ท่านใดมีประสบการณ์เฉียดตายและวิธีการตั้งกำลังใจแบบใดช่วยแชร์ธรรมทานด้วยค่ะ ^/\^

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ฟาฟา, 10 มกราคม 2013.

  1. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    ที่เจ้าของกระทู้ต้องเรียนถามเรื่องนี้อันเนื่องจากเมื่อ 10 นาทีที่แล้วก่อนมานั่งพิมพ์ถามนั้นได้นั่งรถกลับบ้านมาพร้อมครอบครัวขณะที่เข้าโค้งมาฝั่งตรงข้ามมีรถแท็กซี่หักหลบรถมอไซค์ที่พุ่งออกมาจากซอยด้วยความตกใจเค้าหักหลบมาทำให้รถของเราต้องหักหลบเข้าอีกข้างซึ่งเฉียดเสาไฟฟ้า วินาทีนั้นทุกคนในรถตกใจพอผ่านตรงนั้นมาได้ ได้แต่คิดขึ้นมาว่า ตายแล้ว ถ้าเราตายตะกี้นี้ลืมพุทธ โธ เลยนะเนี่ยมัวแต่ตกใจ ทั้งๆที่ก็เคยซ้อมก่อนนอนพอเอาเข้าจริงหายหมดค่ะ เรา 4 คนบนรถก็เลยพูดกันว่าตะกี้สงสัยถ้าตายในขณะตกใจอยู่นี่จะเป็นอย่างไร หลวงพ่อท่านก็บอกให้ซ้อมตายไว้พอเอาเข้าจริงพุทธ โธ ก็นึกไม่ออกมันเร็วมากเลยค่ะ ท่านใดเคยมีประสบการณ์เฉียดตายแล้วมีวิธี คุมสติช่วยแชร์เป็นธรรมทานด้วยนะคะ ขออนุโมทนาเจ้าค่ะ สาธุ^/\^



    ภาพประกอบจาก http://vippasstothespiritworld.blogspot.com/2011/06/near-death-experience-explained.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 มกราคม 2013
  2. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,568
    ค่าพลัง:
    +4,560
    ก็พอดีมาอ่านเหมือนกัน เลยขออนุญาต พูดรวมๆไป
    ที่พระพุทธเจ้าสอนให้ไม่ประมาท ให้ภาวนาความตายเป็นสรณะนั้น.....เพื่อให้มีสติรู้นั่นเอง
    คำว่าให้มีสติไม่ประมาทนั้น...ฟังดูเหมือนตอนขับรถ นั่งรถ แล้วมีสติ ไม่ประมาทในขณะนั้น.....แต่ความจริง ไม่ใช่แค่นั้น
    คำว่ามีสตินั้น ในความหมายโดยละเอียดนั้น มันก็คือการบริหารความเสี่ยง ในปัจจุบันนี้เอง
    เมื่อเราเกิดมาเพราะกรรม เราจึงต้องบริหารกรรมโดยใช้สติ
    เมื่อเราเป็นฆาราวาส เราก็ต้องทำกิจทางโลกให้พร้อม เช่น เรียน ทำงาน แต่งงาน เก็บเงิน แล้วก็ปฏิบัติกิจทางใจ คือ ทาน ศีล ภาวนาไปด้วย นี่เรียกว่ามีสติ ตั้งแต่แรกเริ่ม จนถึงตาย
    พอเราตายไปปุ๊บปั๊บ เราก็จะไม่ค่อยมีห่วงแล้ว
    ไม่ใช่เราประมาท กินนอนเที่ยว พอตายปุ๊บปั๊บ ลูกเมียลำบาก เราก็ห่วง เป็นสัมภเวสีมาเฝ้าเมียเฝ้าลูก อย่างนี้เรียก ไม่มีสติและประมาท
    การไม่มีสติและประมาทอีกอย่างคือ การใช้เทคโนโลยี่ เช่น รถยนต์ มอร์เตอร์ไซด์ นี่ถ้าใช้ไม่เป็น ไม่มีสติ ก็แส่หาความตายหรือพิการ
    เช่น วันปีใหม่ ก็ไปกินเหล้า แล้วขับมอร์เตอร์ไซด์ แล้วตายหรือ พิการ
    เช่น มีรถเก๋ง ก็ใช้ แทนที่จะเดิน หรือ นั่งรถประจำทางเอา เพราะมันคันใหญ่ นี่ก็ขาดสติและประมาท บริหารความเสี่ยงไม่เป็น เพราะถ้าไม่จำเป็น เราหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเสียแต่ต้น เราก็ไม่ต้องมานั่งภาวนาพุทโธ เพราะมันจะไม่มีสติภาวนาเพราะตกใจ
    ถ้าเป็นผม....ก็จะคำนวณว่า เราจะไปไหน ไปโดยพาหะนะอะไร...มันจำเป็นมากน้อยอย่างไร เสี่ยงไหมฯลฯ แล้วมาหาวิธีที่ดีที่สุด เช่น ขึ้นรถเมล์เอา เสี่ยงน้อยถ้าจะเกิดอุบัติเหตุหรือนักเรียนตีกัน....เหล่านี้ คือ ความมีสติและไม่ประมาท ในขณะดำเนินชีวิตประจำวันและรวมตลอดชีวิตด้วย ว่า เราจะบริหารตนเอง บริหารครอบครัวอย่างไร...
    พวกที่เฉียดตายส่วนใหญ่ ไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่อง สติความไม่ประมาทนี้ทั้งนั้น
    ถ้าเราบริหารสิ่งแวดล้อมได้ดี เราก็ไม่ต้องพะวง ยกเว้นมีความจำเป็นต้องเสี่ยง เราก็ต้องเสี่ยงแบบมีสติ เช่น ถ้าเสี่ยงขับรถ ก็ต้องคาดนิรภัย ปฏิบัติตามกฏจราจรและระวังอย่างสูงสุด ต่อ คน สัตว์ สิ่งของ ที่จะมาทำให้เกิดอุบัติเหตุ ยกตัวอย่างผมนี่ ทำงาน8โมงเช้า ต้องขับรถไปและรถมาก รถติด เกิดอุบัติเหตุให้เห็นเป็นประจำ
    ผมก็เลี่ยงโดยยอมลำบาก ตื่นตีห้า ขับรถออกไปทำงาน ถนนโล่ง ลื่นซ้ายลื่นขวา ไม่ชนกับใคร อย่างนี้ มีสติ ไม่ประมาท ไม่เสี่ยง และความน่าจะเป็นที่จะเกิดอุบัติเหตุ มีน้อย
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ผมเจอมานับสิบๆครั้ง เอาครั้งหนึ่งก็แล้วกัน เดี๋ยวมาว่ากัน ครั้งสองสามสี่ ผมไปเอาผักชนิดต่างๆ ที่ อ.ด่านช้างสุพรรณ เกือบสิบปีแล้ว มางานธุดงค์วัดท่าซุง ผมนั่งหลับๆตื่นๆมาตลอด พอมาถึง หูช้าง ยังไม่ถึงการุ้ง ขึ้น อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี ผมต้องสดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมกับบอก ไอ้คนขับรถ ว่า ไอ้ถึก มันชื่อไอ้ถึก หลานหลวงพี่ดุ่ย วัดท่าซุง ผมตะโกนบอก ไอ้ถึกๆๆๆๆๆๆๆล้อรถหลุด มันเป็นคนขับรถ ล้อหลุดไม่รู้ ของเต็มรถ ต่อคอกอีกต่างหาก ประมาณขึ้นมา ๑ ศอกกว่าๆ ผมมีอะไรผมบอกหมด พระ ข้อสำคัญ ผมเรียก หลวงปู่หลวงพ่อช่วยด้วยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ รถวิ่งล้อเหล็กข้างเดียวมาได้ ๑๐๐ กว่าเมตร บนลาดยาง ทางซ้าย เริ่ม ลงชายถนน พอมาถึง ต้นมะขามเทศ รถมันจะชน

