ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,528
    เอางี้ละกัน งั้นพรุ่งนี้เช้าตอนเพ่งพ่อ
    โอ๋จะขอให้พ่อช่วยส่งแสงสว่างความรักไปรักษานะจ๊ะ
    ทำแล้วสบายใจอ่ะ อยากช่วยเพื่อนหน่ะ
    ให้โอ๋ทำเหอะนะจ๊ะ จุ๊บๆๆ

    :cool::cool::cool:
     
  2. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    อิอิ จัดไปค่ะ ไม่รู้ว่าจะชอบกันหรือเปล่า ^^
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. Isreal

    Isreal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    530
    ค่าพลัง:
    +1,327
    อุ้ย พึ่งเห็นข้อความของคุณโอ๋
    ขอบคุณมากๆเลยค่ะ อิอิ ได้ความรักจากคุณโอ๋
    เราต้องหายดีแน่ๆเลยอะ แบ่งความรักให้เค้าแล้ว
    เค้าจาได้มีแรงไปแบ่งให้คนอื่นต่อได้ด้วย
    ร๊ากกกก คุณโอ๋ที่ซู๊ดดดดดด...*3*
     
  4. Senju

    Senju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +94
    ผมยังติดเรียนอยู่หนะครับ ไว้ถ้าปิดเทอมคงจะได้ไปหนะครับ
    ขอบคุณมากน่ะครับพี่โอ๋
    ที่บ้านผมน้ำไม่ท่วมคร๊าบ ^^
    :cool::cool::cool:
     
  5. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    เมื่อคุณขึ้นมาอยู่มิติที่สูงๆกว่า...คุณก็จะเข้าใจอะไรๆมากขึ้น
     
  6. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    ผมมีเพื่อนต่างดาวที่สนิทๆแค่ไม่กี่คน และผมก็เป็นคนที่ออกมาจากดวงดาวนั้น ผมรักดาวเคราะห์ที่มีชื่อว่า "โลก" และอาจมากกว่าดาวที่ผมจากมา ผมรักเพื่อนมนุษย์โลกของผม..
     
  7. light worker

    light worker เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +446
    ผมจะอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้...และจะไม่มีใครมาพรากพลังของผมไปได้ ผมรักครอบครัวและเพื่อนๆของผมบนดาวเคราะห์โลกนี้..

    ปล.ขอไปกินยาก่อนนะครับ...อาการกำเริบอีกแระ ^^
     
  8. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,528
    จ้า...ก็อยากให้เซนจูไปได้หนิจ๊ะ
    แต่ไปไม่ได้ก็ไม่เป็นรัย ยังงัยครอบครัวเรา
    ก็ต้องได้พบกันในโอกาสต่อๆไปอยู่ดีแหละเนอะ(เชื่อมั่นอย่างนั้นหนินา)
    ถึงจะไม่ได้เจอกันแต่ใจของพวกเราก็เชื่อมโยงกันอยู่ดีเนอะ รักรักรักจ้า
    เนี่ยยังห่วงคุณเรอเน่อีกคน น้ำท่วมด้วยรึป่าวก็ไม่รุ

    :cool::cool::cool:
     
  9. rainbow 12

    rainbow 12 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +49
    ไม่สบายงอมแงมเลยค่ะ......ตั้งแต่หลังคริสมาส........จนบัดนี้ยังไม่หายเลยค่ะ........ตอนนี้ยังไอ เสมหะไม่เขียวแล้ว และปวดหัวทุกครั้งที่ใช้ Comcatt19..........รบกวนขอพี่ๆ น้องๆ ช่วยส่งพลังแห่งการรักษา เยียวยากลับมาด้วยค่ะ......ขอบคุณล่วงหน้า..อิอิ เนื่องจากอยากหายให้ทันได้ไปร่วมสังสรรค์ด้วยคน.........เพราะรอเวลานี้มานาน........ขอคนแก่เอ้ย สูงวัยร่วมด้วยคนเด้อ:cool:........ฝากถามคุณชยุต ไม่ทราบว่าเป็นเพราะไม่สบายแล้วไปฟังคลื่นเสียงกระตุ้น(หลายความถี่หลายเวอรชั่นมาก)ที่มีใน You Tube หรือเปล่า เลยทำให้ไม่สบายมากขึ้นเพราะวันนั้นอยากทดลองเปิดจักระดู เผื่อว่าจะได้นั่งสมาธิได้เร็ว...เปิดฝังเกือบทั้งวันเลยค่ะ........ขณะฟังก็ไม่ค่อยป่วยเท่าไหร่แต่ไม่หายขาดแต่หลังจากนั้นสองวันแทบตายเลยค่ะ....เกิดมาไม่เคยป่วยทรมานเท่านี้มาก่อนเลย........ปวดหัว ปวดตัว อ่านหนังสือไม่ได้ ไม่จำเลยค่ะ แต่งกลอนช่วยลูกก็ไม่ได้ อารมณ์ไม่จอยเลยค่ะ....หงุดหงิดแต่ไม่ถึงกับอาละวาด........สรุปแล้วป่วยข้ามปี.....สงสัยจะไม่สามารถอ่านบทความทั้งหมดได้ทันแล้ว คุณมี๊ด คุณโซ่ คุณเดรส ช่วยสรุปใจความสำคัญสำหรับเด็กใหม่หน่อยค่ะขั้นประถมเลยนะค๊ะ คือตลอดชีวิตพี่เคยนั่งสมาธิอยู่แค่ ประมาณสิบกว่าครั้งเท่านั้น และไม่เคยปฏิบัติธรรมที่วัด เริ่มเข้ามาเว็บพลังจิตก็สนใจพระอาจารย์รัตน์ เพราะท่านมีแนวทางเหมือนนักวิทยาศาสตร์ วันก่อนเลยไปร่วมฝึกวิปัสนา ใช้ปิรามิดเป็นตัวช่วยให้เข้าถึงสมาธิเร็ว แต่ก็เหมือนกับว่าพี่นั่งฝันกลางวัน ก็ตามดูใจก็ดูไปตามปกติ แต่ก็ไม่กล้าถามพระอาจารย์ ถามลูกศิษย์แทนก็ได้รับคำตอบว่าต้องนั่งอีกนาน พี่ก็เลยใจร้อนอยากให้มันเร็วๆ ทำอย่างไรดีช่วยสอนหน่อยค๊ะ......นึกว่าเมตตาคนสูงวัย(deejai)
     
  10. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,528
    คุณ rainbow 12 ต้องสู้สู้สู้ ต่อไปนะคะ
    โอ๋จะพยายามส่งกำลังใจไปให้นะคะ
    ขอให้หายไวไวนะคะ

    :cool::cool::cool:
     
  11. su_ra

    su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +736
    คุณ rainbow 12 ตอนนี้ต้องหยุดทุกอย่างที่เกี่ยวกับการฝึกจักกระก่อนนะครับ
    และก็พักผ่อน
    หยุดการใช้คอมจนกว่าจะหายก่อนนะครับ ถ้าจำเป็นจริงๆ ก็อย่าอยู่
    หน้าคอมนาน หากิจกรรมทำให้ได้เหงื่อหน่อยครับ ก็จะรู้สึกดีขึ้น ผมช่วยส่งพลัง
    ไปให้แล้ว ตอนดึกก็จะส่งให้อีกรอบนะครับ ที่สำคัญต้องหยุดฝึกทุกอย่างให้ร่าง
    กายฟื้นตัวและออร่าจักระกลับสู่สมดุลย์ก่อนนะครับ
     
  12. su_ra

    su_ra เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +736
    สวัสดีครับคุณ ดาวบนฟ้า ปีใหม่ก็ให้มีแต่ความสุขนะครับ
     
  13. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    สงสัยเป็นวัยรุ่นใจร้อนอีกคนแล้วกระมังเนี่ย
    ผมก็เป็นวัยรุ่น(รุ่นโน้นหนะนะครับ)ใจร้อนเหมือนกันครับ

    เออ..นะ..Synchronicity อีกแล้วครับ เพราะเมื่อราว 3 วันก่อน
    ผมยังนึกถึงเรื่องที่ตัวเองใจร้อนอยากจะสำเร็จ อยากจะก้าวหน้าเร็วๆอยู่เลย
    เลยเที่ยวตระเวณไปฝึกโน่นฝึกนี่ไปทั่ว ไปวิปัสสนา กรรมฐานมาซะทั่วเลย

    แต่ยิ่ง "อยาก" ก็ยิ่ง "ยาก" ครับ ขอบอกเลย อาจจะทำให้บางคนรู้สึกผิดหวังนะเนี่ย
    แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆครับ เพราะลองเทียบเคียงกับอุปมานี้ดูนะครับ
    ว่า จิตใจที่ละเอียดอ่อน นุ่มนวล สะอาด บริสุทธิ์ถึงระดับหนึ่งเท่านั้น
    มันถึงจะเข้าสู่สภาวะสมาธิ หรือ มีพัฒนาการทางจิตขั้นละเอียดได้ครับ

    และทีนี้ ถ้าเราเกิดความอยากขึ้นมาปุ๊บ..เจ้าความอยากนี่มันเป็นของ "หยาบ"
    มันไม่ละเอียด เพราะฉะนั้น มันจึงไม่สามารถผ่านตะแกรงกรองของสิ่งละเอียดได้หนะครับ
    เพราะฉะนั้น มันเลยไม่ก้าวหน้าได้หนะครับ

    แต่ก็อย่าเข้าใจผิดไปว่า การฝึกแบบนั้น มันจะไม่ได้อะไรเลยนะครับ
    เพราะท่านบอกว่า การฝึกจิต หรือฝึกตัวเอง แบบใดก็ตาม แม้ว่าเราจะรู้สึกว่า
    เราไม่ได้อะไรเลย หรือเสียเวลาเปล่าก็ตาม แต่นั่นแหละ คือสิ่งที่เราได้หละ

    ไม่ใช่แค่ได้ฝึกนะ แต่ได้ประสบการณ์ ได้ปุทางให้กับจิตเราเองแล้ว
    ท่านว่า วันนี้ ถึงแม้ว่า ทุ้งหญ้าที่เราเดินฝ่าไปนั้น มันจะยังรกรุงรังอยู่ก็ตาม
    แต่สักวันหนึ่ง พอเราเดินบ่อยๆเข้า ซ้ำๆเข้า มันก็จะกลายเป็น "ทางเท้า"
    ตรงที่เราเหยียบย่ำเดินไปอยู่ประจำๆนั่นแหละ ขึ้นมาจนได้แหละ

    เพราะว่าทุกๆประสบการณ์ โดยเฉพาะประสบการณ์ทางจิต ล้วนมีคุณค่าทั้งสิ้น
    เพราะฉะนั้น ขอแค่เพียงเราไม่หยุดความเพียร เราก็จะสำเร็จได้สักวันหนึ่งนั่นแหละครับ
    สำเร็จนี่ หมายถึงค่อยๆสำเร็จไปทีละขั้นๆหนะนะครับ มันคงจะไม่บรรลุพรวดเดียวหรอกกระมัง

    ย้อนกลับมาที่ case ของเรากันดีกว่าครับ ไม่รู้ว่าใครที่ฝึกจิตหรือสมาธิมานานๆแล้วนี่
    สังเกตตัวเองว่าเป็นแบบผมบ้างหรือเปล่านะครับ คือช่วงหลายปีก่อน ผมฝึกหนักกว่าตอนนี้ซะอีก
    แถมฝึกแบบจริงๆจังๆด้วยความตั้งใจ และด้วยความหวัง ซึ่งอันที่จริงก็คือความอยากนั่นแหละครับ
    แต่ว่าในช่วงนั้น มันคงเป็นอย่างที่ท่านว่าไว้ว่า ถ้ายังไม่ถึงเวลา มันก็ยังจะไม่ได้กระมังครับ
    เพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ

    เพราะว่าส่วนประกอบของการเลื่อนระดับขึ้น หรือการมีระดับจิตที่สูงขึ้น มันมีหลายอย่างครับ เช่น

    - พื้นฐานที่สุด คือจิตใจที่อ่อนโยน ดีงาม เป็นบวก ซึ่งนี่หมายจำเพาะเจาะจงไปที่
    "ความรัก - ความเมตตา" ต้องมีอยู่ในระดับที่เหมาะสม และมากพอครับ
    เพราะความรัก เป็นพลังงานชนิดเดียวกันกับแสงสว่าง และนั่นก็หมายความว่า

    - แสงสว่าง ต้องมีอยู่ในเซลของร่างกายทุกๆเซลมากพอระดับหนึ่งขึ้นไปด้วยครับ
    แสงสว่างนี่เป็นของหลากมิติครับ เพราะว่าพลังงานทุกๆชนิดเป็นของหลากมิติ
    ตามที่ครายออนกล่าวไว้ ดังนั้น เราจะรับเข้ามาทางกาย หรือทางความคิดที่เราจินตนาการถึงก็ได้
    และมันก็เป็นผลสืบเนื่องแบบงูกินหางซึ่งกันและกัน ระหว่างระดับจิต กับระดับแสงสว่าง
    ซึ่งก็คือ ยิ่งเรามีระดับจิตสูงขึ้น พัฒนาขึ้น ไปมากเท่าไหร่ ปริมาณแสงสว่างในกายของเราทุกๆกาย
    ก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้นด้วย และในทางตรงกันข้าม ยิ่งเรามีปริมาณแสงสว่างในกายของเรา มากเท่าไหร่
    ระดับจิตของเรา ก็จะยิ่งพัฒนาไปได้ไกลเท่านั้นด้วย

    สรุปประเด็นนี้ก็คือ กายเนื้อของเราก็ต้องพร้อมด้วยนะครับ

    - สมองของเรา ก็ต้องได้รับการกระตุ้นที่เหมาะสมแล้วเท่านั้น ทั้งต่อมต่างๆในสมองด้วย
    เช่น ต่อมพิทูอิทารี่, ต่อมไพเนียล และไฮโปธาลามัส เป็นต้น เพราะว่าส่วนของสมองเหล่านี้
    ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างมิติทางกายภาพ และมิติที่ไม่ใช่ทางกายภาพอยู่หนะครับ

    - กายแห่งแสงสว่างทั้งหลายของเราเอง (เบื้องต้นมี 4 กาย ขั้นกลางมี 7 กายตามข้อมูลของ Almine
    และสูงสุดมี 12 กาย ตามระดับพัฒนาการของเรา)ก็จะต้องถูกชำระสะสางให้ใส สว่าง กระจ่าง แจ่มใสด้วย
    เราถึงจะมีความเป็นหลากมิติมากขึ้นได้ คือ ความตระหนักรู้ของเรา จึงจะหลุดพ้นขอบเขตมายาการ
    ของมิติที่ 3 นี้ได้ด้วย ว่างั้นนะครับ

    สรุปว่า ตามนัยยะนี้ การวิวัฒนาการทางจิต Almine และท่านอื่นๆบอกว่า มันคือการ
    มีความตระหนักรู้ออกนอก หรือ อยู่เหนืออิทธิพล หรืออยู่เหนือขอบเขตของมายาการของมิติที่ 3 นี้นั่นเองครับ

    - กาย - จิตใจ - จิตวิญญาณ ต้องประสานกันเป็นหนึ่งเดียว

    เพราะฉะนั้น ถ้าอะไรที่ยังไม่พร้อม มันก็จะยังไม่พร้อม มันก็จะยังไม่ได้ดังใจเรา
    และถ้าสังเกตดูตัวเองดู ถ้ายังพบว่า เรายังใจร้อน อยากได้ อยากบรรลุ หรืออยากมีพลังพิเศษ
    เพื่อที่จะได้รู้สึกว่า เราพิเศษ หรือเหนือกว่าคนอื่นๆอยู่หละก็ นั่นหละ รู้ไว้เลยว่า
    ระดับจิตของเรายังไม่ไปถึงไหนหรอกครับ แม้ว่าเราจะมีพลังความสามารถพิเศษมาแต่กำเนิดแล้วก็ตาม
    แต่เราก็ยังจะต้องเจอบทเรียน-บททดสอบเกี่ยวกับการใช้พลังนั้นอยู่อีกหลายบททีเดียว
    จนกว่าเราจะทำให้เบื้องบนมั่นใจได้แล้วว่า "เราจะสามารถใช้พลังนั้นๆ ได้อย่างมีความรับผิดชอบจริงๆ"
    พลังนั้นๆ ถึงจะเต็มเปี่ยมสมบูรณ์ขึ้นมาได้ ตอนนี้ก็ใช้แบบกิ๊กๆก๊อกๆไปก่อน
    เอาไปพยากรณ์เรื่องราวในอนาคต หรือในชีวิตของใครต่อใครเล่นๆพอได้ตังค์ใช้ไปวันๆก่อน อะไรแบบนั้นครับ

    นั่นหนะ..ยังไม่ใช่จุดประสงค์ของการมี และ ของการใช้พลังพิเศษแต่อย่างใดเลย..ลองคิดดูใหม่นะครับ
    เพราะจุดประสงค์มันควรจะยิ่งใหญ่และสูงส่งกว่านั้น ถ้าใครเคยอ่านกระทู้ Almine ที่ผมโพสต์ไว้แล้ว
    ท่านก็อาจจะพอเข้าใจได้ว่า ผู้ที่เขาต้องการพัฒนาให้สุงขึ้นไปกว่านั้นหนะ
    เขาไม่มานั่งติดกับพลังพิเศษ หรือ การแสดงปาฏิหาริย์ ซึ่งเปรียบเสมือนของเด็กเล่นพวกนั้นหรอกนะครับ

    และคำถามทิ้งท้ายของผม ก็อยากจะฝากเอาไว้ให้ท่านสังเกตตัวเองนิดหนึ่งว่า
    ท่านยังขับรถใจร้อนอยู่ไหม ท่านยังทำอะไรแบบใจร้อนๆอยู่ไหม ท่านยังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อยู่ไหม
    ท่านมีความรัก ความเมตตา แบบไม่มีเงื่อนไข หรือมีเงื่อนไขแต่น้อยที่สุด อยู่ในระดับไหนแล้ว
    ท่านยังแอบคิดลึกๆอยู่ในใจไหม ว่าถ้าเราแสดงปาฏิหาริย์อะไรบางอย่างได้ หรือมีพลังพิเศษอะไรบางอย่างแล้ว
    ท่านก็จะเอาไปใช้เล่นสนุก หรือเอาไปทำให้ตัวเองรวย หรือเอาไปทำให้ตัวเองเด่น หรือดัง หรือข่มคนอื่น อะไรแบบนั้น

    ทั้งหมดนี้คือคำถาม ที่จะเป็นประเด็นที่จะไปส่งผลกระทบต่อเส้นทางแห่งจิตวิญญาณของท่านครับ

    ปล.ดังนั้น การหักโหมไปฟังไฟล์เสียงมากเกินไป ก็คือการใจร้อนด้วยนะครับ
    เพราะว่าไฟล์เสียงเขามีไว้กระตุ้นสมอง แต่สมองก็ไม่อาจที่จะถูกกระตุ้นให้ถึงขั้นได้
    ภายในระยะเวลาอันสั้นหรอก จริงไหมครับ ทั้งหมดนี้ มันต้องขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่เหมาะสมทั้งนั้น

    แต่อย่างไรก็ตาม Key word ก็คือ "ระดับความสั่นสะเทือน" ของเราครับ
    และกุญแจสำคัญ ที่สำคัญตลอดกาลก็คือ "ความรักแบบไม่มีเงื่อนไข" ครับ

    ............................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2012
  14. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ขออนุโมทนากับคุณ su_ra และทุกๆท่าน
    ที่ช่วยส่งพลังไปรักษาคุณ rainbow 12 ด้วยนะครับ

    สาธุครับ

    ................................................
     
  15. richsi

    richsi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +11
    ขอให้หายเร็วๆ..นะคะคนป่วย....
    เป็นกำลังใจให้ค่ะ.....อยากส่งพลังให้เหมือนกัน...
    แต่ทำไม่เป็นอ่ะ..เรามันมือใหม่เหมือนกันเนอะ.....
    เอาเป็นว่าขอส่งความรัก..ความห่วงใยไปแทนนะคะ..
    รักนะคะ....สู้ๆ..
    :cool::cool::cool:
     
  16. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    โมทนา กับบทความบทนี้ค่ะ โดนใจจริงๆ..
     
  17. richsi

    richsi สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +11

    ขออภัยนะคะ...หากทำให้รู้สึกไม่ดี....
    แต่คิดอย่างนั้นจริง....จริง..............
    ไม่มีเจตนาลบหลู่หรือล่วงเกิน....
    และคิดว่าคุณคือคนที่น่ารักคนหนึ่ง.....
    ถ้าผิดกาละก็ขออภัย....................
    ยอมรับว่าอาจจะไม่เข้าใจอะไรนักหรอก...
    ไม่รู้นะ...อาจจะมีอย่างคุณว่าก็ได้..........
    มันก็อาจเป็นได้ทั้งนั้น...
    พอแล่ะ...ขอหม่ำข้าวก่อน...
    ขอโทษจริงๆ..นะ
    :cool::cool::cool:




    ปล.อ่ะ...น้ำ..

     
  18. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,528
    รอพี่มาตอบไม่เคยผิดหวังเลยค่ะ ตอบได้ลึกสุดใจ อิอิอิ
    น้องก็อยากจะบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วประมาณว่าคุณ rainbow 12
    คงจะใจร้อนหักโหมเกินไปอ่ะ
    แต่รอพี่ชยุตมาแนะนำให้รับรองเจิดกว่าแน่ๆ
    อิจฉาตรงที่เธอมีความมุ่งมั่นดีจังเลย น่ารักดีค่ะ (อยากเป็นบ้างจัง อิอิอิ)
    เมื่อเช้าเพ่งพ่อก็ทำตามสัญญาแล้วนะคะ
    คนไม่เอาไหนคนนี้พยายามอย่างเต็มที่แล้วค่ะ อิอิอิ
    รักทุกคนจริงๆนะคะ จุ๊บๆๆ

    :cool::cool::cool:
     
  19. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    สวัสดีปีใหม่ค่ะ คุณ rainbow 12
    การทำสมาธิที่จะได้ผลดีที่สุด ต้องทำในภาวะผ่อนคลาย ทั้งร่างกายและจิตใจ
    ตามที่คุณชยุตแนะนำมาทั้งหมดนั่นเลยค่ะ

    ส่วนตัวก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสมาธิ
    แต่ปกติที่ทำอยู่ มีจุดประสงค์เพื่อรักษาสมดุลของร่างกายและจิตใจ เป็นหลัก

    จริงๆแล้วอาการเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นสัญญาณเตือนถึงถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง
    โดนเฉพาะความเชื่อ
    โดยทั่วไปร่างกายมีความสามารถในการรักษาตนเองได้อยู่แล้ว
    แต่ก็ต้องใช้เวลา(ตามกาลเวลาที่เป็นเส้นตรงแบบนี้)
    ความเชื่อและความคิด เป็นตัวทำให้เกิดการเร่งกระบวนการ หรือไปถ่วงกระบวนการ

    เดรดขอนำ วิธีการนอนสมาธิรักษาโรค ของพี่นักเขียนมาโพสต์อีกครั้งนะคะ
    ตัวเองยังทำอยู่แทบทุกคืนก่อนนอน มีไฟล์เสียงเฉพาะด้วย
    ขอส่งพลังความรักและความปรารถนาดีไปให้ ให้หายป่วยไวๆนะคะ...

    คุณ rainbow 12

    รักษาโรคด้วยสมาธิ
    จากพี่นักเขียน

    จุดที่พี่นักเขียนแนะนำให้เราทั้งหลายกำหนดเป็นศูนย์กลางกาย คือ จุดเหนือสะดือประมาณสองนิ้ว
    จุดนี้ในนัยของศาสตร์แห่งจักระ เป็นจุดที่เรียกว่า Solar Plexus
    Solar หมายถึงพลังงานที่ถ่ายทอดมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของสุริยะจักรวาล
    Plexus หมายถึงระบบเครือข่ายของเส้นประสาทในร่างกายมนุษย์
    [​IMG]
    Solar Plexus จึงหมายถึงศูนย์กลางของระบบเครือข่ายของสุริยะจักรวาล และ ศูนย์กลางของระบบเครือข่ายของมวลมนุษย์
    จักระจุดนี้จึงเป็นศูนย์รวมพลังแห่งชีวิตของจิตวิญญาณที่มาถือกำเนิดเป็นร่างกายเนื้อหนัง

    เมื่อเราสัมผัสได้ถึงความเป็นศูนย์กลางดังกล่าวตามธรรมชาติ
    เราจะพบว่า เราไม่เพียงแต่จะเป็นศููููนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลเท่านั้น
    แต่เป็นหนึ่งเดียวกับทุกสิ่งทุกอย่าง ตามธรรมชาติความเป็นไปของแก่นแท้ของจิตวิญญาณ
    และเป็นศูนย์กลางที่ได้รับ และถ่ายทอดพลังให้กับสรรพสิ่งทั้งปวง

    เมื่อพี่นักเขียนได้รับข้อมูลและวิธีการนั่งสมาธิแบบนี้มาจากท่านอาจารย์อนาลัยในความฝัน
    พี่นักเขียนได้ทดลองให้นักเรียนชาวอเมริกัน 60 คน นั่งสมาธิ
    พร้อมกับกล่าวนำตามข้อมูลที่ได้รับมาเป็นครั้งแรก เมื่อปลายปี 2001
    ปรากฏว่า ทุกคนที่อยู่ในที่นั้น สัมผัสถึงพลังงานที่เป็นเสมือนกระแสอันอบอุ่น
    แต่รุนแรงและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาที่ไหลผ่านร่างกายของเขา

    ทำให้หลายคนถึงกับน้ำตาชึม เป็นการทำสมาธิแบบธรรมชาติที่ปราศจากศาสนาหรือความเชื่อใดๆ
    แต่ได้ผลสำหรับทุกชนชาติภาษาและทุกศาสนา

    พี่นักเขียนได้มีโอกาสนำบทฝึกฝนที่ได้รับจากความฝันไปทดลองใช้กับนักเรียนสมาธิชาวอเมริกันอยู่เสมอๆ
    ทำให้เกิดความมั่นใจว่า บทฝึกฝนที่ได้รับมาเหล่านั้น
    นอกจากจะมีประโยชน์ มีความหมายมากกว่าเพียงแค่ความฝันแล้ว
    ยังเป็นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้อีกด้วยว่า เป็นวิธีการที่ได้ผล

    พี่นักเขียนได้รวบรวมข้อมูลและวิธีการนั่งสมาธิแบบนี้ไว้ในหนังสือ
    อมตะแห่งจิตวิญญาณภาคต้น หน้า 97

    __________

    ......ให้เธอนั่งหลับตาผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย
    ให้เธอจิตนาการถึงต้นกำเนิดของพลังแห่งลมหายใจและพลังแห่งชีวิตซึ่งอยู่ ณ ศูนย์กลางตัวตนของเธอ

    เธอบางคนจะค้นพบและสัมผัสกับธรรมชาติความเป็นจริงนี้ได้ทันที และบางคนอาจต้องใช้เวลาฝึกฝนพอสมควร

    เมื่อเธอรู้สึกสัมผัสได้ถึงต้นกำเนิดของพลัง ให้เธอจิตนาการว่า
    มันพุ่งออกไปจากศูนย์กลางของร่างกายตัวตนของเธอ-ทุกทิศทาง ผ่านปลายนิ้วมือ นิ้วเท้า ผ่านรูขุมขน ผ่านทุกอณูของร่างกาย
    แผ่รัศมีออกไปทุกทิศทาง-จากศูนย์กลางกายของเธอ
    จินตนาการให้รัศมีของพลังงานแผ่กระจายออกไปอย่างไม่ลดละ มันแผ่ซึมไปทุกหย่อมหญ้า
    ซึมซาบลงไปสู่ศูนย์กลางของโลก และในขณะเดียวกันก็แผ่ซึมไปสู่กลุ่มเมฆและแผ่รัศมีต่อไปกว้างไกลทุกทิศทางสุดจักรวาล

    แม้ฉันจะบอกให้เธอจินตนาการ แต่ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นเพียงสัญลักษณ์
    แม้ว่าเธอจะเริ่มต้นฝึกฝนด้วยการใช้จินตนาการก็ตาม
    แต่ภาวะดังกล่าวเป็นธรรมชาติความเป็นจริงที่จิตวิญาญาณของเธอส่งพลังงานซึ่งแผ่รัศมีออกไปทุกทิศทางเช่นนั้น

    การสร้างสรรค์ของจิตวิญญาณถูกส่งกระแสออกไปในลักษณะดังกล่างอย่างแท้จริง

    บทฝึกฝนนี้จะช่วยให้เธอสัมผัสกับธรรมชาติความเป็นจริงของจิตวิญญาณ
    สัมผัสกับการสร้างสรรค์และชีวิตชีวาของจิตวิญญาณที่หลั่งไหลมาจากต้นกำเนิดอย่างท่วมท้นไม่มีวันหมดสิ้น
    ธอทั้งหลายต่างก็เป็นบุคคลตัวตนอันเป็นเอกลักษณ์ที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นกำเนิดนี้

    บทฝึกฝนและสาระที่ฉันถ่ายทอดให้เธอ ไม่ได้เป็นสาระที่เธอเพียงบางคนเท่านั้นจะเข้าใจได้
    ไม่ว่าเธอจะสามารถอธิบายสิ่งที่เธอสัมผัสได้หรือไม่ก็ตาม
    บทฝึกฝนและสาระเหล่านี้มีผลในทางปฏิบัติต่อชีวิตประจำวันของเธอทุกคน

    ________________

    พี่นักเขียนได้แนะนำว่า หากเราเจ็บไข้ได้ป่วย และทราบดีว่าปัญหาสุขภาพของเราอยู่ในส่วนใดของร่างกาย ใ
    ห้เรากำหนดศูนย์กลางกายโดยใช้จักระจุดนั้นๆที่ครอบคลุมไปถึงอวัยวะหรือส่วนของร่างกายที่มีปัญหา
    เช่น หากมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับปอด ก็ให้ใช้จุดกึ่งกลางอกเป็นจุดจดจ่อเพืิ่อรักษาโรคปอด
    หากมีปัญหาสุขภาพเพี่ยวกับไต ก็ให้ใช้จุดใต้สะดือเป็นจุดจดจ่อเพื่อรักษาโรคไต

    เพราะจักระแต่ละจุดจะครอบคลุมสุขภาพร่างกายเป็นส่วนๆไป
    แต่ถ้าหากว่าเราไม่ทราบแน่ว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่ตำแหน่งใด ก็ให้ใช้วิธีนอนสมาธิ
    และนับจากปลายเท้าขึ้นไปทีละช่วงจนครอบคลุมตลอดถึงกระหม่อม
    เพราะวิธีการดังกล่าวเป็นวิธีการรักษาแบบครอบจักรวาล เสมือนการให้ antibiotic
    [​IMG]

    พี่นักเขียนไม่ได้แนะนำให้จินตนาการให้อวัยวะส่วนที่มีปัญหาเป็นหลุมบ่อหรือจุดดำหรอกนะคะ
    แต่ตามปกติแล้ว เมื่อเรานั่งสมาธิและกำหนดจิตเพื่อรักษาโรคให้ตนเองหรือผู้อื่น
    หากเราจดจ่อกับความรู้สึกเจ็บปวด หรือส่วนต่างๆของร่างกายที่มีปัญหาได้นานพอ
    จินตภาพทั้งหลายที่เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวพันกับโรคภัยไข้เจ็บจะปรากฏขึ้นอย่างเป็นอัตโนมัติ

    หากจดจ่อต่อไปได้อย่างคมชัดเป็นสมาธิ ไม่ว้อกแว้ก ตัวรู้จะเกิดขึ้น และทำให้เราตระหนักว่า
    เราจะสลายโรคภัยไข้เจ็บที่ปรากฏเป็นสัญลักษณ์เช่นหลุมบ่อ โคลนตม จุดดำ
    หรือภูมิประเทศที่รกรุงรังเต็มไปด้วยวัชพืช หรือ บ้านเรือนที่สกปรกเต็มไปด้วยขยะมูลฝอย ฯลฯ ได้อย่างไร
    เช่น เราจะเกิดความปรารถนาที่จะทำให้หลุมบ่อโคลนตมเหล่านั้นแห้งเหือด
    ปรารถนาที่จะกำจัดหรือสลายจุดดำ กำจัดวัชพืช หรือขยะมูลฝอยที่ปรากฏในจินตภาพเหล่านั้น

    การจดจ่อต่อไปได้อย่างคมชัดเป็นสมาธิ จะทำให้เราตระหนักว่า
    คือพลังที่จะสลายหรือกำจัดทุกส่ิงทุกอย่างได้ดังปรารถนาด้วยการจดจ่อ

    บางคนสามารถสลายหรือกำจัดสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยการนั่งสมาธิเพียงครั้งเดียว หรือ session เดียว เป็นเวลาหลายชั่วโมงติดต่อกัน
    ดังเช่นที่พี่นักเขียนเล่าประสบการณ์ให้พวกเราฟังว่าได้รักษาโรค sinus ให้ตนเอง ​
    โดยใช้เวลานั่งสมาธิติดต่อกัน 6 ชั่วโมง โดยไม่รู้ตัวเพราะว่าปวดจนนอนไม่ได้

    แต่บางครั้งหรือบางโรคก็อาจต้องนั่งหลายครั้ง หลาย sessions และครั้งละเพียง 30-40 นาที
    แล้วแต่จริตของแต่ละคน ตัวรู้ของเราแต่ละคนจะเป็นตัวกำหนดว่า
    ราควรจะนั่งสมาธินานเพียงใดจึงจะได้ผล
    ช่นเดียวกับการกำหนด dose หรือขนาดของยาที่ใช้ในแต่ละคราว และระยะเวลาที่ควรใช้ เป็นต้น

    สิ่งสำคัญที่เราต้องนำมาใช้ในการทำสมาธิเพื่อรักษาโรคให้ตนเอง หรือผู้อื่น
    คือ สติสัมปชัญญะอันคมชัด ซึ่งเป็นปัจจัยหลัก
    และเป็นปัจจัยเดียวที่เรานำมาใช้ในการทำสมาธิสำหรับทุกเป้าหมาย

    หากเราต้องการรักษาโรคให้ตนเอง อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เราทำสมาธิเพื่อรักษาโรค
    มักเป็นอารมณ์ปรารถนาอย่างแรงกล้า มุ่งมั่น และแน่วแน่ที่จะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ

    จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้นจะเป็นไปอย่างเป็นอัตโนมัติ และสัมพันธ์กับเป้าหมาย ซึ่งคือการรักษาโรค
    สำคัญว่า เมื่อเกิดจินตภาพใดๆขึ้นแล้ว ขอให้จดจ่อต่อไปโดยไม่ใช้ความคิดปรุงแต่งด้วยวิตกวิจารณ์
    เพราะจะทำให้เราจดจ่อไม่ได้อย่างมั่นคง ว้อกแว้ก และทำให้การรักษาไม่ได้ผล
    อย่าปล่อยให้อารมณ์และจินตนาการคล้อยตามความรู้สึกนึกคิด

    แต่ควบคุมให้ตั้งอยู่ในอารมณ์เดียว คือ จดจ่อกับความปรารถนาที่จะรักษาโรค
    เพราะหากปล่อยให้อารมณ์และจินตนาการคล้อยตามความรู้สึกนึกคิด
    เราก็จะตกกลับไปสู่ภาวะเดิม คือ ภาวะที่อารมณ์และจินตนาการคล้อยตามความรู้สึกนึกคิดถูกครอบคลุมด้วยความเชื่อเดิม
    อันเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรค

    การทำสมาธิ เพื่อรักษาโรคให้ตนเอง
    จึงเป็นช่วงสั้นๆที่เราใช้สติสัมปชัญญะของเราเพื่อควบคุมอารมณ์และจินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
    ให้หยุดคล้อยตามความเชื่อเดิมๆที่ก่อให้เกิดโรค

    แม้ว่าบางคนจะไม่เกิดจินตภาพที่ทำให้กำจัดโรคภัยได้อย่างทันตาเห็น
    แต่ช่วงสั้นๆที่เราทำสมาธิเป็นประจำ
    ก็สามารถเปลี่ยนหรือหยุดอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิด
    ให้หยุดคล้อยตามความเชื่อเดิมๆที่ก่อให้เกิดโรคได้ไม่มากก็น้อย

    เมื่อทำสมาธิบ่อยๆเข้า ภาวะของอารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เคยคล้อยตามความเชื่อเดิมๆที่ก่อให้เกิดโรคจะสลายตัว
    หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า อารมณ์-จินตนาการและความรู้สึกนึกคิดที่เคยคล้อยตามความเชื่อเดิมๆจนเป็นนิสัยที่ก่อให้เกิดโรคจะเปลี่ยนไป
    หยุดก่อให้เกิดโรค หยุดซ้ำเติมตนเอง ทำให้ร่างกายมีช่วงเวลาที่สามารถซ่อมแซมตนเองได้บ่อยขึ้น
    เมื่อทำสมาธิบ่อยๆ ก็มีโอกาสหยุดก่อโรคเพิ่มเติม
    และมีโอกาสซ่อมแซมร่างกายได้บ่อยขึ้น จนในที่สุดก็หายจากโรคภัยไข้เจ็บได้ค่ะ (rose)


    เว็บบอร์ด พลังจิต ดอทคอม

    ......................................................................



    ส่วนอันนี้เป็นไฟล์เสียงกระตุ้นค่ะ

    .......................................................................


    ตามธรรมชาติแล้ว เสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียงดนตรีมีอิทธิพลต่อร่างกายทางกายภาพและสภาวะจิตของคนเราเป็นอันมาก
    เพราะเสียงคือต้นกำเนิดของการเคลื่อนไหวทั้งปวงในจักรวาลดังตำนานที่ว่าโอห์ม OmหรือOhmคือเสียงแรกสุดของจักรวาล
    เป็นเสียงที่ก่อเกิดการเคลื่อนไหว และการสร้างสรรค์สรรพสิ่งทั้งปวง

    นักวิทยาศาสตร์ก็ค้นพบเช่นกันว่า โอม หรือ เสียง B flat ซึ่งต่ำกว่าเสียง B flat ที่เราได้ยินได้ด้วยหูของเราหลาย octave
    เป็นเสียงที่ดังออกมาจาก Black Hole หรือ หลุมดำในห้วงอวกาศ
    ซึ่งเป็นที่มาของพลังงานมหาศาลที่ถูกดูดหายเข้าไปใน Black Hole
    ก่อนที่จะระเบิดกลับออกมาทาง White Hole

    กว่า 8 ปีมาแล้วพี่นักเขียนเดินทางไปช่วยพระอาจารย์ท่านสอนสมาธิที่ Edmonton, Alberta, Canada
    พี่นักเขียนได้รับ Singing Bowl จากธิเบต เป็นของขวัญจากนักเรียนสมาธิชาว Canadian คนหนึ่ง
    และได้ทดลองใช้ดู พบว่าเสียงจาก Singing Bowl ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนถึงภายในร่างกายของเรา
    และสัมผัสได้ทุกคนจริงๆ จึงทำให้พี่นักเขียน หันไปศึกษาเกี่ยวกับการรักษาโรค
    และค้นหาดนตรีที่เขาใช้ Singing Bowl มาประกอบเพื่อการรักษาโรคตามทฤษฏีของจักระโดยเฉพาะ
    และก็พบดนตรีชุดหนึ่ง 7 ปีมาแล้ว

    [​IMG]

    ดนตรีชุดนี้สร้างสรรค์โดยศิลปินคู่หนึ่ง ชื่อ Ben Scott and Christa Michell
    เขาสร้างสรรค์ดนตรีชุดนี้ขึ้นโดยใช้ Singing Bowl เป็นหลัก

    และใช้เครื่องมือที่วัดความสั่นสะเทือนของเสียงดนตรีที่เขานำมาใช้
    เพื่อให้เสียงที่เกิดขึ้นมีความสั่นสะเทิือนที่คล้องจองกับ Singing Bowl สามารถกระตุ้นจักระจุดต่างๆได้ตามทฤษฏีของจักระ

