พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <IFRAME id=_atssh334 title="AddThis utility frame" style="BORDER-RIGHT: 0px; BORDER-TOP: 0px; Z-INDEX: 100000; LEFT: 0px; BORDER-LEFT: 0px; WIDTH: 1px; BORDER-BOTTOM: 0px; POSITION: absolute; TOP: 0px; HEIGHT: 1px" name=_atssh334 src="//s7.addthis.com/static/r07/sh44.html#cb=0&ab=-&dh=palungjit.org&dr=&du=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Ff179%2F%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2-%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%81-%E0%B8%96%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%94%E0%B9%89-22445-2269.html&dt=&inst=1&lng=th&pc=men&pub=xa-4a38f0f6636e48fa&ssl=0&sid=4df17491091d17cf&srd=1&srf=0.02&srp=0.2&srx=0.5&ver=250&xck=0&rev=100314" width=1 height=1 frameborder="0"></IFRAME>
    วิตามินเกลือแร่มีดี-น้ำบำรุงเลือด

    วันศุกร์ ที่ 10 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT>​


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD><TD id=ext-gen16 style="WIDTH: 57px">รูปภาพ</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ทุกวันนี้ ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุ่งเหยิงอยู่กับการเดินทาง ทำงาน และพักผ่อนแบบง่ายๆ ขอเร็วเข้าว่า เช่น ยามว่างขอเลือกทานของอร่อยแบบจุใจเน้นปริมาณ หรือไม่ก็ตีตั๋วเข้าไปนั่งดูหนังในโรงภาพยนตร์ เสพสุขได้อย่างใจด้วยความรวดเร็ว

    ดูๆ ไปอดคิดไม่ได้ว่า คนเมืองห่างเหินจากการออกกำลังกาย และสรรหาอาหารที่มีคุณค่าครบถ้วนมากรับประทาน โดยเฉพาะวิตามินและเกลือแร่ที่ครบถ้วน อันเป็นพื้นฐานสำคัญช่วยให้สุขภาพดีและแข็งแรง

    ทว่าปัญหาความไม่ใส่ใจนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง นอกจากนั้นยังเกิดจากความไม่เข้าใจอย่างแท้จริงว่า คุณประโยชน์ของวิตามินและเกลือแร่ที่ครบถ้วนนั้นมีอะไรบ้าง ซึ่ง พญ.อรพิชญา ไกรฤทธิ์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวในงานคัลเลอร์ ยัวร์ ไลฟ์ โดยไฟเซอร์ คอนซูเมอร์เฮลธ์แคร์ ถึงสรรพคุณดีๆ ที่ร่างกายจะได้รับจากวิตามินและเกลือแร่อย่างกระจ่าง

    เริ่มจากช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง โดยเฉพาะโฟเลท วิตามินบี 6 และบี 12 ช่วยลดระดับโฮโมซิสเทอีน ตัวการก่อภาวะหลอดเลือดหัวใจให้ต่ำลง

    ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ตามผลวิจัยจากสหรัฐพบว่า ผู้ที่ได้รับวิตามินและเกลือแร่รวมครบถ้วน มีความเสี่ยงในการติดเชื้อลดลง

    ในเรื่องของผิวก็เช่นกัน เห็นได้ชัดจากวิตามินบี 2 ไนอะซิน กรดโฟลิค ธาตุเหล็ก และแอนตี้ออกซิเดนท์ อาทิ วิตามินซี วิตามินอี และเบต้าแคโรทีน ธาตุเซเลเนียม สังกะสี สรรพคุณชะลอความเหี่ยวย่น ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่น และช่วยให้แผลหายเร็ว

    ด้านพลังงานร่างกาย วิตามินและเกลือแร่มีส่วนช่วยเสริมขบวนการเผาผลาญและรักษาระดับพลังงานที่ดี เช่น วิตามินบี 1 บี 2 ไนอาซิน มีความสำคัญในการสร้างพลังงานแก่ร่างกาย ขณะที่ไบโอติน ช่วยแก้ไขภาวะน้ำตาลและไขมันในเลือดสูง

