เมื่อขี้เกียจ..ภาวนา..

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 18 มีนาคม 2016.

แท็ก:
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    เพิ่มเติมนะครับ..


    ....แม้บางองค์จะไม่ใช่หลวงปู่ดู่ในอดีตชาติที่เกี่ยวพันกับเรา แต่ เพราะกระแสของพระรัตนตรัย กระแสของพระโพธิสัตว์ นั้นสอดคล้องกันด้วยธรรมชาติแบบเดียวกัน องค์ไหนเคยเกี่ยวพันธ์กับเรา พลังงานของท่านที่ทิ้งไว้ในโลก ก็สามารถถูกน้อมมาสอนใจเราได้(ด้วยจิตที่น้อม ร้องขออยู่ภายใน)

    ไม่ได้สำคัญที่ชื่อ รูปนามสมมุติ แต่สำคัญที่ธรรมที่ท่านมาสอน ตรงกับสภาวะที่เรายังติด ยังไม่พัฒนา ให้เราทำตามและผ่านไปได้


    บางคน ไม่เคยเห็นหลวงปู่ดู่มา แต่เห็นสมเด็จโตบ้าง หลวงปู่ปานบ้าง หลวงปู่สดบ้าง เทวดาบ้าง มาคุยธรรมะก็มี ก็น้อมเอาปริศนาหรือธรรมะแม้เพียงนิดที่เราจะนึกได้ มาสอนใจ


    https://youtu.be/6Bo-T6xWsVw
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    พระวักกลิเถระ อรหันต์ที่บรรลุด้วยศรัทธาวิมุติ

        ท่านพระวักกลิ เกิดในตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง ในพระนครสาวัตถี ชื่อว่าวักกลิมาณพ เมื่อเจริญวัยแล้ว ได้ศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยาตามลัทธิของพราหมณ์จนจบไตรเพทฯ

    เหตุแห่งการออกบวช

         ครั้นเที่ยวไปในนครสาวัตถี วักกลิมาณพได้เห็นพระองค์ ก็บังเกิดความเลื่อมใสในพระรูปพระโฉมของพระองค์ ไม่อิ่ม ไม่เบื่อหน่ายในการดู อยากจะดูทุกเมื่อ จึงคิดว่าถ้าเราได้บรรพชาอุปสมบทในพระพุทธศาสนา จักได้เห็นพระองค์อยู่เป็นนิตย์ ครั้นคิดอย่างนั้นจึงได้ออกบวชในพระพุทธศาสนา ครั้นบวชแล้ว แทนที่จะท่องบ่นสาธยายธรรมและบำเพ็ญเพียรในกรรมฐาน แต่ก็หาได้ทำเช่นนั้นไม่ มัวเมาแต่เที่ยวดูพระรูปโฉมของพระบรมศาสดาอยู่เท่านั้น พระองค์ก็มิได้ตรัสว่าอะไร ๆ กะท่าน ท่านก็เที่ยวตามชมเชยอยู่เช่นนั้น ครั้นต่อมาพระบรมศาสดาตรัสสอนว่า ดูก่อนวักกลิ เธอต้องการดูกายที่เปื่อยเน่านี้เพื่อประโยชน์อะไร ดูก่อนวักกลิ ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่า เห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าเห็นธรรม แม้พระองค์ทรงตรัสสอนอย่างนี้แล้ว ท่านพระวักกลิก็ยังไม่ละ ซึ่งอันดูพระองค์หลีกหนีไปในที่อื่นเสีย พระบรมศาสดาจึงทรงดำริว่า ภิกษุนี้ ถ้าไม่ได้ความสลดใจเสียบ้างแล้ว ก็จะไม่ได้บรรลุมรรคผลอะไร ครั้นทรงดำริในพระทัยอย่างนี้แล้ว เมื่อจวนจะถึงวันเข้าพรรษา พระองค์จึงเสด็จไปสู่กรุงราชคฤห์มหานครในวันเข้าพรรษาพระองค์จึงมีพระพุทธฎีกา ประณามขับไล่พระวักกลิเสียจากสำนักของพระองค์ว่า “อเปหิ วกฺกลิ” ดูก่อนวักกลิภิกษุ เธอจงหลีกไปให้พ้นจากสำนักของเราเถิดฯ ท่านพระวักกลิเกิดความน้อยใจว่า พระบรมศาสดาจะไม่ทักทายปราศรัยกะเราอีกแล้ว เราก็ไม่อาจจะอยู่ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระองค์ตลอดไตรมาส มีความเสียใจที่จะไม่ได้เห็นพระองค์ จึงหลีกออกจากพุทธสำนัก แล้วคิดว่าเรามีชีวิตอยู่จะมีประโยชน์อะไร เราจะกระโดดภูเขาตายเสีย ครั้นคิดอย่างนั้นแล้ว จึงขึ้นไปสู่ยอดเขาคิชกูฏฯ พระบรมศาสดาทรงทราบซึ่งความลำบากของท่าน จึงแสดงพระองค์ให้ปรากฏในที่เฉพาะหน้า และตรัสสอนด้วยธรรมีกถามีประการต่าง ๆ ท่านเกิดปีติและปราโมทย์อย่างแรงกล้า มาเฝ้าพระบรมศาสดาโดยทางอากาศ นึกถึงพระโอวาทที่พระบรมศาสดาตรัสสอน ข่มปีติบนอากาศเสียได้แล้ว ได้บรรลุพระอรหันต์พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ลงมาถวายบังคมพระบรมศาสดาที่เฉพาะพระพักตร์ฯ

