ข้อมูลเตรียมพรัอมรับมือสถานการณ์ภัยน้ำท่วม

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย tanakorn_ss, 7 ตุลาคม 2011.

  1. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    เครื่องสูบน้ำอย่างง่าย
    เหมาะสำหรับนักประดิษฐ์มือใหม่




    ของเล่นวิทยาศาสตร์-เครื่องสูบน้ำอย่างง่าย ในคลังความรู้

    วัสดุที่ใช้

    1. ท่อ PVC ขนาด ครึ่งนิ้ว ยาว 45 ซม. 1 อัน
    2. ข้อต่อแบบ 3 ทาง 1 อัน
    3. ข้อต่อแบบ งอ 90O 1 อัน
    4. ฝาครอบท่อ PVC ขนาด ครึ่งนิ้ว 1 อัน
    5. ท่อ PVC ขนาด ¾ นิ้ว ยาว 10 ซม. 1 อัน
    6. ลิ้นสูบ 1 ชุด
    7. ลวดไม้แขวนเสื้อ ยาว 60 ซม. 1 เส้น
    8. ลวดไม้ไหว ยาว 50 ซม. 1 เส้น
    9. ขวดน้ำดื่มแบบขวดขุ่น 1 ขวด

    อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้

    1. กรรไกร
    2. วงเวียน
    3. ดินสอ
    4. เศษเสาอากาศโทรทัศน์แบบชัก ตัวเล็กสุด
    5. คีมปากแหลม
    6. คีมตัด
    7. ใบเลื่อยตัดเหล็ก
    8. ค้อน

    วิธีสร้าง

    1. สร้างลูกสูบและคันชัก 1 ชุด โดยใช้พลาสติกจากขวดน้ำดี่มแทนหนังเข็มขัดลูกเสือ ให้คันชักยาว 60 ซม.
    2. เจาะที่ปลายข้างหนึ่งของท่อที่ยาว 45 ซม. ใส่ลวดเหมือนที่กันลูกแก้ว
    3. สวมข้องอ90O ที่ปลายท่อด้านที่ใส่ลวด
    4. สวมลิ้นที่อีกข้างหนึ่งของข้องอ 90O โดยให้หัวลูกศรเข้าหาข้องอ
    5. อีกด้านหนึ่งของท่อยาว ใส่ลูกสูบและคันชักลงไป
    6. สวมข้อต่อ สามทาง ลงไป
    7. เจาะที่กึ่งกลางของฝาท่อ ด้วยแกนเสาอากาศขนาดเล็ก แล้วปิดที่สามทางโดยให้คันชักโผล่ออกมา
    8. ทดลองสูบน้ำ

    ขอขอบพระคุณอาจารย์บรรจง จิตรประเวศน์ ที่ร่วมแบ่งปันความรู้ครับ


    credit ผู้แบ่งปัน; คุณ : เฮียตี่ตี๋ PANTIP.COM ������ҡ� : �Է����ʵ�� ��Ե��ʵ�� ���ǡ������෤����� ������ʵ��

    คุยเฟื่องเรื่องภัยพิบัติ
     
  2. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    หลวงปู่สรวงบอกกล่าวเรื่องภัยพิบัติน้ำท่วมปี ๒๕๕๕ เริ่มเป็นจริงแล้ว ปีนี้เลยเจอน้ำท่วมก่อนเลย ผมไปพัทยา ชลบุรี เห็นคนกรุงเทพฯขับรถหนีน้ำกันมาหลายคัน รถติดตามแยกต่างๆ คนเยอะมาก อดทนไว้นะครับ บางท่านได้รับผลกระทบมากน้อยต่างกันไป ยังไงก็อย่าเครียดมาก
     
  3. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747

    [​IMG]




    [​IMG]




    [​IMG]

    ขออนุญาติเล่าต่อนะครับ ก่อนที่จะมีโอกาสได้ไปร่วมงานบุญกฐินพระราชทาน ได้ไปทำบุญถวายภัตตาหารแด่พระธุดงค์รูปหนึ่ง ซึ่งท่านได้ธุดงค์อยู่ป่าเป็นวัตร อยู่ในเขตป่าเขาลึกมากติดชายแดนกัมพูชา ตรงที่ท่านพำนักอยู่นั้นเป็นกระท่อมมุงด้วยหญ้าคาซึ่งก็ดูทรุดโทรมมากยังไม่ได้การซ่อม ซึ่งตรงนั้นเป็นทางน้ำป่าไหลผ่านซึ่งบริเวณนั้นก็มีต้นไม้เล็กเต็มไปหมด การเดินทางลำบากมากห่างจากหมู่บ้านไปประมาณ 5-8 กิโลเมตร และต้องเดินลงเขาไปประมาณ 1 กิโลเมตร สถานที่สงบ สงัดเงียบมาก ช่วงที่จะมีพระภิกษุสามเณรมาจำวัตรอยู่ด้วยเนื่องจากมีความสนใจในการปฏิบัติธรรม กับพระอาจารย์ท่านมาก พอไปถึงที่ตรงนั้นก็เดินสังเกตุบริเวณโดยรอบ เป็นสถานที่สงบ สงัดเงียบจริงๆ แต่แฝงไปด้วยอันตรายจากสิ่งที่ไม่คาดคิดมากมายหลายประการ เพราะอยู่ในเขตป่าเขาลึกมากๆ ซึ่งพิจารณาแล้วถ้าไม่ได้รับการฝึกสมาธิ จิตที่ดีพอ กำลังใจดีพอ จะอยู่ไม่ได้เลย และสิ่งน่าแปลกอีกอย่างคือ กระท่อมที่ท่านอยู่ันั้นเป็นสถานที่น้ำป่าไหล่ผ่าน ซึ่งถ้าหน้าฝนแล้วคงจะมีน้ำปริมาณมากไหลผ่านและอาจส่งผลกระทบไม่มากก็น้อย แต่ดูรอบๆโดยละเอียด เป็นปกติ และที่น่าแปลกอีกอย่างคือ กระท่อมที่ท่านอยู่นั้นมุงด้วยหญ้า ซึ่งนั้นเป็นสถานที่โล่งมีแต่ต้นไม้เล็กไม่มีต้นไม้ใหญ่บังเลย ถ้ามีลมมาแรงนี้ก็คงไม่อยู่ แต่เท่าที่ดูหญ้าคาที่มุงนั้นไม่มีอะไรหลุด เสียหาย ปลิวแต่อย่างใด มีเพียงแต่สภาพที่สุดโทรมโดยไม่มีการเคลื่อนย้าย และได้มีโอกาศสนทนาธรรมกับท่านหลายๆอย่างก็ทำให้ได้คิดว่า ท่านเป็นพระที่เราควรจะทำบุญ และกราบไหว้บูชาอย่างยิ่ง

    การสนทนา

    ผู้ถาม:นมัสการพระคุณเจ้าที่เคารพครับ ด้วยความสงสัยกระท่อมที่ท่านจำวัตรอยู่ตรงนี้เคยมีลมแรงๆเข้ามาหรือไม่ครับ

    พระอาจารย์: ก็มีนะโยม อาตมาสังเกตุลมบางครั้งก็แรงมากนะ แต่พอจะมาถึงกระท่อมอาตมา มันกลับเบาหรือไม่ก็เปลี่ยนทิศทาง ก็แปลกดีนะ

    ผู้ถาม:สาธุครับ พระอาจารย์ครับการที่พระอาจารย์อยู่ป่าเขาลึกๆแบบนี้ไม่กลัวหรือครับ

    พระอาจารย์: จะกลัวมันทำไมหล่ะโยม ความกลัวเป็นเหตุแห่งทุกข์

    ผู้ถาม: สาธุครับ พระอาจารย์ครับแล้ว ท่านอยู่ในป่าหนังสือธรรมมะก็ไม่มี ครูบาอาจารย์ก็ไม่มี สื่อธรรมต่างๆก็ไม่มี พระอาจารย์เรียนรู้และศึกษาจากใหนหรือครับ

    พระอาจารย์: ก็ศึกษาจากธรรมชาติรอบๆตัวเรามีเยอะแยะ จะให้ไปหาที่ใหน ธรรมะคือธรรมชาติ ธรรมชาติของสรรพสิ่งทั้งหลายล้วนมีเกิดดับเป็นธรรมดา

    ผู้ถาม: สาธุ สาธุ อนุโมทนาครับ พระอาจารย์ครับ อยู่ในป่าแบบนี้เรืองไข้ป่าน่าจะหนีไม่พ้นนะครับ ถ้าเป็นแล้วก็หนักไม่น้อย ท่านเคยเป็นใหมครับ

    พระอาจารย์:อาตมาเคยเป็นนะโยม ช่วงแรกๆที่มาอยู่ใหม่ๆ คิดว่าคงไม่รอดแล้วไอ้ประเภทไข้ป่านี้ ถ้าใครเป็นถึงตายก็เป็นได้นะ แต่ว่าอาตมานี้เป็นก็เอาหนักเหมือนกันคิดว่าไม่รอดแน่เลยๆ อาตมาก็พิจารณาว่าความเจ็บไข้นี้มันเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง เดินก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ไปหมด ทุกข์แบบนี้มันเป็นกิเลสนี้ เราจะยอมแพ้ให้กับมันหรอ ถือว่าตายเป็นตาย ไม่กลัวตาย จะสู้กับไอ้โรคนี้ให้ได้ อาตมาก็เลยพิจารณาถึงหลักธรรม คิริมานนท์สูตร ถึงทำให้รอดพ้น และสามารถอยู่ในป่านี้ได้มาถึงทุกวันนี้โดยไม่มีอะไรลังเลสังสัยเลย

    และอาตมาก็เคยอธิษฐานไม่ฉันข้าวเป็นเวลา 7 วัน ก็มีใครไม่รู้มาลองใจอาตมานำโดยพระสงฆ์และสามเณรและโยมกลุ่มหนึ่ง ช่วงวันสุดท้ายของการอธิษฐานนำภัตตาหารมาถวาย คะยั้นคะยอให้ฉันให้ได้ แต่อาตมาไม่ยอม แต่ว่า ก็อยู่ได้นะโยม

    ผู้ถาม:สาธุครับ พระอาจารย์ครับหลักการนั่งสมถกรรมฐานนี้พระอาจารย์ปฏิบัติอย่างไรบ้างครับเผื่อผมจะได้นำไปปฏิบัติได้บ้าง

    พระอาจารย์: ถึงขนาดนี้อาตมาก็ขอเล่าความจริงที่ปฏิบัติแล้วกัน จริงๆแล้วอาตมาเคยปฏิบัติในเรื่องกสินมาก่อน อาตมาจะปฏิบัติในเรื่องของกสินดิน
    และกสินไฟเคยนั่งเพ่งดวงอาทิตย์ ประมาณหนึ่งวัน ถึงสามวัน ก็ไม่เป็นไรนะก็แปลกดี

    ผู้ถาม:สาธุครับ แล้วด้านวิปัสสนาครับพระอาจารย์พิจารณาอย่างไรบ้าง

    พระอาจารย์: ก็พิจาณากำหนดลมหายใจเข้าออกให้นึกถึงความตายตลอด
    การปฏิบัตินะถ้าจะทำให้เอาตามความที่เราชอบหรือที่ถูกจริตของเราจะดีที่สุด


    ผู้ถาม:สาธุครับ พระอาจารย์รู้จักหลวงปู่สรวงใหมครับ

    พระอาจารย์: รู้จักโยมและก็สมัยที่ธุดงค๊อยู่ป่าใหม่ๆ ก็ได้มีโอกาศไปพบท่านตอนที่ท่านอยู่ ช่วงนั้นท่านไม่ค่อยสบาย ญาติโยม และเจ้าหน้าทีพยายามกันไม่ให้เข้าพบเด็ดขาด แต่ด้วยความศรัทธาท่านและพิจารณาว่าท่านไม่ธรรมดาแน่ๆก็เลยดื้อไม่ยอมจะฝ่าด่านเข้าไปหาท่านให้ได้ ก็เลยทำสำเร็จได้ไปพบท่านกราบท่านแล้วก็ไม่ถามอะไรท่านมากเพราะท่านไม่สบายอยู่ มีคำถามเพียงสั้นๆที่อยู๋ในว่า หลวงปู่ครับ สิ่งที่ลูกปฏิบัตินี้มาถูกทางใหม อย่างไร ซึ่งคิดว่าหลวงปู่ท่านก็ทราบอยู่ก่อนแล้วว่าเราจะถามอะไร

    จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ตอบสั้นๆว่า มาถูกทางแล้ว ให้ทำต่อไป เพียงแค่นั้น อาตมาก็ไปเลย และไม่ลังเลสงสัยในสิ่งที่ปฏิบัติทำอยู่ ก็เลยมาธุดงค์อยู๋ในป่าเป็นวัตร

    ผู้ถาม: สาธุอนุโมทนาบุญ ครับพระอาจารย์

    จากนั้นก็ไม่ได้ถามอะไรท่านมากเกรงว่าจะรบเวลาพักของท่านก็เลยถือโอกาสกราบลาท่านกลับบ้าน

    ขอขมาพระรัตนตรัย



    นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (ว่า 3 จบ)

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต อุกาสะ ทวารัตตะเยนะ กะตัง

    สัพพัง อะปะราธัง ขะมะถะ เม ภันเต้ อุกาสะ ขะมามิ ภันเตฯ

    หากข้าพระพุทธเจ้า ได้เคยประมาทพลาดพลั้งล่วงเกินต่อพระรัตนตรัย อันมีพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม และพระอริยสงฆ์ทั้งหลาย ในชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก้อดี ด้วยกายก็ดี วาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ด้วยเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี
    ขอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ พระธรรม พระอริยสงฆ์ทั้งหลาย และผู้มีพระคุณทุกท่าน ได้โปรดอดโทษให้แก่ข้าพระพุทธเจ้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพานด้วยเทอญ .


    [​IMG] [​IMG][​IMG]

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2012
  4. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
  5. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    <table id="post" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">
    [​IMG]
    [FONT=&quot]
    [/FONT]
    ใบไม้ในกำมือ
    เรียบเรียงจาก "พระอานนท์พุทธอนุชา"
    วศิน อินทสระ

    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ศีล [/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]สมาธิ ปัญญา[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ศีลเป็นพื้นฐาน เป็นที่รองรับคุณอันยิ่งใหญ่ ประหนึ่งแผ่นดินเป็นที่รองรับและตั้งลงแห่งสิ่งทั้งหลายทั้งที่มีชีพ และหาชีพมิได้ เป็นต้นว่า พฤกษาลดาวัลย์ มหาสิงขร และสัตว์จตุบททวิบาท นานาชนิด [/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]บุคคลผู้มีศีลเป็นพื้นใจย่อมอยู่สบาย มีความปลอดโปร่ง เหมือนเรือนที่มีบุคคลปัดกวาด เช็ดถูเรียบร้อย ปราศจากเรือดและฝุ่นเป็นที่รบกวน[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ศีลนี้เองเป็นพื้นฐานให้เกิดสมาธิ คือ ความสงบใจ สมาธิที่มีศีลเป็นเบื้องต้นเป็นพื้นฐาน เป็นสมาธิที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก

    บุคคลผู้มีสมาธิย่อมอยู่อย่างสงบ เหมือนเรือนที่มีฝาผนัง มีประตูหน้าต่างปิดเปิดได้เรียบร้อย มีหลังคาสำหรับป้องกันลม แดด และฝน ผู้อยู่ในเรือนเช่นนี้ฝนตกก็ไม่เปียก

    แดดออกก็ไม่ร้อนฉันใด บุคคลผู้มีจิตเป็นสมาธิดีก็ฉันนั้น ย่อมสงบอยู่ได้ไม่กระวนกระวาย
    [/FONT]
    [FONT=courier new,courier,monospace] เมื่อ ลม แดด และฝน กล่าวคือ โลกธรรม แผดเผากระพือพัดซัดสาดเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า สมาธิอย่างนี้ย่อมก่อให้เกิดปัญญาในการฟาดฟันย่ำยีและเชือดเฉือนกิเลสอาสวะ ต่าง ๆ ให้เบาบางและหมดสิ้นไป เหมือนบุคคลผู้มีกำลังจับศาสตราอันคมกริบแล้วถางป่าให้โล่งเตียนก็ปานกัน[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ปัญญาซึ่งมีสมาธิเป็นรากฐานนั้นย่อมปรากฏดุจไฟดวงใหญ่กำจัดความมืดให้ ปลาสนาการ มีแสงสว่างรุ่งเรืองอำไพ ขับฝุ่นละออง คือกิเลสให้ปลิวหาย ปัญญาจึงเป็นประดุจประทีปแห่งดวงใจ"[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]"อัน ว่าจิตนี้เป็นธรรมชาติที่ผ่องใสอยู่โดยปกติ แต่เศร้าหมองไปเพราะคลุกเคล้าด้วยกิเลสนานาชนิด ศีล สมาธิ และปัญญา เป็นเครื่องฟอกจิตใจให้ขาวสะอาดดังเดิม จิตที่ฟอกแล้วด้วยศีล สมาธิ และปัญญา ย่อมหลุดพ้นจากอาสวะทั้งปวง"[/FONT]

