คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ประสบการณ์พระพุทโธน้อยและของอธิษฐาน

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย st-antique, 27 เมษายน 2012.

  1. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    ขอเชิญร่วมงานอายุวัฒนมงคล 61 ปี ท่านเจ้าคุณพระอุดมวัฒนมงคล


    วันอาทิตย์ ที่ 6 กันยายน 2558 นี้ ขอเชิญศิษย์คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม และศิษย์ท่านเจ้าคุณพระอุดมวัฒนมงคล ทุกท่านร่วมงานอายุวัฒนมงคล 61 ปี ท่านเจ้าคุณพระอุดมวัฒนมงคล โดยพร้อมเพรียงกัน ณ วัดถ้ำวัฒนมงคล อ.แกลง จ.ระยอง พิธีเริ่มเวลาเที่ยงตรงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 สิงหาคม 2015
  2. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    ขอเชิญร่วมทำบุญ
    ในโอกาสครบรอบ 51 ปีการละสังขารของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม


    วันจันทร์ ที่ 7 กันยายน 2558 นี้ เป็นวันครบรอบ 51 ปีการละสังขารของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ครูอาจารย์ที่เราเคารพยิ่ง ผมในนามผู้ก่อตั้งกระทู้คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมฯและเป็นลูกศิษย์คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คนหนึ่ง จะได้จัดทำบุญถวายภัตตาหารเพล ถวายสังฆทานบังสกุลอุทิศถวายคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ในโอกาสนี้ด้วยครับ ซึ่งในการถวายภัตตหารเพลในโอกาสนี้จะจัดขึ้น ณ วัดถ้ำวัฒนมงคล อ.แกลง จ.ระยอง เช่นเคยเหมือนหลายปีที่ผ่านมา ศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพนับถือ ศรัทธาคุณแม่ฯท่านใดมีเวลาหรือจะมาร่วมทำบุญในครั้งนี้เรียนเชิญได้ครับ จะถวายภัตตาหารเพลเวลาประมาณ 10:30 น. ดังนั้นหากท่านใดจะมาร่วมงานขอให้เดินทางถึงวัดถ้ำวัฒนมงคล ประมาณเวลา 10:00 น. เพื่อจะได้ช่วยกันจัดเตรียมอาหารคาวหวานถวายพระสงฆ์ให้เรียบร้อยก่อนเวลาครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านมาล่วงหน้า ณ โอกาสนี้ด้วยครับ

     
  3. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    พระพุทโธน้อย พิมพ์เล็กหน้าตุ๊กตาใหญ่ เนื้อดินผสมผงพุทธคุณและพลอยเสก

    พระพุทโธน้อยองค์นี้มีความพิเศษที่มีพลอยเสกคุณแม่ฯผสมอยู่ในเนื้อพระด้วยครับ ส่วนใหญ่องค์ที่มีพลอยเสกผสมอยู่ในเนื้อพระ จะพบเป็นนื้อดินและพระที่กดพิมพ์ออกมาจะไม่ค่อยชัด แต่ก็มีความสวยงามและมีหน้าตาให้เห็น ที่ผ่านมาเคยเจอประมาณ 5-6 องค์ครับ บูชา 1 ได้พุทธคุณของอธิษฐานเสริมไปด้วยครับ และสำหรับท่านที่ต้องการบูชาพลอยเสกคุณแม่ฯด้วยอยู่แล้วองค์นี้ได้พลอยเสกที่แท้แน่นอนครับ

    [​IMG]
    [​IMG]
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,434
    ค่าพลัง:
    +21,326
    โมทนาบุญด้วยครับ ที่วัดอาวุธมีงานบุญด้วยเช่นกัน แต่ไม่ทราบว่าวัดที่ปากช่องจะมีจัดงานไหม
     
  5. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189

    สาธุครับ ที่วัดวชิราลงกรณ์ไม่มั่นใจนะครับ แต่คิดว่าชุดที่ไปบูรณะบ้านสามัคคีวิสุทธิน่าจะมาร่วมงานที่วัดอาวุธกันหมดครับ
     
  6. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีครับลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านครับ

    เริ่มต้นการทำงานเช้าวันอังคารกันแล้ว วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วและไม่มีย้อนกลับ ขอให้ลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่านใช้เวลาทุกนาทีอย่างมีค่าอย่าปล่อยเลยโดยเปล่าประโยชน์ และด้วยเวลานั้นแต่ละคนมีเหลือไม่เท่ากันเราไม่รู้ได้เลยว่าเวลาของเรานั้นเหลืออีกเท่าใดเพราะฉะนั้นอย่าประมาท รีบปฏิบัติตามแนวทางคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะครับ
     
  7. aomrt107

    aomrt107 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +1,151
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เหนือเศียรเกล้า สาธุ สาธุ สาธุ
    เข้ามาอ่านกระทู้ข้อความเก่าของพี่เชษฐ์ย้อนหลัง เลยอัพมาให้อ่านใหม่ครับครับ
    สวัสดีพี่เชษฐ์ และศิษย์คุณแม่ทุกท่านครับ
     
  8. aomrt107

    aomrt107 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +1,151
    :cool::cool::cool:
     
  9. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189


    ขอบใจมากครับน้องอ๋อม ^^
     
  10. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    อธิษฐาน "พระพุทโธน้อย"


    [​IMG]


    ในปี ๒๔๙๔ นี้เป็นปีที่คุณแม่บุญเรือนได้ร่วมสร้างและทำพิธีอธิษฐาน "พระพุทโธน้อย" ซึ่งเป็นพระเครื่องขนาดเล็กที่โด่งดังที่สุดของคุณแม่บุญเรือน ที่ได้อธิษฐานจิตให้ไว้แก่วัดอาวุธวิกสิตาราม ตำบลบางพลัดนอก ธนบุรี เมื่อ ๑๑-๑๒-๑๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๔ รวมจำนวน ๑๐๐,๐๐๐ องค์ และส่วนหนึ่ง จำนวน ๒,๐๐๐ องค์ ท่านได้ถวายพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์ เพื่อแจกผู้มาช่วยสร้าง "พระพุทโธภาสชินราชจอมมุนี" พระประธานวัดสารนารถธรรมาราม อำเภอแกลง จังหวัดระยอง

    พระสิทธิสารโสภณ (สงวน โฆสโก) เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตารามในขณะนั้น ซึ่งเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกันกับคุณแม่บุญเรือน ได้จัดสร้างพระพุทโธน้อย เพื่อแจกจ่ายแก่คณะผ้าป่าสามัคคี ปี ๒๔๙๔ แม่ชีบุญเรือนได้อนุโมทนาและอธิษฐานให้ พร้อมทั้งขอให้สร้างเผื่อให้ด้วยจำนวนหนึ่ง เพื่อที่จะถวายพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นองค์อาจารย์อีกด้วย

    รายละเอียดของเรื่องดังกล่าวข้างต้น ท่านพระสิทธิสารโสภณ ได้บันทึกไว้และได้พิมพ์แจกในงานทอดกฐิน วัดอาวุธวิกสิตาราม ธนบุรี เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๐๔ ซึ่งบันทึกนี้ นอกจากจะแสดงความเป็นมาของการสร้าง "พระพุทโธน้อย" แล้วยังมีเรื่องที่น่าสนใจเกี่ยวกับคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ในเรื่องพลังจิตของท่านอีกด้วย ข้อความในบันทึกดังกล่าวนี้มีดังนี้

