ประกาศเตือนภัย ๒๕๕๔ ภาคเหนือทลาย ภาคใต้ถล่ม

ขอขอบคุณและอนุโมทนากับทุกท่านที่ได้แจ้งเตือน ญาติธรรม อย่างน้อยๆ การไม่ประมาทไว้ล่ะเป็นดีที่สุดครับ ความตายมันเป็นของแน่นอนอยู่แล้ว ใครจะอยู่ใครจะไปศีลธรรม และบุญเป็นตัวกำหนด อย่ามัวมานั่งนับวัน เพราะความตายมันก็ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ อย่างน้อยสร้างบุญไว้ ก็ไม่มีอะไรเสียหาย ถ้าไม่เกิดบุญกุศลก็จะติดตัวไปอยู่ดี "ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใส"

 

หลังเลือกตั้งเสร็จอาจมีภัยพิบัติเกิดขึ้นถ้าคนไม่ดีเข้าสภาเยอะๆ

 

-:- Wat Pa Doisaengdham Yanasampanno -:-

หลวงตา มหาบัว เตือน...เป็นครั้งสุดท้าย ระวังจะจม!!!

 

หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง -- นรกอเวจี แวะเยี่ยมพระเทวทัตและพระโกกาลิกะ

มาถึง พ.ศ. นี้ ..
เหมือนว่าผู้คนจะพากันลืมตาย ลืมเรื่องนรก สวรรค์
บ้างก็บอกว่ามันเป็นเรื่องเล่าหลอกเด็กๆ
บางคนก็เชื่อว่าชาติหน้าไม่มีจริง
หรือถ้ามีจริงเราก็คงได้เกิดมาเป็นคนอีกนั่นแหละ



ทั้งที่ความจริงแล้ว หมดจากชาตินี้ ก็ไม่แน่ว่าจะได้เกิดเป็นมนุษย์อีก
อาจจะไปเกิดเป็นสัตว์ในนรก เป็นเปรต อสุรกาย ก็เป็นได้ ...
แล้วแต่กรรมกำหนด (ตัวเองเขียนไปก็ขนลุก)

เรื่องในตอนนี้ หลวงพ่อฤาษีท่านบันทึกเสียงเอาไว้เมื่อหลายสิบปีก่อน เห็นว่ามีประโยชน์และเหมาะเป็นพิเศษกับประเทศ
ในยามที่มีผู้ทำให้คนในชาติแตกแยกกันอย่างที่เห็น .. สำหรับในตอนนี้ หลวงพ่อท่านหยิบเอาหนังสือเกี่ยวกับนรก
ซึ่งมีผู้แปลมาจากพระบาลีมาอ่านให้ฟัง บางช่วง..ท่านก็สอดแทรกประสบการณ์ที่ท่านได้ไปเยือนนรกจริงๆ
ทำให้เราได้เห็นภาพว่า ทำชั่วตกนรกอเวจี .. เป็นอย่างไร

แค่ฟังเรื่องที่ท่านเล่าเพียงเท่านั้น ก็รู้สึกร้อนขึ้นมาวูบๆ ..
---------------------------------------------------------------
ท่านพระโยคาวจรทั้งหลาย สำหรับวันนี้ ก็จะนำเรื่องราวของนรกขุมที่ ๘ มาเล่าสู่กันฟัง
แต่ความจริงเรื่องที่เล่าสู่กันฟังนี้ไม่ใช่ความรู้ของผม ผมก็งัดเอาบาลีเรื่องนรกที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนไว้ มาอ่านให้ท่านฟัง

สำหรับบาลีเรื่องนรกขุมที่ ๘ ขอพูดเป็นภาษาไทยเลย ไม่นำบาลีมาพูด..มันจะยุ่ง ท่านให้นามว่า-อเวจีมหานรก

เวจีมหานรกนี่ .. เป็นนรกที่น่าพิศมัยมาก รวมความว่านรกแต่ละขุม มีคนเขาถามกันอยู่เสมอว่า...

นรกจะบรรจุคนได้ทั่วโลกหรือยังไง?

แต่ผมก็ตอบว่า นรกเพียงขุมเดียว คนในโลกทั้งหมด .. เพิ่มอีกสักพันเท่าแสนเท่า ก็ยังไม่เต็มนรก เพราะว่านรกกับสวรรค์ มีสภาพพิเศษเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือว่าจะมีอะไรพอดีๆเสมอกับคนที่ไปในแดนนั้น ไม่เหมือนในเมืองมนุษย์ .. ในเมืองมนุษย์เรามันจะมีแคบ มีคับ เรียกว่ามีไม่พอ สำหรับเมืองสวรรค์ก็ดี เมืองนรกก็ดี มีคำว่า “พอ” อยู่เสมอ ฉะนั้นท่านทั้งหลายที่มีความต้องการไปนรก ก็ไม่ต้องมีความห่วงใย ว่าดินแดนในเมืองนรกนั้นจะเต็มเกินไป ท่านจะอยู่ไม่ได้ เพราะว่าทางนรกยินดีต้อนรับท่านเสมอ ..

นี่ความจริงเค้าไม่ได้จ้างผมมาโฆษษณาหรอกนะ แต่ว่า..ผมเต็มใจโฆษณาให้กับเมืองนรก เพราะเห็นว่าคนส่วนมากเค้าพอใจจะไปกัน ก็เกรงจะหนักใจว่าเมืองนรกมันจะเต็มเสียก่อน เรื่องนี้ไม่ต้องวิตกกังวล เค้าจัดสรรไว้พอเพียงแก่คนทั้งหลายที่จะไปในเมืองนั้น

มาคุยกันถึงนรกขุมใหญ่คือ-อเวจีมหานรก ท่านบอกว่าบรรดาสัตว์ที่ไปอยู่ในนรกขุมนี้ ได้รับความทุกข์โทษอย่างแสนสาหัส เพราะว่า .. ในระหว่างแห่งเปลวไฟและความทุกข์ ไม่มีความว่างเว้นเลยแม้แต่นิดเดียว

ในนรกนี้ ไม่มีการหยุดพักแม้แต่สักระยะหนึ่ง!



ปัดโธ่เอ๋ย! .. มันก็ทุกขุมนั่นแหละ .. เฮ้อ! (ถอนใจ) บาลีท่านว่าอย่างนั้น แต่ความจริงผมว่านรกทุกขุมเค้าไม่มีเวลาหยุด เค้าไม่มีเวลาพัก เค้าขยัน .. นาย นริ. นริยบาล ว้า! .. ไอ้หมอนี่ เรียกชื่อ ลิ้นมันแข็ง .. แกขยันทำงานอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องห่วงว่าแกจะเหน็ดจะเหนื่อย

สัตว์นรกได้ความทุกข์ทรมานอยู่อย่างหนัก เสมอตลอดเวลา ไม่ใช่บางครั้งบางคราว .. แหม ท่านนี่พรรณนาได้แย่เลย .. เหมือนกับขุมอื่นๆ เพราะว่านรกขุมนี้ชื่อว่าอเวจีมหานรก เป็นนรกที่ปราศจาก .. อ่า .. ปราศจากอะไร? เป็นนรกที่ปราศจากคลื่น คือความเบาบางแห่งความทุกข์ ..

