หนุมานคชสาร เหรียญลพ.ณรงค์ วัดมะเกลือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    วัดห้วยเงาะปัตตานี ( วัดอรัญวาสิการาม จ.ปัตตานี ) ประวัติ

    ประวัติพ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ <table width="550" cellspacing="0" cellpadding="10" border="0"><tbody><tr><td valign="middle" align="center">
    </td></tr><tr> <td valign="middle" align="center"><table width="530" cellspacing="0" cellpadding="0" border="0"> <tbody><tr> <td width="30" align="left"> </td> <td width="120" align="left">[​IMG]</td> <td width="30" valign="top" align="left"> </td> <td width="320" valign="top" align="left">พ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ ( พระครูอนุศาสน์กิจจาทร )

    วัดอรัญวาสิการาม ( วัดห้วยเงาะ )
    เกิดเมื่อปีพ.ศ.2472 ณ.ตำบลหน้าถ้ำ อ.เมืองจ.ยะลาโยมบิดาชื่อนายทอง เพ็ชรภักดี

    โยมมารดาชื่อ นางกิ๊ม เพ็ชรภักดี</td> <td width="30" valign="top" align="left"> </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="middle" align="left">ถือกำเนิดในครอบครัวชาวนาในจังหวัดยะลา เป็นบุตรคนที่ 3 จากจำนวนทั้งหมด 7 คน ดังนี้</td> </tr> <tr> <td valign="top" align="left"><table width="530" cellspacing="0" cellpadding="0" border="0"> <tbody><tr> <td width="290">1. นาย เชือน เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )

    2. นาย แก้ว เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )

    3. พ่อท่านเขียว กิติคุโณ ( นามเดิม เขียว เพ็ชรภักดี )

    4. นายชื่น เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )

    5.นายแจ๊ก เพ็ชรภักดี ( ถึงแก่กรรมแล้ว )

    6.นายสมใจ เพ็ชรภักดี( ถึงแก่กรรมแล้ว )

    7.นาง สาว เพ็ชรภักดี</td> <td width="10"> </td> <td width="230">
    </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> ช่วงชีวิตในวัยเยาว์ของท่าน ดำเนินไปเฉกเช่นวิถีชาวบ้านในต่างจังหวัดทั่วไป หลังจากจบ ป.4

    บิดาท่านได้ถึงแก่กรรม ท่านก็ต้องออกมาทำงานช่วยครอบครัว เพื่อเลี้ยงแม่และน้องๆ ซึ่งท่านก็สู้อดทน

    รับจ้างทำงานทุกอย่าง จนกระทั่งอายุได้ 20 ปี จึงบรรพชาอุปสมบท ตามประเพณีนิยม ณ.วัดนางโอ

    ปัจจุบัน คือวัดบุพนิมิตร อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2492 ณ.พัทธสีมา วัดนางโอ

    โดยมี พระครูมนูญสมณการวัดพลานุภาพเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแดง ธมฺมโชโต วัดนาประดู่

    เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการทอง จนฺทโชโต วัดภมรคติวันเป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระอธิการดำ

    ติสสโร เจ้าอาวาสวัดนางโอ ในขณะนั้น เป็นประธานสงฆ์ พระสงฆ์หัตถบาส เป็นพระอาจารย์ ที่ประสิทธิ์

    ประศาสน์ วิชาความรู้ และ พระเวทย์ต่างๆ ให้พ่อท่านเขียวมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นฆาราวาส เมื่ออุปสมบท

    ครองผ้าเหลือง</td> </tr> <tr> <td width="530" valign="top" align="left"> พ่อท่านเขียว ได้จำพรรษาอยู่วัดนางโอ โดยท่าน ได้ใช้เวลาที่ว่างจากกิจของสงฆ์เล่าเรียนการ

    สวดมนต์ในบทสำคัญต่างๆ รวมถึงการสวดภาณยักษ์ในแบบฉบับของภาคใต้ ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยได้
    พบกันมากๆเหมือนก่อนแล้ว กระทั่งพรรษา 2 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดสุนทรบัญชาราม อ.รามัญ

    จ.ยะลา

    พรรษาที่3 พ่อท่านเขียว ได้ย้ายกลับมาจำพรรษาที่วัดนางโออีกครั้ง ได้ศึกษาวิชาอาคมต่างๆ

    กับ “ตาเลี่ยม” ฆาราวาสที่เชี่ยวชาญ ด้านวิปัสสนา อีกทั้งสรรพวิชาจากผู้เรืองพระเวทย์วิทยาคมใน

    เขตนั้นอีกจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่ง ในทางธรรม ท่านปฏิบัติเคร่งครัด ศึกษาด้านปริยัติธรรมบาลีไวยากรณ์

    และนักธรรม รวมถึงการสวดมนต์ สาธยายธรรม ด้วยเหตุนี้เอง พ่อท่านเขียวท่านจึงสามารถ สวดปาฏิ-

    โมกข์ได้ตั้งแต่ในพรรษาที่ 5

    พ่อท่านเขียว สอบได้นักธรรมโทและต่อมา ท่านได้รับตำแหน่ง รักษาการเจ้าอาวาส วัดนางโอ

    จนกระทั่งได้เป็นเจ้าอาวาสในลำดับต่อมา ในระหว่างนี้ท่านเองเป็นสหธรรมมิกกับ “พระอาจารย์ทิม

    วัดช้างไห้” ด้วยความสนิทสนม ชอบพออัธยาศัยไปมาหาสู่กันเสมอ ระยะทางระหว่างวัดทั้ง2 ไม่ไกล

    กันโดยร่วมสังฆกรรม สนทนาธรรม ร่วมพิธีกรรมต่างๆกันเสมอ โดยเฉพาะเมื่อคราวที่ท่านอาจารย์ทิม

    วัดช้างไห้ สร้างหลวงปู่ทวดเนื้อว่านปี2497 เพื่อแจกแก่ผู้ที่ร่วมสร้างพระอุโบสถ วัดช้างไห้นั้น
    </td></tr></tbody></table>
    พ่อท่านเขียว เป็นผู้หนึ่งที่คลุกเนื้อผสมว่าน และ ร่วมอยู่ในพิธีกรรมเจริญพุทธมนต์ ในระหว่างที่ท่าน-

    อาจารย์ทิม อัญเชิญดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่ทวด เพื่อปลุกเสกพระเครื่องเนื้อว่านใน

    คราวปี2497 และร่วมพิธีกรรมปลุกเสกอีกหลายวาระ


    เมื่ออาจารย์ทิมท่านมรณภาพแล้ว ยังมีพิธี กรรมที่สำคัญอีก 1 วาระ คือปลุกเสกหลวงปู่ทวด
    เนื้อว่านปี 2524 ปัจจุบันเป็นที่เสาะหากันมาก
    เพราะมีประสบการณ์คุ้มภยันตราย แคล้วคลาดปลอดภัยแก่ผู้ที่นับถือนอกจากนี้ ยังได้รับนิมนต์

    ไปปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆ ในหลายพิธีตลอดมาทั้งไกลและใกล้จนถึงปัจจุบัน นับว่าพ่อท่านเขียว

    เป็นพระเกจิสำคัญถือเป็นเพชรอีกรูปหนึ่ง แห่งเมืองใต้ เลยทีเดียวส่วนหลักฐานสำคัญ อีกรูปที่รับรอง

    พ่อท่านเขียว ว่าปลุกเสกหลวงปู่ทวดเดี่ยวเพียงลำพังรูปเดียวได้ดีคือท่านอาจารย์นอง วัดทรายขาว

    ท่านกล่าวไว้กับศิษย์ใกล้ชิดที่ร่วมรับรู้หลายท่าน ถือเป็นหลักฐานรับรองที่สำคัญ อีกประการหนึ่ง <table width="550" cellspacing="0" cellpadding="10" border="0"><tbody><tr><td valign="top">
    </td></tr><tr> <td valign="top"><table width="530" cellspacing="0" cellpadding="0" border="0"> <tbody><tr> <td width="200">
    </td> <td width="10"> </td> <td width="320" valign="middle"> ในราวปี2500 พ่อท่านเขียวได้ตรวจสอบธรณีสงฆ์

    รอบวัดนางโอ พบการรุกล้ำที่วัดของชาวบ้านละแวกวัด

    ทำให้ชาวบ้านเหล่านั้นไม่พอใจกระทบกระทั่งกันหลายวาระ

    ในที่สุดพ่อท่านเขียวจึงตัดสิน ใจออกจากวัดไปจำพรรษา

    ที่วัดภมรคติวัน และที่วัดนี้ก็มีปัญหาเดียวกันกับวัดนางโอ

    ท่านจึงย้ายวัดไปจำพรรษาที่วัดนาประดู่อีกครั้ง และใน

    ระหว่างนี้ท่านอาจารย์ธีร์เจ้าอาวาสวัดห้วยเงาะในเวลานั้น

    จึงได้มานิมนต์ท่านไปอยู่ด้วยกันเสียที่วัดห้วยเงาะเนื่องด้วย

    พรรษาท่านมากจะได้ดูแลไม่ต้องพบกับภาระเหนื่อยหนักอีก </td> </tr> </tbody></table></td> </tr> <tr> <td valign="top"> พ่อท่านเขียวท่านเป็น พระสงฆ์ที่มัธยัสถ์อดออมและรักสันโดษ ท่านชอบการอ่านหมั่นศึกษาหา

