ปกิณกะพระเครื่อง ธรรมะ และวัดวาอาราม

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ปู ท่าพระ, 5 ธันวาคม 2014.

  1. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,455
    ครูบาพรรณท่านเมตตามาก ขออนุโมทนาด้วยครับที่ได้มีโอกาสไปกราบท่าน
     
  2. ดุจเพชร

    ดุจเพชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2014
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +1,455
    เหรียญตานใช้ตานแทน ครูบาชัยยะวงศาเป็นเหรียญดีมากๆ ตอนนี้ก็เห็นมีคนตามเก็บกันเยอะแล้วครับ
     
  3. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    พระสุปฏิปันโน เนื้อดินเผา ปี2537 ผสมน้ำมันชาตรีหลวงพ่อฤาษี น้ำศักดิ์สิทธิ์จากประเทศอินเดีย ติดเส้นเกศาครูบาวงศ์ สร้างจำนวน 700องค์


    [​IMG]


    บันทึกไว้ เรื่องหลวงพ่อฤๅษี

    จากเกร็ดประวัติหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา

    ตอนบ่าย ครูบานั่งรับแขกที่กุฏิ ผมนั่งข้างล่างช่วยครูบา เพื่ออำนวยความสะดวกญาติโยมที่มาทำบุญ พอหมดแขก ครูบานั่งพักผ่อน ผมมองเห็นรูปหลวงพ่อฤาษีที่ข้างฝา ลูกศิษย์ท่านเอามาถวาย

    ถามครูบาว่า... ครูบาเคยเป็นอะไรกับหลวงพ่อฤาษี

    ครูบาท่านตอบ.... ตอนที่เจอกัน หลวงพ่อฤาษีบอก (ครูบา) ว่า ท่านเป็นพี่ ส่วนนี่ (ครูบา) เป็นน้อง

    ถามท่านต่อว่า.. เคยเกิดเป็นอะไรมาเยอะเหรอครับ

    ครูบาตอบ... ก็เยอะ (ทำเสียงเยอะ) ก็เวียนว่ายนับไม่ถ้วน

    ครูบาท่านชอบบอกว่า องค์นั้น องค์นี้บอกท่าน ครูบาจะไม่ตอบว่าท่านบอก บางครั้งบางเรื่องก็เคยทราบแล้ว แต่ก็ชอบถามครูบา บันทึกเอาไว้ เผื่อภายหลังครูบาไม่อยู่ จะได้เอามาอ่าน
     
  4. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    พระพุทธเมตตาเสนานาถ เนื้อผงสีน้ำตาล

    พระพุทธเมตตาเสนานาถ เนื้อผงมีสีดำ สีขาว สีน้ำตาลและสีแดง สร้างรวมจำนวน ๙๙๙,๙๙๙ องค์


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    พระพุทธเมตตาเสนานาถ
    กองทัพบกจัดสร้างเป็นพระพุทธรูปบูชาและพระเครื่อง โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้

    1.เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาส เจริญพระชนมพรรษา 84 พรรษา 5 ธันวาคม 2554 และ ในโอกาสที่ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา 12 สิงหาคม 2555

    2.นำรายได้สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลในสังกัด กองทัพบก จำนวน 37 แห่งทั่ประเทศ

    3.จัดสร้างพระพุทธเมตตาเสนานาถองค์ใหญ่ ขนาดหน้าตัก 90 นิ้ว สูง 280 นิ้ว เพื่ออัญเชิญประดิษฐาน ณ วิหาร วัดวชิรธรรมาราม อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะบูชา

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อพระพุทธรูปว่า "พะรพุทธเมตตาเสนานาถ" มีความหมายว่า “พระพุทธเจ้ามีพระเมตตาทรงเป็นที่พึ่งของหมู่ทหาร” และ มีพระบรมราชานุญาต ให้นำตราสัญลักษณ์ การจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ประดิษฐานที่ผ้าทิพย์ ณ บริเวณฐานพระพุทธรูป, ด้านหลังเหรียญ และด้านหลังพระผงพุทธคุณ

    ทั้งนี้กองทัพบกได้รับพระบรมราชานุญาตให้ใช้พระอุโบสถวัดพระศรีรัตน ศาสดาราม เป็นสถานที่ประกอบพิธีเททองนำฤกษ์ และ มังคลาภิเษก ชนวนมวลสาร

    พุทธลักษณะองค์พระพุทธเมตตาเสนานาถ
    ออกแบบโดย อาจารย์สาคร โสภา ผู้ทรงคุณวุฒิด้านศิลปกรรมไทย/รอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารวิทยาลัยช่างศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ กระทรวงวัฒนธรรม โดยรวมศิลปะและ ประติมากรรม ด้านพุทธศิลป์ ที่มีความสวยงามโดดเด่น ของแต่ละยุคมาผสมผสานในการออกแบบให้ได้ พระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย ที่มีความงดงามสมบูรณ์ สถิตไว้ใน สมัยรัชกาลที่ ๙ สืบไป ให้ผู้สักการะบูชาระลึกถึงความเจริญรุ่งเรือง ของประวัติศาสตร์ไทย ในอดีตถึงปัจจุบัน โดยใช้ พุทธศิลป์เป็นสื่อ ประกอบด้วย

    - พุทธลักษณะขององค์พระและพระพักตร์เป็นศิลปะในยุคสมัยสุโขทัย
    - พระมหามงกุฎเป็นศิลปะในยุดสมัยอยุธยา
    - ฐานชั้นบนของงค์พระแบบบัวคว่ำบัวหงายเป็นศิลปะในยุคเชียงแสน
    - ฐานชั้นล่างขององค์พระประดับลายจีนเป็นศิลปะในยุดสมัยธนบุรี
    - พระพุทธรูปทรงเครื่องเป็นศิลปะในยุคสมัยรัตนโกสินทร์

    ขอบพระคุณเวปพระพุทธเมตตาเสนานาถ ที่มาข้อมูล
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1180065cc.jpg
      P1180065cc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      220.4 KB
      เปิดดู:
      1,112
    • P1180060c.jpg
      P1180060c.jpg
      ขนาดไฟล์:
      285.4 KB
      เปิดดู:
      1,648
    • P1180065c.jpg
      P1180065c.jpg
      ขนาดไฟล์:
      286.4 KB
      เปิดดู:
      1,445
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2015
  5. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    เหรียญรุ่นพิเศษ "พรหมวิหาร" ครูบาชัยยะวงศา



    [​IMG]



    ขอบคุณเจ้าของภาพคำสอนครูบาวงศ์ด้วยครับ
     
  6. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    แจม...

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1170972cc.jpg
      P1170972cc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      322.6 KB
      เปิดดู:
      1,462
  7. MrCHAN

    MrCHAN เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2012
    โพสต์:
    5,812
    ค่าพลัง:
    +97,448
    วัดศรีมุงเมืองได้สร้างพระหลวงปู่มั่น ค้ำดวง
    ในโอกาสสร้างหอธรรมธาตุเพื่อเป็นที่ระลึกสำหรับแจกผู้ร่วมสร้างหอธรรมธาตุ

    1.ชุดกรรมการอุปถัมภ์ ประกอบด้วย
    เหรียญเงินหน้าทองคำ 1 เหรียญ
    เหรียญสำริด (เนื้อโลหะมวลสาร) 1 เหรียญ ตอก 3 โค๊ด
    พระผงโต๊ะมู่พระอาจารย์มั่น 1องค์
    จำนวน 108 ชุด

    2.ชุดกรรมการใหญ่ ประกอบด้วย
    เหรียญสำริดหน้าเงิน (เนื้อโลหะมวลสาร) 1เหรียญ
    เหรียญทองแดง 1 เหรียญ
    เหรียญตะกั่ว 1 เหรียญ ตอก 2 โค๊ด
    พระผงโต๊ะมู่พระอาจารย์มั่น 1องค์
    จำนวน 227 ชุด

    3.ชุดกรรมการเล็ก ประกอบด้วย
    เหรียญเนื้อสำริด (เนื้อโลหะมวลสาร) 1 เหรียญ ตอก 1 โค๊ด
    พระผงโต๊ะมู่พระอาจารย์มั่น 1องค์1องค์
    จำนวน 1,000 ชุด

    4.ชุดผู้ร่วมบุญ
    พระผงโต๊ะมู่พระอาจารย์มั่น 1องค์
    จำนวน 10,000 องค์

    ชุดกรรมการเล็ก


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]
    ;aa44​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1180174c2.jpg
      P1180174c2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      314.9 KB
      เปิดดู:
      975
    • P1180175c2.jpg
      P1180175c2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      317.4 KB
      เปิดดู:
      976
    • P1180167c2.jpg
      P1180167c2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      272.2 KB
      เปิดดู:
      930
    • P1180170c2.jpg
      P1180170c2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      263 KB
      เปิดดู:
      944
    • P1180171cz.jpg
      P1180171cz.jpg
      ขนาดไฟล์:
      348.6 KB
      เปิดดู:
      1,016
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤษภาคม 2015
  8. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    ขอแนะนำสถานที่สำคัญในวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ที่มาแล้วควรมากราบสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล สถานที่นี้น่าจะเรียกว่าเป็นเขตพุทธาวาสอันประกอบด้วย วิหารครอบรอยพระพุทธบาท(อันเป็นที่มาของชื่อวัด) เจดีย์ ๘๔oooพระธรรมขันธ์(มีพระบรรจุไว้ภายใน) มณฑปพระเขี้ยวแก้ว หอพระไตรปิฎก และอุโบสถ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความงดงามมาก


    [​IMG]


    [​IMG]


    ตามตำนานกล่าวว่า

    เมื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดเวไนยสัตว์ ณบริเวณสถานที่แห่งนี้ มีพญาลัวะชื่อแก้วมาเมืองอยู่ มีพญาลัวะจากเมืองเถินและพราน 8 คนล่าเนื้อมาได้จะถวายพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ไม่รับบาตรจึงไปที่ริมห้วยต้มผักและข้าวมาถวาย เมื่อพระองค์ฉันเสร็จก็เทศน์โปรด ทั้งหมดเกิดปิติศรัทธา ได้ทูลขอรอยพระพุทธบาทไว้สักการะบูชา




    [​IMG]


    [​IMG]


    ประวัติพระเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์

    พระเจดีย์องค์นี้มีฐานกว้าง ๒๐ เมตร สูง ๓๔ เมตร เริ่มสร้างเมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ โดยมีท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาเป็นประธานการก่อสร้าง ได้มอบหมายให้นายโต๊ะโน่ชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงเป็นช่างดำเนินการก่อสร้าง ในระยะนั้นก็ได้มีครูบาบุญทืม จากวัดจามเทวี อ.เมือง จ.ลำพูน ได้มากราบเยี่ยมครูบาชัยยะวงศาพัศนา ก็มาเห็นทางวัดกำลังก่อสร้างพระเจดีย์ และได้นั่งพูดคุยกับท่านครูบาเจ้าว่า ท่านครูบาจะเอาปัจจัยที่ไหนมาสร้าง ครูบาเจ้าก็ตอบว่าไม่รู้จะเอาปัจจัยที่ไหนมาสร้าง หลังจากนั้น ท่านครูบาบุญทืมกลับไปวัดจามเทวี แล้วท่านก็ได้อาพาธ ข่าวการอาพาธของครูบาบุญทืมได้ไปถึงหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร(หลวงพ่อฤาษี) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี หลังจากนั้น ครูบาบุญทืมได้ทราบข่าวว่า หลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร จะขึ้นมาเยี่ยมท่าน (ท่านหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร ได้บอกกับคณะศิษยานุศิษย์ว่าครูบาบุญทืมอดีตชาติเป็นพี่ชายของท่าน) ส่วนองค์ท่านครูบาบุญทืมก็ได้นึกถึงคำพูดของครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาเรื่องสร้างพระเจดีย์ แล้วท่านครูบาบุญทืมก็ได้สั่งให้คณะศิษย์นำองค์ท่านไปส่งที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม (สมัยนั้นการติดต่อยากลำบากมาก) พอท่านครูบาบุญทืมมาถึงวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา ก็ไม่อยู่วัด

