โอวาทปาติโมกข์

ตรงนั้นไม่มีตัวกูของกูหรอกครับ. เพราะตัวกูของกูไม่ใช่ตัวจิตครับ. เป็นสังขารขันต์ที่มันดับไปครับ. ส่วนจะตายไม่กลัวนั้นเป็นจิตพรพอรหันต๋ครับคนละเรื่องครับ

 

ท่านคร้าบ

จิตเห็นจิต

หรือ จิตเป็นอาหารแก่จิต ให้จิตเกิดการหมุนวนเห็นตัวมันเอง เนี่ยะ ตัวกูของกู

จิต ไม่เห็นอย่างอื่นเลย เหลือแต่ เห็นจิต มีแต่ รู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ เนี่ยะ ตัวกูของกู มันยังอยู่

ยิ่งเอา จิตไปเห็นจิต หากคนภาวนาเป็น จะเห็นเลยว่า โดนจิตหลอกให้เห็นจิต
เวทนาแอบเกิด แล้วทำให้ปักใจเชื่อ เวทนาเข้าร้อยรัด โง่เรือหาย !!! ไม่มีทางออก

แต่....ทางออกมี พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้ว จิตเป็นแค่ธาตุเกิดขึ้นเพราะมันมีปัจจัย
สาวไปหาเหตุ ไปที่ปัจจัย เห็นปัจจัยดับเนืองๆได้ ก็จะ อ๋อ ทางออกมี

 

ต้องดับไม่เหลือเศษจริง ๆ ครับ
ถึงจะเข้าใจความหลงยึดถือความเป็นตนว่าเที่ยงแบบไม่รู้ตัวเลยจริง ๆ ได้
ถ้ามีเศษเหลือ มันก็จะอาศัยช่องทางนั้นแหละครับเป็นที่ยึดเหนี่ยวรู้นั่นรู้นี่ต่อไป
ปฏิจจสมุปบาทถ้ามันขาดจริง ๆ สักครั้ง จะเห็น และค่อย ๆ เข้าใจความจริงทั้งหมด
อ้อ..ตัวนี้ไม่เคยดู ไม่เคยรู้จริงกับมันเลย ประมาณว่า เจอที่อยู่ของหัวหน้าโจร
เข้าให้แล้ว แต่ถ้าไปติดใจก็เสร็จอีกรอบ รู้แล้วมีสติไม่ประมาทก็พอ อ่านตัวเอง
ให้ออก รู้ตามความเป็นจริงไปเรื่อย ๆ แค่นี้แหละ ไม่ต้องคาดหวังอะไรอีก

จบละกันครับ

 

ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าดับจริงๆมันเป็นอย่างไรเพราะผมไม่ใช่อรหันต์. ผมรู้เพียงว่าสัพเพธรรมาอนัตตาเป็นอย่างไร

 

จิตเป็นตัวรู้รู้แล้วไม่ปรุ่งแต่งจะเป็นตัวกูได้อย่างไร. และนี่ก็ไม่ใช่จิตเห็นจิต. อาการจิตเห็นจิตนั้นเห็นยังมีการปรุ่งแต่งของจิต. แต่วิมุติไม่มีการปรุงแต่งถึงไม่มีตัวกูของกู. ท่านไม่รู้หรอกเพราะผมคุยกับท่านมานานผมรู้ว่าท่านเข้าไม่ถึงตรงนี้แน่นอน

 

งง หละซี่

จิตเห็นจิต

หรือ มีการรู้ว่ากำลังรู้ หรือ รู้ที่อาการรู้ จิตแสดงอาการรู้ซ่านไป แล่นไป

มันก็คือ จิตมันเคลื่อน แม้ด้วยอาการ " รู้ "

มันหิวอารมณ์ แม้กระทั่ง เสวยการ " รู้ " เอามาเป็น อาการ หรือ ปัจจัยให้เกิด ตัวรู้