    คนขับรถ มันหักหลบ รถกระเด็นคว้ำ ๓ ตลบ แล้วมาตั้งอยู่ดังเดิม หลังคายุบติดพวงมาลัยรถ คนขับรถมันบอก เห็นหลวงพ่อครึ่งองค์ มันเอาหัวมุด เข้าใต้พวงมาลัยรถ ประกฎของในรถ ก้ไม่เหลือเทกระจาดหมดครับ เต็มท้องถนน พระหลวงพ่อตั้งคู่เด่ กับหลวงปู่ ไม่หลุด จากรถ ส่วนผมเจ็บคอนิดๆ คนขับไม่เป็นไรเลย ชาวบ้านไม่กล้าออกมาดู เขาบอก ศพเกลื่อนถนน ชาวบ้านมาช่วย หาล้อรถ ตั้งเกือบ ๓ ชั่วโมง ถึงเจอล้อรถครับ แค่นี้แหละครับขี้เกียจเล่ายาว

    และเมื่อราว ๓ ปีก่าๆที่แล้ว ผมขับรถเก๋ง ผ่านมาถึง อ.หันคา จ.ชัยนาท เข้าเขตุ อ.เดิมบาง ท่าช้าง จ.สุพรรณ ทางตรง มาถึงตรงนี้ บอกไม่ถูก ยางล้อหน้าแตก ซ่ายไปมาเลี้ยวซ้ายขวา พรุ่งชนต้นไม้ ข้างทาง ตรงกลางต้นไม้หักขาด รากแทบถอน รถถลาลง ข้างชายถนน จอดสนิท ที่น้ำ หม้อน้ำ บี้ยับยู่ยี่ ผมมีความรู้สึกเฉยๆ ในตอนนั้นนะครับ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันเกิดขึ้นมาเร็วมากๆ วิปเดียวเท่านั้น ไม่ทันได้ตั้งสติอะไร ได้แต่เฉยๆ พวกร่วมกตัญูมา ตำรวจมา คนมามองดูกันเยอะ ไม่เป็นอะไร เขาก็ไปกัน เขาบอกตรงนี้พึ่งมีคนตาย รถลงข้างทางบ่อย ทั้งๆทางตรง