    "สำหรับข้าพเจ้า ถึงแม้จะคุ้นเคย นับถืออุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม ตั้งแต่อยู่วัดสัมพันธวงศ์มาก็จริง แต่ก็ไม่ถึงกับเลื่อมใสในเรื่องอิทธิฤทธิ์นัก เพราะยังไม่เคยทำปาฏิหาริย์อะไรให้เห็น เช่น(ที่)คนอื่นเขาเห็นบ้าง

    ครั้นหากถูกกรรมลิขิตบันดาลให้ต้องถูกย้ายไปอยู่วัดอาวุธวิกสิตาราม ในปีที่ ๗ ของการย้ายไป (พ.ศ. ๒๔๘๙) มีเรื่องที่น่าวิตกส่วนตัวอยู่มาก สมุฏฐานเกิดจากเปิดเรื่องจัดหาที่ดินให้เป็นที่ธรณีสงฆ์ ให้ไวยาวัจกรทำสัญญาซื้อขายให้กับวัด มีกำหนด ๑ ปี ต้องเป็นหนี้เขา ๓๓,๐๐๐ บาท ไม่มีทุนสักเก๊เดียว

    เจ้าตัววิตกมันกินใจเสียแทบกร่อน ทำให้ฉันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวไปเสียจิปาถะ จะไม่มีทุนส่งให้เขาบ้าง จะหมดอายุสัญญาบ้าง ไหนจะเสียชื่อเสียงบ้าง ถึงกับล้มป่วยลงด้วยความหนักใจ ข่าวเจ็บป่วยนี้จะมีใครก็ไม่ทราบ ส่งข่าวไปถึงอุบาสิกาบุญเรือน

    บังเอิญในวันหนึ่ง ไปพบกันที่วัดสัมพันธวงศ์ จึงทักข้าพเจ้าว่า "อะไร๊ ถามหาอยู่ได้ ทราบว่าไม่สบาย นิมนต์ไปที่บ้านหน่อย จะอธิษฐานให้หายโรค จะได้มีชีวิตช่วยทำกิจพระศาสนาต่อไป"

    วันนั้นตอนบ่าย ได้ไปที่บ้าน แล้วให้ข้าพเจ้าลงชื่อไว้ในสมุดรวมชื่อ อธิษฐานน้ำกับปูน อธิษฐานถวายสำหรับทาและดื่มประจำวัน ได้ปฏิบัติตามคำแนะนำ นับว่าได้ผลดี อาการไอและเจ็บอกเบาบางลง

    ส่วนทุนที่เป็นหนี้ เจ้าของที่ดินจำนวนสามหมื่นสามพันบาท ได้ชำระเสร็จสิ้นภายใน ๖๗ วัน โรคก็ได้หาย ใช้หนี้หมด รอดตายไปที นี่เป็นขั้นแรก ที่ชวนให้เกิดความเลื่อมใสในเรื่องอธิษฐาน

    ต่อมาข้าพเจ้าเป็นไข้ ไม่ใช่ไข้หนัก และก็ไม่หาย มีอาการคลุมเครือ พอหมดกำลังของยาก็เป็นไข้อีก อุบาสิกาไปเยี่ยมที่วัด เมื่อเสร็จจากอธิษฐานน้ำแล้วนั่งเพ่งอยู่พักใหญ่ ครั้นเสร็จแล้วจึงถาม

    "วันนี้ทำไมจึงนาน"

    ตอบว่า "ฉันดูท่านด้วย"

    "ดูอะไร" ข้าพเจ้าถาม

    ได้รับคำตอบว่า "ดูไข้ของท่าน"

    ถาม "จะเป็นไข้อะไร" คงได้ความว่า เป็นไข้ด้วยความบังเอิญ เพราะไปถูกปลายไม้เท้าผี

    "ผีอะไร?"

    ตอบ "ผีตนนี้เป็นคนแก่ผมหงอก หลังโกง สวมกางเกงขาว ขาสั้น ถือไม้เท้า ท่านไปถูกปลายไม้เท้าผีคนนี้จึงเป็นไข้"

    ข้าพเจ้านึกยิ้มอยู่ในใจ พูดอย่างนี้ใครๆ ก็พูดได้ เพราะเป็นกิริยาของคนแก่

    อุบาสิกาบุญเรือนฯ เล่าต่อไปว่า "ผีคนนี้ตายไปแล้วยังไม่ได้เกิด เดินวนเวียนอยู่ในวัดอาวุธนี้ ชื่อ "ชุ่ม"

    เรื่องนี้เป็นเรื่องตรงกับความจริงทุกอย่าง เพราะนายชุ่ม โกมารพิมพ์ เคยเป็นอุบาสกถือศีลฟังธรมอยู่ในวัดนี้ และได้ไปมาสนทนากับพระเณรในวัดอยู่เสมอ ได้สิ้นชีวิตลงในระยะไม่ช้านี้เอง ทั้งนายชุ่มฯ กับอุบาสีกาบุญเรือนฯ ไม่รู้จักมักคุ้นกันเลย

    ต่อจากนั้นอุบาสิกาบุญเรือน ได้ให้แนวทางว่า ควรใส่บาตรแล้วตรวจน้ำให้นายชุ่มเสีย ไข้ก็จะหาย

    เวลาเย็น คุณนายถนอม สามเสน เสร็จจากการฟังธรรมที่ศาลาการเปรียญขึ้นมาเยี่ยม จึงเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง

    รุ่งขึ้นเวลาเช้า คุณนายถนอม จัดหาอาหารมาให้ใส่บาตร ตรวจน้ำให้นายชุ่ม ไข้ก็หายไปจริงๆ

    ในเวลาต่อมา (วันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๔) ได้พาคนไข้ไปรักษาโรคที่บ้านอุบาสิกาบุญเรือนฯ (อุบาสิกาบุญเรือน) ได้เล่าถึงความนึกคิดของประชาชนบ้าง ในหนังสือเก่าๆ บ้าง เกี่ยวด้วยเรื่องพระพุทธศาสนาว่า เมื่อถึง ๒,๕๐๐ กึ่งพุทธศาสนาล่วงแล้วไป ศาสนธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าจะเจริญเต็มที่ เพราะอดีตล่วงไปแล้ว เคยทรุดโทรมมา ๑ ครั้ง ที่เปรียบด้วย เหมือนสากตำข้าวคอดกลาง

    แต่เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ (อุบาสิกาบุญเรือน) จึงทำการอธิษฐานกับวัตถุไม่มีวิญญาณ ขอให้ปรากฏความจริง คือ อธิษฐานกับต้นมะม่วงที่ปลูกด้วยเม็ด มีอายุเพียง ๑๓ เดือน อยู่ที่รั้วหน้าบ้าน ถ้าพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปแล้วไซร้ ขอให้มะม่วงออกช่อ หากจะถึงความเสื่อมโทรม อย่าให้มะม่วงออกช่อ

    ธรรมก็บันดาลบังเอิญให้ช่อมะม่วงออกมา(ในเวลา)ไม่ใช่ฤดูกาล (ประมาณข้างขึ้นเดือน ๔) ช่อมะม่วงที่ออกมานั้น มีผู้รู้ผู้เห็นหลายคน (คุณนายถนอม เอื้อวิทยา พี่คุณนายถนอม และคุณแกมแก้ว จันทมาศ) กิ่งหนึ่งออกมา ๙ ช่อ อีกกิ่งหนึ่ง ๓ ช่อ ยาวประมาณ ๒ นิ้วเศษ เวลาประมาณ ๕ ทุ่ม หมดเขตอธิษฐาน ช่อก็หดหายเข้าไปในต้น