นั่นแหละ รู้มันพอกพูล รู้มันไพบูลย์ แม้นอาการ "รู้" ตัวมันเองนั่นแหละ อาการของจิต

จิต กับ เจตสิก เขาจึงแยกกันไม่ได้ เกิดขึ้นพร้อมกัน ดับพร้อมกัน เพราะ มันเป็น
ปัจจัยให้เกิดอาการรู้ ด้วยตัวของมันเอง

ดังนั้น

พวกธรรมะก๊อปปี้ พอเห็น คนโน้น คนนั้น คนนี้ ถูกคว่ำลงด้วย ธรรมมีกถา
จากเมื่อก่อน ไม่เคยรู้ ก็ จู็ฮุกกรูโก่งคอขัน บ้าง โดยพยายาม กระเดียด กระแดะ
เอา ประเด็นเนื้อๆ มาเน้นๆ สำคัญว่า หยิบจับบัญญัติที่แน่แช่แป้ง คนค้านไม่ได้

ท่านคร้าบ !! ท่านตกหลุมพลางแล้ว หากท่าน ไม่ได้รู้จริง มันจะ ว่างเปล่า

ว่างเปล่าจากธรรม ไม่มีธรรมในตน ไม่มีธรรมเป็นของตน ก็ ฮานาก้า " สัพเพธรรมา อนัตตา "

กูไม่รู้อะไรในธรรมการภาวนาฮาอะไรเลย ขนาดเลือกเฝ้นที่ใช่ มันก็ พร่อง อยู่นั้น ง๊ง งง งง


เดี๋ยวพอหมดมุข ก็ ใช้มุขเก่า " เนื้อ หนัง เอ็นโด่ กระดูก " แบบคน จนตรอก
ไม่รู้เหตุ ไม่รู้ผล ไม่รู้ที่มา ที่ไป โดยลำดับลำดา หยาบ กลาง ละเอียด อะไรเลย

 

ในสภาวะวิมุติไม่มีการมาการไป วิมุติญานทัศนะที่เกิดในภายหลังนั้นต่างหากที่เจตสิกจะเกิดขึ้นควบคู่กับจิต

 

มาว่า 6 ว่า 9 อยู่นี่ ปัดติเถ เถนา

 

กั๊กๆ อย่าไป ด้น เด้า เดา เอาเลยครับ

ไม่เกิดประโยชน์หรอก ....มีแต่ เรื่องพยายามเอา ธรรมะ เข้าตัว

แทนที่ จะแสดงธรรมอย่างอาจหาญ มีการนำออก แต่ส่วนเดียว
ผลิกกลายเป็น

ขยันเข้าเว็บทุกวัน เพื่อหา เศษน้ำลาย ที่เขา ถกเถียงธรรมกัน เพื่อเฝ้น
หาเศษ ขี้ฟัน เอาไปปั้นเป็น ธรรมะของตน

หากคุณ รู้เห็น ซึ่งธรรมปฏิบัติ ...ป่านนี้ พูดธรรมได้สวยสดงดงามไปนานแล้ว

ไม่ใช่ มาพึ่ง เอ๊ะคำนี้ดี คำนี้ใช้ "เนื้อหนังเอ็นโด่กระดูก" ถอดทิ้ง งับเอา "วิมุตติญาณทัศนะ" ดีกว่า
[ จริงๆ คอนเซ็ปตอน จุกกรู คุ.บิ๊กตู่เอาจิตเที่ยงออก หากเอาออก ก็จะไม่เหมือนคนนั้น มันมีแววว่า
ใช่ละ อันนี้คนค้านไม่ได้ ....แต่ความที่ ตนก็ด้นเด้าเดาเอามาเหมือนกัน มันเขวี้ยงออกไปไม่ได้หลอก
เดี๋ยวมันก็ ฉวยกลับมาเป็น ฉวยมากล่าว จิตเที่ยง เข้าจนได้ ]