    ผมไม่พอใจไอ้พวก มูลนิธิเหี้ยๆ คนหนึ่งเดือดร้อน แม่มัน ยังเรียก ค่าลากรถแพงๆ ต้องต่อรองกันมันนาน แค่ลากรถประมาณ ๑๐ โลได้ จะเอา ๓๐๐๐-๔๐๐๐บาท มันบอก เรียกรถ หันคา รถไปธุระ สรรคบุรี ไปธระ เลยเอารถ บางระจันมา ทางหากินของมัน ตำรวจบอกรถลาก หันคากำลังจะมาลาก แล้วเหตุไฉนแม่มันมาบอกทีหลัง ผลทีสุดต่อรองเหลือ ๑,๕๐๐ บาท มันมีคนมารับทำถึงที่ ลากรถไป ไว้ที่อู่ อ.เดิมบาง แต่อยู่ใกล้ ตลาด ท่าช้าง ไอ้เราก็โง่ไปหน่อย มันขอเงินมันจำ ๒๐,๐๐๐บาท เราขวักให้ อีก สองวันต่อมา มันขอหมด จะซื้ออะไหร่รถที่นครปฐมซากรถ ชนกันที่ อ.กำแพงแสน รถเก่ามาแต่งให้

    มันขอให้มันหมดรวม ตกหก หมื่นบาท ตก ๖๐,๐๐๐บาท ทำให้เสร็จเลยในข้อตกลง จนกระทั่ง เป้นเดือน มาดู ก้เห็นแค่มันถอดไว้ กองไว้ เคาะให้นิดหน่อยเอง อะไหร่ มันก้ไม่ไปซือให้ ขอไปที สอง สามเดือนต่อมา ไปแจ้งตำรวจเดิมบาง เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ไปโรงพัก สองสามครั้งเลย ขี้เกียจไป เจ้าของอู่มันชื่อไอ้บุญทัน เดี๋ยวนี้ผ่านไปไม่เห็นมันอยู่ที่นั่นแล้ว ผมคุยกับเพื่อน ไอ้ห่า เสียเงินสักอีก สอง สามหมื่น จ้างมือปืน ยิงทิ้งแม่มันเลย ผมยั้ว เสียเวลาไปเกือบครึ่งปี ไม่ทำให้เลย ไปทีไร เจอบ้างไม่เจอบ้าง โทรถาม รับบ้าง ปิดบ้าง ไปหาพระแม่ชี วัด กม. ๘ คุยกับท่าน ท่านบอก ใช้กรรมมันไปเถอะ อย่าสร้างกรรมอีกเลย

    ผมไปกับพี่สมาน ท่าซุง อยู่แพนด้า ผมตัดใจ ขอถวายวัด กม. ๘ นี่แหละเอาทะเบียนรถไปถวาย ให้แม่ชีลากรถมาทำ อ.ด่านช้าง แม่ชีบอก ค่าซ่อมรถอีก เกือบ ห้าหมื่นอบาท ผมเลยถวายไปแค่ อีก ๑๕,๐๐๐บาท บอก แม่ชีบอกบุญได้ไหม แม่ชีรับได้ รวมค่าแต่งรถ แสนกว่าๆ ซื้อรถ ราคาแสนกว่าได้อีกคันเชียวนะ นี่คือที่มา ยังมีอีกหลายเรื่องแต่ยังไม่เล่า มีเวลาจะมาเล่าให้ฟังครับ
     
  4. นิพ_พาน

    นิพ_พาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,984
    ค่าพลัง:
    +7,810
    ช่วงเรียนจบปวสใหม่ๆๆ เป็นช่วงตรุษจีนเลยไปเที่ยวฉลอง
    กับเพื่อนๆๆที่ไร่กุสุมา ที่นั่นมีน้ำตกก็ลงเล่นกับเพื่อน เห็นเพื่อนชายชื่อหนุ่มอยู่ตรงหน้า
    ก็เลยว่ายไปหาเพื่อน แต่พอไปถึงมันเป็นน้ำวน ไปถึงตัวเพื่อนแล้วว่ายไม่ได้เป็นน้ำวน
    ก็เกาะเพื่อนไว้ เพื่อนก็บอกว่าอย่ารัดคอเรานะเดี๋ยวจบไปด้วยกัน เพื่อนบอกอะไรมาก็ทำตามไม่เกาะเพื่อน แต่เพื่อนก็ช่วยเราไม่ได้ เรากำลังจมน้ำ เรากำลังจะตายวินาทีนั้น นาที
    แรกที่รู้ว่าเราตายแน่ๆๆ คนแรกที่นึกถึงคือแม่ค่ะ นึกถึงแม่เลยสงสัยจะไม่ได้กลับไปเห็นแม่แน่ๆๆ ร่างเราจมลงๆๆ สักพักก็มีคนลากเราขึ้นมาแล้วพาเราไปสู่ฝั่ง ตรงบนน้ำตกนั่นมีชาย2ญ 1 กำลังนั่งเล่นกีต้ากัน เขาคงเห็นเราจมเลยโดดลงไปช่วย พอรอดตายก็ดีใจมากคิดถึงแม่อยากกลับไปหาแม่ จนลืมถามชื่อคนที่ช่วยไว้ แต่ก็ยังสำนึกบุญคุณเขามาจนทุกวันนี้
    ยังจำติดตาไม่ลืมว่าเขาได้ช่วยชีวิตเราไว้ ขอบคุณจริงๆๆ....