    ต่อมาท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาได้ทราบข่าวว่า ครูบาบุญทืมมาเยี่ยมที่วัด ท่านก็ได้กลับมาที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม พอมาถึงท่านครูบาบุญทืมก็ได้มากราบท่านครูบาเจ้าที่บนกุฏิ พร้อมกับเรียนว่า "ข้าพเจ้าก็ไม่ค่อยสบาย พอได้ข่าวว่าหลวงพ่อพระมหาวีระ ถาวโร จะขึ้นมาเยี่ยมข้าพเจ้าที่วัดจามเทวี ข้าพเจ้าก็ได้นึกถึงคำพูดของท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาเรื่องสร้างเจดีย์ ข้าพเจ้าก็อุตส่าห์หอบสังขารที่ป่วยมาที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มแห่งนี้ เพื่อที่จะให้หลวงพ่อพระมหาวีระตามมาเยี่ยมที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม" ต่อมา หลวงพ่อพระมหาวีระก็ได้ตามมาเยี่ยมครูบาบุญทืมที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม และได้พบกับครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา ต่อมาหลวงพ่อมหาวีระ ถาวโร ก็ได้นิมนต์ท่านครูเจ้าไปโปรดญาติโยมที่วัดท่าซุง และกรุงเทพฯ ต่อมาศรัทธาญาติโยมของพระมหาวีระ ถาวโร ก็ได้เลื่อมใสในองค์ท่านครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาและได้ถวายปัจจัยเพื่อสร้างพระเจดีย์นี้มาเรื่อยๆ สิ้นงบประมาณการทั้งสิน ๑๒ ล้านบาทเศษ เสร็จเมื่อวันที่ ๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๒๓ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเจิมหินเพื่อบรรจุในองค์พระเจดียนี้ ปฏิหาริย์ขององค์เจดีย์นี้ ได้มีชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงได้มาเวียนเทียนทุกๆ วันพระ บางครั้งก็จะได้เห็นเป็นแสงสว่างพุ่งออกมาจากองค์เจดีย์และบางครั้งจะได้ยินเสียงสวดมนต์รอบๆ เจดีย์ แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆก็ไม่เห็นมีใครสักคนหนึ่ง


    [​IMG]


    [​IMG]


    มณฑปพระเขี้ยวแก้ว

    พระธาตุพระเขี้ยวแก้วนี้ได้มาจากอินเดียเมื่อ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๓๕ พระธาตุแก้วตา ได้มาจากเจดีย์ชเวดากอง พม่า โดยคณะคุณแน่งน้อย ธีระชาติ ไปประกอบพิธีตามคำแนะนำของครูบา และพระธาตุข้อพระหัตถ์ของพระพุทธองค์

    หลวงปู่สิม วัดถ้ำผาปล่องเคยกล่าวถึง หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาว่า มีบารมีทางพระธาตุเยอะจริงๆ


    มณฑปพระเขี้ยวแก้วนี้ มีอยู่ครั้งนึงตอนไปวัดได้พบกับคณะของพี่ที่ไปนำผงพระธาตุ ๕ooพระอรหันต์ โดยบังเอิญ ท่านได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ฟังมากมาย และยังได้แนะนำให้ไปกราบขอพรจากพระเขี้ยวแก้วนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก



    [​IMG]


    หอพระไตรปิฎก


    [​IMG]


    อุโบสถ
     
  9. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    พอดีไปอ่านเจอบทความเกี่ยวกับที่มาที่ไปของการสร้างพระขุนแผนชัยวรมัน ของหลวงปู่หงษ์ ซึ่งอ.ยุทธนันต์ผู้สร้างได้เล่าเอาไว้ ก็ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อได้ศึกษากันครับ


    [​IMG]


    วันนี้ อ.ยุทธ เมตตาเอาคำถามมาถามสมาชิกในกลุ่มไลน์คำถามมีอยู่ว่าต้นแบบของพระรุ่นนี้ได้มาจากไหนให้เพื่อนในกลุ่มได้ตอบกันใครตอบถูกได้พระไปไว้บูชามีอยู่สามองค์จากย่ามอาจารย์พระธาตุเสด็จทุกองค์ ไม่มีใครตอบถูกสักคน อาจารย์เลยเฉลยให้ฟังครับ

    ช่วงที่ไปกัมพูชากับคณะ ลป.ทิม วัดพระขาวขณะพาชม ปราสาทบายนสร้างสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่7 เป็นปราสาทหินรูปจตุรทิศ ปกติให้พาคณะทัวร์ ผ่านได้ทางเดียวจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก ขณะเดินถึงกึ่งกลาง ได้ยินเสียงครูบาอาจารย์บอกว่าให้เลี้ยวซ้าย แต่ก็ฝืนไม่ไปเพราะทางรกและมีแต่ซากปรักหักพัง ก็มีเสียงพูดอีกให้เลี้ยวซ้ายถึง 3 ครา จึงได้ตัดสินใจเลี้ยวซ้ายบุกป่ารกชัฏไปจนสุดทางตัน ฉับพลันต้องตกตะลึงเพราะภาพที่อยู่ด้านหน้าคือ

    พระพุทธปฏิมากรรมในซุ้มเรือนแก้วช่างงดงาม หาที่ใดเปรียบมิได้ในเชิงศิลปะของขอมโบราณ จึงขอนุญาต รวบเก็บเถาวัลย์อันเลี้อยบังอยู่ เพื่อขอถ่ายรูป ยุคนั้นมือถือที่ถ่ายรูปได้ ยังไม่มีแพร่หลายนัก เลยก้มกราบขอขอบคุณครูบาอาจารย์ที่พาไป นี่คือความขลังความเป็นมาของขุนแผนชัยวรมัน ครับ


    [​IMG]


    แต่ความขลังข้อที่ 2 ที่ต้องพึงจำที่ ลป.ได้เมตตาเขียนพระยันต์และอักขระคาถาให้ถึง 3 คราเช่นกัน โดยปกติ ลป.พูดหรือสอนอะไรแล้ว จะบอกครั้งเดียว ครั้งแรกกราบเรียน ลป.ได้เมตตาเขียน ลงพระยันต์ให้เด่นเป็นเมตตา มหาเสน่ห์มหานิยม ลป.เขียนเสร็จส่งมอบให้ พลางกล่าวว่า"เท่านี้ยังไม่เก่งหรอก มันต้องป้องกันตัวคุัมครองได้" จึงกราบ ลป. ถ้าเช่นนั้นได้เมตตาเขียนให้ด้วย ลป.หยิบกระดาษกลับคืนแล้วเมตตาเขียนเพิ่มให้ ท่านเงยมองแล้วพูดต่อว่า "นี่ก็ยังไม่เก่งอีกนั่นแหละ มันต้องกันปืนกันอาวุธได้เกิดเขายิงมาก็ตายซิ" จึงได้ก้มกราบ ลป.เช่นนั้นขอ ลป.ได้ลงให้ทุกทางด้วยเถิดครับ ลป.เมตตาหยิบกระดาษคืน แล้วเขียนเพิ่มให้ใหม่ ท่านเอามือเช็ดน้ำหมากแล้วกล่าวว่า "ให้หมดทุกอย่างแล้ว" และอมยิ้มสุดยิ่งมหาเมตตา

    นี่คือความเป็นเอกอุ สุดที่จะพรรณนา ในความเมตตากรุณาที่ ลป.ได้มอบให้ลูกหลานทุกคนอันเป็นสุดที่รักหวงแหนของท่าน แค่ 2 ประการ ยังมิได้เล่าถึงมวลสารอีกนับคณา อันมีที่มาที่ไปทุกชิ้นส่วนมวลสาร เสียดายที่สร้างน้อยไปนิด


    [​IMG]


    จาก fbหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ประสบการณ์วัตถุมงคล
     
  10. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    #‎จากหนังสือบันทึกตำนานพระคณาจารย์‬#

    ‪#‎เหตุใดชาวกัมพูชาถึงนอนคว่ำให้หลวงปู่เดินเหยียบหลัง‬#

    ณ.หมู่บ้าน..บ้านกรู..
    ณ.หมู่บ้านนี้เองที่ชาวบ้านต่างกล่าวขานคุณงามความดีในวีรกรรมหลายๆสิ่งที่ไม่อาจลืมเลือนได้จากหัวใจของทุกคน แม้หลวงปู่จะธุดงค์กลับประเทศไทยแล้วก็ตามจนขณะนี้หลวงปู่มีอายุ85ปี จึงได้เดินทางไปเยี่ยมชาวกัมพูชา เมื่อชาวบ้านทราบข่าวว่าหลวงปู่จะมาต่างดีใจครั้นหลวงปู่ไปถึงชาวบ้านเกือบพันคนต่างนอนคว่ำเรียงรายตั้งแต่ถนนจนถึงศาลา แล้วอาราธนาให้หลวงปู่เดินเหยียบบนหลังของเขาเหล่านั้น หลวงปู่จะไม่เดินชาวบ้านก็ไม่ยอม กล่าวว่ายอมพร้อมพลีกายด้วยความเคารพบูชา

    หลวงปู่ขัดเขามิได้จึงยอมเดินเหยียบหลังของเขาเหล่านั้นแม้แต่ผู้เฒ่าอายุราว100กว่าปี เมื่อทราบข่าวว่าหลวงปู่มาก็อุตส่าห์ลากไม้เท้าหลังงองกๆเงิ่นๆเดินทางมากราบบูชา ผู้ติดตามหลวงปู่ทุกคนต่างแปลกใจและถามว่าทำไมจึงศรัทธาองค์หลวงปู่ขนาดนี้ พวกเราทุกคนต่างก็ถึงบางอ้อ..!

    เพราะพ่อเฒ่าต่างเล่าให้ฟังว่า "หลานเอ๋ย ถ้าวันนั้นหลวงพ่อไม่ได้อยู่กับเรา หมู่บ้านกรูทั้งหมู่บ้านก็แตกกระจายป่นปี้ไปแล้ว

    เพราะมีเรื่องแปลก ตาเองก็ไม่เคยเห็น ว่าลูกระเบิด และลูกปืนใหญ่ขนาดแตงโมมันตกลงมาหลังคาหญ้าแฝก แปลกที่มันไม่ทะลุหล่นลงมา กลับกลิ้งคลุกๆไปตามทางลาดชายคา พวกเราก็นึกว่าต้องตายแน่ๆ ถ้าลูกระเบิดตกกระทบกับพื้นดิน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุ๊บ!

    ปรากฎว่าลูกปืนจมดินเกือบครึ่งลูก แต่มันอัศจรรย์มาก หลานเอ๋ย มันไม่ระเบิด!เท่านั้นแหละเม็ดกรวด เม็ดหินแม้แต่ดินใต้แคร่ไม่ไผ่ของหลวงปู่ เขายังขุดไปลึกเป็นเมตรเอาไปปั้นเป็นลูกอมตากแดด ครั้นหลวงพ่อกลับประเทศไทยไปแล้ว แคร่ตัวที่ท่านนั่งก็ยังไม่มีเหลือ ชาวบ้านเขาจุดธูปเอามาพลีแบ่งกันจนหมดไม่มีเหลือหรอ หลวงพ่อเน้อ!"


