มีอะไรเป็นอัตตาบ้างครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ballbeamboy2, 14 มกราคม 2012.

  1. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    พระพุทธเจ้าสอน เรื่องอนัตตา เยอะมาก อนินจังทุกขังอนัตตา

    ขันธ์ห้า เป็นทุกข์ เพราะไม่เที่ยง และไม่เที่ยงเลยทุกข์เลยไม่ใช่ของเรา อนินจัง ทุกขัง อนัตตา

    พรหมโลก สวรรค์ ก็ไม่เที่ยงทั้งหมด ผมรู้แค่ว่านิพพานน่าจะเที่ยง (ผมคิดว่าเที่ยงนะ แต่ก็ยังไม่แน่ใจ เพราะผมอ่านมาว่าจิตเรามาจากนิพพาน ผมเลยสงสัยว่า ถ้ามาจากนิพพานจริงไมยังเกิดหว่าหรือเพราะว่าจิตเรายังไม่ผ่านวิชชา มีอวิชชา เลยต้องหาวิชชารึเปล่า) คือยังไม่มีความรู้เลยต้องหาความรู้ แต่ชั่งมัน

    มีอะไรเป็นอัตตาบ้างครับ พระพุทธเจ้าดับกิเลศ พระอรหันต์ดับกิเลศ นี่คืออัตตาผมคิดว่า เพราะไม่มีเหตุ พอเหตุไม่มีผลก็ไม่มีก็คืออัตตามีอะไรอีกเปล่าครับ
     
  2. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อัตตา ตัวตน, อาตมัน;
    ปุถุชนย่อมยึดมั่น มองเห็นขันธ์ ๕ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดเป็นอัตตา หรือยึดถือว่า อัตตาเนื่องด้วยขันธ์ ๕ โดยอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง;



    อนัตตา ไม่ใช่อัตตา, ไม่ใช่ตัวใช่ตน;

    พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
    พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)





     
  3. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    เรื่องนิพพานนี่เป็นอัตตา (ในความหมายที่ว่ามีตัวตน ไม่ใช่ยึดถือตัวตนในเรื่องของกิเลส)...อันนี้ต้องยอมรับว่ามีหลายสาย แม้ครูบาอาจารย์ท่านก็หลายความคิดเห็น หลายความเข้าใจ บางท่านก็ว่ามีอัตตา บางท่านก็ว่าไม่มีอัตตา....

    ส่วนตัวผมชอบคำสอน ที่หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนาได้กล่าวสอนคณะศิษย์ไว้คือ..


    [​IMG]

    "พระนิพพานไม่ใช่อัตตา พระนิพพานเป็นปัจจัตตัง"

    ครับ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2012
  4. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ความหมายผมอัตตาคือ เที่ยงไม่มีการดับอ่าครับ
     
  5. มังคละมุนี

    มังคละมุนี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +608
    อัตตา เป็น ทุกข์

    สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง....แต่ จิตมีความเป็นอัตตา....ดื้อไปยึดจะให้เที่ยง
    สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์...แต่ จิตมีความเป็นอัตตา....ดื้อไปยึดจะให้ไม่ให้เป็นทุกข์
    ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา........พอปล่อยพรึบ..........จิตก็หมดอัตตา จิตกลายเป็นอนัตตา

    ทุกข์ ทั้งปวง เป็น อัตตา

    เพราะหมดทุกข์ อัตตาจึงหมด

    พ้นทุกข์ จิตจึงเป็นอนัตตา

    มีอัตตา...ตลอดไป ก็....ทุกข์ ตลอดไป
    มีอนัตตา.ตลอดไป ก็ ไม่ทุกข์ ตลอดไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2012
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ...ต้องรู้จักก่อนว่า ขันธิ์ นี่ มันเกิดเฉพาะกับเรา ต้องรู้ก่อนว่า อะไรคือขันธิ์ สวรรค์ นี้คือ ขันธิ์ใดของเรา(ขณะนี้)ก้็ต้องบอกว่า สวรรค์เป็น สังขารที่เราปรุงแต่ง และ สัญญา จากการจำ เพราะฉนั้นตอนนี้สวรรค์ จึงเป็น แค่ขันธิ์ของเราและขันธิ์ก็ไม่เที่ยง ต้องรู้ตรงนี้ก่อน..................การปฎิบัติภาวนา ไม่ได้เอาอัตตา อนัตตา ไปทำอะไร..................หลังจากรู้อริยสัจสี่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค...แล้วเข้าถึง วิมุติแล้ว จะรู้เอง:cool:
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2012
  7. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    อย่างนี้ต้องลองครับ....ลองแล้ว ถึงแล้ว จะได้รู้....
     