อืม แหม .. ท่านพรรณนาไว้ก็ดีนะ แต่ตาผมมันไม่ค่อยดี อ่านหนังสือไม่ค่อยออก ก็ว่าของท่านกันไปก่อน วันนี้ยังไงก็ไม่เห็นจะมีทางคุยนอกเรื่องกันได้บ้าง

เมื่อกล่าวถึงชีวิตแห่งความเป็นอยู่ เหล่าสัตว์ในอเวจีมหานรก ท่านว่าอย่างนั้น .. ท่านว่ามีความเป็นอยู่อย่างทรมาน ได้รับทุกขเวทนาอย่างแสนสาหัสเป็นที่สุด เพราะว่าอเวจีมหานรก เป็นนรกที่ขุมใหญ่ที่สุด กว้างกว่าบรรดาขุมนรกทั้งหมด .. ผมบอกแล้ว (ลากเสียงยาว) ว่านรกขุมนี้เค้าชอบเก็บพระ เก็บเณร พระเณรไม่ต้องห่วง ถ้าอยากจะไปนรกขุมนี้ ไม่ต้องห่วงว่าจะไปไม่ได้ เค้าเตรียมไว้แล้ว

ท่านบอกว่า .. น่ากลัว น่าสยดสยอง และเป็นเมืองใหญ่ รอบล้อมไปด้วยกำแพงเหล็กอันรุ่งเรือง รุ่งโรจน์ไปด้วยแสงไฟ .. ไฟไม่ได้มีแต่แสงอย่างเดียว มีความร้อนจัด ภายในก็มีเปลวไฟร้อนระอุ!

ท่านบอกว่าเปลวไฟนี่ ความจริงไม่ใช่เปลว มันเป็นกระแสไฟที่ร้อนระอุ เพราะนรกขุมนี้ไม่มีเปลว .. ไฟมันละเอียดจริงๆ .. ไหม้สัตว์นรกอยู่เนืองนิจ ทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่ว่างเว้น .. นี่ว่าตามสำนวนของท่านนะ ขลุกขลักหน่อย

และสัตว์ที่ไปเกิดในนรกอเวจีนี้ ก็มีปริมาณมากกว่านรกขุมอื่นๆ แออัดยัดเยียด เบียดเสียดกัน ..

แหม .. ผมไม่เห็นแออัดเลย อยู่กันอย่างสบาย ...บอกว่าแออัดยัดเยียด

นี่หมายความว่าเป็นแดนที่มีสัตว์นรกมากที่สุดก็แล้วกัน .. อันนี้เห็นจะเป็นอรรถกถาจารย์สอดส่ายธรรมเข้ามาบอกว่า แออัดยัดเยียด .. ไม่มีอ่ะ เห็นแล้วไม่มี อยู่กันอย่างสบาย ..

และการเสวยทุกขโทษเวทนาของขุมนี้ ก็มีอาการแตกต่างกันเป็นหลายอิริยาบถ .. นี่จริง! ตอนนี้ท่านพูดของท่านถูก .. เอ๊ะ! ผมจะมากไปล่ะมั้ง! ความจริงนี่เป็นพระพุทธพจน์บทพระบาลี แต่ก็มีอรรถกถาเติมเข้ามาบ้าง นี่อย่าลืมว่าพระพุทธเจ้าท่านพูดถูกเสมอ

ท่านบอกว่าหลายอิริยาบถ คือหลายท่าหลายทาง เช่น คนเคยยืนทำบาปอกุศลเอาไว้ ก็ต้องทุกข์ทรมานอยู่ในอิริยาบถยืน เคยเดินทำบาปไว้ ก็ต้องเดินทนทุกข์อยู่

เอ๊...? ไม่จริง! จริงหรือไม่จริงผมไปไม่ทั่ว

เคยนั่งเคยนอนทำบาปไว้ ก็ต้องมานั่งมานอน เสวยทุกขเวทนาในมหานรกนี้ นี่หมายความว่าคนเคยเดินทำบาปก็อยู่ในท่าเดิน รวมความว่าเคยทำบาปกรรมเอาไว้อย่างไร ก็ต้องเสวยทุขเวทนาในอิริยาบถนั้น ในมหานรกนี้

อ่า .. เดี๋ยวผมจะคุยให้ฟัง ..

ด้วยลักษณะเช่นนี้ จนกว่าจะหมดอายุขัย สำหรับอายุขัยของนรกขุมนี้ก็มีเวลาหนึ่งกัล์ป

สบาย ..

เป็นอันว่านรกขุมใหญ่ ๘ ขุม หมดกันเพียงเท่านี้ .. แล้วก็อย่านึกว่าหมดกันแต่เพียงเท่านี้นะ ยังมีอีกหลายร้อยขุมที่กำลังจะรับรองท่านอยู่ข้างหน้า



เป็นอันว่าอเวจีมหานรกนี้ ผมเคยแปลภาษาบาลี..ท่านบอกว่า เป็นอะจะรัง ผมก็มานั่งคิด ว่าอเวจีมหานรก เป็นนรกที่ประกอบด้วยทุกขเวทนาอย่างหนัก ทำไมท่านจึงใช้ศัพท์คำว่า-อะจะรัง เพราะว่าอะจะรัง แปลว่าไม่หวั่นไม่ไหว ไม่ดิ้นไม่รน อยู่กันแบบสงบ คราวนี้ก็ไปดูบาลีต่อไป บาลีท่านก็เลยบอกว่า ไอ้ที่ว่าเป็นอะจะรังนั้นน่ะ ความจริงไม่ใช่อยู่กันแบบสบาย แต่ว่าถูกหอกตรึงไว้หมด ขยับเขยื้อนไม่ได้ คราวนี้อะจะรังแน่ ไม่ดิ้นไม่รน ไม่หวั่นไม่ไหว

ดูตัวอย่างท่านโกกาลิกะ รู้จักกันมั้ยล่ะ? พระสงฆ์ทั้งหลายรู้จักท่านโกกาลิกะมั้ย? แล้วก็หลวงพี่ผมอีกองค์ คือหลวงพี่เทวทัต หลวงพี่โกกาลิกะและหลวงพี่เทวทัตนี่ ท่านอยู่กันคนละอิริยาบถ เอ้า! พูดอย่างนี้ดีกว่า พูดภาษาไทย .. คืออยู่กันคนละท่า อิริยาบถเป็นภาษาบาลี มีท่าไม่เหมือนกัน เพราะว่าพระเทวทัตอยู่ในท่ายืน แต่พระโกกาลิกะอยู่ในท่านั่ง และไม่ใช่นั่งปกติ ท่านลองทำท่าตามผมพูดดูก็ได้ ลุกขึ้นมานั่ง เหยียดขาไปหน่อยหนึ่ง ชันเข่าขึ้น แล้วเอาสองมือรัดปลายเข่า ในท่านี้นะ ท่าของพระโกกาลิกะ และไปดูแล้วมันมีกำแพงเหล็กอยู่สี่ด้าน ว่าตามที่ท่านบอกว่าเบียดเสียดยัดเยียดกันน่ะ ก็หมายความว่าคนในนรกขุมนี้ มันมากเหลือเกิน แต่ไอ้การที่จะไปนั่งเบียดกันในนรกนี่..มันไม่มี ที่ตาลุงแกชี้ให้ดู .. มันไม่เห็นเบียดกันเลย ทว่า..สำนวนศัพท์พอนานๆเข้าก็มักจะมีการดัดแปลงแก้ไข ฉะนั้นท่านจึงยังไม่ยอมให้เลิกพระบาลี บาลีนี่ต้องทรงไว้ เพราะขืนใช้เป็นภาษาไทยทั้งหมด ไม่มีภาษาบาลีควบคุม ไม่ช้าก็พัง นี่เพียงท่านแปลในบาลีออกมา ท่านยังสอดแทรกถ้อยคำเบียดเสียดยัดเยียดกันเข้าไป นี่มันผิด! ไม่ถูก! ..

