ข้าคือ นักรบแสง...ผู้โรยแรง แสงใกล้สิ้น เพียงหวัง ใครได้ยิน แสงใกล้สิ้น ส่งเสียงมา...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย gratrypa, 20 กันยายน 2011.

  1. banmabe

    banmabe เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +102
    สอบถามหน่อยค่ะ วันนี้พาเด็กๆไปล้างห้องน้ำที่วัดแถวบ้านมาค่ะ ตอนบ่ายกลับบ้านแล้วมานอนพักผ่อน ฝันว่า ลอยอยู่บนท้องฟ้าเหมือนนั่งอะไรไปสักอย่าง แต่ไม่เห็นพาหนะที่ขี่ ลอยไปเรื่อยๆ ข้างหน้ากว้างมาก ไม่มีจุดหมาย ไปคนเดียว ไม่เห็นอะไร นอกจากความว่างเปล่า ไม่มีจุดหมาย มันคืออะไรค่ะ ผู้รู้ช่วยตอบหน่อยค่ะ
     
  2. ิBat of light

    ิBat of light เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2012
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +842
    .
    เอ้า...ใครรู้ช่วยตอบเค้าหน่อยนะครับ เราไม่รู้ และง่วงแล้ว ไปนอนล่ะครับ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  3. blackangel

    blackangel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,750
    ค่าพลัง:
    +1,919
    มันคือความฝันครับ เรื่องปกติ แล้วแต่จะมอง จะมองให้แย่ว่า ชีวิตล่องลอย ว่างเปล่า ไร้จุดมุ่งหมายก็ได้ จะมองให้ดีว่าทำความดีมาไปล้างห้องน้ำ เทวดาพาไปเหาะเล่นหรือขับพาหนะให้นั่งเล่นก็ได้ หรือนั่งหรือผลบุญทำให้ไปเหาะไปลอย บนท้องฟ้า

    ผมก็เคยฝันนะ บางครั้งก็เห็น แบบมุมมองที่ 1 บางครั้งเราก็มองเห็นแบบมุมมองที่ 3
    ก็คือ มองเห็นเหมือนตอนตื่นปกติ กับมองเห็นตัวเราเหมือนเรามองคนอื่นอยู่
     
  4. agentlight555

    agentlight555 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มีนาคม 2014
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +56
    .
    เขียน ห้าธันวาห้าเจ็ด ๒๒.๓๔




    [​IMG]





    ...ห้าธันวา มหาราช ชาติปิติ
    ราชดำริ พ่อหลวง ที่ห่วงหา
    ทรงทุ่มเท เหน็ดเหนื่อย เมื่อยกายา
    เพื่อประชา ชาวไทย ได้เจริญ

    ...ทรงดำเนิน ไปทั่ว ในรั้วชาติ
    ทรงสามารถ คาดหมาย แล้วไปถึง
    ทรงทุ่มเท หมดใจ ไม่พรั่นพรึง
    ทรงฉุดดึง ชาวประชา หาสบาย

    ...อิ่มที่กาย ใจก็สุข ทุกข์วิ่งหนี
    แผ่นดินที่ เหยียบไป ไล่แจกฝัน
    เรียกประชา ข้าราช มาช่วยกัน
    ร่วมปลุกปั้น ฝันใฝ่ ให้ประชา

    ...เมื่อปัญญา สามัคคี ที่ท่านช่วย
    รวมมาด้วย บารมี ที่มากล้น
    สร้างความสุข ขับทุกข์ เพื่อผองชน
    ด้วยเมตตา หลั่งล้น จนท่วมไทย





    เล็บครุฑ นารายณ์ทรง / ิBat of light (ใครแบน)

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • K 09.jpg
      K 09.jpg
      ขนาดไฟล์:
      187.9 KB
      เปิดดู:
      444
  5. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๔.๔๔

    วันก่อนคุยกะแฟนขับ (ช่วยขับให้เคลื่อน) ว่าจะเล่าเบื้องหลังการคัมแบ๊คให้ฟัง
    วันนี้ฤกษ์ดี ยังไม่ขี้เกียจเท่าไหร่ ก็เลยจะเอามาลงให้ชมกัน ก่อนจะลืมหมด

    ขอเริ่มด้วยภาพนี้ก่อนเลยละกัน จากเรื่อง Berserk นักรบคลั่ง
    เล่มล่าสุดมั้ง ตอนที่ ๓๒๗ หน้า ๑๙ ตั้งชื่อภาพว่า "เพื่อนพ้อง ประคองกาย"
    ขอบคุณเวบนั้นด้วยครับ ที่เอื้อเฟื้อรหัสสื่อสารข้ามมิติ ตามไปชมได้ที่นี่ครับ

    อ่านBerserk,อ่านการ์ตูนBerserk,Berserk TH,Berserk thai,Berserk แปลไทย,Berserk-th,Berserk-en,Berserk-raw

    [​IMG]

    ...เพื่อนพ้อง ประคองกาย ดึงข้าได้ ให้คืนมา
    วันห้า เดือนธันวา วันราชา ฟ้าประทาน
    ซมซาน ซ่อนแทรกซุก เพื่อนจงลุก ปลุกกายา
    จงตื่น ฟื้นจิตรา ถึงเวลา น้าต้องลุย




    บังเอิญวันนั้น วันที่ห้าธันวา ตอนหัวค่ำ มีเหตุให้ต้องเดินผ่านโกฏเก็บกระดูก
    ซึ่งมีอยู่หลายสิบอัน ที่เราเคยส่งบุญกุศลและส่งวิญญานไปเกิดมาบ้างแล้ว
    และก็มีเหตุบังเอิญให้ต้องยืนรออยู่แถวนั้น ด้วยกิจที่มิควรเอ่ย

    ยืนอยู่ ก็มองไปมารอบๆ แป๊บเดียวก็สงสัยว่ามีอะไรหว่า ตูถึงต้องมายืนตรงเนี้ย
    หันไปมองโกฏ ก็บังเอิญแว๊บขึ้นมาว่า มีใครอยากไปอวยพรในหลวงด้วย
    พอแว๊บแบบนั้น เราก็หัวเราะเล็กๆ อะไรของมันหว่า เอ้า ขอมาก็จัดให้

    ยืนหลับตาแล้วทำจิตลึกๆ ตัดทุกอย่างออกหมด เป็นเอกัคคตาได้ ภายในพริบตา
    พอลงลึกได้แล้ว ก็ถอยออกมาตื้นๆ ตามสไตล์ฝันฤทธา
    ทำตัวให้สว่างจ้า แล้วปล่อยแสงออกไปทั่วบริเวณโกฏทั้งหมด
    ก็ไม่เห็นจุดต่างๆ ตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง ปรากฏตัวออกมา
    แล้วทำจิตลงลึกอีกครั้ง ก่อนจะถอยขึ้นมา แล้วพาพวกนั้นออกมา
    ส่งให้ไปรอที่หน้าป้ายในหลวงและราชินีแห่งชาติ ที่มีชาวบ้านรออยู่แล้ว

    เสร็จพิธีแล้วก็นึกต่อไปว่า เอ..แล้วจะมีที่อื่นอีกไม๊หว่า ที่ต้องการแบบนี้บ้าง
    ภาพในหัวก็เปลี่ยนไปเป็นที่ รพ.ศิริราชทันที ต่อด้วยภาพแผนที่ประเทศไทย
    ในใจก็นึก โอ้โห แยะวุ้ย ทั้งประเทศเชียวรึ

    ก็บังเอิญอีก ที่หลายวันก่อนไปงานศพพระที่วัดหุบตาโคตร
    ไปทำอะไรไว้หลายอย่างเลย โดยเฉพาะการไปนั่งสมาธิ
    ที่หน้ารูปปั้น สมเด็จโต วัดระฆัง กับหลวงปู่ทวด องค์เบ้อเริ่มเลย
    วันนั้นเรื่องยาวแยะ ต้องเล่าต่างหากจะดีกว่า มีหลายช็อทที่เตรียมไว้โม้

    แต่มีที่เกี่ยวข้องกันก็คือ มีการนึกภาพหลุมดำเอามาใช้งานด้วยล่ะ ขอบอก
    เป็นการรวบรวมพลังงานของชาวไทยในประเทศ โดยใช้หลุมดำเป็นแกนหลัก
    รวบรวมพลังงานส่งไปให้ในหลวง หลุมดำหมุนวนอยู่เหนือ รพ.ศิริราช
    จุดศูนย์กลางหมุนลงตรงไปที่ตึกที่ท่านอยู่ ส่งพลังงานมหาศาลลงไปอย่างต่อเนื่อง
    ระหว่างที่นั่งสมาธิอยู่ใกล้ๆ รูปปั้นขององค์ทั้งสองนั่นแหละครับ
    ลมพัดแรงมากเลย อากาศเย็นสบายดี เกือบจะหนาว แค่เกือบนะ

    วันนี้ก็เลยใช้แผนเดิมนี่แหละดี หลุมดำมีประสิทธิภาพแยะ น่าจะใช้ได้ดี
    เลยนึกภาพอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นพลังงานแห่งความรักและศรัทธาของชาวไทย
    ที่มีต่อพ่อหลวงของพวกเราทุกคน พลังงานก้อนใหญ่และเล็ก ก็เรียกมาหมด
    แม้จะเหลือแต่เพียงวิญญาน แต่ทุกดวงก็ยังภักดีไม่เสื่อมคลาย

    เราระดมมาจากทั่วประเทศ ต่างไหลวนมารวมกันที่เหนือ รพ.ศิริราช
    แล้วให้ไหลวนลงไปเหมือนเดิม เป็นการอวยพรแบบพลังงานล่ะมั้ง นะ
    ยืนทำอยู่ใกล้ป่าช้านั่นแหละ ใช้เวลาไม่กี่นาทีเอง แต่ทำเสร็จแล้วสุขใจจัง ๕๕๕

    พอถึงเวลาสองทุ่ม ที่พระและพวกชาวบ้านถวายพระพร
    เราก็เตรียมตัวอยู่นอกเขตวัด ตรงทางเข้าที่มีนาคเฝ้าอยู่สองข้างนั่นแหละครับ
    แต่แล้วก่อนที่จะจุดเทียน ก็ไม่รู้ใครนึกขึ้นมาได้ ให้เราวิ่งเข้าไปเอามือถือ
    ออกมาเตรียมถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานด้วย ตามภาพที่กระทู้ที่แล้วนั่นแหละครับ

    เนี่ยแหละเบื้องหลังของภาพ "เพื่อนพ้อง ประคองกาย"
    ถ้าไม่ใช่เหล่าวิญญานแถวป่าช้ามาสะกิดใจ ก็คงไม่ได้บังเอิญถ่ายรูป
    แล้วก็จะไม่มีเหตุให้เราเข้าเวบพลังจิต ซึ่งตั้งใจไว้ว่าจะไม่เข้ามาให้นานนานเลย

    หนอยแน่..บังอาจมาแบนเรา เป็นครั้งที่สองแล้วนะ ใครไม่รู้ฉุนขาดเลย
    ขโมยกระทู้นิพพานไป แล้วยังเอากระทู้พระศรีไปอีก ทำงี้ได้ไง
    เราล็อคอินเข้าเวบไม่ได้ โน๊ตบุ๊คเข้าเวบพลังจิตไม่ได้ตั้งแต่วันลอยกระทง
    เลยโมโหมากมายก่ายกอง เข้าไม่ได้ก็ไม่เข้าก็ได้โว้ย ไม่เห็นต้องง้อมันเลย
    ไม่ต้องเข้าสิดี ไม่ต้องเปลืองตังค์ค่าเนท ไม่ต้องเปลืองเซลล์สมอง ไอ้บ้า ๕๕๕

    ก็ต้องขอบคุณเพื่อนพ้องที่โลกโน้นด้วยละกัน ที่มาช่วยกัน
    "ฝั่งโน้น" ก็ปวดหัว ไม่รู้จะทำไงแล้ว เราก็ไม่ยอมลืมแค้น
    ขนาดวันที่หนึ่งธันวา ส่งทากมาบอกใบ้ ทวงบุญคุณที่ช่วยเรื่องปืนกาวที่ญี่ปุ่น
    แต่เราก็ไม่รู้ไม่ชี้ ไม่สนใจโว้ย ไปทวงกะไอ้ยุ่นโน่นเอาเอง คนรับประโยชน์ไม่ใช่เราซะหน่อย นิ

    ก่อนนั้นหลายวัน ก็ให้งูเห่ามาหา ไม่รู้ใช่งานเดียวกันรึเปล่านะ
    แต่เดี๋ยวจะเล่าต่างหาก เรื่องงูเห่า งูเหลือม ซึ่งมาหลังจากคืนหนึ่ง
    ที่ก่อนนอน ไม่รู้ยังไง นึกให้มังกรปฎิพัทธ์ ตัวใหญ่เชียว มาบินวนรอบศาลา
    และเรียกพญานาค มานอนล้อมศาลาไว้ด้วย ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
    ถึงเรียกระดมพี่น้อง มาช่วยกันเฝ้าศาลา ก็เป็นครั้งแรกนะที่คิดแบบนั้นก่อนนอน

    ก่อนนั้นก็มีแต่...ยาวไปแล้ว พอก่อนดีกว่า ถึงเวลาไปกวาดลานวัดแล้ว
    เสียงพระกวาดดังแกรกๆ พิมพ์ต่อไม่ได้แล้ว เอาไว้ตอนมืดล่ะมั้ง นะ
    หลังทำวัตรเสร็จ ก็คงทุ่มกว่านั่นแหละ ถึงจะว่าง ถ้าไม่ขี้เกียจก็จะทำต่อ นะ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๒.๒๕

    กะแล้วต้องขี้เกียจ นี่ก็สู้กะใจอยู่แป๊บนึง อยากจะนอนฟังเพลงมากกว่าแฮะ
    เบื่อคนบ่น คนเบื่อคนบ่น ทน ทน ทน ท้น ทนไป๊ปป (ธเนศ วรากุลนุเคราะห์)
    กะลังฟังอยู่พอดีเลย บังเอิญเนอะ ๕๕๕

    ใครบ่นอยู่บ้าง ไปโหลดมาฟังซะดีๆ ในยูทูป
    ให้เฮ้ยธเนศ เค้าบ่นแทนเราละกัน หึหึหึ



    มาต่อเรื่องงูเห่าดีกว่า โชคดีวันนั้นถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานได้ทัน
    เค้ามา น่าจะวันต่อมาที่ก่อนนอน เรียกเพื่อนมาล้อมศาลาไว้ป้องกันภัย
    หรืออาจจะสองวัน ไม่น่าจะใช่ถึงสามวัน และไม่เกินจากสามวันแน่นอน ๕๕๕

    อยู่วัดนี้เกือบสองปีแล้ว น่าจะมีซักเกือบสิบครั้งล่ะมั้ง นะ
    ที่ก่อนนอน เรียกระดมพล มาอยู่ใกล้ๆ ก็มีหลากหลายนะ จะโม้ให้ฟัง

    ช่วงแรกๆ น่าจะเป็นพี่น้องนาครา ที่มีสามเศียร แบบที่อยู่ที่ทางเข้าวัด
    ทางวัดสร้างพร้อมกะตอนเรามาเลยนะ ถ้าใครเคยตามอ่านเราอยู่
    จะเห็นรูปแรกๆ ที่สร้างอยู่ ถ่ายไว้หลายรูปเหมือนกัน ไปดูวันที่โพสท์ได้เลย

    เจ้าอาวาสบอกว่า คุยกันไว้ตั้งกะปีก่อน ช่างเค้าไม่ว่าง
    บังเอิญมาว่าง พร้อมกับตอนที่เรามาพอดีเลยแฮะ
    เราอยู่ด้วยตั้งแต่ช่างขนของเข้ามา และเริ่มสั่งปูนทรายมาเลย ขอบอก
    วันแรกที่สร้าง มีฝนพรำๆ ด้วยนะ ในกระทู้เก่า น่าจะมีบอกไว้ด้วย ใช่ไม๊น๊า

    เคยเรียกมานั่งข้างๆ ตอนทำวัตรค่ำ บ่อยๆ หลายครั้งเลย ตอนมาใหม่ๆ
    แต่ไม่ได้มาแค่สองนะ นึกให้ครุฑยืนปักหลักเป็นกองหน้า เค้าซ่าส์ดี ขาลุย
    และเชิญยักษ์มายืนเป็นกองระวังหลัง ปกติจะมาเป็นคู่ ชอบยักษ์วัดแจ้งอ่ะ

    ตอนขับสามล้อกู้โลก ๕๕๕ ช่วงที่กะลังแปลงร่าง เมื่อสามปีก่อน
    เคยแวะไปเยี่ยมเยียนด้วย ยืนจ้องหน้ากัน แล้วเอามือลูบๆ ด้วย ๕๕๕
    คงคิดไปเองนะว่า เค้าบ่น ว่าให้รอตั้งนานแน่ะ ยืนมองแม่น้ำไหลไปไหลมา ๕๕๕ เบื่อจัง

    แต่กองระวังหลัง บางทีก็เชิญยักษ์ที่ศาลาทางขึ้นถ้ำ ที่วัดนี้มีอยู่ด้วย
    เค้าว่าปู่เวสสุวรรณนะ ถูกผิดไม่ขอยืนยัน ที่นี่เค้าว่างั้น เราก็ว่าตามนั้น
    มีสองท่าน ก็เชิญมาหลายทีอยู่ แต่บางทีพวกเค้าก็ขนกันมาแยะเชียว มากมาย

