วิเคราะห์เรื่องเด็กชายปลาบู่และภัยพิบัติ พ.ศ. 2555 - 2556

<table id="post5396231" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175">Premsuda (May)
สมาชิก



วันที่สมัคร: May 2009
สถานที่: กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ มหินทราอยุธยามหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธาณี
อายุ: 22
ข้อความ: 145
พลังการให้คะแนน: 162
กรณีเด็กชายปลาบู่ ชัดเจนแล้วว่าเขื่อนจะแตก 31 ธ.ค. 54 เลิกวิเคราะห์ได้แล้วค่ะ[/B]

 

จากสิ่งที่มีผู้ชี้จุดสังเกตพร้อมระบุเวลานาทีว่า
ในคลิปลุงทองใบบอกชัดเจนว่า "เขื่อนจะแตกช่วงปีที่..."
- 37 เหยียบเข้ามาในปี 38 (ลองฟัง นาทีที่ 5:15)
- 37 จะเข้า 38 (ลองฟัง นาทีที่ 11:41)
- ปีใหม่ที่จะถึงนี้ตอน 4ทุ่ม-เที่ยงคืน (ลองฟัง นาทีที่ 26:00)


หากเราดูจากคลิปจะพบว่า
คำว่า 37 เหยียบเข้ามาในปี 38 (ลองฟัง นาทีที่ 5:15)
และคำว่า 37 จะเข้า 38 (ลองฟัง นาทีที่ 11:41)
สองประโยคนี้คุณลุงท่านหมายถึงว่า
คุณลุงพยายามบอกเตือนอย่างนี้ พูดเรื่องนี้มา 37 ปีจะเข้า 38 ปีแล้ว
ไม่ใช่บอกว่า เหตุการณ์ภัยพิบัติจะเกิดในปีที่ 37 เข้าปีที่ 38

(ยังไงก็ช่วยกันดูและฟังหน่อยนะครับ ผมอาจจะตีความผิดก็ได้)

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=Sl8Vc1xpzcA&feature=player_embedded#"]????????????????????????????????? - YouTube[/ame]




แต่ถ้าอ้างอิงจากข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษร
ข้อมูลของเด็กชายปลาบู่ ผ่านคำบอกเล่าของคุณลุงทองใบ คำสี

ระบุว่า " แต่อีก 38 ปี (2555) จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก จะโดนทั้งไทย พม่า ฯลฯ
กรุงเทพฯจมดินจมน้ำ เขื่อนที่จังหวัดตากก็พัง
"ในเวลายามสองในคืนปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนาน
เกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย" (ยามสอง คือประมาณเวลา 22.00 –24.00 น.) "

สิ่งที่ผมอยากตั้งคำถามคือ อีก 38 ปี (2555)
มันเป็นต้นปี 2555 หรือปลายปี 2555
ถ้าเกิดต้นปี 2555 แสดงว่าเป็นคนละเหตุการณ์กับที่พระอาจารย์รัตน์เตือน
แต่ถ้าเป็นปลายปี 2555 ก็แสดงว่าเป็นเหตุการณ์เดียวกัน

ผมชี้ให้สังเกตตรงนี้เพื่อที่ว่าหากมีความคลาดเคลื่อนเราจะได้ไม่ไปโทษเด็กชายปลาบู่
เหมือนกับที่เราเคยตีความสิ่งที่เราเชื่อเรื่องพุทธทำนาย เกี่ยวกับการนับปีพุทธศักราชผิด

หากมีความคลาดเคลื่อนในคำเตือน
บางครั้งเราต้องมาพิจารณาตัวเองด้วยว่า เราเองหรือเปล่าที่เข้าใจผิด


ทั้งนี้ด้วยความเคารพครับไม่ได้ต้องการโต้เถียง
เพียงนำเสนอในมุมมองการวิเคราะห์

 