    ความรู้ในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านกฏหมายบ้านเมือง การเกษตรกรรม โหราศาสตร์ สมุนไพร-

    กลางบ้าน รวมถึงสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในอันที่จะนำไปสงเคราะห์ผู้อื่นได้

    พ่อท่านมีเมตตาสูงกับเหล่าศิษย์ และผู้ที่ไปขอให้ท่านเสกเป่าบรรเทาทุกข์ แก้ไขสิ่งที่ขัดข้อง

    ในชีวิต ท่านเมตตาเสมอเหมือนกันหมด ไม่ว่ายากดีมีจนมาจากไหนไม่ว่าจะไกลหรือใกล้ โดยไม่แบ่ง-

    แยกไม่เคยเรียกร้องสิ่งใด และท่านไม่จับ หรือรับเงินที่มาถวายเลย พ่อท่านไม่เคยสนใจลาภสักการะ

    ต่างๆ ใครไปให้ท่านช่วย พอจะลากลับหากถวายเงินท่าน พ่อท่านจะนิ่งเฉย และถามกลับว่า “เอามา

    ให้เราทำไร ท่านเป็นพระไม่ต้องใช้ หากจะทำบุญก็นำไปใส่ตู้บริจาคภายในวัดตรงไหนก็ได้”
    </td></tr></tbody></table>
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาและข้อมูลอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่นแรกพ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะปัตตานี เหรียญขวัญถุง


    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับมี3เหรียญสวยเดิมๆครับ
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2016
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]


    ประวัติหลวงปู่กอง
    หลวงปู่กอง จันทวังโส มีนามเดิมว่า กอง ถนอมทรัพย์ เป็นบุตรคนที่ 2 ใน 3 คน ของคุณพ่อฝอย และคุณแม่ทัด ถนอมทรัพย์ เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2442 ในแผ่นดินรัชกาลที่ 5 บ้านเดิมอยู่ที่ ต.บ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ซึ่งท่านก็ได้เรียนหนังสือและจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 ที่โรงเรียนวัดบ้านพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง นั่นเอง
    มูลเหตุบรรพชา
    ครั้นเมื่อมารดาของหลวงปู่เสียชีวิตลง ท่านจึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และไม่ได้ลาสิกขาจนกระทั่งอายุครบบวช เนื่องจากหาจะสึกเมื่อไร ก็มักจะเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุอยู่เสมอ ในขณะที่หลวงปู่ยังเป็นสามเณรอยู่นั้น ได้ติดตามพี่ชายไป จ.สุพรรณบุรี และอยู่วัดพระลอยกับหลวงพ่อแต้ม เมื่ออายุครบบวช จึงได้กลับไปอุปสมบท ณ วัดบ้านแก อ.แสวงหา จ.อ่างทอง หลังจากนั้นจึงได้ไปจำพรรษาอยู่ ณ วัดข่อย หรือ วัดข่อยวังปลาในปัจจุบัน
    ที่วัดข่อยนี้เอง หลวงปู่ได้ศึกษาวิทยาการต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม กับหลวงพ่อเข็ม ท่านได้ศึกษาอยู่จนได้เป็น พระปลัดกอง มีหน้าที่อบรมสั่งสอนพระเณรที่วัด ซึ่งท่านเป็นพระที่มีวินัยเข้มงวดกวดขันมาก หลังจากนั้นจึงได้ลาสิกขาบทกลับมาใช้ชีวิตฆราวาส

    ลาสิกขา
    ในช่วงชีวิตฆราวาส หลวงปู่ได้มีครอบครัวเฉกเช่นคนทั่วไป แต่เมื่อภรรยาของท่านออกลูกสาวคนแรกก็เสียชีวิตลง ท่านจึงได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง โดยมีบุตร-ธิดาที่เกิดจากภรรยาคนที่สองอีก 3 คน ท่านใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.อ่างทองระยะหนึ่ง จึงย้ายมาอยู่ที่ จ.พิจิตร ซึ่งที่นี่เอง ภรรยาคนที่สองของท่านก็ได้เสียชีวิตลงอีก ท่าานจึงเกิดความเบื่อหน่ายทางโลก อีกทั้งบุตรและธิดาท่านโตพอจะช่วยเหลือตนเองได้แล้ว จึงนำไปฝากไว้กับตาและยายเพื่อให้ไปศึกษาต่อในชั้นมัธยม ส่วนท่านจึงได้กลับเข้าอุปสมบทอีกครั้ง

    ชีวิตสมณะ การแสวงหาธรรม และปฏิปทา
    การอุปสมบทครั้งนี้ ท่านได้สละเพศฆราวาสของท่าน ณ วัดเทวประสาท ต.ห้วยเกต อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร ในขณะนั้นท่านมีอายุได้ 55 ปีแล้ว โดยมีท่านพระครูพิบูลย์ศีลสุนทรเป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการทองอยู่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เมื่อวันที่ 18 กรกฏาคม พ.ศ.2495 โดยได้รับฉายาว่า จันทวังโส เมื่อบวชแล้วท่านได้ศึกษาวิทยาการต่างๆจากหลวงปู่มหาทิม ซึ่งพระอาจารย์มหาทิม เป็นพระผู้มีความรู้ทั้งทางโลกและทางธรรม รวมถึงคาถาอาคมต่างๆ ต่อมาหลวงปู่กองจึงได้ติดตามอาจารย์มหาทิมลงมากรุงเทพ ฯ ด้วย โดยไปจำพรรษาที่วัดพระสิงห์ กรุงเทพฯ จากนั้นท่านจึงได้ไปศึกษาอบรมอยู่กับหลวงพ่อมิ ซึ่งเป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มหาทิม (หลวงพ่อมิ เป็นศิษย์ของหลวงปู่คง วัดซำป่างาม จ.ชลบุรี) เมื่ออยู่ได้ระยะหนึ่ง ท่านจึงได้แยกย้ายกับพระอาจารย์มหาทิม เพื่อไปธุดงค์แสวงหาโมกขธรรมตามป่าเขา
    ในการธุดงค์ของหลวงปู่กอง ได้ปลีกวิเวกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ตามที่สงบสงัด บางครั้งก็ได้ไปพบกับครูบาอาจารย์และสหายธรรมมากมาย ครั้นเมื่อกลับจากธุดงค์แล้ว ท่านจึงได้ไปจำพรรษาวัดโน้นบ้างวัดนี้บ้าง ตามที่สหายธรรมของท่านได้ชักชวนไป จนกระทั่งในที่สุด หลวงปู่ได้มาจำพรรษาที่วัดสระมณฑลซึ่งเป็นพระอารามเก่าแก่ในสมัยอยุธยา ซึ่งเหลือเพียงโบสถ์และพระพุทธรูปโบราณ วัดมีอาณาเขตเพียงแค่รอบโบสถ์ ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนประชาชน
    ในสมัยที่หลวงปู่ออกธุดงค์อยู่นั้น หลวงปู่ได้เดินธุดงค์ไปถึงที่ถ้ำบัวแดง จ.ชัยภูมิ ณ สถานที่นั้นเองที่ท่านได้เจอกับพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของท่าน ที่ท่านให้ความเคารพเทิดทูนมาก นั่นคือ หลวงปู่เทพโลกอุดร ด้วยความเคารพรัก และบูชาในคุณธรรมของท่าน หลวงปู่จึงได้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่เทพโลกอุดรขนาดใหญ่ ไว้ให้ศิษยานุศิษย์บูชาไว้ภายในโบสถ์ด้วย

    หลวงปู่กอง ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดสระมณฑล จนกระทั่งละสังขาร ในวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ.2546 สิริอายุได้ 104 ปี 9 วัน 51 พรรษา
    แหล่งข้อมูล: ตัดทอน-เรียบเรียงจาก ศิษย์ใหม่. 2546. หลวงปู่กอง จนฺทวํโส. หนังสือที่ระลึกงานฌาปณกิจ. ม.ป.พ.
    กระดูกหลวงปู่ท่านเป็นพระธาตุครับ คนอยุธยาต่าง ๆ บอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์ครับ

    หลวงปู่กอง กระดูกท่านเป็นพระธาตุจริงๆ แต่ตอนเผาสรีระท่าน พวกลูกศิษย์แย่งกันเก็บไปหมด ที่วัดสระมณฑลก็เหลืออัฐิธาตุของท่านอยู่นิดหน่อย แต่ไม่ได้แจกนะครับ เค้าเก็บบูชาไว้ที่วัด หลวงปู่กองท่านเก่งเรื่องตะกรุดครับ ท่านเป็นคนจารตะกรุดให้หลวงปู่เทียมตัวจริงครับ ไม่ใช่พวกที่เค้าอ้าง ๆ กัน ท่านจารตะกรุดให้หลวงปู่เทียมมาตั้งแต่ปี 17 จารตะกรุดจนหลวงปู่เทียมมรณะภาพนั้นแหละครับ หลวงปู่กองท่านสร้างตะกรุดเหมือนหลวงปู่เทียมแหละครับ ทั้งตะกรุดมหาระงับ ตะกรุดมหาปราบ ตะกรุดสี่มหาอำนาจ ตะกรุดรัตนมาลา ตะกรุดมหาละรวย