    เอตทัคคะ

         ครั้นกาลต่อมา พระบรมศาสดาทรงตั้งท่านพระวักกลิไว้ในตำแหน่งผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ฝ่ายข้างสัทธาวิมุตติ พ้นจากกิเลสด้วยศรัทธาฯ ท่านพระวักกลินั้น ดำรงเบญจขันธ์อยู่โดยสมควรแก่กาลแล้ว ก็ดับขันธ์ปรินิพพานฯ
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    ทางหลุดพ้นจากทุกข์ในชีวิตของสัตว์โลกสามารถแยกได้ 5 ทาง

    (พระสาวกทั้งหลายที่ได้บรรลุธรรมในสมัยพุทธกาลนั้นมี 5 สาเหตุนี้)

     1. ได้ฟังธรรมะจากพระศาสดาหรือจากภิกษุก็ตาม ได้รู้เข้าใจชัดในธรรม เกิด ปีติ เกิดความสุข เกิดความตั้งมั่น เกิดปัญญาหลุดพ้นจากอาสาวะกิเลสทั้งปวง

    2. ได้ฟังธรรมแล้วยังไม่หลุด แต่เมื่อจดจำธรรมะได้แล้วไปแสดงธรรมะให้ผู้อื่นฟัง เราผู้แสดงธรรมะก็รู้แจ้งชัดเจนในธรรมะจนเกิดปีติเกิดความสุขเกิดความตั้งมั่นแห่งจิต
        เกิดปัญญาหลุดพ้นจากอาสาวะกิเลสทั้งปวง


    3.หากแสดงธรรมให้ผู้อื่นฟังแล้วตัวเองก็ไม่บรรลุ ให้นำธรรมะที่จดจำนั้นมาใคร่ครวญพิจารณาในใจ จนเข้าใจแจ่มแจ้ง เกิดปีติ เกิดความสุข เกิดจิตตั้งมั่น
       เกิดปัญญาหลุดพ้นจากอาสาวะทั้งปวง


    4.หากใคร่ครวญธรรมะในใจแล้วยังไม่หลุดพ้น บางท่านนำธรรมะที่จำมาแล้ว มาสวดสาธยายออกเสียง แล้วรู้ชัดเจนแจ่มแจ้งในธรรมจนเกิดปีติเกิดความสุข
        เกิดจิตตั้งมั่น เกิดปัญญาแล้วหลุดพ้นจากอาสาวะทั้งปวง