ผมข้อย้ำนะครับเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด
ผมไม่ได้มาฟันธงหรือตัดสินว่าภัยพิบัติจะเกิดวันไหน
ผมไ่ม่ได้ตัดประเด็นวันที่ 31 ธันวาคม 2554 - 1 มกราคม 2555 ทิ้ง

แต่เสนอมุมมองว่าให้ระมัดระวังความคลาดเคลื่อนจาก
1. คลาดเคลื่อนการตีความเรื่องวันเวลาผิดพลาด
2. คลาดเคลื่อนจากความจำของคุณลุง (ขออภัยคุณลุงด้วยครับ)
3. คลาดเคลื่อนจากการใช้คำพูดหรือการบอกเล่ากันต่อ ๆ มา


คำเตือนจากเด็กชายปลาบู่ คุณลุงเชียงใหม่ และพระอาจารย์รัตน์
คำเตือนเหล่านี้มีความคล้ายกัน จนเกิดเป็นคำถามว่า เป็นการเตือนถึงเหตุการณ์เดียวกันหรือไม่

ซึ่งคำตอบก็มีอยู่ 2 อย่างคือ
1. เป็นเหตุการณ์เดียวกัน
2. เป็นคนละเหตุการณ์กัน

เรามีสมมติฐาน 2 กรณี คือ
กรณีที่ 1 คือ ประมาณวันที่ 1 มกราคม พ.ศ.2555
กรณีที่ 2 คือ ประมาณวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2555
( 2 กรณีนี้มีความคลาดเคลื่อนห่างกันถึง 365 วัน)

ผมตั้งข้อสังเกตโดยไม่ได้ตัดคำตอบใดทิ้ง

อย่างไรก็ตามเราค่อนข้างเชื่อว่า
หลัง 21 ธันวาคม 2555 - 14 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นช่วงที่อาจมีภัยพิบัติใหญ่

แต่วันที่ 1 มกราคม 2555 อยู่อีกไม่ไกลจากเรา
ขอให้ทุกท่านอย่าประมาท เร่งรักษาศีล หรือเร่งบรรลุพระโสดาบันโดยเร็ว

 

มีเรื่องจะเล่าสู่ไว้สัก 1 เรื่อง ขอให้คิดเสมือนเพื่อนรักเล่าสู่กันฟัง


มีท่านหนึ่งมีความรู้ในเรื่องการเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า
ที่ผ่านมาก็เดาผิดบ้างถูกบ้าง แต่มักจะใช้เดากับเรื่องที่เป็นส่วนบุคคล
ไม่ใช่เรื่องสาธารณะอย่างเหตุการณ์ภัยพิบัติ
เดาถูกบ่อยครั้งกว่าเดาผิด

บังเอิญเมื่อตอนต้นปี 2554 มีคนใกล้ชิดถามเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติ
ท่านผู้นั้นได้ลองใช้ความรู้ด้านการเดาเหตุการณ์ล่วงหน้า
และได้เตือนว่าที่บ้านเขาคนนั้นจะประสบภัยน้ำท่วม และอาจต้องอพยพออกจากบ้านในเดือนพฤศจิกายน
ซึ่งเขาก็ไม่ได้เชื่อเรื่องภัยพิบัติ เพียงแต่ถามเพราะอยากรู้ไปอย่างนั้น
หลังจากนั้นเขาก็ลืมเรื่องที่เคยได้รับคำเตือน

ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้เชื่อการทำนายของท่านผู้นั้นเท่าไหร่
เพราะตอนนั้นกระแสเรื่องภัยพิบัติเตือนว่าเป็นเดือนเมษา - พฤษภา - มิถุนา

จนกระทั่งปรากฏว่าบังเอิญที่ผู้ที่ได้รับคำเตือนนั้นมีบ้านอยู่แถวฝั่งธนบุรี
และได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจนจำเป็นต้องอพยพออกมาจากบ้านเมื่อประมาณต้นเดือนพฤศจิกายนนี้
ผมจึงเพิ่งนึกได้ว่าเคยมีท่านผู้หนึ่งเดาไว้แบบนั้น