    ในยุคบั้นปลายของหลวงปู่เทียม ท่านให้พระในวัด นำแผ่นตะกั่ว ทองแดง มาให้หลวงพ่อเขียนยันต์ ไม่ว่าจะเป็น " มหาระงับ สี่มหาอำนาจ เก้ารัตนมาลา มหาละรวย ดวงแก้ว ไตรปิฏก " เพราะวัดกษัตรา และ วัดสระมณฑล อยู่ไม่ไกลกัน หลวงปู่กอง ท่านเป็นมือขวา ( ศิษย์เอก และ ศิษย์รุ่นแรก ) ของหลวงปู่เทียมก็ว่าได้ ตะกรุดของหลวงปู่ของทุกชนิด สามารถใช้แทนตะกรุดของหลวงปู่เทียม ได้ทุกประการ แต่จะหายากหน่อย และ แพงหน่อย (ถ้าเป็นมหาระงับ ราคาจะใกล้ ๆ มหาระงับหลวงปู่เทียม )ส่วนมากคนแถว ๆ วัดจะมี แต่มีก็เป็นแค่ตะกรุดดอกเล็ก 2-3 นิ้ว ส่วนดอกใหญ่ ท่านจะทำให้เป็นพิเศษเฉพาะคน
    ยันต์ที่ลงในตะกรุดดอกเล็กของท่านส่วนมากเป็นยันต์เฑาะว์ ( หลังเหรียญหลวงพ่อกลั่น 2469 ) และ ก็ นะมหาอุตม์ ซึ่งมีอิทธิฤทธิ์ทางอยู่ยงคงกระพัน ชาตรี มหาอุตม์
    ดอกใหญ่ผมก็ไม่ทราบแน่ชัด แล้วแต่ตัวของตะกรุดมากกว่า ถ้าท่านทำตะกรุดมหาปราบ ท่านก็ลงยันต์มหาปราบ มหาระงับ ก็ ยันต์มหาระงับ ถ้าไม่ถามท่าน ท่านก็จะไม่บอกว่ายันต์อะไร
    ตะกรุดท่านแทบทุกดอกท่านจะม้วนรูปพระครูเทพโลกอุดร พระอาจารย์องค์หนึ่งของท่าน ไปด้วย
    หลวงปู่กองท่านจะเก่งมาก ๆ ในวิชามงกุฏพระพุทธเจ้า ท่านบอกว่าท่านศึกษามาจากพระครูเทพโลกอุดร ท่านก็ยังเคยสอนผมให้ท่องคาถานี้ไว้ เป็นเมตตามหามงคล คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด กันภูติผีปีศาจ ดีเยียม
    ตะกรุดของท่านบางดอกที่ผมเคยเห็นท่านก็ลงยันต์สายหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ เช่น 3 ยันต์นี้ที่ผมเคยเห็นท่านลงเป็นตะกรุด ท่านบอกว่ามีคุณทางมหาอุตม์ อีกอย่างเป็นยันต์ของสายวัดประดู่ในทรงธรรม สำนักตักศิลาแห่งภาคกลาง และท่านก็ได้ศึกษามาจากหลวงปู่เทียมเช่นกัน หลวงปู่กองท่านเป็นสหธรรมมิกที่สนิทกันมากกับหลวงปู่หมุน ฐิตสีโล วัดบ้านจาน อีกด้วย
    หลวงปู่กองท่านชอบทำวัตรส่วนมนต์ บางวันหลวงพ่อท่านก็นั่งสมาธินานๆ วันล่ะหลายๆครั้ง บางครั้งฤกษ์ดียามดีก็มานั่งจารตะกรุดดอกเล็กดอกน้อย ถ้าเกิดมีคนไปทำบุญ ไปถวายสังฆทาน กับท่าน ท่านก็จะแจก ตะกรุด พระผง เหรียญ ให้ไปที่ล่ะหลาย ๆ ชิ้น
    อีกอย่าง เวลาใครได้เข้าหาหลวงปู่แบบใกล้ ๆ จะรู้สึกเลยว่า พลัง บารมี ของท่านแรงมาก ๆ ถึงคนไม่มีฌานสมาธิ ก็สามารถรู้ได้ เพราะใครได้อยู่ใกล้ ๆ ท่าน จะมีพลังเย็น ๆ แปลก ๆ วัดท่านไม่ได้มีแอร์นะครับ แต่ใครได้อยู่ใกล้หลวงปู่ จะรู้สึกเลยว่าเย็นตัวมาก

    และที่หนังสือหลาย ๆ เล่มบอกว่าป้ากวย ถนอมทรัพย์ เป็นหลานหลวงพ่อ จริง ๆ เป็นลูกสาวของหลวงพ่อครับ
    ป้ากวยได้บอกเล่าเรื่องราวของหลวงปู่กองให้ผู้เขียนฟังคร่าวๆ ว่า หลวงปู่กอง จันทวังโส เดิมท่านชื่อว่า กอง ถนอมทรัพย์ ท่านบวชและร่ำเรียนวิชามาสารพัดตั้งแต่รุ่นหนุ่ม ในสมัยที่ท่านออกบวชท่านชอบธุดงค์ไปตามป่าเขา ในดินแดนทุรกันดาร จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเดินพลัดตกเขาสลบไป ก็ปรากฏร่างของพระสงฆ์รูปหนึ่งมาช่วยไว้ หลวงปู่กอง ท่านเรียกพระรูปนั้นว่า “หลวงปู่ใหญ่” ซึ่งก็คือ หลวงปู่เทพโลกอุดร หลังจากนั้นหลวงปู่กองก็ได้ปฏิบัติทาง “จิต” และร่ำเรียนวิชาที่เป็นศาสตร์ลี้ลับจากหลวงปู่ใหญ่อีกมากมายหลายวิชา เมื่อสำเร็จแล้วจึงออกจากป่ามาจำพรรษาอยู่ตามวัดต่างๆ และร่ำเรียนวิชาจากพระเกจิชื่อดังอีกหลายรูป อาทิ หลวงปู่เทียม แห่งวัดกษัตราธิราช จ.อยุธยา (อยู่ตรงข้ามไม่ไกลจากวัดสระมณฑล หลวงปู่กองอยู่จำพรรษาที่วัดกษัตราฯ เป็นเวลานานกระทั่งเห็นว่าวัดสระมณฑลที่อยู่ไม่ไกลกันนี้เป็นวัดร้างไม่มีพระจำพรรษาอยู่ท่านจึงขอมาอยู่ที่นี่เพียงรูปเดียวกระทั่งปัจจุบันนี้
    ภายในโบสถ์วัดสระมณฑลหลังนี้มีรูปหล่อของหลวงปู่เทพโลกอุดรองค์ใหญ่ที่หลวงปู่กองให้หล่อขึ้นไว้บูชา ป้ากวยได้เล่าถึงอภินิหารของรูปหล่อหลวงปู่เทพโลกอุดรให้ฟังว่า เมื่อรูปหล่อหลวงปู่เทพฯ มาถึงวัดขณะที่แดดกำลังเปรี้ยงแต่แล้วฟ้ากลับครึ้มและมีฝนตก แล้วเมื่อถึงเวลาจะยกเข้าประตูโบสถ์ ก็ปรากฏว่าทำยังไงก็ยกเข้าไม่ได้ เพราะองค์พระใหญ่กว่าประตูมาก จนหลวงปู่กองต้องบริกรรมคาถาอยู่ครู่ใหญ่จึงสามารถยกรูปหล่อหลวงปู่เทพฯ เข้ามาได้ เป็นที่น่าอัศจรรย์

    ขอบคุณเจ้าของบทความและที่มาอย่างสูงครับ


    เหรียญรุ่นแรก หลวงปู่กอง วัดสระมณฑล


    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS50บาท(ปิดรายการ)[​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2016
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  4. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,968
    ค่าพลัง:
    +5,381
    ขอจองครับ........
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    <table class="tablebg" width="100%" cellspacing="1"><tbody><tr class="row2"><td class="profile" valign="top">
    </td><td valign="top"> <table width="100%" cellspacing="5"><tbody><tr><td> [​IMG]
    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>

    หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป พระอรหันต์กลางป่าบำเพ็ญสมณะกรรมฐานเป็นนิจ
    **หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป นามสกุลเดิม ดีเลิศ เกิดเมื่อวันที่ วันจันทร์ ที่ 8 พ.ย.2458 เวลาตี 2 (ตรงกับวันเพ็ญ เดือน 12 ปีเถาะ) ปัจจุบันสิริอายุ 94 ปี


    **สถานที่เกิด : เกิดที่ บ้านก่อ ต.หนองไข่นก อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี โยมบิดาชื่อ เคน โยมมาดาชื่อ ค้ำ มีอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมบิดามารดา 9 คน คือ
    1.นางพิมพา
    2.นางทุมมา
    3.นางสีทา
    4.นางสีดา
    5.นางทองสา
    6.หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป
    7.นายพรหมมา อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านก่อ
    8.นางวรรณา
    9.นายสง่า ดีเลิส อดีตสหกรณ์อำเภอม่วงสามสิบ