    เมื่อเล่าเรื่องช่อมะม่วงจบแล้ว ข้าพเจ้าเห็นดอกไม้ในพานและแจกันที่โต๊ะบูชาพระอย่างมากมาย ครั้นจะขอดอกไม้โดยตรงก็ขัดกับพระวินัย เพราะผู้นี้มิใช่ญาติและปวารณาเอาไว้ เลยนึกไปถึงเรื่องพระรัฐบาลเป็นบุตรเศรษฐี ท่านเป็นพระบวชใหม่ ไปบิณฑบาตตามสมณวัตร เห็นนางปุณณทาสี ซึ่งเป็นคนใช้ในบ้านของท่านเอง ได้เดินผ่านหน้าท่าน จะนำขนมบูดไปเททิ้ง

    ท่านกล่าวว่า "ขนมบูดนี้มีอันจะเททิ้งเป็นธรรมดาแล้ว จงใส่ลงในบาตรของอาตมาเถิด"

    ส่วนเรื่องของดอกไม้เล่า จะพูดอย่างไร จึงพูดเป็นเชิงปรารภขึ้นว่า ดอกไม้มากๆ อย่างนี้ บูชาพระแล้วจะเอาไปทำอะไร?

    อุบาสิกาตอบว่า "เททิ้ง"

    "ถ้าเททิ้ง ขอให้อาตมาได้ไหม?"

    "จะเอาไปทำอะไร?"

    ตอบ "บดทำเป็นผงสร้างพระ เนื่องด้วย ออกพรรษาปีนี้ (พ.ศ. ๒๔๙๔) คุณนายทองศุข เยาวนัช กับคุณนายบุญเรือน ศิวดิษฐ์ เป็นหัวหน้า จะถวายผ้ากฐินสามัคคี เพื่อรวบรวมทุนสร้างเตาเผาศพ เข้าใจว่าจะมีคนมามาก ทางวัดจะสร้างพระเล็กๆ สำหรับแจกเป็นของขวัญกับผู้ไปร่วมกุศล"

    เมื่อทราบความประสงค์ ก็พลอยอนุโมทนา และรับจะอธิษฐานดอกไม้ให้ ๙ เสาร์ พร้อมด้วยน้ำอธิษฐาน สำหรับพิมพ์พระอีกด้วย และกล่าวว่าถ้าจะสร้าง ควรทำไว้มากๆ และต้องให้ดิฉันหนึ่งหมื่น จะอธิษฐานพระองค์เล็กๆ ให้เฉพาะวัดอาวุธฯ และจะทำหนเดียวเท่านั้น พูดคล้ายกับพูดเล่น

    ข้าพเจ้าถือโอกาสพูดขึ้นว่า "ต้นมะม่วงเล็กนิดเดียว ปลูกเพียง ๑๓ เดือน ยังอธิษฐานให้ออกช่อได้ อธิษฐานพระทำไมจะไม่ศักดิ์สิทธิ์เล่า ต้องศักดิ์สิทธิ์ซิ"

    เมื่ออุบาสิกาบุญเรือนฯ รับว่าจะอธิษฐานให้แล้ว ต่อมาจึงกำหนดวันเริ่มสร้างให้ ซึ่งตรงกับวันจันทร์ ตรี วันจันทร์ขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๕ ตรงกับวันที่ ๙ เมษายน ๒๔๙๔ เวลา ๘.๓๕ น. เป็นฤกษ์งาม จึงเริ่มทำพิธีพิมพ์พระในพระอุโบสถ พระสงฆ์สวดชัยมงคล ทำการพิมพ์อยู่เป็นเวลา ๑๕๒ วัน กำหนดว่าจะอธิษฐานวันออกพรรษาในปีนั้น แต่ท่านผู้อธิษฐานให้ธรรมบันดาลกำหนดเวลาให้เอง โดยอธิษฐานว่า ถ้าช่อมะม่วงออกมาอีก จะอธิษฐานในเดือน ๑๐ ถ้าไม่มีช่อออก จะอธิษฐานในวันออกพรรษา

    แต่ธรรมบันดาลให้ช่อมะม่วงปรากฏออกมาอีก ส่วนช่อที่บ้านมีกลิ่นหอมชื่นใจ หลายคนต่างพากันรับรองว่า ไม่ใช่กลิ่นมะม่วงธรรมดา พากันแปลกใจ ไม่รู้ว่าหอมเหมือนกลิ่นดอกไม้อะไร จึงเก็บช่อมะม่วงเหล่านั้นมาผสมลงในเกสรที่สร้างพระคราวนี้ด้วย

    ได้กำหนดเริ่มทำพิธีอธิษฐานในวันขึ้น ๑๑, ๑๒, ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ตรงกับวันที่ ๑๑, ๑๒, ๑๓ กันยายน ๒๔๙๔ เปิดโอกาสให้สานุศิษย์และประชาชนบำเพ็ญกุศลร่วมกัน

    วันที่ ๑๑ พระสงฆ์ ๑๕ รูป เจริญพระพุทธมนต์ ถวายภัตตาหารเพล

    วันที่ ๑๒ คล้ายวันแรก แต่มีแปลกจากวันก่อนบางประการ สำหรับวันนี้ ห้ามผู้หญิงเข้าในเขตชายคาบ้านเป็นอันขาด ให้มีแต่ชายล้วน แม้ผู้อธิษฐานเอง ก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องตั้งแต่อรุณขึ้น จนถึงพระอาทิตย์ตก ถึงตอนค่ำ อุบาสิกาบุญเรือนจึงได้มาอธิษฐานให้ในคืนวันนั้น

    วันที่ ๑๓ คณะอุบาสิกา (คนนุ่งขาว) สวดถวายพรพระ แล้วมีการเลี้ยงอาหารเพล เป็นอันเสร็จพิธี

    ในงานนี้ มีผู้ไปช่วยบำเพ็ญกุศลอย่างล้นหลาม ถ้าจะเทียบกับเรื่องของคนมากในวันต้น จงดูในวันตรุษจีนที่คนจีนเขาไปไหว้เจ้า จะไม่ผิดแผกอะไรกันนัก อาหารการบริโภคที่ถวายพระ หยิบถ้วยละหนึ่งคำก็แทบอิ่ม

    พระชุดนี้สำเร็จได้ด้วยอธิษฐานให้พระธรรมบันดาลขึ้นเอง (ไม่ใช่เสก) ผสมด้วยวัตถุต่างๆ มี ว่าน เกสรดอกไม้ อธิษฐาน ๙ เสาร์ ผงพระเก่าๆ และผงพระธรรมใบลานสุมไฟ ถวายพระนามว่า "พระพุทโธ" มีอักษรขอมปรากฏอยู่ด้านหลัง สร้างขึ้นเป็นจำนวนประมาณหนึ่งแสนองค์

    ขณะที่กำลังสร้างพระ ข้าพเจ้าไปที่บ้านอุบาสิกาบุญเรือนฯ อุบาสิกาบุญเรือนฯ จึง(บอกว่า)ให้ชื่อพระว่า "พระพุทโธ"

    ข้าพเจ้าจึงว่า เออ? ทำไมจึงมาคิดตรงกัน ซึ่งต่างก็ไม่ได้นัดหมายหรือปรารภกันไว้ก่อนเลย ไฉนจึงมาให้ชื่อตรงกันกับที่ข้าพเจ้าทำไว้ก่อน เป็นเรื่องที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน

    เมื่อเสร็จจากการอธิษฐานแล้ว จึงได้มอบพระให้หนึ่งหมื่นองค์ตามที่รับสัญญากันไว้ เพื่อถวายและแจกจ่ายไปในที่หลายแห่งคือ

