เหรียญบิน หลวงพ่อทรง - แพโบสถ์น้ำ หลวงตา (เล็ก) น. ๑๒๖๕

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย พี เสาวภา, 7 เมษายน 2008.

  1. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    วันนี้แดดร้อนมากครับ
     
  2. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    กราบ กราบ กราบ หลวงปู่บุญศรี หลวงพ่อทรง ครับ
     
  3. cc5922

    cc5922 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    4,193
    ค่าพลัง:
    +16,973
    สุดๆเลยครับพี่ ร้อนจนแผ่นดินลุกเป็นไฟเลยครับ แหะๆๆ
     
  4. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    วิกฤติของธรรมชาติ ต้องแก้ด้วยธรรมชาติ วิกฤติของธรรมชาติเกิดจากมนุษย์
    ที่มีจิตใจ ชั่วช้าเลวทราม คำนึงถึุงประโยชน์ส่วนตนมากกว่า ประโยชน์ส่วนรวม เนรคุณ หรือไม่รู้คุณของธรรมชาติ อากาศที่ร้อนมากเนื่องมาจากต้นไม้หายไป
    ถ้าคนไทย ช้วยกันปลูกต้นไม้ คนละต้น ก็จะได้ต้นไม้ ๖๐ ล้านต้น บ้านเจ้าพเจ้าเป็นนาเกลือ แต่รู้่หรือไม่ว่า ภูมิปัญญาท้องถิ่นเขาปลูกโพธิ์ทะเล ปลูกง่ายในที่ดินเค็ม ประการสำคัญ ให้ อ๊อกซิเจน และความเย็นสูงมาก ไม่เชื่อท้าพิสูจน์ ได้เลยไปเจอกันที่ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี เลี้ยงอาหารอีก ๓ มื้อ ฟรี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  5. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    [​IMG]

    ลองดูอีกที ตาดีดี ดูให้ชัด ๆ เห็นเป็นรูปอะไร บอกไม่ถูก เหตุเกิดที่วัดเขา สมอระบัง อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี
     
  6. nu_wa

    nu_wa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    2,740
    ค่าพลัง:
    +10,698
    กราบ กราบ กราบ หลวงพ่อทรง หลวงปู่บุญศรีครับ
     
  7. พี เสาวภา

    พี เสาวภา ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    38,014
    ค่าพลัง:
    +146,292
    ไปจะเอ๋ กลางคืนล่ะ วิ่งตับแลบ....เหอๆๆ
     
  8. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    เหมือนหน้าปีศาจกำลังยิ้ม อยากทราบรายละเอียดต่อครับว่าเป็นมาอย่างไร ขอพี่ช้างขยายความด้วย
     
  9. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039

    ปรกติ ข้าพเจ้ากลับบ้านก็จะใช้เส้นทางสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง วิ่งตรงไป ๖ กม. ก็จะพบปั้มน้ำมัน ปตท.เลี้ยวซ้ายเข้า คลองโคลน ตรงไป ๒๔ กม.ก็เข้าบ้านแหลม ตลอดเส้นทางก็มีอาหารทะเลอร่อย ๆ มากมาย แต่วันนั้นไม่กลับทางคลองโคลน วิ่งตรงไปแยกวังมะนาวตบซ้ายเข้าเพชรบุรี แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปทางเขาย้อย เพื่อเข้าบ้านแหลม แล้วหลงเพราะแถวนั้น เป็นป่า มะพร้าว เป็นเขา ไม่มีป้าย ก็วิ่งไปเรื่อย ๆ ก็จ๊ะเอ๋ กับก้อนหิน ที่มีรูปเป็นใบหน้าผู้หญิง ถามชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกว่า เป็นเจ้าแม่ปากแดง ผู้คนมาแก้บนกันมาก แสดงว่าไม่ใช่ธรรมดา เพราะขอแล้วได้ ก็เลยมาแก้บน สำหรับข้าพเจ้าตามสูตร กล่าวคือแผ่เมตตาให้กับเจ้าที่
    จุดธูป ๓ ดอก บูชาพระรัตนตรัย แล้วว่า
    ๑.ตั้งนะโม ๓ จบ ตั้งจิตอธิษฐาน ขออาราธนาบารมี สมเด็จพระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย พระพรหมทุกชั้นฟ้า เทพเทวดาทุกชั้นฟ้า ตลอดจนครูบาอาจารย์ของข้าพเจ้าทั้งหลาย สืบทอดต่อกันมาจนถึงหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว หลวงพ่อฤาษีลิงเล็ก หลวงปู่บุญศรี อินทวัณโณ หลวงพ่อทรงวัดศาลาดิน ขอประทานพรอันพรประเสริฐให้กับพระพรหมเจ้าที่ พระภูมิเจ้าที่ เจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดวงวิญญาณทั้งหลายที่สถิตอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
    ๒.อีกทั้งบุญใดกุศลใดที่ข้าพเจ้าได้สร้างสมมาดีแล้วแต่อดีตชาติ จนถึงปัจจุบันในวันนี้ และที่จะได้กระทำต่อไปในอนาคต จะยังเกิดประโยชน์ความสุข แก่ข้าพเจ้าเพียงใด ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลทั้งหลายเล่านั้นให้กับพรหมเจ้าที่ พระภูมิเจ้าที่ เจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดวงวิญญาณทั้งหลายที่สถิตอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
    ขอจงร่วมรับรู้ ร่วมโมทนา ร่วมเป็นเจ้าภาพ ร่วมถาย ร่วมรับ ร่วมได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าจะพึงได้รับ และขอพญายมราชเป็นสักขีพยานในบุญกุศลของข้าพเจ้าทุกครั้งไปเทอญ แล้วกล่าวพระคาถากำกับว่า “อิทธิ ฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะ เดชัง ขอเดช เดชะ จงมาเป็นที่พึ่ง แก่มะ อะ อุ นี้ด้วยเถิด”
     
  10. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    ความเสียสละ : พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

    [​IMG]
    หนังสือเล่มนี้เป็นการรวบรวมความดีของหลวงพ่อฤๅษี (เจ้าคุณพระราชพรหมยานมหาเถระ) ในอดีตสมัยที่ท่านยังเป็นพระมหาวีระ ถาวโร อยู่ในตอนนั้นประเทศชาติกำลังวิกฤตจากภัยของ ผกค. (ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์) ซึ่งมีอยู่เกือบทุกจังหวัด ตามชายแดนทั่วประเทศ ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๑๗ - ๒๕๒๐ หลวงพ่อท่านทราบดีถึงภัยอันใหญ่ยิ่งนี้ ท่านจึงได้นำคณะศิษย์ของท่าน พร้อมของใช้ที่จำเป็นไปแจกให้กับ ตำรวจ - ทหาร ซึ่งเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อปกป้องชาติ - ศาสนา - พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทยโดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้นเกือบตลอดทั้งปี เป็นเวลาติดต่อกันประมาณ ๔ ปี เป็นคณะแรก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบ จึงจัดหน่วยงานของพระองค์ เข้าร่วมไปกับคณะของหลวงพ่อโดยมี พระองค์เจ้าหญิงวิภาวดี รังสิต (ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฤๅษี) เป็นหัวหน้า ให้ร่วมกันปฏิบัติงานเป็นคณะเดียวตลอดมา

    ในปัจจุบันนี้หลวงพ่อฤๅษี, หลวงปู่ครูบาธรรมชัย ซึ่งร่วมไปด้วยทุกครั้งไม่เคยขาด และ ท่านหญิงวิภาวดี รังสิต ต่างก็จากพวกเราไปหมดแล้ว ประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ทราบความดีของท่าน หรือที่ทราบแต่ก็ยังไม่ทราบรายละเอียด และกำลังจะลืมความดีของท่านไปตามกาลเวลา ข้าพเจ้าในฐานะที่ติดตามร่วมทำงานใหญ่นี้เกือบทุกครั้งอย่างใกล้ชิด ยังมีชีวิตอยู่ได้เห็นได้สัมผัสด้วยตนเองตลอดมา มิใช่คนอื่นนำมาบอกเล่าให้ฟังแล้วนำมาเขียน เรื่องที่เขียนจึงเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น ขณะนี้ข้าพเจ้าเองนั้นอายุก็มากแล้ว หากตายไปอีก ๑ คน เรื่องเหล่านี้ก็คงจะตายตามไปด้วย ตามกฎธรรมดาของโลก (ไตรลักษณ์) จึงได้รวบรวมเหตุการณ์ต่าง ๆ ในอดีตระหว่างปี พ.ศ.๒๕๑๗ - ๒๕๒๐ มารวมเป็นเล่ม เพื่อจะได้อนัตตาช้าลงกว่าปกติธรรมดา

    หลวงพ่อท่านสละความสุขส่วนตัว เสี่ยงภัยอันตรายต่อชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะฝ่ายตรงข้ามใช้ทุกวิถีทางที่จะเก็บท่านให้ได้ โดยการจ้างคนมาฆ่า ท่านโดยวิธีต่าง ๆ ด้วยเงินค่าจ้างสูงมาก เช่น จ้างคนให้มาบวชเป็นพระในวัดท่าซุง เพื่อถือโอกาสทำร้ายท่าน จ้างมือปืนมายิงท่านในวัด จ้างคนมาดักยิงท่านระหว่างเดินทาง ในช่วง กทม. กับอุทัยธานีดักยิงระหว่างเดินทางเข้าป่า ในเขตพื้นที่ของเขา เป็นต้น ซึ่งท่านก็รู้ แต่ท่านก็ไม่เคยกลัวพวกนี้ ขอให้ท่านติดตามดูรายละเอียดในหนังสือเล่มนี้เอาเองก็แล้วกัน

    หนังสือเล่มนี้สำเร็จลงได้โดยบรรดาลูกศิษย์ของท่านที่ทราบจุดประสงค์ของข้าพเจ้า ต่างก็รวบรวมปัจจัยมากบ้างน้อยบ้าง ตามกำลังของตน จัดพิมพ์รวมเป็นเล่มเพื่อแจกเป็นธรรมทาน เพื่อบูชาความดีของท่าน และถวายบุญกุศลทั้งหมด อันพึงมีจากหนังสือเล่มนี้ แ ด่หลวงพ่อท่าน โดยไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น (จึงไม่มีรายนามผู้ร่วมทำบุญ) นอกจากขอพ้นทุกข์ภายในชาตินี้เท่านั้น เพื่อจะได้ไปอยู่กับพระพุทธเจ้าและหลวงพ่อฤๅษ ีอย่างถาวรบนพระนิพพาน


    พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน ผู้รวบรวม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  11. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    หลวงพ่อฤา๊ษีลิงดำ ถูกหลอก

    [​IMG]
    ในปัจจุบันนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระราชพรหมยาน ” มีอายุมากแล้วและสุขภาพของท่านก็ไม่ค่อยดี อย่างที่ท่านได้แสดงธรรมให้พวกเราเห็นบ่อย ๆ เรื่องมรณานุสสติ การแสดงธรรมของท่านมีหลายครั้งที่ทำให้พวกเราตกใจ จนต้องปล่อยน้ำตาออกมากันก็หลายหน แต่ก็โดยธรรมอีกนั่นแหละ หากยังไม่ถึงวาระที่จะต้องดับขันธ์ (ตาย) แล้ว แม้จะมีอาการหนักขนาดไหน มีทุกขเวทนาปานใด ก็ยังตายไม่ได้ ร่างกายยังจะต้องอยู่เพื่อทำหน้าที่ของท่านให้หมดก่อน แต่เมื่อถึงวาระแล้ว ก็ไม่มีอะไรมาห้ามร่างกายท่านได้อีก (หมดหน้าที่ของท่าน) ที่ผมเขียนอย่างนี้ก็เพราะว่า อายุขัยของหลวงพ่อจริง ๆ มีเพียงแค่ ๒๗ ปี และไม่ยอมต่ออายุ ทั้ง ๆ ที่หลวงปู่ปาน ท่านเตือนเพื่อจะต่ออายุให้ท่านก็ไม่เอา แต่ในที่สุดก็เสียท่าหลวงปู่ โดยหลวงปู่ให้ยกปลาไปปล่อยที่แม่น้ำ เพราะหลวงปู่แก่แล้วยกไม่ไหว นั่นแหละจึงได้มีอายุยืนยาวต่อมาอีกระยะหนึ่ง หลังจากนั้นองค์สมเด็จ ท่านก็เมตตาต่อให้อีก เพราะงานที่พระองค์มอบหมายให้ทำยังไม่เสร็จ และต่อมาเรื่อย ๆ จนหลวงพ่อท่านไม่สนใจว่าร่างกายมันจะพังเมื่อใด คือ เมื่อใดก็เมื่อนั้น เพราะท่านพร้อมตายอยู่แล้วทุกขณะจิต และท่านก็เตือนพวกเราไม่ให้ประมาทในความตาย ให้คิดถึงความตายไว้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ ๒ หน คือ ตอนตื่นนอนกับตอนก่อนจะนอนกลางคืน ส่วนผู้ใดจะนึกถึงความตายมากกว่านี้ ก็เป็นความดีของผู้นั้น ท่านให้อุบายในการปฏิบัติหลาย ๆ อย่าง สุดแต่สภาพจิตหรือสภาวะจิตของผู้รับฟังในขณะนั้น จะพร้อมรับได้แค่ไหนและอย่างไร

    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๒)
    โดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  12. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    พุทธานุภาพ "ธงมหาพิชัยสงคราม":หลวงพ่ีอฤาษีลิงดำ

    [​IMG] [​IMG]

    หลวงพ่อและท่านหญิงพร้อมคณะก็ไปเยี่ยม ในขณะที่เขากำลังขวัญกระเจิงพอดี ตำรวจที่สถานีดีใจมากอย่างเห็นได้ชัด เพราะทั้งหลวงพ่อและท่านหญิง ได้พูดให้กำลังใจแก่พวกเขาให้เกิดความฮึกเหิม เกิดความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และปวงชนชาวไทยทั้งมวล หลังจากนั้นท่านก็แจกธงมหาพิชัยสงครามให้ทุก ๆ คน และแนะนำวิธีใช้ ในขณะนั้นบังเอิญมีชายผู้หนึ่งเข้ามารับแจกธงด้วย หลวงพ่อท่านก็ทักว่า คุณอย่าเอาไปเลย หากคุณรับไปแล้วไปใช้ในทางที่ไม่ถูกไม่ควร เช่น ไปปล้น - จี้เขา หรือไปเข้ากับพวกคอม คุณจะถูกเขายิงตาย โดยจะถูกปืนยิงแสกหน้าทะลุออกด้านหลัง เขาก็ยังยืนยันจะขอรับให้ได้ หลวงพ่อก็ให้ไป พอเขาไปแล้วมีตำรวจมารายงานให้หลวงพ่อทราบว่า อ้ายนี่แหละครับตัวแสบ เป็นนกสองหัวเป็นแนวที่ห้าให้คอม มันทำชั่วได้ทุกอย่าง ผลก็คือ ๒ - ๓ วันต่อมา ตัวแสบก็ถูกยิงตายสนิท ขณะปะทะกับตำรวจ เพราะมันนำพวกคอมเข้าโจมตีหมู่บ้าน และถูกยิงเข้ากลางแสกหน้าทะลุท้ายทอยจริง ๆ พุทธานุภาพของธงมหาพิชัยสงครามมีจริงอย่างไม่ต้องสงสัย และจะไม่ป้องกันคนชั่วด้วย พวกตำรวจหลังจากได้รับแจกผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามแล้ว กำลังใจดีมากทุกคน

    ในวันรุ่งขึ้น ตำรวจซึ่งกลัวพวกคอมและพวกที่มีอิทธิพลมากที่คุมเขาศูนย์อยู่ พวกตำรวจไม่กล้าแม้แต่จะผ่านทางนั้น แต่พอได้ของดี ก็ยกกำลังขึ้นบุกเขาศูนย์เลย (เขาศูนย์มีแร่วุลแฟรมมากมาย) ฝ่ายพวกคอมก็ยิงลงมาแบบไม่เลี้ยง แต่ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่คนเดียว ที่รู้กันเพราะตำรวจรายงานให้ทราบ (พ.ต.ท. สุดินทร์ สิงหรา ณ อยุธยา)

    คณะของหลวงพ่อและท่านหญิงเดินทางโดยฮ. จึงบินแวะไปเยี่ยมอีกครั้ง ปรากฏว่าเหล่าตำรวจทั้งหลาย ต่างแยกกันรายงานผลให้หลวงพ่อฟังด้วยปากของตนเองจนฟังไม่ทัน

    สรุปแล้วมีใจความว่า

    ๑.การเข้ายึดเขาศูนย์ ใช้เวลาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เพราะทุกคนไม่กลัวตาย ต่างคนต่างดิ่งตรงเข้าไปยึดเอาดื้อ ๆ ไม่ทราบว่าเพราะอะไร

    ๒. กระสุนปืนฝ่ายตรงข้ามยิงมาหนาแน่นมาก แต่แปลกที่ไม่มีใครโดนลูกปืนเลยสักคน

    ๓. ความรู้สึกบอกว่า กระสุนวิ่งผ่านตัวไป (เฉียดตัว) เห็นเป็นสายแต่ก็ไม่โดน เมื่อเห็นว่าตัวไม่ได้รับอันตรายจากลูกปืนแล้ว เลยไม่กลัวอีก ไม่หลบไม่หมอบลงกับพื้น วิ่งตรงเข้าหาผู้ที่ยิงปืนมาโดยไม่ยอมหลบ

    ๔. ผลก็คือยึดพื้นที่ได้ และจับพวกที่ถอยหนีไม่ทันได้หลายคนในเวลาอันสั้น เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนักหลังจากนั้นตำรวจกองนี้ก็บุกแหลกไม่เคยกลัวพวกคอม (ผกค) อีก มีข่าวพวกคอมจะเข้าหมู่บ้านใดก็ตรงเข้าไปปะทะทันทีและก็ตีพวกนั้นกระเจิงไปทุกครั้ง แต่มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่คณะของเรากำลังบินอยู่กลางอากาศได้รับวิทยุแจ้งเข้ามาว่าตำรวจถูกยิงได้รับบาดเจ็บให้ส่งฮ.มารับตัวด้วย ฮ.ของเรา ก็บินตรง ไปจุดนัดพบทันที เมื่อลงไปเราไม่พบผู้บาดเจ็บเลย มีแต่พวกตำรวจมารุมล้อมหลวงพ่อ หลวงพ่อเลยถามว่าคนไหนที่ถูกยิงบาดเจ็บ ก็มีตำรวจที่กำลังเกาะขาหลวงพ่ออยู่ตอบว่า ผมเองครับ หลวงพ่อถามว่าไหนขอดูแผลหน่อย ตำรวจก็ตอบว่าถากไปนิดเดียวที่ขา แล้วก็ถลกขาให้ดู ผมเห็นแล้วเป็นเพียงแค่หนังกำพร้าถลอกไปเท่านั้น ผมเลยเกิดอารมณ์เสีย เพราะทำให้เราต้องเสียเวลาแวะมาดู ตำรวจบาดเจ็บแค่หนังถลอกเท่านั้น ผู้ที่วิทยุให้เรามารับคนเจ็บ ไม่ได้กรองข่าวเสียก่อน ก็สั่งการทันที แต่ผมก็มีอารมณ์มาตัดบอกว่า เออดี หลวงพ่อท่านจะได้มีโอกาสให้กำลังใจพวกตำรวจกลุ่มนี้อีกครั้ง เป็นการเพิ่มกำลังใจให้เขามั่นใจในพุทธานุภาพยิ่งขึ้นไปอีก ตำรวจทุกคนหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมากเมื่อได้รับการชี้แจงถึงพุทธานุภาพจากธงมหาพิชัยสงครามอีกครั้งด้วยเครื่องขยายเสียงต่อหน้ากลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนจะต้องมีพวกคอม (ผกค) ร่วมปะปนอยู่ด้วย เป็นการข่มขวัญกันไปในตัว

    ขอเล่าเรื่องอานุภาพของธงมหาพิชัยสงคราม ที่หาดใหญ่ สงขลา ให้ฟังเสียด้วยว่า คณะของหลวงพ่อได้แจกธงนี้ให้กับทหารทุกคนที่นั่นเรียงตัว โดยให้เข้าแถวรับ ผมเองก็เป็นผู้เดินแจกธงด้วย ปรากฏว่า ภาคใต้มีทหารที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่ด้วย ดังนั้น ทหารพวกนี้เขาจะไม่รับโดยพูดว่า “ผมอิสลามครับ”เราก็เว้นแล้วแจกรายต่อไป

    หลังจากที่แจกให้ครบแล้ว อีกประมาณ ๗ วันต่อมา แม่ทัพภาค ๔ ออกตรวจเยี่ยมทหารด้วยขบวนรถ ๙ คัน ปรากฏว่ามีพวกคอม (ผกค) ซุ่มโจมตีอยู่ข้างทาง หลังจากปะทะกันสักครู่ เขาก็ถอยเข้าป่าไป ฝ่ายเราก็สำรวจความเสียหาย ปรากฏว่ามีทหารตาย ๙ คน ทุกคนเป็นอิสลามหมด เพราะไม่มีธงมหาพิชัยสงครามติดตัว แต่ความลับไม่มีในโลก ข่าวนี้ก็กระจายไปทั่วกองทหารทุกกองในภาคใต้ ครั้นคณะของหลวงพ่อและท่านหญิงไปเยี่ยมทหารอีก และแจกธงให้กับหน่วยที่ย้ายเข้ามาแทนหน่วยเก่า และแจกให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับ ผลมีดังนี้ครับ ทหารที่เป็นอิสลามไม่ใช่ไม่ยอมรับธงแต่แย่งจากมือผู้แจกเลย ได้ถามความรู้สึกกับพวกเขา เขายอมรับแต่โดยดีว่าผมกลัวธงหมดครับ ผมกลัวว่าจะไม่ได้ครับ

    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๒)
    โดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  13. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองคนภาคใต้ และชาวใต้

    [​IMG]
    เรื่องแรก คือ การเยี่ยมและแจกของตำรวจ ทหารภาคใต้ ๑๗ วันของหลวงพ่อและท่านหญิง คณะของหลวงพ่อแยกออกเดินทางเป็นสองคณะ คณะแรกออกเดินทางก่อนโดยรถไฟ ต้องค้างแรมในรถ และไปถึงอ.หาดใหญ่ในวันรุ่งขึ้น อีกคณะหนึ่ง เดินทางโดยเครื่องบินในตอนเช้า เวลาชั่วโมงกว่า ๆ ก็ถึงแล้ว ก่อนเครื่องจะลงสนามประมาณ ๕ นาที หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังว่ามีเทวดาองค์หนึ่งแบกพระพุทธรูปทองคำไว้บนศีรษะมาหาหลวงพ่อ และบอกความลับเกี่ยวกับพระพุทธรูปองค์นี้ว่าถูกฝังไว้ที่ตรงไหน ใกล้ตัวเมืองหาดใหญ่ เมื่อคณะของหลวงพ่อเข้าที่พัก (บ้านรับรองของแบงค์ชาติ หาดใหญ่) แล้ว หลวงพ่อได้เรียกท่านเจ้ากรมเสริม (พล.อ.ท.ม.ร.ว.เสริม สุขสวัสดิ์) มาพบ และบอกตำแหน่งตามที่เทวดาท่านบอกไว้ว่า อยู่ในที่ดินแห่งหนึ่งใกล้สะพาน ใกล้แม่น้ำ และใกล้ถนนใหญ่ ที่ตรงไป จ.สงขลา และมีบ้านอยู่หนึ่งหลัง พร้อมทั้งทิศที่จะต้องไปหา ท่านเจ้ากรมออกไปสักครูหนึ่งก็กลับมารายงานหลวงพ่อว่ามีอยู่จริงตามนั้น หลวงพ่อพร้อมคณะก็ออกเดินทางไปที่นั่น พร้อมด้วยหลวงปู่สิม และหลวงปู่ครูบาธรรมชัย เมื่อไปถึงก็ขอพบเจ้าของที่ ซึ่งบังเอิญเป็นตำรวจยศชั้นจ่าหรือนาย สิบจำไม่ได้ นิสัยดี ให้การต้อนรับหลวงพ่อและคณะอย่างเต็มใจ เมื่อทราบวัตถุประสงค์ว่าหลวงพ่อท่านต้องการจะขอซื้อที่ดินที่ยังว่าง ๆ อยู่นี้เพียงไม่กี่ตารางวา เพื่อสร้างศาลาและตั้งพระพุทธรูปไว้ บูชา ตำรวจผู้นั้นแกไม่ยอมขายที่ให้ แต่ยกให้เปล่า ๆ โดยพูดว่า สุดแต่หลวงพ่อ จะต้องการแค่ไหนก็ได้ทั้งนั้น เพราะแกเกิดศรัทธา จากนั้นหลวงพ่อก็นำคณะออกสำรวจที่ ตอนนั้นผมสังเกตดูหลวงปู่สิม ท่านรีบเดินหนีไปทางอื่นเมื่อหลวงพ่อบอกให้ช่วยหาที่ ๆ พระพุทธรูปทองคำฝังอยู่ เพราะต้องใช้เรดาร์จิตออกตรวจหา คงปล่อยให้หลวงปู่ครูบาธรรมชัยอยู่กับหลวงพ่อ ๒ องค์ และมีผมยืนอยู่ด้วย หลวงปู่ ครูบาธรรมชัย ปกติท่านเร็วมากในการใช้ทิพยจักษุญาณ แต่คราวนี้ท่านยืนงงต้องใช้เวลานานมาก นานจนท่านเมื่อยต้องทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ ผมยืนอยู่กับท่านเลยต้องนั่งตาม สักครู่ท่านก็อุทานดังๆ ว่า เห็นแล้ว ๆ อยู่ตรงนี้เอง แล้วท่านก็บรรยายรูปร่างของพระพุทธรูปทองคำ และบอกว่ามีพระบรมธาตุ พร้อม ทั้งเครื่องบูชาครบหมด ท่านตื่นเต้นมาก ผมเลยเลี่ยงไปคุยกับหลวงพ่อ หลวงพ่อ จึงเล่าให้ผมฟังว่า ที่ไม่เห็นนั้น เพราะพระเจ้ารามคำแหงมหาราช ซึ่งท่านเป็นพรหมอนาคามี มีหน้าที่รักษาเขตภาคใต้นี้ไว้ทั้งหมดท่านเอามือบังไว้ หลวงปู่จึงไม่เห็น ต่อเมื่อหลวงพ่อท่านเตือนว่าอย่าไปแกล้งหลวงปู่ ท่านจึงชักมือออก หลวงปู่จึงเห็น และตื่นเต้นมากด้วยความปีติ
    พระเจ้ารามคำแหงท่านบอกหลวงพ่อว่า อย่าให้ใครเอาขึ้นมา เพราะจุดประสงค์ของผู้สร้างก็เพื่อป้องกันศัตรูทางภาคใต้ทั้งหมด ไม่ให้รุกรานประเทศไทยได้ ต่อมาหลวงพ่อจึงได้สร้างศาลาขึ้น พอสร้างเสร็จ พล.อ. บุญชัย บำรุงพงศ์ ท่านเป็นประธานสร้างพระพุทธรูป หน้าตักประมาณ ๕๒ นิ้ว จาก จ.ชลบุรี ยังหาที่ประดิษฐานไม่ได้ ท่านเจ้ากรมเสริมจึงแนะนำให้นำมาไว้ที่นี่ เมื่ออัญเชิญพระพุทธรูปมาแล้ว ท่านหญิงวิภาวดีรังสิต ก็กราบทูลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งท่านเสด็จมาภาคใต้พอดี ให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่พระเศียรทุกอย่างต่อเนื่องกัน หรือลงตัวพอดี เหมือนกับเทวดาท่านจัดไว้ ล่วงหน้าก่อนทั้งสิ้น ในปัจจุบันก็มีผู้ไปเคารพกราบไหว้บูชาอยู่ทุกวัน พร้อมทั้งมีแม่ชีที่มีความศรัทธาสูง เป็นผู้คอยดูแลศาลานี้ไว้เป็นอย่างดี ผมได้ข่าวว่าใครไปบูชามักจะถูกหวยเสมอ แต่ท่านให้เพียง ๑ - ๒ หนเท่านั้น ตามวาระกรรมของแต่ละคน ซึ่งไม่เสมอกัน


    (จากหนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม ๒)
    โดย พล.ต.ท.นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  14. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เกือบถูกปรับ "อาบัติปาราชิก"

    [​IMG]
    ผมเรียกหลวงพ่อฤๅษีตามคำตรัสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม (พระพุทธสิขีทศพล) ซึ่งเมตตามาสั่งสอนพวกเรา ในขณะที่พวกเราอยู่เฝ้าหลวงพ่อ ในตอนกลางคืนที่ศาลา ๑๒ ไร่ พวกเราเฝ้าท่านอยู่ประมาณ ๑๐๐ คืน จึงขออนุญาตเรียกตามพระองค์ท่าน ที่ตรัสเรียกหลวงพ่อว่า “ท่านฤๅษี” แต่พวกเราเป็นศิษย์ของท่าน จึงต้องเรียกว่า “หลวงพ่อฤๅษี”

    เรื่องเดิม ผมโชคดีมาพบหลวงพ่อฤๅษี ก็เพราะได้อ่านหนังสือ “ประวัติหลวงพ่อปาน” หรือพระครูวิหารกิจจานุการ วัดบางนมโค ผมได้รับหนังสือเล่มนี้เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๗ เมื่ออ่านจบแล้ว ก็เกิดศรัทธาในปฏิปทาของท่านเป็นอย่างมากเป็นขั้นแรก

    ขั้นที่ ๒ คือ มีความเพียร หรือวิริยะไปหาท่านที่บ้านซอยสายลม (บ้านพล.อ.ท.ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์ ปัจจุบันท่านอยู่กับหลวงพ่อฤๅษี ที่แดนพระนิพพานแล้ว)

    ขั้นที่ ๓ เมื่อฟังท่านสอนพระธรรมทุกครั้ง ผมก็ตั้งสติหรือมีสติตั้งใจมั่น รับฟังคำสอนของท่านด้วยความเคารพ เมื่อผมมีสติมั่น ในพระธรรมคำสอน สมาธิก็เกิดกับจิตใจของผม มีผลทำให้ผมเกิดปัญญาเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนเหล่านั้นตามลำดับ เมื่อผมเข้าใจ ในคำสอนของท่าน (ตัวเข้าใจคือตัวปัญญา) จิตใจผมก็ดีขึ้นตามลำดับ ผมเลยเอาความดีของท่าน เป็นที่พึ่งของผมมาจนปัจจุบันไปตลอดชีวิต

    ในหนังสือมีความสำคัญ ที่ค้านต่อความเชื่อของพวกนักบวชหรือสมมติสงฆ์ ในขณะนั้นอยู่มาก เช่น

    ๑. พวกนักบวช ซึ่งบวชแล้วไม่มีศีลปาติโมกข์ครบ (ศีล ๒๒๗ ข้อ) ส่วนใหญ่บวชตามประเพณี บวชตามเพื่อน บวชแต่กายใจไม่ได้บวชด้วย บวชเพื่อที่จะแต่งงานหลังสึกออกมาแล้ว ส่วนน้อยบวชเพื่อความหลุดพ้นจากวัฏฏสงสาร

    ๒. เมื่อมีพวกบวชแล้วไม่ยอมเป็นพระ เพราะบกพร่องในศีลเอาแต่ปริยัติกันเป็นส่วนใหญ่ พระปฏิบัติมีน้อย จึงไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิด หรือตายแล้วไม่สูญ ไม่เชื่อเรื่องนรกมี สวรรค์มี พระนิพพานมี ส่วนใหญ่คิดเอาเองว่าตายแล้วสูญ ใครพูดเรื่องนี้ขึ้นจะถูกปรับอาบัติปาราชิกหมด ว่าอวดอุตริมนุษยธรรม

    ๓. ท่านพิสูจน์การตายแล้วไม่สูญ

    ๔. ท่านรับรองเรื่องฌานสมาบัติยังมีอยู่ และผลของฌานสมาบัติ ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์ เกิดอภิญญา รู้วาระจิตคนได้ ญาณทั้ง ๘ ยังคงมีอยู่ครบ

    ๕. ท่านรับรองว่ามรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ ยังมีอยู่ครบในพุทธศาสนา

    ๖. วิธีเขียนเรื่องของท่าน จะเลี่ยงเขียนไปในแบบนิทานบ้างฝันไปบ้าง

    ๗. ท่านยืนยันว่า ยังมีพระอรหันต์ครบทั้ง ๔ เหล่า สมัยนั้นพวกนักบวชเขาว่า พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปนานแล้ว พระอริยเจ้าก็ไม่มีแล้ว อย่างมากก็แค่พระทรงฌานเท่านั้นเอง

    เมื่อหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านพิมพ์แจกในงานศพ คุณพ่อคุณอรอนงค์ คุณะเกษม ได้ ๗ วัน หนังสือเล่มนี้ก็ดังระเบิดเลย คนหาอ่านกันมาก รวมทั้งพระนักปฏิบัติด้วย ผมจำได้ว่าการพิมพ์ต้องลงทุนมาก แจกฟรีไม่ได้ จึงมีจำหน่าย ในราคาเล่มละ ๓๐ บาทในราคาทุน เมื่อมีคนต้องการมาก พวกถือโอกาสก็มากว้านซื้อไปขายในราคาเล่มละ ๕๐ บาท จนถึงเล่มละ ๑๐๐ บาท

    ผมจำได้ว่าขณะนั้นผมรับราชการอยู่รพ.ตำรวจ เป็นรองผู้อำนวยการ มีลูกน้องนำหนังสือเล่มนี้จะมาให้ผมที่ในห้องทำงานของผม แต่ผมปากเสียท่านเลยไม่ให้ (ขณะนี้ท่านมีตำแหน่งเป็นท่านผู้หญิงไปแล้ว) หลังจากนั้นประมาณ ๑ เดือน ผมแวะเข้าไปคุยกับท่าน (ลูกน้องที่จะเอาหนังสือไปให้) ที่ห้องทำงานของท่าน เพราะโดยส่วนตัวสนิทกันดี ท่านเล่าให้ผมฟังว่า ท่านหญิงวิภาวดีรังสิต (ในขณะนั้น ผมยังไม่รู้จักกับท่าน) ท่านเอาหนังสือเล่มนี้ไปถวายในหลวง พอในหลวงรับหนังสือ เห็นชื่อเรื่องประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านไม่ยอมส่งให้มหาดเล็กที่มาคอยรับต่อ ทรงถือไว้เอง และท่านหญิงเล่าว่า ท่านทรงอ่านจนจบโดยไม่ให้คนอื่นมายุ่งกับหนังสือเล่มนี้เลย ผมได้ฟังตัณหาก็เกิดทันที อยากได้หนังสือเล่มนี้ทันที ก็ขอลูกน้องว่าหนังสือนี้ยังมีไหม ผมอยากได้ ลูกน้องก็บอกว่าเมื่อวันก่อนนั้น ท่านเอาไปจะให้อยู่แล้ว แต่ผมพูดอย่างไม่ค่อยจะสนใจ (ปากเสีย) เลยเปลี่ยนใจไม่ให้ เมื่อผมต้องการท่านก็รีบหยิบให้ทันที ผมถามว่าซื้อมาจากที่ไหน ราคาเล่มละเท่าไหร่ ท่านบอกว่าเล่มละ ๓๐ บาท ซื้อจากบ้านซอยสายลม ผมก็ควักเงินให้ ๑๐๐ บาท บอกว่าผมขอทำบุญ ๑๐๐ บาท ด้วยความศรัทธา

    ขอเล่าย่อ ๆ ว่า ผมอ่านแล้ววางไม่ลงจริง ๆ จนที่สุดผมขอความกรุณาลูกน้องผม ให้ช่วยซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นตั้ง ๆ หลายสิบเล่ม เพื่อมาแจกเพื่อนๆ ต่อ และต่อมาแจกเป็นของขวัญปีใหม่บ้าง แจกงานแต่งงานบ้าง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น

    ขอเล่าย่อ ๆ ว่าผมได้เข้ามาพบหลวงพ่อฤๅษี และได้อยู่รับใช้ท่านอย่างใกล้ชิดตลอดมา จนกระทั้งท่านทิ้งขันธ์ ๕ ไปเมื่อวันที่ ๓๐ ต.ค. ๒๕๓๕ ก็เพราะหนังสือเล่มนี้แหละเป็นเหตุ เมื่อมีโอกาสอยู่กับท่าน ๑ ต่อ ๑ ท่านก็มักจะเล่าเรื่องแปลก ๆ ให้ผมฟังอยู่เสมอ เพราะเวลาผมให้น้ำเกลือท่าน ผมมักจะนั่งเฝ้าท่านไปด้วยเสมอโอกาสนี้แหละที่ผมได้รับทราบเรื่องต่าง ๆ ไว้มาก มากเสียจนลืมเกือบหมด หากนึกได้และเห็นว่ามีประโยชน์ ผมก็จะค่อย ๆ เขียนเล่าให้ฟังตามลำดับ

    สำหรับเรื่องหลวงพ่อเกือบถูกปรับอาบัติปาราชิก มีความโดยย่อดังนี้

    คณะกรรมการของมหาเถระสมาคม (ผมอาจเรียกชื่อไม่ถูกก็ขออภัยด้วย) ในขณะนั้นไม่ใช่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่ท่านไม่เชื่อเรื่อง นรก สวรรค์ นิพพาน ตายแล้วเกิด ส่วนใหญ่ไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แต่เชื่อ ว่านรกสวรรค์ไม่มี นิพพานสูญ ตายแล้วสูญ อะไร ๆ ก็สูญหมด แม้ในปัจจุบันในส่วนตัวผมก็ยังคิดว่าส่วนใหญ่ยังมีความคิดเดิมอยู่

    นักบวชเหล่านี้แหละอ่านหนังสือประวัติหลวงพ่อปานแล้วก็ลงมติจะปรับอาบัติหลวงพ่อฤๅษีว่า อวดอุตริมนุษยธรรม หมายถึงแสดงธรรมที่ไม่มีในตน หรือตนยังทำไม่ได้แล้วอวดว่ามีในตน หมายความว่าปรับอาบัติปาราชิกนั่นเอง

    ในมหาเถระสมาคมในขณะนั้น ไม่ใช่ไม่มีพระแท้ ไม่มีพระอริยเจ้าอยู่ ความจริงก็มีอยู่แต่มีจำนวนน้อย จึงวางเฉยไว้ เมื่อถึงวันสุดท้าย ที่ประชุมจะลงมติ สรุปผลออกประกาศของมหาเถระสมาคม เพื่อปรับอาบัติปาราชิกกับหลวงพ่อฤๅษี ซึ่งในขณะนั้นท่านเป็นพระชั้นมหา คือ มหาวีระ ถาวโร พอเริ่มประชุมพระแท้ในพระพุทธศาสนา ท่านก็ออกโรงทันที เพราะวางเฉยมานานแล้ว ท่านถามที่ประชุมว่า ผมขอดูหนังสือประวัติหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคหน่อยซิว่าใครเป็นผู้แต่ง (เป็นผู้เขียน) เมื่อท่านเปิดดู ท่านพูดว่าหนังสือเล่มนี้ผู้เขียนคือ ฤๅษีลิงดำ แล้วพวกเราจะปรับอาบัติฤๅษีได้หรือ เพราะฤๅษีท่านไม่มีอาบัติ ความโกลาหลก็เกิดขึ้น ในที่ประชุมต่างขอดูชื่อผู้แต่ง ก็พบว่า ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้คือฤๅษีลิงดำ ทำให้สมาคมไม่สามารถจะปรับอาบัติกับฤๅษีได้ หลวงพ่อท่านก็พ้นจากการถูกปรับอาบัติปาราชิก ได้ก็เพราะเหตุนี้เอง

    อวดอุตริมนุษยธรรมนั้น หมายความว่า พูด เขียน แสดงทางกาย วาจา ว่าตนทำได้อย่างนั้น ทำได้อย่างนี้ มีฌานสมาบัติขั้นนั้นขั้นนี้ โดยไม่มีธรรมนั้น ๆ ในตน จึงจะเรียกว่าอุตริ แต่หากมีธรรมนั้นในตนก็ไม่ใช่อุตริ ในสมัยพุทธกาล พระโมคคัลลาน์ถูกสมมติสงฆ์ ฟ้องพระพุทธเจ้าเพื่อปรับอาบัติบ่อย ๆ แต่พระพุทธเจ้าท่านก็รับรองว่า พระโมคคัลลาน์เห็นจริง รู้จริง ทำได้จริงตามนั้น จึงไม่ใช่อุตริมนุษยธรรมแต่อย่างใด

    ผมมาคิดพิจารณาดูว่า หลวงพ่อท่านไม่รู้หรือว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ผมก็ขอตอบเองว่าท่านรู้ และรู้ล่วงหน้าด้วยอนาคตังสญาณ และปฏิสัมภิทาญาณ ว่าเขาจะต้องเล่นงานท่านแบบนี้ และท่านก็รู้ว่าวิธีหนี จะหนีอย่างไรจึงจะพ้น ท่านจึงใช้นามปากกาว่า ผู้แต่งคือฤๅษีลิงดำ หากท่านไม่รู้ก่อนล่วงหน้า ท่านก็ใช้นามปากกาว่า พระมหาวีระ ถาวโร หากพระเป็นผู้แต่ง ผู้เขียน ก็ต้องถูกปรับอาบัติปาราชิกแน่นอน

    ผมจำได้ว่า วันหนึ่งผมอยู่กับหลวงพ่อตามลำพัง ผมคุยกับหลวงพ่อท่าน มีความสำคัญว่า ในขณะนี้มีพระจำนวนไม่น้อยที่ค่อยๆเปิดตัว เปิดใจกล้าพูดเรื่องนรก สวรรค์ ตายแล้วเกิด กฎของกรรมมีอยู่จริง พระนิพพานมีจริงไม่สูญ พระเหล่านี้ท่านอาศัยรั้วที่หลวงพ่อแหวกไว้ให้ออก ท่านก็ออกทางที่หลวงพ่อแหวกไว้ให้จำนวนไม่น้อย หลวงพ่อท่านฟังแล้วก็หัวเราะชอบใจ ตอบว่าจริงของคุณหมอ เดี๋ยวนี้มีพระท่านกล้าพูด กล้าแสดงกันมาก จึงเกือบเป็นของธรรมดาแล้ว

    ผมก็ขอจบเรื่องของหลวงพ่อท่านไว้แต่เพียงเท่านี้ แต่ก่อนจะจบ ผมขอความกรุณาจากท่านผู้อ่านทุกท่านให้กรุณากลับไปอ่าน คิริมานนทสูตร ที่ผมได้แจกให้ท่านไปเมื่อเดือนที่แล้วอีกสักครั้ง (ขณะนี้ผู้มีจิตศรัทธาได้พิมพ์พระสูตรนี้แจกเป็นธรรมทาน
    ไปกว่า ๓๐,๐๐๐เล่มแล้ว) แล้วท่านก็จะเข้าใจเรื่องนรก สวรรค์ พระนิพพาน กฎของกรรม และพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้นเป็นอย่างมาก ยิ่งอ่านบ่อย ๆ อ่านทุกวัน ความกระจ่างในธรรมก็จะเกิดกับผู้อ่านเองตามลำดับ

    หมายเหตุ :

    เพื่อความมั่นคงในพระพุทธศาสนา สำหรับท่านผู้อ่านบทความที่ผมรวบรวมมานี้ กรุณาอ่านบทความเรื่อง “หลักพระพุทธศาสนา สำหรับนักศึกษาผู้ไม่สนใจมาก่อน” เรียบเรียงโดยหลวงปู่วัย จัตตาลโย (ปัจจุบันท่านอยู่ที่แดนนิพพานแล้ว) ซึ่งผมได้แจกให้ ในวันนี้เช่นกัน อ่านตั้งแต่ข้อที่ ๑-๘ ประกอบด้วยและจะให้ดียิ่งขึ้น กรุณาอ่านจบครบ แล้วทบทวนดูด้วยสติปัญญาของท่านสัก ๒-๓ เที่ยว ท่านก็จะเข้าใจและแยกได้ว่าสิ่งใดเป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ผลที่ท่านจะได้รับก็คือ ท่านจะหมดความกังวลและสงสัยอีกต่อไป ด้วยจิตของท่านเอง และหากท่านได้อ่าน “คิริมานนทสูตร” ด้วยแล้วจะยิ่งเข้าใจพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เรื่องนรก สวรรค์ พระนิพพาน พร้อมทั้งวิธีปฏิบัติเพื่อนำไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ตามความเป็นจริง ตามลำดับจนถึงพระนิพพาน

    ผมขอตั้งจิตอธิษฐานว่า ด้วยพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพอันหาประมาณมิได้ จงดลบันดาลให้จิตของท่านผู้อ่านคิริมานนทสูตร ด้วยศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ทุกท่านได้มีดวงตาเห็นธรรมตามลำดับ จนจบกิจในพระพุทธศาสนาในชาติปัจจุบันนี้ด้วยกันทุกท่าน เทอญ.



    รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ. สมศักดิ์ สืบสงวน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2012
  15. yodd555

    yodd555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +516
    อยากไปเจอคุณช้างจัง เพื่อจะได้พบกับเพื่อนเก่าและคิดถึงเพื่อนๆ สมัยเด็ก ที่โรงเรียนบ้านแหลมวิทยาตั้งแต่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ปี 14 ก็แทบไม่ได้กลับไปเลย เรียนจบ ม.3 ที่โรงเรียนบ้านแหลมวิทยา ดีใจที่รู้ว่าคุณช้าง เป็นคนบ้านแหลม
     
  16. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    อ้าว ถ้าอย่างนั้นก็ศิษย์ อาจารย์ฉ่อง ตรงสิน นะซี แค่บอกว่า อาจารย์ฉ่อง ตรงสิน เรียกไปพบก็แทบฉี่ราดแล้ว ไม่มีอุทธรณ์ ไม่มีฏีกา แต่ก็เห็นได้ดีกันทุกคนทุกวันนี้แม้ท่านจะเสียไปแล้วก็ยังระลึกถึงพระคุณของท่าน เป็นผู้เป็นคนได้ก็เพราะไ้ม้เรียว อาจารย์ฉ่อง ตรงสิน ดีใจครับที่ได้รู้จัก คงเป็นรุ่นพี่ข้าพเจ้าแน่นอน
     
  17. yodd555

    yodd555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    63
    ค่าพลัง:
    +516
    ใช่ครับ เป็นศิษย์ อาจารย์ฉ่อง ตรงสิน เหมือนคุณช้างว่า ปัจจุบันได้ดีก็เพราะ ไม้เรียวอาจารย์ฉ่อง นี่แหละครับ และยังระลึกถึงพระคุณท่านอยู่ถึงขณะนี้แม้ท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว เรียนต่อที่ไหนก็ไม่เหมือนที่อาจารย์ฉ่อง สั่งสอนและใช้ไม้เรียว ครับ แก่แล้วก็ระลึกถึงความหลังแหละครับ ผมจบม.3 ปี 2514 ครับ
     
  18. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    ดีแล้วครับ จะได้มาร่วมสร้างบุญใหญ่ด้วยกัน ทั้งห้องกรรมฐาน สร้างพระชำระหนี้สงฆ์ สร้างพระนาคปรก ๑๔ ศอก แต่สงสัยตะหงิด ๆ ว่าจะเป็นรุ่นเดียวกันซะแล้ว อยู่ห้องไหนละครับ ข้าพเจ้าอยู่ห้อง ๑ แต่เรียนแย่ลง อาจารย์ฉ่อง เลยให้ไปอยู่ห้อง ๕ พวกกะเร กะราด
     
  19. Maestro

    Maestro เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    676
    ค่าพลัง:
    +2,411
    ไปเจอมาในเฟส โค๊ดคุ้นๆตาเลยครับ :cool:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. Chang_oncb

    Chang_oncb ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    12,276
    ค่าพลัง:
    +80,039
    ต้องขอชมเชยว่าผู้ทำคนนี้ มีความพยายามดีจริง ๆ พิจารณาดูแล้วพยายามทำให้เหมือนแพโบสถ์น้ำ แต่ดูอย่างไรก็ไม่เหมือนนะ คราวที่แล้วพยายามทำให้เหมือนยันต์ปลายสิญ แต่ก็ไม่เหมือน ขออวยพร ให้พยายามต่อไปนะ แต่เหรียญรุ่นนี้ไม่เคยทำนะ เอาให้่ใกล้เคียงสักหน่อย เหรียญกาญจนาภิเษก แต่เหรียญรัชกาลที่ 5 คงหายากหน่อยนะ เดินมาหลายปีก็ยังไม่เคยเห็น พยายามต่อไปนะ เอาใจช่วย
     

แชร์หน้านี้

Loading...