    5.หากทำทั้ง 4ข้อแรกแล้วยังไม่หลุดพ้น แสดงว่าจิตใจอ่อนแอมาก จิตขาดกำลังสติ สมาธิ ท่านให้ทำสมาธิเพื่อรวบรวมความสงบให้เกิดขึ้นกับใจ
        เมื่อจิตมีกำลังสมาธิขึ้นแล้วจึงพิจารณาในธรรมที่ได้จดจำมา จนเกิดปีติ เกิดความสุข เกิดความตั้งมั่น เกิดปัญญา หลุดพ้นจากอาสาวะทั้งปวง   


        (อธิบายขยายความจากวิมุตตายตนะสูตร ทางหลุดพ้น 5 ประการ)

     

    [​IMG]
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]






    คำขอขมากรรมแบบจัดเต็มที่อธิษฐานขอหลวงปู่ดู่ให้ท่านดลจิตให้พบ ขอแบบเข้าถึงก้นบึ้งจิต จริงใจเข้าถึงใจในการเจรจาขอเจ้ากรรมนายให้อโหสิก็มีการเพิ่มเติมเนื้อหาตอนอาราธนาในแบบฉบับสายธรรมตามรอยหลวงปู่..จำได้ว่าตอนโน้นเข้าวิเวก 4เดือน4วัน โดนกรรมเล่นงานถึงกระทบธาตุขันธ์เกือบแย่ก็จะอยู่ไม่ได้แน่ะ จับหลวงปู่กำหนดจิตได้คำขอขมากรรมจัดเต็มคล้ายๆเนื้อหานี้เลยนะ ที่นี่เริ่มเห็นกรรมตัวเอง ย้อนไปสำนึก ที่ละเรื่องทีละเรื่องก็เบา ปลดกรรมบางส่วนแต่คงไม่หมดหรอกเนอะ..
    ครั้งนี้อีกไม่น่าเกิน 10วัน..กว่าต้องเข้าวิเวก 7เดือนเลยตั้งใจวางแผนขอขมากรรมก่อนจะเข้าเลยรวบรวมตามกระแสจิตที้น้อมหาหลวงปู่ดู่ได้ใจความ ก็ค้นมาได้แนวนี้ไว้พิจารณาอาจจะเพิ่มเติมตัดต่อไปตามแรงเหวี่ยงของกรรม..(แต่ละคนนะ).และทั้งหมดยกเป็นธรรมทาน..เพื่อขอให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรทั้งตัวข้าพเจ้าและครอบครัวผู้มีพระคุณ หลวงตาม้าและบริวาร และผู้ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวพันธ์กับข้าพเจ้าทั้งหมด ขอกรรมทั้งหลายจะได้บรรเทาและคลายลง

    สาธุหลวงปู่ดู่..โปรดเมตตาเป็นพยาน และมาเจรจาต่อรอง มาเทศนาธรรมนำกายในหรืออทิสมานกายของลูกหลานที่อ่านอยู่นี่ไปขอขขมากรรมเจ้ากรรมนายเวรจะได้ทุเลาทุกข์ภัยทั้งหลายเถิด...จะได้ใช้ธาตุขันธ์นี้เพื่อประโยชน์ต่อตนเอง ต่อผู้มีพระคุณต่อชาติ ต่อพุทธกิจในพระพุทธศาสนาและพระมหากษัตริย์ ตลอดจนต่อสามแดนโลกธาตุ..