ท่านผู้นั้นได้ลองใช้ความรู้เท่าที่มีเดาถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ
และผมขออนุญาตนำมาเปิดเผยไว้เพื่อเป็นการเตือน
ขอได้โปรดทราบว่านี่เป็นการเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าของผู้ยังมีกิเลส
ไม่ใช่การทำนายแบบญาณหยั่งรู้ของผู้มีคุณวิเศษ

ท่านอาจจดบันทึกไว้เล่น ๆ เพื่อเก็บไว้ทดสอบสถิติว่ามีความถูกต้องเพียงใด
ผู้เขียนเห็นว่าท่านเดาสวนกระแส เพราะตอนนี้เชื่อว่า
พวกเรากำลังระมัดระวังและเตรียมพร้อมสำหรับวันที่ 31 ธันวาคมที่กำลังจะมาถึงนี้

ท่านเดาไว้ว่า....

วันที่ 31 ธันวาคม 2554 - 1 มกราคม 2555
ไม่ได้มีภัยพิบัติใหญ่รุนแรงอะไร (ในกรุงเทพ)

แต่ให้ระวังภัยพิบัติในช่วง ธันวาคม 2555 - กุมภาพันธ์ 2556
ควรเป็นช่วงเวลาแห่งการถือศีล จำศีล หลบภัย จะมีภัยรุนแรง

แต่ก่อนหน้านั้นคือในปี 2555 จะมีภัยน้ำท่วม
โดยให้ระวังในเดือน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม สิงหาคม
โดยเฉพาะเดือนสิงหาคมน่าจะมีความรุนแรงมากที่สุด

หลังจากนั้นในปี 2556 จะมีภัยเกี่ยวกับความอดอยาก เศรษฐกิจตกต่ำ
การชิงทรัพย์ ลักขโมยมีมาก ภัยธรรมชาตินั้นอาจมีภัยหนาวและมีหิมะตกในบางพื้นที่

ลองเทียบดูแล้วก็เห็นว่าคล้าย ๆ กับคำเตือนของคุณลุงเชียงใหม่ พระอาจารย์รัตน์ และหลวงปู่สรวง

เพียงแต่ว่าต่างจากคำเตือนของเด็กชายปลาบู่
ซึ่งเรื่องนี้ผมได้เคยวิเคราะห์ไว้แล้วว่า
อาจเป็นการคลาดเคลื่อนจากการตีความวันเวลาก็ได้
ถ้าคลาดเคลื่อนก็อย่าไปโทษเด็กชายปลาบู่

อย่างไรก็ตามไม่ประมาทไว้ดีที่สุด
ทุกท่านก็อย่าประมาทกับคืนวันที่ 31 ธันวาคมนี้นะครับ
ขอให้นำข้อมูลที่ได้รับมาวิเคราะห์ด้วยสัญชาตญาณและวิจารณญาณของตัวเอง


หากผิดพลาดขึ้นมาจะได้ไม่ต้องโทษใคร

 

<table id="post5399709" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175">DukeSonic
สมาชิก



วันที่สมัคร: Jun 2010
ข้อความ: 235
พลังการให้คะแนน: 59


</td> <td class="alt1" id="td_post_5399709" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"> คำทำนายนี้ได้เตือนล่วงหน้ามาตั้งแต่เดือนมิถุนาแล้วครับ ของอ.ปริญญา หลายคนอาจไม่ได้สังเกต

ดูนาทีที่ 7:16

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=k2zcVBqLeJ0&feature=related"]56วัน7ราตรี - โดย อ.ปริญญา ตันสกุล 5/5 - YouTube[/ame]

​

__________________
จะปิดทองหลังองค์พระปฎิมา
</td></tr></tbody></table>

 

