เพื่อการกุศล เปิดจองรุ่นของขวัญปีใหม่ ลพ.หนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกข์อธิฐานจิตสร้างโดยวัดป่าศรีสำราญน.ท้าย

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

อยากให้ทุกๆคนช่วยกันถ่ายรูปวัตถุมงคล ตั้งแต่ชุดสมเด้จองค์ปฐมถึงชุุดพิเศษ 2 ที่ใส่กรอบแล้วหรือเลี่ยมแล้ว ทางเราจะคัดแล้วนำมาลงในหนังสือครับ พยายามถ่ายตรงที่ตอกโค๊ดด้วยได้ยิ่งดีมากเลยครับ งานจะสำเร็จได้ก็ต้องทุกคนร่วมด้วยช่วยกันครับ โมทนาสาธุกับทุกๆท่านที่มีจิตเมตตาช่วยเหลือในงานบุญมาตลอด สาธุๆๆๆๆ:boo:

 

ผู้ที่เข้ามาเล่าประสบการณ์วัตถุมงคลหลวงพ่อหนุน สุวิชชโย จะได้รับของดังนี้
1.ลูกอมฟ้าฟื้นเข้าพิธีมีดฟ้าฟื้นหลวงพ่อหนุน
2.ผ้ายันต์เกราะเพชรผืนใหญ่(สีแดง)เข้าพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรหลายรอบหลายปีแล้ว
3.สายสิญจน์ด้ายแดงพญายมราช
4.ลูกแก้วจักรพรรดิ์เข้าพิธีวัดเขาวงปี2556-2557 เข้า 2 ปีซ้อน มี 50 ลูก ให้ได้ 50 ท่านแรกเท่านั้น
หมายเหตุ ถ้าเรื่องไหนอ่านแล้วประทับใจผู้จัดทำ(มีให้พิเศษครับ)นอกเหนือรายการที่ลงบอกครับ


ใครมีประสบการณ์กับชุดพิเศษ 2 หรือยังครับ
:boo::boo::boo:

 

เรียนคุณรุ่ง ได้รับที่อยู่แล้วใช่ไหมครับ

อนุโมทนาบุญทั้งหมดทั้งมวลครับ

 

โอนแล้วนะครับ
เมื่อ 1/08/57 เวลา 18:19 น. จำนวน 2,060 บาท
ที่อยู่จัดส่ง PM นะครับ

 

ได้รับที่อยู่แล้วค่ะ
สาธุๆๆ

 

รับทราบค่ะ
สาธุๆๆ

 

ส่งแล้ว เช้านี้ค่ะ​

​

​

 

Originally Posted by Wannachai001 View Post
ขอเสริมนิดว่า พระของหลวงปู่วงศ์ ด้วยอีกองค์นะครับ
ครูบาชัยวงศาพัฒนา องค์นี้ท่านไม่ธรรมดาครับ ในอดีตชาติเป็นพี่ชายหลวงพ่อวัดท่าซุงมานับไม่ถ้วน ท่านปรารถนาพุทธภูมิ ตามอาจารย์ท่านคือครูบาศรีวิชัยครับ ในสมัยพระนางจามเทวี ผู้สร้างพระรอดมหาวันอันลือลั่น หลวงปู่วงศ์ ท่านคือหัวหน้าฤาษีผู้ทรงฤทธิ์ในยุคนั้น อิทธิฤทธิ์ท่านสุดๆๆครับ วัตถุมงคลวัดพระบาทห้วยต้มตอนนี้ยังมีให้บูชาอยู่ราคาไม่แพงครับ องค์ละ 100 บาทเอง เนื้อผง และมีอีกหลายรายการที่คนมองข้าม หรืออาจจะไม่รู้ประวัติของท่าน ชาตินั้นเป็นฤาษีทรงอิทธิฤทธิ์ ชาตินี้เป็นพระอริยะสงฆ์ผู้ทรงศีลบริสุทธิ์บารมีมากกว่าเดิม ความศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ลดน้อยจากในอดีต ใครอยากได้ของดีราคาเบาๆๆ แวะไปทำบุญที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้มได้ครับ ผมเองก้อเล็งไว้หลายรุ่นเหมือนกันครับ
น้อมกราบหลวงปู่ครูบาชัยวงศา ครับ