    พร้อมกับยกมือไหว้ทางหลวงปู่ พวกตาและชาวบัานรอดตายมาได้ทุกคนเสมือนตายแล้วเกิดใหม่ เท่ากับหลวงพ่อท่านมาชุบชีวิตให้ใหม่

    ดังนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมชาวบ้านเขาจึงพร้อมใจกันยอมนอนคว่ำให้หลวงปู่ท่านเดินบนหลังของพวกเขา ชาวบ้านทุกคนเคารพรักหลวงปู่เสมือนเป็นเทพของพวกเขาทีเดียว เพราะมิใช่ว่าหลวงปู่ จะป้องกันภัยให้พวกเขาได้อย่างเดียว แต่หลวงปู่ได้แผ่เมตตาปล่อยสัตว์ ขุดบ่อ ขุดสระ สร้างฝายน้ำล้น ปลูกป่า ปล่อยช้าง วัว ควาย เต่า งู ตะขาบ สัตว์ทุกชนิด และสั่งห้ามมิให้ชาวบ้านทำลายป่าไม้ โดยอบรมสั่งสอนให้เห็นคุณและโทษของการไม่มีป่าไม้ไม่มีน้ำ จะเกิดความเดือดร้อนนานาประการ พร้อมทั้งสอนชาวบ้านทุกคนถือศีลห้า ห้ามดื่มเหล้าเมายา แล้วครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ท่านจะคุ้มครอง ทุกคนเคารพศัรทธาในหลวงปู่ได้ประพฤติปฏิบัติตาม จึงมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข.

    ‎ขอนอบน้อมหลวงปู่หงษ์‬ พรหมปญฺโญ พ่อแม่ครูบาอาจารย์ทุกรูป ทุกท่าน.
    นะเมติ นะเมติ นะเมติ.
    สาธุ สาธุ สาธุ.


    #‎ขนฺติพโลภิกขุ‬#



    จาก fbหลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ประสบการณ์วัตถุมงคล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 เมษายน 2015
  11. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]



    สวัสดีปีใหม่ไทย ขอคุณพระรัตนตรัยคุ้มครองทุกท่านให้มีความสุขครับ



    วันสงกรานต์ วันปีใหม่ไทย

    ประวัติวันสงกรานต์
    คำว่า “สงกรานต์” มาจากภาษาสันสกฤตว่า “สํ-กรานต” ซึ่งแปลว่า ก้าวขึ้น ย่างขึ้น หรือย้ายขึ้น โดยมีนัยความหมายว่า การเข้าสู่ศักราชราศีใหม่ หรือวันขึ้นปีใหม่ นั้นเอง โดยเทศกาลสงกรานต์ นั้นเป็นประเพณีที่มีความเก่าแก่และคนไทยสืบทอดกันมาแต่โบราณคู่กับประเพณีตรุษจีนกันเลยทีเดียว จึงได้มีการรวมเรียกกันว่า “ประเพณีตรุษสงกรานต์” ซึ่งแปลว่าการส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ นั้นเอง

    วันมหาสงกรานต์
    ในสมัยโบราณ คนไทยถือว่า วันขึ้น 1 ค่ำ เดือนอ้าย ซึ่งจะตรงในช่วงเดือน พฤศจิกายนหรือธันวาคม ให้เป็นวันขึ้นปีใหม่ แต่ในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการเปลี่ยนให้วันที่ 1 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ จนต่อมาในสมัยยุค จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในปี พ.ศ. 2483 ได้เปลี่ยนวันปีใหม่ให้เป็นวันสากล คือ วันที่ 1 มกราคม แต่ถึงอย่างไร คนโบราณก็ยังคงคุ้นเคยกับวันปีใหม่ไทยในเดือนเมษายน จึงได้กำหนดให้วันที่ 13 เมษายน เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทยร่วมด้วย


    นางสงกรานต์
    นางสงกรานต์ ในโบราณมีการกำหนดไว้ถึง 7 นางด้วยกัน ซึ่งแต่ละนางก็จะมีความหมาย คำทำนายที่แตกต่างกันออกไป โดยทั้ง 7 นางสงกานต์ จะประกอบไปด้วย

    1.นางทุงษะเทวี
    2.นางรากษเทวี
    3.นางโคราคเทวี
    4.นางกิริณีเทวี
    5.นางมณฑาเทวี
    6.นางกิมิทาเทวี
    7.นางมโหธรเทวี


    กิจกรรมในวันสงกรานต์
    ทำบุญตักบาตร วันมหาสงกรานต์ ประชาชนจะลุกขึ้นมาตอนเช้าเพื่อที่จะจัดเตรียมอาหาร ไปตักบาตรถวายพระ พอจัดเตรียมอาหารเสร็จก็จะ บรรจุลงภาชนะมีถ้วยโถโอชามที่สวยงาม แล้วเอาวางเรียงลงในถาด เพื่อนำไปทำบุญตักบาตรและเลี้ยงพระประจำหมู่บ้านของตน เรื่องการแต่งตัว จะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดสวยงามมิดชิดเหมาะแก่การไปวัดของชาวบ้าน

    ก่อพระเจดีย์ทราย ในสมัยก่อนทีเรื่องเล่าขานกันว่าทุกคนเมื่อเข้าวัดมาแล้วเวลาเดินออกจากวัดจะ มีเม็ดทรายติดเท้าออกไปด้วยเพราะฉะนั้นเพื่อเป็นการเติมเต็มจึงมีการขนทราย เข้าวัดหรือการก่อพระเจดีย์ทรายนั้นเองแต่ถึงอย่างไรแล้วการก่อพระเจดีย์ ทรายก็เป็นเพียงกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วมกันทำเพราะตอนเย็นๆ ชาวบ้านก็จะพากันไปที่ท่าน้ำแล้วขนทรายกันมาคนละถังเพื่อนำทรายมาก่อ เป็นพระเจดีย์นั่นถือว่าเป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่จะให้ชาวบ้านมีความสามัคคี กลมเกลียว

    สรงน้ำ รดน้ำ และเล่นน้ำ การสรงน้ำพระพุทธรูป มีดอกไม้ ธูปเทียน ไปบูชา แล้วเอาน้ำอบไปประพรมที่องค์พระ ทำเป็นสังเขปพอเป็นพิธีว่าได้แสดงความเคารพบูชาและสรงน้ำท่านในวันขึ้นปี ใหม่แล้ว เมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปมา ก็มีการแห่แหนกันอย่างสนุกสนาน สรงน้ำพระพุทธรูปแล้วก็มีการสรงน้ำพระสงฆ์ โดยมากมักเป็นสมภารเจ้าวัดเป็นการสรงน้ำจริงๆ สรงเสร็จครองไตรจีวรใหม่ที่อุบาสกอุบาสิกานำ มาถวาย ท่านก็ขึ้นธรรมาสน์เทศน์อำนวยพรปีใหม่ให้แก่ผู้ที่ไปสรงน้ำ นอกจากนี้ยังมีการ รดน้ำญาติผู้ใหญ่ หรือผู้ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือ เพื่อขอศีลขอพรตามประเพณี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 เมษายน 2015
  12. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    เนื่องในวันที่ ๑๗ เมษายนที่ผ่านมาเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) พรหมรังสี ก็ขอบารมีสมเด็จฯท่านปกปักรักษาทุกๆท่านให้มีความสุขคิดหวังสิ่งใดก็ขอให้สมความปรารถนาทุกประการ


    ทุกวันนี้พระสมเด็จย่อมเป็นที่ใฝ่ฝันและใฝ่หาของผู้ที่นิยมชมชอบในพระเครื่องกันแทบทุกคน ด้วยพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้มีไว้บูชา และพระอริยสงฆ์ผู้ทรงคุณหลายต่อหลายองค์ก็ให้การยอมรับว่าพระสมเด็จนี้มีพุทธคุณสูงยิ่ง ในวงการพระต่างยกย่องให้เป็นจักรพรรดิแห่งพระเครื่อง

    ด้วยความนิยมที่สูงมากส่งผลให้พระสมเด็จแท้ๆและทันท่านไกลเกินกว่าที่หลายๆท่านจะครอบครองได้ จึงมีการสร้างพระสมเด็จรุ่นใหม่ๆกันขึ้นหลายวาระ และหลายๆวัด แน่นอนว่าวัดระฆังเองก็มีการสร้างกันหลายรุ่น อาทิ อนุสรณ์รุ่น ๑oo ปี ๑o๘ปี ๑๑๘ปี เสาร์๕ปี๓๖ ๑๒๒ปี เป็นต้น แต่ละรุ่นก็ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ และสนนราคาที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าท่านจะมีรุ่นใดขอเพียงหมั่นระลึกถึงพระและยึดมั่นอยู่ในคำสอนของครูบาอาจารย์ ย่อมได้รับพุทธคุณจากองค์เหมือนกัน


    พอดีผมได้อ่านพบเรื่องราวของพระสมเด็จรุ่นอนุสรณ์ ๑๑๘ปี ซึ่งออกในปี ๒๕๓๓ เลยนำมาให้ศึกษากันพระรุ่นนี้ถ้ามองผิวเผินจะคล้ายรุ่น ๑ooปีเลย สำหรับพิมพ์ใหญ่ตอนนี้มีการแยกเป็น ๖ พิมพ์ตามบทความครับ


    อนุสรณ์ 118ปี พ.ศ.2533
    พระสมเด็จพิมพ์ใหญ่ (พิมพ์มาตราฐาน)


    1. บล็อคยืด (นิยมสุด)
    1.1 ยืดเข่ามีขีด
    1.2 ยืดเกศมีจุด
    2. บล็อคจัมโบ้
    3. บล็อคล่ำ
    4. บล็อคซุ้มขีดบน
    5. บล็อคซุ้มขีดล่าง
    6. บล็อคแขนจุด



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    ขอขอบคุณ
    -บทความจากคุณNj Barbie จากfb ของดีวัดระฆัง
    -ภาพประกอบจากคุณNj Barbie คุณPol Pla คุณบางกอกรัตนะ จากfb ของดีวัดระฆัง
     
  13. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    วันที่ ๒๒ เมษายน ครบรอบวันคล้ายวันเกิดหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา


    ในเดือนนี้ยังเป็นวันเกิดหลวงปู่ทองดำ และวันละสังขารครูบาอินอีกด้วยซึ่งในอดีตพระอริยเจ้าทั้งสามองค์เคยร่วมกันอธิษฐานจิตพระกริ่งขวานฟ้า(น่าจะเป็นพระเนื้อขวานฟ้ารุ่นแรกของภาคเหนือ)ซึ่งเป็นพระกริ่งที่ถึงพร้อมในทุกด้านไม่ว่าชนวนมวลสาร การนำเสก รูปแบบที่งดงามปัจจุบันพระกริ่งของครูบาอินโดยเฉพาะพระกริ่งไจยะเบงชรมีราคาสูงมาก ส่วนพระกริ่งของหลวงปู่ทองดำทั้งสี่รุ่น หากจะมองหารุ่นที่สนนราคาต่ำสุดก็ต้องว่ากันที่หลักพันกลางขึ้นไปแล้ว และพระกริ่งของครูบาวงศ์ยังมีจำนวนน้อยกว่าหลวงปู่ทั้งสองอีกด้วย

    เมื่อครั้งที่ผู้สร้างนำขนวนขวานฟ้าไปขออนุญาตครูบาวงศ์เพื่อสร้างพระรุ่นขวานฟ้านี้ ครูบาได้บอกแก่ผู้สร้างว่า "ไม่ต้องไปบอกคนอื่นว่าขวานฟ้านี้ดีอย่างไร ให้ผู้ที่เคารพศรัทธาบูชาพระนี้ไปจะได้รู้เองเห็นเอง"
    เหมือนกับครูบาจะบอกเป็นนัยๆว่าแล้วแต่วาสนาของใครจะได้ไปบูชา ช่างคล้ายเหรียญขวานรุ่นแรกหลวงปู่หลุยในสมัยที่หลวงปู่ยังอยู่หากใครอยากได้เหรียญขวานฟ้าของท่านจะต้องผ่านการ"ม้างกาย"หรือพิจารณาจากหลวงปู่ก่อนว่าเหมาะสมจะได้ของอันสูงค่านี้ไปบูชาหรือไม่ มีเงินก็ใช่จะได้มาง่ายๆ