    เคยคิดนึกเอาเองด้วยนะ ว่าเคยไปเยือนเมืองของเค้าด้วยล่ะ ขอบอก
    แต่บรรยากาศแบบสลึมสลือจัง ไม่ค่อยกระตือรืนล้นเลย ซึมเซา เหงาหงอย
    ถ้าจำไม่ผิด ก็คงเป็นตอนที่บังเอิญรวมธาตุยักษ์กะมังกร
    ได้มังกรยักษ์ปฎิพัทธ์ออกมา ตัวใหญ่เป้งเชียว ยาวหลายสิบโลเลย ขอบอก
    หลักฐานตามกลอนมนตราท่อนนี้นะว่า

    ...เธอมา ให้ได้เห็น เมื่อตอนเย็นเย็น ฉันเห็นเต็มตา
    เธอยืน โคตรจังก้า มือซ้ายกำมา กระบองของใหญ่
    แม้ว่า ที่ตาเห็น ตัวเธอจะเป็น เพียงต้นไม้ใหญ่
    แต่ว่า ในมือซ้าย คลับคล้ายเสาไฟ ที่แท้เสาเมรุ

    ...นิมิตร จัดวางเหมาะ รูปร่างจำเพาะ พอเหมาะหัวมี
    โยกด้วย ตอนจิตชี้ ฉันหนาวชีวี มีขนลุกชัน
    ดูเธอ น่าเกรงขาม ตอนตามองตาม อยากห้ามอย่าหัน
    อย่าจ้อง ตรงตากัน จะหนาวฉับพลัน หนาวสั่นถึงใจ

    ...ตอนนั้น มันบ่ายแก่ ฉันหวังจะแก้ เมฆแก่สีดำ
    แผ่คลุม ทำฟ้าคล้ำ เมฆฝนครึ้มดำ น้ำใกล้ไหลนอง
    เราร้อง เรียกมังกร ที่เคยฝึกสอน ต่อกรก้อนฝน
    โบยบิน สู่เบื้องบน สู้พายุฝน ที่ใกล้รับเชิญ

    ...บังเอิญ เกิดเห็นนิมิตร รวมธาตุสิทิด นิมิตรสะท้อน
    รวมยักษ์ ก๊ะมังกร สมการยอกย้อน คลอด..มังกรยักษ์
    ตัวใหญ่ หลายสิบโล ชั้นร้องโอโฮ โม้ป่าววะนั่น
    จะใหญ่ ถึงไหนกัน สองตาจิตฉัน หนาวสั่นยินดี

    ...คราวนี้ มองที่ยักษ์ กลับรู้สึกรัก น้องยักษ์ซะนี่
    ตัวน้อง มีของดี แอบส่งมอบพี่ แอบมีเมตตา
    มิน่า ล่ะลูกแก้ว วิบวับวาวแวว แก้วเก้าพลัง
    ใช้แล้ว ช่างเข้มขลัง แกร่งกร้าวพลัง ขลังเข้มเต็มตื้น


    เอาแค่นี้ละกัน ไม่รู้จำได้ถูกหมดรึเปล่านะ ขี้เกียจค้น อยู่หน้าไหนไม่รู้แล้ว
    ใครอยากรู้ก็ค้นดูละกัน น่าจะอยู่ในนักรบแสงนั่นแหละ ช่วงปีแรกๆ ล่ะมั้ง นะ

    ส่วนเรื่องมังกร ที่คาดว่าเป็นมังกรฟ้า เพราะได้มาจากศาลเจ้ามังกรฟ้า
    ที่อยู่ใต้สะพานกรุงเทพ รายละเอียดเคยโม้แล้ว ไปค้นเอาเอง
    ตอนได้มาตัวนิดนึงเองอ่ะ น่ารักจัง บินตามหลังเรามา ตอนกลับจากศาลเจ้านั้น ๕๕๕



    ตอนสวดมนต์ทำวัตรค่ำ เคยเรียกพวกเค้ามาอยู่ข้างๆ แทบทุกครั้งเลย ช่วงแรกนะ
    ...ครุฑอยู่กองหน้า นาคราขวามือ
    ส่วนยักษ์นั้นหรือ ถือกระบองกองหลัง
    ส่วนที่ข้างซ้าย ซ่อนกายทุกวัน
    กระดานชนวนนั้น ใช้มันแทนกาย


    ท่านทางซ้ายไม่ชอบเปิดเผยตัวครับ ขอยกกลอนมนตราแนะนำตัวทั้งสี่ท่าน
    มาให้ดูเฉพาะท่านสุดท้ายละกัน ชอบมากเลย ขอบอก ว่า

    ...อีกหนึ่งซ่อนใจ เร้นกายหลีกหลบ
    ยากเย็นเห็นพบ ชอบหลบหลีกตา
    ปากกาเธออยู่ ล่วงรู้วาจา
    จำนรรปัญญา เจรจาเพียงใจ



    บ๊ะ เผลอแป๊บเดียวยาวอีกแล้ว โม้แล้วชอบไหลจังเลยเอ็งเนี่ยล่ะน๊า ๕๕๕
    รูปงูเห่ายังไม่ได้ทำเลย โพสท์ท่อนนี้ออกไปก่อนละกัน
    พอดีมีใครกะลังจะออกจากเวบ กว่าจะเข้ามาอีกก็หลายวัน
    เอาท่อนนี้อ่อยเหยื่อไว้ก่อน ๕๕๕ เดี๋ยวงูเห่าจะออกมาโชว์ นะคร้าบบบบ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     
  7. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    อิจฉาคุงพี่จังมีเพื่อนต่างมิติเยอะแยะ
    นาคเอย ครุฆเอย มังกรเอย ฯลฯ
    แล้วบ้านเมืองเค้าที่ไปเที่ยวมา ป่าหิมพานต์รึป่าว
    สภาพเหมือนที่เค้าบรรยายในนิทานนิยายมั๊ย

    ว่าแต่ ...มีงูเห่ามาอยู่ใกล้ๆ นี้น่าจะมีภัยซะละมากกว่านะคุงพี่
     
  8. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ๕๕๕ นี่ในนิทานนะครับ ใครอยากมีบ้าง ต้องจินตนาการเก่งๆ ลึกๆ นานๆ ต่อเนื่อง

    ที่ไปนั่น ไม่ได้ไปเที่ยวนะครับ แว๊บไปธุระแป๊บเดียวเอง ไม่ได้ดูอะไรเลย
    เห็นแต่ฉากเมืองไกลๆ ไม่ชัดด้วย มืดๆ แบบรีบไปรีบกลับน่ะครับ
    แค่ไปเจอเจ้าเมือง เจรจาธุรกิจกันหลายคำหน่อย แบบแลกเปลี่ยนการค้าน่ะครับ
    พอยื่นข้อเสนอไป เค้าก็รีบตอบรับอย่างไวเลยล่ะ ขอบอก
    แล้วชวนกันเหาะออกมาจากเมือง เหาะออกมาเร็วมาก มองแทบไม่ทันเลยล่ะ ๕๕๕

    ติดต่อกันผ่านนวลนางยักษ์น่ะครับ ไปสู่ขอให้มารวมธาตุกะมังกร
    ได้ลูกครึ่งยักษ์กะมังกรออกมา เค้าดีใจกันทั้งเมืองเลยครับ ๕๕๕
    ได้ลูกหลานสืบสกุลซะที เลิกหดหู่ซึมเซากันแล้ว ดีใจจังเรา

    วันนั้นนะ พอนึกเสร็จ ลูกมังกรยักษ์ก็ออกมาทันที ตัวใหญ่เต็มฟ้าเลย
    พักเดียวก็คาบดวงอาทิตย์โชว์ เราเห็นกะตา ตะลึงตึงตึงเลย ขอบอก เจ๋งโคตร
    เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้ ไม่งั้นจะเอามาโชว์ให้ดู
    พระอาทิตย์ยามบ่าย อยู่ที่ปากของมังกรยักษ์ชื่อปฎิพัทธ์ สวยงามสุดๆ

    อีกไม่กี่วันต่อมา ก็มีเหตุระเบิดโรงกลั่นบางจากรึเปล่าน๊า
    ที่เจ้าของที่ดินชื่อปฎิพัทธ์น่ะครับ พอได้ยินชื่อก็ปิ๊งเลย ว่า
    ยักษ์เค้าระเบิดโรงกลั่นฉลองชัย ๕๕๕ เลยเอาชื่อนี้แหละ เหมาะดี

    งูเห่าก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรนี่ครับ เพื่อนกันทั้งนั้น ยังเอานิ้วจิ้มๆ เลย ๕๕๕

    ถ้าเคยตามนิทานของเรา จะทราบว่า มีลูกงูทับสมิงคลามาเป็นนิมิตรครั้งนึง
    ก็คราวที่เค้ามาม้วนกายใต้หมอนเรา แปลงร่างเป็นบ่วงนาคบาสก์ไง จำได้ป่ะ
    จากวันนั้น ก็มั่นใจในสัตว์พิษ และพิษทั้งหลาย ว่าสำหรับเราแล้ว สบายมาก ๕๕๕

    ปล.หารูปบ่วงนาคบาสก์ไม่เจอแฮะ สงสัยไม่ได้อยู่ที่นักรบแสง
    เดี๋ยวหาเจอแล้วจะโพสท์อีกที งูเห่าเค้ารออยู่แล้ว วันนี้รึเปล่าน๊า หึหึหึ



    พนม เทียนธูปดอกไม้ / ดร.ดิเรก ผัวประภาพี่ประไพ

    .
     