 

Wannachai001
สมาชิก

หลายวันก่อนได้มีโอกาศพูดคุยกับหลวงพี่ชัยวัฒน์ทางโทรศัพท์ ได้สอบถามพูดคุยกับท่านอยู่หลายเรื่องอยู่ มีตอนนึงท่านชวนว่า วันที 28 มกรานี้(เป็นวันเสาร์ 5) มาพิธีปลุกเสกที่วัดหรือป่าว ผมก็ว่ายังไม่แน่เลยครับ หลวงพี่ท่านก็บอกว่า ในสมัยหลวงพ่อยังอยู่ ทุกวันเสาร์ 5 ท่านจะเป่ายันต์เกราะเพชรให้ แม้หลังท่านมรณะภาพไปแล้วท่านก็ยังมางานพิธีอยู่ ก็สามารถอาราธนาท่านเป่ายันต์ฯให้ได้ เพียงทางวัดไม่ได้บอกออกไปให้เป็นที่เอิกเกริก เดี๊ยวจะหา...

ผมก็บอกท่านไปว่า ผมเชื่ออย่างนึงว่า วัตถุมงคลต่างๆ ทุกอย่าง ที่ปลุกเสกหลังหลวงพ่อไม่อยู่แล้ว มีหลวงพี่นันต์ท่านเป็นเจ้าพิธี มีพุทูธานุภาพเหมือนกันกับสมัยหลวงพ่อท่านปลุกเองตอนท่านยังอยู่ โดยเฉพาะ อานุภาพด้านป้องกันรังสี เพราะหลวงพ่อท่านก็มา พระพุทธเจ้าท่านก็เสด็จมากันมากมายในพิธี เช่นเดียวกับตอนที่หลวงพ่อยังอยู่ หลวงพี่ชัยวัฒน์ท่านก็ว่า ถูกต้องเลย เพราะก่อนที่หลวงพ่อจะมรณะภาพไม่นาน เหมือนท่านจะรู้ ท่านก็ได้แนะนำถึงวิธีการอารธนาท่านให้มาทำพิธีปลุกเสก ให้กับพระในวัด

หลวงพี่ชัยวัฒน์ท่านเล่าว่า มีครั้งนึง หลวงพี่วิรัช ท่านมาบอกหลวงพ่อว่า วัตถุมงคลมีมาส่งครบแล้ว หลวงพ่อตอนนั้นท่านป่วยเดินเหินไม่สะดวก ท่านบอกว่า ไม่ต้องขนมา (อยู่ตึกรับแขก จำหน่ายวัตถุมงคล) ให้ปูผ้าขาว เตรียมเครื่องบวงสรวงไว้ แล้วท่านจะไปเอง พอถึงเวลา หมาหอนกันเกรียว

ฟังหลวงพี่ท่านเล่าแล้วก็ชวนให้นึกอยู่ว่า ในสมัยท่านยังอยู่ ท่านไปด้วยกายใน โดยไม่ต้องไปด้วยกายเนื้อของท่านเอง ไปทำพิธีพุทธาภิเษก ในลักษณะแบบนี้ แล้วตอนนี้แม้ท่าละขันธ์ 5 ไปแล้วทำไมท่านจะมาทำเองไม่ได้เล่า

ผมเชื่อว่าเรื่อง การขอรับยันต์เกราะเพชรในวันเสาร์ 5 ในงานพิธีพุทธาภิเษก ทีวัดท่าซุง หลายๆคนคงทราบกันเป็นอย่างดีแล้ว ผมเขียนไว้เผื่อว่า อาจยังมีอยู่หลายท่านยังไม่ทราบ จะได้ทราบกันด้วย

บอกกับหลวงพี่ชัยวัฒน์ไปว่า ที่ผมคุยกับหลวงพี่วันนี้ขออนุญาตินำไปเขียนในกระทู้ผมในเวบนะครับ ท่านก็ปรามว่า บางเรื่องพูดไปจะชวนทะเลาะกันเปล่าๆ ไม่ก็จะโดนลบกระทู้เอา ผมก็เลยขอหยิบแค่เรื่องนี้เขียนเล่าให้ฟังแล้วกันครับ

วันที่ 28 มกราคม 2555 นี้ พิธีพุทธาภิเษก ที่วัดท่าซุง พิธีเริ่มเวลา 9.00 น. ครับ

 

Wannachai001
สมาชิก

เวลาผมไปงานพิธีพุทธาภิเษกของทางวัดท่าซุง ทุกครั้งผมจะนำพระเครื่องวัตถุมงคลของหลวงพ่อ หลวงปู่ท่านอื่นๆ ใส่เป้ ใส่กระเป๋า ติดไปร่วมงานด้วย โดยจะอธิษฐานช่วงเปิดเสียงหลวงพ่อสวดบวงสรวงชุมนุมเทวดา ว่า ขออารธนาพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ มีสมเด็จองค์ปฐมเป็นประธาน พระปัจเจกพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทั้งหมดบนพระนิพพาน พรหม เทวดาทั้งหมด มีหลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษีฯ เป็นที่สุด ขอได้โปรดบรรจุ พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ทุกประการลงในพระและวัตถุมงคลของลูกที่วางอยู่ข้างหน้านี้ด้วยเถอด..

ผมก็ทำของผมแบบนี้นะครับ เพราะอยากให้วัตถุมงคลทุกอย่างที่ตัวเองมีอยู่มีอานุภาพป้องกันกัมมันตภาพรังสี ได้ด้วย


Quote:
Originally Posted by Wannachai001 View Post
เคยได้ยินอาจารย์ปริญญา นุตาลัย ท่านพูดให้ญาติโยมที่บ้านซอยสายลมประมาณว่า หลวงพ่อสิม ท่านเคยบอกว่า ถ้าไม่ใช่พุทธภูมิมานี่ ครองวัดใหญ่ไม่ได้ (หมายความว่า ถ้าไม่ใช่พระที่มาจากพุทธภูมิ กำลังบารมีปกครองวัดใหญ่ไม่ได้) หลวงพี่นันต์ท่านก็ยิ้มๆ ไม่โต้แย้งว่า อะไร อาจารย์ปริญญาพูดออกมาก็คล้ายกับบอกญาติโยมให้ทราบอ้อมๆว่า หลวงพี่ท่านมาจากสายพุทธภูมิ น๊ะ อะไรแบบนี้ การที่หลวงพ่อท่านเลือกหลวงพี่ท่านเป็นเจ้าอาวาสองค์ถัดไปจากท่าน หลวงพ่อต้องทราบดีแน่ว่า หลวงพี่ท่านมีกำลังบารมีแค่ไหน ถึงสามารถรับงานสืบต่อจากท่านไปได้

ญาติโยมที่เข้ามาทำบุญกันช่วงหลังๆนี้ ไม่ได้น้อยไปกว่าสมัยหลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่เลย มีคนใหม่ๆ อายุน้อยๆ กำลังวัยรุ่นเข้ามาปฏิบัติธรรม และ ทำบุญกันมาก

หลวงพี่นันต์ท่านเป็นพระที่ถ่อมองค์ แบบมากๆ ใครได้ฟังท่านคุยเผินๆ ก็จะนึกว่า ท่านไม่มีอะไร ยังไม่ได้อะไร แต่ถ้าฟังท่านอธิบายธรรมให้ญาติโยมฟังเวลามีคนมาถาม มาขอคำชี้แนะ จะเข้าใจเลยว่าถ้าท่านไม่ได้ปฏิบัติมาจนลึกซึ้ง คงไม่สามารถอธิบายให้ฟังได้ชัดเจน เข้าใจง่าย แบบนั้น เหมือนท่านกรองคำสอนหลวงพ่อแล้วมาอธิบายเราให้ฟังอีกชั้นนึง

เรื่องเจโตฯ ท่านเคยบอกว่าท่านไม่เก่งนะ หลวงพ่อท่านจะแม่นจำเรื่องเจโตฯมาก รู้วาระจิตและรักษาน้ำใจลูกหลานท่าน หลวงพี่บอกว่าท่านไม่เก่ง เรื่องเจโตฯ ต้องรักษาน้ำใจกันเอง แต่เท่าที่เคยสังเกตุท่านมา เรื่องฌาณ 8 ผมว่าท่านมีและแม่นยำและไวด้วย เพียงแต่คงไม่อยากแสดงออกมาพร่ำเพรื่อมากกว่า