    [FONT=courier new,courier,monospace]"ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากอาสวะ ย่อมพบกับปีติปราโมทย์อันใหญ่หลวง รู้สึกตนว่าได้พบขุมทรัพย์มหึมา หาอะไรเปรียบมิได้ เอิบอาบซาบซ่านด้วยธรรม ตนของตนเองนั่นแลเป็นผู้รู้ว่า บัดนี้ กิเลสานุสัยต่าง ๆ ได้สิ้นไปแล้ว ภพใหม่ไม่มีอีกแล้ว เหมือนบุคคลผู้ตัดแขนขาด ย่อมรู้ด้วยตนเองว่า บัดนี้แขนของตนได้ขาดแล้ว"[/FONT]


    [FONT=&quot]
    [/FONT] [FONT=&quot]ความทุกข์และเหตุแห่งทุกข์[/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ดูกรภิกษุทั้งหลาย! ความทุกข์ทั้งมวลมีมูลรากมาจากตัณหา อุปาทาน[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ความทะยานอยากดิ้นรน และความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราเป็นของเรา[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]รวมถึงความเพลินใจในอารมณ์ต่าง ๆ สิ่งที่เข้าไปเกาะเกี่ยวยึดถือไว้โดยความเป็นตน เป็นของตน[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ที่ไม่ก่อทุกข์ก่อโทษให้นั้นเป็นไม่มี หาไม่ได้ในโลกนี้[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เมื่อใดบุคคลมาเห็นสักแต่ว่าได้เห็น ฟังสักแต่ว่าได้ฟัง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]รู้ สักแต่ว่าได้รู้ เข้าไปเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ[/FONT][FONT=&quot] เพียงสักว่า ๆ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ไม่หลงใหลพัวพันมัวเมา เมื่อนั้นจิตก็จะว่างจากความยึดถือต่าง ๆ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ปลอดโปร่งแจ่มใสเบิกบานอยู่[/FONT][FONT=&quot]

    [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอจงมองดูโลกนี้โดยความเป็นของว่างเปล่า[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]มีสติอยู่ทุกเมื่อ ถอนอัตตานุทิฏฐิ คือ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ความยึดมั่นถือมั่นเรื่องตัวตนเสีย ด้วยประการฉะนี้[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เธอจะเบาสบายคลายทุกข์คลายกังวล[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ไม่มีความสุขใดยิ่งไปกว่าการปล่อยวางและการสำรวมตนอยู่ในธรรม[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]


    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความทุกข์เป็นความจริงประการหนึ่งที่ชีวิตทุกชีวิตจะต้องประสบไม่มากก็น้อย ความทุกข์ที่กล่าวนี้มีอะไรบ้าง

    ภิกษุทั้งหลาย ความเกิดเป็นความทุกข์ ความแก่ ความเจ็บ ความตายก็เป็นความทุกข์ ความแห้งใจหรือความโศก ความร่ำไรรำพันจนน้ำตานองหน้า ความทุกข์กาย ความทุกข์ใจ ความคับแค้นใจ ความพลัดพรากจากบุคคลหรือสิ่งของอันเป็นที่รัก ความต้องประสบกับบุคคลหรือสิ่งของอันไม่เป็นที่พอใจ ปรารถนาอะไรมิได้ดังใจหมาย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความทุกข์ ที่บุคคลต้องประสบทั้งสิ้น เมื่อกล่าวโดยสรุป การยึดมั่นในขันธ์ห้าด้วยตัณหาอุปาทานนั่นเอง เป็นความทุกข์อันยิ่งใหญ่"

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตกล่าวว่าความทุกข์ทั้งมวลย่อมสืบเนื่องมาจากเหตุ ก็อะไรเล่าเป็นเหตุเกิดความทุกข์นั้น เรากล่าวว่าตัณหาเป็นเหตุเกิดแห่งทุกข์ ตัณหา คือ ความทะยานอยากดิ้นรน ซึ่งมีลักษณะเป็นสาม คือ ดิ้นรนอยากได้อารมณ์ที่น่าใคร่น่าปรารถนาเรียกว่า กามตัณหา อย่างหนึ่ง ดิ้นรนอยากเป็นนั่นเป็นนี่เรียก ภวตัณหา อย่างหนึ่ง ดิ้นรนอยากผลักสิ่งที่มีอยู่แล้ว เป็นแล้ว เรียก วิภวตัณหาอย่างหนึ่ง นี่แล คือ สาเหตุแห่งความทุกข์ขั้นมูลฐาน

    ภิกษุทั้งหลาย การสลัดทิ้งโดยไม่เหลือซึ่งตัณหาประเภทต่าง ๆ ดับตัณหา คลายตัณหาโดยสิ้นเชิงนั่นแล เราเรียกว่า นิโรธ คือ ความดับทุกข์ได้"

    [​IMG]

    หนึ่งเดียวรู้ที่ใจ


    [FONT=&quot]มาร่วมร้อยใจตรึงซึ้งความหมาย[/FONT]
    [FONT=&quot]พุทธธรรมช่วยคลายใจหมองหม่น[/FONT]
    [FONT=&quot]สติตัวทั่วพร้อมน้อมกมล[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่สับสนใจออกทั้งนอกใน[/FONT]

    [FONT=&quot]ใครทำได้ได้ใจอันเป็นสุข[/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่เจ่าจุกทุกข์ทนจนหม่นไหม้[/FONT]
    [FONT=&quot]ใครทำได้ย่อมเห็นเป็นเช่นใด[/FONT]
    [FONT=&quot]ย่อมสุขใจไร้ทุกข์ทุกวารวัน[/FONT]

    [FONT=&quot]หนึ่งเดียวไม่มีสอง หนึ่งนี้ท่องไว้ให้มั่น[/FONT]
    [FONT=&quot]หนึ่งเดียวให้รู้ทัน หนึ่งเดียวนั้นรู้ที่ใจ[/FONT]

    [FONT=&quot]เกิดที่ไหนดับไปในที่นั้น[/FONT]
    [FONT=&quot]เกิดที่ไหนอย่าให้มันพาหวั่นไหว[/FONT]
    [FONT=&quot]เกิดที่ไหนให้พิเคราะห์เจาะเข้าไป[/FONT]
    [FONT=&quot]เกิดที่ไหนให้ใช้ใจวิเคราะห์มัน[/FONT]

    [FONT=&quot]ใจเป็นทุกข์ชี้ทุกข์ไปหาเหตุ[/FONT]
    [FONT=&quot]ใช้เป็นเลศชะล้างอย่ากางกั้น[/FONT]
    [FONT=&quot]ใจเป็นทุกข์รู้ห้ามตามให้ทัน[/FONT]
    [FONT=&quot]ดับเหตุนั้นด้วยใจที่ใคร่ครวญ[/FONT]

    [FONT=&quot]สติมาจะพาจิตคิดทางรอด[/FONT]
    [FONT=&quot]สติมาจะพาปลอดเพราะถี่ถ้วน[/FONT]
    [FONT=&quot]สติหายจะพ่ายภัยเพราะใจรวน[/FONT]
    [FONT=&quot]สติป่วนใจจะวิ่งนิ่งไม่เป็น[/FONT]

    [FONT=&quot]ครองความคิดวางไว้ให้ว่างว่าง[/FONT]
    [FONT=&quot]ทุกข์ทุกอย่างวางได้หากใจเห็น[/FONT]
    [FONT=&quot]สติต้องครองใจให้เยือกเย็น[/FONT]
    [FONT=&quot]ความทุกข์เข็ญจะดับไปเมื่อใจวาง...[/FONT]​

    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px"> [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px; border-top: 0px" align="right"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  6. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    [​IMG]



    เจ้าคุณนักสู้น้ำแห่งกรุงศรีฯเอาอยู่ด้วย...'พลังศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี'


    "เอาอยู่" เป็นคำฮิตติดปากในสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่ง เป็นคำที่มาจากจากถ้อยแถลงของศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) และการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ออกมายืนยันกับประชาชนอยู่ตลอดว่า "สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ รัฐบาลเอาอยู่ ประชาชนโปรดไว้วางใจ" แต่ดูเหมือนว่าพื้นที่ไหนที่ถูกประกาศว่า "เอาอยู่" กลับต้องอพยพกันเกือบทุกแห่งแม้กระทั่งที่ ศปภ.แห่งแรกที่ดอนเมืองก็ไม่เว้น แม้จะมีการระบุว่า วัดในอ.พระนครศรีอยุธยาจะถูก น้ำท่วม ๑๐๐% ก็ตาม แต่มีวัดแห่งเดียว “เอาอยู่” ที่สำคัญ คือ “เอาอยู่ด้วยพลัง ศรัทธา ปัญญา และ สามัคคี ของเจ้าคุณ และพระเณร” วัดดังกล่าว คือ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งตั้งอยู่จุดบรรจบของแม่น้ำป่าสักและเจ้าพระยา


    “อาตมาตั้งใจสู่มาตั้งแต่ต้น ต้องสู้ให้ถึงที่สุด เพราะตั้งใจทำไปแล้วต้องเอาให้อยู่ พังไม่ได้ ในปีนี้วัดใช้เงินไปกว่า ๑๐ ล้านบาท เพื่อป้องกันน้ำท่วม มี พระเณรในวัด ๑๐๐ รูป คนงานในวัดประมาณ ๘๐ คน และตชด.อีกส่วนหนึ่งมาช่วยกรอกทราย โดยทำกันทุกวัน บางวันทำตลอด ๒๔ ชั่วโมง โดยทำแนวสูงเพิ่มขึ้นครั้งละ ๓๐ ซม. ทำไปทำมาสูงกว่า ๓ เมตร”

    นี่เป็นคำยืนยันอย่างมุ่งมั่นของ พระเทพรัตนากร หรือ "เจ้าคุณแวว" เจ้าคณะจังหวัดอยุธาและเจ้าอาวาสวัดพนัญเชิง แม้ว่าจะมีมวลน้ำมหาศาลไหลผ่านหน้าวัดตลอด ๒๔ ชั่วโมง นานนับเดือน แต่เจ้าคุณก็เอาอยู่จริงๆ

    เจ้าคุณแวว บอกว่า วัดพนัญเชิง ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๕๕๓) วัดที่อื่นๆ ในอยุธยาไม่ท่วม แต่ที่วัดพนัญเชิงน้ำสูงกว่าแนวคันดินเกือบ ๒ เมตร ทางวัดต้องใช้เงินกว่า ๓ ล้านบาท เพื่อสร้างคันป้องกันน้ำท่วม มา ปีนี้ช่วงที่น้ำท่วมหนักๆ ทั้งทรายและกระสอบเป็นเรื่องที่หายากมาก ชนิดที่เรียกว่ามีเงินเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้ แต่ด้วยการเตรียมพร้อมและวางแผนไว้ล่วงหน้า เมื่อบ่อทรายในอยุธยาจมน้ำทั้งหมดทางวัดได้สั่งทรายมาจาก จ.ราชบุรี ๑๐๐ คันรถพ่วง รวมกับทรายจากในอยุธยาเองประมาณอีก ๓๐๐ คัน ใช้เงินไปประมาณ ๑.๔ ล้านบาท ใช้กระสอบกว่า ๗ แสน ใบ

    นอกจากนี้แล้วสิ่งหนึ่งที่สำคัญ คือ เทคนิคและวิธีการสร้างแนวป้องกันน้ำ ทรายทุกกระสอบทั้ง ๗ แสนใบ พระเณรในวัดจะเป็นคนเรียงเท่านั้น จะพังหรือจะอยู่ข้นอยู่กับวิธีวางกระสอบทรายด้วย ขณะเดียวกันก็ต้องระวังคนพอๆ กับระวังน้ำด้วย เพราะมีคนจำพวกหนึ่งที่มีความคิดว่า “กูถูกน้ำท่วมมึงก็ต้องท่วมเหมือนกู” เพียงแค่ดึงกระสอบ ๒-๓ ใบ อาจจะทำให้พังทั้งแนว ต้องให้คนเฝ้าตลอด ๒๔ ชั่วโมงเลยทีเดียว

    เมื่อถามถึงเรื่องการบนบานศาลกล่าว เจ้าคุณแวว บอกว่า น้ำท่วมใหญ่ครั้งนี้ได้บนขอบารมีหลวงพ่อโตว่าอย่าให้ท่วม อย่างให้พัง หากน้ำไม่ท่วมครั้งนี้จะแก้บนด้วยแตงโม ๓๒ ลูก ซึ่งที่ผ่านมาบนด้วยแตงโมงก็สำเร็จมาทุกครั้ง โดยคำแนะนำของหลวงพ่อเจริญ วัดโนนสว่าง อ.หนอวัวซอ จ.อุดรธานี ท่านเคยมาที่วัดและแนะนำว่า “หากจะบนขออะไรกับหลวงพ่อโต ต้องบนด้วยการถวายแตงโมงถึงจะประสบผลสำเร็จ” และที่ผ่านเคยบนถวายแตงโมงหลวงพ่อโตหลายครั้งก็ประสบผลสำเร็จ และเคยบนถวายแตงโมงมากถึง ๑๐๘ ลูก ก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน

    อย่างไรก็ตาม เมื่อวัดพนัญเชิงสามารถป้องกันน้ำท่วมได้ก็มีเสียงพูดทั้งจากพระและจากชาว บ้านว่า “ก็วัดมีเงินนะสิถึงเอาชนะน้ำท่วมได้” ทั้งนี้เจ้าคุณแวดพูดไว้อย่างน่าคิดว่า “การมีเงินไม่สำคัญเท่ากับ การมีศรัทธา ปัญญา และสามัคคี นิคมอุตสาหกรรมต่างๆ มีทรัพย์สินเป็นหมื่นล้านแสนล้าน มีรายได้มากกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า แต่ก็เอาไม่อยู่เพราะขาด ศรัทธา ปัญญา และสามัคคี คนเราถ้ามีใจสู้บวกกับพลังแห่งความสามัคคี ย่อมเอาชนะและฟันฝ่าอุปสรรคได้เสมอ ๑๐ ล้านบาทที่ลงไปเกินคุ้ม เพราะอย่างไรก็ดีกว่าแก้ไข เมื่อป้องกันน้ำได้ก็ไม่ต้องแก้ไขความเสียหายอื่นๆ ที่จะตามมา ทั้งนี้หลายคนอาจะมองว่าอาตมาป้องกันวัดเพื่อตัวเอง แต่ความจริงแล้วการรักษาวัด เท่ากับรักษาพระศาสนา วัดพนัญเชิงเป็นของคนอยุธยา เป็นของพุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ เมื่อเป็นเจ้าอาวาสต้องป้องกันให้ถึงที่สุดก็เท่านั้น”

    ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น เจ้าคุณแวว บอกว่า ต้องสร้างเขื่อนสูงเท่ากับระดับแนวน้ำท่วมในปีนี้ คากว่าต้องใช้งบประมาณ ๓๕ ล้านบาท โดยจะลงมือทันทีเมื่อน้ำลด ทั้งนี้เมื่อครั้งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี มาที่วัดก็รับปากว่าจะหางบประมาณมาสนับสนุนแต่ก็ไม่ได้ และล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็รับปากเช่นเดียวกัน ซึ่งจุดที่นายกฯ ทั้ง ๒ คนนั่งรับปากนั้นเป็นจุดเดียวกัน และเป็นนายกฯเหมือนกัน โดยส่วนตัวแล้วคงไม่รอความช่วยเหลือจากนายกฯ แนวกันน้ำที่จะเกิดขึ้งต้องอาศัยบารมีของหลวงพ่อโตและศรัทธาของพุทธศาสนิกชน

    ในขณะที่พระมหาชำนาญ ปริสุทโธ พระเลขาเจ้าคุณแวว บอกว่า ท่านเจ้าคุณแววท่านจtออกมาตรวจแนวป้องกันน้ำท่วมอย่างน้อยวันละ ๒ ครั้ง คือ เช้าและเย็น แต่ถ้าเป็นในช่วงน้ำขึ้นอย่างต่อเนื่องท่านจะเดินดูแนวป้องกันไปจนถึงเที่ยง คืน เป็นอยู่เช่นนี้นานนับเดือน ท่านเพิ่งจะหยุดเมื่อน้ำเริ่มทรงตัว และเริ่มลดลง ท่านจะออกมาให้กำลังใจพระเณรลูกวัดเสมอๆ ว่า “เราต้องสู้ต่อ เมื่อเราเริ่มสู้มาแล้วได้เกือบครึ่งทาง อดทนสามัคคีอย่างไรก็ชนะ เราต้องสู้ให้ถึงที่สุด ทรายเรามี กระสอบเรามี คนเรามี เรามีความพร้อมทุกด้านเราต้องสู้ให้ชนะ ถ้าน้ำท่วมวัดพระเณรก็อยู่ไม่ได้ ส่วนความเสียหายไม่ต้องพูดถึง”