    ซึ่งผมเองก็ได้เห็นจริงตามที่ครูบาวงศ์ได้กล่าวไว้แล้วครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2015
  14. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    ช่วงนี้กระแสความร้อนแรงของพระสมเด็จวัดระฆังยังมีมาต่อเนื่องแข่งกับความร้อนของอากาศ ก็ขอให้ทุกท่านเก็บพระกันตามกำลังอย่าให้เดือดร้อนตัวเอง ประเด็นสำคัญไม่ใช่อยู่ที่จะต้องหาพระยอดนิยมราคาแพงมาบูชาแต่หากอยู่ที่จิตที่เคารพศรัทธาต่อพระรัตนตรัยและปฏิบัติตามคำสอนครูบาอาจารย์ยึดมั่นอยู่ในศีลธรรมอย่างแท้จริงต่างหาก ทำได้ดั่งนี้แม้เป็นวัตถุมงคลรุ่นหลังราคาถูกหรือไม่มีวัตถุมงคลเลยก็ย่อมได้รับพุทธคุณคุ้มครองอยู่แน่นอน



    พระคำข้าวของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า ทำตามแบบสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ผมเชื่อโดยส่วนตัวว่าพระคำข้าวนี้ สมเด็จฯโต ท่านต้องมาร่วมพิธีด้วยอย่างแน่นอน



    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    https://www.youtube.com/watch?v=SOlrxCJNcOA&spfreload=10


    หลวงพ่อฤาษี พูดถึงพระคำข้าว
     
  15. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]


    ปกิณกะเรื่องเล่าเหรียญตานใช้ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา

    จาก fbหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (คณะศิษรุ่นหลัง) ศิษย์สามครูบาเจ้า

    คุณSuwit Chobchai ได้เล่าว่า ท่านผ.อ.เกรียงศักดิ์เคยสัมผัสพลังขอเหรียญรุ่นนี้ท่านบอกว่าสุดยอดมากเป็นเหรียญที่มีพลังที่พิเศษมากเพราะเหมือนกับเป็นเหรียญที่มีชีวิตจริงๆ
    และท่านก็ห้อยเหรียญรุ่นนี้อยู่ในสร้อยคอตั้งแต่ปี2535ตราบถึงทุกวันนี้

    ท่านผ.อ.บอกว่าปรกติพระของหลวงปู่จะเป็นพลังสีเขียวมรกตพุ่งออกมาจากองค์พระ
    แต่เหรียญรุ่นนี้เป็นสีรุ้งวิ่งไปวิ่งมารอบๆเหรียญตลอดเวลา

    ท่านผ.อ.เกรียงศักดิ์คือผู้ที่สร้างรูปหลวงปู่ที่อนุสาวรีย์หน้าร.พ.ลี้
    และรูปครูบาศรีวิชัยที่อนุสาวรีย์บนเขาลี้ครับ



    [​IMG]

    ท่านผ.อ.บอกว่าพลังของหลวงปู่จะเป็นสีเขียวมรกตคล้ายๆกับพระแก้วมรกตจำลองของหลวงปู่รุ่นนี้ครับ

    แต่เหรียญตานใช้ตานแทนจะแปลกไปคือจะเป็นสีรุ้งและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ท่านผ.อ.จึงบอกว่าเหมือนมีชีวิตเลย

    เคยเรียนถามท่านผ.อ.ว่าเวลาอธิษฐานขอให้พระของหลวงปู่ช่วยแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป
    ท่านผ.อ.บอกว่าบางทีเทพที่หลวงปู่ท่านได้เชิญมาตอนที่ท่านอธิษฐานจิตวัตถุมงคลท่านช่วยได้ท่านก็สงเคราะห์ให้เลยบางเรื่องก็ไม่ต้องถึงมือหลวงปู่หรอกแค่เทพที่หลวงปู่ท่านเชิญมาก็ศักดิ์สิทธิ์แล้ว
    ท่านผ.อ.บอกว่าตอนหลวงปู่ท่านอธิษฐานจิตท่านจะอธิษฐานอาราธนาบารมีตั้งแต่บารมีพระพุทธเจ้า,บารมีพระธาตุฯลฯรวมทั้งจะอัญเชิญเทพขอให้ท่านช่วยปกปักรักษาและที่สำคัญจะมีท่านพระฤาษีอยู่ในพิธีด้วยหลายท่านมากๆ

    ในสร้อยของท่านผ.อ.จะมีพระของหลวงปูสามองค์
    1.พระเชียงแสนที่เสด็จมาตอนหลวงปู่เททองหล่อพระประธานหน้าตัก108นิ้ว
    2.พระรอดที่เสด็จมา
    3.เหรียญตานใช้ตานแทน


    พระเชียงแสนองค์นี้ท่านผ.อ.รักมากที่สุดเพราะเป็นพระที่เสด็จมาในขณะที่หลวงปู่กำลังเททอง
    ท่านผ.อ.เคยให้ท่านครูบากฤษดาพิจารณา
    ท่านครูบากฤษดาบอกว่าพระองค์นี้มีเพียงองค์เดียวในโลก



    คุณพ่อ แม่ ลูก ได้เล่าว่า รุ่นนี้ขลังครับคนงานมารับจ้างที่สวนลำไยตกจากต้นลำไยหัวดิ่งลงมาอีกคืบเดียวหัวจะกระแทกหินพอดีกางเกงไปติดที่กิ่งลำไยกิ่งก็ไม่ใหญ่นะคับเท่าหัวแม่มือ ผมถามพี่ห้อยพระรึเปล่า เขาบอกว่ามีและเอาออกมาให้ดูเป็นเหรียญครูบาวงศ์รุ่นนี้แหละคับ

    ขอขอบคุณ คุณ Suwit Chobchai และคุณ พ่อ แม่ ลูก กับเรื่องราวดีๆของครูบาวงศ์ครับ
     
  16. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    ปกิณกะเรื่องเล่าเหรียญตานใช้ หลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา(ข้อมูลจำนวนสร้าง)

    จาก fbหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (คณะศิษรุ่นหลัง) ศิษย์สามครูบาเจ้า


    คุณSuwit Chobchai ได้เล่าว่า หลวงพี่ตุ๊เต๋เป็นผู้ให้ข้อมูลว่า

    เหรียญตานใช้ตานแทน

    - เนื้อทองคำ สร้าง 100 เหรียญ
    - เนื้อเงิน สร้าง 300 เหรียญ
    - เนื้อทองแดง



    ทุกวันนี้ได้เกิดภัยพิบัติขึ้นทุกมุมโลก และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ครูบาอาจารย์ผู้ทรงคุณในอดีตหลายองค์ก็เคยทำนายเหตุการณ์ความสูญเสียครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีก็เคยทำนายไว้ และได้อธิษฐานจิตวัตถุมงคลเพื่อให้ลูกหลานและผู้ศรัทธาได้มีไว้บูชาเพื่อเป็นอนุสติและเพื่อบรรเทาพิบัติภัยต่างๆอันจะเกิดมีขึ้น

    นอกจากหลวงพ่อฤาษีแล้ว ผมเชื่อมั่นในพระของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศา สหธรรมิกที่ใกล้ชิดกับหลวงพ่อฤาษี ด้วยท่านทั้งสองมีความเกี่ยวเนื่องกันมาหลายภพหลายชาติ เป็นพุทธภูมิเหมือนกัน และที่รู้ๆกันอดีตชาติของครูบาวงศ์ท่านคือมหาฤาษี วาสุเทพ หนึ่งใน๖มหาฤาษีผู้ทรงฤทธิ์สูงสุดมี หน้าที่ คุ้มครองพระพุทธศาสนาให้ครบห้าพันปี


    คณะฤาษีทั้ง ๖ ประกอบด้วย

    1. พระฤาษี กระไลยโกฏิ (หรือ พระฤาษีไตรภพ – สามโลก)
    2. พระฤาษี สุเทวะ (ครูบาวงศ์)
    3. พระฤาษี พุทธฤทธิตะ
    4. พระฤาษี เจ้าสุพรหมมะ (หรือพระฤาษีเจ้าตน)
    5. พระฤาษี เจ้าผาปล่อง (หลวงปู่สิม)
    6. พระฤาษี เจ้าเขางาม



    จากการที่มีโอกาสได้เดินทางไปวัดพระบาทห้วยต้มถึง5ครั้งในช่วงหนึ่งปี ได้เจอทั้งศิษย์ของครูบาวงศ์ และศิษย์ของหลวงพ่อฤาษี ที่วัดพระบาทห้วยต้ม ก็ได้พูดคุยทักทายกันทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน คุยกันไปคุยกันมาโชว์พระที่ห้อยบูชากัน ก็ต้องอมยิ้มเพราะไม่ว่าศิษย์ของครูบาหรือศิษย์หลวงพ่อ ก็ต้องห้อยพระของครูบาอาจารย์ทั้งสองคู่กันเสมอๆ

    ผมมีโอกาสไปกราบสังขารหลวงพ่อฤาษีครั้งแรกตอนปี 35 หรือเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน สมัยนั้นได้ไปเลือกเช่าพระของหลวงพ่อ ยังมีอยู่มากมายหลายรุ่น และได้ทราบว่าแต่ละรุ่นสร้างเป็นแสนๆองค์ บางรุ่นเป็นล้านๆองค์ มากมายจริงๆ คิดอยู่ว่าพระหลวงพ่อคงไม่หมดง่ายๆ ตอกย้ำความเชื่อนี้โดยเมื่อผ่านมาอีกสิบปีไปที่วัดก็ยังเห็นพระท่านมีเหลืออีกมาก แต่สายน้ำไม่คอยท่าเวลาไม่คอยใคร วันนี้รู้ตัวอีกทีพระของหลวงพ่อที่ว่าเยอะเหลืออยู่เพียงไม่กี่รุ่นแล้ว ได้แต่นึกโมโหตัวเองที่ประมาทไปทั้งๆที่มีโอกาสก่อนคนอื่นแท้ๆ แต่เก็บพระที่ทันท่านอยู่เพียงไม่กี่รุ่น จะหาเช่าข้างนอกตอนนี้ก็หลายตังค์แล้ว

    วันนี้จึงไม่คิดประมาทกับพระของครูบาวงศ์อีก ด้วยเชื่อว่าอีกไม่นาน พระของครูบาจะขึ้นมาเคียงคู่กับพระของหลวงพ่ออย่างแน่นอนครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2015
  17. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]



    [​IMG]



    บันทึก เรื่องครูบาวงศ์ ของ พลโทประสงค์ ปานเจริญ ตอนที่1

    ปี พ.ศ. 2524 หลังจากผมไปบรรยายวิชาการบริหารงานด้วยคอมพิวเตอร์ให้กับนายทหารนักเรียนหลักสูตร “คอมพิวเตอร์สำหรับผู้บริหาร” ของศูนย์ กรรมวิธีข้อมูลทหาร สำนักงานปลัดบัญชีทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด นาวาเอกไชยวัฒน์ สุพัฒนานนท์ ซึ่งเข้าเรียนในหลักสูตรนั้นได้ชวนผมไปหาพระทั้ง ๆ ที่ผมกับนาวาเอกไชยวัฒน์ก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน พระที่ชวนผมไปหาผมก็ไม่รู้จัก และผมเองก็ไม่ใช่คนเข้าวัด เพราะร่ำเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ จะไม่เชื่อในสิ่งที่ไม่ได้พิสูจน์ เมื่อท่านชวนไปกราบพระที่วัดอาวุธวิกสิตาราม บางพลัด ก็ไปเนื่องจากมีเวลาว่างพอ ไปถึงวัดเห็นมีพระอยู่ 2 องค์ องค์หนึ่งอายุมากแล้วท่าทางน่าเคารพ ท่านแจกแป้งให้กับทุกคนที่เข้าไปกราบ ก็เข้าไปกราบด้วย ได้แป้งมาทาหน้า หลวงปู่องค์นั้นก็คือ หลวงปูบุดดา ถาวโร จากวัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรี อีกองค์หนึ่งอายุน้อยกว่า พูดเสียงเบา พูดภาษากลางไม่ค่อยชัด ต้องตั้งใจฟังเป็นพิเศษจึงจะฟังรู้เรื่อง ท่านคือหลวงปูครูบาชัยยะวงศาพัฒนา แห่งวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

