424
    ค่าพลัง:
    +35,040
    พระสงฆ์ที่ปฏิบัติแล้วเกิด
    เจโตวิมุต กับ ปัญญาวิมุติ
    มีปัญญาญาณมากๆเนี่ย
    ซึ่งเป็นฐานทำให้จิตท่านเกิดความสามารถระดับ
    ปฏิสัมภิทาญาณขึ้นมาได้
    ท่านไม่ต้องอ่านตำราก็ได้ครับ(ต้องเจอกับตัวเองถึงจะเชื่อครับ)
    เพราะท่านมีเครื่องรู้โดยธรรมชาติครับ

    ต่อให้พระสงฆ์อีกท่านที่เป็นเจ้าของตำราดัง
    หรือเขียนตำราได้ดีระดับโลก ที่ไม่ได้ผ่านการปฏิบัติมา
    ในขั้นเจโตวิมุต ปัญญวิมุติ หรือมีปัญญาณจริงๆ
    แต่มีปัญญามากแต่เป็นปัญญาทางโลกๆนั้น
    มาโต้วาทีกัน ก็สู้ท่านที่ได้ปฏิสัมภิทาญานไม่ได้ครับ
    ความสามารถทางจิตมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
    ความเข้าใจในสภาวะที่เกิดจากการปฏิบัติ
    แล้วนำมาถ่ายทอดก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว
    และการได้รับการยอมรับและเคารพนับถือ
    จากสิ่งที่มองไม่เห็นหรือภาคส่วนภพภูมิก็ต่างกันครับ
    ปล.ปัจจุบันท่านที่ได้ปฏิสัมภิทาญานแบบนี้
    ยังมีชีวิตอยู่หลายท่าน แล้วแต่ว่าเราจะได้เคย
    พบเจอและเคยได้ยินท่านพูดแล้วเปล่าเท่านั้นเองครับ
    เล่าให้ฟังเฉยๆนะครับ
     
  5. บุคคลทั่วฺไป

    บุคคลทั่วฺไป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,159
    ค่าพลัง:
    +1,231
    การที่จะให้ปุถุชนไปถกกับพระอรหันต์ในเรื่องมรรคผลนิพพาน หรือเรื่องทางจิตนั้น
    มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะพระอรหันต์ท่านสัมผัสของจริง แต่ปุถุชนยังอ่านแค่ตำรา คนอ่านแค่ตำราจะไปสู้คนที่เคยพบของจริงได้อย่างไร
    แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่ควรดูถูกคุณธรรมข้อพหูสูตร
    คุณธะรรมข้อนี้ พระพุทธเจ้าทรงยกย่อง
    มีผู้มาถามว่า ถ้าจะบูชาพระธรรม ต้องทำอย่างไร
    พระพุทธเจ้าทรงแนะนำให้บูชาภิกษุผู้เป็นพหูสูตร แล้วทรงแนะนำให้ไปบูชาพระอานนท์
    (คือท่านกล่าวว่าพหูสูตรก็ต้องเป็นผู้มีศีลด้วย ไม่ใช่ผู้ทุศีล)
    ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าตรัสเสริญพระอานนท์ว่าเป็นยอดพหูสูตร
    ซึ่งขณะนั้นท่านพระอานนท์ยังเป็นเพียงโสดาบันเท่านั้น
    ภิกษุที่เป็นอรหันต์ปฏิสัมภิทามีมากมาย แต่พระองค์ไม่ยกย่อง กลับยกย่องพระอานนท์

    ทีนี้สมมุติมีพระสององค์
    องค์แรก ก่อนมาบวช ท่านเรียนสูง เป็นอาจารย์สอนคน
    มีความรู้ความสามารถในทางอบรมให้ความรู้แก่คนเป็นอันมาก
    ท่านเป็นวิทยากร เป็นนักเผยแพร่
    กับองค์ที่สอง ท่านเรียนมาไม่มาก
    เป็นคนขี้อาย ชอบเก็บตัวเงียบๆ ไมชอบพบผู้คน
    ต่อมาทั้งสองได้บวช และได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งคู่
    คิดว่าไม่ต้องบอกก็คงรู้นะว่า ในระหว่างสององค์นี้
    ใครคือผู้ที่จะทำประโยชน์ให้กับพระศาสนามากกว่ากัน
    และสอนให้คนได้บรรลุถึงธรรมได้มากกว่า

    ลองยกตัวอย่างศิษย์ในสายหลวงปู่มั่น
    องค์ที่มีผลงานเด่นที่สุด ทั้งในด้านการเทศน์ และการเขียนหนังสือเผยแพร่
    ก็คือ หลวงตามหาบัว เพราะท่านต่างกับศิษย์หลวงปู่มั่นองค์อื่นๆก็คือ
    เคยเป็นมหาเปรียญมาก่อน

    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านด็มีดีกรีเป็นมหาเปรียญมาก่อน

    ยังมีหลวงพ่อสด หลวงพ่อพุทธทาส ท่านก็เป็นมหาเปรียญมาก่อนเหมือนกัน
    ท่นเหล่านี้ล้วนมีบทบาทในการเผยแพร่ธรรมะและการสั่งสอนธรรมะมากกว่า
    พระหลวงพ่อ หลวงปู่ หลวงตา ที่ท่านเน้นปฏิบัติอย่างเดียว