โดน บัญญัตหลอกเอา จั๋งหนับ หาก กล่าวยืน "เนื้อหนังเอ็น...กระดูก" อย่างเดิม
ยังมีโอกาว ทำธรรมให้มี กถา อาจหาญร่าเริงแก่ .....แก่......แก่ ปู่บางปู่ ได้บ้าง
ยังพอเป็นประโยชน์บ้าง

ไม่ใช่ คว้าคำใหม่ เอามา กล่าวติดปาก เป็นนกแก้ว แต่ กล่าวที่มาที่ไปไม่ได้

 

เอาเลยเอาตำรามาให้หมดนิวรณ์. เราเอามานิดหน่อยพอทำความเข้าใจได้ว่าพระองค์เป็นผู้เลิศที่สุดในโลกไม่มีใครเทียบเท่าเราจึงอุทิศชีวิตในการปฎิบัติและเราก็อยู่ตามฐานะที่เราได้มา. สิ่งที่เกิดกับเราถัาเกิดกับหลวงปู่หลวงตาพวกท่านก็ว่าสุดยอด. แต่ถ้าเรากล่าวท่านก็เฉไฉอย่างเสียงดังมหาศาลระเบิดในจิตอย่างหนึ่งที่ปรากฎแก่เรา. หลวงปู่ท่านบอกว่าเทวดามาอนุโมทนาว่าบรรลุธรรม. ท่านจะกล่าวสิ่งนั้นที่เกิดกับเราว่าอย่างไรหือ?

 

เขากระทู้

ผู้ศึกษาต้องอธิบายตามกระทู้ที่ตั้งให้นั้น

แต่ดูๆที่ว่า 6 ว่า 9 ไม่เข้ากับกระทู้นั้นเลย อย่างนี้นะ ถ้าสอบธรรมศึกษาสนามหลวง ตกยกชั้น

 

ผมก็จะ ตวาด ไอ้เทวดาขี้ครอก !! กิจอะไรของมึง เที่ยวมา ประจบสอพลอ
ทำทีเป็นว่า มีตาเห็นโน้น เห็นนี่ ทั้งที่ สิ่งนั้น ต้องพ้นการเห็นจาก เทวดา
อินทร์ พรหม ยกยักษ์ และ อรหันต์สาวกทั้งปวง !! ก็เห็นไม่ได้

ไอ้เทวดา หน้าส้นสิบ มึง สะเออะ ทำทีเป็นว่า พระศาสดา ผู้มีจักขุเพียง หนึ่งเดียว หรือไร อ้ายสาด

 

ท่านตอบว่า ข้าน้อยพิจารณาดูภายในจิตก็ไม่เห็นอะไรผิดปรกติ พอถอนจิตออกมาดูภายนอก เห็นพ่อแม่ครูอาจารย์มีรัศมีสว่างไสวสดใสงดงามมาก รัศมีของพ่อแม่ครูอาจารย์สว่างไสวกว่าทุกครั้งที่ข้าน้อยเคยเห็นมา

มีเทวดาจากทุกชั้นภูมิพากันมาหาพ่อแม่ครูอาจารย์มากที่สุดเท่าที่ข้าน้อยเคยพบเห็น แต่ข้าน้อยไม่ทราบว่าที่เทพเจ้าเหล่าเทวดาพากันมาหาพ่อแม่ครูอาจารย์จำนวนมากถึงขนาดนี้เพราะเหตุจากอะไร..

องค์ท่านหลวงปู่มั่นพูดขึ้นมาว่า ที่ท่านชอบเห็นเทวดามาหาเราจำนวนมากนั้น พวกเทพเทวดาเขาพากันมาร่วมอนุโมทนาที่เรา “ บรรลุธรรมธาตุ ” พ้นทุกข์แล้ว จากนี้ต่อไปการเกิดของเราจะไม่มีอีกแล้ว ทุกอย่างของเรามันขาดสะบั้นลงไปหมดแล้ว พระอรหันต์ท่านสิ้นกิเลสเช่นไร เราก็สิ้นกิเลสแล้วเช่นนั้น..