     
  5. I_am_free

    I_am_free เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +207
    ขอแชร์ด้วยคน ผมเคยเฉียดตายอยู่ 2 ครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะอุบัติเหตครับ มันเกิดจากความประมาทของผมเอง ผมเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำ แข่งกรมพละสมัย คุณศรสวรรค ภ่วิจิตร เป็นดาวรุ่งที่สนามศุภ สมัยนั้นช่วงซ้อมเอากำลังก็ว่ายครั้งละ 800 เมตร พัก 1 นาที วันๆก็ว่ายกันร่วม 10 กิโล ด้วยความมั่นใจในกำลังตัวเองเลยเล่นพิเรน นั่งบนหางเสือเรือข้ามฟากระหว่างประเทศ เรือพาจากท่าขึ้นมุ่งหน้าออกไปอีกฝั่ง ผมทิ้งตัวลงจากเรือตอนเรือออกจากท่ามาไกลสักระยะคือเห็นฝั่งลิบๆ มองไม่เห็นคนอ่ะ เรียกว่าไกลละกันแต่ก่อนหน้านั้นผมเคยทำแบบนี้มาก่อนแต่ไม่เคยไกลขนาดนี้ จริงๆผมก็ว่ายกลับเข้าฝั่งได้ล่ะครับ แต่วันนั้นมันมีเหตเหนือความคาดหมาย ช่วงดีดตัวออกจากหางเสือไม่เห็นว่ากำลังมีเรือสินค้าวิ่งมาอีกทาง จากแต่ก่อนเราดีดตัวลงจะมีแรงส่งจากเรือ นึกออกมั้ยครับ เรือมุ่งหน้าไปทางไหนคลื่นจากเรือจะไปทิศทางตรงกันข้าม นั่นก็คือแรงคลื่นของเรือจะส่งผมกลับเข้าท่าเองโดยที่ผมก็ว่ายตามระรอกคลื่นของเรือ แต่วันนั้นมีเรือใหญ่กว่าวิ่งตัดระรอกคลื่น จบครับ พอรู้ตัวว่าผิดปกติ ก็ใจสั่น เกิดความกลัว มันไม่เหมือนทุกที ยิ่งว่ายเข้าฝั่งคลื่นจากเรือสินค้ายิ่งดึงผมให้ไปคนละทิศ เหมือนว่ายน้ำอยู่กับที่ และการว่ายน้ำในทะเลกับในสระก็ต่างกันมาก ผมพยายามกลับเข้าฝั่ง เริ่มคิดต่างๆนาๆว่าจะรอดมั้ย จะไหวมั้ย เพราะเริ่มเหนื่อย ความเหนื่อยมันไม่มีลดลงอ่ะครับ ถึงจะลอยตัวไม่ว่ายแต่ก็ต้องเตะขาพยุงตัว ผมว่ายจากเย็นยันพลบค่ำ เหนื่อยจนหัวใจแทบจะออกมาเต้นมาข้างนอก แขนขาหมดแรงแม่แต่จะขยับ เหลืออีกประมาน 2-300 เมตร จะถึงฝั่งแล้ว แต่ผมก็ไม่ไหวแล้วจริงๆ จำได้ว่าแหงนหน้ามองพระจันทร์แล้วอ่ะครับ การหายใจนี่เหมือนคุณสูดหายใจเข้าออกรัวๆ ไม่ได้ดึงเข้าสุดปอดออกสุดนะ แต่มันจะหายใจถี่ยิบเลย ระยะทางที่เหลือแค่นั้นอ่ะมองเห็นฝั่งเห็นคนแล้ว แต่ไม่มีใครเห็นผมหรอก ตอนนั้นคิดว่าไม่รอดแน่ อีกไม่นานผมคงต้องจมน้ำตายถ้าไม่มีใครมาช่วย ผมเชื่อนะว่าสิ่งศักสิทธช่วยผมเอาไว้ เพราะโอกาสรอดมันเป็น 0 จริงๆ ตอนนั้นคิดว่าถึงวาระสุดท้ายแล้วล่ะ เพียงแต่ก่อนจะหมดแรงหรือจะช็อคอะไรก็แล้วแต่ ภาพในอดีตมันผุดขึ้นมาหมดเลย เห็นย่า เห็นปู่ นั่งกินข้าวกับกระด้งแล้วก็กวักมือเรียกผมไปกินด้วย เห็นตัวเองตอนเป็นเด็กวิ่งเล่นอยู่สนามหญ้าหน้าบ้าน เห็นพ่อจูงมือผมเข้าอุโบสถวัดพระแก้ว คือตอนนั้นมันก็มืดแล้วล่ะ แต่ภาพที่เห็นนี่สว่างชัดมาก พอเห็นพระแก้วมรกตเท่านั้นแหล่ะ ผมน้ำตาไหลเลยบอกท่านผมยังไม่อยากตาย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะครับ อฐิฐานบอกท่านเสร็จเท่านั้น ความรู้สึกเหมือนมือไปสัมผัสโดนอะไรบางอย่าง มันคืออะไรทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้ เป็นทุ่นพลาสติกกลมๆ มีโซ่รั้งไว้จากด้านล่าง ไม่มีตาข่าย ไม่มีอะไทั้งนั้น มันมีโดดๆอยู่ทุ่นเดียว และทุ่นมันจะไม่ลอยพ้นน้ำนะครับ มันจะลอยอยู่ใต้น้ำน้ำราวๆฟุต คือถ้ามือไม่ไปโดนก็ไม่เห็นอ่ะ วินาทีนั้นผมรู้ละว่าพระแก้วมรกตช่วย สิ่งศักสิทช่วยดันให้ผมลอยคอมาเจอทุ่นนี้ ผมกอดทุ่นนั้นพักเหนื่อยจนพอมีกำลังฟื้นขึ้นมา ก็ว่ายน้ำกลับเข้าฝั่งได้ ถึงฝั่งผมเข่าอ่อนเลย บอกตัวเองว่าจะไม่ประมาทแบบนี้อีกแล้ว

