ใครเคยไปที่คำชะโนดแล้วมีอาการอย่างนี้บ้าง?

สวัสดีวันหยุดค่ะ คุณ hastin แหม...อยากรู้หนอแล้วซิว่าพญานาคท่านนั้นเป็นใครหนอ?

 

ขอไม่บอกล่ะกัน

นิทานอีกเรื่อง

ณ เมืองแห่งวานร มีบรรพตสูงเด่นเป็นสง่า

เล่าสืบกันมาว่า เป็นที่บำเพ็ญของท่านพญาที่มีฤทธเกรียงไกรไปในสามโลก

สาธุ

 

ซะงั้น ปล่อยให้ค้างคาใจ
ใครหนอพญาที่มีฤทธิ์เกรียงไกรไปในสามโลก เราไม่รู้อ่ะ

 

เคยได้ยินมาเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ
ว่าภพภูมิพญานาคไม่สามารถบรรลุธรรมได้

 

พระพุทธเจ้า ตรัสหนึ่ง ไม่มีสอง

เว้นไว้มีเหตุ

ได้ไม่ได้ก็พิจารณาดูครับ ^^

คำพูดเราตถาคตตรัสแล้วเป็นหนึ่งไม่มีสอง



มีหลายเรื่อง ที่เคยอ่านผ่านๆ ยกตัวอย่างเรื่อง อธิษฐาน


ถ้าไม่เชื่อ ก็หาอ่านใน พระไตรปิฏก ได้ครับ มียืนยันในพระไตรปิฏก มีหลายเรื่องอยู่

.

.

 

ำบุญทำไมต้องอธิษฐาน โดย หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง <table border="0" cellpadding="10" align="center" width="100%"> <tbody><tr> <td align="center"> <table border="0" cellpadding="5"> <tbody><tr> <td> </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
ทำบุญทำไมต้องอธิษฐาน

ถาม : "หลวงพ่อคะ การทำบุญทุกอย่าง แต่ไม่ได้ปรารถนาอะไรเลย จะได้ไหมคะ...?"

ตอบ : ได้โยม ทำไมจะไม่ได้ คือถ้าไม่ตั้งมโนปณิธานปรารถนา บุญมันก็ต้องเป็นบุญ แต่ว่าอานิสงส์เบื้องปลายมันไม่เหมือนกัน

ถาม : "เป็นไงคะ...?"

ตอบ : การปรารถนาจัดเป็นอธิษฐานบารมีนะ ตั้งใจว่าการทำบุญอย่างนี้เพื่อผลอะไร อย่างที่ไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า ไม่ปรารถนาเป็นอัครสาวก แต่ปรารถนาเพื่อการหมดกิเลส ก็ชื่อว่ายังปรารถนาอยู่

ถาม : "ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ เล่าคะ...?"

ตอบ : ถ้าหากว่าทำเฉย ๆ ไม่ปรารถนาอะไรเลย ตัวอย่างก็มีท่าน อาฬวีเศรษฐี

คือว่าท่านอาฬวีเศรษฐีพ่อท่านเป็นมหาเศรษฐี พอพ่อท่านตายลงท่านก็เป็นเศรษฐีแทน

เศรษฐีสมัยนั้นพระราชาต้องแต่งตั้ง แล้ว ต่อมาพวกขี้เมาก็ชวนกินเหล้าเมายา ในที่สุดทรัพย์สินก็หมดไป จนกระทั่งกลายเป็นขอทาน

วันหนึ่งพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระสงฆ์เสด็จไปที่เมืองอาฬวี เห็นอาฬวีเศรษฐีนั่งขอทานอยู่ข้างฝาเรือนชาวบ้าน พระพุทธเจ้าก็ทรงแย้มพระโอษฐ์

พระพุทธเจ้าตามปกติจะไม่แย้มพระโอษฐ์ ถ้ายิ้มแล้วต้องมีเรื่อง

พระอานนท์จึงทูลถามว่า

"พระองค์ยิ้มด้วยเรื่องอะไร พระพุทธเจ้าข้า...?"

พระพุทธเจ้าถามว่า

"อานนท์ เธอเห็นอาฬวีเศรษฐีไหม...?"