    เมื่อได้กราบพระทั้งสององค์ก็รู้สึกเฉย ๆ เพราะยังไม่ได้สัมผัสเรื่องอื่น แต่ก็ตั้งใจว่าจะพยายามสัมผัสท่านทั้งสองต่อไป เพราะอยากรู้ว่าพระที่เขาเรียกพระอริยสงฆ์นั้นเป็นอย่างไร เคยได้ยินข่าวว่าพระองค์นั้นเป็นพระสุปฏิปันโน พระองค์นี้เป็นอริยสงฆ์ จึงอยากจะทดสอบดู จากนั้นเมื่อท่านทั้งสองลงมากรุงเทพฯ ก็จะไปกราบท่านเสมอ โดยหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา จะมาพักทีวัดบุปผาราม ธนบุรี ส่วนหลวงปู่บุดดา จะมาพักที่วัดอาวุธวิกสิตารามบ้าง ตามบ้านลูกศิษย์บ้าง

    ประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2524 ทางวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จะจัดพิธีตานใช้ตานแทน (พิธีชำระหนี้กรรมทางภาคเหนือ) ครั้งที่ 2 (จัดครั้งแรกเมื่อ 29 พฤศจิกายน 2522) นาวาเอกไชยวัฒน์ ชวนให้ไปร่วมในพิธีให้ได้ ก็ไปกับท่านด้วย โดยจัดรถบัสปรับอากาศไปกันหลายคันรถ ออกเดินทางประมาณ 20.00 นาฬิกา ไปสว่างที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง แวะให้ทุกคนเข้าห้องน้ำ ล้างหน้า ชำระร่างกาย ทำธุรกิจส่วนตัวให้เสร็จที่ร้านอาหารซึ่งเป็นที่พักรถ

    หลังจากนั้นก็ไปตามเส้นทาง เถิน-ลี้ ซึ่งเป็นเส้นทางแคบ ๆ บนภูเขา เส้นทางวกไปวนมาคดเคี้ยว ระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร แต่รถวิ่งตั้งหลายชั่วโมง เมื่อไปถึงวัดคนมากมายแน่นวัด ที่นอนก็นอนในศาลาซึ่งพื้นเป็นดินแข็ง ๆ แต่ทางวัดเอาเสื่อมาปูให้ หรือไปนอนตามระเบียงศาลาต่าง ๆ ก็ได้ เรื่องมุ้งไม่ต้องพูดถึงเพราะไม่มียุง คงเลือกกินลำบากเพราะคนมาก ผมเองและคณะนาวาเอกไชยวัฒน์ไปนอนในศาลาพระพุทธบาท ส่วนการอาบน้ำก็ต้องเดินไปที่ลำธาร ซึ่งเขาต่อท่อน้ำมาจากภูเขา น้ำไหลออกจากท่อตลอดเวลา คนส่วนใหญ่ก็ไปอาบที่นั่น บางส่วนก็อาบที่ห้องน้ำของวัด โดยมีชาวกระเหรี่ยงไปขนน้ำมาจากลำธารมาใส่ตุ่มไว้ให้

    ราว ๆ 18 นาฬิกากว่า ๆ ทุกคนก็เข้าไปรวมที่ศาลาใหญ่ ซึ่งเป็นศาลาพิธีและเป็นที่พักของหลวงปู่ชัยยะวงศาพัฒนาด้วย ณ. ที่นั้นมีพระผู้ใหญ่นั่งอยู่หลายองค์ ผมเองไม่รู้จักแต่ตอนเย็นได้กราบมาแล้ว 1 องค์ ซึ่งมารู้ภายหลังว่าพระองค์นั้นคือ ครูบาธรรมชัย ส่วนอีกองค์หนึ่งท่านอายุมากแล้วกำลังครึ่งนั่งครึ่งเอนอยู่กับหมอนอิงสามเหลี่ยม ผมและคณะอยู่ไกลมาก แต่ด้วยความอยากทดลองจึงเดินออกไปข้างนอกแล้วมาเดินเข้าอีกทางหนึ่ง แต่คนนั้นอยู่มากแน่นไปหมดประมาณไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันคน ทั้งคนที่ไปจากต่างจังหวัดและชาวเขาที่เคยเป็นลูกศิษย์ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา และชาวเขาบริเวณวัด

    ผลปรากฏว่า ผมเดินเข้าไปหาท่านไม่ได้จึงเดินกลับมาที่ซึ่งเคยนั่งอยู่ก่อนแล้ว มาถึงจึงนั่งและยกมือขึ้นพนม และกล่าวด้วยเสียงพอคนข้างเคียงได้ยินได้ว่า ผม พันโทประสงค์ ปานเจริญ ถ้าผมได้มีโอกาสอยู่รับใช้ประเทศชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในทางที่ถูกที่ควร ขอให้เข้าถึงท่านด้วย คำกล่าวของผมได้ยินไปถึงคนที่มาด้วยท่านหนึ่งท่านเป็นคุณหญิงภรรยาท่านรองผู้บัญชาการทหารสูงสุดในขณะนั้น ท่านจึงถามว่า ประสงค์ทำอะไร ก็เลยเรียนท่านว่า ตะกี้นี้ผมเดินไปจะกราบพระองค์นั้น (รู้ต่อมาภายหลังว่าท่านแห่งวัดพระพุทธบาทตากผ้า อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นอุปัชฌาย์ของหลวงปู่บาชัยยะวงศาพัฒนานั่นเอง) แต่เข้าไม่ถึง ถ้าบารมีของผมมีผมควรจะเข้าไปถึงได้ จึงกลับมาอธิษฐานแล้วก็ออกเดินไปใหม่ไปเข้าทางเดิม ซึ่งเคยไปมาแล้วแต่เข้าไม่ได้

    คราวนี้ไปถึงคนที่นั่งอยู่ก็หลีกทางให้ผมค่อยๆ เดินไปจนถึงครูบาพรหมจักรสังวร เข้าไปกราบที่ตักของท่าน ท่านจึงเอามือลูบหัวผมแล้วก็กล่าวเหมือนที่ผมได้กล่าวไว้ก่อนออกมากราบท่าน จากนั้นก็อยากจะถวายปัจจัยกับท่านเหมือนกัน เมื่อเห็นผมถวายปัจจัย ต่างก็ส่งปัจจัยมาจำนวนมากมายให้ผมได้เอาถวายท่าน เมื่อถวายปัจจัยเสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับไปนั่งที่เดิม ได้เวลาพอสมควรหลวงปู่ครูบาพรหมจักรสังวรก็เทศนาเรื่องกรรมและการใช้หนี้กรรม ซึ่งเป็นคำเทศนาที่ให้ความรู้และคุณค่าเป็นอย่างมาก

    หลังจากฟังเทศนาเสร็จแล้วคณะที่ไปร่วมพิธีและคนที่ไปต่างก็แยกย้ายกันกลับไปยังที่พักของตนเพื่อพักผ่อน เพราะประมาณตีห้าของวันอาทิตย์ 1 พฤศจิกายน 2524 ก็ต้องตื่นมาทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ เพื่อไปรอตักบาตรพระจากนั้นจึงจะเข้าร่วมพิธีตานให้ตานแทน เสร็จพิธีแล้วต่างคณะก็แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาของตน คณะของนาวาเอกไชยวัฒน์ก็กลับกรุงเทพมหานครด้วยความปลอดภัย

    หลังจากกลับจากวัดพระพุทธบาทด้วยต้มแล้ว ผมยังคงไปกราบนมัสการหลวงปู่ทุกครั้งที่ท่านลงมากรุงเทพฯ วันหนึ่งขณะที่นั่งอยู่ที่บ้านเนื่องจากลาพักร้อนก็นึกในใจว่าเราก็คุ้นเคยกับหลวงปู่มามากแล้ว และหลวงปู่บอกให้เรียกท่านว่าหลวงพ่อ และท่านก็เรียกผมว่าลูกค้า แต่ไม่เคยถามท่านว่า เหตุใดจึงให้เรียกอย่างนั้น ทำไมเราจึงไม่นิมนต์หลวงปู่มาฉันภัตตาหารที่บ้านเราบ้าง จะได้เป็นมงคลกับบ้าน เพราะเห็นศิษย์คนอื่นนิมนต์ท่านไปฉันภัตตาหารที่บ้านบ้าง บ้านญาติของเข้าบ้าง นั่งคิดอยู่อย่างนั้นแล้วก็ไม่ได้นึกคิดอะไรต่อไป อยู่มาไม่นานในช่วงบ่าย ๆ วันนั้นได้รับโทรศัพท์จากนาวาเอกไชยวัฒน์ว่าหลวงพ่อมาพักที่วัดบุปผาราม และหลวงพ่อสั่งให้ไปหาด้วย

    เย็นวันนั้นจึงไปวัดบุปผาราม ไปถึงกุฏิที่ท่านพักเห็นมีคนอยู่มากมายต่างก็ห้อมล้อมหลวงพ่อ ด้วยความเกรงใจก็ไม่กล้าแทรกเข้าไปใกล้ ๆ จึงนั่งอยู่ที่บันได หลวงพ่อหันมาเห็นจึงเรียกให้เข้าไปหา ผมจึงถามหลวงพ่อว่าเรียกลูกหรือ หลวงพ่อจึงบอกว่าจะใช้พ่อไม่ใช่หรือ ก็เข้าไปกราบ หลวงพ่อจึงบอกว่าพรุ่งนี้ 6 โมงเช้ามารับไปฉันข้าวที่บ้านพร้อมด้วยพระติดตามอีกองค์หนึ่ง

    เอาล่ะซิ พอหลวงพ่อจะมาฉันภัตตาหารที่บ้านก็ต้องสองถามผู้ที่เคยนิมนต์หลวงพ่อไปฉันภัตตาหาร เพราะหลวงพ่อฉันอาหารเจและเคร่งครัดมาก เมื่อทราบรายการแล้วก็รีบกลับบ้านเพื่อให้ทางบ้านและเพื่อนบ้านได้เตรียมอาหารเจสำหรับหลวงพ่อและพระที่ติดตามจะได้เข้ามากราบนมัสการหลวงพ่อ ถามปัญหา ต่าง ๆ และจะได้บุญกุศลโดยทั่วกัน

    วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่ 25 มิถุนายน เช้าก็ไปรับหลวงพ่อมาฉันภัตตาหารเช้าที่บ้าน เมื่อฉันเสร็จแล้วขณะที่จะไปส่งที่วัดบุปผาราม ท่านก็หันมาบอกให้ช่วยสร้างพระพุทธรูปให้หนึ่งองค์ เมื่อรับคำสั่งก็งง เพราะข้าราชการทหารยศพันโท มีลูก 3 คน ยังกำลังเรียนหนังสือ บ้านต้องผ่อนส่ง จะเอาเงินที่ไหนมาสร้างพระพุทธรูปได้

    ขณะที่คิดอยู่นั้นท่านก็บอกว่า ถ้าลูกไม่มีเงินก็สร้างองค์เล็ก ๆ ก็ได้ ผมจึงเรียนท่านไปว่าจะสร้างให้ และจะสร้างขนาดหน้าตัก 59 นิ้ว เพราะชอบรัชกาลที่ห้ากับรัชกาลที่เก้า ขอให้ท่านออกแบบให้ด้วย ท่านจึงเอาแบบพระมาให้ดู ท่านบอกว่าจะต้องสร้างพระไปไว้ที่วัดดอยกวางคำ (วัดดอยหัวขัว) เพราะหลวงพ่อและลูกมีความสัมพันธ์กับสถานที่แห่งนี้ รับปากหลวงพ่อแล้วไปส่งท่านที่วัดบุปผาราม กลับมาถึงบ้านได้เวลารับภรรยาไปเลี้ยงพระเพลที่โรงพยาบาลสงฆ์พอดี เพราะวันนั้นเป็นวันเกิดภรรยา