    ๑. ถวายท่านเจ้าคุณพระมหารัชชมังคลาจารย์ วัดสัมพันธวงศ์ ครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระรัชชมงคลมุนี ๒,๐๐๐ องค์,

    ๒. มอบให้ตำรวจ ๑,๐๐๐ องค์,

    ๓. มอบให้ทหาร ๑,๐๐๐ องค์,

    ๔. ส่งไปภาคอีสานและลำปาง ๒,๐๐๐ องค์,

    ๕. ส่งไปเชียงใหม่ ๒,๐๐๐ องค์,

    ๖. สำหรับแจกผู้มาช่วยในพิธีอธิษฐาน ๒,๐๐๐ องค์

    ส่วนเหลือนอกจากนี้ถวายไว้กับวัดอาวุธฯ ทั้งหมด

    พระพุทโธศักดิ์สิทธิ์อย่างไร

    ข้าพเจ้าเป็นผู้ปรารถนาในองค์พระให้ทรงประสิทธิภาพ ที่มุ่งให้เกิดผลดลบันดาลแก่ผู้มีติดตัวไว้สักการบูชา ทางแคล้วคลาด เมตตามหานิยม เจริญโภคสมบัติ กำจัดโรคร้าย (ยกเว้นโรคกรรมโรคเวร)

    ผู้อธิษฐานพระชุดนี้ มีฤทธิ์ทางใจเพียงใดนั้น ย่อมปรากฏแก่ผู้รู้เห็นนับด้วยจำนวนไม่น้อย ถ้าประสงค์จะรู้ความจริง จงดูบันทึกรับรองของท่านทั้งหลาย ใน หนังสือพระพุทโธองค์ใหญ่ จะทราบได้โดยตลอด

    สำหรับพระพุทโธองค์เล็ก ผู้ที่ได้รับแจกไปแล้ว ได้รับผลอันเป็นที่พึงพอใจต่างๆ กัน และใครอยู่ที่ไหนไม่สามารถจะบันทึกให้ครบถ้วนได้ เพราะมีจำนวนหลายหมื่นคนด้วยกัน ทั้งมีหน้ากระดาษจำกัด ข้อสำคัญ ความศักดิ์สิทธิ์ย่อมปรากฏกับผู้เลื่อมใสศรัทธาจริงๆ

    บางคนเห็นเขาได้พระพุทโธไว้ ท่านก็อยากได้กับเขาบ้าง แล้วไม่นำติดตัวไป ไม่หมั่นอธิษฐานให้เป็นอนุสติประจำใจแล้วไซร้ จะโทษพระพุทโธไม่ได้ เพราะใจของท่านมีศรัทธาเลื่อนลอย ผลอันจะพึงได้ก็เลื่อนลอยเช่นกัน

    โดยเฉพาะคำว่า "พุทโธ" เป็นของมีคุณเกินค่าอยู่แล้ว ถ้ามีพุทโธเกิดขึ้นกับใจแล้ว จะให้ผลดียิ่งขึ้นถึงขนาดไหน ย่อมปรากฏด้วยตนเอง

    อนึ่งในการสร้างพระพุทโธองค์เล็กครั้งนี้ อุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติมรับอุปการะกิจกรรมจนเสร็จงาน

    นายชอบ ศรีดี รับภาระหล่อพิมพ์รูปพระทั้งหมด (ปัจจุบันอุปสมบทแล้ว)

    ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา ช่วยกันพิมพ์

    บริษัทเอื้อวิทยา บริจาคปูนซีเมนต์ขาว ๕ ถุง หินละเอียด ๓ ถุง

    คุณนายบ๊วย ศิวพฤกษ์ รับพิมพ์ประวัติพระพุทโธองค์ใหญ่ ที่วัดสัมพันธวงศ์ จึงได้ขอประวัติหลวงพ่อพระพุทโธองค์เล็ก ไปรวบรวมพิมพ์ไว้ด้วย

    ขออัญเชิญอำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทโธ ที่อุบาสิกาบุญเรือน โตงบุญเติม อธิษฐานให้พระธรรมบันดาลขึ้น ณ ครั้งนี้ จงประสิทธิ์ประสาทให้บรรลุผลของบุคคลที่ปรารถนาในทางที่ชอบจงทุกประการเทอญ

    โฆสโกภิกขุ

    วัดอาวุธวิกสิตาราม ธนบุรี

    ๑๔ ธันวาคม ๒๔๙๕​


    ในเรื่องการอธิษฐานจิต พระพุทโธน้อยของคุณแม่บุญเรือนนั้น ในเรื่องนี้คุณแม่บุญเรือนก็ได้บันทึกไว้เอง ในบันทึกเรื่อง "เรื่องพระประธาน วัดสารนาถธรรมาราม" ไว้ดังต่อไปนี้

    "ต่อมาในเดือน ๔ (๒๘ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๔ ) ดิฉันอยู่ที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ มีคุณนายถนอม เอื้อวิทยา ได้ทำเทียนวันเกิดของคุณกมล เอื้อวิทยา (บุตรชายคนโตของนางถนอม) มาจุดบูชาพระ ดิฉันจึงถือโอกาสให้คุณนายถนอมและพี่คุณนายถนอม (นางต่วน เศรษฐบุตร) และคุณแกมแก้ว จันทมาศ (ภรรยาหลวงสุภีร์อุทกการ (สุภีร์ จันทมาศ) ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทยคนแรก และเป็นพี่สาวนายไสว ศรีงาม หรือ หลวงตาไสว สิวญาโณ แห่งวัดสวนโมกขพลาราม ศิษย์ของคุณแม่อีกท่านหนึ่ง) ให้ตรวจต้นมะม่วงที่ปลูกไว้ ๑ ปี กับ ๑ เดือนว่าจะออกช่อได้ไหม คุณทั้ง ๓ ก็ดู คุณแกมแก้วยืนยันว่า เห็นจะออกไม่ได้เพราะต้นยังเล็กมาก

    ในค่ำวันนั้นดิฉันก็ถือโอกาสตั้งสัจจะอธิษฐานว่า โดยความมั่นในศรัทธาของข้าพเจ้ามิได้ท้อถอย จะช่วยพระเดชพระคุณท่านหล่อพระประธานให้สำเร็จให้ได้ และตามที่เขาว่ากันว่า ศาสนากำลังจะคอดเป็นประดุจคอสากนั้น ถ้าศาสนาจะเสื่อมลงไปอย่างเขาว่า ก็ขอมะม่วงต้นนี้อย่าได้ออกช่อเลย ถ้าข้าพเจ้าจะช่วยในด้านศาสนาได้บ้าง และพระประธานที่พระเดชพระคุณหล่อนี้จะศักดิ์สิทธิ์ ก็ขอให้มะม่วงซึ่งปลูกด้วยเม็ดเพียง ๑๓ เดือนให้ออกช่อ และให้บานในคืนวันพุธนั้น สำหรับกิ่งหนึ่งเป็นการช่วยชาติให้เจริญ อีกกิ่งหนึ่งสำหรับทางศาสนา ถ้าจะเจริญได้ทั้งทางโลกและทางธรรม ก็ขอให้ออกช่อทั้ง ๒ กิ่ง เขตอธิษฐานหมดเพียง ๕ ทุ่มของวันพฤหัสบดีเท่านั้น จะได้เป็นพยานแห่งความจริง เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ประจักษ์ว่า ศาสนากำลังจะเจริญอยู่ได้