    หมวดกระดูก วิตามินมีความสามารถในการลดความเสี่ยงภาวะกระดูกหักในผู้สูงอายุ อีกทั้งเกลือแร่ อย่างแคลเซียม ลดความเสี่ยงกระดูกพรุนของหญิงวัยทองได้

    สำหรับการสร้างเม็ดเลือดแดงที่เป็นปกตินั้น ต้องอาศัยธาตุเหล็กและทองแดง ส่วนวิตามินอี จะช่วยลดปัญหาเม็ดเลือดแดงแตกง่าย วิตามินบี 12 กับกรดโฟลิก ช่วยให้เม็ดเลือดแดงเจริญเติบโตได้ดี วิตามินเคและแคลเซียมเสริมการทำงานของเกล็ดเลือดให้แข็งตัวเร็วเมื่อเกิดบาดแผล ไม่ต้องเสียเลือดมาก แผลสมานตัวเร็ว

    วิตามินและเกลือแร่ยังดูแลสุขภาพตา โดยธาตุสังกะสี วิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน ช่วยลดความเสี่ยงโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ

    ประโยชน์อีกประการ คือ ขจัดภาวะเครียด จากวิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินอี และทองแดง เซเลเนียม แมงกานีส และสังกะสี สามารถต้านอนุมูลอิสระพร้อมลดความเครียดในร่างกาย

    ท้ายนี้ 'มุมสุขภาพ-กินดี' ไม่ลืมแนะสูตรเครื่องดื่มที่ใช้ประโยชน์จากผัก-ผลไม้ อันอุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่หลายชนิด โดยสูตรนี้เน้นบำรุงเลือด บำรุงประสาท

    ส่วนผสม ประกอบด้วย...

    • ผักโขม 1/2 ถ้วย

    • ลูกแพร์ 1 ถ้วย

    • ลูกพรุน 1 ถ้วย

    • น้ำแข็งป่น พอประมาณ

    วิธีทำ ผักโขมหั่นซอยจนละเอียด ส่วนลูกแพร์หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า ลูกพรุนให้เอาเมล็ดออก จากนั้นนำส่วนผสมทั้งหมดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสร็จแล้วเติมน้ำแข็ง และควรดื่มทันที

    พญ.อรพิชญา ยังบอกถึงหัวใจสำคัญในการได้รับวิตามินและเกลือแร่ คือ ต้องรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ เน้นผักและผลไม้ให้มากกว่าเนื้อสัตว์ เลี่ยงอาหารรสหวานจัด ควรปรุงด้วยการต้ม นึ่ง ตุ๋น ลวก หรือสด โดยเลี่ยงการทอดด้วยน้ำมัน อาหารแปรรูป

    ส่วนการเลือกวิตามินและเกลือแร่ชนิดเม็ด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้ทราบว่าขาดวิตามินหรือเกลือแร่ชนิดใด ผู้ผลิตวิตามินและเกลือแร่ต้องเชื่อถือได้ หากเลือกกินวิตามินและเกลือแร่สูตรรวมควรมั่นใจว่า ไม่ได้กินจนร่างกายได้รับสารอาหารเกินกำหนด เนื่องจากวิตามินบางชนิด อย่าง เอ ดี อี เค หากได้รับมากเกินจะเกิดการสะสมในเนื้อเยื่อกลายเป็นผลเสีย

    ไม่อยากอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ป่วยบ่อย อยากได้ขาดวิตามินและเกลือแร่.