พระอานนท์มองไปมองมาไม่เห็น เห็นแต่ขอทาน พระพุทธเจ้าก็บอกว่า ขอทานนั่นแหล่ะคืออาฬวีเศรษฐี

แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสว่า

ถ้าอาฬวีเศรษฐีสมัยเมื่อเป็นเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์ของเราเพียงจบเดียวจะได้บรรลุพระอนาคามี

เมื่อเงินน้อยลงมาเป็นอนุเศรษฐี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระสกิทาคามี

เมื่อมีฐานะเป็นคหบดี ถ้าฟังเทศน์จากเราเพียงจบเดียวจะได้เป็นพระโสดาบัน

แต่ว่านี่อาฬวีเศรษฐีเป็นขอทานเสียแล้ว เราเทสน์จึงไม่มีผล

ตอนนี้พระอานนท์ทูลถามว่า

"ตามธรรมดาคนจะบรรลุมรรคผล องค์สมเด็จพระทศพลเคยตรัสว่าจะตายก่อนก็ยังไม่ได้ ต้องบรรลุมรรคผลก่อนนี่ พระพุทธเจ้าข้า...?"

พระพุทธเจ้าตรัสว่า

"นั่นเขามี อธิษฐานบารมี"

ตอบ : เป็นอันว่าอาฬวีเศรษฐี ไม่มีอธิษฐานบารมีใช่ไหมโยม

ถาม : "ใช่ค่ะ"

ตอบ : คนจะได้ดี เลยไม่ได้ดี ต่อไปอธิษฐานเสียนะ.

คำอุทิศส่วนกุศล

"อิทัง ปุญญะผะลัง" ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน

บทอุทิศส่วนกุศลท่อนแรกนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวร หลวงปู่โตท่านมาบอก และบทอุทิศส่วนกุศลอีก ๓ ท่อน ท่านพระยายมราชท่านมาบอก มีดังนี้

ท่อนที่สอง


และข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศลของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด

ท่อนที่สาม

และขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่ท่านทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด

ท่อนที่สี่

ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญมาแล้ว ณ โอกาสนี้ ขอผลบุญนี้จงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าทั้งหลายได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติ ปัจจุบันนี้เถิด.

เวลาอุทิศส่วนกุศล บอกให้พระยายมราชเป็นพยาน

เวลาอุทิศส่วนกุศล ขอบอกให้ผม(พระยายม)เป็นพยานด้วย….ถ้าทำทั้งบุญทั้งบาป บางทีกรรมมันปกปิด เวลาถามเรื่องบุญนี่มันนึกไม่ออก ถ้านึกไม่ออกก็มีความจำเป็นอย่างยิ่ง จะต้องปล่อยให้ตกนรก หากว่าถาม 3 เที่ยว นึกไม่ออก…..

ถ้าเขาถามเรื่องบุญกุศลถ้าบังเอิญนึกไม่ออก ผมจะเป็นพยานอ้างเองว่าทำอย่างนั้นๆไว้ แล้วก็ไล่ไปสวรรค์เป็นอย่างต่ำ

….ตำแหน่งพระยายม ท่านเป็นพรหม แต่เขตที่ท่านตั้งอยู่ในเขตของจาตุมหาราช ไม่ใช่เขตนรก

http://www.dhammathai.org/monktalk/dbview.php?No=374

 

วิถีแห่งจิต
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
​

ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๓
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี
​

...
พระพุทธเจ้านะไม่พยากรณ์ไม่ทำอะไรให้ผิดพลาดไปเลย เอกนามกึ พระพุทธเจ้าพูดหนึ่งไม่มีสอง ไม่มีความผิดพลาดเลย เพียงแต่ เพียงแต่พระพุทธเจ้าพูดกับใคร เพราะพระพุทธเจ้าเทศนาว่าการมาเห็นไหม ตั้งแต่บุคคลปกติ ตั้งแต่เด็กทารกต่างๆ พระพุทธเจ้าสอนมาหมดเลย

ทีนี้คำสอนของเด็ก สอนของผู้ใหญ่นี่มันแตกต่างหลากหลาย ความแตกต่าง เห็นไหม เอกนามกึ คือหนึ่งไม่มีสอง นี้คำว่าหนึ่งไม่มีสองเนี่ยพูดกับเด็ก พูดกับผู้ใหญ่ พูดกับนักปฏิบัติ พูดกับพระอนาคามี พูดกับพระอนาคามีนะ พระอนาคามีปฏิบัติอยู่ขั้นสุดท้ายแล้ว มีขั้นสุดท้ายแล้วเนี่ยมีพวกครูบาอาจารย์จะพาไปหาพระพุทธเจ้า ให้พระพุทธเจ้าเทศน์ครั้งสุดท้าย พระอนาคามีกับเด็กอ่อน กับเด็กน้อยเนี่ยธรรมะจะขั้นระดับเดียวกันไหม

เอกนามกึ ทีนี้ เอกนามกึ ถ้าเราเข้าใจแล้วเราจับต้องได้เนี่ย คำสอนของพระพุทธเจ้าเนี่ยจะไม่ขัดแย้งกับพระพุทธเจ้าเลย ไม่ขัดแย้งกันเลย เพียงแต่พระพุทธเจ้าเทศนาว่าการกับใคร สอนใคร ระดับไหน วุฒิภาวะของจิตสูงต่ำแค่ไหน เพื่อจะให้พัฒนาขึ้นแต่ละชั้น แต่ละชั้นขึ้นไป ฉะนั้นจะอ้างว่าคำพูดพระพุทธเจ้าเป็นอย่างนี้ ต้องให้เป็นอย่างนี้ไปหมด มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่เป็นอย่างนั้น

....

 

เรารู้แล้วหละว่าเป็นสวรรค์ชั้นไหน พญานาคสวรรค์ ก็คือเทวดาของสวรรค์ชั้นที่ 1 (จาตุมหาราชิกา) เทวดาสามารถบรรลุธรรมได้ค่ะ

 

ไม่เคยเป็นค่ะ ดิฉันเคย Post มาแล้วครังนึงที่มีคนตั้งกระทู้คล้ายงี้ค่ะ ตอนนั้นใช้นามที่ลงว่า SIWATCHA ไม่ได้เข้า เวปพลังจิตนานมาก จนลืม Password เก่า จนต้องเปลี่ยนรหัสใหม่ ดังนั้นขอเล่าเรื่องจริงอีกครั้งที่ประสพมากับที่แห่งนี้นะคะ เข้าไปนั้นระทึกใจไม่น้อยเพราะกิตติศัพท์ ของสถานที่ ตอนเข้าไปก็ถ่ายรูปมากมายและเห็นคนที่เขาบอกว่าถ่ายติด พญานาคได้ ดิฉันก็ไปดู ก็เห็นแบบเป็นเงา ๆ วันนั้นจำได้ค่ะว่าผู้คนจากทั่วสาระทิศมาเยอะมากจริง ๆ จนรู้สึกร้อนและอยากนั้่งพัก ก็เหลือบตามองไปข้างหลัง สมมุติว่าท่านยืนหันหน้าไหว้ท่านพญานาคท่านปู่ กับท่านย่า นะคะด้านหลังท่านน่ะ ดิฉันเห็นคนแต่งชุดขาวเยอะมากนั่งเบียดกันแบบไม่มีที่ให้คนอื่นแทรกนั่งได้เลย ดิฉันก็จ้อง ๆ ว่าเมื่อไรจะลุกกันบ้างนะ? และก็มีคนลุกจริง ๆ เย้!!! ดิฉันรีบตรงดิ่งกำลังจะนั่งได้อยู่แล้วเชื่อไหมคะ? ใครก็ไม่ทราบชุดขาวอีกนั้่นแหละรีบร้อนลุกมาแบบรีบแย่งดิฉันลงนั่งทันทีที่สำคัญ นั่งแล้วยังทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ ดิฉันก็ได้แต่นึกในใจอะไรเนีย! ไม่นั่งก็ได้ และก็อีตาอ้วนชุดขาวอีก พอดิฉันกับสามีและน้องสาว และบุตรชายเดินชมคตวามงามในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วจะกลับออกมา ก็ให้รู้สึกว่ามีคนกำลังมองเราอยู่ ท่านเชื่อหรือไม่ดิฉันรีบหันหลังทันที ก็เป็นดังคาดชายหนุ่มอ้วน ๆ ชุดขาวหน้าซีด ๆ หน้าเฉยมากเขาหันกลับทันทีไม่ยอมสบตาดิฉันทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้มองอย่างอื่นไป จนกลับออกมาขึ้นรถกลับ ก็ บอกกับครอบครัวว่า เออที่นี่ดีเนอะผู้คน แต่งชุดขาวกันทั้งนั้น สามีกับลูกชายและน้องสาวช่วยตอบแบบผสานเสียงว่า ไม่เห็นใครใส่ชุดขาวเลย ดิฉันก็ว่า เป็นอะไรกันไปหมดคนตั้งพิลึกนั่งกันสลอนที่เก้าอี้ยาวตรง(สมมุติสะพานเข้าใช่ไหมคะพอลงปุ๊ปนั่น แหละขวามือจะมีเก้าอี้แบบน่าจะเป็นไม้ยาว ๆ มั้่งเพราะไม่เห็นตัวเก้าอี้เห็นแต่คนนั้งสลอนกันเต็มไปหมด) เหตุที่เห็นเพราะ เขาใส่ชุดสีขาวทุกคนมันสะดุดตา ที่สำคัญ ดิฉันจะเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ที่เขานั่งกันน่ะค่ะเลยจำได้ติดตา แต่ทุกคนในครอบครัวบอกว่าไม่มีเก้าอี้เลยยืนยันและไม่เห็นใครสวมชุดขาวเลยแม้แต่คนเดียว นี่ละค่ะที่ว่าแปลกละ