    นั่นก็คือเฉียดตายครั้งแรกของผมส่วนเฉียดตายครั้งที่สองก็เห็นพระแก้วอีกล่ะครับ ผมก็รอด ทุกวันนี้เลยห้อยพระแก้วมรกตติดตัวตลอด เดินทางไปไหนมาไหนก็อาราธนาขอให้ท่านคุ้มครองก็ไม่เคยเจอเหตุอะไรให้เฉียดตายอีกเลยครับ
     
  6. สุโขสุขี

    สุโขสุขี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    914
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ขอแชร์ประสบการณ์มั่ง ครับ ตอนเด็กๆผมกับเพื่อนๆพี่ๆชอบไปเล่นน้ำหลังภูเขาครับ ซึ่งจะต้องทะลุภูเขาไปลึกพอสมควร เป็นที่ๆไม่มีใครมากันแต่พวกเรามา 55+ ตอนนั้นก็เล่นน้ำกัน เล่นไปสักพักทุกคนขึ้นบนฝั่งหมดเหลือผมคนเดียวอยู่กลางน้ำ(ตอนนั้นว่ายน้ำไม่แข็งด้วยนะครับ) ก็กำลังเดินๆในน้ำ ปรากฎว่าน้ำมันเชี่ยวประกอบกับระหว่างเดินในน้ำ( ขายังแตะพื้นดินใต้น้ำอยู่นะ ครับ) มันมีความรู้สึกขึ้นมาว่าถ้าก้าวขาไปข้างหลังอีกก้าวเดียวจะไม่มีพื้นดินให้เดินแล้ว(เค้าเรียกว่าอะไรผมเรียกไม่ถูก) และเราต้องแย่แน่ ในช่วงเสี้ยววินาทีนั้น เพื่อนของพี่ชายคนเนิง อยู่ๆเค้าก็กระโดดลงน้ำมาช่วย(ทั้งๆที่ผมไม่ได้เรียกให้ใครช่วยเลย) วินาทีนั้นผมสั่นสุดๆเลยครับ กลัวมากๆ นึกว่าจะแย่ซะแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 10 มกราคม 2013
  7. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    ขอบพระคุณค่ะคุณพี่ เดี๋ยวต้องเอาพระไว้ในรถมั่งแล้วค่ะสาธุทุกทีเอาไว้แต่ที่ห้องพระที่บ้านค่ะพี่ สาธุ ^/\^
     
  8. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    อนุโมทนากับการแชร์ประสบการณ์ดีๆค่ะสาธุ
     
  9. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    อนุโมทนากับทุกท่านค่ะจะกลับมาอ่านอีกครั้งค่ะกำลังจะไปทำบุญ ค่ะอนุโมทนากันค่ะสาธุค่ะ ^/\^
     
  10. lionking2512

    lionking2512 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,525
    ค่าพลัง:
    +7,632
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
    คนทำแต่ความดี ไปที่ไหนตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านให้ความอารักษ์คุ้มครองครับ
     
  11. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    เคยขี่ม้าไปชมภูเขาไฟ ที่อินโดนีเซีย..ไม่เคยขี่มาก่อน พอขึ้นหลังมันก็รู้สึกสงสารว่ามันต้องมาแบกเรา นึกขอโทษมันตลอดทาง.. พอถึงทางขึ้นภูเขา ทางมันชัน มีเหวน่ากลัว ยังนึกว่า ขออย่าให้ม้าพยศในตอนนั้น (เจ้าของม้าบอกว่าม้าบางทีพยศแล้ววิ่งเตลิดได้เหมือนกัน เอาละซีตรู!)ไม่งั้นอาจเป็นผีเฝ้าภูเขาไฟไปก็ได้.. นึกได้แต่แผ่เมตตาให้ม้า .. ตอนนั้นอย่างจะกอดม้าอย่างเดียว เพราะทรงตัวแบบนั่ง 90องศาได้ยากเต็มที..นึกแช่งชักด่าตัวว่า ดิ้นรนหาที่ตายเองแท้ๆ อยู่ดีไม่ว่าดี..เวลานั้นใจที่เคยคิดอยากดูไม่เหลือความอยากอีก คิดได้แต่ขอให้รอดชีวิตเท่านั้น..!! ไม่มีอะไรในโลกที่สัตว์รักยิ่งกว่าชีวิตตน ความจริงนี้ประจักษ์ด้วยตนในยามนั้น!....