  9. KasroK

    KasroK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +98
    ชื่อข้า พระอาทิตย์ สกุลสถิตย์ บนจันทรา
    ข้าเกิด วันอาทิตย์ ตีสามสี่ห้า เวลาเสือ
    สิบเก้าต่อเก้า ข้าก้าวออกมา
    ข้าได้พบว่า เป็นปีมะเส็ง

    ข้าคือ นักรบแสง...ผู้โรยแรง แสงใกล้สิ้น
    เพียงหวัง ใครได้ยิน แสงใกล้สิ้น ส่งเสียงมา...


    อ่านเสร็จนึกสงสัย แสงอะไรวะส่งเสียง
    หรือว่าแค่เป็นเพียง คำที่เรียงคล้องจองกัน
    แสงส่งเสียงไม่ได้นะครับ
    ผมล้อเล่นอย่าคิดมาก
    คุณ gratrypa กับ ิBat of light คนเดียวกันรึป่าวผมจำได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2014
  10. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    ถ้าในโลกแมตตริกซ์ ซึ่งเป็นโลกจำลองนั้นน่ะ อาจจะเป็นเช่นนั้นครับ
    แต่ในโลกจริง โลกนิทานของนักรบแสง ทำได้ครับ มันเป็นเช่นนั้นเอง

    คนเดียวกันครับ แต่ ิ Bat of light ตอนนี้โดนรังแกครับ โดนทับแบนแต๋เลย
    เนี่ย เราฟ้องไปทั่วแล้ว จะเอาเรื่องคนแบนให้ได้ คงต้องมีใครเดือดร้อนกันบ้างล่ะครับ

    แล้วยังมี agentlight555 อีกอันนะครับ มีสามยูสตอนนี้
    อีกอัน มังกรยักษ์ปฎิพัทธ์ยังรอคิวเกิดอยู่ ไม่รู้เมื่อไหร่

    [​IMG]



    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. KasroK

    KasroK Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +98
    คับทำไมถึงโดนแบนหรอคับ ผมได้ระวังตัวไว้ ผมไม่ได้เล่นเวปนี้มาหลายเดือนแล้ว
    ใครกันแบนคุณนักรบแสงได้ลงคอ
     
  12. หัวมัน

    หัวมัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2013
    โพสต์:
    2,191
    ค่าพลัง:
    +6,947
    คุงนักรบแสง เค้าโดนข้อหาพูดไม่ไพเราะนะจ๊าาาาาา
     
  13. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ท่านค้างคาวแสง เจอไกอาฯบ้างไหมครับช่วงนี้?({)
     
  14. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    แอ่นแอ้นนนน งูเห่ากะลังจะออกมาแล้วครับท่าน
    จับตาดูให้ดี อย่าให้คลาดสายตาเชียว ๕๕๕
    แต่อีกเดี๋ยวนึงนะ เดี๋ยวจะออกมาแน่ๆ
    ทุกท่านอย่าเพิ่งหนีไปไหนนะครับ
    รอดูรอชมกันก่อน เดี๋ยวได้เห็นกันแน่ๆ ๕๕๕

    อับดุลเอ้ย เอ้ย อยู่ไหน อยู่นี่ หึหึหึ
    ไม่รู้ทำไมนึกถึงสนามหลวงวัยเด็กขึ้นมาได้ล่ะหว่า ๕๕๕

    ในเมื่องูเห่าเค้ายังไม่ออกมา ไอ้เราก็ไม่รู้จะไปบังคับเค้าทำไม
    งั้นเอาอย่างอื่นมาโชว์ก่อนดีกว่า คิดไว้นานแล้ว ไม่รู้จะถามใคร
    วันนี้ถามแล้ว ก็ไม่คิดว่าจะมีใครตอบได้ถูกต้องล่ะมั้ง นะ
    เพราะคงไม่เคยมีใครเคยเจอเรื่องแบบนี้ จะจะ ต่อหน้าต่อตา เนอะ

    ภาพข้างล่างนี้เป็นนักรบตอนเด็ก น่าจะสิบกว่าขวบนะ
    ถ้าถ่ายรูปแบบนี้ คงจบปอสี่รึเปล่า ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
    แต่ตอนไปลาออกกะครูใหญ่ เค้าพูดคำนึงซึ่งเราจำได้แม่นเลยว่า
    เด็กคนนี้ท่าทางฉลาด รู้จักคิด ถามอะไรไปก็คิดก่อนตอบทุกที
    เราจำได้แค่นี้แหละ ไม่รู้คุยกันนานแค่ไหน ไปกะพ่อน่ะ น่าจะจบปอสี่ หรือปอหกกันหว่า

    [​IMG]

    แต่ประเด็นคำถาม ไม่ได้อยู่ที่รูป แต่อยู่ที่อะไรบางอย่างที่กลางหน้าผากน่ะ
    ไม่ได้เกิดแต่เด็กนะ มันเกิดซักปีสามแปดได้มั้ง ถ้าจำไม่ผิด
    ก่อนทิ้งโลกเข้าฝึกฝนและค้นหาที่สวนโมกข์ อันนี้แน่ๆ ก่อนเข้าวัดแน่นอน

    ตอนนั้นก็ฝึกโยคะอย่างหนัก เดินลมปราณแบบไท้เก๊ก
    พวกเต๋า พวกเซ็น ก็ทบทวนกันทั้งวัน พลังจักรวาลก็เริ่มฝึกแล้ว
    การเปิดจักระ โคจรลมปราณ อาณาปา แบบนอกตำรา คือยังไม่รู้จักดีน่ะ

    ฝึกกันทั้งวัน ตั้งกะเช้าจรดค่ำ ยันดึกดื่น ตีสองตีสามโน่นแหละ ถึงจะนอน
    งานการไม่ต้องทำ ตอนนั้นยังมีเงินเหลือแยะ น่าจะหลายแสนอยู่
    กำไรจากการซื้อตึกเก่า มาทำใหม่แล้วขายไป ตึกแถวสองห้อง
    ได้กำไรเกือบล้านล่ะมั้ง นะ แบบทำส่งเดชเลย ไม่เคยมีประสบการณ์ด้วย

    มาต่อเรื่องสัญญลักษณ์ที่หน้าผากนะ มันเกิดขึ้นตอนฝึกหนักๆ นั่นแหละ
    วันๆ แทบไม่ได้คุยกะใครเลย ไม่ค่อยออกไปไหน ร้านข้าวก็อยู่หน้าบ้าน
    ไม่ก็ขี่บิ๊กไบค์ออกไปซื้อ ตอนนั้นน่าจะใช้ yamaha FZX 750 CC
    คันเบ้อเร่อเลย ห้าวาล์วต่อสูบ ต้นจัดปลายแรง แซงเฉียบ
    ออกตัวจากไฟแดง ไม่เคยมีใครตามทัน ๕๕๕ โม้ซะหน่อย

    ก็ซื้อมาหลังจากขาย honda NSR 250R รถสองจังหวะ ทรงรถแข่ง
    คันนี้ต้นจัดกว่าอีก ใช้อยู่สองปี ไม่เคยมีใครแซงได้เลย ๕๕๕ โม้อีกหน
    จำได้ดี ดึกๆ เมาได้ที่แล้วก็ออกไปซิ่ง คนเดียว ไม่เข้าฝูงกะใคร
    ก็ไม่รู้ว่าออกไปค้นหาอะไร แต่บิดสุดๆ รอบเครื่องหมื่นนึง บิดหมดประจำ
    รถกับคน หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว เหมือนรถเป็นส่วนขยายของกาย
    เบรค คลัช คันเร่ง การทรงตัว โยกซ้ายหลบขวา ทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียวกันกะกาย

    เจอแก๊งค์ซิ่งบนถนน แป๊บเดียวก็อยู่หัวแถว กระพริบตาอีกที ก็หายไปแล้ว ๕๕๕
    นึกแล้วมีความสุขจัง สนุกสุดๆ ทุกคืนทุกคืน วันนึงซักสองร้อยโลได้ กว่าจะเข้านอน
    ก็ขายไปหลังพฤษภาทมิฬ เอาคันนี้ตระเวณไปทั่วเลย ตอนเกิดเรื่องกัน
    เอ้าเฮ้ย ออกทะเลไปไกลแล้ว เข้าฝั่งดีกว่า สี่ทุ่มสี่สิบเอ็ดแล้วเน้อ

    เรื่องตรงหน้าผากน่ะนะ มันเกิดขึ้นอยู่ซักสองสามวันได้
    เป็นคล้ายรอยแผลเป็นจางๆ แต่กลมดิ๊กเลย ขนาดซักแท่งดินสอได้
    ส่วนรอยรอบๆ น่าจะมีแปดรอยนั่นแหละ จำไม่ได้ดีแล้ว
    แต่ได้สัดส่วนกัน ทุกจุดห่างกันพอดี อยู่ห่างจากวงกลมเท่ากันทุกอันเลย
    วันที่เห็นรอยนี้ ก็แปลกใจนะ เฮ้ย นี่มันอะไรวะ หรือตาที่สามเปิดแล้ว
    ก็ไม่รู้จะถามใคร ฝึกอยู่คนเดียว กะกระจกบานใหญ่

    เพ่งมันทุกวันๆ เดินลมปราณ ปลุกจักระ โคจรพลังไปทั่วร่าง
    ฝึกมันปนกันไปมา ไม่รู้กี่วิชา หนังสือในร้านที่ทยอยขนซื้อมาอ่าน
    ก็ทบทวนไปมา ฝึกไอ้นี่แป๊บนึง ก็เปลี่ยนไปอีกแบบ
    บางทีลมหายใจเข้าออกครั้งเดียว เปลี่ยนไปสามสี่วิชาก็มี
    เทคนิคมีเพียบเลย ทั้งจากในหนังสือ และที่คิดค้นได้เองก็แยะ
    แยะมากด้วย ขอบอก แบบว่าอยากคิดอะไรก็ออกน่ะ เคยเป็นกันไม๊

    แต่รอยนั้นปรากฏอยู่แค่สองสามวันเอง แล้วก็หายไป เสียดายไม่มีรูป
    หลังจากนั้นไม่นานมั้ง ก็ทนอยู่บ้านไม่ได้ ต้องหาที่ใหม่ไปฝึกอีกระดับนึง
    เลยไปสวนโมกข์ เรื่องธรรมะทั้งหมด ก็ไปเรียนรู้จากที่นั่นทั้งหมดเลย ขอบอก

    ก่อนหน้านั้น เรื่องของศาสนาพุทธนี่เรารู้น้อยมาก
    เรื่องสวดมนต์ ใส่บาตร ทำสมาธิตามแบบ พวกนี้ไม่เคยสนใจเลย
    แต่อาณาปาของท่านพุทธทาส ก็เริ่มฝึกแล้วล่ะมั้ง นะ
    ไปซื้อหนังสือมาได้สองสามเล่ม น่าจะจากแถวท่าพระจันทร์นะ ถ้าจำไม่ผิด
    คู่มือมนุษย์ การฝึกอาณาปานสติ และก็ประวัติท่านพุทธทาส สามเล่มนี้รึเปล่า ไม่แน่ใจ

    พอดีกว่า คำถามคือ ใครจะบอกได้มั้ย ไอ้รอยกลางหน้าผากนั่น
    ใช่ตาที่สามไม๊ แต่อ่านหนังสือมาก็แยะนะ ไม่เคยเจอตรงไหนเลย
    ที่บอกว่ามันจะออกมาได้ที่กลางหน้าผากแบบนั้น
    ยิ่งเป็นรอยกลมๆ และมีจุดเล็กๆ อยู่รอบๆ แปดอัน
    แบบได้สัดส่วนกันพอดีเป๊ะ แบบไม่บังเอิญแน่ๆ
    ตำราเล่มไหนก็ไม่เคยเห็น อาจจะมีนะ แต่เราไม่เคยเจอ


    กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียน ๑๔.๔๑

    ฤกษ์ดี นาทีเหมาะ ได้เวลาโชว์งูเห่าซะที
    เคลียร์งานให้มันจบจบไปซะ ไม่รู้จะต้องเปลี่ยนฉากแล้วรึเปล่า

    เบื่อที่นี่แล้ว ชักอยากไปหาตังค์ใช้มั่ง
    เสื้อผ้าก็เก่า จะเน่าหมดแล้ว เบื่อเป็นคนอนาถาจังโว้ยยยย



    [​IMG]

    จากในรูป ถ่ายไว้ตั้งกะ ยี่บห้าพย. เวลาก่อนบ่ายคลายเคลียด (เปลี่ยนเป็นเครียดอ่ะ พิมพ์ผิดได้ไงหว่า)
    รูปแรก เป็นตรงที่เรานั่งสมาธิรอบเที่ยงถึงบ่ายๆ
    บางทีตอนเช้า นั่งที่ริมคลองชล ตอนบิณเสร็จเจ็ดโมงกว่า
    พอแปดโมง แดดก็เดินทางมาถึง ต้องย้ายมานั่งท้ายรถกระบะ คันตรงนี้แหละ

    เวลาในรูปประมาณเที่ยงนิดหน่อยนะนั่นน่ะ
    นั่งสมาธิบนเก้าอี้ หลับตาอยู่ ตอนได้ยินเสียงอะไรแกรกกรากตรงหน้า
    ลืมตามาดู ไอ้หย๋า งูเห่าเลื้อยผ่านหน้าเราไป ระยะแค่มือเอื้อมถึง
    ตัวใหญ่นะนั่น น่าจะสองเมตรกว่าแน่เลย เราเห็นแล้วก็เฉยๆ
    นึกในใจว่า เฮ้ย มันมายังไงวะ วันก่อนเห็นอยู่บนเขาข้างๆ

    เณรเค้าบอกว่ามันจะเลื้อยเข้าศาลาวัด เลยยืนไล่มันไว้ เลื้อยขึ้นเขาไป
    แล้ววันนี้มันลงมาจากเขา เลื้อยมาบนเนิน โพธิ์สามต้นนี้ ที่เรานั่งอยู่
    แล้วเลื้อยกลับไปทางเก่า ล่ะมั้ง นะ เดาเอาน่ะ
    เขาก็อยู่ด้านไกลของภาพนั่นแหละ ไม่ไกลกันเท่าไหร่หรอก

    พอเห็นชัดๆ เราก็ลุกตามไปดูมันเลื้อยไป พอนึกได้ว่าคงมีรหัสอะไร
    เลยหยิบมือถือมาถ่ายรูป ตามรูปที่สองนี่แหละ



    [​IMG]

    จากในรูปคงเห็นข้อความนะ ว่ามันกระดิกหางทักทายด้วย
    พอเราเห็นก็หัวเราะร่าเลย บอก เออ หวัดดี แหม..หางกระดิกเชียว
    หางมันทำตรงๆ เลยนะ ไม่โค้งแบบหางงูปกติ ยาวซักคืบนึงได้
    กระดิกโบกไปมาสองสามที เราก็เดินตามดู ห่างไม่ถึงเมตรหรอก



    พอมันเลื้อยมาจะพ้นแนวหิน ตามรูปที่สามของสองน่ะนะ
    เราก็ถามในใจ ว่าใช่งูเห่ารึเปล่าวะเนี่ย ไม่ค่อยแน่ใจ
    เด็กเทพเค้าไม่ค่อยคุ้นกะงูซักเท่าไหร่ เคยเห็นแต่ตัวดำๆ

    [​IMG]


    แต่ทันใดนั้นเอง เหมือนคุยกันกะงูรู้เรื่อง เหมือนแฮรี่ พอตเตอร์เลย ๕๕๕
    งูเห่าที่กะลังเลื้อยอยู่ ก็แผ่แม่เบี้ยออกมา สองสามครั้ง ระหว่างที่เลื้อยอ่ะ
    เราก็หัวเราะอีก เอ้าเฮ้ย รู้ภาษาคนด้วยวุ้ย ถามปุ๊บตอบปั๊บเลย ตลกมาก
    พอเลื้อยไปอีกซักเมตรนึง ก็แผ่แม่เบี้ยอีกชุดนึง สองสามครั้งเหมือนเดิม
    เป็นการยืนยันข้อมูล เหมือนที่เราตกลงกันไว้กะ "ฝั่งโน้น" เวลาส่งข้อมูลกัน
    เพื่อป้องกันสิ่งแปลกปลอมสวมรอยเข้ามา ให้มีการยืนยันซ้ำอีกครั้งนะ หึหึหึ