ทำไมถึงว่าไม่ถูก! อันนี้ผมขอกล่าวให้ท่านฟัง .. ขอบอกท่านเพราะว่าผมเคยตาย! ผมไม่ได้ใช้ฌานสมาบัติ ผมไม่รู้ ตอนนั้นเป็นเด็ก ฌานสมาบัติเป็นยังไงผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่าผมเคยตาย ตายแล้วก็ไปใกล้แดนนรก ในขณะที่ไปถึงในคราวนั้น ก็ปรากฎว่าท่านลุง (นายนริยบาล) ผู้มีจิตอารี ถามว่าต้องการจะดูอะไร? ผมเป็นเด็กๆนี่ผมก็ไม่รู้ว่านรกนั้นมันมีกี่ร้อยกี่พันขุม มีกี่ขุมก็ไม่รู้ ที่รู้จำเจกันอยู่เสมอก็คืออเวจีมหานรก เพราะว่าท่านผู้ใหญ่ท่านขู่เอาไว้เสมอ ว่าถ้าทำไม่ดีก็จะต้องตกนรกอย่างเถรเทวทัต ท่านว่าอย่างนั้น ผมก็เลยถามว่าเถรเทวทัตท่านอยู่ที่ไหน? ท่านก็บอกว่าอยู่ในอเวจีมหานรก

เคยถามท่านผู้ใหญ่ว่า อเวจีมหานรกนั้นเป็นยังไง? ท่านก็บอกว่าเต็มไปด้วยความลำบากมาก มีไฟเผา มีหอกตรึง! เมื่อถามท่านอีกทีว่าท่านทันเห็นไหม? นี่ท่านผู้ใหญ่เป็นฆราวาสนะ เป็นคุณแม่ผมและคุณยายผม ท่านบอกว่าไม่เคยเห็นหลวงพ่อปานเล่าให้ฟัง เอาสิ! เอาเข้าสิ .. ก็หมดเรื่องกัน มันก็ต้องจบลงตรงนี้แหละ เพราะว่าท่านไม่ได้เห็นหลวงพ่อปานท่านเล่าให้ฟัง ก็ต้องเชื่อท่าน

มาตอนระยะหลัง ตอนที่ไปพบกับท่านลุงตามนัดหมาย .. ท่านลุงถามว่าต้องการดูอะไร?

ผมก็บอกเป็นอันดับแรกว่าต้องการดูอเวจีมหานรก ท่านลุงร้อง เอ้อ..เฮอ! ท่านถามว่าทำไมอยากดูขุมนี้ เลยบอกท่านว่าได้ยินท่านแม่กับท่านยายบอกไว้เสมอว่า ถ้าทำไม่ดี มีความอกตัญญูไม่รู้คุณคน อย่างเถรเทวทัตแล้วก็จะต้องตกอเวจีมหานรก ..

ท่านลุงบอกว่า..ใช่! ถูกแล้ว .. แต่ว่าอเวจีมหานรกไม่ใช่ว่าจะมาตกเฉพาะคนอกตัญญูไม่รู้คุณคนเท่านั้น ถึงแม้ว่าบาปกรรมอย่างอื่น เช่น ปาณาติบาต ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตก็ดี มีการขโมยคดโกงยื้อแย่งก็ดี รึว่าทำกาเมสุมิจฉาจารก็ดี ปากร้ายใจเสีย คือพูดปดมดเท็จก็ดี รึว่าทำจิตเกลือกกลั้วไปด้วยความเสียสติ คือการดื่มน้ำเมาก็ดี ทั้งหมดอย่างนี้เป็นต้น

ไม่ใช่เพียงแค่นี้ รึฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต ทำสังฆเภท ทำสงฆ์ให้แตกกัน ขโมยของสงฆ์ ขโมยของส่วนสาธารณประโยชน์ อย่างนี้เป็นต้น ท่านบอกว่าลงอเวจีมหานรกเหมือนกัน

สำหรับการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ถ้าทำเป็นอาจิณณกรรม ก็ลงในนรกขุมนี้ ลักขโมย ยื้อแย่ง คดโกง ก็ลงในอเวจีมหานรกเช่นกัน ทำกาเมสุมิจฉาจารเป็นอาจิณณกรรม ก็ลงนรกขุมนี้เหมือนกัน ปากร้ายใจเสีย เป็นอาจิณณกรรม .. แหม! ไม่ใช่อาจิณกรรมเฉยๆนะ ถ้าไปด่าพระอรหันต์พระพุทธเจ้าเข้าล่ะก็ ไม่ต้องเป็นอาจิณณกรรมหรอก! เอาแค่ด่าคราวเดียวก็ลงอเวจีมหานรก

แหม! ท่านพูดแล้วก็อ่อนใจ ... รึว่าดื่มสุราเมรัยเป็นปกติ ขาดสติสัมปชัญญะ ก็ลงอเวจีมหานรก

ฟังท่านลุงอธิบายให้ฟังแล้วก็ใจหายวาบ! ..

ไอ้ใจหายข้ออื่นน่ะ..ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ใจหายเมื่อตอนโตๆ มานึกแล้วใจไม่สบาย ..



โทษปาณาติบาตเป็นอาจิณณกรรมของผมไม่มี .. อาทินนาทาน ในชีวิตนี่..ไม่เคยลักไม่เคยขโมยใคร ปาณาติบาตทำบ้างเล็กน้อย ฆ่าสัตว์ไม่ถึงสิบตัว แต่ฆ่าคนเกินกว่าสามสิบ ยังไม่เป็นอาจิณณกรรมนี่ .. แล้วการพูดโกหกมดเท็จนี่ ไม่ค่อยนักนะ แต่ดื่มสุราเมรับไม่เป็นไร ไม่มีแน่

แต่ว่าสองข้อน่ะไม่ค่อยดีนะซี!

ข้อไหนล่ะ? กาเมสุมิจฉาจารกับโกหก ไอ้เรื่องโกหกนี่ คนเจ้าชู้มันไม่โกหกนี่ .. ไม่มีอ่ะ ไม่โกหกล่ะสาวๆเค้าไม่เชื่อ ก็เลยหัดโกหกสาวๆ..เค้าเชื่อ ไอ้สองข้อนี่แหม..โทษมันมากจริงๆ แต่ว่าโกหกท่านผู้ใหญ่นี่..ไม่โกหกหรอก โกหกแต่ผู้หญิง สมัยก่อนนะ สมัยนี้เลิกแล้ว .. แก่แล้วโกหกไปก็ไม่มีประโยชน์ เป็นอันว่าโทษกาเม..นี่ มันจะลากลงอเวจีมหานรก นี่ผมนึกเฉยๆนะ ผมยังไม่ได้ไป และนรกขุมนี้ผมก็ยังไม่เคยไป และผมเคยบอกแล้วว่า นรกขุมที่เจ็ดกับขุมที่แปดนี่ผมยังไม่เคยไปกับเขา ลงไปถามท่านลุงว่าขุมไหนเคยมาบ้าง ท่านไล่ไป หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า หก .. หกขุมนี่เป็นผู้ชำนาญการ ขึ้นๆลงๆอยู่เสมอ แล้วก็ต้องผ่านนรกบริวาร ยมโลกียนรกอีก ๑๐ ขุม นรกบริวารอีก ๔ ขุม กลายเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน ผมชำนาญทุกอย่าง

นี่ผมคุยอวดท่านเสียก็ยังได้ .. ว่าพวกท่านทั้งหลายชำนาญแค่ผมหรือเปล่ายังไม่รู้ ผมไม่รู้ว่าใครจะเก่งกว่าผม แต่ผมนึกว่าผมเก่ง เรื่องลงนรกนี่ .. ท่านลุงชี้ให้เห็นภาพแต่ละคราวที่ลงมานรก ว่าอาศัยกรรมอะไรเป็นเหตุ มาดูๆแล้วที่ท่านลุงเคยพูดกับพระบาลีที่สมเด็จองค์พระบรมโลกเชษฐ์ทรงตรัสไว้..มันเหมือนกัน แหม.. นี่สบายใจ ในฐานะที่เราเป็นผู้ชำนาญการในการลงนรก ในการเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เราเป็นผู้ชำนาญการเราก็เบ่งได้ แต่เสียดายไม่มีเงินเดือน