    ทีมเดลินิวส์ออนไลน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2011
  2. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    เคล็ดลับกำจัดหยากไย่
    วันศุกร์ ที่ 10 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น
    <SCRIPT src="http://s7.addthis.com/js/250/addthis_widget.js?pub=xa-4a38f0f6636e48fa" type=text/javascript></SCRIPT> ​

    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    หยากไย่หรือใยของเจ้าแมงมุม ต้นเหตุทำให้บ้านดูสกปรกไม่น่าอยู่ วันนี้มีเคล็ดลับวิธีทำความสะอาดและกำจัดหยากไย่มาฝาก อยากรู้ต้องอ่าน

    วิธีการกำจัดหยากไย่นั้นฟังดูเหมือนง่าย แต่ถ้าลองไปทำจริง ๆ จะรู้ว่าแสนยากลำบาก เพราะบางทีก็ทั้งอยู่สูง บางครั้งก็กำจัดไม่หมดสักที บางทีเพิ่งทำความสะอาดไปไม่นานก็กลับมาอีกแล้ว ลองอ่านดูวิธีต่อไปนี้ แล้วลองไปใช้ บ้านคุณจะได้สะอาดน่าอยู่

    วิธีการกำจัดใยแมงมุมนั้นขั้นแรกต้องดูก่อนว่า หยากไย่อยู่ภายในหรือภายนอกตัวบ้าน ถ้าอยู่ข้างนอกล่ะก็สบายเลย เพียงแค่ใช้สายยางฉีดบริเวณที่หยากไย่ขึ้นให้หมดจด กำจัดให้สิ้นซาก ป้องกันเจ้าแมงมุมกวนใจกลับมาสร้างรังอีกครั้ง

    แต่ถ้าเหล่าหยากไย่อยู่ภายในตัวบ้านล่ะ อาจจะกำจัดลำบากสักหน่อย แต่ไม่ยากเกินไปแน่ ให้หาผ้าคลุมเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้ดี ป้องกันเศษหยากไย่ร่วงใส่ แล้วมองหาจุดที่หยากไย่ขึ้น ถ้าอยู่สูงหน่อยก็ต้องมีตัวช่วยเป็นเก้าอี้ เลือกที่มั่นคงเพื่อความปลอดภัย แล้วดูว่ายังมีแมงมุม หรือ แมลงอื่น ๆ ที่มีชีวิตติดอยู่กับใยแมงมุมหรือไม่ ถ้ามีก็ต้องหาไม้กวาดเล็ก ๆ หรือ ผ้าขี้ริ้ว กำจัดทิ้งไป ทั้งตัวและไข่ อย่าลืมดูตามซอกมุมหรือรอยแตกด้วย เพราะถ้ากำจัดไม่หมด สัตว์ตัวเล็กเหล่านี้ก็จะกลับมาสร้างใยขึ้นมาใหม่อีกครั้งในเวลาอันรวดเร็ว แล้วใช้ไม้กวาดยาว ๆ ที่เรียกกันว่า ไม้กวาดหยากไย่ นั่นแหละ ให้นำไปชุบน้ำเสียก่อน เพราะจะทำให้ติดหยากไย่ดียิ่งขึ้น และทำให้ฝุ่นไม่ฟุ้ง นำไปกวาดบริเวณที่หยากไย่ขึ้นให้เรียบร้อย แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ

    อีกวิธีที่ง่ายแสนง่าย คือการใช้เครื่องดูดฝุ่น แต่มีข้อแม้ว่าต้องระวังเศษซากที่กำจัด จะหล่นไปอยู่ตามพื้น หรือเฟอร์นิเจอร์ เพราะฉะนั้นจึงควรใช้ที่มีตาข่ายเก็บเศษขยะ

    ส่วนถ้าอยากไล่เจ้าแมงมุมตัวต้นเหตุไปให้ไกล ๆ แล้วล่ะก็ แนะนำให้ใส่เกลือลงไปในภาชนะ แล้ววางไว้ตามซอกมุมของบ้าน เกลือจะดูดความชื้นทำให้แมงมุมสร้างใยไม่สำเร็จ แล้วมันก็จะได้ไม่มาสร้างรังให้กวนใจอีกต่อไป.





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  3. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7498 ข่าวสดรายวัน


    ขนมสมุนไพร วุ้น"หมาน้อย"


    คอลัมน์ สดจากเยาวชน
    ยศศยามล กรมติ


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>สมุนไพรในประเทศไทยมีอยู่มากมาย และมีสรรพคุณน่าอัศจรรย์

    หากคนในชุมชนให้ความสำคัญ และรู้จักนำพืชเหล่านั้นมาประยุกต์ใช้พันธุ์ไม้พื้น บ้านมากคุณค่าก็จะไม่มีวันหายไปจากท้องถิ่นของเรา

    ตามเด็กๆ โรงเรียนบ้านอีเซ อ.โพธิ์สุวรรณ จ.ศรีสะเกษ ไปรู้จักกับพืชพื้นถิ่นที่นับวันจะถูกผู้คนละเลย หลงลืมประโยชน์นานาที่มาจากพืชชนิดนี้

    เด็กๆ และชาวบ้านแถบภาคอีสานคุ้นเคยกันดีในนาม "เครือหมาน้อย" พืชสมุนไพรที่มักพบตามพื้นที่รกร้างว่างเปล่าในบริเวณป่าเขาเขตร้อนทั่วไป แต่ที่พบมากและคนรู้จักนำมารับประทานมากที่สุดเห็นจะเป็นในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    เครือหมาน้อย มีชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Cissampelos pareira Linn. ส่วนชื่อพื้นเมืองนั้นเรียกต่างๆ กันไปตามพื้นที่ ภาคกลางเรียก วุ้นหมาน้อย หรือ กรุงเขมา ภาคเหนือเรียก ขงเขมา หรือ พระพาย ภาคอีสานเรียก เครือหมาน้อย หรือ หมาน้อย ภาคใต้เรียก ก้นปิด จ.เพชร บุรี เรียก สีฟัน และผู้คนในพื้นที่ จ.ยะลา รู้จักเครือหมาน้อยในนาม อะกามินเยาะ <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ลักษณะของเครือหมาน้อย เป็นไม้เถาที่เลื้อยตัวขึ้นไปตามต้น ไม้อื่น ใบเป็นรูปหัวใจสีเขียวเข้ม มีขนปกคลุมทั้งใบและก้าน ซึ่งอาจเป็นที่มาของชื่อหมาน้อยที่มีขนปุกปุยนั่นเอง

    มีการศึกษาวิจัยว่าในตัวหมาน้อยประกอบไปด้วยสารเพกติน ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี หากนำมารับประทานแล้วจะช่วยให้เกิดผลดีต่อร่างกายหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นลดคอเลสเตอรอล ลดความอ้วน ลดความเสี่ยง ในการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น

    สรรพคุณทางยาสมุนไพรที่เด็กๆ โรงเรียนบ้านอีเซทราบมาจากพ่อแม่คือเครือหมาน้อยนี้เป็นยาเย็น แก้อาการร้อนใน เป็นยาบำรุง แก้ไข้ แก้ลม

    ด.ญ.ศรินันท์ พาที หรือ น้องหญิง บอกเล่าเกี่ยวกับพื้นที่ที่มักพบต้นหมาน้อยว่า "ตาม ธรรมชาติแล้ว เครือหมาน้อยจะขึ้นอยู่ในป่าค่ะ มันเป็นพืชที่แพร่กระจายตัวได้เร็ว แต่ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านรู้ถึงสรรพคุณมากมายของมันจึงนำมาปลูกไว้ที่บ้านค่ะ จะได้เก็บกินเก็บใช้สะดวก แต่มันจะเป็นเถาขึ้นมาไม่เยอะเท่ากับที่เติบโตอยู่ในป่า"

    สมัยโบราณเมื่อผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนรู้จักและทราบถึงประโยชน์ต่างๆ ของเครือหมาน้อย จึงนำมาดัดแปลงเป็นอาหารเพื่อให้ลูกหลานสามารถรับประทานพืชชนิดนี้ได้ง่ายขึ้น

    มองดูจากลักษณะภายนอกแล้ว พืชมีขนอย่างเครือหมาน้อยอาจจะดูไม่น่ารับประทานสำหรับเด็กๆ เท่าไรนัก พอถูกแปลงโฉมให้เป็นอาหารคาวอย่าง วุ้นหมาน้อย ที่ปรุงรสด้วยพริกน้ำส้ม น้ำปลา แถมโรยหน้าด้วยใบสะระแหน่หอม หวน หรือนำไปดัดแปลงเป็นน้ำพริกใบหมาน้อยที่มีส่วนผสมของปลาอยู่ด้วย จากพืชพื้นถิ่นที่ขึ้นอยู่ทั่วไปตามป่าเขาจึงกลายเป็นทั้งอาหารและยาในคราวเดียวที่เด็กๆ ไม่เคยปฏิเสธอีกเลย

    น้องหญิง และเพื่อนๆ เห็นถึงความสำคัญของพืชพื้นบ้านชนิดนี้ หากไม่รู้จักนำใบหมาน้อยมาประยุกต์ให้เกิดประโยชน์ คุณค่าของมันก็จะลดลงไปตามกาลเวลา โครงงานวิทยาศาสตร์จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้น้องหญิงกับเพื่อนๆ ช่วยกันคิดช่วยกันทำเมนูอาหารที่มาจากใบหมาน้อย

    ด.ญ.ฐาปนี สีตะริสุ หรือ น้องเจน คู่ซี้ของน้องหญิงบอกว่า "ยายนำใบหมาน้อยมาทำอาหารคาวไปแล้ว พวก หนูก็มาช่วยกันคิดว่าน่าจะทำเป็นของหวานได้ค่ะ เพราะคุณสมบัติพิเศษของใบหมาน้อย เมื่อนำมาคั้นน้ำออกแล้วสามารถแข็งตัวกลายเป็นวุ้นโดยใช้เวลาไม่นาน คิดว่าน่าจะนำมาทำเป็นวุ้นหมาน้อยลอยแก้วได้ อาจจะเพิ่มกะทิ และผสมน้ำใบเตยเข้าไปด้วยเพื่อให้มีกลิ่นหอมค่ะ"

    นอกจากของหวานอย่าง วุ้นหมาน้อยลอยแก้ว แล้ว ยังมี หมาน้อย ห่อทอง และ ส้มตำใบหมาน้อย ที่หญิงและเพื่อนๆ ช่วยกันคิดขึ้นมา จากอาหารคาวที่มากประโยชน์ กลายมาเป็นของหวานกินเล่นที่พ่วงยาบำรุงร่างกายเอาไว้ด้วยเช่นนี้ ย่อมส่งผลให้ชาวบ้านและเด็กๆ อยากอนุรักษ์ต้นหมาน้อยให้อยู่คู่ชุมชนตลอดไป
     
  4. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2554 เวลา 16:51 น. ข่าวสดออนไลน์


    เชื้ออี.โคไลโผล่ไทย พบในอโวคาโดจากสเปน ยังไม่ทราบชนิด

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>
    นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้า การตรวจเชื้อแบคทีเรี ยอี.โคไลชนิดรุนแรง โอ 104 (Enterohaemorrhagic E.coli O104) จากตัวอย่างผัก ผลไม้นำเข้าจากยุโรปของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่า หลังจากที่ด่านอาหารและยา ประจำท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิได้สุ่มเก็บ อโวคาโด 2 ก.ก.ซึ่งส่งมาจากประเทศสเปน ส่งตรวจเพาะเชื้อที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ขณะนี้ทราบผลการตรวจในเบื้องต้น พบเชื้ออี.โคไล แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นเชื้ออี.โคไลชนิดใด จะต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจวิเคราะห์สายพันธุ์อีกประมาณ 3-5 วันจึงจะทราบผล ส่วนกะหล่ำปลีปม จากประเทศเบลเยี่ยม จะทราบผลตรวจเบื้องต้นในวันที่ 10 มิ.ย.