  8. เฟลม

    เฟลม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +15
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็น อนัตตา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ
    และบุคคล พึงได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ก็เพราะรูปเป็นอนัตตา ฉะนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ
    และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.

    ในกรณีของเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ก็เช่นเดียวกัน
     
  9. เฟลม

    เฟลม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +15
    (ท่านอุปสีวะทูลถามว่า)
    มุนีนั้นเป็นผู้ดับไปแล้ว หรือมุนีนั้นย่อมไม่มี หรือว่ามุนีนั้นเป็นผู้ไม่มีโรคด้วยความเป็นผู้เที่ยง.
    ขอพระองค์ผู้เป็นพระมุนี โปรดตรัสบอกปัญหานั้นแก่ข้าพระองค์ด้วยดี พระองค์ทรงทราบธรรมนั้นแล้วแท้จริง.

    ดูกรอุปสีวะ ! บุคคลผู้ดับไปแล้วย่อมไม่มีประมาณ. ชนทั้งหลายพึงว่าบุคคลนั้นด้วยกิเลสใด กิเลสนั้นก็ไม่มีแก่บุคคลนั้น.
    เมื่อธรรมทั้งปวงอันบุคคลนั้นถอนเสียแล้ว แม้ทางแห่งถ้อยคำทั้งปวงบุคคลนั้นก็ถอนเสียแล้ว.

    อุปสีวมาณวกปัญหานิทเทส
    ว่าด้วยปัญหาของท่านอุปสีวะ
    http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=30&A=2389&Z=2702
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2012
  10. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นี่ๆ เคยสังเกตไหม เวลาคนไปถามคำถามแบบนี้กับ พระพุทธองค์ พระพุทธองค์
    จะยกมือห้าม เสร็จแล้วก็จะบอกให้ นั่งลงก่อนสิ สงบใจลงก่อนนะ มาจับเข่าคุย
    กันดีกว่า คำถามแบบนี้พระพุทธองค์จะกล่าวว่า "จะทรงไม่พยากรณ์"

    คือ ไม่ตอบให้เป็นคำถามที่ล่วงหน้า มีคำว่าล่วงหน้านะ เพื่อบอกนัยยะบางอย่าง
    เกี่ยวกับการ ฝุ้งไปข้างหน้า หรือ บอกนัยยะบางอย่างว่า นั่นๆ "นิวรณ์" เห็นไหมๆ

    * * * *

    เพราะอะไร ถึงไม่พยากรณ์ ทำนายทายทัก ถือว่า เป็นเรื่องการทำนายทายทัก
    ในเรื่องในเบื้องหน้าที่ยังไม่เกิด

    ก็เพราะว่า คำถามแบบนี้ ล้วนออกมาจากการ ฝุ้งไปข้างหน้า ฝุ้งไปในผล และ
    ร้อยละร้อยเลย ผู้ปฏิบัติกำลังเลิกล้มการปฏิบัติ เหมือน คนที่ตกน้ำกลางมหาสมุทร
    กำลังถอดใจไม่ว่ายน้ำต่อ เพราะ "มันไม่เห็นฝั่ง"

    ความที่ยังไม่เห็นฝั่ง ทำให้ จิตเกิดการกระเดินไปข้างหน้า ใช้ สัญญาไปหมาย
    มองเอาข้างหน้า จะไปปรารภถึงฝั่ง แล้ว สุดท้ายเลย พอไปตรึกแบบนั้นปั๊ป
    จิตจะเริ่มเสีย จะถูกมโนยุกยิ๊กเล่นงานให้เห็นเป็น "ภาพนิมิต" เมืองแก้วพิศดาร
    ลอยตระหง่านอยู่ พอตรึกมากๆเข้า คราวนี้ เมืองแก้วพิศดารมันวิ่งเข้าหาผู้ปฏิบัติ

    ผู้ปฏิบัติยังไม่ทันลงมือปฏิบัติอะไรให้เป็น ปัจจัตตังของตนเลย ไม่มีข้อเท็นนจริง
    อะไรของตนเลย ก็สำคัญไปว่า บัดนี้เราได้รู้ทั่วถึง อมตะ อัตตาที่เที่ยง แล้ว