    พอรุ่งเช้า ดิฉันออกไปดูที่ต้นมะม่วงนั้น ทางด้านโลกกิ่งเดียวที่แยกออกมาจากทางกิ่งของศาสนา ได้ออกช่อมาอย่างงดงามตรงยอดๆ เดียวถึง ๙ ช่อ บาน ๕ ช่อ ที่ยังไม่บาน ๔ ช่อสลับกัน ช่อยาวประมาณ ๒ นิ้วฟุตเศษ มีกลิ่นหอมคล้ายดอกพิกุล ส่วนอีก ๓ ช่อนั้นออกตามกิ่งเรียงกันเป็นแถว ทางด้านศาสนาดังที่อธิษฐานไว้ ดิฉันก็ได้เรียนให้ท่านเจ้าคุณท่านทราบไว้เหมือนกัน และใครๆ ก็ได้มาดู

    ต่อมาถึงวันอาทิตย์ขึ้น ๑๑ ค่ำเดือน ๔ (๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๔) ดิฉันก็ได้นำเครื่องบวชเด็กเป็นเณร ไปให้ท่านพระครูนิเทศธรรมจักรบวชเณร เพราะดิฉันได้อธิษฐานไว้ว่า จะช่วยหล่อพระประธานในเดือน ๔ นั้น ไม่ได้หล่อ เพราะมาหล่อเสียในเดือน ๓ ดิฉันจึงบวชเณรแทนการหล่อพระ เพราะเวลาพระท่านให้ศีลเณรนั้น ท่านต้องให้ว่า พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ ฯลฯ ดิฉันถือเอาว่า รูปพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เกิดขึ้นแล้วพร้อมทั้งเณรด้วย

    รุ่งขึ้นวัน ๑๒ ค่ำ เดือน ๔ ตรงกับวันจันทร์ (๑๙ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๔) ดิฉันได้ไปแผ่กุศลให้คุณนายน้อม มากีดาราล ที่ซอย ๑๑ ซึ่งเขาให้ไตรมาบวชเณร บังเอิญดอกประดู่ที่บ้านเขาบานเต็มต้น เขาได้ให้คนใช้เก็บให้ดิฉันมาหอบใหญ่ ดิฉันก็นำมาถวายพระ จัดใส่แจกันไว้ที่โต๊ะบูชาเต็มทุกแจกัน

    ในวันนั้นบังเอิญท่านพระครูธรรมธร เจ้าอาวาสวัดอาวุธวิกสิตาราม ได้มาที่บ้านดิฉัน โดยการนำคนไข้มาเพื่อให้รักษา ท่านได้พูดขึ้นว่า อาตมาเห็นดอกไม้บนที่บูชามาก ดิฉันเรียนกับท่านว่า วันนี้วันดี ดิฉันได้อธิษฐานดอกประดู่นี้ไว้ว่า ให้เป็นประโยชน์ในการที่ใครได้มาไหว้พระ และได้พบเห็นจะได้มีความสุขความเจริญ ท่านพระครูพูดขึ้นว่า ดอกไม้นี้จะนำไปไหนเล่า ดิฉันก็ตอบว่า “ก็เททิ้ง” ท่านบอกว่า ถ้าอาตมาจะขอได้ไหม ดิฉันก็ตอบว่า ท่านจะขอไปทำอะไร ท่านเลยเล่าว่า คุณนายบุญเรือนเขาจะมาทอดกฐินสามัคคี ที่วัดอาวุธฯ อาตมาจะเอาไปทำพระเพื่อแจกในวันกฐินนั้น แล้วท่านกล่าวขึ้นว่า อาตมาทำแล้วจะนำมาให้อธิษฐานจะได้ไหม ดิฉันก็สัพยอกกันท่านว่า ดิฉันจะอธิษฐานครั้งเดียวไม่อธิษฐานให้ใครนอกจากวัดอาวุธฯ เท่านั้น (คืออธิษฐานพระ)

    ท่านเลยพูดขึ้นว่า แต่มะม่วงนิดเดียวเท่านี้ยังอธิษฐานให้ออกช่อได้ แล้วทำไมอธิษฐานพระจะไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือ ต้องศักดิ์สิทธิ์ซี เลยกลายเป็นเรื่องจริงขึ้น ดิฉันได้พูดไปแล้วก็เลยต้องรับอธิษฐานให้ท่าน แต่ดิฉันบอกว่า แล้วแต่ท่านจะปรารถนาเอาเอง และต้องนิมนต์พระมาสวดช่วยดิฉัน ๒ เวลา คือพระมหานิกาย ๑ เวลา แล้ววันรุ่งขึ้นนิมนต์พระธรรมยุตต์มาสวดอีก ๑ เวลา ถวายอาหารเพลทั้ง ๒ วัน แต่ส่วนวันที่พระธรรมยุตต์มานั้น ดิฉันห้ามไม่ให้พวกผู้หญิงมาบนบ้านสามัคคีวิสุทธิ ที่อนุญาตให้แต่ผู้ชายเท่านั้น ตลอดกระทั้งดิฉันเองซึ่งเป็นผู้หญิง ก็ไปอาศัยรับแขกที่บ้านนายพัธนี พรพิบูลย์ ซึ่งมีบริเวณติดกัน เมื่อเลี้ยงอาหารและพวกอุบาสกไปหมดแล้ว ดิฉันจึงได้เข้ามาในบ้านสามัคคีฯ แต่ผู้เดียว เพื่ออธิษฐานพระพุทโธองค์เล็กในค่ำวันนั้น ๖ ชั่วโมง ดิฉันได้นั่งปลงสังขารรวมทั้งสวดมนต์และถวายพรพระด้วย ก็เป็นอันว่าตลอดคืน ดิฉันไม่ได้นอน รุ่งขึ้นก็มีการฉลองเลี้ยงพระแม่ชี ๑๓ คน และเลี้ยงพวกผู้หญิงหลายสิบคน เป็นอันเสร็จพิธีเรื่องพุทโธองค์เล็ก"


    “พระพุทโธน้อย” นี้ปรากฏว่าได้กลายเป็นพระศักดิ์สิทธิ์ในระยะต่อมาเป็นอย่างยิ่ง ทั้งด้านเมตตามหานิยม ป้องกันภัย แคล้วคลาด เจริญโภคสมบัติ กำจัดโรคร้าย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2015
  11. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    ช่วงนี้คอมฯเครื่องที่ผมใช้ประจำเกิดปัญหาไม่สามารถเปิดได้ครับ ช่วงนี้เลยต้องใช้คอมฯอีกเครื่องที่ไม่มีรูปเกี่ยวกับคุณแม่ฯอยู่ เลยทำให้ไม่สามารถดึงรูปมาประกอบได้ กำลังดำเนินการแก้ไขคิดว่าไม่นานนี้น่าจะใช้งานได้ตามปรกติครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2015
  12. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีครับลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน

    เดินทางมาถึงกลางสัปดาห์กันแล้ว ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม มอบพรให้ลูกหลานและศานุศิษย์ทุกท่านได้มั่งคั่ง มั่งมีด้วยโภคทรัพย์เงินทอง หลั่งไหลมากองเต็มห้องเต็มหอ กิจการงานใดที่เฝ้ารอให้คลี่คลายสำเร็จด้วยดี ให้มากมีด้วยเกียรติยศ ลาภยศ สรรเสริญ กิจการทุกอย่างเจริญก้าวหน้ารุ่งเรืองไม่มีวันตกต่ำ ให้เฟื่องฟูเช้าค่ำอย่าได้ขาด หากใครคิดปรามาสทำร้ายให้พ่ายไปด้วยความคิดร้ายนั้น ขอให้ทุกท่านมีความสุขทุกคืนวัน ให้สุขสันต์ตลอดไปนับจากนี้เทอญ
     