เสียงดังเหมือนเสียงระเบิดที่ท่านได้ยินนั้น เป็นเสียงอนุโมทนาของเทพเจ้าเหล่าเทวดา เสียงอนุโมทนาของเทวดาเป็นเสียงเทวะฤทธิ์ไปกระทบกับจิตของท่านในขณะนั้นพอดี จึงเป็นเหตุทำให้จิตของท่านสะเทือนจนถอนออกจากสมาธิอย่างกะทันหัน..

 

เสียงดัง มหาศาลเนี่ยะ

เวลาคน ภาวนาจดจ่อ รู้อยู่จุดเดียว เวทนาปักอยู่จุดเดียว แล้ว ขี้หู มันแตกสะเก็ด
จะร่อนออกจากรูหู

เชื่อไหมครับว่า เสียงการแตกตัวของ รูปธาตุ เพียงแค่ เซลมันปริตัวออกจากกัน มัน
จะดังมาก ดังเหมือน ฝ้าผ่า

ความสั่นไหวนั้น จะเหมือน แผ่นดินไหว โลกธาตุไหว

คนละเมอ จะเป็นลม มันก็เห็น สิ่งเหล่านี้ ยิ่งเห็นยิ่งซีด ยิ่งสลบเหมือด แต่ความที่
"ธาตุขันธ์" มันกำลังสูญเสียการควบคุม รู้อยู่เห็นอยู่ชัด

ความที่ เป็น นักก๊อปปี้ธรรมเปาอาชีพ ไม่มีกิจการภาวนาอย่างอื่น

มันจะรีบเอา ทิฏฐิ มาสวบทับว่า " กำลังบรรลุธรรม "

ถ้าเป็น ผู้หญิง ก็มักจะพยากรณ์ว่า ตนเป็น อรหันต์ เพราะ เรื่องคันฮี บางคนไม่มี

ถ้าเป็น ผู้ชาย แรกๆจะอนาคามี แต่เพราะ จิตเพลินในรูป ตอนเช้ามาเป็นปัจจัยให้ เอ็นโด่กระดูก
ก็จะ พยากรณ์ว่าสกิทาคา พอตบหัวหมาขอเป็นโสดา เหลือไว้แต่การ ระล่ำระลัก
ศรัทธาพระพุทธองค์มาก เป็น ปาหี่ หลอกตัวเอง เพราะเสียดาย

การสลบ การเป็นลม มันไม่ใช่ จะไป สร้างให้มันเกิดได้นะ มัน อนัตตา


ถ้าจะให้เดิน มรรคเดิม เพื่อธรรมยิ่งๆขึ้นไป บอกไม่ใช่ ไม่ได้ เป็นลมได้ครั้งเดียว ก็บุญแล้ว เป็นอีกที เดี๋ยวตายฮา

 

เอาๆๆเข้าไปจะเชื่อใครดีกับหลวงปู่กับนิวรณ์. บอกแล้วไงผมเจอมาทุกอย่างที่เคยได้ยินได้ฟังมา. เพราะผมปฎิบัติไม่ได้ท่องจำ

 

อย่า เมา ซี่คร้าบ

คุณ บอกว่า คุณบรรลุธรรม

คนบรรลุธรรม บ้านบิดาใครครับ ไป พรรณาเอา
ธรรมของคนอื่น ว่าเลิศอย่างนั้น เลิศอย่างนี้

ธรรมของตัว เอาไปซุกไว้กับ การแอบแฝง การเห็น ธรรม สมบัติ ของผู้อื่นหรือครับ

จะเอา อย่างนั้นจริงอะ

จะประกาศธรรมของตัว โดยการ พรรณาสรรเสริญ สมบัติผู้อื่น เนี่ยะ นะ

 