มีอย่างครั้งนึงหลายปีแล้ว แฟนผมเขารู้สึกอยากทำสังฆทานมากๆ อยากทำเพื่อสะเดาะห์ให้พ่อของเขาที่ยังมีชีวิตอยู่ อยากทำชุดละ 1 พัน(ซึ่งปรกติเขาทำเองชุดละ 100 ไม่เกินนี้เลย ถ้าไม่ได้มีอะไรพิเศษ) พอเอาถังไปวางถวายหลวงพี่นันต์ หลวงพี่ท่านพูดอวยพรออกมาว่า " ขอให้ถูกล๊อตเตอร์รี่ นะ " แฟนผมฟังแล้วเฉยๆ แต่ผมฟังแล้วอึ้งสุดๆ เพราะทำกับท่านมาไม่รู้กี่ปี ไม่เคยได้ยินหลวงพี่ท่านพูดอวยพรแบบนี้กับใคร เลยบอกให้แฟนผมลองซื้อล๊อตเตอร์รี่ดู ก็ออกมาซื้อแผงที่แม่ค้ามานั่งขายหน้าบ้านซอยสายลม หยิบส่งเดช มา 2 คู่เลขเหมือนกัน ปรากฏงวดนั้นถูกเลขท้าย 3 ตัว ที่หยิบมาแบบสุ่มๆ

มีครั้งนึง ตอนเข้าไปถวายสังฆทานที่ซอยสายลม ผมอธิษฐาน แบบที่หลวงพ่อท่านเคยแนะนำตอนท่านยังอยู่ พอวางถังสังฆทานลงบนโต๊ะ ที่มีปูผ้าแดง แล้วผมก็อธิษฐานในใจว่า " ขอให้ไฟไม่ไหม้ ฟ้าอย่าได้ผ่า " หลวงพี่นันต์ ตอนนั้นท่านนั่งพนมมือรับสังฆทานไม่ได้คุยกับใครอยู่ ท่านก็พูดเล่าออกมาเลยทันทีให้ญาติโยมที่นั่งกันในห้องรับสังฆทานฟัง ถึงเรื่อง สาเหตุที่ในตอนต้นที่หลวงพ่อให้เอากระดาษสีแดงมารองใต้ฐานพระพุทธรูปที่ถวายสังฆทาน เวลาเข้ามาถวาย แล้วจนมาตอนหลังเปลี่ยนเป็นใช้ผ้าสีแดงปูตรงโต๊ะรับสังฆทานแทน เพื่อความสะดวก แล้วการอธิษฐานเรื่องขอให้ไฟไม่ไหม้และฟ้าอย่าผ่า

ส่วนตัวคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ท่านจะพูดเล่าเรื่องนี้ออกมาทันทีหลังจากผมวางถังถวายสังฆทานอธิษฐานไปแบบนั้น เข้าใจว่าท่านคงได้ยินที่ผมอธิษฐานในใจ และก็เลยอยากเล่าให้คนที่เข้ามาหลังๆ ได้ทราบเข้าใจถึงที่มาที่ไปของเรื่องนี้ เพราะผมก็เชื่อว่า หลายคนที่เข้าไปทำสังฆทานและเห็นผ้าสีแดงปูทับผ้าเหลืองบนโต๊ะรับสังฆทานที่บ้านซอยสายลม คงแปลกใจว่า ทำไมทำแบบนั้นกัน



กราบหลวงพี่ด้วยความเคารพอย่างยิ่งครับ

Quote:
Originally Posted by จักราช View Post
พี่ครับพอจะเล่าประวัติและรายละเอียดวิธีการอธิฐานกันไฟที่องค์หลวงพ่อท่านแนะนำไว้ได้ไหมครับว่าทำอย่างไร

การอธิษฐาน ไม่มีอะไรมากนะครับ แค่ตอนวางถังสังฆทาน ถวาย ก็ให้นึกอธิษฐานว่า " ขอให้ไฟไม่ไหม้ ฟ้าอย่าได้ผ่า " เท่านั้นเอง

ส่วนประวัุติผมเล่าได้แต่เพียงคร่าวๆ เพราะผมจำชื่อของเทพหรือพรหม ที่มาบอกกับหลวงพ่อไม่ได้แล้ว นานมากนะครับ จำได้แม่นแต่คำอธิษฐานเท่านั้น

ตอนนั้นหลวงพ่อเล่าว่า มีท่านผู้นึงมาบอกแนะวิธีถึงการแก้กรรมป้องกันไฟไหม้ และฟ้าผ่า ว่าให้เอากระดาษสีแดง มาวางรองฐานพระพุทธรูปเวลานำเข้าไปถวายสังฆทาน จะเป็นการแก้กรรมอันนี้ได้

จำได้ว่่าแรกๆเลย เป็นการนำกระดาษสีแดงวางรองพระพุทธรูปเวลาเข้าไปถวาย สังฆทาน ต่อมาเปลี่ยนเป็นเอากระดาษสีแดงวางไว้บนเครื่องสังฆทานที่มัดใส่ในถุงพลาสติกในถัง เพราะเวลาถวาย คนมักจะนำพระไปวางไว้บนถังแล้ววางบนโต๊ะถวายหลวงพ่อ

ผมจำได้เลาๆว่าเป็นแบบนี้ก่อนนะครับ

พอหลังๆมา เพื่อความสะดวก เลยนำผ้าสีแดง ขนาดพอประมาณวางปูลงบนโต๊ะรับสังฆทาน ทับ ผ้าสีเหลืองที่ปูอยู่ โดยไม่ต้องมีกระดาษสีแดงมาวางในถังทุกๆถัง สะดวกกว่ากันมาก

ถ้าเวลาเข้าไปถวายสังฆทานที่บ้านซอยสายลม ลองสังเกตุดูนะครับ ตรงโต๊ะที่วางรับสังฆทาน จะเป็นลักษณะที่ผมบอก

 

Wannachai001
สมาชิก

เคยสงสัยเรื่องการควบอานาปาฯกับพระคาถาเงินล้าน อ่านในหนัีงสือบอกว่า " ถ้าภาวนาควบกับอานาปาฯ จิตยิ่งสะอาดยิ่งเห็นผล " ผมก็สงสัยอยู่นานมากๆว่าจะทำได้ไงกัน เพราะถ้าเราทำสมาธิก็จะภาวนา พุทโธ หรือ นะมะ พะทะ(ถ้าทำมโนมยิทธิ) หายใจเข้าว่า พุธ หรือ นะมะ หายใจออกว่า โธ หรือ พะทะ

แต่ทีนี้ตัวพระคาถายาว จะแบ่งตอน แบ่งลมหายใจกันยังไง จะหายใจเข้าว่า สัมปะจิตฉามิ หายใจออกว่า นาสังสิโม แบบนั้นหรือ

ผมโง่เรื่องนี้อยู่นานมากจนมีโอกาศโทรไปคุยกับป้าเชิญอยู่ครั้งนึง เลยถามท่านถึงเรื่องนี้ด้วย ป้าเชิญบอกว่า " ใจนึงให้รู้คำภาวนาไป อีกใจนึงให้รู้ลมหายใจไป " พอฟังแบบนี้ก็เข้าใจเลย เลยพลอยเข้าใจว่าบางคนที่จับภาพพระด้วย จับลมหายใจด้วย ว่าพระคาถาไปด้วย 3 อย่างควบนี่เขาตั้งจิตกันยังไง

ขอเ่ล่าเอาไว้เผื่อว่ามีใครอาจไม่เข้าใจเรื่องนี้เหมือนผม


Quote:
Originally Posted by KRITA View Post
ถ้าได้ไปคงมีโอกาสได้เจพูดคุยกันนะครับพี่ พี่ครับมีประวัติหรือเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับการจัดสร้างเหรียญรุ่นต่างๆที่หลวงพ่อท่านเคยเล่าให้ลูกหลานฟังบ้างไหมครับ ถ้ามีช่วยลงให้อ่านกันด้วยนะครับ
ครับ บางทีอาจเคยเดินสวนกันไปสวนกันมาที่วัดหรือที่บ้านซอยสายลมแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจริงๆรู้จักกันในเวบแล้วก็ได้นะครับ

