วิธีตรวจเช็คพลังพระเครื่อง เชิญมาทดลองกันเลย

กระทู้หลัก
http://palungjit.org/showthread.php?t=108610

วิธีตรวจเช็คพลังพระเครื่อง

1นำวัตถุมงคลไว้ในมือ
2กำแต่แย่แน่นเอาพอดี
3ทำความรู้สึกไว้ที่มือ
4ทำใจให้โล่งๆว่างๆ

ถ้าวัตถุมีพลังจะแสดงดังนี้

•มีคลื่นแผ่ออกมาจากวัตถุ
•มีความรู้สึกว่ามีอะไรมากระทบที่มือ
•คล้ายชีพพจรแต่ไม่ใช่ชีพพจร
•คล้ายๆกับเอาแม่เหล็กมาใกล้ๆกันแต่ไม่ให้ดูดติดกัน
•ความรู้สึกจะเบากว่าแม่เหล็ก

ด้านและพลังของวัตถุ
♫ถ้าจับแล้วรู้สึกเบาเย็นแผ่ช้าๆไม่กว่างมากจะเป็นด้านเมตตา
♫ถ้าจับแล้วแผ่ออกมาวืด วืด เร็วปานกลาง จะเป็นด้านปลอดภัย
♫ถ้าจับแล้วออกมาถี่ เร็วมากๆ จะเป็นด้านคงกระพัน
♫ถ้าจับแล้วออกมาถี่ แรงๆ เร็วๆ สั่นๆ แน่นหน้าอก แสดงว่าเป็น มหาอุด ยิงไม่ออก
♫ถ้าด้านโชคลาบจะคล้ายเมตตาแต่จะไม่เย็น

ทดลองกันได้นะครับแต่ขอเตือนอย่างนึง
ห้ามไปตรวจวัตถุบางประเภทที่แปลกๆ
เพราะบางที่เป็นไสยเวทย์ มันจะวิ่งขึ้นแขนคุณทันทีแล้วจะปวดอย่างแรง

วิธีดันของออก
1ท่องพาหุงฯ บทแรกแล้วเป่าไปที่แขน ทำให้มันหยุดวื่ง
2ดันมันออกด้วย อิติปิโสถอยหลัง หรือ คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า

กระทู้หลัก
http://palungjit.org/showthread.php?t=108610
ไอที่บริกรรมคาถาเขาเรียกว่าปลุกพระนะครับ
ใช้ นะมะพะทะ
แต่ถ้าเช็คเฉยๆ ไม่ต้องบริกรรม
เพราะบริกรรมพลังของเราเองก็แสดงทำให้ไม่รู่ว่าพลังเดิมของท่านมีหรือปล่าว

 

กระทู้หลักครับผม

http://palungjit.org/showthread.php?t=108610

 

เคยได้ยินว่าต้องท่องคาถากำกับด้วยไม่ใช่หรือครับ ?
ต้องมีสมาธิมากน้อยขนาดไหนครับจึงจะได้ผล
ถ้าวัตถุมงคลนั้นเป็นพระเครื่อง (รูปพระพุทธเจ้า) จะเป็นบาปไหมครับ
และต้องทำพิธีขอขมาอย่างไรครับ ?

 

เคยมีประสบการณ์มาเหมือนกันค่ะ ...ต้องทำพิธีไหว้ครูก่อนค่ะ แล้วอ. ที่สอนให้ก็จะถ่ายทอด เป็นคาถาหน่ะค่ะ ..พอจิตเราเป็นสมาธิ ก็จะสัมผัสได้ถึงพลัง ในส่วนตัวเองที่เจอนะคะ มือจะขยับไปแต่ละรูปแบบ โดยเหรียญพระที่มาทดสอบ จะต่างกันค่ะ พลัีงในทางเมตตา มหาอุด หรือว่า คงกระพัน จะไม่เหมือนกันค่ะ ..ก็จะอธิษฐานก่อนที่จะท่องคาถา ขอบารมีให้ลูกได้สัมผัสถึงพลังของ ครูบาอาจารย์ที่ถ่ายทอดไว้ในเหรียญนี้ค่ะ พลังของพระเครื่องจะ มี มากน้อยไม่เท่ากันค่ะ ....