    แล้วงูเห่าปกติมันจะแผ่แม่เบี้ยตอนหยุด จะโจมตีไม่ใช่เรอะ
    หรือว่าเลื้อยไปแผ่ไป เราก็ไม่ทราบได้ ถ้าเคยเป็นงู ก็คงนานมาก ลืมหมดแล้ว ๕๕๕

    ส่วนรูปที่สี่ของสอง ที่ข้างห้องน้ำ ที่เค้าเลื้อยไป แล้วดันหยุดแถวนั้น
    เราเลยเอานิ้วจิ้มๆ แถวเอวเค้าล่ะมั้งนะ ๕๕๕ มันจั๊กจี๋รึเปล่าไม่รู้แฮะ
    แต่ก็รีบเลื้อยต่อไปอย่างไว เลยไปอีกนิด ก็มีร่องข้างล่าง ก็เลื้อยหายเข้าไป



    [​IMG]

    ส่วนรูปสุดท้ายนี้ เป็นของงูเหลือมตัวใหญ่เป้งเลย เสียดายไม่ทันถ่ายรูปไว้
    น่าจะวันสองวัน ของน้องงูเห่า หรือวันเดียวกันก็ไม่แน่ใจแล้ว
    ตัวใหญ่มาก น่าจะถึงสี่ห้าเมตรแน่ๆ ตัวบวมเชียว เพราะกินลูกหมาเข้าไปตัวนึง ๕๕๕
    แล้วรัดตายอยู่ตรงนั้นอีกตัว สงสัยอิ่มแล้ว กินไม่ลง
    มันคงไม่เคยดูหนัง กล่องข้าวน้อยฆ่าแม่แน่เลย ๕๕๕ ไม่งั้นคงไม่ฆ่าอีกตัวนึง
    กินเสร็จแล้วก็นอนอยู่ตรงนี้แหละ พระมาเห็นตอนเช้า มาบอกเรา
    เราก็ว่าปล่อยให้เค้านอนอยู่นั่นแหละ งูเหลือมเค้าไม่ชอบกินพระ ๕๕๕ พูดเล่นน่ะ

    แต่ก็มีคนมาจับมัน จะเอาไปปล่อย ก็มีพระบอกว่าจะเอาไปปล่อยที่ไหน
    ก็บ้านมันอยู่ที่นี่ มีพระเคยเห็นบ่อยๆ มากินไก่พระไปจนหมดเล้าเลย
    สุดท้ายก็ต้องเลิกเลี้ยงไก่ ไว้เลี้ยงงู ๕๕๕ แต่บนเขามีไก่ป่าฝูงนึงนะ
    น่าจะสิบกว่าตัว เคยเห็นลงมากินข้าวหมา ที่เหลือไว้ ตอนเช้าๆ เย็นๆ

    ก็จบนิทานตอนงูเห่ากะงูเหลือม มาเยือนตามนิมิตร
    แทนมังกร และพญานาค ที่เราเรียกมาคุ้มครองรอบศาลาที่นอนไว้
    น่าจะวันสองวัน ก่อนที่จะเห็นนิมิตรนี่แหละ
    เพราะถ้าให้มังกร กะพญานาคมาเอง ชาวบ้านจะแตกตื่น มาขอหวยอ่ะ ๕๕๕

    ก็ไม่รู้ว่านึกไงนะ คืนนั้น นึกเรียกมังกรปฎิพัทธิ์มาบินวนสองสามรอบ เหนือศาลา
    เสร็จแล้วก็นึกให้พญานาค ใหญ่มาก มานอนล้อมศาลาไว้เลย
    ไม่รู้ว่ามีใครหรืออะไรจะมาโจมตี หรือลองของรึเปล่าก็ไม่ทราบได้
    หรืออาจเป็นสมุนขี้กลากของไอ้แมว จัดมาให้รึเปล่าก็ไม่รู้ ด่ามันไว้แยะพอได้
    เสือกมาเผาเมืองเทพได้ไง พวกเค้าฉุนขาดเลย แม้จะไม่ได้สั่งเองก็เหอะ
    แต่ก็เป็นเหตุให้ตีนที่สาม ที่รอจังหวะอยู่แล้ว เสือกตีนเข้ามาได้ หึหึหึ

    พอดีกว่าเฮีย จะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ตูอีกแร้ววว หึหึหึ




    กระต่ายป่า ข้างวัด / พี่น้องนาครา

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 ธันวาคม 2014
  16. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    .
    เขียนตอนฤกษ์ดี (อีกแล้วครับท่าน ๕๕๕) ๒๑.๒๒


    จากติ่งที่ห้อยไว้จากกระทู้ไหนกันน๊า ความว่า

    ได้เวลาเคลียร์ด่านนี้ซะที เฮ้อ...ไม่รู้บอสของด่านนี้จะปราบยากอ๊ะป่าวนะ หึหึหึ

    วันนั้น สองธันวานี้เอง ดีนะที่จดวันที่ไว้ด้วย อ้างอิงได้ดี
    พาหลวงพ่อไปงานศพพระที่วัดหุบตาโคตร
    พอส่งเสร็จ ก็เดินเล่นตามธรรมเนียม จากลานจอดรถ
    เดินถอยหลัง จากทางเข้า ดูแล้วน่าจะเรียกถอยหลังจากทางเข้าได้นะ เนอะ
    ไม่ใช่เดินถอยหลังนะ แต่เป็นการเดินถอยหลัง ๕๕๕ แกล้งให้งงเล่น ด้วยเซ็นอ่ะ

    ถอยไปจนอยู่กลางลานจอดรถ ตามองตรงหน้า เห็นเจ้าแม่กวนอิม เต็มองค์ เต็มตาพอดีเป๊ะ
    จ้องกันอยู่พักนึง ก็เดินไปทางรูปปั้นสองพระผู้ยิ่งใหญ่ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ๕๕๕ เท่ห์ป่ะ
    แต่ระหว่างทาง ก็มีศาลาเตี้ยจัง ข้างในมีท่อนซุง เค้าว่าเป็นเจ้าแม่ตะเคียนพันปี รึป่าวน๊า

    ครั้งก่อนเคยมา ก็มานั่งอ่านแท๊บในนี้ครั้งนึง แต่ตอนนั้นเลือดบ้าไม่กระฉูด
    แต่วันนี้สงสัยจัดเต็มมาแต่บ้าน เอ้ยแต่วัดสิ ไม่ได้อยู่บ้าน ไม่มีบ้านแล้ว เศร้าจัง
    ไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าของเสา เอามือแตะแล้วทำจิตสู่ฝันฤทธา โดยออโต้
    นิ่งๆ อยู่พักนึง ก็รู้สึกว่า เค้าอยากแต่งตัวสวยๆ อ่ะ ชุดที่ใส่อยู่โทรมมาก ใกล้เน่าแล้ว
    ก็มองเห็นนะ ว่าตรงนั้นมีตู้เสื้อผ้าด้วย มีชุดอยู่เป็นสิบเลยมั้งนะ แต่สงสัยไม่โดนใจเจ้าหล่อน ๕๕๕

    เอ้า..ขอมาก็จัดให้ เฮียใจดี แม้จะไม่มีบ้านเหมือนกัน ฮาฮาฮาฮือฮือโฮโฮ (หัวเราะนะ)
    นึกถึงชุดไทยสวยเชียว สีเขียวปีกแมงทับ มีเลื่อมเป็นประกาย งามมาก ขอบอก
    สวมอยู่กับอะไรก็ไม่ทราบได้ มองไม่เห็น แต่รู้ได้ด้วยจิต ว่ามีใครสวมมันได้แล้ว
    ก็ดีใจด้วย สวยแล้วล่ะน้อง ๕๕๕

    แล้วดิ่งจิตลงลึกอีกครั้ง ก็พอดีได้กลิ่นหอมลอยมา ก็คงมาจากคนที่เดินมาข้างหลัง
    จิตก็รับรู้ได้ว่า อยากตัวหอมๆ ด้วยจ๊ะ พอดีเป๊ะ ตาก็มองเห็นกระป๋องแป้งวางอยู่แถวนั้น
    ก็คงมีใครเอามาถวายแล้ว แต่กลิ่นคงไม่โดนใจเจ้าหล่อนอีกแหละ เฮ้อ..หัวสูงจัง ใครหว่า
    ก็เลยนึกให้ กลิ่นยังไงไม่ทราบ แต่หอมกรุ่นเย็นสดชื่น ลอยฟุ้งออกจากร่างหล่อน
    โชยกระจายไปทั่ว ไปไกลสุดตาเชียว ขอบอก เราฤทธิ์แยะวันนั้น สงสัยอยู่ใกล้ขาใหญ่ ๕๕๕