  13. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189

    นำมาลงอีกครั้งเพื่อเป็นการย้ำเตือนความรู้ของท่านที่เคยได้อ่านมาแล้ว และเพิ่มเติมให้สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาศึกษาใหม่ครับ ความรู้มีอยู่ทั่วไปอยู่ที่เราจะขวนขวายหามามากน้อยเพียงใดก็เท่านั้น แต่ในการหาความรู้ย่อมมีทั้งความรู้ที่เป็นจริงและความรู้ที่เป็นเท็จ ขอให้ทุกท่านใช้วิจารณญาณในการศึกษาหาความรู้เสมอครับเพื่อให้ได้ความรู้อันเป็นจริงไม่ได้เกิดจากการปรุงแต่งใดใดให้ผิดเพี้ยน
     
  14. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    วันนี้ต้องขอตัวพักผ่อนก่อนนะครับ ค่ำคืนนี้ขอบารมี คุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม คุ้มครองรักษาทุกท่านให้นอนหลับฝันดี นอนหลับให้ได้เงินหมื่น นอนตื่นให้ได้เงินแสนเงินล้าน ไม่ว่าการงานใดให้สำเร็จสมประสงค์ คิดหวังสิ่งใดให้ได้ดังจำนงค์ จงก้าวหน้าก้าวไกลไม่รอรี แม้นทำงานราชการให้เป็นใหญ่ มีมากมายยศศักดิ์สมศักดิ์ศรี แต่ที่ลืมไม่ได้คือเป็นคนดี ให้เป็นศรีชื่อว่าลูกหลานแม่บุญเรือน



     
  15. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    บทความแจ้งเตือนกันเมื่อปลายปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับการปรับราคาสูงขึ้นของพระพุทโธน้อยและการหาพระพุทโธน้อยที่อาจจะยากขึ้นเนื่องจากความต้องการบูชาจากผู้ที่ศรัทธาต่างประเทศ ซึ่งผมจะลงไว้เรื่อยๆเมื่อได้ข่าวสารมา และจากเหตุการณ์ที่ปรากฏผ่านมาก็ไม่ผิดจากที่ผมได้ลงเตือนไว้จริงๆ เพราะฉะนั้นสำหรับท่านที่ศรัทธาคุณแม่ฯแท้จริงอย่าปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปแล้วสุดท้ายต้องมานั่งเสียดายที่เมื่อมีโอกาสกลับปล่อยโอกาสเหล่านั้นให้หลุดลอยไปนะครับ ตอนนี้ถึงแม้ว่าราคาพระพุทโธน้อยจะสูงขึ้นมากกว่าเดิมมาเพียงใดแต่ก็ยังไม่มากจนไม่สามารถเช่าบูชากันได้อย่างแน่นอนครับ
     
  16. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    กราบคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ที่เคารพยิ่ง
    สวัสดีครับลูกหลานและศานุศิษย์คุณแม่ฯทุกท่าน


    เผลอแว้บเดียววันพฤหัสบดีกันแล้วพรุ่งนี้ทำงานกันอีกวันก็ได้หยุดพักผ่อนกัน วันนี้เป็นวันจ่ายในเทศกาลสารทจีนซึ่งจะมาถึงในวันพรุ่งนี้อีกด้วย เทศกาลที่ลูกหลานชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจะได้จัดพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษเพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีที่มีต่อบรรพบุรุษอีกเทศกาลหนึ่ง ความกตัญญูเป็นคุณธรรมหนึ่งของคนดีไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนาใด หากมีความกตัญญูกตเวทีเป็นที่ตั้งแล้วไซร้คนนั้นย่อมไม่มีวันตกอับอย่างแน่นอนครับ อย่างแน่นอนครับ ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เมตตามอบพรให้ทุกท่านมีความสุข ไร้ทุกข์ สุขภาพแข็งแรง เดินทางไปทางใดให้ปลอดภัยทุกประการ ทรัพย์ศฤงคารหลั่งไหลมาไม่ขาดสายด้วยเทอญ
     
  17. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    วันพรุ่งนี้ผมไหว้สารทจีนด้วยเช่นกันครับอาจจะไม่ได้เขามาพูดคุยทักทายกันเท่าไหร่นะครับเพราะต้องเตรียมอาหารต่างๆสำหรับไหว้ตั้งแต่เช้ามืดกว่าจะเรียบร้อยพิธีการก็คงจะช่วงเที่ยงและอาจจะไปทำธุระกับที่บ้านต่อด้วย แจ้งให้ทราบกันไว้ก่อนเผื่อหายไปจะได้ไม่สงสัยว่าหายไปไหนครับ ^^
     
  18. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    <a href="http://www.mx7.com/view2/x1SFVV63VQtm9oQ7" target="_blank"><img border="0" src="http://www.mx7.com/i/839/wVIgmY.jpg" /></a> ​


    วันสารทจีน หรือ เทศกาลสารทจีน (Sart Chin Day or Ghost Festival or Spirit Festival) จะตรงกับ วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปีปฏิทินทางจันทรคติของจีน ปีปฏิทินทางจันทรคติของจีนโดยทั่วไปจะช้ากว่าปีปฏิทินทางจันทรคติของไทยประมาณ 2 เดือน หากพลิกดูปฏิทินที่มีทั้งระบบจันทรคติของไทย และของจีน จะเห็นว่า วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ของจีนนั้น ทางจันทรคติไทยกลับเป็น วันขึ้น 14 ค่ำเดือน 9

    ตำนานต้นกำเนิดสารทจีน

    ตำนานที่ 1

    ตำนานนี้กล่าวไว้ว่าวันสารทจีนเป็นวันที่เงี่ยมล้อเทียนจือ (ยมบาล) จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้ายจึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ดังนั้นเพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญนี้จึงต้องมีการเปิดประตูนรกนั่นเอง


    ตำนานที่ 2

    มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมีนามว่า “มู่เหลียน” (พระมหาโมคคัลลานะ) เป็นคนเคร่งครัดในพุทธศาสนามาก ผิดกับมารดาที่เป็นคนใจบาปหยาบช้าไม่เคยเชื่อเรื่องนรก-สวรรค์มีจริง ปีหนึ่งในช่วงเทศกาลกินเจนางเกิดความหมั่นไส้คนที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ นางจึงให้มู่เหลียนไปเชิญผู้ถือศีลกินเจเหล่านั้นมากินอาหารที่บ้านโดยนางจะทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ

    ผู้ถือศีลกินเจต่างพลอยยินดีที่ทราบข่าวว่ามารดาของมู่เหลียนเกิดศรัทธาในบุญกุศลครั้งนี้ จึงพากันมากินอาหารที่บ้านของมู่เหลียนแต่หาทราบไม่ว่าในน้ำแกงเจนั้นมีน้ำมันหมูเจือปนอยู่ด้วย การกระทำของมารดามู่เหลียนนั้นถือว่าเป็นกรรมหนัก เมื่อตายไปจึงตกนรกอเวจีมหานรกขุมที่ 8 เป็นนรกขุมลึกที่สุดได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส

    เมื่อมู่เหลียนคิดถึงมารดาก็ได้ถอดกายทิพย์ลงไปในนรกภูมิ จึงได้รู้ว่ามารดาของตนกำลังอดอยากจึงป้อนอาหารแก่มารดา แต่ได้ถูกบรรดาภูตผีที่อดอยากรุมแย่งไปกินหมดและเม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้นกลับเป็นไฟเผาไหม้ริมฝีปากของมารดาจนพอง แต่ด้วยความกตัญญูและสงสารมารดาที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสมู่เหลียนได้เข้าไปขอพญาเหงี่ยมล่ออ๊อง (ยมบาล) ว่าตนของรับโทษแทนมารดา

    แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษด้วยการนำร่างลงไปต้มในกระทะทองแดง พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาโปรดไว้ได้ทัน โดยกล่าวว่ากรรมใดใครก่อก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้นและพระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์อิ๋ว หลันเผิน ให้มู่เหลียนท่องเพื่อเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วยผู้มีพระคุณให้หลุดพ้นจากการอดอยากและทุกข์ทรมานต่างๆ ได้ โดยที่มู่เหลียนจะต้องสวดคัมภีร์อิ๋ว หลันเผินและถวายอาหารทุกปีในเดือนที่ประตูนรกเปิดจึงจะสามารถช่วยมารดาของเขาให้พ้นโทษได้

    นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวจีนจึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมากันโดยตลอดด้วยการเซ่นไหว้ โดยจะนำอาหารทั้งคาวหวาน และกระดาษเงินกระดาษทองไปวางไว้ที่หน้าบ้านหรือตามทางแยกที่ไม่ไกลนัก มีนัยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พักของตน

    วันสารทจีน
    ประเพณีสารทจีนนอกจากจะเป็นประเพณีที่ลูกหลาน
    จะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว
    วันสารทจีน

    ในรอบหนึ่งปีชาวจีนจะมีไหว้เจ้าใหญ่ 8 ครั้ง เรียกว่าไหว้ 8 เทศกาลโป๊ะโจ่ย การไหว้สารทจีนเป็นการไหว้ครั้งที่ 5 ตรงกับวันที่ 15 เดือน 7 ซึ่งถือกันว่าเป็นเดือนผี เป็นเดือนที่ประตูนรกปิดเปิด ให้ผีทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้

    ตำราจีนหนึ่งกล่าวไว้ว่า วันที่ 15 เดือน 7 เป็นวันที่เช็งฮีไต๋ตี๋จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์ และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้าย จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ นรกจึงเปิดประตู เพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญได้

    วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน คือ วันเทศกาลจงเยฺวี๋ยน วันเทศกาล Zhongyuan ของจีน หรือที่เราเรียกว่า วันสารทจีน เป็นวันซึ่งทุกครอบครัวทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น บางครั้งชาวจีนจึงเรียกวันดังกล่าวว่า GuiJie กุ่ยเจี๋ย หรือ Wangren Jie หวางเหรินเจี๋ย

    ชาวจีนเชื่อกันว่าวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 เป็นวันซึ่งวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวของตน เพราะฉะนั้น ในวันนี้ชาวจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือน

    เทศกาลสารทจีนถือเป็นวันสำคัญที่ลูกหลานชาวจีนจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ โดยพิธีเซ่นไหว้ และยังถือเป็นเดือนที่ประตูนรกเปิดให้วิญญาณทั้งหลายมารับกุศลผลบุญได้

    Zhongguo nongli qiyue shiwuri shi Zhongyuan Jie.

    จงกว๋อ หนงลี่ ชีเยฺว่ ฉือหวู่รื่อ ฉื้อ จงเยฺวี๋ยน เจี๋ย

    วันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 ตามปฏิทินจันทรคติจีน คือ วันเทศกาลจงเยฺวี๋ยน วันเทศกาล Zhongyuan ของจีน หรือที่เราเรียกว่า วันสารทจีน เป็นวันซึ่งทุกครอบครัวทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น บางครั้งชาวจีนจึงเรียกวันดังกล่าวว่า GuiJie กุ่ยเจี๋ย หรือ Wangren Jie หวางเหรินเจี๋ย

    Gui = ผี ซึ่งเป็นคำเรียกคนที่ถึงแก่กรรมแล้ว
    Wangren = คนที่ตายไปแล้ว
    Jie = เทศกาล
    GuiJie หรือ Wangren Jie จึงแปลว่า เทศกาลเซ่นไหว้ผู้ซึ่งล่วงลับไปแล้ว

    ชาวจีนเชื่อกันว่าวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 เป็นวันซึ่งวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวของตน เพราะฉะนั้น ในวันนี้ชาวจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือน

    ของไหว้วันสารทจีน
    ประเพณีสารทจีนเป็นประเพณีที่มีกุศโลบายในการสนับสนุนให้ทุกคนในครอบครัว
    ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างพร้อมหน้าและมีความสุข

    การไหว้วันสารทจีน

    การไหว้ในเทศกาลสารทจีนต่างจากการไหว้ในเทศกาลอื่นๆ ตรงที่แบ่งการไหว้ออกเป็น 3 ชุด

    ชุดแรก สำหรับไหว้เจ้าที่ในวันสารทจีน

    จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมไหว้ก็ใช้ ถ้วยฟู กุ้ยไช่ ซึ่งต้องมีสีแดงแต้มเป็นจุดเอาไว้ ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมี ซึ่งเป็นประเพณีของสารทจีน คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงิน กระดาษทอง

    ชุดที่สอง สำหรับไหว้บรรพบุรุษในวันสารทจีน

    คล้ายของไหว้เจ้าที่ พร้อมด้วยกับข้าวที่ บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียมต้องมีน้ำแกง หรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชา จัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ ถ้าเป็นคนมีฐานะก็นิยมไหว้โหงวแซ คือมี เป็ด ไก่ หมู ตับ ปลา พร้อมด้วยกับข้าวอีกหลายอย่าง แล้วแต่ว่าจะจัดที่บรรพบุรุษชอบ หรือจะจัดแบบที่ลูกหลานคนที่ได้กินจริงชอบ

    แต่ตามธรรมเนียมการไหว้บรรพบุรุษ ต้องมีของน้ำสำหรับซดให้คล่องคอ จะเป็นน้ำแกงก็ได้ หรือเป็นขนม น้ำใส ๆ เช่น อี๊ (คือขนมบัวลอย) ก็ได้ วางเคียงกับชามข้าวสวยและน้ำชา ของหวานก็มี ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง ที่ขาดไม่ได้ก็คือ ขนมเข่ง ขนมเทียน ผลไม้ และกระดาษเงินกระดาษทอง

    ชุดที่สาม สำหรับไหว้วิญญาณพเนจรในวันสารทจีน

    ผีไม่มีญาติ ซึ่งไม่มีลูกหลานกราบไหว้ เรียกว่า ไป๊ฮ้อเฮียตี๋ หรือบางแห่งเรียกว่า ฮ้อเฮียตี๋

    จะต้องไหว้นอกบ้าน ของไหว้มีทั้งของคาวหวาน กับผลไม้ตามต้องการ และที่พิเศษคือ มีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองแบบเฉพาะ ที่เรียกว่า อ่วงแซจิว จัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้

    ของไหว้วันสารทจีน
    ของไหว้วันสารทจีน
    พิธีไหว้

    การไหว้เจ้าที่ จะไหว้ก่อนในตอนเช้า เผากระดาษเงินกระดาษทองจนเรียบร้อย สายๆ จึงตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษและไหว้ฮ้อเฮียตี๋ บางบ้านนิยมไหว้ตอนบ่าย ถ้าไหว้พร้อมกัน ให้ตั้งโต๊ะแยกจากกัน แต่เผากระดาษเงินกระดาษทองร่วมกันได้ สำหรับการไหว้ขนมเข่งขนมเทียนในเทศกาลสารทจีนนี้ ที่เมืองจีนไม่มี ขนมที่ใช้ไหว้ที่เมืองจีนจะเป็นขนม 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวเปี้ย” หรือ เรียกชื่อเป็นชุดว่า ปัง เปี้ย หมี่ มั่ว กี