    ..พอถึงปากปล่องก็เห็นแต่ควันขี้เถ้าเขม่าี่ที่ปลิวว่อน หัวตัวเลอะเปรอะไปหมด ...(ไม่เห็นจะดีตรงใหน ไม่เห็นมีประโยชน์อะไร!!..มีแต่ควันที่เป็นพิษ เพราะกำมะถัน..เรียกว่า เสี่ยงตาย...เพิ่มเป็นรางวัลที่ได้มาถึง!)...ต้องรีบล้างอาบชำระออกเมื่อกลับถึงที่พัก..ในใจคิดว่า ถ้ารอดกลับไปได้ จะไม่ขี่สัตว์อะไรๆอีกในชีวิต และจะไม่ดิ้นรนเพื่อไปหาที่ตายที่ใหนเพียงเพราะอยากดูรู้เห็นที่ไม่มีสาระอีก...

    ตอนนั้น ยังเป็นพุทธตามทะเบียนเท่านั้น ..คิดดูว่าเสี่ยงอบายเพียงไร..เพราะความกลัวครอบใจเสียเกือบตลอดเวลา 6-7 ชั่วโมงแห่งการเดินทาง!!แถมกลับมาแล้วยังเอามาคุยอวดชาวบ้านเป็นมิจฉาวาจาประเภทเพ้อเจ้ออีกหลายโอกาส ยกเว้นโอกาสนี้ที่เอามาเคาะกะโหลกตนว่าไม่ควรกระตือรือร้นตามความอยากที่คอยลากจูงตนไม่หยุดหย่อนเพราะอาจถึงความ"หลงตาย"ได้ง่ายๆทีเดียว..ยังดีที่รอดมาได้..ยังดีที่รอดมาได้..

    ขออนุโมทนาท่านจขกท. ผู้นำต้นเรื่องนะครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2013
  12. หมูดิน1

    หมูดิน1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2011
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +863
    ผมครับ หลายครั้งเลยครับ
     
  13. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    จะเอากี่ครั้งล่ะ

    เจ๊โดนมาจนกระทั่ง นับวันที่เหลือ รอต่ออายุ ปีต่อปี เพราะ ยื่นวีฃ่าไว้ แต่ไม่มีใครรับดูแลเลย ยกเว้นท่านจอห์น

    ท่านจอห์นนับวัน แล้วคำนวณรายรับแต่ละเดือนให้เจ๊ ตราบจนวันสุดท้ายของชีวิต
    ละเอียดยิบ เพราะเวลาไปขอย้ายบ้าน ท่านจอห์นรำคาญ เพราะไปเซ้าซี้ จึงพูดเสียงดังสนั่นปฐพีนี้ว่า

    ลูกเต็มบ้าน หลานเต็มเมือง

    เจ๊เลยปลดเกษียณเร็วกว่าชาวบ้านชาวช่อง

    แต่ต้องมาต่อวีซ่า ปีต่อปี นะ นี่คือข้อแม้ในการเช็คแรงบุญ แรงกรรม

    วิธีที่ดีที่สุดคือ คิดว่าตัวเองจะตาย ล่วงหน้า แล้วตั้ง มรณัสติ ว่า ทุกคนล้วนต้องตาย หากเราซ้อมตายไว้ ก็จะเคยชิน จร้า

    สู้ สู้ นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2013
  14. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    สาธุค่ะ เมื่อเหนื่อยล้ามากๆท่านยังสามารถตั้งกำลังใจนึกถึงพระแก้วมรกตได้สาธุค่ะ ^/\^
     
  15. ฟาฟา

    ฟาฟา ฟาฟา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    553
    ค่าพลัง:
    +2,617
    อนุโมทนากับทุกท่านเลยค่ะใครมีประสบการณ์ก็ช่วยแชร์เป็นธรรมทานเพื่อจะได้เตือนสติและเป็นอุทาหรณ์ในบางเรื่องที่แต่ละคนยังไม่เคยพบเจอเผื่อวันใดฉุกเฉินขึ้นมาบางสิ่งบางอย่างจากกระทู้เล็กๆน่าจะเป็นประโยชน์กับเขาได้ค่ะ สาธุ สาธุค่ะทุกท่าน ^/\^
     
  16. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ผมมีเรื่องนึงนะครับ เหตุเกิดตอนผมอยู่มัธยมศึกษาปีที่6 ตอนเช้าผมเดินทางโดยรถรับส่งนักเรียนที่ต่อหลังคา ช่วงที่จอดรอนักเรียนกำลังขึ้นรถ มีรถพ่วง 18 ล้อทุกทรายมาเต็มคันรถ หลับในพุ่งเฉียดหลังรถผมไปประมาณ 1ฟุตครับ ผมได้แต่นั่งมอง ถ้าเค้าไม่หักหลบคนในรถคงได้ไปทัวนรกกันหมดแน่ครับ : ได้ความจากคนขับรถว่า ตนขับรถมาทั้งคืนนั่งมากับภรรยา
    เกิดหลับในมีคนตบหน้าอย่างแรง ผั๊ว !!!! จึงได้หักหลบรถผม ลงไปในร่องน้ำทั้งคัน พอได้สติออกจากรถถามเมียว่าได้ตบหน้ามั้ย เมียบอกไม่ได้ตบครับ ผมว่าเป็นสิ่งศักสิทธิ์ที่ช่วยคุ้มครองนะครับ พอเรื่องเกิดแล้วงผมกลับมามองว่าเราอยู่เฉยๆเราก็ตายได้นะครับ เราควรอยู่ในความไม่ประมาทนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2013
  17. คมวรรณ

    คมวรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +1,050
    :cool::'(ผมเคยจมในแม่นํ้าเจ้าพระยาหนึ่งครั้ง.. ตอนนั้นอายุได้แปดขวบครับ..ในขณะที่ก้าวขึ้นเรือแต่เท้าไปติดที่เชือกผูกเรืองเลยหล่นตกนํ้าไป..ดีว่าพี่ชายลงไปช่วยดันก้นขึ้นมาคับ..มีอีกคับ..ตอนสิบขวบข้ามถนนที่สนามหลวง..โดนรถแท๊กซี่ชน จนตีลังกา.สามตลบ..พูดไม่ออกไปสี่วัน..แต่ไม่เอาความ-ไม่เรียกค่าเสียหายคนขับคับ..(สงสารเขาคับ)..มีิอีกคับ..พอโตมาเป็นหนุ่มขับรถจาก..กทม.ไปหลับในที่ลําปาง รถเกือบแฉลบชนเข้าเกาะกลางมีเสาไฟฟ้าด้วยคับ..แต่เหมือนมีมือใครตบหน้าจึงตื่นขึ้นมา.(คงเป็นพระหลวงปู่-หลวงพ่อที่บูชาไว้ในรถหลายองค์คับหรืออาจเป็นเพราะผมได้บริจาคเลือดไป25ครั้งแล้ว)...ก็ตื่นขึ้นมาได้..เลย..รอดคับ..มีอีกคับ..ขณะขับรถกลับจากไปเที่ยวจ.ระยอง..เกิดมีรถปิกอัพหลับในสวนทางมาจะชนรถผม..ผมจึงบีบแตรและเปิดไฟสูงบอกเขา..ๆจึงหลบทันคับ...มีอีกคับๆ..ตอนหลังปีใหม่นี้เอง..ตอนตีสองครึ่ง..ขณะขับรถกลับมาจากสกลนคร จอดติดไฟแดง..และออกตัวไฟเขียว..ก็มีรถแซงขวาเลยรถผมอย่างเร็วมากไปชนรถคันหน้าผม ห่างประมาณสองเมตร(สงสัยเขาไม่หลับในก็เมา)..ผมจึงรีบแตะเนรคเพื่อหลบเศษกระจก-พลาสติกที่กะเด็นมาโดนหน้ารถของผมคับ..เลยรอด..ผมว่าไม่มีสิ่งบังเอิญบนโลกใบนี้นะครับ..เพียรมีศีลห้า-บริจาคเลือด-สมถสมาธิ-ภาวนา-ทานบารมี..
     
  18. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    เมื่อปี50 ถูกรถกระบะชนแล้วลอยไปถูกรถ10ล้อทับ ที่ต่างประเทศ เหตุการทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จนเราไม่สามารถที่จะรวบรวมสติได้เลย แต่เชื่อว่าที่รอดมาได้เพราะ(บุญ)กุศลล้วนๆที่ได้ทำไว้ใน(บวรพุทธศาสนา) ในช่วงก่อนที่จะถูกรถชน ก็ทราบอยู่คือมี(ลางสังหร)และเชื่อว่าคงจะอยุ่ได้อีกไม่นาน ได้มีโอกาศลาคนที่รัก(รวมทั้งadminของพลังจิตด้วย) มันรู้อย่างที่เค้าพูดกันว่าคนที่ทำบุญบ่อยๆเวลาตายจะรู้ แต่ด้วย(อกุศลกรรมมันบีบคั้นและถึงเวลา) เลยทำให้เรานึกไม่ถึงเรื่องบุญที่จะมาช่วย จริงๆก็พอรู้วิธีอยุ่บ้างแต่อกุศลกรรมมัน(ปิดกั้นหมด) ช่วงก่อนจะตาย(ยังกลัวตาย) โลกทั้งโลกมันห่อเหี่ยวและว้าเหว่ในความรุ้สึกเพราะมีความรู้สึกว่าจะต้อง(พัดพลาดจากครอบครัวและคนที่เรารัก ) และแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องชดใช้กรรม โดนรถ10ล้อทับจริงๆ ในขณะที่ถูกรถชนแล้วเห็นตัวเองตัวใสๆออกมาดูเค้ายกร่างกายไป แต่ด้วย(บุญ)หรืออะไรไม่ทราบทำให้เราถูกรถชนหน้าโรงพยาบาลพอดีเลย เห็นเหตุการหมดแต่บังคับตัวเองไม่ได้ จำได้ว่าพอรู้ตัวว่าอยุ่ร.พ ได้มีเสียงดังๆตะโกนว่า...(ลืมตาเดี๋ยวนี้ๆๆ3ครั้ง) ก็ลืมตาขึ้นมาได้และไม่ตาย แต่เห้นเลือดเต็มตัว หลังจากนั้นถูกส่งกลับมาที่เมืองไทยและอยู่รักษาต่อ เกือบเดือน ในคณะที่อยู่ร.พในเมืองไทย อาการบาดเจ็บต่างๆหายอย่างรวดเร็ว ทราบมาว่าพระสงฆ์สามเณรที่เราได้ช่วยเหลือกันมา ต่างร่วมเจริญกรรมฐานให้เรา และพระสงฆ์สามเณร100กว่ารูปได้ร่วมกันถวายสังฆทานในหมู่สงฆ์เพื่อแผ่บุญกุศลมาให้ทุกๆวัน สามชิก(พลังจิต)พอทราบข่าวก็ร่วมแผ่บุญกุศลมาให้ ทำให้หายเร็วจนหมอและพยาบาลต่างแปลกใจไปตามๆกัน พยาบาลได้มาถามพี่สาวว่าเรากินสมุนไพรอะไรทำไมถึงหายแบบไม่น่าเป็นไปได้ มีอยู่วันหนึ่งในขณะที่ผ่าตัดเสร็จ ได้มีเสียงเมือนเสียงเด็กก็ไม่ใช่ผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง มากระซิบที่หูว่า..."พระบรมสารีริกธาตุที่สมเด็จพระสังฆราชทรงประทานมาให้ ได้มาถึงที่ห้องแล้ว" พอลืมตาขึ้นมาก็บอกหมอให้พามาที่ห้องเร็วๆ บอกหมอ หมดนึกว่าเราเมายาผ่าตัด แต่พอหมดมาถึงห้อง ได้พบว่ามีตัวแทนผู้อัญเชิญพระบรมธาตุ(ประทาน) มาที่ห้องจริงๆ หมอถึงกับคุกเข่าลงกราบพระบรมธาตุ หลังจากที่ออกจากร.พ มีพระสงฆ์มาที่บ้านร่วม100รูปเพื่อสวดพุทธมนต์ให้ที่บ้าน พระมากันเต็มไปหมด ต้องปิดซอยเลี้ยงพระกันเลย(ทุกรูปมาด้วยความรักเราที่เราได้ทำคุณประโยชให้กับพระศาสนามาโดยตรอด)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 มกราคม 2013
  19. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    เจริญสติให้มากๆ ครับ ผู้ที่เจริญสติมากๆ แล้ว ถึงแม้จะยังไม่มีสติตลอดเวลา 24 ชั่วโมง แต่ เมื่อมีการกระเพื่อมของจิตอย่างรุนแรง สติจะทำงานทันทีครับ
     