 

ถึงคุณ soul2006 คาถาว่าอย่างไรล่ะครับ เปิดเผยได้ไม๊ครับ
และถ้าจิตยังไม่ค่อยมีสมาธิจะทำได้หรือเปล่าครับ
เราจะแน่ใจได้ขนาดไหนครับว่า ไม่ได้เกิดจากอุปาทานของเราเอง
และเคยสัมผัสกับพลังของพระบรมสาริริกธาตุบ้างไม๊ครับ ?
ถ้าเคย เหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
ขอบคุณครับ

 

ก่อนอื่นขอเล่าประสบการณ์ก่อนนะคะ ...พานศ.ไปอบรมธรรมะที่วัดหน่ะค่ะ โดยจะฝึกสมาธิกันเกือบทั้งวัน เพื่อเป็นการผ่อนคลายให้เด็กๆ พระอาจารย์เห็นว่า เด็กๆ เค้าสนใจเรื่องพระเครื่องกัน เลยถามเด็กๆ ว่าสนใจจะตรวจสอบมั๊ยว่า พระเครื่องมีพุทธคุณด้านใด เด็กๆ ก็สนใจ พระอาจารย์ท่านเรียกว่า เป็น กีฬาสมาธิ เพราะว่า เวลาสัมผัสได้ถึงพลัง ถ้าเป็นด้านมหาอุด หรือคงกระพัน พลังจะแรงมาก...ต้องใช้พลังมาก ปลุกพระเสร็จเล่นเอาหมดแรงเหมือนวิ่งมาเป็นกิโลค่ะ ..พระอาจารย์ก็เอาพระเครื่องจากที่เด็กๆ แขวนมา แล้วก็ทดสอบพลังโดยการกำไว้ในมือแล้ว ท่านก็เริ่มท่องคาถา....แล้วพลังในเหรียญก็สำแดงค่ะ โดยมือจะ...ขณะเดียวกันนั้นเอง มี เด็กคนหนึ่ง จู่ ๆเค้าก็แอบกำเหรียญแล้ว ก็ท่องคาถาโดยไม่ได้บอก แล้วอาการเค้าก็เป็นทันที สัมผัสพลัง แล้วตัวเค้าก็สั่นแรงมาก แต่เค้าหยุดตัวเองไม่ได้ค่ะ ...พระอาจารย์เลยแก้ให้ จำไม่แม่นแล้วว่าแก้ ทำยังไง หลังจากอาการสงบ ก็ต้องทำพิธีขอขมา...แต่หลังจากนั้น เด็กคนนี้ก็ไม่สามารถสัมผัสพลังได้อีกเลย แม้ว่าจะขอขมาแล้วค่ะ

ส่วน คนอื่นๆ ก็ทำพิธีไหว้ครูก่อนค่ะ ...แล้วท่องคาถา ที่ว่า..ปรากฎว่าแบ่งเป็นสองกลุ่มนะคะ กลุ่มหนึ่ง สัมผัสพลังได้ เด็กอีกกลุ่มท่องคาถาแล้วสัมผัสไม่ได้.คิดว่าคงเป็นที่สมาธิของแต่ละคนค่ะ ...
แต่เป็นเรื่องแปลกนะคะ ..ลองทดสอบโดย.เอาพระเครื่ององค์เดียวกัน ไปให้เด็กที่สัมผัสพลังได้ ลองสัมผัสดู จะบอกได้ตรงกันหมดว่า พระเครื่ององค์นี้มีพลังด้านใด... ด้านเมตตา คงกระพัน หรือมหาอุด ค่ะ โดยที่ต่างคนก็ไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เค้าบอกว่ามีพลังด้านใดค่ะ ...และเคยทดสอบเอาพระปลอมค่ะ ให้ลองสัมผัสพลังดู ปรากฎว่าปลุกพลังไม่ขึ้นด้วยค่ะ ..ก็ทดสอบกันเยอะค่ะ เพราะอยากพิสูจน์ เหมือนกันว่าเป็นอุปทานอย่างที่คุณว่าหรือเปล่า