    ปัง คือ ขนมทึงปัง เป็นขนมที่ทำจากน้ำตาล

    เปี้ย คือ ขนมหนึงเปี้ย คล้ายขนมไข่

    หมี่ คือ ขนมหมี่เท้า ทำจากแป้งข้าวเจ้า ข้างในไส้เต้าซา

    มั่ว คือ ขนมทึกกี่ เป็นขนมข้าวพองสีแดง ตรงกลางมีไส้เป็นแผ่นบาง

    กี คือ ขนมทึงกี ทำเป็นชิ้นใหญ่ยาว เวลาจะกินต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ

    เนื่องจากที่เมืองไทยหาส่วนผสมที่ใช้ทำขนมทั้งห้านี้ไม่ได้ครบถ้วน จึงงดไป แล้วเปลี่ยนมาเป็นการไหว้ขนมเข่ง ขนมเทียน ในการไหว้เทศกาลสารทจีนแทน

    ปัจจุบันชาวจีนแผ่นดินใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับวันสารทจีน เนื่องจากเป็นวันที่แสดงถึงความเคารพและความกตัญญูต่อบรรพบุรุษไม่มีวันเสื่อมคลาย

    กิจกรรมวันสารทจีน

    ชาวจีนเชื่อกันว่าวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 7 เป็นวันซึ่งวิญญาณของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้กลับมาเยือนโลกมนุษย์เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวของตน เพราะฉะนั้น ในวันนี้ชาวจีนจะทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือน กิจกรรมหลักคือ

    Shao zhiqian ฌาว จื่อเฉียน เผากระดาษเงินกระดาษทอง

    การเผากระดาษเงินกระดาษทองให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปนั้น ก่อนเผากระดาษ ต้องนำหินปูนมาขีดเป็นวงกลมซ้อนกัน 3-4 วงตรงลานบ้านที่จะใช้เผากระดาษ แล้วนำกระดาษเงินกระดาษทองวางไว้ให้อยู่ในวงกลมวงในสุดที่ขีดไว้ ด้วยความเชื่อว่าวงกลมที่วงไว้โดยรอบจะกันมิให้ผีไร้ญาติมาแย่งชิงเอากระดาษเงินกระดาษทองไปได้ หลังจากนั้นจึงเผากระดาษเงินกระดาษทองที่เตรียมไว้ ขณะที่เผาก็กล่าวเชิญบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปให้มารับเงินทองที่เผาไปให้โดยต้องพูดแบบไม่ขาดปากว่า

    lai lingqian.
    XX ไหล หลิ่ง เฉียน
    XX มารับเงินด้วย
    (XX คือให้เติมชื่อผู้ตาย หรือคำเรียก เช่น คุณปู่ คุณย่า ฯลฯ)

    หลังจากเผากระดาษเงินกระดาษทองที่อยู่ในเส้นวงกลมหมดแล้ว ยังต้องนำกระดาษเงินกระดาษทองอีกชุดหนึ่งมาวางไว้นอกเส้นวงกลม แล้วเผาเพื่อแผ่ส่วนบุญให้แก่ผีไร้ญาติ

    กิจกรรมวันสารทจีนที่ทำในแต่ละถิ่นของจีน ไม่ได้เป็นรูปแบบเดียวกันทั่วประเทศ คนจีนในบางถิ่นจะไปทำพิธีเซ่นไหว้ที่สุสานของบรรพบุรุษในตอนบ่าย บางถิ่นก็ทำพิธีเซ่นไหว้ที่บ้าน แต่สิ่งที่ขาดมิได้ก็คือ ทุกครัวเรือนไม่ว่าจะยากดีมีจน ต้องจัดอาหารอย่างดีโต๊ะหนึ่งเซ่นไหว้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ถือเป็นการเลี้ยงส่งก่อนที่วิญญาณผู้ล่วงลับทั้งหลายจะกลับไปยังภพของตน ดังนั้น จึงเรียกการจัดอาหารเซ่นไหว้นี้ว่า

    Song Wangren
    ซ่ง หวางเหริน
    ส่งผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว


    ของไหว้วันสารทจีน

    อาหารที่จัดเซ่นไหว้ นอกจากหมูเห็ดเป็ดไก่แล้ว มักมีอีก 4 อย่าง คือ
    1. baozi เปาจึ ซาลาเปา
    2. jiaozi เจี่ยวจือ เกี๊ยวแบบเกี๊ยวจีน
    3. mantou หมานโถว หมั่นโถว
    4. pingguo ผิงกว่อ แอปเปิล

    ในสมัยก่อน เมื่อยังเป็นสังคมเกษตรกรรม สิ่งที่ทุกครัวเรือนทำในวันนี้อีกสิ่งหนึ่งคือ การนำกิ่งธัญพืช 5 อย่าง เช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวฟ่าง ลูกเดือย ถั่ว มาผูกรวมเป็นพู่ แล้วปักไว้เหนือประตูหน้าบ้าน โดยถือว่าพู่ธัญพืช 5 อย่างนี้ เป็นสัญลักษณ์แทนม้า เพื่อว่าเมื่อเสร็จพิธีเซ่นไหว้ และการเลี้ยงส่งแล้ว บรรพบุรุษก็จะได้ขี่ม้ากลับไป เป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้แก่บรรพบุรุษของตน พู่ที่ใช้ในพิธีวันสารทจีน เรียกว่า wugu suizi หวูกู่ ซุ่ยจึ พู่ที่ทำด้วยธัญพืช 5 อย่าง

    ประเพณีสารทจีนนอกจากจะเป็นประเพณีที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นประเพณีที่มีกุศโลบายในการสนับสนุนให้ทุกคนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันอย่างพร้อมหน้าและมีความสุข
     
  19. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189

    ช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาผมก็ขอบารมีคุณแม่ฯท่านเมตตาผ่าน "ทัพพีนางกวัก" การค้าขายที่เงียบเหงาก็ดีขึ้นมาอย่างผิดหูผิดตากับช่วงที่ไม่ได้ใช้ทัพพีนางกวักเลยครับ รายละเอียดไม่ค่อยมากมายขอสรุปแบบรวมแจ้งให้ทราบก็แล้วกันนะครับ ลูกหลานหรือศิษยานุศิษย์คุณแม่ฯท่านใดมีทัพพีนางกวักของคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม อยู่นำมาอธิษฐานขอพรและกวักเรียกทรัพย์กันนะครับ อย่าได้วางไว้เฉยๆ เมื่อเรามีของดีอยู่ในครอบครองแล้วต้องรู้ค่าและบูชาให้เกิดประโยชน์ครับ
     
  20. st-antique

    st-antique ขอบารมีคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม เป็นที่พึ่ง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    18,851
    ค่าพลัง:
    +84,189
    ขอลูกหลานอย่าลืม

    เมื่อเราขอพรและได้รับเมตตาจากคุณแม่ฯท่านแล้วอย่าลืมที่จะทำบุญอุทิศบุญกุศลถวายเป็นการตอบแทนพระคุณของคุณแม่ฯท่านด้วยนะครับ เมื่อเราไม่ลืมคุณแม่ฯ ระลึกถึงท่านเสมอทั้งในยามทุกข์ เดือดร้อนหรือสุขสบาย คุณแม่ฯท่านย่อมนึกถึงเราและเมตตาเราเช่นกันครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...