    “การตรวจพบเชื้ออี.โคไลในอโวคาโดครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องปกติ ประชาชนไทยไม่ต้องวิตกกังวล เนื่องจากโดยทั่วไป เชื้ออี.โคไล มีหลายชนิด และเป็นเชื้อที่มีอยู่ทั่วไปในผลิตภัณฑ์การเกษตร ผัก ผลไม้ ไม่เป็นอันตรายสำหรับประชาชน ยังสามารถรับประทานผัก ผลไม้ต่อไปได้ตามปกติแต่ควรล้างน้ำให้สะอาดก่อนหลายๆ ครั้ง โดยให้คลี่ใบถูให้สะอาดในกรณีที่เป็นผักที่มีกาบใบห่อ ซึ่งวิธีการล้าง อาจล้างด้วยการเปิดน้ำไหลจากก๊อกแรงพอประมาณ ให้ไหลผ่านผักสด ผลไม้นานอย่างน้อย 2 นาที หรือใช้สารละลายอื่นๆในการล้างควบคู่ด้วย เช่น น้ำส้มสายชู , เกลือ เป็นต้น”นายจุรินทร์ กล่าว

    นพ.สถาพร วงษ์เจริญ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า ในการตรวจสอบหาเชื้ออี.โคไล โอ 104 นั้น ต้องใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ หากทราบว่ามีพิษ ก็จะนำมาตรวจสอบอีกว่าเป็นชนิด โอ 104 หรือไม่ เนื่องจากตามธรรมชาติของผัก ผลไม้ทุกชนิดมักมีการปนเปื้อน เชื้ออี.โคไล อยู่แล้ว แต่อาจเป็นชนิดที่ไม่มีอันตราย
     
  5. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    อิอิ โชคดีครับที่ไปครั้งไหนก็ได้ทันท่านเทศน์ครับผม ครั้งล่าสุดเหมือนท่านจะทราบว่าผมจะถามเกี่ยวกับการนั่งสมาธิ ท่านก้พูดถึงเรื่องการนั่งสมาธิพอดีเลยนะครับ โดยใช้คำว่าพุทโธ นะครับผม ท่านว่าพุทโธดีแล้วจะทำให้จิตที่ไม่สงบ สงบ อย่างอื่นอย่าไปสนใจ เมื่อถึงเวลาจะรู้เองนะครับผม



     
  6. Lee_bangkok

    Lee_bangkok เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,751
    ค่าพลัง:
    +4,741
    คุณหนุ่มเคยเห้นเกศาของหลวงปู่ใหญ่ หลวงปู่เทพโลกอุดรไหมครับผม เคยเห้นในเวบที่บอกว่ามีมวลสารเป็นเส้นเกสาของหลวงปู่เทพโลกอุดรครับ
     
  7. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ต้องถามกลับไปว่า หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) ท่านมาเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสุวรรณภูมิเมื่อไหร่ครับ

    และ หลวงปู่บรมครูพระเทพโลกอุดร(คณะโสณะ-อุตระ) เป็นพระอรหันต์ การเป็นพระอรหันต์ กายหยาบก็ต้องเแปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุ

    เท่าที่ผ่านมา ไม่เคยเห็นครับ

    ที่เคยเห็น ไม่ใช่ครับ



    .
     
  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    งานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง

    เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง
    และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง

    กำหนดการ

    วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554

    ณ ศาลาข้างกุฎิ 7 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน กรุงเทพฯ

    [​IMG] [​IMG]


    .

    http://palungjit.org/threads/%E0%...ml#post4758626

    .

    http://palungjit.org/threads/%E0%...68899.110/

    .

    http://palungjit.org/groups/%E...9%86.2139/

    .

    .



    .
     