    น้ำแห้งน้ำใจไม่แห้ง


    วันนี้สภาพน้ำท่วมของ จ.พระนครศรีอยุธยา จะเริ่มดีขึ้นตามลำดับ ภาพความช่วยเหลือหลังน้ำท่วมของกลุ่มจิตอาสาต่างๆ มีให้เห็นอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะการทำความสะอาดวัดซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหาย โดยเมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งตรงกับวันลอยกระทง ได้มีกลุ่มจิตอาสาได้เข้าไปช่วยทำความสะอาดวัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งถูกน้ำท่วม เกือบ ๑ เมตร

    นายเจริญ ปานเฟือง เจ้าของร้านข้าวขาหมูจุฬาฯ ซึ่งตั้งอยู่หน้าวัดใหญ่ชัยมงคล บอกว่า ในช่วงที่ถูกน้ำท่วมเกือบ ๑ เดือน ได้อาศัยข้าวกล่อง และของแจกจากหน่วยงานต่างๆ เป็นของยังชีพ วันนี้ร้านสามารถเปิดขายได้ตามปกติ จึงชวนแม่ พี่สาวและเพื่อนๆ ทำข้าวขาหมูจุฬาฯ แจกให้เพื่อนบ้าน ผู้ประสบภัย รวมทั้งกลุ่มจิตอาสาจำนวน ๑,๒๐๐ กล่อง เพื่อเป็นการตอบแทนคืน ให้สมกับคำพูดที่ว่า

    “วันนี้แม้ว่าอยุธยาน้ำจะเริ่มแห้งแล้ว แต่น้ำใจของคนอยุธยาจะไม่แห้งตามน้ำ เพราะคนไทยเราไม่เคยทิ้งกัน จะอยู่ที่ไหน จังหวัดใด และภูมิภาคใด หากประสบภัยเดือดร้อนความช่วยเหลือก็จะไปถึงที่นั้นเช่นเดียวกับคนอยุธยา”

    http://www.komchadluek.net/detail/2...ฯเอาอยู่ด้วย...พลังศรัทธาปัญญาและสามัคคี.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 พฤศจิกายน 2011
  7. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    รวมเทคนิคและเครื่องมือง่ายๆ ที่ทำให้การทำงาน

    โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศไม่ใช่เรื่องยาก(ถ้าระบบสื่อสารยังใช้ได้)



    เชื่อว่าตอนนี้หลายบริษัท หลายออฟฟิศคงกำลังปวดหัวอยู่ไม่น้อยกับสภาวะน้ำท่วมจนพนักงานหลายคนไม่สะดวก จะเดินทางมาที่ทำงาน หรือไม่หลายออฟฟิศก็อาจจะต้องปิดตัวหนีน้ำกันจ้าละหวั่น ที่สำคัญคือสถานการณ์นี้อาจจะยืดเยื้อไปอีกหลายวัน (หรืออาจจะเป็นสัปดาห์) เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การทำงานและการดำเนินธุรกิจอาจจะต้องประสบปัญหาได้

    แต่จริงๆ แล้ว ในโลกปัจจุบันที่อินเตอร์เนตและเทคโนโลยีด้านการสื่อสารเองก็ช่วยเหลือในการ ติดต่อสื่อสารกันจนทำให้เกิดเครื่องมือดีๆ สำหรับช่วยเหลือในการทำงานแม้ว่าจะไม่ได้เข้าออฟฟิศ ซึ่งก็น่าจะเหมาะกับสถานการณ์ในช่วงเวลานี้อยู่ไม่น้อย วันนี้ผมเลยลองรวบรวมเครื่องมือและเทคนิคบางอย่างที่น่าจะช่วยให้ผู้จัดการ และพนักงานสามารถประสานงานตลอดจนทำงานต่อไปได้แม้ว่าจะต้องประสบปัญหาในการ เดินทาง


    1. การแชร์ไฟล์ข้อมูลและเอกสาร
    สิ่งที่หลายคนประสบปัญหาคือไฟล์ข้อมูลต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศนั้นมีมากมาย บ้างก็มีขนาดใหญ่เกินจะสามารถส่งผ่านอีเมล์เพื่อคุยงานได้ หากจะจำเป็นต้องไรท์ซีดีแล้ว การจัดส่งก็ทำได้ยุ่งยากอยู่ไม่น้อย แต่ในทุกวันนี้มีบริการ Cloud Computing ดีๆ เพื่อให้สามารถฝากไฟล์ข้อมูลต่างๆ เพื่อสามารถเข้าถึงได้ผ่านทางอินเตอร์เนตแม้ว่าจะใช้เครื่องคอมพิวเตอร์คนละ เครื่อง
    Dropbox – Cloud Service ที่ใช้ง่าย ฟรี และแชร์กับเพื่อนร่วมงานได้ฃ
    [​IMG]
    บริการของ Dropbox นั้นคือการให้พื้นที่ Cloud Storage แก่ผู้สมาชิกเพื่อที่จะสามารถโยนข้อมูลต่างๆ เก็บสำรองไว้ และสามารถทำการ Sync / Download จากเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นได้ นั่นหมายความว่าคุณสามารถตั้ง Folder งานที่ออฟฟิศคุณให้อยู่ใน Dropbox แล้วสามารถนำมา Sync และทำงานต่อที่บ้านได้ทันที และหากคุณทำงานที่บ้านเสร็จเรียบร้อยและทำการ Save ไฟล์ดังกล่าว ไฟล์นั้นก็จะถูกทำการอัพเดทอัตโนมัติกลับไปยัง Cloud Storage และทำการ Sync กลับทันทีที่คุณเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ออฟฟิศของคุณ เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณก็สามารถมั่นใจได้ว่าคุณสามารถทำงานต่อเนื่องจากข้อมูลเดียวกับที่คุณมี ในออฟฟิศของคุณโดยไม่ต้องกังวัลเรื่องการอัพเดทให้ซ้ำซ้อนอีกต่อไป

    นอกจากนี้แล้ว Dropbox ยังอนุญาตให้ทำการ Share Folder เพื่อให้คนอื่นๆ ที่คุณให้สิทธิ์ สามารถเข้ามาทำการดึงข้อมูล และทำงานร่วมกันบนพื้นที่ใน Folder นั้นได้ด้วย ซึ่งจะเหมาะมากกับการทำงานเป็นทีมที่แต่ละคนสามารถโยนข้อมูลของตัวเองเพื่อ ทำการแชร์ร่วมกับทีม ทำการดูเอกสารที่ทำงานร่วมกัน แก้ไข ปรับแต่ง และอัพเดทได้อย่างต่อเนื่อง

    ส่วนที่ดีอย่างหนึ่งของ Dropbox คือการทำงานแบบเบื้องหลัง โดยเราถ้าเราทำการติดตั้ง Dropbox ลงในเครื่องเราแล้ว เราสามารถทำงานไปเรื่อยๆ โยนไฟล์ข้อมูล บันทึก ฯลฯ โดยไม่ต้องรอโปรแกรมให้อัพโหลดเสร็จ เช่นเดียวกับเวลามีคนโยนไฟล์เข้ามา โปรแกรมก็จะทำการ Download / Sync ให้แบบอัติโนมัติ (ก่อนจะขึ้นแจ้งว่ามีอัพเดทอะไรบ้าง)

    Dropbox ยังมีแอพรองรับทั้งใน iPhone / iPad / Android นอกเหนือไปจากโปรแกรมมาตราฐานทั้งใน Windows / Mac เรียกได้ว่าครอบคลุมการใช้งานทุก Platform แถมบริการหรือแอพอื่นๆ ในท้องตลาดหลายแอพก็รองรับการดึงข้อมูลจาก Dropobx ด้วยเช่นกัน

    ปัจจุบัน Dropbox เปิดให้ใช้ฟรีโดยมีพื้นที่เริ่มต้นให้ 2GB และสามารถสั่งซื้อเพิ่มได้อีก แถมเร็วๆ นี้มีการเปิดบริการ Dropbox Team ที่ให้พื้นที่มากถึง 1TB อีกด้วย
    [​IMG]
    สมัครใช้งาน Dropbox ได้ทันทีที่ www.dropbox.com

    2. ทำงานร่วมกันบนเอกสารเดียว


    การทำงานบางโปรเจคนั้น มีการทำงานร่วมจากหลายคนซึ่งหลายๆ ครั้งก็เป็นการช่วยกันเช่นการกรอกข้อมูล การตรวจทาน ฯลฯ ซึ่งสมัยก่อนเราก็จะใช้วิธีการทำเสร็จแล้วส่งจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่ง วนไปเรื่อยๆ แต่วิธีแบบนี้กลับสร้างความยุ่งยากอยู่ไม่ใช่น้อยแถมใช้พื้นที่ของ Email เกินจำเป็น การใช้งาน Document Service แบบ Cloud Computing ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่นับว่าช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้นเยอะ

    Google Docs: ทำเอกสารออฟฟิศแบบออนไลน์

    [​IMG]
    Google Docs เปิดให้บริการมาพักหนึ่งแล้วและหลายๆ คนเองก็ใช้งานอยู่เป็นประจำ ซึ่ง Google Docs เองนั้นก็เหมาะมากกับการสร้างงานเอกสารและทำงานเป็นกลุ่มบนออนไลน์ด้วย เทคโนโลยีของ Google ซึ่งครอบคลุมทั้งเอกสารแบบ Word Processing / Spreadsheet / Presentation แบบเดียวกับที่เราคุ้นๆ จากการใช้งาน Microsoft Office เลยทีเดียว

    การทำงานของ Google Docs นั้นก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไร แถมใช้งานได้ทันทีสำหรับคนที่มี Google Account อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังสามารแชร์เอกสารให้ทีมงานเข้ามาแก้ไข / ดูได้โดยไม่จำเป็นต้องส่งไฟล์ต่างให้หนักอีเมล์


    Google Docs ยังรองรับการ Import File จากเอกสาร .doc / .xls ทำให้ง่ายกับคนที่มีไฟล์เอกสารอยู่แล้วต้องการพอร์ทมาลง Google Docs


    ใช้งาน Google Docs ได้เลยที่ docs.google.com

    3. แชร์ตารางนัดหมาย


    ตารางเวลา กำหนดการต่างๆ ล้วนเป็นสิ่งสำคัญการจัดการบริหารโปรเจคต่างๆ โดยหลายๆ ครั้งนั้น กำหนดการต่างๆ ไม่ได้เป็นตารางเวลาของคนๆ เดียว แต่ยังเป็นของทีมที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันด้วย

    ตารางนัดหมายแชร์ได้ด้วย Google Calendar

    [​IMG]

    สิ่งที่พ่วงมาด้วยจากการสมัคร Google Account อย่าง Gmail นั้น ก็คือการได้ใช้บริการ Google Calendar มาด้วย ซึ่งตัว Google Calendar นั้นจะทำหน้าที่เหมือนโปรแกรม Calendar ทั่วๆ ไป (iCal) แต่สามารถทำการเพิ่มแก้ไขได้ผ่านทางเว็บไซต์ หรือแอพต่างๆ ที่อยู่ใน Smartphone

    ข้อดีของ Google Calendar คือสามารถสร้างปฏิทินย่อยใน Account ของตัวเองได้เช่นปฏิทินส่วนตัว ปฏิทินงาน ซึ่งก็สามารถประยุกต์ไปใช้เป็นปฏิทินของแต่ละโปรเจคได้ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแชร์ให้กับคนอื่นที่ใช้ Google Calendar ได้ด้วยเพื่อนคนในทีมหรือคนที่ทำงานด้วยจะสามารถรับทราบหมายกำหนดการได้

    Google Calendar เองยังเป็นที่ยอมรับสำหรับโปรแกรมและแอพประเภท Organizer อีกมากมาย จึงสามารถนำไปใช้ sync เพื่อทำงานต่อใน device ต่างๆ ได้ง่าย แถมเหมาะกับคนที่พกพาหลาย Device แล้วไม่สะดวกกับการมาอัพเดททีละเครื่อง เพราะการอัพเดทผ่าน Google Calendar ที่เป็น Online Service นั้น จะทำการ Sync อัพเดทให้กับทุก Device เองโดยอัตโนมัต

    ใช้งาน Google Calendar ได้เลยที่ calendar.google.com

    4. ประชุมงานออนไลน์


    กิจกรรมที่สำคัญในการทำงานที่ออฟฟิศคือการ ประชุมร่วมกันแบบเห็นหน้าเห็นตาเพื่อถกปัญหาหรือ Brainstorming กันซึ่งต่างจากการทำงานแบบรับส่งอีเมล์ปรกติ และอาจจะเป็นเหตุผลที่หลายคนต้องไปที่ทำงาน แต่ด้วยเทคโนโลยีออนไลน์นั้น สามารถทำให้ประชุมงานกันผ่านคอมพิวเตอร์เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพงอะไรมากแล้ว

    Skype: คุยเสียง+วีดีโอแบบหลายคนพร้อมกัน


    [​IMG]

    โปรแกรม VOIP ยอดฮิตอย่าง Skype นั้นทำให้เสมือนเราคุยโทรศัพท์แบบ Confernece Call ได้ผ่านคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เนต แถมยังสามารถคุยแบบ Text Chat และ VDO-Call กันก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยในการคุยงานได้สะดวกมากโดยไม่ต้องเสียค่า ใช้จ่ายแต่อย่างใด

    นอกจากนี้แล้ว Skype ยังมีฟังก์ชั่น Screen Sharing ที่ช่วยเหลือมากการคุยงานที่ต้องเปิดหน้าเอกสารหรือไฟล์รูปเพื่อประกอบการ คุย เพราะ Screen Sharing จะทำการดึงหน้าจอของเราไปแสดงให้คู่สนทนาเห็นเลยทันที

    [​IMG]หมายเหตุ: Skype ให้บริการแบบ VDO-Confernece Call โดยมีค่าใช้จ่าย แต่ถ้าเป็น Concerence Call นั้นไม่เสียค่าใช้จ่าย
    โหลดโปรแกรมของ Skype ได้ที่: www.skype.com


    Google Hangout – คุยออนไลน์แบบลื่นไหล

    ถ้าถามว่านอกเหนือจาก Skype แล้ว ยังมีเครื่องมือในการประชุมออนไลน์อะไรอีกที่น่าสนใจ ก็ต้องบอกว่า Google Hangout ซึ่งเป็น Tools ที่อยู่ใน Google+ นั่นเอง ที่ทำงานได้เยี่ยมยอดไม่แพ้กัน และถ้าพูดถึงความลื่นไหลในการคุยแบบ VDO-Call ด้วยแล้วนั้น น่าจะสูสีหรืออาจจะดีกว่า Skype เลยด้วยซ้ำ
    การทำงานของ Google Hangout นั้นทำงานแบบเดียวกับ Skype คือเลือกแอดคนที่อยากสนทนาด้วยเข้ามาในกรุ๊ป จากนั้นก็คุยกันแบบ VDO Call ได้เลย (หรือจะปิดหน้ากล้องเพื่อเป็นแค่ Audio ก็ได้)
    [​IMG]
    สามารถใช้งาน Google Hangout ด้วยการสมัครสมาชิก Google+ ที่ plus.google.com

    5. คุยงานกันบน Social Network


    เชื่อว่าคนปัจจุบันล้วนสมัครบริการ Social Network กันอยู่แล้วเช่น Facebook / Twitter ซึ่งใน Socail Network เหล่านี้เองก็มีฟังก์ชั่นที่เอื้อต่อการสร้างกรุ๊ปย่อยเพื่อแลกเปลี่ยนข่าว สารกัน ซึ่งก็มีประโยชน์ในการติดต่อสื่อสารอยู่ไม่น้อย

    Facebook Group: กรุ๊ปเฉพาะที่เหมาะกับการทำงานเป็นทีม

    จริงๆ แล้ว Facebook Group นั้นออกแบบเพื่อเป็นการสร้างกลุ่มเฉพาะเช่นกลุ่มเพื่อน ชมรม ฯลฯ แต่ในขณะเดียวกันนั้น มันก็สามารถประยุกต์มาเป็นกรุ๊ปสำหรับบริษัท แผนก ทีมงาน ฯลฯ ได้ เพราะใน Facebook Group นั้นสามารถแชร์พื้นฐานต่างๆ ได้เหมือนกับการใช้งาน Facebook ทั่วไป เช่นโพสภาพ วีดีโอ กิจกรรม ตลอดไปจนการสร้างเอกสารในกลุ่ม (เป็นเหมือนเอกสาร word ง่ายๆ)