 

เอ้อ! จำได้ครอบครัวถามคำถามแปลกมากเหมือนกันหมดว่า ว่าแต่คนที่เห็นที่แม่บอกว่าใส่ชุดขาวน่ะ หน้าตาเป็นไงเขาคุยกันไหม จำได้ว่าไม่พูดคุยกันเลยทำหน้า เฉย ๆ ๆ มาก ๆ ไม่ยิ้มไม่แย้มค่ะ หน้าออกจะดุ ๆ แปลกอย่างพอดิฉันมองไปพวกเขาจะไม่สบตานะคะเขาทำเป็นนั้่งรับลม ไม่รู้ไม่ชี้ แต่หน้าตาไม่ได้อยากรับแขก ทำให้เราไม่กล้าเข้าไปพูดคุยด้วยค่ะ

 

ขอบคุณค่ะที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์

 

ไปทุกครั้งเป็นชื่นใจทุกครั้ง แต่มีอยู๋1 ครั้ง สมัยย้อนกลับไปประมาณ 18 ประมาณปี43-44 ปั่นจักรยานไป จากตัวอำเภอ ห่งจากคำชะโนด 11 กิโลเมตร ไปกัน2 คน ปั่นมาถึงหลักกิโลเมตรหยุดพัก มีป้ายบอกคำชะโนด อีด2กิโลเมตร ต้องบอกว่าบริเวณแถวนั้นแป็นที่โล่งทุ่งนารัศมี2กม เห็นคำชะโนดได้แน่ๆ อย่าว่าแต่2 กิโล ถ้ามาทางปกติเห็นตั้งแต่ไกลเลยแหละ
ผมและเพื่อนมองหา คำชะโนด ยังไงก็ไม่เจอ ปั่นจักรยานไปดูอีกหน่อยก็ไม่เจอ ตอนนั้นเวลาประมาณบ่าย2 ก็ป้ายบอกอีกสองกิโล แต่มองหาพิกัดไม่เจอ เลยตกลงกับเพื่อนกลับบ้านเถอะ ก็ตกลงกลับ ทันไดนั้นก็เหลือบเห็น นั่นไงคำชะโนด ดีใจมากตามประสาเด็ก(ซึ่งตอนนั้นจุดนั้น คำชะโนดเด่นสง่า มองยังไงก็ต้องเจอ) ก็รีบปั่นไปถึงจุดหมาย ต้องบอกก่อนคำชะโนดสมัยนั้น สวยงามกว่าสมัยปัจจุบันเยอะ รีบตักน้ำในบ่มาดื่ม โอ้ยยยชื่นใจ ห่อกลับบ้านคนละขวด ตอนสร้างบ่น้ำใหม่ที่จะใช้ในพิธีครองราชในหลวง ท่านมาทำความสะอาดบ่น้ำเองนะครับเพราะตอนนั้นยังมีน้ำที่มีขี้ปูนช่างทำไม่ทัน พอรุ่งเช้าน้ำใส ทันจะเอาไปประกอบพิธีที่สนามหลวงพอดี

 

สาธุ ยินดียิ่งนักที่ได้อ่านเรื่องราวเหล่านี้ เคยได้ยินมาบ้างค่ะ ว่าน้ำจากบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คำชะโนด ทางสำนักพระราชวังจะนำไปใช้แช่อาวุธเพื่อทำเป็นน้ำพิพัฒน์สัตยาให้ข้าราชการดื่ม เป็นการให้สัตย์ปฏิญาณตนที่จะจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตลอดจนวัดต่างๆ ก็มักจะมานำน้ำของบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่คำชะโนดนี้ไปใช้เป็นส่วนผสมของวัตถุมงคลต่างๆ ที่วัดได้จัดทำขึ้น