    บรรพชา
    **ในปี พ.ศ.2477 เมื่อมีอายุ 19 ปี ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรกับหลวงปู่อุปัฌชาย์อ่อน ที่วัดบ้านก่อ(บ้านเกิดท่าน) เป็นการบวชหน้าไฟให้โยมมารดาซึ่งถึงแก่กรรมลง ตั้งใจจะบวชเพียง 3 พรรษา แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ครบกำหนดแล้ว ก็ธรรมทำความรู้ในพระธรรมวินัยด้านปริยัติแตกฉาก จนสอบได้ นักธรรมตรี นักธรรมโท และนักธรรมเอก ติดต่อกันมาทุกปี จนทำให้มีศรัทธาบวชต่อ


    อุปสมบท
    **ถึงปี พ.ศ.2478 อายุครบ 20 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา โดยมีพระอุปัฌชาอ่อน เป็นพระอุปัฌชาย์ที่วัดบ้านเกิดนั่นเอง และได้จำพรรษาอยู่ที่นั่น


    ญัตติเป็นธรรมยุติ
    **ล่วงเข้าปี พ.ศ.2480 ท่านได้กราบลาพระอุปัฌชาย์อ่อนออกเดินทางติดตามพระอาจารย์มหาสีทน กาญจโน (ซึ่งเป็นญาติกันด้วย) โดยมีจุดหมายปลายทางที่ จ.อุดรธานี เมื่อเดินทางถึง จ.อุดรธานี หลวงปู่พระมหาสีทนได้นำท่านไปเปลี่ยนยัตติเป็นพระธรรมยุต ในวันที่ 17 ก.ค.2480 ณ วัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี โดยมี ท่านเจ้าคุณพระเทพกวี (จูม พนฺธุโล) ต่อมาได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระธรรมเจดีย์ เป็นพระอุปัฌชาย์ มีพระครูสาสนูปกรณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูประสาทคณานุกิจ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อยัตติแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดโพธิสมภรณ์


    เป็นมหาเปรียญ
    **หลวงปู่พระมหาโส เป็นพระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัยปฏิบัติตามคำสอนขององค์ศาสดามาโดยตลอด ท่านแสวงธรรมทั้งในด้าน ปฏิยัติ(แสวงหาความรู้) ปฏิบัติ(แสวงธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า) ปฏิเวธ(แสวงหาธรรมด้วยปัญญาของตนเองเพื่อแสวงหาวิโมกติสุข) ถึงเวลาต่อมาในพรรษาที่ 12 ท่านก็ได้แตกฉากบาลี จนสอบเปรียญธรรมสนามหลวงเป็น "พระมหา" ได้สำเร็จ และในปีเดียวกันก็ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดศรีหมากหญ้า อ.เมือง จ.อุดรฯ ด้วย
    **แต่เป็นเจ้าอาวาสอยู่ได้เพียง 4 ปี หลวงปู่มหาโส ก็สละตำแหน่งเจ้าอาวาส และออกธุดงค์ต่อเพื่อแสวงหาสิ่งที่เรียกว่า"พ้นจากวัฏสงสาร"อันเป็นเป้าหมายสูงสุดของพระพุทธศาสนาต่อไป


    ประวัติอื่นๆ
    **หลวงปู่พระมหาโส กัสสโป เป็นศิษย์สายธรรมหลวงปู่มั่น และเป็นศิษย์ผู้พี่ของหลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต (ผู้คนส่วนใหญ่จะคิดว่าท่านเป็นศิษย์หรือสหธรรมิกของหลวงปู่ผาง จิตตคุตโต แต่ที่จริงไม่ใช่เพราะถ้านับพรรษาหลวงปู่มหาโสพรรษามากกว่าหลวงปู่ผางถึง 10 ปี เพราะหลวงปู่ผางท่านอุปสมบทตอนอายุ 40 ปีครับ) ในขณะที่ผู้คนรู้จักชื่อเสียงของหลวงปู่ผาง หลวงปู่มหาโสยังคงธุดงธ์แสวงวิเวกอยู่ในป่าอยู่


    **ท่านนับเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอีกรูปหนึ่งชึ่งผู้คนยังไม่ค่อยรู้จักท่านเท่าใด เพราะปฏิปทาท่านชอบบำเพ็ญหาความสงบทางจิตในป่ามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว นับตั้งแต่อายุ 70 ปี หลวงปู่พระมหาโสก็ไม่เคยออกจากวัดป่าคำแคนเหนือสู่งสังคมทางโลกอีกเลยจนถึงปัจจุบัน สมัยก่อนท่านธุดงค์บำเพ็ญเพียรที่หุบเขาต่างๆ เช่น ภูพาน ภูผาแดง ภูเม็งฯลฯ และตั้งสำนักสงฆ์ที่หุบเขาภูเม็ง แต่ด้วยอุบาสกอุบาสิกาที่ไปถือศีลเป็นไข้ป่า ต่อมาเมื่อท่านจึงตัดสินใจย้ายลงมาอยู่ที่เชิงเขาภูเม็งจนถึงปัจจุบันท่านก็ได้มาปักหลักสร้างวัดวัดป่าคีรีวันอรัญเขต (วัดป่าคำแคนเหนือ) ต.คำแคน อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น


    **หลวงปู่มหาโส กัสสโป แห่งวัดคำแคนเหนือ อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ไม่เคยพบกับหลวงปู่มั่นโดยตรง แต่ก็มีท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์(จูม) วัดป่าโพธิสมภรณ์ จ.อุดรธานี เป็นพระอาจารย์สอนกรรมฐาน และเป็นพระอุปัฌชาย์ผู้ญัติเป็นธรรมยุติให้หลวงปู่ด้วย และท่านก็ยังมีท่านพระอาจารย์มหาสีทน กาญจโน พระวิปัสสนากรรมฐานผู้เป็นเสาหลักใหญ่ของจังหวัดขอนแก่นในขณะนั้น คอยสอนกรรมฐานให้หลวงปู่มหาโส เมื่อครั้งพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม พาหมู่คณะพระกรรมฐานมาจำพรรษาเพื่อเผยแผ่ธรรมะในจังหวัดขอนแก่น ระยะประมาณ พ.ศ.2472 -2475 พระอาจารย์มหาสีทน ก็ได้ฝากหลวงปู่มหาโส และ หลวงปู่สิงห์ สุขปัญโญ (พระวิจิตรธรรมภาณี) อดีตเจ้าคณะ จ.อุบลฯ เป็นศิษย์พระอาจารย์สิงห์ด้วย


    **หลวงปู่มหาโส ขณะนี้อายุได้ 94 กว่าปีแล้ว นับเป็นพระเถราจารย์ชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดขอนแก่น มีพระฝากตัวเป็นศิษย์ผู้สืบทอดปฏิปทาจากท่านมากมาย เช่น หลวงปู่บุญเพ็ง กัปปโก วัดป่าวิเวกธรรม จซ.ขอนแก่น , เจ้าคุณพระธรรมดิลก (หลวงพ่อสมาน สุเมโธ) เจ้าคณะภาค 9 ธรรมยุติ วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น , หลวงปู่เขี่ยม โสรโย อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าถ้ำขาม จ.สกลนคร , หลวงพ่อนงค์ ปคุโณ วัดอุดมคงคาคีรีเขต(หลวงปู่ผาง) จ.ขอนแก่น , หลวงปู่สมาน ถาวโร เจ้าคณะ อ.มัญจาคีรี(ธรรมยุต) วัดป่าโนนสำนัก จ.ขอนแก่น ฯลฯ หลวงปู่มหาโสชราภาพมาก ๆ แต่สุขภาพแข็งแรงดี ความจำดีอยู่ และท่านยังปฏิบัติศาสนกิจของท่านอยู่เสมอต้นเสมอปลาย ทั้งการอบรมธรรมะแก่พระเณร อุบาสก อุบาสิกา การพัฒนาวัด การต้อนรับศรัทธาญาติโยมที่มากราบเยี่ยมที่วัด ซึ่งมีมาไม่เคยขาดสายเลยแม้แต่วันเดียว ไม่ว่าจะอยู่ไกลขนาดไหนก็มา ด้วยบารมีแห่งแสงธรรมขององคืหลวงปู่เองไม่ว่าจะอยู่ไกลขนาดไหนก็มา

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาและข้อมูลอย่างสูงครับ
    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่มหาโส เหรียญสึกครับ สวยๆเป็นหมื่นขึ้น ร่นนิยม9เหลี่ยม

    ให้บูชา 2900 บาท


    [​IMG] [​IMG]



     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  6. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,968
    ค่าพลัง:
    +5,381
    ขอจองครับ.........
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เหรียญหลวงปู่มั่นหลังพระอาจารย์จูม ปี 2516 พิธีใหญ่ สายกรรมฐานอธิฐานจิตหลายท่านครับ สวยเดิมๆ สมัยนั้นครบาอาจารย์สายพระป่ายังอย่ครบครับ เหรียญออกแบบสวยงาม

    ให้บูชา 1000 บาท

    [​IMG] [​IMG]
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]

