เมตตาตกบ่อ

..............................

 

.ผู้มุ่งสร้างบารมีช่วยตนและชีวิตอื่น

หรือ คนดี ที่มีเมตตามาก ชอบช่วยผู้อื่น

มีไม่น้อย .......ที่ถูกทรชนในคราบของผู้น่าสงสาร หลอกใช้

.......ถูกทรชนในคราบบัณฑิตผู้น่าเคารพบูชา หลอกใช้


-----------------------------------------------------------------


นอกจากสติ-ปัญญา ทางโลกที่ควรเท่าทัน เล่ห์กลของทรชนทางโลกแล้ว

ยังมี... ผู้ใช้ชีวิตในคราบนักบุญทางศาสนา ที่ยังไม่ใช่ทางตรงแห่งการพ้นทุกข์

สามารถใช้วิธีการต่างๆ ใช้ตัวเราให้เป็นประโยชน์ต่อหนทางของเค้า




ดังนั้น นอกจาก ความฉลาดเฉลียว รอบรู้ ทั้งทางโลกและทางธรรมแล้ว

ควรอธิษฐานกำกับไว้เสมอว่า..........


" ...ขออย่าให้ตกเป็นเครื่องมือให้กับพาลชน คนชั่ว หรือ ไม่ใช่ผู้ที่เป็นบัณฑิต ที่เดินไปสู่ทางพ้นทุกข์


หากต้องใช้ความสามารถใดๆ

เพื่อทำประโยชน์ให้กับคนเหล่านั้นสมประสงค์ในทางที่...ไม่ใช่ทางเจริญด้วยกุศลสัมมาทิฐิล้วน......แล้ว....
.ขอให้อิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ และความสามารถใดๆของข้าพเจ้า เสื่อมถอยหรือ
ไม่สามารถทำการได้สำเร็จ


ให้ข้าพเจ้ารู้ตัวได้ทัน ก่อนทำการสนับสนุนคนไม่ดีให้สมประสงค์


และ ห่างไกลจากทรชน คนพาล ในทุกโอกาส ด้วยเทอญ..."

 

......หากด้วยมีเหตุ ที่ต้องพบปะ ใกล้ชิดคนพาล
หรือ ผู้ที่จะทำให้คุณธรรมของข้าพเจ้าตกต่ำลง โดยที่ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านั้นปิดบังเจตนาอกุศลที่จะหลอกใช้ข้าพเจ้าในการช่วยทำสิ่งอกุศลที่มีผลเสียต่อข้าพเจ้าและมหาชน ขอให้คุณพระศรีรัตนตรัย และบุญบารมีที่ข้าพเจ้ากระทำมา
จงทำให้มีเหตุปรากฏ ให้ข้าพเจ้าได้เห็นความจริงที่ซ่อนเบื้องหลัง อย่าหลงทำอกุศลกรรมมากไปกว่าเดิมเลย

 

รู้จักธรรมชาติที่เป็นจริงของแต่ละชีวิตที่ปฏิสัมพันธ์ มีพรหมวิหารต่อเค้า


.การไม่ให้เค้าหลอกใฃ้ ก็คือ มีเมตตา กรุณา มุฑิตา ต่อเค้า และอุเบกขาต่อเค้า

และพร้อมจะช่วยเมื่อโอกาส เหตุปัจจัย ถึงพร้อม ...ไม่ไช่ ให้ตีความว่า จะมีจิตอคติต่อเค้า ...


ไม่ใช่การเลือกที่รัก ม้กที่ชัง


..ถ้าจะช่วยใคร แล้วไม่ได้ทำให้เค้ากลับใจ มีใจที่พัฒนาไปในทางที่ดี แต่กลับจะส่งเสริม
ให้เค้าทำชั่วได้สำเร็จ ก็อย่าไปแตะต้องเลย....