    จุดที่ดีของการใช้ Facebook Group คือเป็น Social Network ที่คนใช้แพร่หลายแถมส่วนใหญ่จะมีแอพติดตัวอยู่ในมือถือของตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งเชื่อได้ว่าหลายคนเองก็เช็ค Facebook Update มากกว่า Email ของตัวเองเสียอีก การแชร์ใน Facebook Group นั้นก็น่าจะมีข้อดีสำหรับกลุ่มทีมงานที่ใช้ Social Network เป็นประจำอยู่แล้ว
    [​IMG]

    นอกเหนือจากเครื่องมือง่ายๆ ที่บอกไปข้างต้นแล้ว ยังมีเทคนิคอื่นๆ อีกที่สามารถนำไปใช้ได้ในช่วงเวลาที่ต้องทำงานแบบ Mobile Office กัน

    1. ทำ Group Chat ใน Messaging Service อย่าง Whatsapp / LINE
    2. หาแอพที่มีความสามารถแชร์กันได้อย่างเช่น Evernote (share note) เพื่อที่สามารถแลกเปลี่ยนหรือส่งต่อกับทีมงานคนอื่นๆ ได้ง่าย
    3. อย่าพยายามใช้ Tools ที่ยุ่งยากหรือซับซ้อนเกินไป เพราะแม้ว่าจะเป็น Tools ที่ฉลาดและมีความสามารถสูง หากการใช้งานยุ่งยาก มีการลงโปรแกรมเพิ่มเติมก็จะไม่เป็นผลดี
    4. บังคับตัวเองและทีมให้ใช้ Tool เหล่านี้ เพราะแม้ว่าเทคโนโลยีจะดีแค่ไหน หากไม่เกิดการบังคับใช้แล้ว ก็จะเป็นเครื่องมือที่เปล่าประโยชน์ทันที

    ทั้งหมดนี้เป็นเพียงสรุปเครื่องมือบางอย่าง และเทคนิคบางอย่างที่ผมเคยใช้งานระหว่างการทำงานแบบ Mobile Working มาพักใหญ่ๆ หากมีเทคนิคเพิ่มเติม จะนำมาเขียนแบ่งปันกันอีกในตอนต่อๆ ไปนะครับ

    ที่มา:รวมเทคนิคและเครื่องมือง่ายๆ ที่ทำให้การทำงานโดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศไม่ใช่เรื่องยาก - SiamArsa | �
     
  8. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 11.jpg
      11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      106.5 KB
      เปิดดู:
      783
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2011
  9. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
  10. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    เด็กที่ต้องได้รับวัคซีน...ทำอย่างไรหากมาพบแพทย์ไม่ได้?

    คง มีเด็กจานวนไม่น้อยที่ครอบครัวประสบอุทกภัยและไม่สะดวกที่จะออกจากบ้านหรือ ที่พักพิงชั่วคราว เพื่อมารับวัคซีนตามท่ีแพทย์นัด นอกจากนั้นสถานพยาบาลบางแห่งก็อาจได้รับผลกระทบจากอุทกภัยเช่นกันจนอาจถึง ขั้นไม่สามารถดำเนินการให้บริการต่อไปได้ การที่เด็กไม่สามารถมารับวัคซีนได้ตามนัดมักสร้างความ กังวลใจให้กับ พ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะคิดว่าหากลูกหลานไม่ได้รับวัคซีน ร่างกายจะไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันใน การป้องกันโรคทาให้เด็กมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากโรคที่สามารถป้องกันได้ อีกทั้งอาจมีการแพร่ระบาดของ โรคไปยังบุคคลอื่นในครอบครัวหรือในสถานพักพิงชั่วคราวซึ่งมีผู้คนอาศัยอยู่ อย่างแออัดได้ง่าย

    แนวคิดสาหรับเด็กที่ไม่สามารถมารับวัคซีนได้ตามนัด

    เด็กที่ไม่สามารถมารับวัคซีนได้ตามนัด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ มีแนวคิดดังนี้


    1. การให้วัคซีนล่าช้าเกินกาหนดไปบ้าง จะเกิดผลเสียต่อเด็กไม่มากนัก โดยทั่วไปเป็นที่ยอมรับว่าวัคซีนแต่ละชนดิ อาจให้ล่าช้าไปได้ประมาณ 1-2 เดือน

    2.เด็กบางคนอาจได้ รับวัคซีนบางชนิดไปบ้างแล้วและมีนัดไปรับวัคซีนเพิ่มเติมหรือกระตุ้นซ้า เพื่อให้ภูมิคุ้มกนั มีระดับสูงขึ้นและคงอยู่ได้นาน เด็กกลุ่มนี้จึงมีภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคบางโรคอยู่ ในระดับหนึ่งแล้ว
    3. กรณีจาเป็นต้องได้รับวคั ซีนล่าช้าออกไป เด็กสามารถรับวัคซีนครั้งต่อไปได้เลย ในทันทีที่พร้อม โดยไม่มีความจาเป็นต้องเริ่มต้นรับวัคซีนใหมทั่้งหมด
    4. วัคซีนบางชนิดอาจมีประโยชน์ในการลดการเจ็บป่วยและลดการแพร่ระบาดของโรค บาง โรคภายในครอบครัวหรือภายในสถานพักพิงชั่วคราว ภาครัฐอาจนามาให้บริการเพิ่มเติมเป็นพิเศษจากการ บริการวัคซีนทั่วไปได้ เช่น วัคซีนหัด วัคซีนอีสุกอีใส และวัคซีนตับอักเสบเอสาหรับเด็ก วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สาหรับคนทุกกลุ่มอายุวัคซีนบาดทะยักสาหรับคนที่มีแผลนอกจากนั้นวัคซีนบาง ชนิดอาจนามาใช้เมื่อมีการ ระบาดของโรคแล้วเพื่อหยุดการแพร่ระบาด เช่น วัคซีนอหิวา วัคซีนไข้กาฬหลังแอ่น
    5. การรับวัคซีนไม่มีความจาเป็นต้องพาไปรับที่สถานพยาบาลเดิม อาจรับบริการที่



    สถานพยาบาลอื่นที่มีการ ให้บริการวัคซีนก็ได้ เช่น สถานพยาบาลใกล้บ้าน หน่วยแพทยเ์คลื่อนที่ แต่ต้องนาสมุด วัคซีนไปด้วย กรณีสมุดวัคซีนสูญหาย ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อสืบคน้ หรือซักประวัติว่าเด็กเคยได้รบั วัคซีนอะไรมา ก่อนบ้างแล้ว

    แนวคิดในการแก้ไขปัญหา

    1. หน่วยแพทย์ควรนำวัคซีนที่มีความจำเป็นทั้งวัคซีนพื้นฐานและวัคซีนอื่นที่อาจ ช่วย ลดการแพร่ระบาดของโรคบางโรค มาบริการให้กับเด็กและคนทั่วไป
    2. สถานพยาบาลที่มีการให้บริการวัคซีนและปิดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากได้รับผลกระทบจากอุทกภัยควรเปิดบริการทันทีที่มีความพร้อม
    3. หากพ่อแม่ผู้ปกครองมีความสะดวกเพิ่มขึ้นและพร้อมที่จะเดินทางเพื่อพาเด็กไป รับวัคซีน ซึ่งคาดว่าอาจใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนหลังน้ำลดก็สามารถนาบุตรหลานไปรับวัคซีนต่อ ณ สถานพยาบาลที่นัดเด็กไว้หรือสถานพยาบาลอื่นตามความสะดวกได้เลย



    ที่มา: www.chulalongkornhospital.go.th
     
  11. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    สมมุติถ้าน้องน้ำ
    มาเยือนอีกจะทำอย่างไรดี?
    ศึกษาไว้อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย



    [​IMG]



    ในทางธรรม

    เบื้องต้น

    - การวางแผนที่ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งหนึ่ง

    - ถือพุุทธสุภาษิต ที่ว่า "ตนแลเป็นที่พี่งแห่งตน"
    ประคองตนบนพื้นฐานของความไม่ประมาท

    -
    แม่น้ำหรือมหาสมุทรจะกว้างใหญ่ขนาดใหน ก็ยังไม่กว้างขวางเท่ากับตัณหาทั้งหลายที่อยู่ในจิตใจของคน ไม่มีประมาณ ไม่รู้จบ
    ประคองกายใจให้อยู่หลักแห่งทาน ศิล สมาธิ และปัญญาเดินตามทางมรรคมีองค์ ๘ ประการ

    - ไม่ควรประมาทในชีวิต พิจารณาถึงทุกข์โทษของการเกิดบ่อยๆ ความตายบ่อยๆ ให้เห็นตามความเป็นจริง


    - มีสติอยู่กับปัจจุบันธรรมชาติที่เกิดขึ้นอยู่และดับไปเท่านั้นว่ามันเป็นอย่างไร

    "อดีตไม่เอา อนาคตไม่คิดถึง ปัจจุบันคือสิ่งที่ต้องคำนึง ให้รู้ซึ่งธรรมชาติของจิตที่แท้จริง"

    - มีจิตใจที่เมตตา เอื้ออาทร เป็นมิตร เป็นกลาง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อ เพื่อนเกิด แก่ เจ็บ ตาย
    ด้วยกัน ก่อนที่ดอกบัวจะบานรับแสงสว่างก็ผ่านสภาพที่เป็นเหมือนกันทั้งนั้น พรหมวิหาร ๔ เป็นหลักธรรมที่จะช่วยจรรโลงให้จิตมีการพัฒนาสู่ความเป็นอริยชนได้

    โดยช่วยเหลือตามกำลังตามความสามารถของ
    ตนที่พอจะทำได้




    การเตรียมตัวทางโลก


    1. เตรียมของรับมือน้ำท่วม


    - ถือพุุทธสุภาษิต ที่ว่า "ตนแลเป็นที่พี่งแห่งตน" ถ้าไม่ทำตนให็เป็นที่พึ่งแล้วจะไปพึ่งใครเขาได้ ไม่ควรรีรอความช่วยเหลือจากผู้อื่น เพราะการช่วยเหลืออาจไม่ทั่วถึงและควรคำนึงในสภาพความเป็นจริงที่เห็นอยู่ ว่าสามารถเป็นที่พึ่งได้หรือไม่

    - การวางแผนที่ดีถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่งหนึ่ง
    อย่า คิดว่ามันไม่เกิด อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ เพราะทุกสิ่งไม่ได้ตั้งอยู่บนความเที่ยงแท้แน่นอนเสมอไป แม้กาย จิตและความคิดเราเองยังเปลี่ยนแปลงเลย นับประสาอะไรกับธรรมชาติ เพราะมันไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรา เขาเป็นธาตุของเขาอย่างนั้น จะเอาอะไรแน่นอนกับเขา เขาก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงปรับสภาพไปตามธรรมชาติของเขา จะร้ายแรงมากน้อยแค่ใหน ก็อยู่ที่เหตุและปัจจัยให้มันเกิด ถ้าวันนี้มันไม่เกิด วันหน้ามันก็เกิด อยู่ที่ว่ามันจะเกิดเมื่อใหร่ และจะเตรียมตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงอย่างไร กับการเกิดดับของธรรมชาติอย่างไร ถ้าจะไปยึดติด ไปตื่นตระหนก หวั่นวิตกเกินไป ในการเปลี่ยนแปลงของเขามากไป ก็อาจจะทำให้ชีวิตจิตใจไม่อยู่กับตัวเอง เป็นทุกข์มากไป เพราะถ้าเขาเปลี่ยนแปลงแบบนี้มันก็มีผลให้การดำรงชีวิตของสรรพชีวิตที่อยู่ ร่วมกับเขาอยู่ไม่มากก็น้อยด้วยเหตุและปัจจัยอื่นๆ อีกเช่นกัน ถ้าเข้าใจอย่างนี้ก็ต้องปรับตัว เตรียมตัว วางแผน เพื่อรับมือเขาและเพื่ออยู่ร่วมกับเขาอย่างที่เราพอจะอยู่ได้อย่างไม่เดือด ร้อน ให้เป็นปกติธรรมดา
    หมั่นติดตามข่าวสารภัยพิบัติธรรมชาติ เพื่อการวางแผนและเตรียมตัว
    ไฟฉายและถ่านไฟฉาย
    เทียนไข
    ยาสามัญประจำบ้าน
    ยาประจำตัวสำหรับผู้มีโรคประจำตัว
    อาหารกระป๋อง-อาหารสำเร็จรูป (ตรวจสอบวันหมดอายุและลักษณะของกระป๋องให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์)
    น้ำดื่ม-น้ำต้มสุก
    ผงน้ำตาลเกลือแร่ ติดไว้เผื่อมีอาการท้องร่วง
    ถุงพลาสติก เอาไว้ใส่ขยะและเอาไว้ถ่ายหนัก-เบา ในกรณีน้ำท่วมขัง หากถ่ายลงในน้ำจะทำให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้
    ปูนขาว ใช้ใส่ในถุงพลาสติกที่ถ่ายหนัก-เบา เพื่อฆ่าเชื้อโรค
    ถุงขยะสีดำใบใหญ่ ไว้รวมขยะทั้งหมดให้อยู่ในถุง ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค



    2. วางแผนในการอพยพคนและสัตว์เลี้ยงวางแผนการอพยพคนและสัตว์เลี้ยงหากเกิดน้ำ ท่วม โดยดูความเหมาะสม โดยดูจากสมาชิกภายในครอบครัว เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว และผู้พิการไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ควรย้ายออกจากบ้านพัก อาจติดต่อกับศูนย์ป้องกันภัย หรือศูนย์ช่วยเหลือประจำหมู่บ้าน/อำเภอ เพื่อป้องกันการเกิดอันตรายกับกลุ่มสมาชิกดังกล่าว




    3. ตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน

    ในบางครั้งหากไม่มีการย้ายสมาชิกในครอบครัวไปที่อื่น ยังอาศัยอยู่ในที่พักเดิม ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าภายในบ้าน หากน้ำท่วมถึงในบ้าน ควรปิดระบบไฟฟ้าชั้น 1 ทั้งหมด เพื่อป้องกันสมาชิกในบ้านถูกไฟฟ้าดูด และเพื่อความปลอดภัย หากน้ำมีแนวโน้มท่วมสูง ควรปิดระบบไฟฟ้าภายในบ้าน และอยู่ห่างจากแหล่งจ่ายไฟเข้าบ้าน

    โรคและสภาวะที่ต้องระวังในช่วงเกิดเหตุน้ำท่วม

    ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่

    ปอดบวม
    โรคฉี่หนู
    โรคอหิวาตกโรค
    โรคตาแดง
    อาหารเป็นพิษ
    สภาวะน้ำกัดเท้า
    สภาวะมือ-เท้า เปื่อย
    แมลงสัตว์กัดต่อย
    ภาวะจมน้ำ ในเด็ก คนแก่ และผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ (พิการ)
    ภาวะของผู้มีโรคประจำตัว เช่น หัวใจ เบาหวาน



    การปฏิบัติตัวในระหว่างน้ำท่วม


    1. ในการกินอาหารและน้ำทุกครั้ง ต้องมั่นใจว่าอาหารและน้ำนั้นสะอาด และหากเป็นไปได้ ควรอุ่นอาหารทุกครั้งก่อนกินอาหาร

    2. งดกินอาหารดิบ ต้องปรุงให้สุกก่อน เพราะในกรณีน้ำท่วม มีโอกาสที่จะได้รับเชื้อโรคสูงมาก

    3. ล้างมือให้บ่อยเท่าที่จะทำได้

    4. ถ้าหากเป็นอาหารกระป๋อง หรืออาหารสำเร็จรูป ต้องตรวจสอบวันหมดอายุ และกระป๋องที่บรรจุอาหาร กระป๋องต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่บุบ ไม่บวม และไม่เป็นสนิม และถ้าสามารถทำให้ร้อนได้ ควรทำให้ร้อนก่อนทุกครั้งก่อนกิน

    5. ถ่ายหนักและถ่ายเบาลงส้วม ห้ามถ่ายลงน้ำโดยตรง เพื่อไม่ให้เป็นการกระจายตัวของเชื้อโรค กรณีที่ไม่มีห้องน้ำ ต้องถ่ายลงในถุงพลาสติก และถ้าเป็นอุจจาระต้องใส่ปูนขาวลงไปพอประมาณ เพื่อฆ่าเชื้อ หลังจากนั้นผูกถุงให้สนิท แล้วทิ้งในถุงดำอีกที เพื่อป้องกันเชื้อโรคแพร่กระจาย

    6. หากเกิดภาวะท้องเสีย ให้ดื่มเกลือแร่ที่ผสมน้ำต้มสุกหรือน้ำสะอาด และถ้าสามารถไปโรงพยาบาลหรือหน่วยรักษาพยาบาลได้ให้รีบไปทันที ที่สำคัญห้ามผู้ป่วยถ่ายลงน้ำเด็ดขาด