    * * * *

    คราวนี้มาดูวิธีแก้ ที่พระพุทธองค์จะบอกให้ไปพิจารณา เวลาที่ เราเกิดอาการ
    "อยากถาม อยากรู้ อยากหมาย ถึง สิ่งที่เที่ยง" เวลานั้น ควรมาพิจารณากายหน้า
    คืบกว้างศอก เสียยังจะดีกว่า

    เพราะอะไร

    ก็เพราะว่า หากเวลานั้น เราสังเกตเห็นว่า จิตเรากระเดิด ปัญญาเราล้ำหน้า แล้ว
    เรามีความฉลาดเฉลียว มีใจหมั่นสดับคำสอนของพระพุทธองค์แล้ว ตอนนั้นเรา
    รีบพิจารณากายเลย เห็นกายหน้าคืบกว้างศอกนี้เป็นเพียงขันธ์5 ที่กำลังรอวันเน่า
    สลาย ผุพัง ไม่น่าเอา ไม่ใช่เรา ไปเลย

    พอทำแบบนั้นปัีปนะ จะสังเกตเห็นเลยว่า เราจะไม่หมายเอาเรื่อง จิตเที่ยง
    หรือ อมตะ หรือ อัตตา ในเวลาที่ไม่สมควรอีก

    แต่เราจะตั้งหน้าตั้งตาเจริญ มรรค ต่อไป

    ไม่เสียเวลาให้่กับเรื่อง ในอนาคต มันเหมือน คนที่อยู่ดีๆ ก็นั่งลงใต้ต้นมะขาม
    แล้วให้ พ่อหมอ แม่หมอ ทำนายทายทักเรื่องในอนาคต ให้เราได้ ยิ้มหวานไป
    กับสิ่งที่สร้างขึ้น ไม่ได้รู้แจ้งเห็นจริงตามความเป็นจริงด้วยจิตตั้งมั่นเป็นกลาง รู้
    ลงในกายรู้ลงในใจ ณ ปัจจุบัน ณ ธรรม
     
  11. Meme ja

    Meme ja สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +6
    เหอๆๆ :)
    ได้คู่คุยที่เหมาะสมแล้วกระมัง
     
  12. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    พูดอย่างกับได้สัมผัสมาแล้วเลยนะครับ....นี่ขนาดบอกว่าพระพุทธเจ้าไม่พยากรณ์นะครับนี่ ตัวเองพยากรณ์ก่อนแล้ว....อย่างนี่ก็ไม่พ้นสอนเกินพระพุทธเจ้าไปก่อนหรือครับ.....เก่งนะนี่ เป็นหนึ่งชัดเจน จริงๆ.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มกราคม 2012
  13. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    อ่ออย่างงี้นี้เอง ถ้ารูปอัตตา ก็ไม่ตาย
     
  14. Samarnl

    Samarnl เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    2,287
    ค่าพลัง:
    +4,704
    ใครๆคิดเหมือนผมไหม คนชื่อนิวรณ์ ผมอ่านที่แกโพสต์นี่เหมือนคนบ้า...
     
  15. deemonster

    deemonster เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2007
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +805
    คิดได้ครับ
    แต่
    รู้จริงป่ะ
    นี่ต้องโยนิโสมนสิการมากๆครับ
     
  16. ฟางว่าน

    ฟางว่าน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    1,080
    ค่าพลัง:
    +968
    ธาตุขันธุ์เป็นอนัตตา...

    อัตตามันอยู่ที่ใจ ใครๆก็มีทั้งนั้นแหละ แต่ตัวตนนี้มันไม่ใช่สัตวะอันยั่งยืน ชายหญิงก็เป็นตัวตนแต่ก็อนัตตา เราจะหาอัตตาในสัตว์ ชายหญิง สิ่งของ ได้แต่ที่ไหน ในเมื่อมันไม่ใช่ตัวตน เป็นอนัตตา พิจรณาแยกธาตุแยกขันธุ์ก็เห็นว่าไม่ใช่ตัวตน มันก็แค่นี้แหละแต่ตีให้แตก ปัญญาแตกก็ได้พระโสดาบัน อันอนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตานี่ได้ตั้งแต่โสดาบันจนถึงอรหันต์ ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุณีอรหันต์รูปหนึ่งกล่าวเป็นคาถาไว้ว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้น นอกจากทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น และทุกข์เท่านั้นที่ดับไป เพราะมัน อนิจจัง ทุกข์ขัง อนัตตา คือไม่เที่ยง เป็นทุกข์(ทนได้ยาก) และไม่ใช่ตัวตน เข้าใจด้วยภาวนา...
     

แชร์หน้านี้

Loading...