    ประวัติของพระเทพสังวรญาณ หรือ หลวงตาพวง สุขิทริโย เป็นชาว จ.ยโสธร นามเดิมว่า พวง ลุล่วง เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 6 พ.ค. 2470 ณ บ้านศรฐาน ต.กระจาย อ.ลุมพุก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันคือ ต.ศรีฐาน อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดสระแก้ว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2485 ต่อมาได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ที่สำนักสงฆ์บ้านหองโดก ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณาคม จ.สกลนคร ตรงกับวันที่ 24 พ.ย.2490 ได้รับฉายาว่า สุขินทริโย แปลว่า ผู้มีความสุขเป็นใหญ่

    หลังจากอุปสมบท หลวงตาพวง ได้เข้าศึกษาอบรมธรรมกับหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่วัดป่าบ้านหนองผือ และฝากตัวเป็นศิษย์และขอนิสัยจากหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่วัดป่าภูธรพิทักษ์ บ้านธาตุเวง ต.พังขว้าง อ.เมือง จ.สกลนคร

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาและข้อมูลอย่างสูงครับ หลวงตาพวงเป็นทั้งศิษย์ของหลวงปู่เสาร์ และหลวงปู่มั่น

    พระผงหลวงตาพวง วัดศรีธรรมาราม นิยม รุ่นสุริยะคลาส


    ให้บูชา 500 บาทค่าจัดส่งEMS50บาท
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 ธันวาคม 2016
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เหรียญอธิฐานจิตไตรมาสพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วัดภูทอก ไตรมาส 2521เลี่ยมพร้อมแขวนได้เลย
    ให้บูชา 350 บาทค่าจัดส่งEMS50บาท(ปิดรายการ)

    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2016
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]
    ประวัติหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง อยุธยา ปัจจุบันนี้มีหลวงพ่อดี ๆ ดังๆ อยู่หลายองค์ด้วยกัน ที่อำเภอบางปะหัน จ. พระนครศรีอยุธยา ยังมีคณาจารย์อยู่รูปหนึ่งทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ในเรื่องวิชาไสยศาสตร์เครื่องรางของขลัง เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่ง คณาจารย์ที่จะกล่าวถึงรูปนี้คือหลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วยกิตติศัพท์ในด้านพุทธาคมของท่านอาจารย์หน่าย อินฺทสีโล วัดบ้านแจ้ง ต.หันสังข์ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา ดังขจรขจายไปทั้งใกล้และไกลทุกทิศานุทิศมาเนิ่นนานแล้วแต่ของท่านดังแบบไฟสุมขอน ค่อยเป็นค่อยไป ผู้ประสบพบเห็นเหตุการณ์อันเต็มไปด้วยอภินิหารนานาประการ ต่างโจทก์จรรย์กันไปแบบปากต่อปาก ไม่มีการประชาสัมพันธ์แต่อย่างใด ดังนั้น คณะผู้จัดทำหนังสือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ – พระพุทธรูปพระเครื่อง จึงได้เดินทางไปหาประวัติความเป็นมาแต่ภูมิหลังของท่าน ท่านเป็นอาจารย์ ที่มีศีลจริยาวัตรงดงาม ตั้งอยู่ในสมณรูปโดยครบถ้วน ไม่ด่างพร้อยแต่ประการใด หลวงพ่อหน่าย อินฺทสิโล นามเดิมชื่อ หน่าย มีความดี วันที่เกิดจำไม่ได้จำได้แต่ พ.ศ. 2446 เกิดที่ตำบลหันสังข์ อำเภอบางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา บิดาชื่อ นายหลาบ มารดาชื่อ นางพลอย จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 4 จากโรงเรียนวัด ในสมัยนั้นการศึกษายังไม่ค่อยเจริญ พออ่านออกเขียนได้ เมื่อหลวงพ่อจบการศึกษาแล้ว ได้ช่วยพ่อแม่ทำงานอยู่กับบ้าน หลวงพ่อบวชเณรเมื่ออายุ 12 ปี ที่วัดบ้านแจ้ง มีพระครูพัด เป็นพระอุปัชฌายะ ในขณะที่เป็นเณรได้ศึกษาธรรมวินัยและวิชาไสยศาสตร์บ้างเล็กน้อยเพราะตอนนั้นอายุยังน้อยอยู่ เมื่ออายุครบ 22 ปี ได้อุปสมบทที่วัดบ้างแจ้ง โดยมีพระครูพัด เป็นพระอุปัชฌายะ ได้ฉายาว่า อินฺทสีโล พอหลวงพ่อบวชเป็นพระหลังพรรษาแรก ก็เริ่มออกเดินธุดงค์ไปในอ่า ในเขาตามภาคต่าง ๆ ซึ่งมีสัตว์ดุร้ายที่ชุกชุม หลวงพ่อหามีความเกรงกลัวกับสัตว์ร้ายเหล่านั้นไม่ หลวงพ่อเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งขณะที่เดินธุดงค์เข้าไปในปาได้พบช้างยืนขวางหน้าอยู่ เมื่อหลวงพ่อเดินเข้าไปใกล้มันได้ใช้งวงของมันมาเกี่ยวจีวรที่หลวงพ่อครองอยู่ไปพันกับงวงมันหลวงพ่อจึงก้มลงแล้วหยิบดินขึ้นมาก้อนหนึ่งเสกแล้วโยนไปทีช้าง ช้างจึงได้วางจีวรลงแล้วได้เดินหายเข้าไปในป่า มิได้ทำร้ายหลวงพ่อเลย เมื่อหลวงพ่อเดินธุดงค์อยู่ในป่าเป็นที่พอใจแล้ว จึงได้กลับมายังวัดแจ้ง เพื่อเยี่ยมญาติโยม กลับมาอยู่วัดบ้างแจ้งได้ 3 เดือน หลวงพ่อได้เดินทางไปศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ขณะที่หลวงพ่อเรียนวิชาไสยศาสตร์ อยู่ที่วัดปากคลองมะขามเฒ่า ได้พบกับท่านกรมหลวงชุมพร ได้ศึกษาวิชาไสยศาสตร์กับท่านบ้างพอควร ส่วนมากหลวงพ่อจะได้วิชาจากหลวงพ่อศุข เป็นส่วนใหญ่ ยังไม่ทันที่หลวงพ่อหน่ายจะได้วิชาแขนงสุดท้าย จากหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อท่านก็ได้มรณภาพไปเสียก่อน หลวงพ่อหน่าย จึงไปศึกษาวิชาเครื่องรางของขลัง และวิชาไสยศาสตร์ต่อ กับอาจารย์ย่ามแดง อาจารย์ย่ามแดงองค์นี้ ซึ่งเป็นศิษย์เอกของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ขณะที่หลวงพ่อศุข ยังมีชีวิตอยู่ หลวงพ่อศุข ได้ถ่ายทอดวิชาให้อาจารย์ย่ามแดงจนหมดสิ้นเป็นที่ไว้เนื้อเชื่อใจของหลวงพ่อศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เมื่อหลวงพ่อหน่ายเรียนวิชาไสยศาสตร์เครื่องรางของขลังจากอาจารย์ย่ามแดง จนแก่กล้าดีแล้ว จึงได้กลับมาจำพรรษาอยู่ยังวัดบ้านแจ้ง เมื่อตอนที่หลวงพ่อหน่ายมาอยู่ ที่วัดบ้านแจ้งในขณะนั้นได้มี พระครูอนุวัติสังฆกิจ(เคลือบ) เป็นเจ้าอาวาส หลวงพ่อหน่ายได้ไปจำพรรษาอยู่ ในป่าช้านานถึง 20 ปี ไม่ยอมขึ้นมาจำพรรษาอยู่บนกุฏิ หลวงพ่อบอกว่าในป่าช้าเงียบและสงบดี เหมาะแก่การวิปัสสนากัมมัฎฐาน ขณะที่หลวงพ่อบวชเป็นพระอยู่ ได้ช่วยพระครูสังฆกิจ(เคลือบ) พัฒนาวัดได้สร้างอุโบสถ กุฏิ ศาลาการเปรียญที่วัดบ้านแจ้ง เมื่อพระครูสังฆกิจมรณภาพแล้ว ญาติโยมมีศรัทธาในตัวหลวงพ่อ จึงได้นิมนต์หลวงพ่อหน้ายขึ้นเป็นเจ้าอาวาส แทนเจ้าอาวาสองค์ที่มรณภาพไป เมื่อ พ.ศ. 2512 ปัจจุบันนี้หลวงพ่อมีอายุได้ 71 ปี พรรษาที่ 59 หลวงพ่อไม่ยอมรับสมณศักดิ์ใดๆ ทั้งสิ้น ขออยู่อย่างพระธรรมดา หลวงพ่อหน่ายท่านได้สร้างเครื่องรางของขลังไว้หลายอย่างด้วยกัน อาทิ เช่นมีตะกรุดโทน ตะกรุดมหาอุด พระโมคคัลลา มีแบบใหญ่ แบบเล็ก พระพุทธโคดมแบบใหญ่ แบบเล็ก และเหรียญรุ่นต่างๆ อีกหลายรุ่น ถ้าท่านผ่านไปทางวัดบ้านแจ้ง ลองแวะคุยกับหลวงพ่อดูบ้างท่านจะได้รับแจกวัตถุมงคลต่าง ๆ จาหลวงพ่อ ถึงแม้หลวงพ่อจะชราภาพมากแล้ว แต่ท่านยังแข็งแรงดี ท่านจะนั่งคุยกับโยม ที่ไปเยี่ยมท่านได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกเหนื่อย มีอารมณ์ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ บางท่านที่ยังไม่เคยได้พบหลวงพ่อ ได้ยินแต่เพียงเกียรติศัพท์ของหลวงพ่อเท่านั้น ยังเกิดศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่ออย่างมากมาย ถ้าท่านได้พบพูดคุยกับหลวงพ่อ ท่านจะเกิดศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อมากยิ่งขึ้น วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่ลูกศิษย์ลูกหานำไปใช้มักจะเจอกับประสบการณ์ต่าง ๆ หลายรายด้วยกัน เช่น รายที่หนึ่ง นายอุบล อยู่ที่แปดริ้ว เขาเองได้ถูกยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ที่สัตหีบ ซึ่งคนร้ายจะปล้นเอาทรัพย์สิน แต่คนร้ายไม่อาจที่จะเอาทรัพย์สินของเขาไปได้ เกิดการต่อสู้กันเขาไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด โดยมีเหรียญ หลวงพ่อหน่าย ติดตัวเพียงเหรียญเดียว รายที่สอง นายตี๋ อยู่บ้านที่ตำบลบ้านบึงถูกยิงด้วยปืนจุด 38แต่ไม่เข้า เพราะมีเครื่องรางของขลัง ของหลวงพ่อติดตัวอยู่ หลวงปู่หน่าย วัดบ้านแจ้งได้รับการ คัดเลือกและยกย่อง จากหลวงปู่ดู่ วัดสะแกให้ท่านเป็นหนึ่งในพระเกจิ จตุรพิธพรชัย ตามคำปรึกษาของ ท่านเรียน นุ่มดี จึงเป็นที่มาของเหรียญ จตุรพิธพรชัย หลวงปู่หน่ายวัดบ้านแจ้ง จะสังเกตุว่าเนื่องจากท่านเป็น ศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลอง ท่านจึงได้รับการนิมนต์มาปลุกเสกวัตถุมงคล หลวงปู่ศุข ในหลายๆรุ่น ..
    ... (ข้อมูลจากหนังสือเก่าสมัยหลวงพ่อหน่ายยังมีชีวิตอยู่ หลวงปู่ได้มรณะภาพ ในปี พ.ศ. 2532) ...
    ขอบคุที่มาข้อมลอย่างสงครับ