    7. หลีกเลี่ยงการแช่น้ำนานๆ โดยเฉพาะผู้มีแผลในที่ๆสัมผัสน้ำได้ หากจำเป็นควรสวมถุงพลาสติกหรือใส่

    รองเท้าบูท เพราะการแช่ในน้ำ นอกจากแผลมีโอกาสติดเชื้อและรับเชื้อโรคเข้าร่างกายแล้ว ยังทำให้มีโอกาสเป็นโรคน้ำกัดเท้า – มือ,เท้าเปื่อย อีกด้วย

    8. ระมัดระวังสัตว์เลื้อยคลาน เช่น งู, ตะขาบ, แมงป่อง, สัตว์มีพิษ, จระเข้(กรณีที่อยู่ใกล้แม่น้ำ-คลอง) หากพักอาศัยอยู่ในบริเวณบ้าน ควรจัดที่พักให้โล่งแจ้ง เพื่อให้ง่ายในการระมัดระวัง


    การดูแลสุขภาพหลังน้ำลด


    1. โรคและภัยสุขภาพหลังน้ำลด ถึงน้ำจะลดลงแต่โรคและภัยสุขภาพก็ยังคงอยู่ เช่น ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม โรคฉี่หนู โรคตาแดง ท้องร่วง อาหารเป็นพิษ การป้องกันโรคก็ยังเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ต้องการเน้นให้ระวังหลังน้ำลด คือ

    สภาวะน้ำกัดเท้า อาการคัน และโรคผิวหนัง เมื่อน้ำลดพื้นก็ยังแฉะ มีน้ำขัง มีน้ำเน่าจากขยะปฏิกูล พืชที่จมน้ำ และมีเชื้อโรคบางชนิด ท่านที่ต้องเดินลุยน้ำจึงต้องใส่รองเท้าบูท หากต้องลุยน้ำโดยไม่ใส่รองเท้าก็ควรล้างเท้าให้สะอาดแล้วเช็ดให้แห้งหลังลุย น้ำเพื่อป้องกันโรคผิวหนังที่ง่ามนิ้วมือนิ้วเท้า ส่วนเสื้อผ้า ผ้าห่มและที่นอน ควรทำความสะอาด ตากแดดให้แห้ง และไม่ควรใส่ช้ำๆ
    สัตว์มีพิษ และแมลงสัตว์กัดต่อย ในช่วงน้ำท่วมสัตว์มีพิษ (งู แมงป่อง ตะขาบ มด ๆ) จะหนีน้ำมาหลบซ่อนในบ้าน ในช่วงน้ำลดสัตว์และแมลงเล่านี้ก็ยังอยู่ หากท่านขนย้ายสิ่งของ ทำความสะอาดบ้านก็ควรระวัง ในขณะทำการก็ควรช่วยกันดูหลายๆคน



    2. สภาวะเครียดจากความสูญเสีย ทั้งทรัพย์สิน สิ่งของ รายได้ อาชีพ รวมถึงการสูญเสียจากการบาดเจ็บและเสียชีวิตของบุคคลในครอบครัว สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกท่านที่อยู่ในพื้นที่อุทกภัยต้องประสบอยู่แล้ว ไม่มากก็น้อย หากเราเตรียมใจรับไว้ก่อนก็จะเป็นการดี ในความสูญเสียบางอย่างก็จะได้รับการชดเชยจากภาครัฐ ส่วนการเยียวยาทางจิตใจก็ควรรับคำปรึกษาจากหน่วยบริการด้านสุขภาพจิต


    การจัดการกับปัญหาที่มากับน้ำ

    1. การทำความสะอาดบริเวณบ้านและอุปกรณ์สิ่งของที่จมน้ำ

    พื้นบ้านและบริเวณผนังที่จมน้ำ ควรล้างและขัดคราบทั้งหมดให้สะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคหรือผงซักฟอกขัด ด้วยแปลงหรือไม้กวาดก้านมะพร้าว ขัดทุกบริเวณ ล้างน้ำสะอาดแล้วเช็ดให้แห้ง สิ่งสำคัญควรทำทันทีหลังน้ำลด ไม่ควรทิ้งไว้หลายวันเพราะจะขัดคราบไม่ออก
    ห้องน้ำที่มีน้ำขัง ทำความสะอาดทั้งพื้น ถังน้ำ ชักโครกหรือคอห่าน แล้วตรวจดูว่ามีท่ออุดตันตรงจุดไหนหรือไม่ ตรวจดูระดับน้ำในถังเกรอะ หากยังอยู่ระดับสูงจนราดน้ำไม่ลง ก็ให้งดใช้ก่อนรอจนกว่าจะราดน้ำได้
    ห้องครัว นำอุปกรณ์ทุกอย่าง(จาน ชาม ช้อน แก้ว หม้อ ฯ) ออกมาทำความสะอาดแล้วตากแดดให้แห้งก่อนเก็บ สำหรับพื้นที่ก็ให้ทำความสะอาดเหมือนบริเวณอื่นๆที่จมน้ำ ในส่วนของจุดหุงต้ม (เตาไฟ แก็ส)ควรเช็คว่ายังใช้ได้หรือไม่หากชำรุดก็ควรเปลี่ยนใหม่
    อุปกรณ์สิ่งของที่จมน้ำ (ตู้ เตียง ที่นอน โทรทัศน์ ตู้เย็น เครื่องใช้ไฟฟ้าฯ) ให้ขนย้ายออกมากตรวจดูสภาพการใช้งานข้างนอกบ้านก่อน ล้างทำความสะอาดแล้วตากแดดให้แห้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าต้องเช็คสภาพ หากชำรุดก็ควรทิ้ง ไม่ควรเก็บไว้จะเป็นอันตรายภายหลัง



    2. การกำจัดขยะและสิ่งปฏิกูลขณะใช้ชีวิตช่วงน้ำท่วม
    หากเทศบาลหรือหน่วยงานราชการนำรถ/เรือกำจัดขยะมารับก็ควรรวบรวมแล้วส่งให้ เขานำไปกำจัด แต่หากพื้นที่ใดไม่มีก็ให้รวบรวมแล้วขุดหลุมบริเวณที่น้ำแห้งแล้วฝังกลบให้ เรียบร้อย ป้องกันแมลงวันและสุนัข หนู มาคุ้ยเขี่ย





    [​IMG]



    [​IMG]




    [​IMG]



    [​IMG]



    เฝ้าดูน้ำท่วมที่บ้านผ่านมือถือ ด้วยโปรแกรม Skype
    (แบบ Real Time)
    ถ้าระบบสื่อสารเขาใช้ได้นะ


    [​IMG]




    [​IMG]





    วิธีเตรียมรับมือน้ำท่วม เพื่อความปลอดภัย
    ของคุณและครอบครัว


    [​IMG]




    [​IMG]







    [​IMG]





    [​IMG]




    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]




    [​IMG]





    [FONT=&quot]อาหารสด ผัก ผลไม้ ที่ควรเตรียม เมื่อมั่นใจว่า...จะไม่อพยพ (ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยาก)[/FONT]


    [FONT=&quot]จากประสบการณ์ที่อยู่กับสภาวะน้ำท่วมในบ้านของตัวเอง[/FONT]
    [FONT=&quot]กับแมว [FONT=&quot]10 [/FONT][FONT=&quot]ตัว และหมาหนึ่งตัว มาแล้ว [/FONT][FONT=&quot]1 [/FONT][FONT=&quot]สัปดาห์[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากที่จะเตรียมไว้ก่อนที่น้ำมา[/FONT]
    [FONT=&quot]จนไม่สามารถหาอะไรได้[FONT=&quot]เราจะไม่พูดถึงอาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]เครื่องกระป่อง[FONT=&quot]เพราะทุกคนคงรู้กันอยู่แล้ว [/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot].............[/FONT]

    [FONT=&quot]ในช่วงที่ยังมีไฟฟ้าใช้[FONT=&quot]ตู้เย็นสามารถแช่อาหารสดเช่น หมู เนื้อ ไก่ ปลา ฯลฯ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ไว้ได้ แต่ถ้าโดนตัดไฟล่ะ อาหารที่ยังกินไม่หมดเหล่านั้น จะทำอย่างไร[/FONT]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]คำแนะนำ :[FONT=&quot]เตรียมเกลือป่น เกลือเม็ด แล้วแต่สะดวกให้มากกว่าปกติ[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]เนื้อสดต่างๆ นอกจากรวน ต้ม นึ่ง แล้ว เราถนอมอาหารด้วยการทำเค็ม[FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]แขวน ตาก ผึ่ง ไว้กินได้ในระยะยาว[/FONT]
    [/FONT]

    [FONT=&quot]ผัก ผลไม้[FONT=&quot]เป็นอาหารที่จำเป็นยิ่ง เพราะร่างกายที่ต้องอยู่กับอาหารสำเร็จรูป[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]และเนื้อสัตว์ ไม่ดีแน่[FONT=&quot]ร่างกายควรแข็งแรงไว้ในภาวะวิกฤตแบบนี้[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]คำแนะนำ : [FONT=&quot]ซื้อผักสด ที่อยู่ข้างนอก และในตู้เย็นได้นานๆ ไว้ด้วย[/FONT][FONT=&quot]เช่น มันฝรั่ง แครอท กะหล่ำปลี[/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]หอมใหญ่ มะระ หัวไช้เท้า มะละกอดิบ กล้วยดิบ ฟักทอง เผือก มัน ข้าวโพด ฟัก แฟง เป็นต้น[/FONT]
    [FONT=&quot]ควรมีถั่วเขียว ถั่วเหลือง ประเภทที่เอามาเพาะเป็นถั่วงอกเก็บไว้สักกิโล สองกิโล[/FONT]
    [FONT=&quot]ไหนๆ น้ำก็ล้อมรอบบ้านแล้ว ซื้อผักกระเฉด ผักบุ้ง มาผูกกับหลักลอยน้ำไว้บ้างก็ดี[/FONT]


    [​IMG]




    [FONT=&quot]วิธีหุงข้าว เก็บได้หลายวัน[/FONT]

    [FONT=&quot]วิธีหุงข้าวสวยให้เก็บไว้ได้หลายวันโดยไม่บูด[FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]วิธีหุงข้าวสวยให้เก็บไว้ได้หลายวันโดยไม่บูด เก็บไว้ได้ [/FONT][FONT=&quot]4-5 [/FONT][FONT=&quot]วัน[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ตอนนี้พื้นที่น้ำท่วมเยอะมาก บางที่ท่วมจนไม่สามารถจะทำอาหารได้[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]หรือไม่มีอุปกรณ์เพราะน้ำพาไปหมด ของที่บริจาคช่วยน้ำท่วมที่เราเห็นเยอะคือ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือข้าวสาร ซึ่งต้องทำให้สุกก่อนทาน[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]หรือจะเป็นอาหารสำเร็จรูปบรรจุกระป๋องอย่าง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ปลากระป๋องซึ่งทานอย่างเดียวก็ไม่อิ่มท้อง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ข้าวสวยบรรจุกระป๋อง ก็มีราคาแพงและน้อย[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ที่บ้านเรา เวลาหุงข้าวสวย จะใส่น้ำส้มสายชูลงไปด้วย ข้าวสาร [/FONT][FONT=&quot]3 [/FONT][FONT=&quot]กระป๋อง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ใช้น้ำส้มสายชูประมาณ [/FONT][FONT=&quot]1 [/FONT][FONT=&quot]ช้อนชา ซึ่งจริงๆก็กะเอาค่ะไม่ได้ตวง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ข้าวสวยที่หุงโดยการเติมน้ำส้มสายชูลงไป สามารถอยู่ได้โดยไม่บูดหลายวัน[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เราเคยหุงแล้วตักมาทาน แล้วปิดฝาทิ้งไว้ ลืมไป [/FONT][FONT=&quot]4 [/FONT][FONT=&quot]วัน มาเปิดหม้อดูอีกที[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ก็[/FONT][FONT=&quot]ไม่บูดค่ะ ไม่แฉะด้วย เรา ทดลองหุงแล้วตักมาทาน แล้วปล่อยทิ้งไว้คาหม้อ [/FONT][FONT=&quot]4-5 [/FONT][FONT=&quot]วัน มาไม่ต่ำกว่า [/FONT][FONT=&quot]5 [/FONT][FONT=&quot]ครั้งแล้วค่ะ เพื่อพิสูจน์ว่ามันจะไม่บูดจริงๆ[/FONT][FONT=&quot]โดยเปิดฝาดูทุกวัน[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ข้าวที่หุงทิ้งไว้ [/FONT][FONT=&quot]4-5[/FONT][FONT=&quot]วัน เราก็เอามาทานจริงๆ[/FONT][FONT=&quot]ไม่มีกลิ่นบูด ไม่แฉะ เราเลยคิดว่า[/FONT][FONT=&quot]อยากให้หุงข้าวด้วยการเติมน้ำส้มสายชูดังกล่าว แล้วบรรจุถุงแกง[/FONT][FONT=&quot]อาจจะรัดด้วยหนังยางหรือซีลด้วยเครื่องซีลถุง[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เอาไปบริจาคให้ผู้ที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วมซึ่งไม่สามารถประกอบอาหารได้[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ทานข้าวสวยกับปลากระป๋อง อร่อยและอิ่มท้องกว่าทานปลากระป๋องอย่างเดียวค่ะ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]ส่วนตัวเราเอง ตอนนี้ทยอยหุงข้าวแล้ว [/FONT][FONT=&quot]pack [/FONT][FONT=&quot]ใส่ถุงพลาสติกเก็บไว้เป็นเสบียงแล้วค่ะ[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เพราะอยู่ในพื้นที่เสี่ยงน้ำจะเข้าท่วมในอีก[/FONT][FONT=&quot]2-3[/FONT][FONT=&quot]วัน เก็บของเตรียมพร้อมเรียบร้อย[/FONT][FONT=&quot]
    [/FONT][FONT=&quot]เอกสารสำคัญ ยา อาหาร ของจำเป็นในการดำรงชีวิต พร้อมลุย ไม่ต้องรอถุงยังชีพ[/FONT]
    [/FONT]






    [FONT=&quot]คำแนะนำ การใช้ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย ในวิกฤตน้ำท่วม[/FONT]
    [FONT=&quot]โดย การไฟฟ้านครหลวง[/FONT]


    [FONT=&quot]ก่อนน้ำท่วม[/FONT]

    [FONT=&quot]ให้ย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าไปในจุดที่น้ำท่วมไม่ถึง[/FONT]
    [FONT=&quot]ตัดวงจรไฟฟ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้[/FONT]
    [FONT=&quot]ยกระดับปลั๊กให้สูงกว่าระดับที่คาดว่าน้ำจะท่วม [/FONT]1.00 – 1.20 [FONT=&quot]เมตร[/FONT]
    [FONT=&quot]และติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วที่เมนสวิตช์[/FONT]
    [FONT=&quot]ระหว่างน้ำท่วม[/FONT]

    [FONT=&quot]ให้ตัดไฟที่เมนสวิตช์ในชั้นที่น้ำท่วมถึงทันที[/FONT]
    [FONT=&quot]เมื่อยืนอยู่ในน้ำหรือเหยียบน้ำหรือพื้นที่ชื้นแฉะ[/FONT]
    [FONT=&quot]ต้องไม่เปิดสวิตช์หรือเสียบปลั๊กอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด[/FONT]
    [FONT=&quot]หากพบเห็นสายไฟขาดหรืออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าแช่น้ำอยู่[/FONT]
    [FONT=&quot]ห้ามเข้าใกล้หรือจับต้องโดยเด็ดขาด[/FONT]
    [FONT=&quot]กรณีใช้เครื่องสูบน้ำต้องติดตั้งเครื่องตัดไฟรั่วป้องกันไฟดูด[/FONT]
    [FONT=&quot]หลังน้ำท่วม[/FONT]

    [FONT=&quot]เบื้องต้นต้องตรวจสอบเมนสวิตช์และสายไฟฟ้าต้องมีสภาพสมบูรณ์[/FONT]
    [FONT=&quot]เต้ารับและสวิตช์ไม่เปียกชื้นและไม่มีน้ำขัง[/FONT]
    [FONT=&quot]เครื่องใช้ไฟฟ้าที่แช่อยู่ในน้ำต้องตรวจสอบก่อนใช้เพื่อความปลอดภัย[/FONT]
    <hr align="center" size="2" width="100%"> ​
    [FONT=&quot]พบสายไฟฟ้าขาด ไฟฟ้าลัดวงจร ไฟรั่ว[/FONT]
    [FONT=&quot]ข้อสงสัยว่าอาจทำให้เกิดอันตรายจากไฟฟ้า[/FONT]
    [FONT=&quot]หรือต้องการความช่วยเหลือด้านไฟฟ้า[/FONT]
    [FONT=&quot]ติดต่อ ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ไฟฟ้า [/FONT][FONT=&quot]1130 [/FONT][FONT=&quot]ตลอด [/FONT][FONT=&quot]24 [/FONT][FONT=&quot]ชั่วโมง[/FONT]





