เส้นทางนักแสวงหาพระสมเด็จ

รายงานพิเศษ นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนางานวิจัยจากเปลือกหอยแครงเป็นวัสดุทดแทนกระดูกมนุษย์ ประสิทธิภาพใกล้เคียงกระดูกแท้ ย่อยสลายได้เอง เมื่อร่างกายสร้างกระดูกใหม่

...รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สิทธิพร บุณยนิตย์ หัวหน้าหน่วยวิจัยชีววัสดุและเครื่องมือแพทย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อาจารย์ประจำจากภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หัวหน้าทีมวิจัยการนำเปลือกหอยมาใช้แทนวัสดุทดแทนกระดูกมนุษย์ กล่าวว่า เปลือกหอยเป็นผลผลิตธรรมชาติจากสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่มากมายในประเทศไทย

องค์ประกอบหลักของเปลือกหอยคือแร่ธาตุ แคลเซียมคาร์บอเนต เมื่อนำมาทำให้บริสุทธิ์ตามกระบวนการทางเชิงวิทยาศาสตร์สามารถนำมาใช้ดัดแปลงผลิตสร้างวัสดุทดแทนกระดูกมนุษย์ได้โดยมีสมบัติตามเกณฑ์มาตรฐานของอเมริกา ซึ่งเปลือกหอยทุกชนิดสามารถนำมาใช้ในการผลิตวัสดุทดแทนกระดูกมนุษย์ได้ แต่ทีมวิจัยใช้เปลือกหอยแครงเป็นหลัก เนื่องจากหอยแครงเป็นสัตว์เศรษฐกิจของประเทศไทยที่ได้รับความนิยมนำมาบริโภคทำให้มีเปลือกหอยเป็นของเสียเหลือทิ้งจำนวนมาก กระบวนการผลิต นำเปลือกมาต้มล้างทำความสะอาดเพื่อกำจัดสารอินทรีที่อยู่ภายนอก

หลังจากนั้นนำไปผึ่งให้แห้ง แล้วเผาที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส เพื่อกำจัดสารอินทรีย์ทั้งหมด แล้วนำมาบดละเอียด จะได้เป็นผงแคลเซียมออกไซด์ หลังจากนั้นผสมสารตัวเติมเข้าไปเพื่อทำการแปรรูปเชิงเคมีวิทยาให้กลายเป็นผงกระดูกที่มีสูตรโครงสร้างเป็นแคลเซียม ฟอสเฟต ไฮดรอกไซด์ของกระดูกมนุษย์โดยทั่วไป แล้วนำไปขึ้นรูปตามตำแหน่งที่ต้องการใช้งานในร่างกายมนุษย์ เช่น ผงละเอียด ผงหยาบ ก้อนลูกบาศก์เนื้อแน่น ก้อนลูกบาศก์เนื้อพรุน แผ่นดามกระดูก หรือทำเป็นตะปูเกลียวเพื่อยึดจับ โดยสามารถนำไปใช้ได้กับทุกส่วนภายในร่างกายที่เป็นกระดูกแข็งของมนุษย์...


อ่านเจอพอดี เลยเอามาฝาก..ครับ

ผมว่าสมัยก่อนหอยแครง หาได้ง่าย ราคาถูก และสามารถขนส่งทางเรือมาตามแม่น้ำได้ เพราะมีมากแถวสมุทรสงคราม สมุทรสาคร เปลือกหนา แข็ง เปลือกหอย 1 ตัว นำมาบดจะได้ ธาตุแคลเซียมคาร์บอเนต เป็นจำนวนมาก

ปูนขาว เป็นวัสดุที่ได้จากการเผาหินปูน (แคลเซียมคาร์บอเนต) โดยใช้ความร้อนสูง จะได้เป็นปูนสุก (แคลเซียมออกไซด์, CaO, lime) เมื่อเย็นตัวลงแล้วพรมน้ำให้ชุ่ม ปูนสุกจะทำปฏิกิริยากับน้ำได้เป็น แคลเซียมไฮดรอกไซด์ ส่วนที่เป็นผงแห้งได้เป็น ปูนขาว

 

3.เนื้อมวลสาร 
   -มวลสารหลัก
   -มวลสารพิเศษ
มวลสารหลัก. =. ต้องมีไม่มีไม่ใช่ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ใช่
มวลสารพิเศษ =. มวลสารหลักต้องมีครบแล้ว แล้วมีมวลสารพิเศษเพิ่มเข้ามา มวลสารพิเศษมีอย่างเดียวก็ได้ ไม่มีก็ได้ มีหลายอย่างก็ได้
   นี่คือหลัก
มวลสารหลักมีอะไรบ้าง 
1.เม็ดดำ    (ก้านธูป)
2.เม็ดแดง.  (พระซุ้มกอ)
3.เม็ดส้ม.   (อิฐกำแพง)
4.น้ำตาลขีดๆ(เกสรดอกไม้)
5.เม็ดขาวใส่(ข้าวสาร)
6.ขาวขุนสีมุกเรียบ(เปลือกหอยดิบบดไม่ละเอียด)
7.เม็ดขาวจุด. (ช็อกชนวนบดไม่ละเอียด)
  ข้อ6,7เป็นผลมาจาก. เนื้อช็อกชนวนและปูนเปลือกหอยดิบ
8.เกล็ดเงิน
9.เกล็ดทอง
        9มวลสารหลักต้องมีไม่มีไม่ได้. มากน้อยต่างกันอีกไม่เท่ากัน อันไหนต้องมากกว่าอันไหนต้องน้อยกว่ามีให้คิดอีก
มวลสารพิเศษ
1.เม็ดพระธาตุ.สีอมเทาผิวโลกพระจันทร์. พุทธคุณแห่งความพิเศษ. งอกเองได้.  มีแต่เจริญขึ้น
2.เม้ดเขียว,ฟ้า. เป็นสิ่งเดียวกัน เม็ดหนาจะใสเม็ดบางจะขุ่น. พุทธคุณเป็นหนึ่งเดียว บอกไม่ถูกเอาเป็นว่าเมื่อตัวเลือกมีเยอะแยะทำไมเลือกเราก็ไม่รู้ทั้งที่คดว่าไม่มีหวังประมาณนั้น
3.เม็ดสีเหลือง พุทธคุณ. อายุยืนยาว. ไม่บอกว่าเป็นอะไร
4.จีวร พุทธคุณ. มีบุญมักได้รับการช่วยเหลือจากผู้หลักผู้ใหญ่ เป็นต้น
5.เส้นเกษา(ผม)พุทธคุณ. มีบารมี

9มวลสารหลัก5มวลสารพิเศษ. อาจจะมีมากกว่าแต่ผมยังไม่เจอ

ข้อมูลส่วนตัวไม่มีเอกสารอ้างอิงไม่มีเซียนใหญ่สนับสนุนไม่มีนักวิชาการกล่วาใว้ ดังนั้นต้องวิเคราะข้อมูลเอาเองครับ

 

มวลสารพิเศษคือความโดดเด่นของพระองค์นั้นๆ ซึ่งจริงๆแล้วท่านอยากให้มีหมดนั่นแหละแต่ของมีน้อยอยู่ที่วาสนา. เช่นบางทีเม็ดพระธาตุเยอะอยู่ในพิมพ์เจดีย์. พระองค์นั้นก็จะ. มีพุทธคุณเด่นว่าถ้าใครครอบครองนั้นก็ไม่ว่าจะทำอะไรๆก็จะเจริญงอกงามดี. เจริญงอกงามมาจากเม็ดพระธาตุ ดีมาจากพิมพ์. นี่ครับคนโบราณเขาคิดเขาเล่นเขาใช้พระแบบนี้ครับ แต่พวกเราขอแค่แท้ก็พอ. เป็นแรงกระตุ้นครับว่าพระสมเด็จมีอะไรๆลึกมากกว่าที่คุณๆคิด มีอะไรให้ค้นหามากกว่าพระอื่นๆมีความชุ่มชื่นใจมากเวลาส่อสใส่และบูชา พระทั้งองค์เป็นของวิเศษทั้งองค์มีที่มามีคุณค่ามีพุทธคุณในตัวเอง. มันมั้ยครับแค่อ่านเรื่องพระสมเด็จที่มันลึกขึ้นอีกหน่อย

 

ทีนี้เรามีเนื้อมวลสารหลักครบแล้วเราเอามารวมกันครับ. นั่นแหละพระสมเด็จคราวๆ. อย่างน้อยๆก็รู้ว่าต้องส่องหาอะไร ที่นี้เนื้อพระแต่ละอย่างมีมีผลต่อน้ำหนักพระ มีผลต่อการยุบย่น มีผลต่อพิมพ์พระ. เราก็จะรู้การเกิดขึ้นของธรรมชาติในองค์พระแบบเบื้องต้นการเปลี่ยนแปลงในองค์พระเมื่อผ่านการเวลาทุกอย่างมีการเริ่มมีความสัมพันกันต่อเนื่องกันมีสามได้หนึ่งกับสองต้องมี. นี่ครับเป็นแนวทางของผม ของผมจริงๆดังนั้นต้องวิเคราะครับผมไม่มีใครมาอ้างอิงนะ. แต่ค่อยว่ากันไปเอาแค่เนื้อให้เข้าใจก่อน ดังนั้นจะลองภูมิกันผมไม่กลัวครับแต่ผมกลัวว่าผมต่างหากละที่จะไปทำลายความหวังของใครๆเพราะผมไม่ค่อยชอบแบบนั้นเท่าไหร่ครับ แต่ผมชอบอะไรผมก็จะศึกษาอันนั้นเท่าที่ทำได้เพราะมันจะมีความสุขของผมเองครับ. จึงออกตัวว่าผมไม่ใช่เซียนอะไร. พุทธพาณิชย์ก็ไม่ถนัดเท่าไหร่. และสถาบันต่างๆผมไม่จำเป็นผมไม่ไปก้าวล่วงหรอกครับแต่ผมดูพระองค์นั้นๆมากกว่า. ใครถามผมตอบครับ ก็ตอบแบบผมดังนั้นล่วงเกินไปอภัยในความรู้น้อยด้วยนะครับเพียงแต่อยากให้มีพระสมเด็จมาครอบครองเท่านั้นครับ

 

พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์เจดีย์ใหญ่ องค์นี้ เนื้อเปิดมากๆ เห็นมวลสารชัดเจน เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มศึกษา "มวลสาร" ของพระสมเด็จวัดระฆังฯ ครับ

 

พระสมเด็จวัดระฆังฯ พิมพ์ฐานแซม องค์นี้ เนื้อเปิดแต่ไม่มากเท่าองค์แรก ครับ

 

ก็ว่ากันไปครับ. แล้วแต่ไม่ว่ากันครับ. ไม่วิจารณ์เพราะเอามาให้ศึกษาก็ศึกษาครับ

 

ผมนึกเรื่องที่จะบอกและเขียนให้อ่านกัน พอเปิดไอแพดมาเจอพระสององค์ข้างบนผมลืมเลยมัวแต่อึ้งอยู่

 

จะลบดีไหมครับ

ผมเอารูปมาลง โดยลืมขออนุญาติเจ้าของกระทู้ จะให้ผมลบออกดีไหม ครับ

 

เอางี้ครับผมมาพูดเรื่องพระนอกพิมพ์ดีกว่าครับเห็นพูดกัน.

พระสมเด็จที่สมเด็จโตท่านสร้างนั้นรูปลักษณ์จะไม่นิ่งเท่าไหร่นักในยุคแรกๆเนื่องเพราะไม่ชอบถึงความสวยงามขององค์พระจึงได้มีการพััฒนารูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง พระบางบล็อกก็สร้างครั้งเดียวเพราะไม่สวยจนกลายมาเป็นพระนอกพิมพ์ในทุกวันนี้แต่เราจะมาเห็นถึงความสวยที่ลงตัวที่สมเด็จโตท่านชื่นชอบในช่วงยุคปลายที่หลวงวิจารณ์ท่านเข้ามาแกะพิมพ์ถือได้ว่าเป็นยุคสุดท้ายยุคพิมพ์นิยมและมีการสร้างจำนวนมากพอสมควรในแต่ละบล็อกและแต่ละพิมพ์เหตุเพราะบล็อกพิมพ์นิ่งแต่สร้างจากบล็อกที่ลงตัวแล้วเรื่อยๆทำให้พิมพ์ยุคสุดท้ายมากกว่าพิมพ์บล็อกยุคอื่นๆในแต่ละพิมพ์. แต่ถ้าเอาที่สร้างมาแล้วในบล็อกพิมพ์ที่ไม่นิ่งมารวมกันแล้วมาเทียบกับที่เป็นบล็อกพิมพ์ของหลวงวิจารณ์ ที่สร้างมาแล้วย่่อมมากกว่าแต่จับจุดในการดูพิมพ์ยากยิ่งลึกยิ่งยากหมายความว่ายิ่งไล่ย้อนกลับไปหายุคต้นๆมากเท่าไดยิ่งดูพิมพ์ยาก แต่สิ่งที่จะบอกได้ว่านี่แหละพระที่สมเด็จโตท่านสร้างได้คือเนื้อหามวลสารที่เป็นการเฉพาะไม่มีใครเหมือนไม่ว่าลูกศิษย์หรือของปลอม

ทำไมเขาถึงเล่นหาแต่หลวงวิจารณ์เพราะมีความชัดเจนมีหลักมีเกณท์
1.พิมพ์2.เนื้อ3.อายุธรรมชาติความเก่า. จบเพราะมีกฎเกณฑ์
พระนอกพิมพ์
1.พิมพ์. แล้วยังไง. แต่ถ้าเส้นบังคับพิมพ์มีหรือมาที่จุดนัดพบของหลวงวิจารณ์เขาน่ะไม่นอกพิมพ์ แล้วยังไงต่อ
2.เนื้อ. ดูเป็นรึเปล่า. ต้องมีอะไรบ้างอะ่!ดูเป็น. ได้เนื้อ
3.ความเก่าความแกร่งธรรมชาติและต้องสวยน้อยกว่าหลวงวิจารณ์. ต้องแกร่งกว่าจัดกว่า
แล้วมีเกณฑ์ดูอย่างไรครับ แล้วมั่นใจรึเปล่า. เดี๋ยวมาต่อติดภารกิจ

 

ชอบคำนี้จริงๆเลยครับเป็นเอกลักษณ์ของคุณ phak622 ครับ
ข้อมูลส่วนตัวไม่มีเอกสารอ้างอิงไม่มีเซียนใหญ่สนับสนุนไม่มีนักวิชาการกล่วาใว้ ดังนั้นต้องวิเคราะข้อมูลเอาเองครับ

 

สวัสดีตอนบ่ายครับ คุณphak622 เข้าห้องเรียนรายงานตัวครับ มาช้าไปนิดเดียวเนื้อหาเพียบติดตามอ่านอยู่ครับ ขอบคุณครับ

 

ดูความหนึกนุ่มของเนื้อหาครับ พิมพ์ดูไม่รู้เพราะว่าเอาพระแตกหักมาแกะใหม่ดูได้แต่เนื้อหาอย่างเดียว

 

วิธีการโพสภาพแบบนี้ทำอย่างไรครับช่วยบอกทีครับ

 

1. หาสมัครเว็บที่ให้ฝากรูปฟรีครับ ถ้าใช้ Hotmail อยู่ จะใช้ Skydrive ก็ได้
2. นำลิงค์ของรูปภาพมาใส่ตรง icon ที่เป็นรูปภาพตอนที่โพสข้อความ



แค่นี้ครับ ง่ายๆ

 

เห็นแล้ว. อ่อนใจครับ. ! เฮ้ย. มีความสุขในการชมจริงๆครับสวยงาม มาแค่ครึ่งค่อน. แต่รัศมีกลบทับพระเก้เต็มองค์อย่างสง่าผ่าเผย. พิมพ์ฐานแซมบางขุนพรหมหัก. แต่เซาะใหม่พระที่เซาะใหม่ดูเถอะครับช่างที่มีฝีมือหรือคนที่มีฝีมือนั้นแม้เหลือเนื้อนิดเดียวยังวางสัดส่วนได้ดีขนาดนี้แล้วช่างหลวงล่ะ. เนื้อพระบางขุนพรหมต่างจากวัดระฆังเพียงแค่บางขุนพรหมเป็นปูนเปลือกหอยสุก เพราะต้องทำพระเยอะเลยเผาหอยเพื่อให้บดง่าย ดังนั้นถ้าองค์ที่ไม่จัดมากๆจะไม่อมชมพู มวลสารมีครบแต่ละองค์มีมากมีน้อยต่างกันแต่จะมีน้อยกว่าเนื้อที่ออกจากวัดระฆังคือทั้งพิมพ์วัดระฆังเองและพิมพ์บางขุนพรมที่ไปสร้างที่วัดระฆังหรือที่เป็นพิมพ์วัดระฆังแต่มาสร้างใหม่เพื่อเอามาลงกรุบางขุนพรหมแต่เอาเนื้อวัดระฆังพิมพ์วัดระฆังเพือเอามาลงกรุที่บางขุนพรหม งงมัั้ย! แต่แนะนำให้ใช้ตาเรานี่แหละจดจำไม่ต้องฟังใครครับ. ให้ดูองค์นี้ได้หลายอย่างครับ. สองอย่างที่จะไม่ได้จากพระองค์นี้คือ. ได้เป็นเจ้าของ. และได้ดูพระเก๊. เพราะนี่คือพระแท้ครับฟันธง. ชอบมากครับ. เอาพระเต็มองค์แรกได้มั้ยนี่!5555พูดเล่นครับ

 

จริงๆก็อยากให้ค่อยๆเรียนรู้ศึกษากันไปครับไม่งง. แต่บังเอิญว่าเดียวจะหลงกันเลยเอาเกล็ดปลาไหลเฮ้ย! เกล็ดเล็กเกล็ดน้อมมาให้คิดแต่ไม่บอกเพื่อไม่ให้หลงทางกันต้องดึงๆใว้มั่ง. เอะยังไงหรือจะให้มึนตึ๊บหนักเข้าไปอีก
1.พระที่แก่ตังอิ้วนั้นมันมีลึกไปอีกว่าพิมพ์ไหนแก่ตังอิ้วบ้างพิมพไหนแก่ไม่ได้บ้าง ไม่ได้เลย
2.เนื้อที่แก่ตังอิ้วนั้น มันก็มีลึกลงไปอีกว่าเนื้อแบบไหนแกได้แบบไหนแก่ไม่ได้
3.แก่ตังอิ้วนั้นมันก็มีลึกลงไปอีกว่าทำไมต้องแก่ตังอิ้ว
4.เนื้อแกตังอิ้วนั้นทำไมคนโบราณยกให้เป็นเนื้อนิยมลำดับสุดท้ายมักก็มีลึกไปอีก

ดังนั้นพระที่แก่ตังอิ้วมาแต่ไกล. ......................เอาให้มึนเล่นๆ

 

เข้ามากด...Like...ครับ

 

ขอบคุณมากๆครับ

 

อันนี้ก็ไม่บอกอีกแต่ให้ไปศึกษากันเองเป็นแล้วก็เก่งขึ้นแน่ครับ
มวลสารแต่ละสีแต่ละอย่าง. ไปอยู่ในองค์พระแล้ว จำนวนที่มากที่น้อยนั้นในมวลสารแต่ละอย่างบอกได้ถึงความเก๊แท้ได้อีกระดับนึงเช่นกันครับให้ไปลองศึกษาดูครับ. เอาให้มึนกันไปเอาให้รู้ว่าที่เขาๆดูเขาดูอะไรที่เราดูเราดูอะไร ที่บอกว่าเป็นพระสมเด็จแท้ดูแค่ไหนตอบได้ทุกคำถามหรือไม่