    โดยนำเสียงจาก Singing Bowl ของธิเบตมาใช้ประกอบ
    ตามหลักการนี้ เขาต้องใช้ Singing Bowl อย่างน้อย 7 ใบ เพื่อให้เกิดเสียงและความสั่นสะเทือนตามจักระทั้ง 7 จุด
    ส่วนเสียงที่ 8 นั้นอาศัยอุปกรณ์ดนตรือื่นๆช่วย

    พี่นักเขียนได้ทดลองใช้ดนตรีชุดนี้เพื่อรักษาโรค และนำไปให้นักเรียนสมาธิชาวอเมริกันทดลองใช้กัน
    ก็ปรากฏว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจสำหรับทุกคน ทั้งผู้ที่ไม่เคยทำสมาธิมาก่อนเลย

    วันนี้พี่นักเขียนได้ upload ดนตรีชุดนี้ไว้ให้พวกเราฟัง และนำไปใช้ได้เป็นการส่วนตัว เพียงครึ่งเดียวจาก CD ทั้งแผ่น
    เนื่องจากว่า พี่นักเขียนได้นำส่วนนี้ไปใช้ในห้องเรียน และเห็นว่าเป็นส่วนที่ใช้เวลาเหมาะสมกับ class
    และใช้การได้ดี หากใครอยากได้แผ่นจริง หรือ Download ครบทั้งชุด
    กรุณาไปที่[ame="http://www.amazon.com/Tibetan-Chakra-Meditations/dp/B000QZWETO/ref=sr_f3_1?ie=UTF8&s=dmusic&qid=1232644361&sr=103-1"]http://www.amazon.com/Tibetan-Chakra...44361&sr=103-1[/ame]

    ส่วนใครที่อยากจะฟัง และ ทดลองใช้ดูก่อน
    ให้ไปฟังได้ที่ (ดนตรีชุดนี้ไม่ใช่ชุดที่นำตัวอย่างมาให้ฟังนะคะ แต่เป็นชุดที่ใช้งานจริงในห้องเรียนสมาธิมาหลายรุ่นแล้วค่ะ)
    http://www.novaanalai.com/chakra_med..._Evolution.mp3
    http://www.novaanalai.com/chakra_med..._Fertility.mp3
    http://www.novaanalai.com/chakra_med...mpowerment.mp3
    http://www.novaanalai.com/chakra_med...Compassion.mp3
    http://www.novaanalai.com/chakra_med...munication.mp3
    http://www.novaanalai.com/chakra_med...Perception.mp3
    http://www.novaanalai.com/chakra_med...ivineBliss.mp3
    http://www.novaanalai.com/chakra_med...nicMassage.mp3


    ดนตรีชุดนี้มีวิธีการใช้ดังนี้คือ
    1.ให้นอนท่า โยคะนิทรา คือนอนหงาย วางแขนไว้ข้างลำตัว เผยฝ่ามือขื้น
    วางฝ่ามือไว้ห่างลำตัวประมาณ 6 นื้ว ส่วนส้นเท้าก็ให้ห่างกันประมาณ 8 นิ้ว
    2.จัดกระดูกสันหลังให้ตรงกับแนวกระดูกคอ และกระโหลกศีรษะ อย่านอนคดหรือบิดเบ้ียวเป็นอันขาด
    เพราะท่านอนที่ตรง จะช่วยให้พลังงานเดินผ่านกระดูกไขสันหลังได้อย่างคล่องตัว ทำให้การรักษาโรคเป็นไปอย่างได้ผล
    3. เปิดดนตรีไว้ในตำแหน่งที่เครื่องเสียงจะสามารถส่งเสียงมากระทบฝ่าเท้าก่อนส่วนอื่นๆของร่างกาย
    4. หลับตา ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน
    5.กำหนดจิตไว้ที่จักระ ฐานที่ 1 คือปลายสุดของกระดูกก้นกบ

    ให้ฟังเสียงเพลงไปพร้อมกับจดจ่อ ณ จักระฐานที่ 1 ไปจนกว่าจะได้ยินเสียงกระดิ่งดัง-กิ๊ง
    แล้วจึงเลื่อนจุดวางจิตไปยังจักระฐานที่ 2 อันได้แก่กลางท้องน้อย ใต้สะดือประมาณ 2น้ิว

    จดจ่อ ณ จักระฐานที่ 2 ไปจนกว่าจะได้ยินเสียงกระดิ่งดัง-กิ๊ง แล้วจึงเลื่อนจุดวางจิตไปยังจักระฐานที่ 3

    ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ตามเสียงดนตรี จนกระทั่งถึงจักระฐานที่ 7คือกระหม่อม
    ให้จดจ่อ ณ จักระฐานที่ 7 ไปจนกว่าจะได้ยินเสียงกระดิ่งดัง-กิ๊ง
    แล้วให้ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งปวงเสมือนการปล่อยแสงสว่างอันเจิดจ้าออกทางกระหม่อม
    และปล่อยให้แสงนั้นสาดส่องไปทุกทิศทาง ปราศจากขีดจำกัด

    พี่นักเขียนใช้การรักษาโรควิธีนี้กับหลายๆคนมาแล้ว
    แต่ก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเล่าว่าผู้ป่วยแต่ละคนได้รับผลในทางบวกเช่นไร
    เพราะการทดลองปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น ที่จะพิสูจน์ความเป็นจริงได้ดีที่สุด

    พวกเราทดลองได้ผลอย่างไร นำมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ(rose)

    http://palungjit.org/showthrea...86527&page=350
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2012
  20. tangOAH

    tangOAH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,183
    ค่าพลัง:
    +5,528
    อยากป่าวประกาศว่าพี่ๆของเรา
    ใจดีกันจริงๆเล๊ยยยยยย.........
    เพื่อนๆเชื่อกันรึยังคะ
    รักพี่เดรด พี่ชยุต จังเลยค่ะ
    จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ

    :cool::cool:
     

แชร์หน้านี้

Loading...