    [FONT=&quot]เรื่องต้องรู้ เมื่อ "อุทกภัย" ทำ "คนหาย" ออกจากบ้าน[/FONT]

    [FONT=&quot]1. [FONT=&quot]คนหายจากอุทกภัยมีสามประเภทใหญ่ๆ ประเภทแรก หายตอนอพยพ[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งไปคนละทิศละทาง ถูกส่งไปอยู่คนละศูนย์อพยพ ประเภทที่สอง[/FONT][FONT=&quot]คนหายลุยฝ่าน้ำกลับเข้าไปดูบ้านหลังอพยพออกมา แล้วขาดการติดต่อ[/FONT][FONT=&quot]เนื่องจากไม่ได้เอาโทรศัพท์เข้าไปด้วย ประเภทที่สาม คนหายประสบอุบัติเหตุ[/FONT][FONT=&quot]จมน้ำหรือไฟดูด และกลายเป็นศพไม่ทราบชื่อ[/FONT][FONT=&quot]รวมทั้งศพถูกเคลื่อนย้ายไปยังนิติเวชโรงพยาบาลจังหวัดอื่น[/FONT][FONT=&quot]ทำให้ญาติตามหาศพไม่เจอ[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]2.[FONT=&quot]การติดตามคนหาย ในเบื้องต้น ควรเริ่มจาการพยายามติดต่อเพื่อนคนหายก่อน[/FONT][FONT=&quot]เพราะส่วนใหญ่[/FONT][FONT=&quot]คนหายอาจจะไปขอพักอาศัยตามบ้านเพื่อนหรือคนรู้จักเป็นลำดับแรก[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]3.[FONT=&quot]การแจ้งความคนหาย ควรพิจารณาเป็น [/FONT][FONT=&quot]2 [/FONT][FONT=&quot]กรณี - กรณีเด็กและผู้สูงอายุ[/FONT][FONT=&quot]ควรไปแจ้งความคนหายได้เลยหลังจากหายไปผิดปกติ แม้ว่าจะหายไปไม่ถึง [/FONT][FONT=&quot]24 [/FONT][FONT=&quot]ชม.ก็ตาม เพราะอาจเกิดเหตุร้ายกับเด็กและผู้สูงอายุที่หายไป กรณีผู้ใหญ่[/FONT][FONT=&quot]ควรรอให้หายไปครบ [/FONT][FONT=&quot]24 [/FONT][FONT=&quot]ชม.ก่อน เนื่องจากอาจเป็นเพียงการขาดการติดต่อ[/FONT][FONT=&quot]เพราะไม่สะดวกในการใช้โทรศัพท์[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]4.[FONT=&quot]ควรไปแจ้งความ ยังสถานีตำรวจท้องที่ ซึ่งคนหายหายตัวไป[/FONT][FONT=&quot]ถ้าเป็นที่บ้านให้แจ้งความในท้องที่บ้านของคนหาย[/FONT][FONT=&quot]ถ้าหายไปจากศูนย์อพยพให้ไปแจ้งความยังท้องที่ซึ่งอพยพตั้งอยู่[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]5.[FONT=&quot]การติดตามคนหายในลำดับต่อมา หลังจากแจ้งความ[/FONT][FONT=&quot]ควรตรวจสอบไปตามศูนย์อพยพใกล้บ้าน[/FONT][FONT=&quot]หรือหากศูนย์อพยพมีการเคลื่อนย้ายเนื่องจากน้ำท่วม[/FONT][FONT=&quot]ควรตรวจสอบว่าศูนย์อพยพย้ายไปอยู่ที่ใด[/FONT][FONT=&quot]เพื่อขอตรวจสอบรายชื่อผู้อพยพในศูนย์ดังกล่าว[/FONT][FONT=&quot]โดยสามารถสอบถามรายละเอียดของศูนย์อพยพ ทุกแห่งได้ที่ ศูนย์ประชาบดี โทร[/FONT][FONT=&quot] 1300[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]6. [FONT=&quot]การประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ เกี่ยวกับคนหาย[/FONT][FONT=&quot]ควรเตรียมสำเนาใบแจ้งความ และภาพถ่ายปัจจุบันของคนหายเตรียมไว้ด้วย[/FONT][FONT=&quot]เพื่อง่ายในการประสานข้อมูล[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]7.[FONT=&quot]กรณีเด็กหายพลัดหลง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งเด็กไปยังสถานแรกรับเด็ก[/FONT][FONT=&quot]ส่วนผู้สูงอายุ ที่พลัดหลง[/FONT][FONT=&quot]เจ้าหน้าที่ตำรวจอาจจะนำส่งไปยังสถานแรกรับคนไร้ที่พึ่ง[/FONT][FONT=&quot]โดยญาติคนหายสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศูนย์ประชาบดี โทร [/FONT][FONT=&quot]1300[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]8.[FONT=&quot]หากคนหายเสียชีวิต ปกติแล้วตำรวจหรือโรงพยาบาลจะแจ้งกลับมาหาญาติ[/FONT][FONT=&quot]ตามรายละเอียดในเอกสารที่อยู่ติดตัวของผู้เสียชีวิต[/FONT][FONT=&quot]เว้นแต่ศพผู้เสียชีวิตจะไม่มีเอกสารใดๆ ติดตัว กรณีนี้[/FONT][FONT=&quot]ญาติสามารถสอบถามรายละเอียดไปยังสถานีตำรวจว่ามีศพไม่ทราบชื่อเสียชีวิตใน[/FONT][FONT=&quot]พื้นที่หรือไม่ หรือติดต่อไปยังแผนกนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ[/FONT][FONT=&quot]ซึ่งเป็นหน่วยงานในการชันสูตรศพจากพื้นที่น้ำท่วม โทร [/FONT][FONT=&quot]022076000 [/FONT][FONT=&quot]ต่อ[/FONT][FONT=&quot]1101[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]9.[FONT=&quot]การประกาศติดตามหาคนหายผ่านสื่อมวลชน และเครือข่ายสังคมออนไลน์[/FONT][FONT=&quot]อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง แต่ควรตรวจสอบข้อมูลจากระบบต่างๆ[/FONT][FONT=&quot]จนแน่ใจว่าหาไม่พบ เนื่องจากการสื่อสารภาพคนหายผ่านสาธารณะ[/FONT][FONT=&quot]อาจกระทบต่อสิทธิของคนหาย[/FONT][FONT=&quot]ถ้าประสงค์จะติดตามคนหายผ่านสาธารณะสามารถติดต่อได้ที่ ศูนย์ข้อมูลคนหาย[/FONT][FONT=&quot]มูลนิธิกระจกเงา[/FONT][FONT=&quot]www.facebook.com/thaimissing[/FONT][/FONT]

    [FONT=&quot]10.[FONT=&quot]ในฐานะคนทำงานด้านการติดตามคนหายมากว่า [/FONT][FONT=&quot]10 [/FONT][FONT=&quot]ปี[/FONT][FONT=&quot]เชื่อมั่นว่าภายหลังจากสถานการณ์น้ำลดระดับแล้ว ทุกอย่างจะดีขึ้น[/FONT][FONT=&quot]คนหายอาจจะมีโอกาสได้ติดต่อกลับมา และเราเชื่อว่าจะคนหายทุกคนปลอดภัยครับ.[/FONT][/FONT]




    นวัตกรรมส้วมฉุกเฉิน จากถังพลาสติก (ป้องกันโรคระบาดจากน้ำท่วม)


    [​IMG]

    นายกิตติ พุฒิกานนท์ รอง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก กรมควบคุมโรค เผยว่า จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์โรคในพื้นที่เขตอุทกภัย พบว่าโรคที่กำลังจะเป็นปัญหาทางสาธารณสุข คือ โรคอุจจาระร่วง โรคตาแดง และโรคน้ำกัดเท้า ซึ่งโรคเหล่านี้อาจกลายเป็นปัญหาสำคัญหลังจากน้ำเริ่มลด พบว่าปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เป็นต้นเหตุในการแพร่ระบาดของโรคอุจจาระ ร่วงคือ โรคอาหารเป็นพิษ เนื่องจากชาวบ้านไม่มีส้วมที่ถูกสุขลักษณะใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตของจังหวัดซึ่งกำลังประสบกับปัญหาน้ำท่วม บางพื้นที่ท่วมสูงถึงชั้น 2 ของตัวบ้าน ทำให้ชาวบ้านบางส่วนขับถ่ายของเสียลงในน้ำ ซึ่งทำให้เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย

    สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 พิษณุโลก มีความห่วงใยในสุขภาพและอนามัยของประชาชนในช่วงน้ำท่วมนี้เป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงคิดค้นประดิษฐ์ทำ “ ส้วมฉุกเฉินจากถังพลาสติก “ ขึ้น เพื่อเป็นการบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ขั้นตอนการทำส้วมฉุกเฉิน นี้ ได้แก่ หาถังพลาสติกขนาดกลาง แล้วนำมาตัดบริเวณก้นถังให้เป็นรูปวงกลม จากนั้นนำถุงดำหรือถุงขยะทั่วไป มาใส่กับตัวกรวยโดยสวมจากด้านล่างขึ้นไปด้านบนปากกรวย แล้วนำกรวยไปวางไว้บนถังที่เจาะรู้ไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อถ่ายของเสียเสร็จแล้วให้นำฝามาปิดเพื่อเป็นการป้องกันกลิ่น ในการเก็บทำลายและกำจัด เก็บถุงดำให้รวบปากถุงรัดด้วยยางหรือเชือก แล้วนำไปรวบรวมไว้ในที่สูงหรือที่ทิ้งขยะของเทศบาล อบต. เพื่อกำจัดอย่างถูกสุขลักษณะต่อไป ถ้ามียาฆ่าเชื้อไลโซล ให้ใส่ในถุงดำก่อนนำไปทิ้งหรือใส่จุลินทรีย์ EM ก่อน แล้วจึงมัดด้วยยางหรือโรยด้วยปูนขาว

    นาย กิตติ กล่าวต่อว่า ขอย้ำเตือนประชาชนในพื้นที่ประสบอุทกภัย ให้เฝ้าระวังป้องกันปัญหาสุขอนามัยของการขับถ่าย ผู้ประสบอุทกภัยจำเป็น ต้องทำส้วมฉุกเฉินขึ้นมาด้วยตนเอง หรือหาวัสดุที่มีอยู่ภายในบ้านนำมาประยุกต์ในการป้องกันโรค นอกจากนี้ยังแนะนำให้ประชาชนสวมรองเท้าบูททุกครั้งที่เดินลุยน้ำ และหลังลุยน้ำทุกครั้งควรล้างเท้าให้สะอาด เพื่อป้องกันเชื้อโรค ตลอดจนหมั่นดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเสมอ ดื่มน้ำและรับประทานอาหารสุกสะอาด เพื่อป้องกันโรคระบาดที่มักเกิดขึ้นในช่วงน้ำท่วมนี้

    [​IMG]


    [​IMG]





    แนวคิด แบบเขื่อนกันน้ำของ วสท.

    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]





    [​IMG]



    ขอบคุณข้อมูลโดย อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย:Ideas - Blogs - SiamArsa | อาสาสมัครฟื้นฟูประเทศไทย

    (สิ่งที่เฝ้าระวังในไกล้ๆนี้ คือ แผ่นดินสั่นสะเทือนแล้วมีน้ำไหลตามมา ความคิดที่แตกแยกทำให้คนทะเลาะกันเอง)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2011
  12. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    [​IMG]


    นองน้ำแลเลือดจะนอง'ญาณ'ของพระพรหมวชิรญาณ

    โหราศาสตร์ เป็นวิชาที่ใช้ทายกาลล่วงหน้าหรือดูการล่วงหน้า ใช้สำหรับพยากรณ์ผลกรรมของมนุษย์โดยอาศัยดวงดาวเป็นเครื่องพยากรณ์ แสดงเหตุและผลของดวงดาว ทำให้สามารถทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าของวิถีทางของมนุษย์ และเหตุการณ์ของโลกทั่วๆ ไป ทั้งนี้ตามหลักพุทธศาสนา ตามที่แสดงไว้ในกัมมวิภังคสูตร ๑๔ ประการ คือ บางคนอายุยืน บางคนอายุสั้น บางคนมีโรคน้อย บางคนมีโรคมาก บางคนมีผิวพรรณดีบางคนมีผิวพรรณทราม บางคนมีศักดามาก บางคนมีศักดาน้อย บางคนมีทรัพย์สมบัติมาก บางคนมีทรัพย์สมบัติน้อย บางคนมีตระกูลสูง บางคนมีตระกูลต่ำ บางคนมีปัญญามาก บางคนมีปัญญาน้อย

    ในทางพระพุทธศาสนา ได้มีพุทธานุญาตให้พระภิกษุสงฆ์เรียนรู้วิชาโหราศาสตร์ในเรื่องฤกษ์ยาม เพื่อจะได้รู้เวลาทำอุโบสถสังฆกรรม อันเป็นกิจในพระพุทธศาสนา จึงได้มีชื่อ วัน เดือน ปี และฤกษ์แสดงไว้ท้ายบอกวัตรพระเป็นประเพณีสืบต่อมา

    ปัจจุบันมีพระสงฆ์ที่ขึ้นชื่อว่า “ดูหมอแม่น” หลายสิบรูป และหนึ่งในจำนวนนี้ คือ พระพรหมวชิรญาณ (ประสิทธิ์ เขมังกโร) หรือ เจ้าคุณพรหมฯ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าอาวาสวัดยานนาวา ซึ่งที่ผ่านมามีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักธุรกิจ นักการเมืองทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาล แวะเวียนไปหาไม่เคยขาด

    เจ้าคุณพรหม บอกว่า โหราศาสตร์ไม่ใช่ศาสตร์แห่งความหลุดพ้น พระพุทธเจ้าใช้คำว่า “เดรัจฉานวิชา” หรือ “โลกิยวิชา” ด้วยซ้ำ เพียงแต่สามารถเอาไปใช้ให้เกิดประโยชน์บรรเทาทุกข์ในระดับโลกิยชน ที่ยังอยู่ในโลกนี้ได้ เพียงแต่ไม่ควรเชื่ออย่างงมงายเท่านั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุดก็คือ การประพฤติธรรม ทุกศาสตร์มีประโยชน์ ผู้ที่ฉลาดหรือผู้ที่มีปัญญาต้องรู้จักนำความรู้จากโหราศาสตร์มาใช้ให้เป็น ประโยชน์ เหมือนการพยากรณ์อากาศ เขาไม่ได้พยากรณ์ให้ฟังแค่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่นั่นที่นี่ แต่ต้องการให้คนฟังวางแผนล่วงหน้า

    โหราศาสตร์ดาราศาสตร์เป็นเรื่องของหลักสถิติที่มีการบันทึกกันมาอย่างต่อ เนื่อง ในอดีตเราใช้ดวงดาวในการคำนวณเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทุกวันนี้แม้ว่าเราจะมีดาวเทียมในการพยากรณ์อากาศ แต่ดวงดาวบนท้องฟ้ายังคงใช้ได้อยู่ ไม่ว่าศาสตร์อะไร ถ้าเราใช้เป็นย่อมเกิดประโยชน์การที่เรารู้เรื่องโหราศาสตร์เรารู้เอาไว้ เพื่อที่จะป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ถ้าใช้ไม่เป็นย่อมเกิดโทษ ถ้าบอกว่าดวงไม่ดี แล้วนอนอยู่บ้านเฉยๆ คงไม่ใช่ ยังต้องทำงานปฏิบัติหน้าที่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง

    ทั้งนี้ เจ้าคุณพรหมจะเน้นย้ำเสมอๆ ว่า อย่ามงาย เชื่อสิ่งใดโดยไม่มีเหตุผล ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย คนหวังปกติสุขก็ต้องทำความดีเป็นปกติ โหราศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์สื่อชี้ให้เห็นแนวทางกว้างๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วเตรียมตัวรับกับสถานการณ์นั้น ด้วยความไม่ประมาท เช่น มีการพยากรณ์ล่วงหน้าว่ากรุงเทพฯ น้ำจะท่วมมาตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๔ หากเราหาวิธีป้องกันแต่เนิ่นๆ ความเสียหายคงไม่มากอย่างที่เป็นอยู่ อย่างที่วัดได้หากระสอบทรายมาทำแนวป้องกันตั้งแต่น้ำเข้าอยุธยา รัฐบาลชุดนี้ในช่วงเข้ามารับตำแหน่งใหม่ๆ สนใจแต่เรื่องอื่นไม่ได้สนใจเรื่องภัยธรรมชาติเท่าที่ควร คิดว่าการบริหารงานตามปกติจะเอาอยู่แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่เพราะน้ำมา มากกว่าปกติ