    พระสมเด็จรุ่นแรก หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง จ.อยุธยา
    ผงมวลสารวิเศษที่ลป.รวบรวมไว้ เคลือบแล็คเดิมจากวัดเนื่องจากผงล้วนๆเพื่อรักษาเนื้อพระ รับมาจากมือลป.หน่ายโดยตรง มั่นใจได้เลย

    ให้บูชา 5000 บาทครับ

    [​IMG] [​IMG]
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]

    หลวงปู่สด ธัมฺมวโร มีนามเดิมว่า สด นามสกุล ธรรมประเสริฐ ด.ช.สด มิได้มีนิสัยซุกซนหรือชอบวิ่งเล่นแบบเด็กทั่วไปในวัยเดียวกัน แต่กลับเป็นเด็กเรียบร้อยและชอบติดตามพวกญาติพี่น้องที่เป็นผู้ใหญ่ไปช่วยงานทางวัดอยู่เป็นประจำ ซึ่งจากการที่ได้มีโอกาสเข้ามาในวัดบ่อยๆ อาจจะเป็นหนึ่งที่ทำให้ ด.ช.สด เกิดความรู้สึกพึงพอใจในเพศบรรพชิตที่ดูสงบ ร่มเย็น ด.ช.สดจึงได้ขออนุญาตจากบิดา มารดาเพื่อบวชเป็นสามเณรเพื่อศึกษาพระธรรมวินัย และเรียนหนังสือไปด้วย ทั้งบิดา มารดาดีใจพี่ลูกชายคนเดียวของครอบครัวใฝ่ใส่ในการศึกษาจึงอนุญาตให้เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์สมความตั้งใจ แต่ท่านก็บวชได้ไม่นานโยมบิดา มารดาได้มาขอร้องให้ท่านลาสิกขาจากสามเณร เพื่อกลับไปช่วยทางบ้านในการทำสวน ทำนา ซึ่งเป็นอาชีพหลักของครอบครัว

    จนกระทั่งปี พ.ศ. 2460 มีญาติผู้ใหญ่ของท่านคนหนึ่งได้ถึงแก่กรรมลง ซึ่งตามธรรมเนียมไทยที่มีมาแต่โบราณ เมื่อมีการเสียชีวิตของญาติผู้ใหญ่ก็จะให้บุตรหลานบวชเป็นสามเณร หรือที่นิยมเรียกกันว่า บวชหน้าไฟเพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ และท่านก็ได้เสนอตัวในการบวชสามเณรหน้าไฟในครั้งนี้ และการบวชสามเณรในครั้งนี้ของท่านกลายเป็นจุดเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่าน เพราะเมื่อเสร็จสิ้นงานศพแล้วท่านได้ขออนุญาติโยมบิดา มารดาเพื่อขออยู่ในผ้าเหลืองต่อไปอีก ต่อมาในปี พ.ศ. 2462 ท่านมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ท่านก็ได้ทำการบรรพชาอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พระอุโบสถ วัดโพธิ์แตงใต้โดยมีท่านเจ้าคุณพระอริยทัชชะมุนี แห่งวัดสำแล จ.ปทุมธานี ในฐานะเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีเป็นพระอุปฌาย์ ได้รับฉายา ธมฺมวโร สังกัดรามัญนิกาย

    ต่อมาในปีพ.ศ. 2489 ภายหลังวัดโพธิ์แตงใต้ ได้ขอโอนย้ายการปกครองมาอยู่ในคณะธรรมยุติ ท่านจึงได้เดินทางไปยังวัดบวรนิเวศวิหาร และได้ทำการอุปสมบทใหม่อีกครั้งโดยมีสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ วัดบวรนิเวศวิหารเป็นองค์พระอุปฌาย์ และให้ใช้ฉายาเดิมว่า ธมฺมวโร เมื่อได้ทำการอุปสมบทแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาและศึกษาพระบาลีอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร ท่านจำพรรษาเรื่อยมาจนกระทั่งถึงปีพุทธศักราช 2507 วัดโพธิ์แตงใต้ก็สิ้นบุญเจ้าอาวาส และขาดเจ้าอาวาสที่จะคอยดูแลเสนาสนะต่างๆ ชาวบ้านจึงได้พร้อมใจกันเดินทางไปนิมนต์ท่านให้กลับไปปกครองวัดโพธิ์แตงใต้ ซึ่งท่านเองก็มิได้ขัดข้องซึ่งก่อนหน้าที่ท่านจะเดินทางกลับมารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระอุปฌาย์ (วิสามัญ) ที่พระครูเอนกสารคุณ เมื่อท่านมาปกครองดูแลวัดโพธิ์แตงใต้แล้ว ท่านก็ได้เริ่มบูรณะและปฏิสังขรณ์เสนาสนะในส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม จนล่วงมาถึง พุทธศักราช 2514 ท่านก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี พระครูอเนกสารคุณ ชาวบ้านจึงได้ประชุมหารือและได้จัดงานเฉลิมฉลองวาระอันเป็นมงคลนี้ในปีถัดไป คือในปี พ.ศ. 2515 เพราะว่าท่านมีอายุครบ 72 ปีหรือ 6 รอบพอดี ในการจัดงานเฉลิมฉลองสมณศักดิ์ และการทำบุญอายุครบ 72 ปีของท่านในครั้งนี้ ทางคณะกรรมการการจัดงานได้จัดสร้างวัตถุมงคลเพื่อให้ท่านนำไปแจกแก่ญาติโยมและศิษยานุศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธาที่มาร่วมงานในครั้งนี้ โดยจัดทำเป็นเหรียญโลหะทองแดง ซึ่งท่านได้นั่งปลุกเสกเดี่ยวด้วยตัวท่านเองสร้างจำนวนน้อย ซึ่งต่อมาเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อท่านก็ได้สร้างปาฏิหาริย์ให้กับผู้ที่นำไปบูชาติดตัวในหลายๆ ด้าน ทั้งเรื่องเมตตามหานิยม แคล้วคลาดจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว และก็ยังมีวัตถุมงคลของหลวงปู่อีกหลายรุ่นที่แสดงถึงปาฏิหาริย์ ให้หลายต่อหลายท่านประจักษ์มาแล้ว

    ท่านเป็นศิษย์ผู้พี่สมเด็จสังฆราชองค์ปัจจุบัน สมเด็จสังฆราชให้ความเคารพนับถือหลวงปู่มาก ท่านได้มาเยี่ยมหลวงปู่บ่อยและท่านได้ทรงเป็นประธานยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญ โดยทรงอนุญาตให้ให้ใช้อักษรย่อ ญสส ของท่าน ที่ช่อฟ้าศาลาการเปรียญด้วย และทรงอนุญาติให้จัดสร้างเหรียญฉลองยกช่อฟ้าศาลาการเปรียญแจกญาติโยม โดยด้านหน้าเหรียญจะเป็นรูปหลวงปู่สด ด้านหลังเป็นอักษร ญสส ซึ่งสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศและหลวงปู่สดร่วมอธิฐานจิตปลุกเสก
    ด้วยวัยของหลวงปู่ที่สูงอายุมากขึ้น แต่ท่านก็ยังให้การต้อนรับญาติโยมที่เดินทางมาหาอย่างเป็นกันเอง แม้ว่าท่านจะได้รับการทัดทานจากบรรดาศิษยานุศิษย์ที่ต้องการจัดเวลาเข้าพบ เพื่อให้ท่านมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น

    และแล้วข่าวเศร้าที่ทำให้ประชาชนรู้สึกช๊อคไปทั้งประเทศ เมื่อมีข่าวว่าหลวงปู่ล้มป่วยด้วยโรคชรา และมรณภาพลงอย่างสงบยังความเศร้าเสียใจมายังศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วไปอย่างยิ่ง สมณศักดิ์สุดท้ายของท่านได้นักธรรมเอก สายวิปัสสนา ซึ่งหลังจากที่ท่านละสังขารไปแล้วคณะกรรมการวัดได้นำสังขารของท่านบรรจุไว้ในโลงแก้ว เก็บไว้บนศาลาการเปรียญเพื่อให้ประชาชนผู้เคารพ ศรัทธาในวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ได้กราบไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลมาตราบจนถึงทุกวันนี้

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาและข้อมูลอย่างสูงครับ

    รูปหล่อเนื้อเงิน หลวงพ่อสด วัดโพธิ์แตงใต้ อ. บางไทร จ. อยุธยา

    ให้บูชา 2500 บาทครับ เนื้อพิเศษสร้างไม่เยอะครับ
    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2016
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]

    หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต


    ท่านผู้อ่านบางท่านยังอาจจะไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์หรือแม้กระทั่งชื่อของหลวงปู่ฤทธิ์มาก่อน แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์กับผู้ที่นิยมวัตถุมงคลของเกจิอาจารย์ยุคปัจจุบันแล้ว หลวงปู่ฤทธิ์ท่านมีชาวบ้านชาวช่องนับถือและรู้จักกันดีเป็นอย่างยิ่ง มีลูกศิษย์ลูกหาที่นำวัตถุมงคลของท่านมาบูชา ติดตัว ติดบ้าน ติดร้านกันมาก วัตถุมงคลของท่านเป็นที่แพร่หลายมานับสิบปีโดยเฉพาะ :

    กิตติศัพท์หลวงปู่ฤทธิ์เป็นที่เลื่องลือมานานหลายสิบปีในจังหวัดแถบอีสาน แต่ในปัจจุบันชื่อเสียงของท่านได้ระบือ ไป ไม่แค่เพียงทั่วประเทศไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้เท่านั้น ยังแผ่ขยายออกไปประเทศต่างๆ อาทิเช่น :- ลาว ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ และสหรัฐอเมริกา เป็นต้น อันเป็นการบอกเล่าและถ่ายทอดประสบการณ์ของวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์ สู่กันและกันจากปากสู่ปากมากกว่าการเกิดจากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ในหนังสือต่าง ๆ

    หลวงปู่ฤทธิ์ท่านเป็นพระเกจิดังเชื้อสายเขมรที่มีความเชี่ยวชาญด้านคาถาอาคมทั้งของไทย ลาว และเขมร อย่างหาผู้เทียบเคียงไม่ได้ ท่านเป็นพระที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูง ไม่ว่าจะเป็นใครมาจากไหนฐานะ เป็นอย่างไร หลวงปู่ท่านจะให้การต้อนรับพูดคุยด้วยเป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องนั่งรถยนต์ราคาแพงๆไปกราบ ท่านแล้วถึงจะได้พบหลวงปู่ นอกจากจะได้รับการต้อนรับขับสู้จากท่านอย่างไม่ถือเนื้อถือตัวแล้ว หลวงปู่ยังจะ ปลุกเสกวัตถุมงคลในมือของท่านอีกอย่างดีก่อนมอบให้ บางครั้งท่านก็จะจารเป็นยันต์ให้ บางครั้งท่านก็จะพรมน้ำมนต์ให้ วัตถุมงคลของท่านถือว่าเป็นสุดยอดไม่ว่าจะได้โดยตรงจากมือหรือที่ศูนย์พระเครื่องต่างๆก็ตาม ยังไม่พบว่าวัตถุมงคลของท่านมีของปลอมหรือเสริมโดยที่หลวงปู่ยังไม่ได้ปลุกเสก บรรดาผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของท่าน ต่างก็พบกับอภินิหารแบบพลิกชะตาชีวิตให้อย่างทันตาเห็น ไม่ว่าจะเป็นทางด้าน เมตตา มหานิยม โชคลาภ ค้าขาย เรียกเงินเรียกทอง เป็นต้น แม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นยุค ไอเอ็มเอฟ ที่เศรษฐกิจฝืดเคือง ทำมาหากินลำบากกันถ้วนหน้า แต่คนที่บูชาวัตถุมงคลหลวงปู่ฤทธิ์มักจะได้พบกับสิ่งแปลกประหลาด เช่น ค้าขายดีขึ้นอย่างผิดปกติ มีโชคได้ลาภ ลองปืนไม่ออก เป็นต้น

    หลวงปู่ฤทธิ์เกิดวันอาทิตย์ที่ 13 เดือน 6 (พฤษภาคม) แรม 8 ค่ำ ปีมะเส็ง พ.ศ. 2460 ณ ตำบลทุ่งมน อำเภอประสาท จังหวัดสุรินทร์ ท่านบวชเณรเมื่อปี 2482 และบวชเป็นพระที่วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน จ.สุรินทร์ เมื่อปี 2483 โดยมีหลวงพ่อแปะ วัดปราสาทธนาพร(บ้านพลวง) อำเภอประสาท เป็นพระอุปปัชฌาย์ หลังจากนั้นท่านมาจำพรรษาที่วัดปราสาทธนาพร เพื่อ ศึกษาพระธรรมกับหลวงพ่อแปะอยู่ 3 ปีจึงได้ย้ายไปจำวัดอยู่ที่วัดพลับ ตำบลทุ่งมน อีก 4 ปี หลวงปู่ฤทธิ์ย้ายไปอยู่ วัดบ้านกระนัง ตำบลปรือ อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อปี 2490 ระหว่างที่อยู่วัดนี้ท่านได้ออกธุดงค์ไปเสาะแสวงหา ความรู้ทั้งทางธรรมและทางไสยศาสตร์ทั่วเขตอีสานจนตลอดเข้าไปในประเทศลาวและเขมร ท่านได้พัฒนาวัดบ้านกระนัง จนเจริญ มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย

    ในปี พ.ศ.2535 ท่านจึงได้ย้ายมาสร้างวัดชลประทานราชดำริ ที่บ้านกระทุ่ม ตำบลสูงเนิน อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ตามพระราชดำริและได้จำพรรษาอยู่ที่นี่มาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากวัดชลประธานราชดำริเพิ่งเริ่มก่อตั้งมาไม่นาน ยังขาดถาวรวัตถุในวัดอยู่เป็นอันมาก ซึ่งในขณะนี้หลวงปู่ได้กำลังก่อสร้างศาลาการเปรียญเพื่อใช้เป็นที่อบรมพระสงฆ์และสามเณร รวมทั้งกุฏิสงฆ์ 2 ชั้น ก็กำลังก่อสร้างอยู่เช่นกัน ซึ่งปัจจัยในการก่อสร้างนั้นได้จากการให้บูชาวัตถุมงคล รวมถึงการที่บรรดา ลูกศิษย์ร่วมทำบุญในการทอดกฐินและการทอดผ้าป่า สำหรับท่านผู้อ่านที่ต้องการทำบุญและรับวัตถุมงคลที่ช่วยเหลือ ท่านได้จริงๆ ในยุคไอเอ็มเอฟ โปรดอย่าลืมนึกถึง หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต พระเกจิชื่อดังชาวเขมรแห่งวัดชลประทานราชดำริ จังหวัดบุรีรัมย์

    ประสบการณ์ของวัตถุมงคลรุ่นก่อนๆ ของหลวงปู่ฤทธื์ที่มีประสบการณ์เป็นที่กล่าวขานทั้งในหมู่ลูกศิษย์และบุคคลที่ได้ บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ไปแล้ว

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความที่มาและข้อมูลอย่างสูงครับ

    ตะกรุดโทนท่อแอร์ 3นิ้ว หลวงปู่ฤทธิ์ ตะกรุดหลวงปู่จะมีเอกลักษณ์เขียนแผ่นยันต์ทองแดงใส่ไปในท่อแอร์ครับ ดอกนี้รับมากับมือครับ ลป.เสกให้ก่อน เก็บไว้นานแล้วครับ ลป.มีวิชาเด็ดคือตะกรุดนี้หละครับชาวบ้านนิยมกันมาก ท่านดังคงกระพันมาก่อน ก่อนที่จะมีศนย์พระไปสร้างของเรื่องเสน่ห์เมตตา

    เล่นเครื่องรางยคเก่าหาจัดจบยาก เล่นแค่ชอบส่วนมาก เอาของสมัยกลางๆเราๆท่านๆทันๆง่ายกว่า
    ให้บูชา 1500 บาทครับ