นึกออกตอนนี้ก็มีเหรียญทำน้ำมนต์ครับ คุ้นๆว่าน่าจะเคยมีลงในธัมมวิโมกข์เล่มเก่าๆ สมัยหลวงพ่อยังอยู่มาแล้วครับ จำได้ว่าหลวงพ่อเล่าเหตุที่ทำเหรียญทำน้ำมนต์นี้ในงานเป่ายันต์เพชรให้ฟัง แต่นานมากแล้ว จำได้แค่เลาๆ ขืนเล่าไปรายละเอียดพลาดแน่ๆ เลยไปหยิบวิดีโอเทปพิธีปลุกเสกเหรียญทำน้ำมนต์/พิธีเป่ายันต์เกราะเพชรครั้งที่ 13 มาดู

หลวงพ่อทำพิธีพุทธาภิเษกเหรียญทำน้ำมนต์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน 2532 ที่วิหารแก้ว 100 เมตร พิธีเริ่มตอน 6 โมงเย็น

ส่วนงานเป่ายันต์เกราะเพชร ครั้งที่ 13 มีในวันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม 2532 ที่ศาลา 4 ไร่

ขอถอดความแบบย่อเอาแต่ใจความที่ผมคิดว่าสำคัญๆ นะครับ

ในพิธีเป่ายันต์เกราะเพชรรอบแรก หลังจากหลวงพ่อได้แนะนำเรื่องการรับและรักษายันต์เกราะเพชรจบแล้ว ท่านก็พูดถึงเรื่องเหรียญทำน้ำมันต์ให้ฟังประมาณนี้ว่า ช่วงเดือนตุลา ร่างกายท่านเคลียด มีอาการป่วยมาก ท่านขึ้นไปวิมาณท่านบนแดนพระนิพพานแล้วตัดสินใจว่าถ้าร่างกายไม่ดีก็จะไม่กลับ พระพุทธองค์ท่านก็มายับยั้ง ท่านบอกกับหลวงพ่อว่าให้เป็นหมอเอาไหม หลวงพ่อบอกว่า ร่างกายแบบนี้เป็นหมอไม่มีใครเชื่อถือ เป็นหมอยา หมอพิธีกรรม ท่านไม่อยากเป็นเพราะจิตใจเป็นกังวล ไม่มีสุข ท้ายสุดพระท่านบอกว่า ถ้าทำน้ำมนต์อย่างเดียว รักษาได้ทุกโรคเอาไหม หลวงพ่อก็ว่าถ้ารักษาโรคภัยไข้เจ็บทางกายอย่างเดียวเอา แต่ยังไม่พอใจนัก ต้องรักษาโรคทรัพย์จางได้ด้วย พระพุทธองค์ท่านก็เรียกพระสารีบุตรมาให้สอนหลวงพ่อ พระสารีบุตรท่านว่าเคยสอนแล้วเมื่อปี 2504 แต่หลวงพ่อบอกว่าตอนนั้นทำครั้งเดียวเลิกไปเลย ก็สอนกันใหม่ และพระสารีบุตรท่านก็ติดตามมาสอนหลวงพ่อต่ออีก 3-4 วัน รักษาโรคได้ทั้งทางกายและทางใจพวคุณไสย พวกผีเข้าเจ้าสิง

หลวงพ่อบอกว่า ถ้าผู้หญิงมีครรถ์ ให้ทานน้ำมนต์ทุกวันก่อนจะหลับ อธิษฐานก่อน วันละอึกก็พอ อธิษฐาน ขอให้บุตรในครรค์จงเป็นผู้แข็งแรงไม่มีโรค และมารดาก็ไม่มีโรคด้วย แข็งแรงปลอดภัย เวลาเจ็บท้องใหม่ๆ ดื่มซัก 1 อึก อธิษฐานว่า ขอให้คลอดง่าย อย่างนี้ก็จะคลอดง่าย

ถ้าญาติโยมพุทธบริษัทต้องการลาภจากค้าขายทำมาหากิน ถ้าค้าขาย ตอนเช้าไปพรมหน้าร้าน ว่าคาถาตามหนังสือที่แนะนำไปให้ ถ้าต้องการปลูกผักปลูกหญ้า หรือข้าวกล้าทั้งหลายจะลงทำนา เอาน้ำมนต์ไปลงก่อนจะมีผลดีมาก