ในเมื่อต้องการจะดูนรก ท่านลุงก็บอกว่าตรงนี้ยังไง .. ชี้ปั๊บ! นรกอเวจีอยู่ใกล้นิดเดียว แต่เป็นอานุภาพของท่าน ผมว่าท่านไม่ได้ยกนรกมาหรอก แต่ทว่า .. บางทีอานุภาพของท่านทำให้เห็นใกล้ๆ ท่านถามว่าต้องการดูใคร อันดับแรกก็บอกว่าต้องการดูบริเวณของนรกทั้งหมด ก็เห็นบริเวณนรกทั้งหมด มันกว้างใหญ่ไพศาล .. มองมาดูโลกมนุษย์ไปเปรียบเทียบอะไรไม่ได้เลยกับอเวจีมหานรก โลกนุษย์มีปริมาณเท่ากับ .. แหม! เท่ากับ..หนึ่งสักพันล้านเท่ามั้ง! ไม่ใช่หนึ่งในร้อยเพราะว่ากว้างขวางมาก ดังนั้นท่านทั้งหลายที่คิดว่าอเวจีจะเต็ม ท่านจะไปอยู่ไม่ได้ ไม่ต้องกลัว

นรกในอเวจีมหานรก .. ท่านผู้แปลน่ะ ไม่ใช่อรรถกถาจารย์ ที่ผมเอาหนังสือมาอ่านเมื่อกี้ ท่านผู้แปลบอกว่าว่า เบียดเสียดยัดเยียดกันน่ะ ไม่จริง

 

ชักเสียวๆ เหมือนกัน:boo:

 

นรกในอเวจีมหานรก .. ท่านผู้แปลน่ะ ไม่ใช่อรรถกถาจารย์ ที่ผมเอาหนังสือมาอ่านเมื่อกี้ ท่านผู้แปลบอกว่าว่า เบียดเสียดยัดเยียดกันน่ะ ไม่จริง!

เค้าอยู่กันเป็นห้องๆ เหมือนกับห้องนอนในโรงแรม ไม่ปะไม่ปนกัน คนหนึ่งก็มีหนึ่งห้อง นี่เท่าที่เห็นแสงไฟ ที่นั่นมีความละเอียดมากแล้วก็ร้อนจัด เหล็กที่เป็นกำแพงสี่ด้านและทั้งข้างบนข้างล่างเป็นหกด้านด้วยกัน แสงแดงโชนจัด ไฟละเอียดเหมือนกับไฟที่ร้อนจัด สังเกตดูเตาสูบเผาเรือ เผาเรือน่ะเวลาเป็นเปลวนั่นมันยังไม่ร้อนจัด เวลาที่ร้อนจัดจริงๆมันไม่มีเปลว..ละเอียด แต่ว่าไฟในอเวจีมหานรกนี่ มันละเอียดยิ่งกว่านั้น ดูบางแจ๋ว..

แหม.. สัตว์ที่อยู่ในนั้นกระดูกแดงฉาน!

สัตวน์นรกแต่ละคนถูกหอกตรึงขยับกายไม่ได้เลย .. ไม่ใช่เล่มเดียวนะ

อย่างพระเทวทัตมันพุ่งลงมาจากเพดาน..ตั้งแต่หัวทะลุตูด ไปปักอยู่ข้างล่าง ปลายอยู่ข้างล่าง
แล้วปักจากข้างหน้าไปหาข้างหลัง ปักจากข้างหลังไปหาข้างหน้า ปักจากซ้ายไปหาขวา ขวาไปหาซ้าย
ท่านยืนกางแขนกางขาเสียบหมดทั้งตัว! ดูแล้วไอ้หอกนี่ไม่เกินกว่าสิบเล่ม

ไปดูท่านพระโกกาลิกะ คู่หูของพระเทวทัตท่านอยู่ตรงไหน

ท่านก็ชี้ไปว่าอยู่ห้องใกล้ๆกัน .. กระดูกแดงฉาน! นั่งในท่าที่ผมบอกแล้วเมื่อกี้นี้
มีหอกตรึงหมดทุกระยะ การขยับเขยื้อนไม่มี นรกขุมนี้ไม่มีใครร้อง แสดงว่ามีความสบายมาก ..

ที่ไม่ร้องเพราะว่าอะไร?

เพราะว่าหอกมันเสียบปากเอาไว้! ขยับปากก็ไม่ได้

โห ... สบาย นี่เป็นอาการในอเวจีมหานรกส่วนหนึ่ง ที่ผมนำมาเล่าสู่ท่านฟัง แล้วก็จะเอาเรื่องสิ่งต่างๆมาเล่าให้ท่านฟังตามพระบาลี แล้วก็เทียบกับสิ่งที่เห็นมา ผมเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ท่านก็รู้อยู่แล้ว

แล้วถ้าย้อนกลับมา ถามว่าบาปกรรมอะไร? ของพระเทวทัตกับท่านพระโกกาลิกะ

ก็ต้องขอบอกว่า พระเทวทัตบาปทะเยอทะยาน ต้องการความยิ่งใหญ่ในพระศาสนา นี่ไอ้ความทะเยอทะยานของจิตที่ตัวเองมันเลวจนคิดว่าดีนี่ .. อย่างเทวทัต

เทวทัตขาดความกตัญญูรู้คุณในองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเห็นว่าพระพุทธเจ้าใจดี และทนงตนว่าตนนี้ก็เป็นลูกของลุงพระพุทธเจ้า เป็นพี่ด้วย .. และก็เป็นพี่ของพระนางพิมพา ซึ่งเป็นมเหสีของสมเด็จพระชินสีห์ สมัยเป็นฆราวาส

เมื่อบวชมาแล้วได้อภิญญาสมาบัติ เหาะเหินเดินอากาศ เนรมิตรกายได้ ก็เกิดความกำเริบ อยากจะปกครองสงฆ์ ไปขออนุญาตพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาตก็โกรธ! ความจริงไม่ได้ดูตัว ตัวได้แค่อภิญญาสมาบัติซึ่งเป็นโลกีย์ พระชั้นดีเช่นพระอัครสาวกทั้งสองและพระอรหันต์ก็ยังมีมาก การที่จะเอาหมูป่าเข้าไปปกครองราชสีห์ มันจะเหมาะสมกันเพียงใด

แต่เทวทัตไม่รู้สึก ต่อมาก็หาทางกลั่นแกล้งพระพุทธเจ้า จ้างนายขมังธนูเข้าไปยิงพระพุทธเจ้า แต่พระพุทธเจ้าก็ทรงโปรดให้นายขมังธนูพวกนั้น เป็นพระโสดา สกิทาคา อนาคา พระอรหันต์กันไปบ้าง

ต่อมากลิ้งหินให้ทับพระพุทธเจ้า บังเอิญเศษหินแตกแล้วไปกระทบพระบาทพระพุทธเจ้าห้อพระโลหิต หลังจากนั้นมาก็ปล่อยช้างนาฬาคิรีให้แทงพระพุทธเจ้า แต่พระอานนท์ก็เอานิ้วชี้ยันหน้าไว้ ช้างตูดจ้ำดิน ทำอันตรายพระพุทธเจ้าไม่ได้

ต่อจากนั้นก็ทำกรรมใหญ่คือทำสังฆเภท ทำสงฆ์ที่อยู่ร่วมกันให้แตกความสามัคคีกันเป็นสองพวก จนกระทั่งไม่สามารถจะลงสังฆกรรมร่วมกันได้

ท่านบอกว่ากรรมนี้เป็นกรรมหนักที่สุดที่พระเทวทัตกับพระโกกาลิกะทำ ..

เป็นอันว่าเทวทัตทำกรรมหนักมาก จนกระทั่งธรณีไม่สามารถจะทรงไว้ได้...แยก! ลงอเวจียังไม่ทันตาย!



สำหรับพระโกกาลิกะนั้น เมื่อตายแล้วจึงลงอเวจีมหานรก!

นี่เล่าให้ท่านฟังคร่าวๆ ย่อๆ จะได้จำง่ายๆ เอาเรื่องราวละเอียดมาเล่าสู่กันฟังน่ะมันจำไม่ไหว จำต้นได้ก็ลืมปลาย จำปลายได้ก็ลืมต้น

รวมความว่าคนที่จะลงอเวจีมหานรก ก็เป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่าดี ..
คำว่าดีในด้านศีลด้านธรรม คนประเภทนี้ไม่รู้จัก รู้จักอย่างเดียวคือความเมาในหน้าที่
ความเมาในศักดิ์ศรี ความเมาในอำนาจ เมาในความไม่รู้คุณคน
เมาในการทำอกุศลโดยไม่ว่างไม่เว้น ไม่สามารถจะเปลื้องตนให้เข้าถึงความดีได้

ในที่สุดก็ต้องลงอเวจีมหานรก

สำหรับเรื่องอเวจี..นี้ บุคคลที่ลงมีตัวอย่างมาก แต่ขุมอื่นไม่ค่อยจะมี
ในวันหลังจะนำมาคุยให้ฟังต่อว่าใครบ้าง อันดับแรกก็คงจะเอาพวกพระมาเล่าให้ฟังก่อน

สำหรับวันนี้ ท่านสาวกของสมเด็จพระชินวร เรื่องตอนต้นก่อนที่จะสอนพระกรรมฐาน มองดูเวลาก็หมดเสียแล้ว ก็ขอหยุดก่อน ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคล สมบรูณ์พูนผล จงมีแด่ทุกท่านผู้รับฟัง .. สวัสดี

ที่มา : ธรรมปฎิบัติ 29
รวมคำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
วัดจันทาราม (ท่าซุง) อำเภอเมือง จังหวัดอุทัยธานี

คัดลอกจาก - ขอขอบคุณ joeyman ** ��ǧ������� �Ѵ��ҫا -- �á��Ǩ� ��������������Ƿѵ��о��⡡��ԡ� �ҡ���͡ ����๪��� oknation.net

 

ขอบคุณมากๆครับ ผมหาอ่านมานาน เพิ่งมาเจอ

 

อ.ปริญญา เผย โซนไหน จัดหนัก.. ตายนับหมื่น นับแสน
ใครคนไหนเลือก คนไม่ดี เข้าสภา จำพวกคนที่ดึงฟ้าต่ำ ทำหินแตก แยกแผ่นดิน อ.ปริญญาบอก คนคนนั้น ก็จะถูก หมายหัวเอาไว้ รอวัน จัดหนัก.. ส่วน รายที่ แย่ มาก ๆ จิตใจ บอดสนิท.. จิตวิญญาณ ของเขา ก็จะ ถูก ทำลายทิ้ง เป็นอัน ไม่ต้อง นิพพาน..

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=k2zcVBqLeJ0&feature=related]YouTube - ‪56วัน7ราตรี - โดย อ.ปริญญา ตันสกุล 5/5‬‏[/ame]

 

อนุโมทนาสาธุครับ

ภัยพิบัติรอบแรกจะมุ่งจัดการคนที่จาบจ้วงล่วงเกิน
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนที่ไม่รู้คุณพระมหากรุณาธิคุณ
ของล้นเกล้าล้นกระหม่อม ที่ทรงเหนื่อยพระหฤทัย พระวรกายของพระองค์
เพื่อช่วยคนไทยทั้งประเทศให้มีอาชีพ มีที่อยู่ ที่ทำกิน มีการศึกษา มีโอกาส
ปรับฐานะความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น โดยไม่ทรงแบ่งชนชั้น แบ่งเขาแบ่งเรา ทรงเมตตาทุกคน เปรียบประดุจพ่อของทุกคน

ทรงยอมทรมานพระวรกาย เพื่ออธิษฐานขอเลื่อนภัยพิบัติ
เพื่อช่วยเหลือคนไทยทุกคน ย้ำ ทุกคน

ไม่เชื่อเรื่องเวรกรรม ไม่เชื่อว่ามีนรกสวรรค์
มีแต่ความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน
ขายได้กระทั่งผืนแผ่นดินที่ตนเองอาศัยอยู่ ทำลายผืนป่าธรรมชาติ
ทำลายพระศาสนา ทำร้ายคนไทยด้วยกันเอง แล้วมีความสุข
ก็ทำต่อไปเถิดครับ อีกไม่นาน อีกไม่นานนัก ไม่นานเกินรอ......

รอ..... รอวันที่เบื้องบนท่านจะจัดการ
ท่านพ่อพระยายมราช นายบัญชีใหญ่ นายนิริยบาล กำลังรอท่านอยู่
ถึงวันนั้น ก็แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว

แม้ในชาติปัจจุบัน
ลองพิจารณาดูเถิดว่าอยู่เย็นเป็นสุข จริงหรือไม่

ไม่มีปัญหาเจ็บไข้ได้ป่วยของตนและครอบครัว อย่างหาสาเหตุไม่ได้
ไม่มีปัญหาโดนเค้าหลอกโกงกินบ้าง
ไม่มีปัญหาครอบครัวแตกแยกบ้าง.....จริงหรือไม่

เงินทองล้นฟ้าที่ได้มาโดยสร้างกรรมกับผู้อื่นนั้น
ช่วยท่านได้หรือไม่

ทำสิ่งใด อย่าคิดว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็น
ท้าวมหาราชทั้งสี่ไม่ทรงทราบ ท่านท้าวเวสสุวรรณท่านไม่รู้ไม่เห็น



นรก นรก นรก เท่านั้น

ตกนรกตั้งแต่ชาติปัจจุบันนี้แล้ว

ดังนั้น ทำผิดสิ่งใด รีบแก้ไขตั้งแต่เดี๋ยวนี้
หันมาทำประโยชน์เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
ทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม

ขอขมาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและราชวงศ์
ทำผิดแล้ว อย่าทำอีก
----------------------------------------------------
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)

รวมความว่าคนที่จะลงอเวจีมหานรก ก็เป็นคนที่ไม่รู้จักคำว่าดี ..
คำว่าดีในด้านศีลด้านธรรม คนประเภทนี้ไม่รู้จัก รู้จักอย่างเดียวคือความเมาในหน้าที่
ความเมาในศักดิ์ศรี ความเมาในอำนาจ เมาในความไม่รู้คุณคน
เมาในการทำอกุศลโดยไม่ว่างไม่เว้น ไม่สามารถจะเปลื้องตนให้เข้าถึงความดีได้

ในที่สุดก็ต้องลงอเวจีมหานรก
-----------------------------------------------------
ร่วมกันทำความดี และตั้งใจถวายบุญทาน ศีล ภาวนานี้แก่พ่อหลวงของเรา

ถวายสิ่งศักดิ์สิืทธิ์ที่ปกปักรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระสยามเทวาธิราชเจ้า
ถวายท่านท้าวมหาราชทั้งสี่ ขอให้ในหลวงทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงในปัจจุบัน

การถวายบุญพระองค์ท่าน เป็นการทำเพื่อส่วนรวม เพื่อเราทุกคน
จะเป็นบุญที่บริสุทธิ์ จากใจคนไทยเราทุกคน ที่จะช่วยรักษาพระอาการ
ของพระองค์ให้ดีขึ้น และท่านจะอวยพรให้บุญตอบแก่ผู้ที่ตั้งใจทำความดีถวายท่านอีกไม่รู้กี่พันเท่า
ที่สำคัญ อาจจะทำให้ภัยพิบัติเบาบางลงได้ ด้วยพระบารมีของพระองค์ครับ

 

เวลาเหลือกันไม่มากแล้วนะครับอยากให้ทุกคนหมั่นทำความดี พวกเราโชคดีกว่าสัตว์โลกอื่นอีกไม่รู้กี่พันเท่าที่สามารถสวดมนต์และทำบุตรตักบาตรได้ ตัวผมเองแต่ก่อนเป็นคนเลวสำมะเลเทเมาไปวันๆ แต่ตั้งแต่ผมเข้ามาในห้องเตือนภัยพิบัตินี้ทำให้ผมเห็นสัจธรรมว่าชีวิตคนเรามันสั้นนัก เลยกลับตัวกลับใจหันหน้าเข้าหาธรรม เพราะไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ได้นานอีกแค่ไหน ตายเมื่อไหร่ไม่ว่าขอมุ่งนิพพานที่เดียวครับ แต่ที่นาซ่ามาเตือนนั้นทำผมชักสังหรใจชอบกลครับ เพราะจากเท่าที่ดูหนังมาหลายเรื่องพวกเขาจะปิดข่าวไว้เพราะกลัวคนแตกตื่น แต่จะแย่บๆไว้ในรูปแบบของคำเตือน แล้วค่อยมาแถลงข่าวความจริงเอาวินาทีสุดท้าย หลังบุคคลสำคัญของชาติเขาเข้าที่กำบังเรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ดูหนังมากไปป่าวนะคับ แต่สังหรณ์ใจชอบกล

 

ติดตามข้อเขียนของผู้นำจิตวิญานผู้นี้มาตั้งแต่ปี 2548

จนบัดนี้ผ่านไป 5-6 ปี แล้ว ยังไม่มีอะไรใกล้เคียงความจริงเลย
ท่าทางจะต้องเปลี่ยนยาใหม่แล้ว ล่ะครับ.....อิอิอิอิ

 

อนุโมทนาสาธุครับ

ความไม่ประมาท คือ ความดีในชีวิต

ด้วยพระบารมีมิอาจประมาณของสมเด็จองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอให้ได้ดวงตาเห็นกรรม ได้ดวงตาเห็นธรรม ในชาติปัจจุบันเทอญ สาธุ
__________________
ทำบุญเข้าพรรษา
ถวายบุญแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน มีพระพลานามัยแข็งแรง<!-- google_ad_section_end -->

 

ทึ่ง.!! “โรงแรมลอยน้ำ” รับมือ “ภัยพิบัติโลก”...
...
...
รัสเซียออกแบบโรงแรมลอยน้ำ รับมือภัยพิบัติโลก
...
...

ใครว่า ปี 2012 จะเป็นเรื่องไกลตัวเรา ตอนนี้คิดว่าไม่ใช่แล้ว
ล่าสุดทางรัสเชียได้ว่าจ้าง บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่ง
เพื่อรวมมือกับสหภาพสถาปนิกระหว่างประเทศ ออกแบบโรงแรมลอยน้ำชื่อ "อาร์ก โฮเท็ล (Ark Hotel)"
เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยกรณีเกิดน้ำท่วม หรือน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูง



Remistudio บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมสัญชาติรัสเซีย ได้เปิดเผยแบบสถาปัตยกรรม โรงแรมลอยน้ำ
หนึ่งในโครงการออกแบบสถาปัตยกรรมเพื่อรับมือภัยพิบัตินานาชาติ โดยโรงแรมลอยน้ำนี้ มีรูปทรงกลมรี
คล้ายกับหอย ซึ่งบริษัทออกแบบ ระบุว่า ส่วนโค้งและสายเคเบิลในอาคารที่ออกแบบให้มีรูปร่างคล้ายหอย
นั้น ทำให้น้ำหนักทุกส่วนถูกแบ่งเท่าๆ กัน จึงไม่เป็นอันตรายแม้จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง
(แรงแค่ไหนก็ไม่หวั่น)



ภายใน อาร์ก โฮเท็ล มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่วนเรื่องกระแสไฟฟ้านั้น ก็มาจากพลังงานลม พลัง
งานแสงอาทิตย์ ที่ติดตั้งอยู่ด้านบนและรอบ ๆ โรงแรม อีกทั้งบรรยากาศภายในยังมีต้นไม้ สนามหญ้า จำลอง
สภาพแวดล้อม ธรรมชาติแบบย่อม ๆ อยู่ในนั้น

โดยโรงแรมแห่งนี้จะสร้างขึ้น เพื่อรับมือกับสถานการณ์ระดับน้ำทะเลเพิ่มระดับสูงขึ้น และภัยพิบัติที่อาจเกิด
ขึ้นในอนาคต และนอกจากนี้ ยังใช้ในการปกป้องต้นไม้และพันธุ์ไม้ต่าง ๆ จากการคุกคามของมนุษย์อีกด้วย




ทั้งนี้นอก จากโรงแรมจะลอยน้ำได้แล้ว กรณีที่ยังไม่เกิดภัยพิบัติ โรงแรมแห่งนี้ก็สามารถตั้งอยู่บนพื้นดินได้
ตามปกติ และมันน่าสนใจตรงที่มีบรรยากาศดี รายล้อมไปด้วยต้นไม้สีเขียวมากมาย แขกสามารถสูดอากาศ
บริสุทธิ์ได้เต็มปอด และไม่ต้องกลัวเรื่องอันตรายจากภัยพิบัติเลย

อ่านข่าวนี้แล้ว ทำให้หลายคนเริ่มคล้อยตามคำทำนายเรื่อง 2012 กันบ้างหรือป่าวเอ่ย...แต่ที่แน่ ๆ อีกไม่นาน
เรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะได้เห็น "เรือโนอาห์" ของปี 2012 กัน




แน่ใจหรือว่า จะสามารถทนทานภัยพิบัติจากแกนโลกพลิกได้
แน่ใจหรือว่า จะสามารถทนแรงกดดันอากาศขนาดทวิปทั้งทวีปที่จมลงใต้มหาสมุทรได้

----------------------------------------------------
ร่วมกันทำความดี และตั้งใจถวายบุญทาน ศีล ภาวนานี้แก่พ่อหลวงของเรา

ถวายสิ่งศักดิ์สิืทธิ์ที่ปกปักรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ถวายบุญนี้แด่องค์พระสยามเทวาธิราชเจ้า
ถวายท่านท้าวมหาราชทั้งสี่
ขอให้ในหลวงทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงในปัจจุบัน

การถวายบุญพระองค์ท่าน เป็นการทำเพื่อส่วนรวม เพื่อเราทุกคน
จะเป็นบุญที่บริสุทธิ์ ที่จะช่วยรักษาพระอาการของพระองค์ให้ดีขึ้น
และท่านจะอวยพร ให้บุญตอบแก่เราอีกไม่รู้กี่เท่าทวีคูณ
ที่สำคัญ อาจจะทำให้ภัยพิบัติเบาบางลงได้
ด้วยพระบารมีของพระองค์ท่านครับ สาธุ

 