<table id="post5399948" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 0px 1px 1px; border-style: solid none solid solid; border-color: rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255);"> วันนี้, 06:36 PM </td> <td class="thead" style="font-weight: normal; border-width: 1px 1px 1px 0px; border-style: solid solid solid none; border-color: rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) rgb(255, 255, 255) -moz-use-text-color;" align="right"> #74 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border-width: 0px 1px; border-style: none solid; border-color: -moz-use-text-color rgb(255, 255, 255);" width="175"> :::เพชร:::
สมาชิก



วันที่สมัคร: Jul 2006
อายุ: 46
ข้อความ: 8,092
พลังการให้คะแนน: 4059


</td> <td class="alt1" id="td_post_5399948" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);">
นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ
นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ : เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู / ภาพ ศูนย์ภาพเนชั่น

โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ใช้ทายกาลล่วงหน้าหรือดูการล่วงหน้า ใช้สำหรับพยากรณ์ผลกรรมของมนุษย์โดยอาศัยดวงดาวเป็นเครื่องพยากรณ์ แสดงเหตุและผลของดวงดาว ทำให้สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของวิถีทางของมนุษย์ และเหตุการณ์ของโลกทั่วๆ ไป ทั้งนี้ตามหลักพุทธศาสนา ตามที่แสดงไว้ในกัมมวิภังคสูตร ๑๔ ประการ คือ บางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนมีโรคน้อย บางคนมีโรคมาก บางคนมีผิวพรรณดีบางคนมีผิวพรรณทราม บางคนมีศักดามาก บางคนมีศักดาน้อย บางคนมีทรัพย์สมบัติมาก บางคนมีทรัพย์สมบัติน้อย บางคนมีตระกูลสูง บางคนมีตระกูลต่ำ บางคนมีปัญญามาก บางคนมีปัญญาน้อย

ในทางพระพุทธศาสนา ได้มีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์เรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ในเรื่องฤกษ์ยาม เพื่อจะได้รู้เวลาทำอุโบสถสังฆกรรม อันเป็นกิจในพระพุทธศาสนา จึงได้มีชื่อ วัน เดือน ปี และฤกษ์แสดงไว้ท้ายบอกวัตรพระเป็นประเพณีสืบต่อมา

ปัจจุบันมีพระสงฆ์ที่ขึ้นชื่อว่า “ดูหมอแม่น” หลายสิบรูป และหนึ่งในจำนวนนี้ คือ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมังกโร) หรือ เจ้าคุณพรหมฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งที่ผ่านมามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล แวะเวียนไปหาไม่เคยขาด

เจ้าคุณพรหม บอกว่า โหราศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์แห่งความหลุดพ้น พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หรือ “โลกิยวิชา” ด้วยซ้ำ เพียงแต่สามารถเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์บรรเทาทุกข์ในระดับโลกิยชน ที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้ เพียงแต่ไม่ควรเชื่ออย่างงมงายเท่านั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุดก็คือ การประพฤติธรรม ทุกศาสตร์มีประโยชน์ ผู้ที่ฉลาดหรือผู้ที่มีปัญญาต้องรู้จักนำความรู้จากโหราศาสตร์มาใช้ให้เป็น ประโยชน์ เหมือนการพยากรณ์อากาศ เขาไม่ได้พยากรณ์ให้ฟังแค่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่นที่นี่ แต่ต้องการให้คนฟังวางแผนล่วงหน้า

โหราศาสตร์ดาราศาสตร์เป็นเรื่องของหลักสถิติที่มีการบันทึกกันมาอย่างต่อ เนื่อง ในอดีตเราใช้ดวงดาวในการคำนวณเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกวันนี้แม้ว่าเราจะมีดาวเทียมในการพยากรณ์อากาศ แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงใช้ได้อยู่ ไม่ว่าศาสตร์อะไร ถ้าเราใช้เป็นย่อมเกิดประโยชน์การที่เรารู้เรื่องโหราศาสตร์เรารู้เอาไว้ เพื่อที่จะป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ถ้าใช้ไม่เป็นย่อมเกิดโทษ ถ้าบอกว่าดวงไม่ดี แล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ คงไม่ใช่ ยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง

ทั้งนี้ เจ้าคุณพรหมจะเน้นย้ำเสมอๆ ว่า อย่ามงาย เชื่อสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย คนหวังปกติสุขก็ต้องทำความดีเป็นปกติ โหราศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์สื่อชี้ให้เห็นแนวทางกว้างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเตรียมตัวรับกับสถานการณ์นั้น ด้วยความไม่ประมาท เช่น มีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่ากรุงเทพฯ น้ำจะท่วมมาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๔ หากเราหาวิธีป้องกันแต่เนิ่นๆ ความเสียหายคงไม่มากอย่างที่เป็นอยู่ อย่างที่วัดได้หากระสอบทรายมาทำแนวป้องกันตั้งแต่น้ำเข้าอยุธยา รัฐบาลชุดนี้ในช่วงเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ สนใจแต่เรื่องอื่นไม่ได้สนใจเรื่องภัยธรรมชาติเท่าที่ควร คิดว่าการบริหารงานตามปกติจะเอาอยู่แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่เพราะน้ำมา มากกว่าปกติ

อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้ศึกษาด้านโหราศาสตร์ ในปี ๒๕๕๔ นี้ เป็นเพียงแค่การทดสอบ ความเสียหายที่ปรากฏยังถือว่าไม่มาก เมื่อเปรียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๕ ซึ่งจะหนักว่าปีนี้ทุกด้าน ไม่เฉพาะเรื่องธรรมชาติเพียงอย่างเดียว เรื่องเหตุบ้านการเมืองก็สาหัสไม่แพ้ พ.ศ.๒๕๕๔ โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๔ กับ พ.ศ.๒๕๕๕ ก็ต้องระวังในเรื่องความแตกแยกทางความคิด

"ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๕ จะมีปัญญาหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมความวุ่นวายของประเทศชาติจะไม่ ธรรมดาหนักและร้ายแรงยิ่งกว่าเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลางปีนองเลือดพอปลายปีน้ำก็นอง และจะอยู่ต่อเนื่องไปอีก ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ.๒๕๕๗ เมื่อขึ้น พ.ศ.๒๕๕๘ บ้านเมืองจะสงบสุข เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง" เจ้าคุณพรหมกล่าว

เมื่อถามถึง "รัฐบาลนี้จะอยู่ครบวาระหรือไม่?" เจ้าคุณพรหม ตอบว่า “ถ้าดวงอย่างนี้แล้ว บวกกับขาดความสามัคคี ไม่ประสานประโยชน์ต่อกันให้ดี ต่างคนต่างจะเอาปะโยชน์ใส่ตัว ไม่ตกลงกันให้ดี ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็เกิดขึ้นง่าย อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะเรารักชาติ รักศาสนา รวมทั้งรักสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ปาก ไม่ได้รักเพราะจิตสำนึกของความเป็นคนไทย”


ยุติทุกปัญหาด้วยธรรม


“ความแม่นยำเป็นสิ่งที่หมอดูปรารถนามากที่สุด แต่คราวนี้อาตมาได้แต่สวดมนต์ภาวนาขออย่าให้เป็นตามที่ดูไว้เลย” นี้เป็นคำยืนยันของเจ้าคุณพรหม

พร้อมกันนี้ เจ้าคุณพรหมแนะนำว่า เมื่อเรารู้ว่าในอนาคตอาจจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ และทุกอย่างที่พยากรณ์ไว้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเราตั้งตัวอยู่บนความไม่ประมาท เอาหลักของพระพุทธเจ้ามาใช้ มีหลักปฏิบัติเพื่อป้องกัน คือ ทาน ศีล และภาวนา

ทาน แปลว่า การให้, การแบ่งปัน, การเสียสละ, การเอื้อเฟื้อ หมายถึงการให้ทานด้วยจิตใจที่ดี งาม การคลายความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ความโลภในจิตใจมนุษย์ ส่งผลให้เกิดความ ใส สว่าง สะอาดของจิตใจขึ้นมา

ศีล เป็นข้อปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานในทางพระพุทธศาสนา คือทำให้กาย วาจา ใจ สงบไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เพื่อควบคุมความประพฤติทางกายและวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงามมีความปกติสุข เพื่อประโยชน์ขั้นพื้นฐานคือความสุขและไม่มีการเบียดเบียนกันในสังคม

ภาวนา แปลว่า การเจริญ การอบรม การทำให้มีให้เป็นขึ้น หมายถึง การทำจิตใจให้สงบและทำปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่ท่านกำหนดไว้ ซึ่งเรียกชื่อไปต่างๆ เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตภาวนา

“ความไม่สงบไม่ว่าจะที่หนใดในโลกมีอยู่ตลอดเวลา ถ้าพวกเราลดความเห็นแก่ตัวลงมา มีความพอเพียง ไม่ให้แก่ตัวเกินไป นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง ยึดพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมานฉันท์ ประนีประนอม ปัญหาย่อมไม่เกิดขึ้น เรามีปัญญาชนจำนวนมาก แต่เป็นมิจฉาปัญญา ปัญญาดิบที่ขาดสติ ทุกวันนี้สถาบันการศึกษามุ่งเน้นแต่จะสอนวิชาชีพโดยละทิ้งวิชาชีวิต” เจ้าคุณพรหมกล่าวทิ้งท้าย
</td></tr></tbody></table>

 

การนับยามแบบไทยเขานับตอนกลางคืน
ยามต้นหรือยามหนึ่ง 6โมงเย็น-3ทุ่ม
ยามสอง 3ทุ่ม-เที่ยงคืน
ยามสาม เที่ยงคืน-ตี3
ยามสี่ ตี3-6โมงเช้า

หลักการนับวันใหม่ของไทยที่ไม่ใช่แบบเวลาสากล เขาจะนับตอนพระอาทิตย์ขึ้น(ประมาณ6โมงเช้า)จึงนับเป็นวันใหม่ แต่ของเวลาสากลเขาจะนับหลังเที่ยงคืน(24.00 น.)ถือเป็นวันใหม่ ที่ปลาบู่ระบุแสดงว่าให้นับยามแบบไทย ถ้าเหตุการณ์เกิดเที่ยงคืน 31 ธค 54 ก็ยังเป็นแค่ 37 ปีเอง ยังไม่เข้า 38ปี จะเข้า 38 ปีต้อง ประมาณ6โมงเช้าวันที่1 มค 55 ก่อน แต่ถ้าเหตุการณ์ เกิด 31 ธค 55 เที่ยงคืนก็ยังอยู่ใน 38 ปี จะขึ้นปีที่ 39 ตอน 6 โมงเช้า วันที่ 1มค 56 นะครับ ดังนั้นน่าจะเป็นกรณีหลังมากที่สุด จึงน่าจะเป็นไปในแบบของคุณ karan20 คือ
31ธค 55 ครับ

 

ลุงทองใบ บอกชัดเจนว่า ก็ระวังเอา มีเวลาสามสี่เดือนกว่าจะถึงปีใหม่นี้ คืนปีใหม่ที่จะถึงนี้ สี่ทุ่มถึงเที่ยงคืน ให้หนีภัยภายในเวลาก่อนจะถึงยามสอง สี่ทุ่ม เป็นผมเผ่นก่อนล่วงหน้าหลายวัน (ถ้าไม่ห่วงทางบ้านนะ) คืนฉลองปีใหม่ คนไทยฉลองกันสนุกสนานเมาเหล้ากัน เห็นจะเป็นปีใหม่สากลเท่านั้น ปีใหม่ไทยสงกรานต์ไม่ฉลองกันมากมาย ไม่ฉลองดึกดื่นยันเช้า ปากน้ำสมุทรปราการ ป้อมพระจุล ให้ทำประตูเขื่อนเปิดปิดน้ำ ทำท่อใหญ่จากเขื่อนเจ้าพระยาออกทะเล

 

ช่วงนี้แผ่นดินไหวบ่อยมาก ๆ
โดยเฉพาะแผ่นแปซิฟิก (แผ่นใหญ่สุด มีน้ำอยู่เกินครึ่งโลก)

แถว เอเชียอาคเนย์นี่ก็ไหวถี่ ๆ ขึ้น
ชักเข้าเค้าพอควร

 

เรามักพุ่งความระมัดระวังไปที่น<wbr>้ำท่วม
เนื่องจากคือภัยที่เรากำลังประส<wbr>บอยู่ในปัจจุบันคือปี พ.ศ. 2554
แต่อันที่จริงการเดินทางของน้ำน<wbr>ั้นใช้เวลา
ยิ่งห่างออกมาน้ำก็จะใช้เวลาเดิ<wbr>นทางมากขึ้น อาจเป็นเวลาหลายชั่วโมงหรือหลาย<wbr>วัน
สำหรับคนที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว<wbr> น่าจะมีเวลาในการหลบหลีกหรือป้อ<wbr>งกัน
...
ปัญหาคือแผ่นดินไหว มันรวดเร็วมาก
บ้านและตึกอาจพังถล่มใส่เราภายใ<wbr>นช่วงเวลาไม่กี่วินาที

แผ่นดินไหวรุนแรงขนาดไหน ?
เด็กชายปลาบู่ถามว่า....
" รถไฟลอยฟ้ามันเหาะได้มั้ยพ่อ?" " รถไฟใต้ดินมันมุดน้ำได้มั้ยพ่อ?<wbr>"

 

<table id="post5264836" class="tborder" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px"> 21-10-2011, 05:12 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #100 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> ฮั้วโต๋
สมาชิก

วันที่สมัคร: Nov 2009
สถานที่: เชียงใหม่
ข้อความ: 460
พลังการให้คะแนน: 124


</td> <td class="alt1" id="td_post_5264836" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
<table width="100%" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sitmatrix
เชื่อ ว่า หลายๆคน น่าจะเชื่อในเรื่องภัยพิบัติกันขึ้นมา หลังจากมันไม่เกิดใน ช่วงเดือน พ.ค เชื่อว่าต้องมีคนกลับใจ กันบ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะเยอะกว่าเดิมหรือปล่าว ?

ก็ อดทนรอ วันฟ้าใส กว่าที่จะได้พบวันนั้น วันที่เรารอคอย เพื่อไปนิพพาน ซึ่ง เขากำหนดมาแล้วว่า จะมีอะไรต่อไป เราก็ทำได้แต่เพียง แนะนำคนอื่นๆ ให้เปลี่ยนจิต เพื่อลดระดับการ
เกิดภัยพิบัติ การแผ่เมตตา ที่ต้องช่วยๆกันทำทุกวัน

ข่าว ดี ม.ค นี้ ไม่ทราบเหมือนกันว่า จะมี อะไร ดีๆ ที่จะปรากฏตัว ดร.อาจจอง กับ อ.อุบล บ้านสวน ท่านพูดถึงในวันเข้าค่ายบ้านสวนพีระมิด ค่าย10 แต่ทั้งสองท่านก็ไม่ยอมบอก อยากรู้จริงๆว่า 14 ม.ค 55 จะมีอะไร ?
</td> </tr> </tbody></table>
ข่าว ดี คือ ได้คนที่หันมารักษาศีลเพิ่มขึ้น เพราะเห็นทุกข์ก็เห็นธรรมแต่ ข่าวที่ต้องเตรียมพร้อม คือไม่ประมาทในเรื่องน้ำมามากอีกรอบ คราวนี้ไม่พ้นอพยพขึ้นเหนือ 2 เชียงแน่ๆ เพราะมวลน้ำเท่ากับน้ำในเขื่อนที่ จ. ตาก ที่ไหลก้อนใหญ่ตูมเดียว มากลางคืนหลังเที่ยงคืนแล้ว ในวันนั้นฮั้วโต๋จะสวดมนต์ที่บ้าน ไม่ไปธรรมะสัญจรสักที่เดียว ก่อนเกิดเหตุการณ์ล่วงหน้า 1 สัปดาห์
เจริญในธรรม มีพระพุทธเจ้าในจิตให้มาก ๆ