    พระสัทธรรมของพระพุทธเจ้ามีทั้ง ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

    มีปริยัติอย่างเดียวก็ไม่ดี
    มีปฏิบัติอย่างเดียวก็ไม่ดี
    ต้องมีทั้งปริยัติและปฏิบัติคู่กัน และต้องมีปฏิเวธด้วยจึงจะดี

    พระสาวกของพระพุทธเจ้า ในยุคแรกๆส่วนมากท่านสำเร็จมรรคผลจากปริยัติ(ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า) ท่านไม่ต้องมายุบหนอพองหนอ พุทโธ หรือสัมมาอรหัง
    ก็ในเมื่อสำเร็จมรรคผลจากการเรียน(ฟังธรรม)เพียงอย่างเดียว
    จึงอาจกล่าวได้ว่าท่านสำเร็จธรรมด้วยปริยัติ

    สาวกรุ่นหลังๆมีปัญญาทางธรรมด้อยกว่า นอกปริยัติ(ฟังธรรม)แล้ว
    ยังต้องอาศัยลงมือปฏิบัติด้วย (ยุบหนอพองหนอ พุทโธ สัมมาอรหัง และอื่นๆ)
     
  6. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ธรรมอยู่ใกล้เรามาก เราจะหามันเจอได้หรือไม่ บ้างก็หาเจอ บ้างก็หาไม่เจอ ขึ้นกับอินทรีย์เราจะเอื้ออำนวยมากน้อยเพียงใด เสาะหาต่อไปเถิดโรบิ้น ดีกว่าไม่คิดที่จะหา เป็นกำลังใจให้ครับ :)
     
  7. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,611
    ค่าพลัง:
    +3,015



    พระป่าตั้งแต่ รุ่น พระอาจารย์เสาร์
    ท่านเป็น ศรัทธาธิกะ และ วิริยะธิกะครับ
    ไม่ใช่ พระพวกปัญญาธิกะเหมือน พระมหาต่างๆ
    ดังนั้น นิสัยของท่านจะไม่ชอบเรียนบาลี
    แต่ท่านชอบทำสมาธิ เข้าญาน มากกว่า
    ท่านจึงเห็นว่า การเรียนบาลี เป็นเรื่องที่ท่านไม่ค่อยชอบ
    ท่านเห็นว่า คนเราจะบรรลุธรรมได้
    ก็เพราะศึกษาอยู่ในกายของตนแค่นั้นเอง
    ไม่ใช่ไปศึกษาบาลี หรือ ศึกษาร่างกายผู้อื่น
    เรียกว่า การดูกายในกาย ใน สติปัฏฐาน นั่นเอง
     
  8. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ทำไมชอบคิดว่าสายป่าไม่มีปริยัติน้อ
    คนที่กล่าวอย่างนี้
    น่ากลัวจะไม่เคยสัมผัสกับสายป่า
     
  9. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,611
    ค่าพลัง:
    +3,015

    พระป่า อย่าง หลวงตามหาบัว คือ สายปัญญานำ
    จะฉลาดกว่าผู้อื่น ดังนั้น จึงชื่นชอบการเรียนรู้ การเรียนหนังสือ
    ซึ่งจะแตกต่างกับ หลวงปู่เสาร์ ที่เป็นสายศรัทธานำ
    และ หลวงปู่มั่น มีเป็นสายวิริยะนำ

    พระป่าทั้งสอง ไม่เคยสอน พระมหาได้เลย ในสมัยก่อน
    เพราะพระมหาสมัยนั้น จะเป็น ผู้ที่มีชอบคิดว่า
    ตัวเองมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่มาก ได้รับ พัดหลวง ยศพระก็หลวงให้
    พระบ้านนอกจึงไม่อยู่ในสายตา
    บางครั้งเวลาที่เดินธุดงค์ ก็ยังให้สังฆมณทล สั่งห้ามผ่านอีกด้วย
    จึงเกิดปัญหากับ พระธุดงค์สมัยก่อน อย่างมาก

    ต่อมา เมื่อท่านเจอ พระมหาบัว ที่ไม่เคยคิดว่า ตนเองเป็น พระมหา
    ท่านเจอพระป่า ท่านก็ไหว้ดะไปหมด
    ท่านทั้งสองจึงได้ร่วมกันสอนสั่ง พระมหาบัว
    เพื่อที่วันข้างหน้า หากมี พระมหาเปรียญ มาอยู่ด้วย
    จะได้ส่งไปละลายพฤติกรรม กับ พระมหาบัว
    หากผ่านด่าน พระมหาบัวได้ ก็จะถูกส่งไปอยู่กับ
    พระอาจารย์สายวัดป่ารูปอื่นๆ
    พระป่า ในชั้นหลังๆ จึงมี พระมหาเปรียญมากมาย
    เปรียญเก้าก็มี เป็น พระสังฆราช พระสังฆธิการ ก็มี
    เป็น กรรมการมหาเถรฯ ก็มี
     
  10. ผ่านมาเฉยๆ

    ผ่านมาเฉยๆ ไรเซ็นมันพูดว่าอะไรหว่า

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    947
    ค่าพลัง:
    +1,210
    ในสมัยนั้นก็มีพระมหาปิ่นอีกท่านนะครับ
    น้องหลวงปู่สิงห์
     

แชร์หน้านี้

Loading...