ขอบคุณนะคะที่มาร่วมแชร์ประสบการณ์

 

งานประกวดธิดาเจ้าปู่ ปีล่าสุด คงจะมีการล็อคผล ซึ่งผมเห็นด้วยล็อคแน่ๆ
ตอนประกาศผู้ชนะ ไฟดับสามถึงสี่ครั้ง ประกาศเป็นดับ สงสัยท่านจะไม่ชอบ

ครั้งนึงจะกลับมาทำงานที่กรุงเทพ ไปไหว้ปู่ที่ศาลหลักเมืองไปลาท่าน บอกจะกลับกรุงเทพแล้วไปทำมาหากินมาลาปู่และขอบารมีหลวงปู่ให้เจริญรุ่งเรือง ในใจผมอยากได้ดอกไม้ที่คนเอาไปไหว้ จะขอลุงที่เผ้าศาลอยู่กลัวแกจะด่า....กราบสามครั้งกำลังเดินออก ลุงแกก็เอ่ยขึ้นว่า หนุ่มๆไปเอาพวงมาลัยที่เท้าปู่ไป1พวง โชคดีลูก....(ผมเลือกดอกดาวเรือง)ตกใจหอบพวงมาลัยกลับกรุงเทพตอนนี้ก็ยังเก็บตากแห้งไว้บูชา
ถ้าอยากดูรูปแบบชัดๆ ไม่มีลงในอินเตอร์เน็ตที่ไหน โพล่ออกมากลางบ่น้ำ หัวสีแดงไปดูได้ที่ร้านชัยทวี ตลาดในตัวอำเภอ ครับ รูปนี้ชัดเจนมาก

 

ขอบคุณสำหรับเรื่องเล่านะคะ
ประทับใจมากค่ะ
ทำอย่างไรถึงจะได้ชมภาพคะ(ถ้าไม่ไปดูที่ร้านชัยทวี)

 

ว้าววววว อยากเห็นหนอ แต่คงไม่มีโอกาสได้ไปอีกค่ะ เสียดายหนอ

 

อยากเห็นเช่นกันค่ะ ไม่ทราบพอจะมีวาสนาได้เห็นไหมคะหากไม่ได้ไปที่ชัยทวี

 

ผมก็ไม่ค่อยได้กลับบ้าน แกจะวางรูปไว้โต๊ะ ทำงานของแก
ผมก็บังเอิญเจอ ไปซื้อตะปู ภาพนี้ผมเห็นมาหลายปีและ กลับบ้านอีกทีก็ปีใหม่ ถ้ามีโอกาสจะถ่ายมาให้ชมครับ.....เรื่อเล่าของคนท้องถิ่นเยอะครับ...แต่ไม่ได้เผยแพร่ทางหนังสือ (คนเมาท่องเมืองพญานาค)
(เก็ษเศษดินรอยพญานาค) (ผู้มีวิชาทางเขมรลองของ) เรื่องราวพวกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ผมยังเรียนประถม และน้ำในบ่ลองดื่มดู แล้วจะรู้สึกแปลกๆ ล่าสุดเมื่อต้นปีงานฉลองศาล ท่านก็มาแต่มาไม่นาน....มาลงในกายผู้หญิง

 

รอฟังค่ะ สนใจนะคะ

 