    เสร็จแล้วก็ยืนนิ่งๆ อีกแป๊บนึง ก็ไม่มีอะไรอีก สงสัยหล่อนคงปลื้มจนลืมเรา
    ก็เลยบอกลา แล้วเดินต่อไป เป้าหมายอยู่ที่ขาใหญ่ทั้งสองท่าน (ใหญ่มากนะ ขอบอก)
    เดินผ่านคอกแกะขาวสองตัว ก็คลอเคลียกันพักนึง สงสัยมันเบื่อมาก กลิ่นก็เหม็น
    ชาติหน้าคงอยากเกิดเป็นคนบ้างล่ะมั้ง นะ ก็ส่งคำร้องไปให้ใครก็ไม่ทราบ สงสัยได้ตัวนึง

    ข้างๆ นั้นก็มีรูปปั้นรามสูรหรือราหูอมจันทร์ หรือพระอาทิตย์หว่า ไม่รู้ดิ
    ยืนมองหน้ากันพักนึง ก็ไม่เห็นมีอะไร สงสัยมันยังแจ๋วไม่พอ น่าจะไม่ใช่ตัวจริง
    เดาเอาเองว่า น่าจะเป็นตัวอะไรแถวนั้นล่ะมั้งหว่า เข้ามาอยู่ชั่วคราว รอตัวจริงมาสิงสู่
    ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร ทักไปแล้วก็เงียบๆ ไม่รู้มันกลัวอะไรรึป่าวนะ

    ก็เลยเดินต่อไป ถึงรูปปั้นซะที เกือบครึ่งชั่วโมงมั้งนะ ระยะทางไม่ถึงสองร้อยเมตรเอง
    ก็ยังไม่เดินขึ้นไปนะ เดินไปด้านหน้า ให้มันตรงๆ จ้องท่านชัดๆ แล้วมองไปรอบๆ
    ซักพักก็เดินขึ้นไปด้านบน แต่ก็ไม่ได้ไหว้นะ ไม่ได้ขอพรอะไรด้วย แค่มองหน้ากันเฉยๆ

    ทำจิตลึกๆ เดินไปมาแถวๆ ด้านหน้าท่านนั่นแหละ พักนึงก็เข้าไปนั่งในศาลาตรงนั้น
    มองไปรอบๆ ลมแรงจังวันนี้ อากาศกะลังสบายดี ธงธรรมจักรรึเปล่า สีเหลืองโบกสะบัดตามแรงลม
    เอาวะ นั่งสมาธิมันตรงนี้แหละ เพิ่งจะทุ่มกว่าเอง เวลายังเหลือแยะ ไม่ต้องรีบ และไม่ต้องอายใคร
    ก็นั่งสมาธิไป เริ่มแรกก็ทำจิตให้สงบระงับก่อน ปรับลมหายใจให้เข้าที่ ช้าๆ ยาวๆ ลึกๆ

    แล้วก็เริ่มเดินลมปราณก่อนดีกว่า ไม่รู้ใครเลือกให้นะ เข้าจากจมูกผ่านคอลงท้อง
    ขาออกจากท้องก็ย้อนกลับมาทางเดิม จิตตามติดลมมาทุกขณะที่หายใจ
    หัวลมถึงไหน ใจก็ถึงตรงนั้น เดินลมเข้าออกสามสี่รอบ ชาร์จแบตเรียบร้อย

    ก็เริ่มต่อที่การหมุนจักระที่ท้องต่อ เพื่อเพิ่มระดับปราณในร่างให้ขึ้นสู่ระดับสูงขึ้น
    เพราะที่ท้อง เราใช้เป็นถังพลังงานน่ะ อยู่ใกล้จุดตั้งชัง (รึป่าว ตำราจีนน่ะ)
    ที่เค้าว่าเป็นจุดเก็บพลัง แต่เราชอบใช้ตรงสะดือมากกว่า ก็ใช้ได้นะ
    มันอยู่ใกล้กัน แล้วทำมานานยี่สิบปี จนมันเชื่อมกันได้แล้วล่ะมั้ง ต้องใช่แน่เลย
    และอยู่ใกล้จักรม้ามด้วย ที่ชายโครงด้านซ้าย จุดนี้สำคัญมาก แต่ไม่ค่อยดังเท่าไหร่
    ถ้ากระตุ้นจักรนี้ให้ดี มันจะช่วยทำให้การกระตุ้นจักระอื่นทั้งหมด ให้ทำงานได้ดี เร็ว แรง มากมาย
    ก็ใกล้ๆ สะดือ พอหมุนจักรสะดือเล่น ดูดพลังงานเข้าออก เข้าออก หลายๆ รอบ
    ดูดมันจากรูสะดือนั่นแหละ สะดวกดี มีรูอยู่แล้ว ถึงรูจะปิดแล้วก็ไม่เป็นไร ๕๕๕

    ทำสลับกับการสูบปราณจากจมูกลงไปถึงกลางท้อง สูบเข้าปล่อยออก
    แต่มันคงเข้าไปค้างอยู่ มากกว่าจะออกมั้ง เพราะทำไปแล้ว รู้สึกท้องแน่นขึ้นด้วย สงสัยมันพองลมปราณ ๕๕๕
    ซักพักนึงพอรู้สึกว่าเต็มจนแน่นแล้ว ก็พอ โยกจิตกลับมาสู่โหมดกสิณมั้ง

    เพ่งที่จุดหว่างคิ้วพักนึง แล้วก็ปล่อยจิตแผ่ออกไปรอบๆ ทำใจสบายๆ โล่งๆ
    นั่งทำอาณาปา หายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องแฟบ ทำไปเรื่อยๆ
    ทำจิตว่าง ว่างได้จริงนะ ใครว่าจิตว่างไม่ได้อย่าไปเชื่อมัน มันโม้
    โม้ไม่เก่งด้วย ไม่เหมือนเรา ซึงเป็นผู้เชี่ยวชาญในการโม้ ๕๕๕

    ใจก็ว่างๆ ไม่คิดอะไร ไม่สนสิ่งใด เป็นเอกัคคตารึ ก็ไม่ใช่ เลยจากนั้นไปอีก มั้งนะ
    อยู่ในสภาพจิตแบบนั้น นานหลายนาทีเลยล่ะ ก็สบายดีนะ ลมก็เย็นๆ
    แม้จิตจะนิ่ง จะว่าง แต่ก็ยังรับรู้สภาพรอบข้างได้ คนเดินไปมา พูดกันก็ยังได้ยิน

    จนใกล้จะเลิก ก็เกิดนิมิตรว่า ศาสนาพุทธเรา ถูกอะไรผูกมัดพันอยู่
    ไม่เป็นอิสระ ม้วนไปมา อึดอัดขัดข้อง หมองหม่น ทนมานาน
    พอรู้สึกแบบนั้นก็นึก เอ...ศาสนามันมีจิตใจด้วยรึ ถึงบ่นออกมาได้ด้วยแฮะ
    รับรู้อยู่พักนึง ก็คงถึงเวลาเลิกงานแล้ว ก็ออกจากจิต ไม่เห็นต้องมีพิธีรีตองอะไร
    พอแล้วก็ออก แต่ค่อยๆ ถอนออกมา ลืมตา ขยับขา แขน แล้วก็นั่งห้อยขาต่อ

    ตาก็มองไปรอบๆ และแล้วก็มองเห็นธงหลายผืน ถูกลมพัดม้วนอยู่กับเสา
    มิอาจโบกสะบัดได้อย่างใจ อันเป็นอิสระ เจ้าแห่งนิมิตรก็เริ่มภารกิจทันที
    ลุกขึ้นไปจับผ้านั้นคลายออก อันโน้นอันนี้ รอบๆ รูปปั้นขาใหญ่ทั้งสอง
    เดินจนรอบ จับคลายไปหลายอันเชียว เสร็จแล้วก็ยืนมองเค้าโบกสะบัดอย่างอิสระ สุขใจจัง
    วันนี้ทำได้แค่แก้ไขจากในนิมิตร แต่สักวันเหอะน่า คงได้โชว์พาวของแท้ ๕๕๕

    เสร็จพิธีก็บอกลาท่านทั้งสอง ก็ยังไม่ได้ไหว้อีก แปลกใจตัวเองเหมือนกันแฮะ
    ไม่ยอมให้ไหว้อะไรที่ไหนเลย ยกเว้นบ้างตามสถานการณ์ แต่ไม่บ่อยนัก
    เดินลงมา ตรงบันไดก็มีธงโดนรัดอีก ก็คลายให้จนหมดทุกธง