ส่วนพลังของพระบรมสารีริกธาตุ นี้ไม่เคยใช้วิธีนี้ทดสอบค่ะ เพราะเป็นเรื่องไม่บังควร เป็นการลบหลู่หน่ะค่ะ ..เพราะเรามีความเชื่อเต็มร้อยแล้วเรื่องพุทธานุภาพของพระบรมสารีริกธาตุค่ะ


เพื่อความปลอดภัย โดยส่วนตัวคิดว่า ถ้าอยากได้คาถา ควรหาผู้รู้ ทำพิธีไหว้ครูก่อนดีกว่าค่ะ ...เรื่องแบบนี้เป็นปัจจัตตังค่ะ ถ้าไม่รู้ไม่เห็นไม่สัมผัสด้วยตัวเอง ก็อาจจะไม่เชื่อค่ะ

โดยส่วนตัว คิดว่าคงมีหลายวิธีในการทดสอบ แต่สิ่งสำคัญก็ขึ้นอยู่กับสมาธิของผู้ทดสอบด้วยค่ะ ว่ามีสมาธิสามารถรับคลื่นพลังที่บรรจุอยู่ในพระเครื่องได้ขนาดไหนค่ะ ..

สรุปสุดท้าย อย่าละทิ้งเป้าหมายสำคัญในการปฎิบัติธรรม นะคะ ตามรู้กายและใจจน ปล่อยความยึดมั่นถือมั่นทั้งปวง ..สิ่งต่างๆ เหล่านี้เสมือนดอกไม้ข้างทางที่เราแวะชม ก่อนจะถึงพระนิพพาน...แต่อย่าเที่ยวแวะชมมากเกินไปนะคะ จะทำให้เสียเวลา......ขอผลบุญบารมีของทุกคนที่ได้สั่งสมมารวมกันเป็น ตบะ เดชะ เป็นพลวัตร ปัจจัย เกื้อหนุนให้มีดวงตาเห็นธรรมโดยเร็ว ตามวาสนาบารมีของตน ทุกคนทุกท่านเทอญ... สาธุ...

 

กระทู้หลัก
http://palungjit.org/showthread.php?t=108610
ไอที่บริกรรมคาถาเขาเรียกว่าปลุกพระนะครับ
ใช้ นะมะพะทะ
แต่ถ้าเช็คเฉยๆ ไม่ต้องบริกรรม
เพราะบริกรรมพลังของเราเองก็แสดงทำให้ไม่รู่ว่าพลังเดิมของท่านมีหรือปล่าว

 

บางท่านสัมผัสได้เฉพาะอย่าง เฉพาะครูบาอาจารย์ ไม่ทราบว่าเพราะอะไรคะ?

 

ชอบกระทู้นี้คับ
ผมเคยศึกษาวิธีการจากคุณตาที่สามผู้โด่งดังมาบ้าง
ผมว่ามันก็ไม่เลวนะครับ ถึงแม้มันจะมีโอกาสคลาดเคลื่อนจากสิ่งแวดล้อม
ได้บ้าง แต่ถ้ารู้และระวังก็ โอเคนะผมว่า

 

อืมม์...อ่านแล้วหยิบเอาพระแม่กวนอิมที่ติดตัวมากำดู รู้สึกเหมือนชีพจรเต้นตุบๆ อยู่ในมือเลย

 

จะเรียกกีฬาสมาธิอย่างที่คุณsoul2006 หรือเรียกธรรมะพิเศษก็ได้ครับ
ใครมีศีล มีสมาธิดี ก็รับรู้ได้ชัดเจนมากกว่า
เป็นการผ่อนคลายจากการปฏิบัติธรรม เป็นปัจจัตตังครับ
ยิ่งกุศลบารมีเก่ามีหนุนหลัง หรือมีหน้าที่ช่วยงานศาสนาในด้านนี้
จะพบสิ่งที่น่าแปลกใจมากทีเดียว และรับรู้ได้ค่อนข้างจะตรงกัน
แต่อย่าไปทำเรื่องหาประโยชน์ หาลาภสักการะใส่ตัวนะ
เดี๋ยวสัมผัสของคุณจะเพี้ยนไปครับ

 

ผมว่าเป็นเพราะแนวการฝึกสมาธิที่เราทำมานะครับ หากตรงกับท่านใดมากเราก็สามารถรับรู้พลังของท่านนั้นได้ชัดเจนกว่า เพราะพลังคล้ายกันจูนเข้ากันง่าย