ไปมาแล้ว คำชะโนด

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสผ่านไปทางอุดรธานี อำเภอบ้านดุง เลยถือโอกาสไปแดนวังนาคินคำชะโนด ซึ่งเป็นการไปครั้งแรกในชีวิต ทั้งๆที่พยายามจะหาโอกาสไปสัมผัสมาหลายปีแล้วแต่ไปไม่ถึงสักทีแต่ครั้งนี้ไม่ยอมพลาด วันนั้นได้สัมผัสถึงความลึกลับน่าสะพรึงกลัวตามเสียงร่ำลือจริงๆ ปกติผมกับเหล่าชาวทิพย์พญานาคคล้ายกับว่ามีความผูกพันสัญญาเก่าเหมือนเขาอยู่ใกล้ๆ ตัวผมตลอดเวลามานานแล้วและก็เป็นเช่นนั้นจริงๆด้วย เมื่อเดินทางไปถึง ณ วัดสิริสุทโธ วัดหลวงปู่คำตา ป่าคำชะโนด เวลาประมาณบ่ายสองโมงกว่าๆ มองไปเห็นป่าต้นชะโนดหนาทึบสูงหลายร้อยต้นรวมกันอยู่เป็นเกาะ เห็นถนนสะพานเป็นช่องทางเชื่อมต่อเข้าไปด้านใน ราวสะพานซ้ายขวาเป็นองค์พญานาคทอดหางเข้าไปข้างใน ที่จอดรถในวัดวันนั้นมีประมาณ 50-60 คัน มีคนแน่นไปหมดเข้าๆ ออกๆ สลับกันไป หลังจากบูชาดอกไม้ธูปเทียน ก็เดินเข้าไปตามทางเข้าพอถึงกึ่งกลางสะพานมีป้ายบอกเป็นรูปศรชี้และบอกข้อความเขตแดนระหว่างแดนมนุษย์ กับแดนเทพ พอข้ามเขตแดนเทพเท่านั้นล่ะครับ ขนลุกซู่เย็นหนาวเหมือนกำลังล่องลอยเข้าไปแดนลึกลับ เมืองโบราณ มองไปข้างหน้าต้นชะโนดสูงตระหง่านมีลมเย็นๆพัดมา ต้นชะโนดโอนเอนโยกไปมาตามแรงลม มีเสียงใบชะโนดเสียดสีกันมีเสียงดังฟังแล้วเย็นยะเยือกหนาวอย่างบอกไม่ถูก เข้าไปข้างในมีศาลองค์พญานาคาศรีสุทโธ เจ้าแม่ปทุมมาขนาดคนจริงยืน และมีศาลองค์ฤษี ศาลที่ต้นไทร ต้นมะเดื่อโบราณ และได้เข้าขอพรจากบารมีองค์ท่าน พร้อมกับกดภาพจากโทรศัพท์มือถือไปด้วยเพื่อเก็บไว้ในความทรงจำ สำรวจรอบๆ ระหว่างนั้นมีผู้คนมากันหลายคณะใส่ชุดขาว บางกลุ่มก็กำลังทำพิธีบางอย่าง บางกลุ่มก็กำลังแก้บนกัน บางกลุ่มก็กำลังเข้าทรงมีเสียงพูดเป็นภาษาแปลกๆ มีเสียงร้องไห้กระซิกๆ มีเสียงสวดมนต์อาจเป็นภาษาพญานาคก็ได้ ไม่เคยได้ยินมาก่อนไม่รู้สำเนียงแปลกมากๆ ยังสังสัยว่าเป็นองค์พญานาคเข้าทรง จึงได้เดินไปสำรวจบริเวณบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่เขาเล่าลื่อว่าเป็นปล่องพญานาคมีทางลอดใต้เกาะคำชะโนดเชื่อมไปที่แม่น้ำโขง ผมเดินสำรวจรอบๆบ่อ ที่ทำผนังกั้นเป็นพญานาคขนดล้อมรอบบ่อน้ำไว้พร้อมตักน้ำจากบ่อมาดื่มและลูบหน้าปะพรมหัวนิดหนึ่ง จึงได้อธิฐานจิตขอให้สัมผัสองค์พญานาคที่นี่เถอะและเมื่อเดินอ้อมไปทางน้ำที่ไหลจากบ่อไปทางทิศตะวันตกของบ่อ ผมได้กลิ่นคาวฉุนกึกเข้าจมูกในจิตบอกว่าใช่แล้ว ก็สงสัยในใจว่ากลิ่นอะไรทั้งๆที่คนก็เดินสวนกันไปมาไม่มีใครพูดเรื่องกลิ่นดังกล่าว จึงจ้องมองสายตาลงในบ่อ ระหว่างนั้นภายใต้ก้นบ่อก็น้ำมีฟองอากาศผุดพุ่งขึ้นมาเป็นระยะ ผมถึงกับขนลุกซู่หรือว่าท่านองค์พญานาคาคงทักเข้าให้ เป็นสัมผัสกลิ่น และรูปฟองอากาศผุดขี้นมาเป็นระยะเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างล่าง และผมเชื่ออยู่แล้วว่านี่เป็นสัมผัสของจริงมาให้เห็น(เป็นความเชื่อสัมผัสส่วนตัว) และได้ลาองค์ท่านเดินทางกลับไปพร้อมกำหนดแผ่กุศลบุญออกไปรอบๆ ขอให้ทุกท่านที่อยู่ที่นี่จงเป็นสุขๆตลอดไป หลายๆท่านคงมีโอกาสได้สัมผัสสิ่งแปลกๆ เหมือนผมก็ได้ ขอเชิญไปสัมผัสดูสักครั้ง