    บทขอขมากรรมสำนึกผิดด้วยความจริงใจ (ต้องใช้เวลานิดนึงค่อยๆวางอารมณ์ น้อมไปช้าๆอย่ารีบนะ และทำบ่อยๆก็ดี)

    ด้วยเดชะ ขออาราธนาบารมีหลวงปู่ดู่เป็นที่สุด อัญเชิญบารมีสมเด็จองค์ปฐมบรมมหาจักรพรรดิ พุทธบารมีพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์อดีตปัจจุบันถึงอนาคต ธัมมบารมี สังฆบารมี กำลังจักรพรรดิ กำลังไตรณคมณ์ ข้าพเจ้าจะขอหลวงปู่ดู่น้อมอัญเชิญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทวดาทั้งหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล มาเป็นพยาน มาเจรจา มาเทศนาให้ข้าพเจ้าบอกกล่าวขอขมาลาโทษ ขออโหสิกรรม สำนึกผิด ตั้งจิตใหม่ ให้ถูกให้ควร

    ในกาลบัดนี้ด้วยเทอญข้าพเจ้าจะขอตั้งความใฝ่ดี ความละอายต่อบาป และความเกรงกลัวต่อบาป ไว้เป็นเบื้องหน้า จะกราบแทบเท้าขอขมา ขอลาโทษ กระทำคืนความผิดของตน ต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ดังนี้




    1. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อพระพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ พระธรรมเจ้าทุกทุกพระธรรมขันธ์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์สาวกทุกทุกองค์ และปูชนียวัตถุสถานอันเกี่ยวเนื่องกับพระรัตนตรัยและสิ่งมีคุณทุกทุกสิ่งสถาน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    2. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อพระโพธิสัตว์ทุกทุกองค์ และท่านผู้ทรงคุณ ซึ่งกำลังขวนขวายสร้างบารมี อยู่ในเส้นทางเครือข่ายแห่งพุทธะทั้งปวง มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    3. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อบิดามารดาผู้มีพระคุณชุบเลี้ยงข้าพเจ้ามาตั้งแต่เท้าเท่าฝาหอย มีการไม่รู้จักสำนึกบุญคุณที่ท่านชุบเลี้ยงมา ดื้อด้านไม่ฟังคำสั่งสอน ต่อล้อต่อเถียงทำให้ท่านเสียใจ ไม่กระทำตามโอวาทที่ท่านสอนสั่ง ไม่ขวนขวายตอบแทนบุญคุณท่าน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    4. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกิน ต่อครูบาอาจารย์ผู้สอนสั่งด้วยหวังดี โอบอ้อมอารีมีพระคุณเกื้อหนุนด้วยเมตตา โดยทำให้ท่านต้องระอา เพราะความดื้อด้านถือตัวหัวแข็ง บ้างก็แข่งดีเข้าใจว่าตัวเองนี้เก่งกล้า ทั้งที่สงวนรักษาความโง่เขลาเบาปัญญาไว้อย่างประคบประหงม ไม่น้อมรับโอวาทที่ท่านเมตตาสอนสั่งด้วยห่วงใย ทำให้ท่านผู้หวังดีต้องคับแค้นแน่นใจ มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    5. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยหักหลัง ทรยศ คดโกง ต่อท่านผู้มีพระคุณ ผู้มีบุญคุณ ต่อท่านผู้มีความซื่อสัตย์ จงรักภักดี จริงใจต่อข้าพเจ้า มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    6. สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยลบหลู่ล่วงเกิน ต่อท่านผู้มีคุณธรรมอันสูงส่ง เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี หรือเพราะความเย่อหยิ่งถือดี ยกตนข่มท่าน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    7. สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยแสดงความไม่ยำเกรง ต่อจิตวิญญาณ ทั้งในภูมิชั้นสูง ภูมิชั้นกลาง ภูมิชั้นต่ำ ได้เคยล่วงเกินทำร้ายทำลายให้ท่านเดือดร้อน ด้วยกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    8. สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยทำให้ท่านผู้ใกล้ชิดสนิทแน่น ทั้งเป็นญาติมิตรสามีภรรยาลูกหลานเหลนสืบสายโลหิต ต้องคับแค้น ขัดข้อง ผิดหมองใจ โดยการแสดงนิสัยอันธพาลมารโหดร้ายต่อคนใกล้ชิด มองข้ามคนสนิทไปสนใจแต่คนนอก ทำให้ท่านต้องน้อยใจ เสียใจ น้ำตาตก เพราะว่าข้าพเจ้าถือทิฏฐิหยาบกระด้าง เอาแต่ใจและความต้องการของตัวเองเป็นใหญ่ มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    9.สิ่งใดที่ข้าพเจ้า ได้เคยกระทำไปโดยไม่สมควรแก่ศักดิ์ศรีและฐานะ กระทำไปโดยไม่ละอายต่อบาป ไม่เกรงกลัวต่อบาป ผิดสัจจะ ผิดศีล ผิดธรรม ไม่ยำเกรงต่อโอวาทของพระศาสดา โดยละเมิดข้อห้าม หรือไม่เอื้อเฟื้อกระทำตามที่พระองค์สั่งสอน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้น