    สองทุ่มกว่าแล้ว เดินไปศาลาดีกว่า จะมีอะไรให้กินไม๊น๊า ชักหิวแล้วสิ
    เดินไปถึงหน้าศาลา ข้างๆ มีเต๊นท์มีหม้อข้าว แล้วจะได้กินไม๊หว่า นึกในใจ
    ก็พอดีคนขับรถพระ ที่พอคุ้นหน้ากัน ไปงานบ่อยๆ ก็พอจำกันได้
    แต่เราไม่ค่อยสุงสิงกะใคร พูดคุยตามมารยาทไม่กี่คำ ก็ปลีกตัวออก

    วันนั้นพอเจอกัน เค้าก็บอกว่ากินข้าวต้มสิ ตักเองเลย เราก็ขอบคุณ
    เดินตรงไปเปิดดู ข้าวต้มหมูสับของชอบพอดี มีผักหั่นและพริกไทยให้พร้อม
    ก็เล่นซะชามนึง กินไปกินมา ดันหันไปดูอะไรด้านนอก ท้ายศาลานั่นเป็นเมรุ

    ก็ไม่เห็นอะไรเลย แต่ก็มองอยู่นาน ถือถ้วยข้าวต้มค้างนิ่งเชียว
    แล้วก็เหมือนเข้าใจ พูดในใจว่าเออ รอเดี๋ยว เดี๋ยวตักให้ ๕๕๕
    ตูล่ะงงตัวเองจัง อะไรก็ไม่เห็น เสียงก็ไม่ได้ยิน แล้วทำไมเข้าใจได้วะ ถ้าจะบ้าแล้วตู หึหึหึ

    กินเกือบหมดชาม ก็ลุกตักใหม่อีกรอบนึง อ้อ..เกือบลืม ตอนกินอยู่ก่อนหมดนะ
    มีคนมาตักข้าว แล้วมีคนคุยกะเค้า แต่เราดันได้ยินคำเดียวเองว่า ไม่ต้องมาก
    ก็ดันเข้าใจไปว่า เดี๋ยวเราไม่ต้องตักมากก็ได้ ๕๕๕ หูประหลาดดีนะ
    ตักเสร็จก็ลุกออกมา ถือแก้วน้ำที่กินแล้วออกมาด้วย เอาอันนี้แหละ ไม่ต้องเปิดใหม่ เปลืองของเค้า

    ก็เดินถือข้าวและน้ำออกมาที่โล่งๆ มืดๆ นึกอายชาวบ้านเค้าเหมือนกันนะ คงมีใครสังเกตุเห็นบ้างแหละ อาการแปลกๆ
    เดินมาก็มองไปรอบๆ ตรงไหนดีวะ ก็พอดีมีแผ่นไม้วางอยู่สีขาวๆ เอาตรงนี้แหละวะ
    ก็วางชามข้าวไว้ แก้วน้ำด้วย ยืนแป๊บเดียวก็จะเดินกลับ พอจุดบุหรี่สูบ
    ก็หยุดกึก หันไปมองข้างหลัง อะไรวะ จะเอาบุหรี่ด้วย เอ้า..ขอมาก็จัดให้ ๕๕๕
    ตัวที่สูบไปทีนึง ก็เดินกลับไปเสียบไว้ข้างๆ ชามข้าว แล้วหัวเราะชอบใจ
    เสร็จแล้วก็เดินกลับ ไม่กล้ามองหน้าใครเลยแฮะ อายเล็กน้อย
    ไม่รู้ใครคิดนะ ว่ามันทำบ้าอะไรวะ เอาชามข้าวไปวางไว้ใกล้เมรุ
    แต่บางจิตก็เหมือนเข้าใจนะ ว่าเราทำอะไร คิดแบบทึ่งๆ ก็มี แบบไม่อยากเชื่อก็มี ๕๕๕

    ซักพักงานก็เสร็จ ก็ไม่มีอะไรแล้ว รับหลวงพ่อกลับวัด

    ก็จบนิทาน "นักรบแสงแห่งหมู่บ้านในนิทาน" ไปอีกตอนนึง
    เดี๋ยวนึกก่อน ชื่อตอนอะไรดีหว่า .... เอาชื่อ "ขาใหญ่ให้หลุมดำ" ดีกว่า

    เกือบลืมไป ตอนนั่งสมาธินั่นแหละ ที่นึกเรื่องหลุมดำได้ด้วย
    พลังงานมหาศาลเลยนะ ที่ไหลลงไปตึกขาใหญ่หลวง
    ไม่รู้สะดุ้งบ้างป่าวนะ ๕๕๕



    ลูกนาฬิเกร์ / พ่อนิมิตร
    (ไม่ใช่นิมิตรธรรมดานะ ขอบอก ใหญ่และแจ๋วกว่าลูกนิมิตรมากมายด้วย
    ๕๕๕)
    .

    ปล.เพิ่งนึกออก ยังตกไปอีกหลายช็อท แต่ขี้เกียจแล้ว เอาไว้ก่อนละกัน
     
  17. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537
    แอบเข้ามาเยี่ยมคะ ว่าจะ like รูปพี่นักรบ กลัวจะโดนว่ามาจีบ 555 เลย like แม่เบี๊ยแทน เห็นไอดี นี้ที่ไรนึกถึงป๊ป๊าทุกที ป๊าเกิดปีกระต่ายพอดีน่ะคะ :)
     
  18. มนุษย์835

    มนุษย์835 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +182
    คล้ายๆ นึกถึงเว็บพลังใจ คุณโดเรม้อน เคยพูดถึง พระอาทิตย์ รอบๆคือบริวารทั้ง 8 เรื่องราวของเทพ
     
  19. gratrypa

    gratrypa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2011
    โพสต์:
    1,283
    ค่าพลัง:
    +1,505
    เขียน ๑๔.๑๙

    ร้ายได้นะครับ ไม่ว่าอะไร ยินดีอีกต่างหาก ๕๕๕ ถึงร้ายก็รัก หึหึหึ
    แม่เบี้ยไหนอ่ะ อ๋อ..รูปน้องงูล่ะสินะ น่ารักนะ อุตส่าห์โผล่มาทักทายกัน

    แต่ถ้าเป็นรูปงู ต้องรูปนี้สิ สุดยอดของขลังเลยล่ะมั้ง นะ ขอบอก หึหึหึ

    [​IMG]


    ฝากให้คุณแฟนขับเบอร์สามด้วยนะครับ
    ที่เคยแนะนำว่า ให้ปริ๊นเล็กๆ พกไว้ป้องกันตัวได้
    บ่วงนาคบาสก์เวอร์ชั่นล่าสุด ยุคอินเตอร์เนทครองสามโลก ๕๕๕

    ไปค้นสรรพคุณดูเอาละกัน เค้าว่ากันอะไรได้บ้าง ก็ได้ตามนั้นแหละครับ
    ถึงรูปแบบจะเปลี่ยนไปบ้าง ไม่เป็นไร ไมเนอร์เชนจ์มาใหม่ ให้ดูทันสมัยน่ะครับ
    (รายละเอียดที่มาที่ไป อยู่หน้าไหนไม่รู้ อยากรู้ย้อนไปหาเอานะ)

    แนะให้บูชานาคราซะหน่อย วิธีก็ตามกูเกิ้ล ว่าไงก็ว่างั้น ดูที่เข้าท่าหน่อยละกัน
    อ้อ..อย่าลืมแบ่งปันถึงบริวารของเค้าด้วยนะครับ มีแยะเชียว
    จะได้คอยช่วยเป็นหูเป็นตาให้ได้ มีอะไรพวกเค้าก็ร้องบอกหัวหน้าให้น่ะครับ
    พี่น้องนาครามีแยะ หลายสาย รู้จักกันหมดแหละ เราไปตีซี๊ไว้หมดแล้วครับ ๕๕๕


    กระต่ายป่า ข้างวัด / เขี้ยวแก้ว

    .
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. สตธศร

    สตธศร Namo Amithapho

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    707
    ค่าพลัง:
    +1,537

    สวยจังเลยคะ ที่บ้านก็ตีซี้กันไว้นะคะ จริงๆแล้วเค้าใจดีมากเลยคะ เคยมีแบบว่าเข้ามาขดอยู่ในกระเป๋ากางเกงป๊ป๊า ด้วยคะ ตอนเป็นเด็กหนูเจอแล้วก็วิ่งเข้าใส่ เคยโดนกัดครั้งหนึ่งคะแต่ก็ไม่เข็ด 55555 แต่ต้องเป็นชนิดที่มีสีสรรสดใสเท่านั้นนะคะ ถึงจะโดนใจ เสียดายแฟนไม่ยอมให้เลี้ยง เดี๋ยวนี้เห็นมีงูมังสวิรัติด้วยน่าสนใจมากๆคะพี่กระต่าย สัตว์ดุร้ายไม่ได้ร้ายตลอดเวลานะคะ เค้าก็มีพิษไว้เพื่อปกป้องตนเองเท่านั้น น่ารักออก

    (kiss)
     

แชร์หน้านี้

Loading...