    ผมได้มีโอกาสสร้างพระองค์แรกในชีวิต ขนาดหน้าตักกว้าง 59 นิ้ว ราคา 5 หมื่น 5 พันบาท หล่อโดยโรงหล่อพุทธปฏิมาพรเลิศ วิธีการหาเงินของผมก็ออกใบเชิญชวนสร้างพระพุทธรูปขนาดหน้าตัก 59 นิ้ว แจกเพื่อน ๆ ที่สนใจ ได้เงินมาประมาณหนึ่งแสนสองหมื่นบาท มากกว่าค่าพระกว่าเท่าตัว จึงเอาเงินส่วนที่เหลือมาสร้างพระจำลอง ให้ย่อขนาดมาเหลือหน้าตัก 5 นิ้ว มอบให้กับผู้ที่บริจาค เป็นอันว่าการสร้างพระพุทธรูปองค์แรกในชีวิตก็สำเร็จได้ด้วยดีทุกประการ


    โพสโดย: Def Mask Raider จาก fbหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (คณะศิษย์รุ่นหลัง) ศิษย์สามครูบาเจ้า
     
  18. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    บันทึก เรื่องครูบาวงศ์ ของ พลโทประสงค์ ปานเจริญ ตอนที่2


    วันหนึ่งหลวงพ่อจะไปวัดที่กระเบียด อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช หลวงพ่อต้องไปวัดนั้นเพราะเจ้าคุณธรรม เจ้าอาวาสบุปผารามสร้างพระประธานไปไว้ในอุโบสถที่กระเบียด นาวาเอกไชยวัฒน์ต้องการให้ผมไปด้วย เพราะผมเป็นคนใต้จะได้ติดต่อประสานงานได้สะดวก โดยเฉพาะจะไปรถไฟขบวนไหนที่จะหยุดสถานีนั้น และจะกลับรถไฟขบวนไหน และจะค้างคืนที่ไหน ผมและนาวาเอกไชยวัฒน์จึงกราบนมัสการหลวงพ่อถึงการเดินทาง จะต้องขึ้นรถไฟไปจากสถานีหัวลำโพงลงที่สถานีรถไฟกระเบียด อำเภอฉวาง แล้วไปนมัสการพระประธานในวัด แล้วมีเวลาเหลือจึงขึ้นรถไฟกลับมาลงที่ไชยาซึ่งเป็นบ้านผมและจะค้างคืนที่อำเภอไชยา ผมจึงกราบนมัสการถามหลวงพ่อว่าจะค้างคืนที่ไหน จะค้างคืนที่วัดหรือจะค้างคืนที่บ้าน ถ้าค้างคืนที่บ้านก็ค้างที่บ้านผม ถ้าค้างคืนที่วัดผมก็จะติดต่อวัดให้ หลวงพ่อท่านเอากระดาษและดินสอมาวาดรูปบ้านผม บ้านหันไปทางทิศไหน บันไดบ้านอยู่ตรงไหน ซึ่งตรงกับบ้านผมทุกอย่าง ทั้ง ๆ ที่ท่านเป็นคนเหนือ และไม่เคยไปบ้านผมเลย ท่านบอกว่าท่านค้างที่บ้านนั้นแหละ

    เมื่อถึงวันเดินทาง ไปนมัสการพระประธานที่วัดเสร็จแล้วก็ขึ้นรถไฟกลับมาลงที่สถานีไชยา จากนั้นก็นั่งรถยนต์ไปบ้านผม ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 5 กิโลเมตร สมัยนั้นรถยนต์ยังเข้าไม่ถึงบ้าน ต้องเดินอีกประมาณ 300 เมตร ขณะที่เดินไปหลวงพ่อหันมาถามนาวาเอกไชยวัฒน์ว่า มีใครเพิ่งตายบ้างบริเวณนี้ ผมบอกไปว่า ญาติผมซึ่งบ้านอยู่ใกล้ ๆ กันนั้นเพิ่งจะตาย ญาติคนนั้นจะสนิทสนมกับผมมาก ทุกครั้งที่ผมพาเพื่อน ๆ จากกรุงเทพฯไปเที่ยวไชยา ถ้าแม่ผมไม่อยู่บ้าน ผมก็ต้องไปตามญาติผู้นี้ให้มาช่วยทำกับข้าวให้คณะของผม หลวงพ่อจึงบอกให้ผมแจ้งให้ลูก ๆ ของเขาทำอาหารมาถวายท่านในวันรุ่งขึ้น ท่านจะได้ส่งไปให้ถึงแม่ (ผู้ที่จะทำบุญส่งไปให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วจะต้องทำกับพระที่มีศีลครบบริบูรณ์ ถ้าศีลไม่ครบบริบูรณ์ก็เหมือนกับให้ทานเท่านั้น)

    ขณะที่ท่านเดินผ่านต้นตาลโตนด ท่านก็บอกว่าต้นตาลโตนดต้นนี้ไม่ดี ผมจึงมาทราบกับพ่อทีหลังว่าต้นตาลต้นนี้แหละที่พ่อประสบอุบัติเหตุขณะที่ขึ้นไปพาดพะโองเพื่อเอาน้ำหวานออกมาทำน้ำตาลโตนด
    เมื่อหลวงพ่อไปถึงบ้านผมคืนนั้น ผมจัดดอกไม้ ธูปเทียน หลวงพ่อก็นำญาติ ๆ นั่งกรรมฐาน วันรุ่งขึ้นหลังจากท่านฉันภัตตาหารเช้าแล้วก็พาท่านไปวัดพระบรมธาตุไชยาไปสวนโมกขพลาราม เมื่อไปถึงสวนโมกขพลารามปรากฏว่าท่านพุทธทาสออกมานั่งรออยู่แล้ว ผมจึงจัดดอกไม้ ธูปเทียน ให้หลวงพ่อซึ่งอ่อนพรรษากว่า และเป็นพระอาคันตุกะเพื่อคารวะผู้อาวุโส

    ท่านพุทธทาสบอกท่านว่า อย่ากราบ ให้ไหว้เฉย ๆ หลังจากท่านปฏิสัณฐานกันพอสมควรแล้ว ผมก็นำท่านไปดูโรงมหรสพทางวิญญาณ จากนั้นก็พาท่านไปที่ธารน้ำไหล เพราะวัดนี้ชาวบ้านเรียกวัดธารน้ำไหล มีธารน้ำเล็ก ๆ ไหลผ่านวัดตลอดปี

    ขณะที่ผมพาท่านผ่านสระนาฬิเกผมเดินนำหน้าไปมาก หลวงพ่อบอกนาวาเอกไชยวัฒน์ให้บอกครูณรงค์ช่วยบอกผมให้หยุดอยู่ก่อน ให้หลวงพ่อนำทางไปธารน้ำ ที่ธารน้ำมีงูมาขอส่วนบุญอยู่ ถ้าผมไปก่อนจะถูกงูกัด ผมจึงหยุดให้หลวงพ่อนำไป เมื่อไปถึงก็พบว่ามีงูเล็ก ๆ ตัวหนึ่งกำลังแผ่แม่เบี้ย หลวงพ่อก็ว่าภาษาของหลวงพ่อ ซึ่งผมฟังไม่ออกอยู่พักหนึ่ง งูตัวนั้นก็เวียนขวาแล้วว่ายทวนน้ำขึ้นไปทางต้นน้ำ

    หลังจากออกจากสวนโมกขพลาราม หลวงพ่อให้ไปที่ตำบลพุมเรียงซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองไชยาในสมัยก่อน เพราะท่านต้องการไปดูพลับพลาซึ่งเป็นสถานที่ ๆ พระเจ้าตากสินแวะพักทัพเมื่อยกทัพไปตีเมืองนครศรีธรรมราช หลวงพ่อบอกว่าครั้งนั้นหลวงพ่อมาด้วย และชี้ให้ดูเจดีย์ซึ่งพระเจ้าตากสินได้สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ เจดีย์นั้นยังคงอยู่ที่ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่วนพลับพลานั้นไม่มีแล้วมีแต่สถานที่ จากนั้นหลวงพ่อพาไปที่หาดทรายริมทะเล เอาไม้เท้าของท่านวาดแผนที่การเดินทัพจากกรุงธนบุรีมาที่เมืองไชยา พักทัพแล้วไปตีเมืองนครศรีธรรมราช

    หน้ากฐินนั้นหลวงพ่อจะไปร่วมกฐินสามัคคีกับหลวงปู่บุดดา ที่วัดกลางชูศรีเจริญสุข แต่จะไปได้หรือไม่ยังไม่แน่ ให้ผมรอฟังโทรศัพท์จากพระติดตามท่านตอนประมาณ 4 ทุ่ม ก่อนวันทอดกฐิน ผมเองไม่เคยไปวัดกลางชูศรี แต่ต้องขับรถไปให้หลวงพ่อ เพราะคนอื่น ๆ เขาไม่รู้ว่าหลวงพ่อครูบาชัยยะวงศาพัฒนาจะไปร่วมในพิธีกฐินทุกคนจึงจัดรถบัสไปล่วงหน้ากันแล้วตั้งแต่เช้า

    ประมาณ 4 ทุ่มพระติดตามหลวงพ่อโทรศัพท์มาบอกผมว่า ตีห้าให้ไปรับหลวงพ่อที่วัดบุปผารามด้วย สมัยนั้นโทรศัพท์มือถือยังไม่มี ถ้ามีโทรศัพท์มือถือเหมือนปัจจุบันนี้ ผมก็คงไม่ได้ประสบการณ์ตามที่จะเล่าให้ฟังต่อไป

    ตีห้าของวันทอดกฐิน ผมไปรับหลวงพ่อและพระติดตามที่วัดบุปผาราม หลวงพ่อแวะทำธุระที่ดอนเมืองก่อน เสร็จธุระแล้วให้ผมขับรถไปเรื่อย ๆ ผมขับรถไปก็แวะถามเส้นทางเขาไปเรื่อย ๆ หลงทางไปบ้างวกไปวนมาบ้าง แต่ก็ไปจนถึงวัดกลางชูศรีจนได้ ขับรถไปจอดหน้ากุฏิหลวงปู่บุดดาเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาสิบแปดนาที ไปถึงพลเอกเชาว์ออกมากราบหลวงพ่อ และหันมาบอกผมว่า “สงค์เก่งมาก” ผมจึงเรียนท่านไปว่าไม่เก่งหรอก หลงทางต้องแวะถามเขามาตลอดทาง จึงได้รับทราบว่า คณะทางวัดกลางชูศรีเห็นว่าฝนจะตก จึงขอให้หลวงปู่บุดดาฉันภัตตาหารเพล จะได้ทอดกฐินและกลับกรุงเทพฯก่อนฝนตก หลวงปู่บุดดาบอกคณะว่ายังไม่ฉัน คอยหลวงปู่ชัยยะวงศาพัฒนา หลวงปู่จะมาถึงวัดเวลาสิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบนาที จัดอาหารเจไว้ให้แล้ว 2 ที่ บังเอิญผมพาหลวงปู่มาถึงก่อนเวลา 2 นาที ซึ่งนาฬิกาอาจจะไม่ตรงกันก็ได้

    เมื่อพระฉันภัตตาหารเพลเสร็จแล้วก็ทอดกฐินสามัคคี เสร็จงานผมก็ขับรถพาหลวงพ่อและพระติดตามกลับ แต่พอจะออกจากวัดเห็นรถบัสที่คณะของนาวาเอกไชยวัฒน์เช่ามาตกหล่ม คนที่นั่งก็ลงจากรถ ผู้ชายก็ช่วยกันเข็น ยิ่งเข็นหล่มก็ลึกลงเรื่อย ๆ เดินหน้าก็ไม่ได้ ถอยหลังก็ไม่ได้ หลวงพ่อให้ผมหยุดรถ แล้วท่านก็ลงไปที่รถบัสบอกให้ทุกคนช่วยเข็น แล้วท่านก็เอาไม้เท้าดัน คราวนี้รถก็ขับออกไปได้ จากนั้นผมก็ขับรถพาหลวงพ่อและพระติดตามกลับกรุงเทพฯ