คนไทยยุคนี้ แยกไม่ออกระหว่าง คนดี กับคนเลว -,- คนไหนดี คนไหนไม่ดี เราไม่รู้
เรารู้เเต่คนนี้รวย เรายกย่องนับถือ เราตัองก้มหัวให้ *-* คนนี้จน เราไม่สนใจ
เราดูถูกเหยียบหยาม คนจนมีค่าต่ำกว่าสุนัขของคนรวย -,- เพราะฉะนั้นคนไทยยุคนี้
ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ เงิน เงิน แล้วก็เงิน *-* ความดี ความเลว สัมมาอาชีพ
มิจฉาอาชีพ ฯ เราอย่าไปสนใจ เมื่อเรามีเงินทุกอย่างอยู่ใต้อุ้งเท้าเรา -*- กรรม -*-
ขออนุญาตเตรียมตัวไปอยู่ป่า ต้องขอเวลาเตรียมตัวเพราะต้องปลูกป่าเอง *-*

 

(คนจนมีค่าต่ำกว่าสุนัขของคนรวย) ตีค่าความเป็นคนต่ำไปไหม ท่านZare2012 แต่ก็น่าคิดนะเพราะคนจนในสังคมทุกวันนี้ถูกดูถูกเหยียบหยามมาก เป็นสังคมที่เอารัดเอาเปรียบมาก โดยเฉพาะผู้มีอิทธิพล พวกข้าราชการบางคนที่อวดอ้างอำนาจ(ดูอย่างลูกนายทหารใช้รถหลวงของกองทัพไปพบตำรวจ) ถ้าเป็นคนจนเขาจะมีโอกาสไหมได้รับการปฏิบัติที่เป็นแบบนั้หรือไม่ เหมือนใคร เขียนไว้นะ รถหลวง น้ำมันหมา กูขี่

 

คนดี ปชช. ไม่เลือก
ปชช. เลือกคนรวย
กลียุค รออยู่เบื้องหน้าแล้ว พี่น้อง

 

Lesson 4 (part 2 of 4) - The Culture of Empire
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=v6ixuhwwsFc&feature=related]YouTube - ‪Renaissance 2.0: Lesson 4 (part 2 of 4) - The Culture of Empire‬&rlm;[/ame]
เนื่องจาก ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ถูกบังคับด้วย สมการดอกเบี้ยทบต้น ทำให้ระบบจำเป็นต้องขยายตัวแบบ exponential ไม่ว่าจะเลือกพรรคการเมืองจากซีก Democrat (ประชาธิปัตย์) หรือ Republican (เพื่อไทย) ซึ่งดูเสมือนจะอยู่ขั้วตรงกันข้ามกัน สุดท้ายก็ต้องบริหารราชการ ให้เกิดการขยายตัวแบบนี้ทั้งสิ้น เพราะระบบถูกออกแบบมาเช่นนี้ตั้งแต่ต้น 

เมื่อเวลาผ่านไป ระบบมีขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นทุกวัน มันค่อย ๆ กลืนชีวิตประชาชนเข้าไปในระบบ และพวกเขาติดแหง็กอยู่ภายในระบบ ที่มีขนาด มหึมา จนกระทั่งไม่มีใครสามารถทราบได้ว่า มันทำงานได้อย่างไร นี่คือปัญหาใหญ่ เพราะเรากำลังฝาก ชาตากรรม อย่างสิ้นหวัง ไว้กับนักบริหารบ้านเมืองเพียงไม่กี่คน เช่น ผู้ว่าการธนาคารกลางแห่งชาติ หรือรัฐมนตรีที่ดูแล เรื่องเศรษฐกิจ 

ด้วย ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ที่มีขนาด มโหฬาร เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า พวกเขา สามารถ ควบคุมการทำงานได้เปนผลสำเร็จ. พวกเขาพึ่งเครื่องมือ แค่ อัตราดอกเบี้ย งบประประมาณแผ่นดิน กับภาษี เพียงเท่านี้. ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่การแก้ไขที่ต้นเหตุ แต่สื่อมวลชนยักษ์ใหญ่อย่าง Time ก็ออกมาประโคมข่าวขานรับนโยบาย ต่าง ๆ ของ ธนาคารกลางสหรัฐ (Federal Reserve) เนื่องจาก ไม่ว่าจะเป็น สื่อมวลชน หรือ ธนาคารกลางสหรัฐ ก็อยู่ภายใต้คำบงการของ จักรวรรดิ์ธนาคาร ที่เป็น เจ้าของธนาคารกลาง เจ้าของอำนาจรัฐ เจ้าของประชาชนตัวจริง.

ต้นเหตุ คือ การยอมให้มีดอกเบี้ยทบต้น ในที่สุดการแก้ไขปัญหา ผลลัพธ์กลับเป็นการสร้างปัญหาใหม่ ๆ ขึ้นมาอีก มีคนจำนวนไม่มากนัก ที่ตระหนัก ว่า ระบบ เศรษฐกิจ ที่ทั้ง มีขนาดใหญ่ และโลกาภิวัตน์ (global) นี้ เป็นสิ่งที่บ้าบอคอแตกสิ้นดี ที่ได้ทำลายคุณค่าต่าง ๆ ของเรา ทั้งยังเป็นสาเหตุให้ เกิดเหตุการโจมตี สกุลเงินต่าง ๆ ได้ ทั่วโลก การขาดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ความวุ่นวาย จราจลต่าง ๆ ทั่วโลก ขนาดที่ ใหญ่โตมหึมา มากจนเกินไป ได้ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตามมา ได้แก่ การสูญเสีย ความสำคัญ, เสรีภาพ, ชุมชุม, และตัวตน 

เราสูญเสียคุณค่าต่าง ๆ ในชีวิต เพราะการสร้างระบบเงินตรา ที่ให้ ทองคำ สามารถแทนด้วยโลหะ หรือกระดาษที่ไม่มีค่าได้ เราพบเห็นตัวอย่างเหล่านี้ได้ทั่วไป จากการปฏิสัมพันธ์ต่อกัน ของผู้คน ในชีวิต ประจำวัน ที่ผูกพันธ์ แน่นแฟ้นกับระบบ เช่น การประกอบอาชีพใด ๆ ของผู้คน ก็ต้องอยู่ ภายใต้การควบคุม ทั้งทางตรง ทางอ้อม ของ ระบบธนาคาร 
เช่น จะซื้อรถ ซื้อบ้าน ก็ต้องพึ่ง ธนาคาร 
จะก่อตั้ง ธุรกิจ ก็ต้องพึ่งธนาคาร 
รัฐบาลต้องการงบประมาณประจำปี ก็ต้องพึ่ง ธนาคาร 
ชีวิตของประชาชนเกือบทั้งหมด ต่างก็ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย และมีรายได้เพียงน้อยนิด แทบไม่พอใช้จ่าย ในขณะที่ ธนาคาร แทบไม่ได้สร้าง ประโยชน์อะไรให้กับ ระบบเศรษฐกิจเลย กลับสามารถตักตวง ดูดกิน สูบเลือดเนื้อ ชีวิตประชาชนผู้ยากไร้ จากทุกทิศทุกทาง ทุกภาคส่วน ไหลมาบรรจบกันตรง ธนาคาร จนหมดสิ้น 

นี่ไม่ใช่วัตถุประสงค์หลัก ของการมีชีวิต ที่มนุษย์ทุกคนต่างมุ่งหน้าทำงานรับใช้ ระบบ ซึ่งได้เข้าครอบงำประชาชน ตั้งแต่ในวัยเยาว์ เด็ก ๆ ฝันว่า อยากจะประกอบอาชีพ อย่างนู้น อย่างนี้ ซึ่งอาชีพที่เป็นที่ยอมรับ ที่สร้างรายได้ได้ดี ก็จำเป็นจะต้อง เป็นอาชีพที่รับใช้ระบบธนาคาร

ผู้นำทางความคิดมากมาย ต่างเผยแพร่ค่านิยม ให้กับประชาชน เพื่อที่จะได้มาทำงานรับใช้ระบบ เช่น ทำอย่างไร จึงจะสร้างรายได้ให้มาก ๆ ทำอย่างไร จึงจะเป็นผู้มี ประสิทธิผลสูง ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน. พวกเขา สอนว่า ความสำเร็จในหน้าที่การงาน นำมาซึ่งความสำเร็จทางสังคม. สิ่งนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ อำนาจอันล้นเหลือ ของระบบ. ข้าพเจ้าคิดว่า นักคิดเหล่านี้ คงจะมีความผิดปกติทางความคิด หลายประการ ที่มีความสุขในการทำงานรับใช้ ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัตน์. 