    10. สิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้เคยกระทำการกักขฬะ เหี้ยมโหด เลวร้าย อาฆาต พยาบาท สาปแช่ง จองเวร อิจฉา ริษยา ไม่อยากให้คนอื่นได้ดี ทั้งด่าว่า ใส่ร้ายป้ายสี นินทา กล่าววาจาส่อเสียดยุยงให้แตกสามัคคีกัน ปั้นโยนความผิดให้ผู้อื่นโดยไม่เป็นความจริง หรือพูดจาพล่อย ๆ โดยไม่ยั้งคิดไม่รับผิดชอบ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องลำบากเดือดร้อน มาในอดีตชาติก็ดี ปัจจุบันชาติก็ดี เจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ทั้งหมดทั้งสิ้นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน

    ข้าพเจ้าขอตีแผ่ความจริงใจ ในการยอมรับสำนึกผิดของข้าพเจ้า ไปตลอดหมื่นโลกธาตุ แสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาลขอพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกทุกพระองค์ ได้โปรดเมตตามาเป็นพระประธาน ในการขอขมาลาโทษของข้าพเจ้าในกาลครั้งนี้ด้วยเทอญขอแสดงอาการ ละพยศ ลดมานะ ละทิฏฐิ ขอสำนึกผิดในบาปกรรมที่ทำมา ต่อไปนี้จะตั้งตา ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตให้ขาวรอบ เชื่อฟังพระพุทธเจ้า เคารพพระธรรม เดินตามพระอริยสงฆ์ด้วยอำนาจเดชพระเมตตาของพระบรมศาสดาจารย์เจ้า ในวาระโอกาสที่ข้าพเจ้าได้กราบขอขมาลาโทษ ยอมรับสำนึกผิดในกาลครั้งนี้ ขอให้ญาณบารมีของข้าพเจ้า ได้ผุดเกิดใหม่ ภายใต้ร่มธรรมรอยพระพุทธบาท ปกเกล้า ปกเกศ ให้ข้าพเจ้าได้เจริญรุ่งเรือง ร่มเย็นเป็นสุข ในเส้นทางธรรมยาตราของพระพุทธองค์ตลอดไปในวาระมงคลโอกาส ที่ข้าพเจ้าได้เกิดใหม่ ภายใต้ร่มพระบารมีธรรมญาณของพระองค์เจ้านี้ ข้าพเจ้าจะพึงแสดงออก ซึ่งกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อันประกอบด้วยกุศลและเมตตา ต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ข้าพเจ้าจะตั้งจิตยำเกรงอย่างแรงกล้า ต่อพระพุทธเจ้า ต่อพระธรรมเจ้า ต่อพระสงฆเจ้า มีความละอายและเกรงกลัวต่อบาป มีความยินดีในการบริจาคทาน ในการรักษาศีล ในการเจริญภาวนา ในการสร้างบารมี ในการสร้างความดี ในการสร้างกุศลจิต ในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อเพราะว่าข้าพเจ้าได้มีศรัทธาความเชื่ออย่างแรงกล้า ในเรื่องกฎแห่งกรรม ว่าบุคคลกระทำการสิ่งใด ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม ตนเองนั่นแล ที่จะเป็นผู้รับทั้งผลดีและผลชั่ว ไม่ใช่ผู้อื่นจะมาเป็นผู้รับผล ตนเองนั่นแลที่จะเป็นผู้รับผลอย่างเต็มที่ อย่างถี่ถ้วนทุกคดี ไม่ว่าชั่วหรือดี เป็นกฎตายตัว ตลอดกาลนาน จนสิ้นโลกข้าพเจ้าขอตีแผ่ความจริงใจไปตลอดโลกธาตุ ประกาศโทษตน ด้วยความละอายต่อบาป และความเกรงกลัวต่อบาป ข้าพเจ้าจะขวนขวายปรับปรุงตนเป็นคนใหม่ จะเห็นโทษในความชั่วแม้เล็กน้อย แล้วไม่ฝืนกระทำ จะเห็นคุณในความดีแม้เล็กน้อย แล้วขวนขวายกระทำโดยเคารพเอื้อเฟื้อ จะไม่ประมาท ไม่ทอดธุระ ไม่เชือนแช ต่อความดีและคนดีทั้งปวง จะไม่ทำตัวให้คุ้นเคยเป็นสหายใกล้ชิด ต่อความชั่วและคนชั่วทั้งปวง จะขวนขวายคบหากัลยาณมิตรผู้เป็นบัณฑิต เพื่อเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ในเส้นทางแห่งการปฏิบัติบูชา ด้วยความยำเกรงอย่างแรงกล้าต่อพระธรรม ไปจนกว่าที่จะถึงซึ่งพระนิพพาน ในอนาคตกาลอันใกล้นี้ด้วยเทอญ

    สัพเพ 3 จบ หรือ 5 จบ
    .........
    บทความเดิมที่มา:พระชุมพล พลปญฺโญ เขียนเพื่อเป็นพุทธบูชา ในวันวิสาขบูชา ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๓(บทขอขมากรรมสำนึกผิดนี้ ถ้าใครใช้ทุกวันจะช่วยแก้ไขวิบากเวรกรรมให้เบาบางลง และช่วยให้เจริญก้าวหน้าในการปฏิบัติธรรมเป็นอย่างยิ่ง)(ไม่สงวนลิขสิทธิ์)

    (ป.ล. เอาบทอาราธณาบารมีแบบหลวงปู่ดู่มาเพิ่มเติมช่วงต้นนะ เพิ่มเติม สัพเพแผ่เมตตาตอนท้าย

    เมตตาเจโต วิ





    [​IMG]
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]
     
  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    ผู้ปฏิบัติสติปัฏฐานสี่จนหยั่งลงสู่ขันธสันดาน
    หรือ เป็นวิถีโคจรของจิตเป็นปกติแล้ว

    แม้มีธรรมเครื่องปรุงแต่ง เช่น ความขี้เกียจ ,. ควาอยาก ,ธรรมฝ่ายกุศลที่ปรุงจิต ,ธรรมฝ่ายอกุศลที่ปรุงจิต ฯลฯ สติ-สัมปชัญญะ รู้แล้วไม่สร้างตัณหาและอุปาทาน เข้าไปยินดียินร้าย จนเกิดเหตุแห่งทุกข์ใหม่

    จะเห็นโดยไม่ต้องคิด-นึกถึงธรรมสัญญาใดๆก็ได้ จะเห็นสภาวะที่มาปรุงจิตเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเมือเหตุเกิดของมันดับลง


    .....ความขี้เกียจ....ก็แค่ผ่านมาและผ่านไป

    แต่ความเคยชินที่ต้องทำ ไม่ว่าขยันหรือขี้เกียจ กลับทำให้เรามีฐานของจิตไว้พักได้ เช่นพักกับบทสวด บทภาวนา ภาพพระ ฯลฯ อย่างน้อยอยู่ในกุศลธรรมที่ไม่ต้องเป็นทาสนิวรณ์
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    [​IMG]
     