    หลังจากติดตามหลวงพ่อพระชัยยะวงศาพัฒนาและพระอริยสงฆ์องค์อื่น ๆ อยู่ประมาณ 4 ปี ได้เห็นการปฏิบัติของพระอริยสงฆ์แต่ละองค์ ทุก ๆ วันท่านต้องนำศิษย์นั่งวิปัสสนากรรมฐาน สิ่งที่ท่านทำให้เห็นท่านไม่เคยพูดว่าท่านจะทำอย่างนั้น จะทำอย่างนี้ แต่ท่านก็แสดงให้เห็นอยู่ตลอดเวลา เพราะท่านเห็นว่าผมเป็นศิษย์หัวดื้อ ดื้อรั้นไม่เอาไหน แถมไม่ค่อยเชื่อเสียอีก แต่จากสิ่งที่ได้เห็นจากท่านก็ทำให้ผมเชื่อว่า บาป บุญ คุณ โทษ การปฏิบัติที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะให้ผลที่แท้จริงเช่นกัน ผมจึงขอให้หลวงพ่อขึ้นครูกับมัฏฐานให้ เพื่จะได้นำไปปฏิบัติตัวเองบ้าง

    *** กัมมัฏฐาน, กรรมฐาน พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 น. ที่ตั้งแห่งการงาน หมายเอาอุบายทางใจมี 2 ประการ คือ สมถกรรมฐานเป็นอุบายสงบใจ และวิปัสสนากรรมฐาน เป็นอุบายเรื่องปัญญา
    สมาธิ น. ความตั้งมั่นแห่งจิต ความสำรวมใจให้แน่วแน่ เพื่อเพ่งเล็งในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยพิจารณาอย่างเคร่งเครียด เพื่อให้เกิดปัญญาเห็นแจ้งในสิ่งนั้น ***


    หลังจากผมขึ้นครูกัมมัฏฐานแล้วก็ไปเล่าให้พันเอกหญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหัวหน้าของผมและท่านนับถือศาสนาคริสต์ ท่านก็อยากจะลองขึ้นครูกัมมัฏฐานบ้าง ผมจึงไปจัดหาของให้แล้วพาท่านไปขึ้นครูกัมมัฏฐานกับหลวงพ่อ เสร็จพิธีแล้วหลวงพ่อก็เอาเทียนมาเล่มหนึ่ง แล้วเอาเล็บขีดแบ่งเป็น 3 ส่วน เท่า ๆ กัน แล้วบอกว่าคืนนี้กลับไปนอน ตอนเช้าตื่นตีสี่ขึ้นมาจุดเทียนเล่มนี้แล้วนั่งสมาธิจนเทียนไหม้ถึงขีดที่แบ่งไว้ก็หยุด ทำอย่างนั้น 3 คืน ก็จะหมดเทียนเล่มนั้น

    เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อผมไปถึงที่ทำงานก็พบพันเอกหญิงท่านนั้น ท่านเรียกผมไปในห้องทำงานของท่านแล้วบอกผมว่าเมื่อคืนตอนตีสี่หลวงพ่อไปปลุกท่านให้ท่านลุกขึ้นนั่งสมาธิ ท่านก็นั่งสมาธิไปเรื่อย ๆ ปรากฎว่าเมื่อเทียนไหม้มาถึงจุดที่ท่านทำขีดแบ่งไว้ให้นั่งสมาธิในแต่ละคืนเทียนก็ดับไปเอง ผมก็เรียนท่านว่า ท่านอาจจะกังวลใจจึงลุกขึ้นมาเอง ท่านยืนยันกับผมว่าไม่ใช่ เพราะถ้าท่านลุกขึ้นมาเองจะงัวเงีย ปรากฏว่าต่อมา พันเอกหญิงผู้นี้หันมานับถือพุทธศาสนา และเป็นศิษย์ที่มีบารมีในการหาปัจจัยสนับสนุนกิจการของหลวงพ่อที่สำคัญคนหนึ่ง

    พูดถึงการที่หลวงพ่อจะไปพบคนโน้นคนนี้ โดยที่คนอื่น ๆ ไม่มีทางทราบนอกจากตัวผู้ที่ท่านจะไปพบเท่านั้นมีอยู่บ่อยครั้ง ครั้งหนึ่งขณะที่พ่อของผมป่วยหนักอยู่ที่บ้านที่อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว หมอบอกว่าช่วยเหลือไม่ได้แล้ว เพราะปอดขยายตัวแล้วไม่หด ผมกลับมากรุงเทพฯ และหลวงพ่อมาที่วัดบุปผาราม ผมก็เอาสังฆทานไปถวายท่านและบอกว่าช่วยส่งให้เจ้ากรรมนายเวรของพ่อด้วย

    ทุกเย็นวันศุกร์ผมจะกลับไปไชยาเพื่อดูอาการของพ่อ เมื่อพ่อเห็นหน้าผมก็บอกผมว่าเมื่อคืนหลวงพ่อมาเยี่ยมท่านที่นี่ มาตอนตีสอง ผมเลยถามพ่อว่าพ่อฝันไปหรือเปล่า เพราะหลวงพ่ออยู่ที่วัดบุปผาราม ท่านก็บอกว่าไม่ได้ฝัน หลวงพ่อท่านมาจริง ๆ มาถึงก็ถามว่าลุงเป็นอะไร เจ็บตรงไหน และบอกให้พ่อนั่งให้ท่านดู แล้วท่านก็ส่งถังเปล่ามาให้พ่อจึงบอกว่าถังเปล่าไม่เอาหรอก ผมเลยบอกพ่อว่าถังเปล่านั้นหมายความว่า เจ้ากรรมนายเวรของพ่อรับของสังฆทานไปหมดแล้ว

    หลวงพ่อครูบาชัยยะวงศาพัฒนา มีบารมีกับพระธาตุและพระบรมสารีริกธาตุอย่างมาก มีภูเขาแถบอำเภอลี้ กลางคืนจะมีลำแสงส่องสว่างอยู่เสมอ ๆ ชาวเขาถึงถามหลวงพ่อ หลวงพ่อบอกว่าบนภูเขานั้นมีพระธาตุที่เรียกว่าพระธาตุข้าวบิณฑ์ ท่านว่าสมัยก่อนพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งได้เสด็จมาโปรด ณ ที่นั้น (พระพุทธเจ้าไม่ได้มีแต่สมเด็จพระสมณโคดมเท่านั้น ในกับป์ก่อนก็มีพระพุทธเจ้ามาแล้วถึง 28 พระองค์ ในกับป์นี้ก็มีมาแล้ว 4 พระองค์)

    หลังจากท่านฉันภัตตาหารที่มีผู้เอามาถวายแล้วก็ล้างบาตรและคว่ำบาตร เศษข้าวที่เหลืออยู่ในบาตรที่ตกอยู่ ณ ที่นั้นก็กลายเป็นพระธาตุ หลวงพ่อจึงนำชาวบ้านขึ้นไปเอามาแจกจ่ายคณะศิษย์ คณะศิษย์ที่เอาไปบูชาบางท่านเมื่อบูชาไประยะหนึ่ง พระธาตุข้าวบิณฑ์ก็กลายเป็นเพชรไปก็มี ที่ท่านนาวาเอกไชยวัฒน์ ท่านมีจำนวนมาก ท่านยังแบ่งให้ผมมาบูชาด้วย

    ครั้งหนึ่ง มีผู้จัดรถทัวร์ไปร่วมงานบุญที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ท่านก็แจกพระธาตุข้าวบิณฑ์ให้คนละหนึ่งองค์ มีหัวหน้าทัวร์บางท่านโลภมากไปหน่อยบอกหลวงพ่อว่า ในรถของเขามีคนอยู่เท่านั้นเท่านี้ พลวงพ่อก็ให้ไปตามที่บอก ปรากฏว่าหัวหน้าทัวร์เหล่านั้นพูดไม่จริง พอรถออกนอกเขตวัด รถยางแตกกันเป็นแถว นั่นอาจจะเป็นผลที่โกหกพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ

    เรื่องพระธาตุกับหลวงพ่อยังมีอีกมาก วันหนึ่งภรรยาผมได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้ว่าการ การประปานครหลวง และจะย้ายที่ทำงาน ในคืนก่อนวันที่ย้ายทำงาน หลวงพ่อลงมากรุงเทพฯ และให้นาวาเอกไชยวัฒน์โทรศัพท์หาผม และเป็นจังหวะที่ช่วงนั้นได้มีการนำพระธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์มาแสดงอยู่ที่พุทธมณฑลให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ และผมก็ไปมาแล้ว ผมบอกนาวาเอกไชยวัฒน์ว่าภรรยาผมจะย้ายที่ทำงาน อยากให้หลวงพ่อมารับสังฆทานที่ที่ทำงานของภรรยาผมในเวลา 14.00 นาฬิกา หลวงพ่อบอกว่าจะไปพุทธมณฑล ไม่แน่ใจว่าจะได้ไปหรือไม่เมื่อท่านบอกว่าไม่แน่ว่าจะไปได้หรือไม่ก็เลยไม่ได้เตรียมเครื่องสังฆทาน และไม่ได้เชิญชวนพนักงานประปาสาขาบางกอกน้อยซึ่งอยู่บริเวณเดียวกันมาร่วมทำบุญ

    ปรากฏว่าเวลา 14.00 นาฬิกา ภรรยาผมโทรศัพท์ไปบอกผมว่าหลวงพ่อมาถึงที่ทำงานแล้ว ขณะนี้นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ผมจึงบอกให้ใครไปเตรียมเครื่องสังฆทานและเชิญชวนผู้ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงเข้ามาถามธรรมะจากหลวงพ่อ อีก 30 นาทีผมจะไปถึง เพราะขณะนั้นผมทำงานอยู่ที่สนามเสือป่า เมื่อผมไปถึงทุกอย่างก็พร้อมที่จะถวายสังฆทานได้แล้ว ผมจึงเข้าไปกราบที่ตักหลวงพ่อ ๆ ถามผมว่าเคยเห็นพระธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์ไหม ผมบอกว่าเคยเห็นที่พุทธมณฑลที่เขานำมาแสดง แต่ดูไกลมาก ดูไม่ชัด ท่านจึงหยิบดอกบัวมาจากย่ามแล้วคลี่ดอกบัวให้ทุกคนได้ดู ท่านว่าหลังจากที่ท่านไปกราบพระธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์แล้ว ท่านก็นั่งสมาธิจนกระทั่งพระธาตุข้อนิ้วพระหัตถ์อีกข้างหนึ่งของพระพุทธเจ้าเสด็จมาอยู่ในดอกบัวที่ท่านตั้งบูชาไว้ นี่คือสาเหตุที่ท่านบอกว่าไม่แน่ว่าจะมาถึงที่ทำงานภรรยาผมในเวลา 14 นาฬิกาหรือไม่ เพราะท่านจะนั่งภาวนาจนกว่าพระธาตุจะเสด็จมา

    หลังจากดูพระธาตุกันเรียบร้อยแล้วผมก็ก้มลงกราบท่าน พอผมเงยหน้าขึ้นท่านก็บอกผมว่า ลูกปีนี้ลูกได้เป็นนายพลน๊ะ แต่หลังจากได้เป็นนายพลแล้ว ลูกมีภาระอีกอย่างหนึ่งคือต้องสร้างศาลาที่วัดดอยกวางคำ (หรือวัดดอยหัวขัว) วัดที่ผมสร้างพระพุทธรูปไปถวายไว้นั่นเอง ขณะนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2538 ยังเวลาอีกตั้งหลายเดือนกว่าคำสั่งแต่งตั้งนายพลทหารจะโปรดเกล้า แต่ผมก็ได้รับพระราชทานยศเป็นพลตรีในเดือนตุลาคมปีนั้นจริง ๆ ผมก็เป็นประธานทอดผ้าป่าหาเงินตั้งต้นสร้างศาลาที่วัดดอยกวางคำ แต่ได้ไม่มากหรอก เงินที่สร้างส่วนใหญ่ได้มาจากบารมีหลวงพ่อทั้งนั้น เห็นว่าหมดไปหลายล้านบาท