 

พลังอยุ่ที่ตัวเอง ที่จับได้ก็ที่ตัวเอง แต่ที่พระนั้น เป็น เชื้อเหนี่ยวนำ
พลังไม่มีที่พระ เปรียบเหมือน สายไฟ ไม่มีพลัง แต่พลังอยุ่ที่กระแสไฟฟ้า กระแสไฟฟ้านั้นไม่ได้อยุ่ที่ตัวพระ แต่อยู่ที่เรา


ไม่รู้นะ อันนี้เป็นสมมติฐานของผม

 

ผมมีสหายธรรมอยู่ท่านหนึ่ง สนิทกันมากพอควร
ผมขอขมากรรมต่อวัตถุมงคลนั้น และเทวะที่รักษาอยู่
นำกระดาษห่อวัตถุมงคลทุกชิ้น ไม่ให้เขาเห็น
ให้เขาสัมผัสดู เขาตอบถูกต้องหมด
แถมบอกให้อีกว่าวัตถุมงคลชิ้นไหน อธิษฐานจิตไว้เด่นในทางใด
ไม่ต้องการให้ใครมาสนใจทางด้านนี้หรอกนะ
แต่อยากบอกเพียงว่า ท่านที่สั่งสมบารมีมาทางปัญญาวิมุตติ
อย่าก่อกรรมโดยปรามาสในเรื่องที่ตนเองไม่รู้ ในสายเจโตวิมุตติเลย
จะสร้างกรรมให้ติดดวงจิต ไปในภพภูมิต่อไปทำไมเล่า

 

พระเครื่องแต่ละองค์ที่สร้างขึ้นมา จะผ่านการอธิษฐานจิตจากผู้สร้าง
แล้วแต่ว่าผู้สร้างจะมีความสามารถที่จะประจุพลังของตนลงไปได้เข้มข้นมากน้อยแค่ใหน ดังนั้น พระเครื่องจึงมีพลังงานแฝงอยู่แน่นอน
ส่วนพลังงานของเราก็มีผลกับพลังในพระเครื่องเช่นกันครับ
พลังของพระเครื่องเองก็มีที่มา อยู่หลายแหล่งครับ
ผู้สร้างบางท่านใส่พลังเข้าไปอย่างเดียวพลังงานจึงมาจากองค์พระโดยตรง
บางท่านก็ผูกกับแหล่งพลังจากภายนอกด้วยโดยมีพระเป็นสื่อกลางเหมือนโทรศัพท์โดยแหล่งพลังภายนอกก็มีจากหลายแหล่งอีกเช่นกัน
และมีอีก1-2วิธี ที่ผมอธิบายไม่ถูกครับ

 

ถูกต้องแล้วครับ
แต่มันก็มีส่วนที่จริงนะครับ

 

ฝึกสมาธินิดหน่อย ก็พอสัมผัสได้แล้ว ไม่ถึงกับต้องได้โลกุตรภูมิหรอก พระสงฆ์ที่ปลุกเสก ก็ทรงฌาณเฉยๆ ไม่จำเป็นต้องบรรลุธรรมแล้ว...

 

การจับพลังในพระเครื่องหรือวัตถุมงคลไม่ต้องใช้คาถาอะไรทั้งนั้น มันอยู่ที่จิตอย่างเดียว สมาธิก็แค้ เบื้องต้นเท่านั้น แต้การปลุกพระมันก็อีกแบบไม่เหมือนกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องปัจจัตตัง

 

ท่องบทเมตตัญ แล้วขอเมตตาขอชมบารมีของพระที่อยู่ในมือ...ส่วนอื่นๆก็เหมือนๆกันครับ ^__^

 

ดินน้ำมันปั้นมากับมือ มีอย่างนั้นหมดเลย พลังเจ๋งทุกด้าน ไว้ว่างๆ เอาพระเก๋ กับพระจริงมาทดสอบกันดีกว่า ว่ามันจะเป็นงั้นจริงๆมั้ย มันคงเป็นเหมือน GT200 ที่ทหารเคยใช้อ่ะครับ หลักการและแนวคิดคงเป็นแบบเดียวกัน