    อย่างไรก็ตามเท่าที่ได้ศึกษาด้านโหราศาสตร์ ในปี ๒๕๕๔ นี้ เป็นเพียงแค่การทดสอบ ความเสียหายที่ปรากฏยังถือว่าไม่มาก เมื่อเปรียบกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปี ๒๕๕๕ ซึ่งจะหนักว่าปีนี้ทุกด้าน ไม่เฉพาะเรื่องธรรมชาติเพียงอย่างเดียว เรื่องเหตุบ้านการเมืองก็สาหัสไม่แพ้ พ.ศ.๒๕๕๔ โดยเฉพาะในช่วงรอยต่อระหว่าง พ.ศ.๒๕๕๔ กับ พ.ศ.๒๕๕๕ ก็ต้องระวังในเรื่องความแตกแยกทางความคิด

    "ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๕ จะมีปัญญาหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมๆ กัน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมความวุ่นวายของประเทศชาติจะไม่ ธรรมดาหนักและร้ายแรงยิ่งกว่าเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลางปีนองเลือดพอปลายปีน้ำก็นอง และจะอยู่ต่อเนื่องไปอีก ๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ.๒๕๕๗ เมื่อขึ้น พ.ศ.๒๕๕๘ บ้านเมืองจะสงบสุข เศรษฐกิจจะรุ่งเรือง" เจ้าคุณพรหมกล่าว

    เมื่อถามถึง "รัฐบาลนี้จะอยู่ครบวาระหรือไม่?" เจ้าคุณพรหม ตอบว่า “ถ้าดวงอย่างนี้แล้ว บวกกับขาดความสามัคคี ไม่ประสานประโยชน์ต่อกันให้ดี ต่างคนต่างจะเอาปะโยชน์ใส่ตัว ไม่ตกลงกันให้ดี ถ้าจะเกิดอะไรขึ้นก็เกิดขึ้นง่าย อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
    เพราะเรารักชาติ รักศาสนา รวมทั้งรักสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ปาก ไม่ได้รักเพราะจิตสำนึกของความเป็นคนไทย”


    ยุติทุกปัญหาด้วยธรรม


    “ความแม่นยำเป็นสิ่งที่หมอดูปรารถนามากที่สุด แต่คราวนี้อาตมาได้แต่สวดมนต์ภาวนาขออย่าให้เป็นตามที่ดูไว้เลย” นี้เป็นคำยืนยันของเจ้าคุณพรหม

    พร้อมกันนี้ เจ้าคุณพรหมแนะนำว่า เมื่อเรารู้ว่าในอนาคตอาจจะเกิดอะไรขึ้น เราสามารถป้องกันสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ สามารถผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ และทุกอย่างที่พยากรณ์ไว้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากเราตั้งตัวอยู่บนความไม่ประมาท เอาหลักของพระพุทธเจ้ามาใช้ มีหลักปฏิบัติเพื่อป้องกัน คือ ทาน ศีล และภาวนา

    ทาน แปลว่า การให้, การแบ่งปัน, การเสียสละ, การเอื้อเฟื้อ หมายถึงการให้ทานด้วยจิตใจที่ดี งาม การคลายความตระหนี่ ความเห็นแก่ตัว ความโลภในจิตใจมนุษย์ ส่งผลให้เกิดความ ใส สว่าง สะอาดของจิตใจขึ้นมา

    ศีล เป็นข้อปฏิบัติตนขั้นพื้นฐานในทางพระพุทธศาสนา คือทำให้กาย วาจา ใจ สงบไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เพื่อควบคุมความประพฤติทางกายและวาจาให้ตั้งอยู่ในความดีงามมีความปกติสุข เพื่อประโยชน์ขั้นพื้นฐานคือความสุขและไม่มีการเบียดเบียนกันในสังคม

    ภาวนา แปลว่า การเจริญ การอบรม การทำให้มีให้เป็นขึ้น หมายถึง การทำจิตใจให้สงบและทำปัญญาให้เกิดขึ้น ด้วยการฝึกฝนอบรมจิตไปตามแบบที่ท่านกำหนดไว้ ซึ่งเรียกชื่อไปต่างๆ เช่น การบำเพ็ญกรรมฐาน การทำสมาธิ การเจริญภาวนา การเจริญจิตภาวนา

    “ความไม่สงบไม่ว่าจะที่หนใดในโลกมีอยู่ตลอดเวลา ถ้าพวกเราลดความเห็นแก่ตัวลงมา มีความพอเพียง ไม่ให้แก่ตัวเกินไป นึกถึงประโยชน์ส่วนรวมของบ้านเมือง ยึดพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมานฉันท์ ประนีประนอม ปัญหาย่อมไม่เกิดขึ้น เรามีปัญญาชนจำนวนมาก แต่เป็นมิจฉาปัญญา ปัญญาดิบที่ขาดสติ ทุกวันนี้สถาบันการศึกษามุ่งเน้นแต่จะสอนวิชาชีพโดยละทิ้งวิชาชีวิต” เจ้าคุณพรหมกล่าวทิ้งท้าย

    ที่มา
    �ͧ��������ʹ�йͧ�ҳ�ͧ��о���Ǫ�íҳ ��Ѵ�֡ : ��ʹҾ������ͧ : ���Ƿ����
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  13. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471
    อยู่อย่างพอเพียง ใกล้ตัวความสุขยังมี

    [​IMG]



    ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาท ปกเกล้าปกกระหม่อม
    ขอพระราชทานอัญเชิญพระบรมฉายาลักษณ์
    เพื่อเหล่าปวงข้าพระพุทธเจ้าฯ



    ขอประกาศราชสดุดีเฉลิมพระเกียรติ ถวายพระพรชัยมงคล
    เนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๔ พรรษา
    แห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช



    ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย องค์พระสยามเทวาธิราช เทวาภินิหารทั้งปวงได้โปรดอภิบาล
    ดลบันดาลให้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ทรงพระเกษมสำราญทรงมีพระชนมายุยิ่งยืนนาน ปราศจากโรคาพยาธิภัยพิบัติ
    ขอจงทรงพระเจริญถึงพร้อม ด้วยจตุรพิธพรชัยทุกประการเทอญ
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ




    เพลง "อยู่อย่างพอเพียง"
    ศิลปิน อี๊ด Fly คำร้อง สุรักษ์ สุขเสวี
    อัลบั้ม คำพ่อสอน ทำนอง/เรียบเรียง โสฬส ปุณกะบุตร

    ภายใต้ฟ้าที่กว้างใหญ่ มีขุนเขาให้คนปีนป่ายอยาก<O></O>
    จะไปให้ไกลให้สุดดังใจฝัน พอหวังสูงจนเกินไป <O></O>
    กลับเป็นทุกข์ท้อแท้ในใจ และดวงดาวไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ <O></O>​

    * กลับมาเอนกาย ซบลงแนบอุ่นไอดิน <O></O>
    สู่ความเคยชิน ที่เราเคยหลงลืมไปนาน <O></O>
    ก็จะรู้ว่าผืนดิน ท้องฟ้าหน้าบ้านเรานั้น <O></O>
    ที่เป็นของสำคัญเกินสิ่งใดๆ <O></O>​

    ** อยู่อย่างพอเพียง ใกล้ตัวความสุขยังมี <O></O>
    อยู่อย่างพอดี ไม่มีความทุกข์ร้อนในใจ <O></O>
    สุขจริงแท้ในชีวิตคน จะค้นเจอได้ไม่ไกล <O></O>
    อยู่ในใจของคนรู้จักเพียงพอ <O></O>
    (แค่มีคำว่าพอก็สุขเกินใคร) <O></O>

    ความมุ่งมั่นยังมีอยู่ ยังต้องสู้ต้องทำทุกอย่าง <O></O>
    อยู่บนทางที่แม้ จะเหนื่อยแต่ยังไหว
    ยังต้องคิดต้องทำดี ต้องมานะพากเพียรเข้าไป <O></O>
    แต่ดวงดาวไม่ใช่คำตอบที่ต้องการ
    <O></O>

    อนุโมทนาขอกุศลส่งบุญ คุณอิ๊ด วง Flly และคณะผู้ผลิตผลงานเพลง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2011
  14. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747

    ร่วมประชาสัมพันธฺ์


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]



    รับสมัครพระ-เณร ใจสิงห์ บวชจริง เรียนจริง ปฏิบัติจริง


    ร่วมโครงการธุดงค์ธรรมจาริกเทิดพระเกียรติฯ ครั้งที่ ๕

    เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ ๘๕ พรรษา

    ณ ศูนย์ธุดงค์ธรรมสถานถ้ำน้ำตกผาแดงซับพลู (บ้านซับเหว)


    ต.ซับสนุ่น อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี


    วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ถึง วันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๕ (ร่วมระยะเวลา ๒ เดือน)

    เส้นทางจาริก จาก ศูนย์ธุดงค์ธรรมสถานถ้ำน้ำตกผาแดงซับพลู จ.สระบุรี
    สู่ วัดพระัวัดพระธาตุดอยกองมู จ.แม่ฮ่องสอน


    ลงทะเบียน วันที่ ๑-๘ ธันวาคม ๒๕๕๔
    ออกเดินจาริก วันที่ ๙ ธันวาคม ๒๕๕๕

    สนับสนุนโครงการโดย พระครูวินัยธรนิคม สิริวฑฒโณ
    ดำเนินงานโดย พระอาจารย์สถิต อตถกาโร (หลวงปู่ตี๋)
    ติดต่อสอบถาม 08-15491087, 08-6262-0896, 08-7253-6173

    การเดินทาง

    - ลงรถที่ อ.ปากช่อง ตลาดแขก นั่งรถมอเตอร์ไซท์มาที่ วัดเทพสถิต

    ข้างทางรถไฟ (วัดหลวงพ่อจ้อย) มีรถรอรับ


    - จากสระบุรี ขึ้นรถสายสระบุรี-ซับน้อยเหนือ ลงรถที่ซับสนุ่น วัดซับสนุ่น มีรถรอรับ


    ตัวอย่างภาพบางส่วนคัดลอกจาก:ธุดงค์ธรรมชัย กองพันแสนรูป

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 ธันวาคม 2011
  15. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747




    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]


    [FONT=Tahoma,] เชิญชวนประชาชนสักการะ
    [/FONT][FONT=Tahoma,]พระสารีริกธาตุหรือพระเขี้ยวแก้ว [/FONT]

    [FONT=Tahoma,] พระทันตธาตุพระพุทธกัสสปะ
    พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 จากราชอาณาจักรภูฏาน ประดิษฐาน
    [/FONT] [FONT=Tahoma,]ณ. ท้องสนามหลวง[/FONT]

    [FONT=Tahoma,] ขอเชิญชวนประชาชนมาสักการะ [/FONT][FONT=Tahoma,]พระสารีริกธาตุหรือพระเขี้ยวแก้ว [/FONT][FONT=Tahoma,]พระทันตธาตุพระพุทธกัสสปะ [/FONT][FONT=Tahoma,]พระพุทธเจ้าองค์ที่ 3 จากราชอาณาจักรภูฏาน ประดิษฐาน[/FONT] [FONT=Tahoma,]ณ. ท้องสนามหลวง[/FONT][FONT=Tahoma,]เป็นการชั่วคราวในราชอาณาจักรไทย เพื่อเฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 84 พรรษา ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จนถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2554
    [/FONT]​
     
  16. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    <center>[​IMG]</center>
    พุทธ ศักราช ๒๕๒๖ ..... พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินด้วยความเป็นห่วงราษฎร ที่เดือดร้อนในช่วงที่น้ำท่วม "น้ำท่วม หรือ จะสู้น้ำพระราชหฤทัย" โครงการแก้มลิง เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พระบาทสมเด็จพระจ้าอยู่หัว ได้มีพระราชกระแสอธิบายว่าลิงโดยทั่วไปถ้าเราส่งกล้วย ให้ลิงจะรีบ ปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อนลิงจะทำอย่างนี้จน กล้วยหมดหวีหรือ เต็มกระพุ้ง แก้ม จากนั้นจะค่อยๆ นำออกมาเคี้ยวและ กลืนกินภาย หลัง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงนำพฤติกรรมของลิงที่นำกล้วยมาสะสมไว้ที่กระพุ้ง แก้ม ก่อนกลืนกิน เป็นตัวอย่างในการระบายน้ำออกจาก พื้นที่ท่วมขัง โดยมี พระราชดำริ ให้กรมชลประทาน ก่อสร้างบ่อพักน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ประมาณ ๑๐ ตารางกิโลเมตร บริเวณใกล้ชายทะเล เพื่อรองรับน้ำท่วมที่ไหลมา ตามลำคลองธรรมชาติ และคลองขุดใหม่ และก่อสร้าง ประตูระบายน้ำเพื่อระบายน้ำลงทะเลในช่วงที่น้ำทะเลลดลง ปิดประตูระบาย น้ำเมื่อน้ำทะเลขึ้นเพื่อป้องกัน มิให้น้ำทะเลไหลเข้ามาท่วมพื้นที่ได้ การดำเนินการโครงการ แก้มลิง เต็มรูปแบบต้องศึกษาและ วางแผน อย่างละเอียดซึ่งใช้เวลานาน ในระยะแรกจึง ไม่สามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบ แต่อย่างไรก็ตามโครงการ บางส่วนสามารถดำเนิน การได้ก่อน เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังได้ส่วนหนึ่ง


    <center>[​IMG]</center>







    สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่โดยรวมแล้วดูดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อน้ำลดลงเกือบทุกพื้นที่ จะเหลืออีกเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังจมน้ำอยู่ โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตลึกๆที่เข้าไปถึงยาก ที่ยังจมนํ้าอยู่นั้นน่าสงสารมากๆเลย ถ้าลองคิดถึงสภาพจิตใจว่ามันจะทุกข์ปวดร้าวใจแค่ไหน
    จึงเป็นเรื่องทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งเข้าไปแก้ไขเพื่อไม่เห็นเกิดเป็นข้อเปรียบเทียบ และมีความคิดที่แตกแยก


    (มีความเป็นห่วงเรื่องน้ำ เกรงว่าน้ำจะมาอีก ขอให้นำปัญหาที่พบเหล่านี้มาเตรียมรับมือป้องกันไว้ไม่เป็นเหมือนอย่างที่พบอยู่ปัจจุบันนี้)
     
  17. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747

    [​IMG]

    ... จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า ตั้งแต่น้ำท่วมมา ในหลวงท่านทรงพระราชทานทรัพย์ส่
    วนพระองค์...เพื่อช่วยเหลือไปแล้วมากกว่า 63 ล้านบาท

    ..และตั้งแต่น้ำท่วม สมเด็จพระเทพฯและพระองค์เจ้าโสม
    <wbr>สวลีพระวรชายา ทรงเสด็จไปกับรถทหารเพื่อช่วยเห<wbr>ลือประชาชนที่ประสบอุทกภัย โดยไปเป็นการส่วนพระองค์โดยไม่ม<wbr>ีใครรู้ ...

    ...พ่อของแผ่นดิน นับตั้งแต่เกิดน้ำท่วมพระองค์ทร<wbr>งนั่งมองปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพ<wbr>ระยาทุกวัน แม้ในยามที่พระองค์ทรงพระประชวร<wbr> และรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลศ<wbr>ิริราช ก็ยังมีคำสั่งให้คณะแพทย์และบุค<wbr>คลใกล้ชิดช่วยกันรวบรวมข้อมูลเพ<wbr>ื่อนำมาถวาย

    เพื่อหาแนวทางป้องกัน และทรงเปลี่ยนห้องที่พระองค์พัก
    <wbr>รักษาตัวเป็นห้องทรงงาน พระองค์ทอดพระเนตรดูข่าวเกี่ยวก<wbr>ับน้ำท่วมทั้งวัน จนบ่อยครั้งที่พระองค์ลืมเสวยพร<wbr>ะกระยาหาร
    จนหมอส่วนพระองค์ต้องคอยเตือนอย
    <wbr>ู่ตลอด...


    ....คงไม่มีคำพูดใด ที่จะยิ่งใหญ่กว่าคำพูดของ "พ่อ"
    ....คงไม่มีน้ำตาหยดใด ยิ่งใหญ่เท่าน้ำตาของ "พ่อ"
    ....คงไม่มีคืนใด ยาวนานเท่ากับคืนที่"พ่อ" หลับไม่ลง
    ....และคงไม่มีความเจ็บใดๆ จะเจ็บเท่าความเจ็บที่พ่อต้องทน
    <wbr>เห็นลูก
    ของตัวเองต้องตกระกำลำบา
    <wbr>


    "ลูกทุกคนขอก้มกราบแทบเท้าพ่อ ...พ่อหลวงของแผ่นดิน"
    ....ขอพระองค์ทรงพระเจริญ....






    ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก __________________
    ttp://palungjit.org/threads/ขอเชิญสร้างพระกริ่งถวายในหลวงพระราชทานชายแดนใต้.215299/










    วันจันทร์ ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2554


    เวลา 19.19 น. หล่อ พระพุทธเจ้า 28 พระองค์ (ปางฉันสมอ) ขนาดหน้าตัก 19 นิ้ว จำนวน 28 พระองค์

    ณ.วัดนาคกลางวรวิหาร ซอยอิสรภาพ 42 แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

    [​IMG]

     
  18. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    คลิปเข้าใจง่ายๆ10 วิธีซ่อมบ้าน สร้างสุขด้วยตัวคุณเอง




    <table><tbody><tr><td class="VAlignTop">[​IMG]
    </td><td class="VAlignTop VideoPropertiesContainer">
    </td><td class="VAlignBottom">
    </td></tr></tbody></table>
    หลังจากต้องประสบภาวะน้ำท่วม ระยะนี้เป็นช่วงที่ประชาชนซึ่งพลัดที่นาคาที่อยู่ต้องการกลับเข้าพักอาศัยใน บ้านตนเองโดยเร็ว แต่จากการที่น้ำท่วมเป็นเวลานานทำให้บ้านได้รับความเสียหายต้องซ่อมแซมฟื้้น ฟูและอาจมีค่าใช้จ่ายสูง บริษัทปูนซิเมนต์ไทยหรือเอสซีจีจึงจัดทำคลิปสั้นๆ ดูเข้าใจง่ายเกี่ยวกับวิธีการซ่อมบ้านด้วยตัวเองออกเผยแพร่

    คลิกดู ซ่อมบ้าน สร้างสุข กับเอสซีจี - YouTube


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2011
  19. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747



    ด่วน!รับฟรี “ราอะเวย์” น้ำยาทำความสะอาดบ้านน้ำท่วม
    กำจัดเชื้อโรคและรา


    [​IMG]

    มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (KMUTT) ได้จัดทำผลิตภัณฑ์ “ราอะเวย์” น้ำยาทำความสะอาดกำจัดเชื้อโรคและรา เพื่อทำความสะอาดพื้น ผนัง ซึ่งใช้งานง่ายโดยหวังว่าจะแจกจ่าย ให้ผู้ประสบภัยให้ได้ทั่วถึงมากที่สุด เพื่อช่วยให้ รอดพ้นจากภัยร้ายจากเชื้อราที่อันตรายหากสูดดมหรือสัมผัสอย่างต่อเนื่องสามารถติดต่อรับฟรีได้ที่ โทร 02-470-9999
    แต่ทางมหาวิทยาลัยยังขาดงบประมาณที่จะผลิตให้เพียงพอกับความต้องการ จึง ขอเรียนเชิญชวนท่านที่มีจิตศรัทธาบริจาคสมทบทุน สามารถโอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาประชาอุทิศ ชื่อบัญชี “มจธ.อื่นๆ” เลขที่บัญชี 330-116930-4 แจ้งโอน KMUTTDonation@gmail.com
    วิธีการใช้ ราอะเวย์
    1. สวมถุงมือยางชนิดหนา และสวมผ้าปิดปากก่อนทำงาน ควรใช้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเท
    2. ทำความสะอาดพื้น/ผนัง โดยการขัดและล้างด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอกเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออก
    3. เทน้ำยา ราอะเวย์ ใส่ในขันหรือภาชนะพลาสติก ใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยาราอะเวย์ให้ชุ่มเพื่อเช็ดเชื้อราและเชื้อโรครวมถึง คราบดำที่ติดบนพื้น/ผนังออกให้หมด โดยระวังไม่ให้เชื้อราฟุ้งกระจาย เช็ดให้ทั่วบริเวณที่ต้องการทำความสะอาด
    4. เปลี่ยนน้ำยาชุดใหม่เมื่อน้ำยาชุดแรกสกปรก
    5. สเปรย์หรือใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยาราอะเวย์ให้ชุ่มเพื่อเช็ดเชื้อรา และเชื้อโรคที่หลงเหลือบนพื้น/ผนังอีกครั้งหนึ่งเพื่อความมั่นใจ
    6. เช็ดหรือสเปรย์ซ้ำอาทิตย์ละครั้งต่ออีกหนึ่งถึงสามอาทิตย์เพื่อให้มั่นใจว่าพื้น/ผนังปราศจากเชื้อราและเชื้อโรคจริง
    วิธีการทำ ราอะเวย์ เอง
    1. น้ำยาซักผ้าขาว “ไฮเตอร์” ขวดสีฟ้า 50 มล.
    . ผสมน้ำเปล่า 1 ลิตร (อัตราส่วน ไฮเตอร์ + น้ำเเปล่า ประมาณ 1:20)
    3. อาจเพิ่มน้ำยาล้างจานผสมเพิ่ม อีก 1 ช้อนโต๊ะก็ได้เพื่อช่วยทำความสะอาด







    [​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


     
  20. tanakorn_ss

    tanakorn_ss ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,792
    ค่าพลัง:
    +5,747
    การฆ่าเชื้อโรคในน้ำด้วยคลอรีน

    คลอรีน เป็นสารเคมีที่ใช้สำหรับฆ่าเชื้อโรคได้มากกว่า 99% รวมทั้ง อี.โคไล (E.coli) และเชื้อไวรัส นอกจากนี้ที่สำคัญคือมีฤทธิ์คงเหลือเพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำต่อไปได้อีก โดยคลอรีนที่เติมลงไปจะละลายน้ำอยู่ในรูปของคลอรีนอิสระ (Residual Chlorine) ทำหน้าที่ฆ่าเชื้อโรคที่อาจปนเปื้อนในภายหลัง ทั้งนี้การฆ่าเชื้อโรคจะมีประสิทธิภาพจะต้องมีปริมาณและระยะเวลาที่เหมาะสม
    ข้อดีของคลอรีนที่ ใช้ฆ่าเชื้อโรค เพราะราคาไม่แพง ใช้ง่าย และการดูแลเก็บรักษาง่าย คลอรีนที่เหมาะสมสำหรับใช้ในครัวเรือน ได้แก่ คลอรีนผง คลอรีนเม็ดและคลอรีนน้ำ ควรเลือกชนิดที่มีปริมาณพอเหมาะ ในการใช้แต่ละครั้ง เพราะคลอรีนมีการระเหยเสื่อมคุณภาพได้ และจะใช้ไม่ได้ผล

    1. คลอรีนผง เป็นผง หรือเกล็ดสีขาว เวลาใช้ต้องนำมาละลายน้ำแล้วนำส่วนที่เป็นน้ำใสไปใช้งาน
    วิธีใช้คลอรีน ผง 60 % เพื่อฆ่าเชื้อโรคในน้ำดื่มและน้ำใช้ล้างผักสด ผลไม้ อาหารทะเล ภาชนะอุปกรณ์ และอาคารสถานที่ มีวิธีการเตรียม ปริมาณและระยะเวลาการใช้ ดังนี้
    - เตรียมน้ำใส่ภาชนะที่สะอาดตามขนาดที่ต้องการใช้ประโยชน์ เช่น โอ่ง แท็งก์
    - ตักน้ำในภาชนะมาครึ่งแก้ว หรือครึ่งขัน
    - นำผงปูนคลอรีนผสมลงไปตามสัดส่วน แล้วคนให้เข้ากันเพื่อให้ปูนคลอรีนละลายน้ำได้มากที่สุด ด้วยภาชนะที่สะอาด
    - ตั้งทิ้งไว้ให้ผงปูนตกตะกอน
    - นำน้ำปูนคลอรีนส่วนที่เป็นน้ำใส ผสมในภาชนะที่เตรียมน้ำไว้ตามสัดส่วน แล้วคนให้เข้ากัน ปริมาณและระยะเวลาทำลายเชื้อโรค รายละเอียดดังตาราง
    - ปิดฝาภาชนะให้มิดชิด เพื่อไม่ให้คลอรีนระเหยเร็วเกินไป และป้องกันสิ่งสกปรกจาก
    ภายนอก
    - จัดภาชนะสำหรับตักน้ำประจำ หรือใช้เปิดก๊อก
    - สามารถเติมคลอรีนได้อีก เมื่อพบว่าน้ำไม่มีกลิ่นคลอรีนแล้ว
    - หากไม่ชอบกลิ่นคลอรีน ให้เปิดภาชนะทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง กลิ่นคลอรีนจะ
    ระเหยไป และยังคงสะอาดได้ระยะหนึ่ง
    ......................................................
    ปริมาณและระยะเวลาการทำลายเชื้อโรค


    <table border="1" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top" width="92">
    ความเข้มข้นของคลอรีน
    </td><td width="107">
    ผงปูนคลอรีน 60 % จำนวน
    </td><td width="120">
    ปริมาณน้ำที่ผสม
    </td><td width="132">
    ระยะเวลาแช่
    </td><td width="108">
    ประเภทอาหาร
    </td></tr><tr><td valign="top" width="92">
    50 พีพี เอ็ม
    </td><td valign="top" width="107">
    ครึ่งช้อนชา
    </td><td valign="top" width="120">
    20 ลิตร (1ปีบ)
    </td><td valign="top" width="132">
    30 นาที
    </td><td valign="top" width="108">
    ผัก, ผลไม้
    </td></tr><tr><td rowspan="3" width="92">
    100 พีพี เอ็ม
    </td><td valign="top" width="107">
    1 ช้อนชา
    </td><td valign="top" width="120">
    20 ลิตร
    </td><td valign="top" width="132">
    30 นาที
    </td><td valign="top" width="108">
    อาหารทะเล
    </td></tr><tr><td valign="top" width="107">
    1 ช้อนชา
    </td><td valign="top" width="120">
    20 ลิตร
    </td><td valign="top" width="132">
    2 นาที
    </td><td valign="top" width="108">
    ภาชนะอุปกรณ์
    </td></tr><tr><td valign="top" width="107">
    1 ช้อนชา
    </td><td valign="top" width="120">
    20 ลิตร
    </td><td valign="top" width="132">
    ทำความสะอาด
    </td><td valign="top" width="108">
    อาคารสถานที่
    </td></tr><tr><td rowspan="2" width="92">
    2 พีพี เอ็ม
    </td><td valign="top" width="107">
    1 ช้อนชา
    </td><td valign="top" width="120">
    50 ปีบ
    </td><td valign="top" width="132">
    ทิ้งไว้นาน 30 นาที
    </td><td valign="top" width="108">
    น้ำดื่ม - น้ำใช้
    </td></tr><tr><td width="107">
    1/8 ช้อนชา
    </td><td valign="top" width="120"> โอ่งน้ำ 8 ปีบ (โอ่งน้ำทั่วไปลายมังกร
    </td><td width="132">
    ทิ้งไว้นาน 30 นาที
    </td><td width="108">
    น้ำดื่ม - น้ำใช้
    </td></tr></tbody> </table>
    2. คลอรีนเม็ด คลอรีน 1 เม็ด ขนาด 3 กรัม

    วิธีใช้
    - ใช้คลอรีน 1 เม็ดต่อน้ำ 1,000 ลิตร หรือน้ำ 50 ปีบ
    - คลอรีนจะค่อยๆ ทำปฏิกริยากับน้ำเกิดฟองฟู่ขึ้นมา พร้อมทั้งปล่อยคลอรีนอิสระออกมา
    - ทิ้งไว้ 30 นาที จึงนำไปใช้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้

    3. คลอรีนน้ำหรือหยดทิพย์ (อ 32) เป็นคลอรีนน้ำ เข้มข้น 2%
    วิธีใช้
    - ใช้หยดทิพย์ 1 หยดต่อน้ำ 1 ลิตร หรือ 20 หยดต่อน้ำ 1 ปีบ หรือ 1 ขวดขนาด
    บรรจุ 100 มิลลิลิตร ต่อน้ำ100 ปีบ
    - คนให้เข้ากันด้วยภาชนะที่สะอาด

    - ทิ้งไว้ 30 นาที จึงนำไปใช้เป็นน้ำดื่มน้ำใช้
    4. ข้อควรระวัง
    - เก็บให้พ้นมือเด็ก เก็บในที่แห้งและ ไม่ถูกแสงแดด
    - อย่าสัมผัสคลอรีนด้วยมือ และอย่าให้ถูกผิวหนัง หากถูกผิวหนังให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดจนอาการระคายเคืองทุเลา หากไม่ทุเลาให้ไปพบแพทย์
    - ห้ามรับประทานโดยตรง

    หมายเหตุ : ให้ผสมกับน้ำใส ที่ตกตะกอนหรือกรองแล้ว กรณีน้ำขุ่นให้ใช้สารส้มชนิดเป็นก้อนแกว่ง
    ในน้ำดังกล่าวประมาณ 5 นาที ความขุ่นจะรวมตัวกัน แล้วตกตะกอน ตักเฉพาะน้ำใส
    ใส่ภาชนะอีกใบหลังจากนั้นจึงเติมคลอรีนฆ่าเชื้อโรค



    *** กรมอนามัยส่งเสริมให้คนไทยสุขภาพดี**




    นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ในภาวะน้ำท่วม การบริโภคน้ำดื่มในพื้นที่น้ำท่วมต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ กรณีดื่มน้ำบรรจุขวด ภาชนะที่บรรจุน้ำต้องสะอาด และก่อนดื่มให้สังเกตความสะอาดของน้ำว่ามีสิ่งแปลกปลอมปนอยู่หรือไม่ ถ้าเป็นน้ำดื่มที่เก็บในภาชนะเปิดตักได้ อาจมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อโรคจากน้ำที่ท่วมขัง หากจะใช้ดื่มควรนำน้ำไปต้มให้สะอาดก่อนทุกครั้ง แต่ ถ้าไม่สามารถจัดหาน้ำดื่มดังกล่าวได้ จำเป็นที่จะต้องดื่มน้ำบาดาลหรือน้ำประปา แม้ว่าน้ำดังกล่าวจะออกจากโรงกรองน้ำที่มีความสะอาดเพียงพอที่ใช้ดื่มได้ แต่ถ้าบ้านหรือบริเวณที่พักอาศัยมีน้ำท่วมขัง อาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและสิ่งสกปรกเข้าไปในท่อน้ำประปาหรือถังเก็บ น้ำในบ้านได้ ส่วนน้ำบาดาลก็คือน้ำใต้ดิน บางครั้งอาจเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและสิ่งสกปรก เช่น กรณีที่แหล่งน้ำอยู่ใกล้จุดขยะหรือบ่อบำบัดน้ำเสีย เพราะขยะบางประเภทอาจรวมกับน้ำแล้วซึมลงชั้นน้ำใต้ดิน หรือบางครั้งกระบวนการนำน้ำบาดาลขึ้นมา อาจเกิดการปนเปื้อนระหว่างการเดินทางก็เป็นได้ ดังนั้น กรมควบคุโรค จึงขอแนะนำว่า ควรต้มน้ำก่อนดื่มเสมอในระยะนี้ โดยน้ำที่นำมาต้มควรเป็นน้ำที่ใสสะอาด ผ่านการกรองหรือแกว่งสารส้มและทำให้ตกตะกอนแล้ว จากนั้นต้มให้เดือดนาน 5-10 นาที เพื่อทำลายเชื้อโรคในน้ำ และช่วยทำลายความกระด้างของน้ำได้ นาย แพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า หากในบ้านถูกตัดไฟแล้ว ไม่สามารถต้มน้ำดื่มได้ กรมควบคุมโรค แนะนำการทำน้ำดื่มให้สะอาดก่อนบริโภคทุกครั้ง โดยนำน้ำที่ผ่านการกรองหรือแกว่งสารส้มและทำให้ตกตะกอนแล้ว มาเติม คลอรีน หรือไอโอดีน ซึ่งมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคและไม่เป็นอันตรายแก่ร่างกายถ้าใช้ในปริมาณที่เหมาะ สม ได้แก่ การเติมคลอรีน 2 หยดต่อน้ำ 1 ขวดลิตร หรือเติมไอโอดีน 5 หยดต่อน้ำ 1 ขวดลิตร แล้วตั้งทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนนำมาดื่ม จากนั้น นำน้ำที่ผ่านกระบวนการทำให้สะอาดแล้วใส่ภาชนะเก็บไว้ และ ปิดฝาภาชนะใส่น้ำให้มิดชิด จัดให้มีภาชนะตักน้ำที่สะอาด เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคและสิ่งสกปรกปนเปื้อนในน้ำ หากประชาชนมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มติดต่อได้ที่ เว็บไซด์กรมควบคุมโรค http://www.ddc.moph.go.th หรือศูนย์บริการข้อมูลฮ็อตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทร.1422
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2011

แชร์หน้านี้

Loading...