ไม่สรรเสริญธรรมผู้อื่นหรอกครับ. เพียงอยากเห็นความคิดท่านกับหลวงปู่นะตรงกันมั้ยกับสภาวะธรรมที่เหมือนกันที่ปรากฎที่ผมเจอมา. หุๆๆมัต่างกันจริงๆเลย. จะให้เชื่อใครดีเนาะ

 

คุณคร้าบ ยังสาระวน อยู่กับการ เชื่อใคร ไม่เชื่อใคร เหรอคร้าบ

ในเมื่อ ธรรมปฏิบัติ หากปฏิบัตมาจริง มันต้องมี " รสเดียวกัน "

" มรรคมีทางเดียว " แต่สามารถกล่าวได้ หลายนัย ตามแต่จะเป็นประโยชน์
ของผู้มี ฉันทะในธรรม ในทางนั้นๆ บัญญัตินั้นๆ


ธรรมะ หากปฏิบัติมาจริง คุณไม่มานั่ง ขยัน เอาธรรมเข้าตัว เสียเวลาพิสูจน์ตน
เมาการเข้าไปบัญญัติ ไม่เลิกแบบนี้หรอก


พอนึกขึ้นได้ มีโศลกสวย ก็เอาเชียว โพสลอยๆ เทห์ แต่ หาประโยชน์ไม่ได้

 

หาประโยชน์ไม่ได้อย่างไร. นิวรณ์ลองทำดูซิอย่างที่บอกไม่ต้องเอาตำรามามากหรอก. แค่เข้าถึงสภาวะความจริงสัพเพธรรมาอนัตตาก็จบแล้วไม่ต้องมาอวดภูมิยกตำรามาหรอก. ของจริงมันปรากฎที่จิต. เอาๆออกแรงหน่อยนิวรณ์

 

กั๊กๆ เล่น มุข อาศัยสุกกระโปรงหลวงปู่

กะว่า ผมพูดอะไร ก็กลายเป็น ปรามาสหลวงปู่มั่นหรือครับ


โง่ บานลายเลย ธรรมะในตนไม่มี อ้างเลห์อิงธรรมคนอื่น เพื่อ กระโดน ตื๊บซ้ำ
เพราะสำคัญว่าเขาจะเพลี้ยงพล้ำ

เชื่อผมดิ

เทวดาฮาเฮว อะไรมา อนุโมทนา ก็ยกส้นสิบให้รับทานได้เลย กิจอะไรของ มะอึง
ในการเที่ยวมา ตัดสินว่าเห็นธรรม เห็นการบรรลุ

ถ้าจะสรรเสริญธรรมที่บรรลุ มะอึง ต้องไป ปฏิบัติคร้าบ ไม่ใช่มาเสนอหน้า เลีย
แข้งเลียขาอย่างสัตว์


เว้นไว้แต่ ไม่รู้วิธีเอา ตัณหาออก จะเข้ามา ขอมุขนัยไปปฏิบัติ อันนี้เข้ามา
หากันไป [ หลวงปู่มั่น ท่านพูดอย่างนี้ต่างหาก คือ เทวดามาหาท่าน เพื่อให้
ท่านสอนธรรมะ ไอ้ที่มา อนุโมทนา ต่อให้เป็น พระพุทธเจ้ากี่พระองค์ อันนั้น
ศิษย์ของท่านแท้ๆ ท่านจะ กล่าวเป็นเสียงเดียว ก็เพราะ พฤติจิต หรือ อาสวะ
ทีถอนไม่หมด มันแสดงของมันอย่างนั้น มันไม่เป็นอกุศล เขาก็ไม่ถือกัน ให้เป็น
เรื่อง อาสวะ วิบาก จิตใครจิตมัน ]

แต่ บิ๊กตู่ อ้างหน้าตาเฉย ว่าเห็น ของหลวงปู่มั่น !!! กลุ้ม ก๊อปปี้แม้กระทั่ง สมบัติส่วนตัว