    เหตุการณ์ที่ผมพบด้วยตนเองระหว่างผมกับหลวงพ่อยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่เหลือเชื่อถ้าไม่เจอด้วยตัวเอง วันหนึ่งศิษย์ที่เคยเรียนหนังสือกับผมในระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยเอกชน เมื่อจบการศึกษาแล้วไปทำงานที่บริษัทการบินไทย และเป็นศิษย์ของหลวงพ่อครูบาชัยยะวงศาพัฒนาด้วย เธอได้มาหาผมและบอกว่าหลวงพ่อให้สร้างพระเจ้าสุทโธทนะ พระนางสิริมหามายา จ่าเลี้ยงแพะ แพะ ท้าวจตุโลกบาล และพระพุทธรูป แต่เธอฟังไม่ถนัดนักว่าจะสร้างอย่างไร เธอยินดีจะหาเงินสร้างให้ ขอให้ผมช่วยไปประสานในรายละเอียดให้ด้วย ผมก็ไปประสานรายละเอียดทั้งหมด หลวงพ่อกำหนดแบบมาทุกอย่าง ผมก็บอกศิษย์ที่อยู่ที่บริษัทการบินไทยในรายละเอียดและราคาค่าก่อสร้าง ทางร้านพุทธปฏิมาพรเลิศเขาคิดในราคาห้าแสนบาท ปรากฏว่าศิษย์ที่อยู่บริษัทการบินไทยบอกว่าเขาเข้าใจผิด คิดว่าจะสร้างองค์เล็ก ๆ ในราคาประมาณ 2-3 หมื่นบาท จึงรับปากว่าจะทำให้ แต่ถ้าราคา ขนาดนี้เขาหมดปัญญาทำแน่ ๆ ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร ผมรับอาสาหลวงพ่อไว้แล้วว่าจะทำให้ก็ต้องทำ ส่วนเรื่องเงินค่อยว่ากันภายหลัง เพราะโรงหล่อกับผมและนาวาเอกไชยวัฒน์เคยทำงานมาด้วยกันมากแล้ว ผมจึงขอให้เขาทำให้ก่อน

    เมื่อทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ผมเพิ่งจะได้เงินมากจากผู้มีจิตศรัทธาประมาณหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท จึงนำของทั้งหมดไปถวายหลวงพ่อที่วัด ขณะนั้นหลวงพ่ออาพาธอยู่ในกุฏิ ผมจึงเข้าไปกราบนมัสการหลวงพ่อว่าของที่ให้ทำ ทำมาเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งหมด ผมยังหาเงินได้ไม่ครบ แต่จะขอถวายก่อน เนื่องจากหลวงพ่ออาพาธคงไม่สะดวกที่จะออกไปรับข้างนอก ผมจึงดึงสายสิญจน์จากของมายังที่พักหลวงพ่อ หลวงพ่อให้หามหลวงพ่อไปดูของและทำพิธีถวายที่นั่นเลย

    วันนี้มีคนไปไม่มาก เพราะไม่ใช่เทศกาลที่มีงาน มีคณะไปประมาณ 2-3 คันรถตู้เท่านั้น ผมก็เชิญทุกคนเข้ามาร่วมกันถวาย หลวงพ่อก็ชี้ไปที่รูปหล่อแต่ละรูปถามราคา ผมก็กราบนมัสการไปและถามว่าใครจะเป็นเจ้าภาพบ้าง และจะเป็นเจ้าภาพรูปไหนก็จะสลักชื่อที่ฐานของรูปทุกรูป ถ้าวันนี้ยังไม่นำเงินมาสลักชื่อไว้ก่อนค่อยชำระเงินให้ภายหลังก็ได้ แต่ห้ามเกินยอดเงินสามแสนห้าหมื่นบาท เพราะผมมีอยู่แล้วหนึ่งแสนห้าหมื่นบาท

    มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุไม่เกิน 10 ปี บอกเตี่ยของเขาว่าให้เตี่ยจองรูปนี้ (พระเจ้าสุทโธทนะ) เพราะเมื่อคืนตอนนอนท่านนำเที่ยวรอบพระพุทธบาทห้วยต้ม ปรากฏว่าเดี๋ยวนั้นเองมีผู้จองเป็นเจ้าภาพหมด ผมก็ไม่ต้องเป็นหนี้โรงหล่อ ทั้งหมดนี้เป็นบารมีของหลวงพ่อ และเป็นบารมีที่ผมจะได้ช่วยทำในสิ่งที่หลวงพ่อต้องการให้ทำให้เสร็จ ของทั้งหมดนี้ขณะนี้บรรจุอยู่ในพระมหาธาตุเจดีย์ศรีเวียงชัยที่ใกล้ ๆ กับวัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ตำบลนาทราย อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน

    ภาพปั้นทั้งหมดนี้ เป็นภาพที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น
    - พระเจ้าสุทโธทนะ พระบิดา
    - พระนางสิริมหามายา พระมารดา
    - จ่าเลี้ยงแพะ คือคนที่เอาหญ้ามาปูที่นั่งให้ในวันตรัสรู้
    - แพะ เป็นสัตว์เลี้ยงของจ่าเลี้ยงแพะ
    - พระพุทธรูป เป็นรูปแทนพระพุทธเจ้า
    - ท้าวจาตุโลกบาล

    ในวันที่พระพุทธเจ้าจะตรัสรู้ ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์พิจารณาธรรมะต่าง ๆ ท้าวจาตุโลกบาลได้ผลัดกันมาเฝ้าพระพุทธองค์ ท้าววธตรฐ มาถึงก่อนขณะที่พระพุทธองค์กำลังรำพึงถึงพระคุณของพระบิดา พระมารดา ท้าววธตรฐ “นโม ตัสสะ” แล้วก็เสด็จไป
    ต่อมาท้าว วิรุฬหะมาถึงขณะที่พระพุทธองค์กำลังพิจารณาธรรมะ มีปัญญาเกิดมากขึ้น ท้าววิรุฬหะรู้ว่าท่านจะเป็นพระพุทธเจ้า เรียก “ภควโต” แล้วก็หลีกออกไป ต่อมาท้าววิรูปักขะ มาถึง เมื่อพระพุทธองค์ตัดกิเลสได้หมดสิ้นแล้วจึงเปล่งอุทานว่า “อรหะโต” เป็นพระอรหันต์แล้วก็ออกไป ท้ายที่สุด ท้าว กุเวร มาถึงเห็นพระพุทธเจ้าตอนตรัสรู้แล้ว รู้ว่าท่านเป็นสัพพัญญูรู้หมดทุกสิ่ง ไม่มีอะไรเหลือจึงกล่าวว่า “สัมมาสัมพุทธธัสสะ”

    พระพุทธองค์จึงได้รวบรวมคำเหล่านี้ไว้ด้วยกันคือ “นะโม ตัสสะ ภควะโต อรหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” และกำหนดให้ใช้เป็นคำกล่าวข้างต้น ก่อนที่จะทำพิธีกรรมใด ๆ ทางศาสนา”



    โพสโดย: Def Mask Raider จาก fbหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา (คณะศิษย์รุ่นหลัง) ศิษย์สามครูบาเจ้า
     
  19. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]



    >>>พระอริยสงฆ์ในพระราชหฤทัย<<<

    จากอดีตถึงยุคปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่ายังไม่มีพระคณาจารย์รูปใด ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณเท่าหลวงปู่แหวน ในระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่

    นอกเหนือจากการเสด็จพระราชดำเนินถึงวัดดอยแม่ปั๋ง เพื่อนมัสการและสนทนาธรรมกับหลวงปู่หลายครั้งหลายคราแล้วยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจัดสร้างสิ่งมงคล โดยใช้รูปของหลวงปู่ นำมาแจกในพระราชพิธีสำคัญอีกด้วย

    เมื่อครั้งที่พระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร และประทับที่เชียงใหม่ หลังจากนั้นก็เสด็จไปดอยแม่ปั๋ง
    หลวงปู่แหวนได้ทูลถวายต่อในหลวงตอนหนึ่งว่า

    “พระองค์นั้นมัวแต่ห่วงคนอื่น ไม่ห่วงพระองค์เองเลย”

    เมื่อได้ฟังเช่นนั้นแล้ว ล้นเกล้าทรงสรวลด้วยความพอพระทัย

    มีอีกครั้งหนึ่ง สมัยที่ในหลวงทรงพระประชวรที่เชียงใหม่ ข้าราชบริพารได้นำเฮลิคอปเตอร์มานิมนต์หลวงปู่ให้ไปที่พระตำหนักเพื่อแผ่พลังจิตช่วยรักษาอาการประชวรของพระองค์ หลวงปู่ท่านปฏิเสธการนิมนต์ และได้บอกว่า


    “อยู่ที่ไหนเฮาก็ส่งใจไปถึงพระองค์ได้ ก็ส่งไปทุกวันอยู่แล้ว”


    [​IMG]


    หลวงปู่แหวนท่านตั้งสัจจะอธิษฐานว่า แม้ท่านจะเจ็บป่วยก็จะไม่ไปรักษาที่โรงพยาบาล แต่ในช่วงท้ายของชีวิต เมื่อในหลวงทรงอาราธนา ท่านจึงยอมทำตาม และบอกว่าที่ไปเพราะในฐานะประชาชนคนหนึ่ง หลวงปู่จึงไม่กล้าขัดพระราชประสงค์ได้

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ “ชินบุตรแห่งโลกธรรม”

    เป็นวลีสักการะต่อยอดบุรุษ ผู้เกิดมา ยังมีชีวิตอยู่ และจากไป
    อย่างดีงามหมดจดแล้ว ทั้งยังคงคุณค่าล้นเหลือ
    ต่อผู้ยังตกทุกข์ได้ยากอย่างเราๆ ท่านๆ


    คัดมาจาก : หนังสือตามรอยพระอริยเจ้า
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ พระอริยสงฆ์แห่งวัดดอยแม่ปั๋ง
    รวบรวมและเรียบเรียงโดย ดำรงธรรม



    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2015
  20. ปู ท่าพระ

    ปู ท่าพระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    5,822
    ค่าพลัง:
    +60,326
    [​IMG]


    [​IMG]


    เหรียญหลวงปู่แหวน รุ่น ภปร. สร้างตึกโรงพยาบาล(หลัง ภปร.เล็ก)


    เหรียญหลังภปร.หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่

    เหล่าคณะลูกศิษย์ร่วมกันจัดสร้าง เพื่อหาปัจจัยไปสมทบทุนสร้างอาคารโรงพยาบาลและเพื่อเป็นที่ระลึกในโอกาสครบรอบ 90 ปีของหลวงปู่ มีชนิดเนื้อโลหะดังนี้


    แบบหลังภปร.ใหญ่
    -เนื้อทองคำแบบมีหมายเลข สร้างจำนวน 2,521 เหรียญ
    -เนื้อทองคำแบบพิเศษ(ตอกโค๊ด) สร้างจำนวน 444 เหรียญ
    -เนื้อเงิน สร้างจำนวน 10,000 เหรียญ
    -เนื้อทองแดงชุปนิเกิ้ล สร้างจำนวน 16,000 เหรียญ
    -เนื้อทองแดงรมน้ำตาล สร้างจำนวน 3,000 เหรียญ
    -เนื้อทองแดงกะไหล่เงิน สร้างจำนวน 2,000 เหรียญ
    -เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง สร้างจำนวน 2,000 เหรียญ


    แบบหลังภปร.เล็ก
    -เนื้อทองแดงรมน้ำตาล สร้างจำนวน 500,000 เหรียญ
    -เนื้อทองแดงชุปนิเกิ้ล สร้างจำนวน 16,000 เหรียญ




    [​IMG]


    ขอบคุณเจ้าของภาพหลวงปู่แหวนด้วยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...