หลวงพ่อว่า ยันต์นี้มีรูปอาตมาอยู่ด้วย เป็นอันว่าท่านอนุญาติให้ทำ ท่านก็ตั้งราคาเสร็จ เหรียญที่มียันต์นี่ ท่านตั้งราคาบอกว่าใช้ราคาเกิน 30 บาทไม่ได้



ในพิธีปลุกเสกเหรียญทำน้ำมนต์ที่วิหาร 100 เมตร หลวงพ่อเล่าตอนนึงว่า " ทีแรกไม่ให้ทำเลย ไม่ให้แจกเลย(หมายถึงว่าพระท่านไม่ให้ทำเหรียญ ให้ทำเฉพาะแผ่นยันต์อย่างเดียว ทำน้ำมนต์แล้วให้คนมาตักไปเอง ประมาณๆนี้) เพราะกำลังใจคนเราไม่เท่ากัน นี่พระพุทธเจ้าเองนะ ต่อมาขอร้องเข้า คุยกันตั้งแต่ตี 2 ถึงตี 4 เอางี๊ก็แล้วกัน คุณทำได้แต่ทำได้ไม่เกินครั้งนึงไม่เกินพันองค์ เลยบอกท่านว่าถ้าไม่เกินพันองค์นี่มันตีกันแน่ เดี๊ยวก็ขึ้นราคากัน คนที่ได้ไป ก็ไปขึ้นราคากับคนไม่ได้ เลยขออนุญาติท่านเป็นพิเศษว่า เฉพาะรับงานเป่ายันต์คนมาก พันองค์คงไม่ไหว ท่านก็เลยอนุมัติว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกให้เป็นพิเศษให้ 3 หมื่นองค์ แต่ว่าต่อไปจะทำอีก ครั้งต่อไปจะได้ไม่เกินพันองค์ "

หลวงพ่อท่านบอกว่า " บูชาทำน้ำมนต์ รักษาโรคทุกอย่าง ค้าขายก็ได้ หาลาภก็ได้ ปลอดภัยก็มี ทุกอย่างท่านบอกทุกอย่าง "

" วิชานี้โดยตรงผู้ให้คือพระสารีบุตร แต่ว่าการทำคือพระพุทธเจ้าทำ "


(ในหนังสือสมบัติพ่อให้ บอกว่าเหรียญทำน้ำมนต์ สร้างเมื่อ 17 ตุลาคม 2532 ไม่ทราบว่าหมายถึงวันที่หลวงพ่อดำริสร้างหรือเปล่า แต่วันเดือนปีในวิดีโอเทปที่ผมดูในวันปลุกเสกเหรียญนี้ ขึ้นว่า 30/11/89 ก็คือ 30 พฤศจิกายน 2532 ครับ)


เวลาทำน้ำมนต์ด้วยเหรียญทำน้ำมนต์นี่ไม่จำเป็นว่าต้องแช่น้ำอยู่ตลอดเวลานะครับ เพียงแค่เวลาจะทำน้ำมนต์ให้เอาเหรียญแช่ในภาชนะใส่น้ำ ตั้งนะโมฯ 3 จบ ว่าอิติปิโส 7 จบ นะมะ พะทะ 15 จบ อธิษฐานเอาตามแต่ต้องการ แล้วเอาเหรียญขึ้น

ผมเคยทำมาแล้วครับ เอาเหรียญแช่น้ำในภาชนะตลอด ปรากฏว่าสุดท้ายกาวที่ยึดชั้นของกรอบพลาสติกละลาย น้ำซึมเข้า ต้องรื้อกรอบออก นำเหรียญไปปิดทองคำเปลวซ่อมเหรียญ แล้วค่อยนำมาเลี่ยมกรอบพลาสติกใหม่อีกทีนึง ต่อมาทีหลังได้ยินหลวงพ่อท่านแนะนำเอง จำได้ว่าช่วงหลวงพ่อตอบปัญหา ที่บ้านซอยสายลม ท่านแนะแบบนี้

ถ้าอยากแช่เหรียญในน้ำตลอดเวลา ผมคิดว่าก็พอทำได้อยู่ แต่ควรเอาเหรียญไปใส่ถุงพลาสติกอีกทีนึงแล้ว ซีล ด้วยเครื่องซีลปิดกันน้ำไปเลย

 

พระกริ่งชินบัญชรมหาโภคทรัพย์เนื้อเงินเทดินไทยครับ