 

ครูท่านสอนให้ระวัง โดยไม่ให้สักกายทิฐิในตัวเราเจริญเติบโตไปด้วย

ด้วยอุบายวิธี(กุศโลบาย)ฝึกว่า อย่ามองเป็นคนๆนั้นดี เลว ชั่ว

แต่ให้ระวังกองกิเลส ( อย่างที่ท่านนิวรณ์โพส )ที่มีในตัวสรรพชีวิต

( เห็นด้วยปัญญาว่า เป็นกุศลธรรม อกุศลธรรม ที่บงการสรรพชีวิต
กำลังทำหน้าที่ เรามีหน้าที่เดินตามกุศล ละอกุศล จนกว่าจะถึงความพ้นทุกข์)





ไม่ให้ คล้อยตาม หรือ ทำตามกิเลส ตัณหา ที่มีในใจสรรพชีวิตทั้งมวล
รวมถึง ไม่ให้ทำตามกองกิเลสและอวิชชาในตัวของเราเองด้วย ตามลำดับ
ของสติปัญญาที่จะเจริญได้ เป็นวาระๆ ไป

 

อุเบกขา ที่จะทำให้พรหมวิหารสี่จบลงแบบครบวงจร ก็มาจากสติปัญญาที่อบรมมาดีและยอมรับความจริงขณะนั้นๆได้ว่า เหตุปัจจัยที่จะช่วยใคร ยังไม่พอเพียง

...ต้องรอเวลา โอกาส และเหตุปัจจัยพร้อม เมตตา กรุณา มุฑิตา ก็จะร่วมมือกันหมุนเครื่องยนต์แห่งพรหมวิหารอีกครั้ง

 

จงอย่าเมตตาแบบโง่ๆ


พระพุทธเจ้า แบ่งคนไว้เป็น 4 พวก คือ
...
1. อุคฆฏิตัญญู คนมีปัญญาดี
2. วิปจิตัญญ ปัญญาต่ำมานิดหนึ่ง
3. เนยยะ พอแนะนำได้ เมื่ออธิบายหลายๆ ครั้ง อันนี้คน 3 จำพวกนี้ พระพุทธเจ้าทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ
4. ปทปรมะ เอาดีไม่ได้นี้ องค์สมเด็จพระจอมไตร ทรงเสด็จหลีก ไม่ทรงสั่งสอน จะถือว่า พระองค์ขาดเมตตาไม่ได้ ทั้งนี้ เพราะอะไร เพราะสอนเขา เขาไม่รับฟัง
สำหรับพวกเราก็เหมือนกัน ถ้าจะแสดงเมตตาจิต
ก็ดูเสียก่อนว่า คนประเภทนั้นเราควรจะเมตตาไหม
แต่เห็นว่าแนะนำแล้ว ไม่ได้ผล ก็จงอย่าสงเคราะห์
คนประเภทนั้น หลีกไปเสีย อย่างพระพุทธเจ้าทรงหลีก
แต่ทว่าเขาไม่เลื่อมใส ในองค์สมเด็จ พระบรมสุคต
ไม่เชื่อพระสัพพัญญู สมเด็จพระบรมครูก็ไม่ทรงสั่งสอน
นี่ดูเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่ใครไปใครมาก็เมตตาเสียดะ
เมตตาโง่ๆ แบบนั้นจะสร้างความเดือดร้อน เหมือนกับ
เราจะให้ของเขา เขาไม่รับ ไปให้เขาทำไม
ไม่ต้องไปอ้อนวอน ไม่ ต้องไปแค่นเขาให้รับ
และ อีกประการหนึ่ง วันเวลา กำหนดระเบียบวินัย
เป็นของสำคัญ จงอย่าเมตตาคน เกินกว่าระเบียบวินัย
ดูตัวอย่าง องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดา
มีพระมหากรุณา ไม่มีขอบเขต แต่องค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ
ทรงวางวินัย ไว้ลงโทษพระ ลงโทษเณร ทั้งนี้เพราะอะไร
เพราะว่า ถ้าไม่มีระเบียบวินัย คนนั้น เราเมตตาไม่ได้
เพราะเป็นคนเลว พระพุทธเจ้าทรงวางวินัย ไว้กี่พันข้อ
227 นี่มัน ยังไม่หมด ยังมี ส่วนอภิสมาจารบ้าง
ยังส่วนธรรมะ บ้างที่พระองค์ทรงห้าม นี่เป็นอันว่า
พระพุทธเจ้ามีพระมหากรุณาธิคุณ ก็จริงแหล่
แต่ทว่า ทรงเลือกเอาแต่เฉพาะคนดีเท่านั้น


บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี