ผู้ใด๋ซอบตักบาตรพระออกนิโรธ เซินทางนี้.......

ป้าเข้าป่าไปตักบาตรพระป่าออกนิโรธกรรมทุกปี หลายรูปสดชื่นแจ่มใส ราวกับไม้ใหญ่ต้องน้ำค้างยามเช้าตรู่ หลายรูปแห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง ราวกับต้นข้าวเฉาแดด....เพราะอะไรเอ่ยยยยยย

 

มะทราบเลยครับ มะเฉลยหน่อยนะครับ

 

ท่านที่สดชื่นแจ่มใสนั้น ท่านอยู่ด้วยปิติในพระธรรม มีพระธรรมเป้นเครื่องอาศัย

 

ส่วนท่านที่แห้งเหี่ยวไร้เรี่ยวแรง ราวกับต้นข้าวเฉาแดดนั้น เนื่องจากจิตท่านไม่ได้เข้าถึงนิโรจจริง จีงทำให้ร่างกายยังคงต้องการน้ำและอาหาร เมื่อผ่านไปหลายๆวันร่างกายจึงอ่อนเพลีย

ถูกหรือเปล่าครับ เดาๆดู

 

ท่านจะสดชื่น หรือแห้งเหี่ยว อยู่ที่เราเอง ไม่ใช่พระท่าน
ที่ท่านเขานิโรธก็เป็นบุญบารมีของพระท่านแล้ว เราอย่าไปอ่านพระท่านเลย....

 

ธรรมปีติของนิโรธกรรม เกิดจากการทบทวนวิปัสสนาญานแล้วเข้า สมาบัติ ๘ ของพระอนาคามีมรรค อริยะเจ้า เป็นต้นไป

หากยังไม่ถึงอริยะบุคคล ทางเหนือเค้าเรียกว่า อุกฤษฎ์กรรมฐาน คือ สุดโต่งแม้ตายก็ไม่หวั่น เคยมีศิษย์สายหลวงปู่มั่น ท่านเล่าให้ฟังว่า ไปอยู่กับหลวงปู่มั่นที่วัดเพื่อ ฝึกกรรมฐาน ๓วันแรก ฟุ้งเละเทะเลย หลวงปู่จึงแนะให้ลองอดอาหารระหว่างฝึก(ไม่ทานอาหารมีกากเลย รับแต่น้ำกับน้ำปานะเท่านั้น) ทีแรกพี่เค้าว่าจะลองแค่วันเดียว ที่ไหนได้พี่ท่านถึง ๗ วัน แบ่บสบายๆ ไม่อยากออกอีกต่างหาก เพราะการจำกัดอาหาร และงดอาหารมีกาก ช่วยให้จิต "รวมตัวเร็วก่าปกติ" ไปได้ถึง "ปฐมฌานหยาบ" ง่ายๆ เลย....

ดังนั้น นิโรธกรรม ที่ครูบาเจ้าศรีวิชัยท่านเมตตาแนะนำไว้ จึงเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกจิ๊บๆ ๒ ตัว

แต่ญาติโยม ได้ตักบาตรพระออกนิโรธสมาบัติ หรือเปล่า อีกเรื่องค่ะ

จะมาโทษว่า ตักบาตรพระออกนิโรธสมาบัติในสมัยพุทธกาลตอนเช้า ได้ผลตามอธิษฐานไม่พ้นเย็นวันตัก แล้วทำไมตักบาตรพระออกนิโรธสมาบัติสมัยปัจจุบันแล้วเป็นนานสองนานไม่ได้ซักที (ประเภทสงสัยว่า"พระไตรปิฎกขี้จุ๊")อันนี้ต้องทำใจยอมรับสาเหตุตามความเป็นจริงนะคะ

ปล. ถ้าเป็นอริยะบุคคลได้ฌานสมาบัติ ๘ แต่ไม่ถึง อนาคามีมรรค เรียกว่า ผลสมาบัติ ปีหนึ่งเข้ากี่รอบก็ได้

ส่วน นิโรธสมาบัติ พระพุทธเจ้าทรงกำหนดให้ปีหนึ่งเข้าได้ครั้งเดียว เท่านั้น (อย่างน้อย ๗ วัน)

ลองอ่านอันนี้เพิ่มเติมนะคะ
http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=99707

 

ป่าที่ว่านั้น อยู่ไหนเหรอครับ อยากทำบุญบ้างครับ

 

จ.ตาก เด้ออ้าย ช่วงเดือน ธันวาคมของทุกปี๋ ใครว่าตั๋วได้ฌานจริง ลองไปฝึกอุกษฎกรรมฐานซัก ๓ หวั๋น ๗ หวั๋น หมู่เฮาจะหื้อฮู้ว่า ฌานเป็นจะได๋ ได้จริงแล้วบ่ ออกฌานจากอุกษฎกรรมฐานแล้วไปตักบาตรพระออกนิโรธ หมู่เฮากึ๊ดว่า อานิสงฆ์นั้นจะมากสักเปียงใด๋ ใครอ่านแล้วอยากได้บุญจะอี้ เตรียมตั๋วฮื้อดีเด้อ พระป่าบ่ใจ้ขี้ไก่เน้อ แต่จะถูกจริตหมู่เฮาเปียงใด๋ ป้าบอกบ่ได้ก๋า

 

เคยลองอด สามวัน ตอนอดก็ไม่รู้สึกเท่าไหรกินแต่น้ำและที่สำคัญขอบารมีพระพุทธท่านช่วยสงเคราะห์ สาม วันอดได้สบาย(แต่ขอโทษเถอะ ข้าพเจ้าเชื่อว่าที่อยู่รอด สามวัน นี่ไม่ใช่เพราะตนเองทำกรรมฐานได้ดีหรอกนะ บารมีพระท่านล้วนๆๆๆค่ะ เพราะ ต่อมาข้าพเจ้าลองอีกที ทำไม่ได้แล้วค่ะ)
ขอบอกว่าพระพุทธท่านเมตตาจริงๆนะ ขนาดข้าพเจ้ากิเลสหหนา ปัญญาเบา ศีลไม่ครบ ท่านยังสงเคราะห์เลย

แต่พอกินข้าววันที่ สี่ นี่สิ อาการปวดท้องมาเลยเพราะเป็นโรคกระเพาะประจำตัว

โมทนากับการทำุญกับพระแท้ด้วยนะค่ะ สาธุ