อ้างอิง

</td></tr></tbody></table>

 

ให้กำลังใจท่านkaran20เสมอครับและจะติดตามอ่านอีกนะครับ ท่านอย่าท้อในการทำความดีนะครับ<TABLE id=post5423083 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid" class=thead> วันนี้, 12:49 PM </TD><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=thead align=right> #93 </TD></TR><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->karan20<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5423083", true); </SCRIPT>
สมาชิก


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เว็บนี้มีคนจิตเป็นสาธารณะมากมาย...หากวันใดที่เรารอดผมอยากอยู่กับบุคคลในนี้มากที่สุดในทางธรรม...แต่ถ้าการใช้ชีวิตแบบพอเพียงต้องยกให้ชุมชนสันติอโศก เขาเตรียมการมานาน ผมขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน

สัพภิเรวะ สะมาเสถะ สัพภิ กุพเพถะ สันถะวัง ควรนั่งร่วมและทำความสนิทสนมกับคนดี

 

ชุมชนสันติอโศกเขามีการขายสินค้าราคาถูก ผลผลิตพืชผลทางการเกษตร บางอย่างเอามาแปรรูปทำยาสระผม น้ำยาล้างจาน น้ำหมักชีวภาพ ขายในราคาเยา การใช้ชีวิตของพวกเขาเรียบง่าย แต่งกายเรียบง่าย เป็นตัวอย่างความพอเพียง ถือคุณธรรมเป็นสิ่งดำเนินชีวิต

 

ผมก็ตีความได้เช่นนี้เหมือนกัน จะโพสต์ตั้งแต่แรก .. แต่ก็ไม่ได้โพสต์

 

ใครจะมาเชียงใหม่ ปรึกษาผมได้นะคับ

ส่วนตัวหลบไปหลังดอยอินทนนท์ บ้านเกิด อำเภอแม่แจ่ม ที่ลาบลุ่มในหมู่เขา น้ำไม่น่าจะท่วมแน่ๆ

แต่มาเสี่ยงกับแผ่นดินไหว

 

8.38 น.แผ่นดินไหวบนบก 3.3 R ในพม่า ห่างจากอ.ฝางจ.เชียงใหม่ 80 กม.ไม่กระทบไทย ข่าวจาก SpringNews ว่าจะลืมๆแล้วน่ะ แต่เขาก็เตือนมาเรื่อยๆไม่ประมาทครับ

 

อ่านแล้วน่ากลัวมาก ๆ แล้วเราจะไปอยู่ที่ไหนปลอดภัยสุดน่ะคะ ตอนนี้อยู่สมุทรปราการด้วยติดทะเลเลย มิน่าหล่ะ ครูบาอาจารย์ถึงได้เร่งให้พวกเราสวดมนต์ภาวนาแบบติวเข้มเลย ใครที่ยังไม่เริ่มก็รีบเลยนะคะ พุทโธอัปมาโณค่ะ
เหตุการณ์น่าจะเกิดช่วงต้น ๆ ปีนี้แหละค่ะ ยังไงก็เตรียมตัวเก็บของหาที่หาทางกันให้ดี ๆ ขอให้ทุกท่านปลอดภัยค่ะ:VO