  13. ยศวดี

    ยศวดี ยายแก่แล้ว*_*

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2010
    โพสต์:
    4,255
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +5,796
    ผมว่าถ้าขี้เกียจภาวนา
    ผมจะ...ทรงอารมณ์เอาไว้คับ
     
  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    "ถ้าเราเริ่มแยกได้ระหว่างดีไม่ดี... แยกได้ว่า... จะบันทึก ไม่บันทึก แยกได้ว่า... จะทำไม่ทำ ก็เกือบจะแยกได้แล้วว่า... จะเกิดหรือไม่เกิด"


    [​IMG]
     
  15. Silverwind

    Silverwind สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +20
    เห็นตัวขี้เกียจ ถือว่ามีสติ มีอัธยาศัยใคร่รู้ในจิตตสังขาร
    หากแต่จะฆ่าตัวขี้เกียจได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับบารมีของท่านโดยแท้ ^__^
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458

    สาธุ สาธุ สาธุ เป็นผู้มีสติ-สัมปชัญญะ บำเพ็ญมาดีแท้
    ที่ได้เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรม

    ที่เหลือต่อไป ให้เจริญซึ่งอิทธิบาทสี่ สัมปทานสี่ อินทรีย์ห้า พละห้า โพชฌงค์เจ็ด มรรคมีองค์แปด ฯลฯ
    จนมีกำลังพอที่จะทำมรรค ผล ให้เจริญขึ้นไปอีก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2016
  17. ไม่มีเพศ

    ไม่มีเพศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    134
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +66
    ทำไมต้องปฏิบัติเยอะจังคับ มรรคมีองค์8 โพชฌงค์ ผมยังจำไม่หมดเลย

    รู้แค่ต้องปฏิบัติศีล5ให้บริสุทธิ์ ส่วนเรื่องภาวนาต้องพึ่งพระอาจารย์คับ
     
  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,310
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,113
    ค่าพลัง:
    +70,458
    ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ

    ถึงไม่รู้หัวข้อปริยัติมาก แต่คนที่ปฏิบัติตามร่องรอยที่พระพุทธเจ้าและครูบาอาจารย์ผู้เป็นอริยเจ้ามีมรรคผลนำทางแล้ว ก็ต้องผ่านธรรมหัวข้อเบื้องต้นที่กล่าวไว้ทุกคน

    เลือดที่จะส่งไปเลี้ยงสมอง ต้องผ่านเส้นเลือดหรืออวัยวะย่อยภายในชื่ออะไรบ้าง คนที่ไม่เรียนกายภาพโดยตรงอาจไม่ทราบ
    แต่ความเป็นจริง เลือดก็ผ่านไปทางนั้นเป็นธรรมชาติของมันเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องรู้ชื่อเส้นเลือดและอวัยวะ ที่คนไปกำหนดตั้งก็ได้

    ที่กล่าวไว้โพสก่อน เพียงเพื่อให้คนที่รู้หลักปริยัติมาบ้าง พอเห็นแนวทางที่จะเป็นไป วิถีการเดินทางแต่ละคน มีรายละเอียดต่างกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 ตุลาคม 2016
  19. ไม่มีเพศ

    ไม่มีเพศ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    134
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +66
    รับทราบคับผม ขอบพระคุณมากคับ
     
  20. Silverwind

    Silverwind สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2016
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +20
    มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธิ ครับ :cool:

    ในบรรดาสิ่งทั้งหลายในโลก
    มีส่วนหนึ่งมีสาระ
    มีอีกจำนวนมากไม่มีสาระ

    ในบรรดาสิ่งที่มีสาระ
    มีส่วนหนึ่งเป็นประโยชน์
    มีอีกจำนวนมากไม่เป็นประโยชน์

    ในบรรดาสิ่งที่เป็นประโยชน์
    มีส่วนหนึ่งสมควรแก่เรา
    มีอีกจำนวนมากไม่สมควรแก่เรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 ตุลาคม 2016
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...