บนโลกใบนี้ อาจเหลือเพียงแค่ วัดป่า เท่านั้น ที่ยังไม่ได้ถูกครอบงำ โดยระบบ อาจเป็นแหล่งเดียวที่ให้ ประชาชน ได้ไป พักพิงในวันหยุด เพื่อเติมพลัง แล้วหวนกลับเข้าสู่ หน้าที่หลักในการมีชีวิตอยู่ของทุกคน นั่นคือ การทำงานรับใช้ ระบบเศรษฐกิจทุนนิยม หรืออีกนัยหนึ่งคือ ระบบธนาคาร

ขนาดที่มโหฬารของระบบ ได้ทำลาย ความสำคัญของชุมชนเล็ก ๆ ตามชนบท. เรามาถึงจุดที่จะต้องตระหนักว่า ควรจะจัดการกับปัญหา อย่างไรดี เมื่อ มหานคร ได้ทำลายความสำคัญ ของเมืองเล็ก ๆ ไป. ชื่อของตึก Empire State ในเมือง New York ก็สื่อความหมายอย่างชัดเจนว่า ที่เมืองนี้สำคัญที่สุด. สำคัญกว่าเมือง อื่น ๆ เพราะที่นี่ เป็นศูนย์กลางของ จักรวรรดิ์ธนาคาร. 

ชีวิตผู้คนในเมืองใหญ่ ไม่สามารถใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอันน่าภิรมย์ได้ แต่กลับเป็นโลกที่น่ารังเกียจ ที่ทำให้มนุษย์ต้องตกอยู่ในสภาพ แบบนี่ ต้องหมกตัวอยู่ในคอกแคบ ๆ ตลอดทั้งวัน สวมเครื่องแบบ ผูกไทด์ หิ้วกระเป๋าคอมพิวเตอร์ และเอกสาร เสมือนตกเป็นนักโทษ สูญเสียความสามารถ ในการใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองปราถนา 

เราพบเห็นตัวอย่างในเชิงลบ มากมาย ที่แสดงถึงผลกระทบของ ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมโลกาภิวัตน์ ที่มีขนาดมหึมา เช่น การทำไร่ไถนาแบบพอเพียงในสังคมดั้งเดิม ถูกแทนที่ด้วยการทำฟาร์มขนาดใหญ่ของบริษัท, หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ถูกแทนที่ด้วย หนังสือพิมพ์ระดับชาติ และสื่อสารมวลชนระดับชาติ. ข่าวในชุมชน ถูดลดความสำคัญลง และแทนที่ด้วยข่าวของเมืองใหญ่ เพราะชุมชนบ้านนอก ถูดลดความหมายลง. 

อีกตัวอย่างได้แก่ หนังเรื่อง Star Trek เมื่อพระเอกของเรื่อง ถูกเยาะเย้ยล้อเลียน ในตอนที่ยังอยู่บ้านนอก Iowa แต่กลับกลายเป็น ฮีโร่ ในตอนที่เปลี่ยนมาสวม เครื่องแบบ และดำรงค์ชีพด้วยการฆ่าผู้อื่น ภาพยนต์ ฮอล์ลิวูด สื่อสารเช่นนี้มานับสิบ ๆ ปี และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย

สุดท้ายข้าพเจ้าตั้งความหวังไว้ว่า คำพูดเช่นว่า "I cannot see how a country, a society, or a civilization can live, while its communities die" ของ Wendell Berry นับแต่บัดนี้ จะเริ่มได้รับการตระหนักอย่างจริงจัง และแพร่หลาย

 

บ้าการเมืองกันเข้าเลือดจริงๆ

 

เขียนดีมาก เห็นภาพชัดเจนครับท่าน
เออ...เมื่อไหร่ระบบบ้าๆ นี้ จะจบซักที
มันน่ากลัวขึ้นทุกวันๆๆๆ:boo:

 

<TABLE id=post4846167 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175></TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_4846167 class=alt1><!-- google_ad_section_start -->


</TD></TR></TBODY></TABLE></B>

ท่านอาจารย์ของผม ท่านสอนว่า
เจอะเจอปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิต

ผัวบ้า เมียบอ ลูกดื้อ มีปัญหาการงาน ความรักไม่สมหวัง หนี้สิน โดนด่าว่า นินทา

ก็คิดเสียว่า เป็นธรรมดาโลก
เป็นธรรมดาของการเกิดมาเป็นมนุษย์

เกิดมาแต่ละชาติ ก็เหมือนมาเล่นละครเรื่องหนึ่ง
หมดกรรม หมดวาระแล้ว ต่างคนต่างไป ไม่ได้ไปด้วยกัน

ดังนั้น ไม่อยากเจอปัญหาต่าง ๆ เราทุกคนก็พากันหาทางหนีทุกข์
โดยการไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป

ชาตินี้.................
เป็นชาติสุดท้ายของเราทุกคนได้ไหม ?

เราทุกคน ต่างเคยทนทุกขเวทนา พลัดพรากจากของรักของชอบใจกันมาหลายภพหลายชาติ

อย่าติดกันอีกสิ อย่ามืดบอดกันต่อไป

ติดกันอยู่ก็ต้องลงมาเกิดในท้องของคนนั้น ตัวนี้ อยู่ร่ำไป



เราทุกคนจึงควรพากันตั้งมั่นในทาน ศีล ภาวนา
เพื่อตัดเวรกรรม ตัดภพชาติให้หมดสิ้นไป หวังเพียงพระนิพพานเป็นที่ไปเพียงจุดเดียว หากไม่ถึงก็ยังเข้าใกล้ และไม่ไปอบายภูมิแน่นอนในชาตินี้ หากได้เป็นพระอนาคามี ก็ไม่ต้องลงมาเกิดอีกต่อไป หรือ เป็นเทพพรหม ต่อบุญบารมีกันไป รอสมเด็จพระศรีอริยะเมตไตร ท่านมาโปรด ฟังเทศน์จากพระองค์ท่านจบเดียว ก็อาจไปพระนิพพานได้ ตามที่หลวงพ่อพระราชพรหมยานท่านเคยสอนไว้ครับ

ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน ทุกประการครับ

ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรม เห็นกรรม ในชาติปัจจุบัน
ด้วยบารมีแห่งองค์สมเด็จพระพิชิตมาร สมเด็จองค์ปฐมต้นเทอญ
-------------------------------------------
ช่วงนี้เจริญพรหมวิหาร 4 กันนะครับ
เจริญพรหมวิหาร 4 แล้ว เราจะไม่ทำร้ายคนอื่น
เราจะไม่ทำร้ายใคร ทั้งร่างกายและจิตใจ
เราจะทรงศีล 5 ได้อย่างบริสุทธิ์

ทำบุญใด ๆ ขอให้ตั้งจิตถวายโดยเสด็จพระราชกุศล
เป็นบุญใหญ่ มีอานิสงฆ์มาก เพราะเป็นบุญที่ทำเพื่อส่วนรวม
ร่วมกันถวายบุญแด่องค์ในหลวง
ถวายพระพรให้พระองค์ทรงหายพระประชวรครับ<!-- google_ad_section_end -->