  20. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool: เมื่อปีกว่าๆนี้เอง ผมเป็นอีกแบบหนึ่งครับ คือเวลาผม กินก๊วยเตี๋ยว ใส่เครื่องครบ มันสอึก แล้วลมหายใจกำลัง จะหยุดเต้น มันจะดิ้นเฮือกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆถ้าลมหายใจหยุดก้คงตาย มันเป็นอยู่ปีกว่าๆ เดือน ๒ เดือนหรือสามเดือนครั้ง ผมจึงคิดว่า นี่ ความตายกำลังมาเยือนแล้ว เวลาของเราเหลือน้อยแล้ว มัชจุราชตามเรามาทุกขณะ เวลาไปกราบผู้ทรงศิล ท่านก็บอกว่า เวลาเราเหลือน้อยแล้ว บางครั้ง ภาวนาบ้างพิจรณากายบ้าง นึกถึงความตายบ้าง

    แล้วแต่โอกาศ บางครั้ง จิตก็สลดหดหู่ยิ่งนัก บางครั้งก็ขี้เกียจตามมาเหมือนกันแพ้มากกว่าชนะ มาปี ๕๕ ไม่เป็นแล้ว แต่เส้นมันมาเล่นหนัก มันมาบีบทุกเรื่องในกายของเรา ทุกลมหายใจเข้าออก ปวด ทรมารสิ้นดี ถ้าคุยเรื่องธรรมะ จิตจะเบา ลืมความเจ็บปวดได้บ้าง มันเป็นโรคกรรม ทำไว้เยอะ ต้องยอมรับมันไป ไม่รับก็ต้องรับ

    เมื่อตอนเด็กๆ ขี่หลังควาย นอนหลับบนหลังควาย ตกมาจากหลังมันบ่อยๆครับ ตกมาแต่ละครั้ง ก็คิดดูเถอะครับ ไม่เคยเข็ด ตกบ่อยๆ เมื่อปี ๓๗ ผมเป็นมาลาเลียขึ้นสมอง สลบไปเกือบวัน กว่าจะฟื้น ก็หลายทุ่ม ตื่นขึ้นมา มันทั้งปวด ทั้งแสบ ลำก้อง เพราะว่า ที่สลบไป น้ำปัจสาวะไม่ออก หมอต้องเอา สายยาง เสียบ ลำก้อง มันทน บ่อไหวครับ ทั้งเจ็บทั้ง ปวด ทั้งแสบ บอกหมอว่า ให้ถอด ออกเถอะ ผมทนบ่อไหวแล้ว หมอบอกว่า ถ้าเอาออก

    ถ้าเบาไม่ออก ต้องเสียบใหม่นะ จึงสัญญา กับหมอ ใช้ลมเบ่ง ยิ่งกว่าคนออกลูก เสียอีก ใช้เวลา หลายสิบนาทีจึงออก ไม่บอกหมอ เดี๋ยวโดนสายยางเสียบลำก้อง ถ้าคนเคยโดน เขาถึงจะรู้ มันทรมารจริงๆครับ :cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...