    [​IMG] [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ธันวาคม 2016
  14. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    4,968
    ค่าพลัง:
    +5,381
    ได้โอนเงินจำนวน ๒๒๕๐ บาทเมื่อ๙ธค.เวลา๑๑.๔๓น.เป็นค่าบูชาพระ ๒รายการ ที่อยู่ ดูในกล่องข้อความครับ
     
  15. psp1

    psp1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +461
    จองครับ

    ขอจองรายการนี้ทันมั้ยครับ
     
  16. psp1

    psp1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +461
    แจ้งโอน

    โอนแล้ว400.25บาท ส่งรายละอียดในpmครับ
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    จัดส่ง

    ER1380 5737 3 TH ลาดกระบัง

    ER 1391 3397 2 TH สมทรปราการ

    ขอบคุณครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]

    พระครูประสาธน์วิทยาคม(หลวงพ่อนอ) แห่งวัดกลางท่าเรือ หลวงพ่อนอ ท่านมีชาติกำเนิด ณ ที่หมู่บ้านศาลาลอย เป็นหมู่บ้านตั้งอยู่ในแขวงเมืองนครน้อย เมืองกรุงเก่า หรือก็คืออำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน ครอบครัวของท่านเป็นชาวนา บิดาของหลวงพ่อท่านชื่อนายสวน อำแดงพุฒ อันเป้นต้นตระกูล "งามวาจา" หลวงพ่อนอท่าน ชาตะ ณ.วันอังคารขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะโรง หรือตรงกับวันที่ ๓๑ มกราคม พ.ศ. ๒๔๓๕ และเป็นบุตรชายคนที่ ๓ ของครอบครัว เมื่อเจริญวัยอายุย่างเข้าพอที่จะรับการศึกษา เล่าเรียนหนังสิอได้ บิดามารดาจึงนำพาไปฝากพระหลวงลุงสวย (ซึ่งเป็นพระพี่ชายของโยมบิดา) ที่วัดศาลาลอยข้างๆบ้าน ต่อมาหลวงลุงสวยได้นำไปฝากศึกษาหนังสือต่อกับ มหาชื่อวงษ์ และบรรพชาเป็นสามเณร อยู่วัดกษัตราธิราชจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะอายุได้ ๑๗ ปี เป็นเณรอยู่ ๓ พรรษา ก็ต้องสึกเมื่ออายุ ๒๐ ปี เมื่อเมษายน พ.ศ.๒๔๕๖ เนื่องจากถูกเรียกเกณฑ์เป้นทหารกองประจำการ จึงต้องสึกลาสิกขาบทออกมารับราชการทหารรับใช้ประเทศชาติในกรมทหารราบที่ ๑ มหาดเล็กรักษาพระองค์ จังหวัดพระนคร นับรวมระยะเวลาเข้ารับราชการทหารเป็นเวลา๒ปีเต็ม เมื่อปลดจากทหารประจำการในปีพ.ศ.๒๔๕๘ ท่านจึงได้อุปสมบทเพื่อทดแทนคุณบิดามารดา และศึกษาพระธรรมวินัย ที่วัดศาลาลอย โดยมีท่านพระครูอิ่ม จ้าอาวาสวัดศาลาลอยและเจ้าคณะแขวงนครน้อยเป็นพระอุปัชฌาย์ (ต่อมาท่านพระครูอิ่ม ได้รับการพระราชทานราชทินนานาม เป็นพระครูรัตนาภิรมย์ ในวันที่๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๘) มีพระอาจารย์วงษ์และพระอาจารย์นาค วัดศาลาลอยเป็นพระคู่ เมื่ออุปสมบาทแล้วท่านเป็นผู้เคร่งในศาสนา หวังในความสงบสุขด้านทางธรรม ตั้งจิตมุ่งหน้าพยายามบากบั่นในการศึกษา แว่วข่าวว่ามีพระอาจารย์ดีที่ไหนก็มอบกายถวายเป็นลูกศิษย์ทั้งใกล้และไกลทั้งด้านพระปริยธรรม ด้านวิปัสสนากรรมฐาน จากพระอาจารย์อยู่หลายปี ต่อมาท่านพระครูรัตนาภิรมย์ได้ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดตากแดด (วัดหนองกลาง)ที่ว่างเจ้าอาวาส และได้ไปร่ำเรียนวิชาต่อที่เมืองหลวงกรุงเทพฯ ต่อมาเมื่อวัดกลาง(ท่าเรือ) ได้ชำรุดทรุดโทรมชาวบ้านโดยคำแนะนำของหลวงพ่อฮวด หรือพระครูเนกขัมมวิสุทธิคุณ แห่งวัดไม้รวก ได้ไปนิมนต์ท่านมาเป็นเจ้าอาวาสเพื่อทำบุบำรุงศาสนาและวัดกลางท่าเรือ เมื่อท่านมาเป็นเจ้าอาวาสวัดกลางท่าเรือท่านมักไปมาหาสู่หลวงพ่อฮวดซึ่งวัดไม้รวกก็อยู่ตรงข้ามกับวัดกลางบ่อยๆ เพื่อขอคำแนะนำทั้งทางด้านการบูรณะศาสนสถาน และการปฏิบัติทางด้านศ่าสนกิจ ซึ่งหลวงพ่อฮวดท่านก็เมตตราให้คำแนะนำ เมื่อวัดกลางมีหลวงพ่อนอมาเป็นเจ้าอาวาสวัดวาก็เจริญขึ้นเป็นตามลำดับ ในแต่ละวันมีผู้แวะเวียนมาที่วัดจำนวนมากทั้งมาประกอบศาสนกิจ และมากราบหลวงพ่อนอท่านเพื่อขอพรหรือวัตถุมงคลเพื่อไว้คุ้มครองกายจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตหลวงพ่อนอท่านได้มรณะภาพเมื่อวันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๐สิริรวมอายุ ๘๕ ปี ถึงแม้หลวงพ่อนอได้มรณภาพไปนานแล้วก็ตาม แต่ยังคงไว้ซึ่งชื่อเสียงและเครื่องรางของขลังมาจนถึงปัจจุบัน
    วัตมงคลท่านมีประสบการณ์ด้านมหาอตย์คงกระพัน อย่างมาก เป็นหนึ่งในองค์ พิธีจตพิธพรชัย อยธยา

    พระผงรปเหมือนหลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือปี 2514

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาท

    [​IMG] [​IMG]
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,419
    ค่าพลัง:
    +21,326
    [​IMG]


    ประวัติย่อ หลวงปู่เร่ง นามเดิม เร่ง นามสกุล สุวรรณพยัคฆ์ เกิดวันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2470 เป็นบุตรของพ่อกำไร แม่กรี สุวรรณพยัคฆ์ มีพี่น้องร่วมท้อง 11 คน ท่านเป็นบุตรคนโต ต้องช่วยแม่เลี้ยงดูน้องๆ ท่านจึงได้รับการศึกษาเพียงชั้น ป.4 (การศึกษาภาคบังคับสมัยนั้น) ก็ต้องออกมาทำงานเพื่อช่วยเหลือครอบครัว เมื่ออายุ 20 ปีได้อุปสมบท แล้วลาสิกขามาใช้ชีวิตเหมือนฆราวาสทั่วไปแต่ท่านก็มิห่างวัดยังได้ไปปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อเคลือบ ซึ่งสมัยนั้นท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก หลวงพ่อเคลือบ ได้มาพักวัดดงแขวนเป็นประจำบั้นปลายชีวิตท่านได้มาอยู่ที่วัดดงแขวนแห่งนี้ ซึ่งหลวงพ่อเร่งก็เป็นหลานชายของหลวงพ่อเคลือบโดยปรนนิบัติรับใช้ และได้ศึกษาพุทธาคม เมื่อได้ใช้ชีวิตฆราวาสผ่านทุกสิ่งทุกอย่างจนได้เห็นว่าทุกสิ่งไม่เที่ยง จึงได้ทำการอุปสมบทอีกครั้ง ที่พัทธสีมาวัดดงแขวน ซึ่งต่อมาได้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดดังกล่าว จนถึงปัจจุบัน ซึ่งหากใครอุปสมบทที่วัดดงแขวนแห่งนี้ หลวงปู่เร่งจะเป็นคู่สวดให้เองทุกๆ รูป และหลวงปู่เร่งนั้นจะให้ความเสมอภาคกับศิษย์ทุกคน ใครที่มากราบท่านต้องนั่งกับพื้นเหมือนกันหมด ท่านใจดีเมตตา คุยสนุก อีกทั้งยังได้นำความรู้ทางพุทธาคมมาสงเคราะห์แก่ศิษย์ทั้งเจิม การปลุกเสก การรักษาโรค (บางชนิด) รวมไปถึงการอาบน้ำมนต์ซึ่งมีศิษย์มาให้ท่านสงเคราะห์เป็นประจำ



    เหรียญหลวงพ่อเคลือบ วัดดงแขวน เสกพร้อมเหรียญร่นแรกหลวงตาเร่ง วัดดงแขวนครับ ออกปีเดียวกัน มากประสบการณ์

    ให้บูชา 800 บาทค่าจัดส่งEMS 50 บาท

    ลพ.เคลือบ.JPG ลพ.เคลือบหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มกราคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...