  9. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  10. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table id="post4739766" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px">06-06-2011, 09:20 AM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> #2194 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> sithiphong
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2005
    สถานที่: ชมรมพระวังหน้า
    ข้อความ: 40,775
    พลังการให้คะแนน: 17054 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_4739766" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมทราบข่าวจากพี่แอ๊ว

    จะมีงานผ้าป่าสามัคคีครับ

    วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน

    น่าจะเป็นวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554 นี้

    รายละเอียด ผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ


    .
    </td></tr></tbody></table>

    สำหรับงานผ้าป่า ผมจะนำพระวังหน้า ไปให้ร่วมทำบุญเช่นเดิม

    เท่าที่คุยกับพี่แอ๊ว จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ก็คือ การสร้างฉัตรถวายหลวงปู่พระอุปคุต(อยู่กลางสระบัว) , งานบุญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง และ งานบุญการสร้างโล่ห์กันกระสุนให้กับกองกำกับการตำรวจตะเวณชายแดนที่ 44 และ/หรือ 43

    สำหรับพระวังหน้าที่ผมจะนำไปให้ร่วมทำบุญ เท่าที่คิดไว้จะเป็นพระสมเด็จ Tott 1 , พระสมเด็จ Tott 4 ,พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และพิมพ์อื่นๆ

    สำหรับพระสมเด็จ Tott 1 และ พระสมเด็จ Tott 4 นั้น เท่าที่คิดไว้ ผมจะให้ร่วมทำบุญองค์ละ 2,000 บาท ส่วนพิมพ์อื่นๆ ให้ทำบุญองค์ละ 500 บาท (ยกเว้นพิมพ์แม่นางกวัก และ พิมพ์พระแม่ธรณี ซึ่งผมจะให้ร่วมทำบุญ ชุดละ 1,000 บาท คือต้องร่วมทำบุญโดยรับไปทั้งสององค์)

    หากท่านใดเป็นสมาชิกชมรมพระวังหน้า ( ไม่ใช่สมาชิก กลุ่ม/ชมรมพระวังหน้าในเว็บพลังจิต ) ผมให้ร่วมทำบุญองค์ละ 100 บาท

    แต่หากเป็น สมาชิก กลุ่ม/ชมรมพระวังหน้า เว็บพลังจิต ให้ร่วมทำบุญเท่ากับบุคคลภายนอก

    โมทนาสาธุครับ

    .
    </td></tr></tbody></table>

    http://palungjit.org/threads/ขอเชิญ...ฆ์ผาผึ้ง-อ-บ้านเขว้า-จ-ชัยภูมิ.68899/page-110
    .

    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"> <tbody><tr> <td class="alt2" style="border:1px inset"> ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ sithiphong [​IMG]
    ผมทราบข่าวจากพี่แอ๊ว

    จะมีงานผ้าป่าสามัคคีครับ

    วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน

    น่าจะเป็นวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554 นี้

    รายละเอียด ผมจะมาแจ้งให้ทราบอีกครั้งครับ


    .
    </td></tr></tbody></table>

    สำหรับงานผ้าป่า ผมจะนำพระวังหน้า ไปให้ร่วมทำบุญเช่นเดิม

    เท่าที่คุยกับพี่แอ๊ว จะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับงานพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง ก็คือ การสร้างฉัตรถวายหลวงปู่พระอุปคุต(อยู่กลางสระบัว) , งานบุญต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง และ งานบุญการสร้างโล่ห์กันกระสุนให้กับกองกำกับการตำรวจตะเวณชายแดนที่ 44 และ/หรือ 43

    สำหรับพระวังหน้าที่ผมจะนำไปให้ร่วมทำบุญ เท่าที่คิดไว้จะเป็นพระสมเด็จ Tott 1 , พระสมเด็จ Tott 4 ,พระสมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และพิมพ์อื่นๆ

    สำหรับพระสมเด็จ Tott 1 และ พระสมเด็จ Tott 4 นั้น เท่าที่คิดไว้ ผมจะให้ร่วมทำบุญองค์ละ 2,000 บาท ส่วนพิมพ์อื่นๆ ให้ทำบุญองค์ละ 500 บาท (ยกเว้นพิมพ์แม่นางกวัก และ พิมพ์พระแม่ธรณี ซึ่งผมจะให้ร่วมทำบุญ ชุดละ 1,000 บาท คือต้องร่วมทำบุญโดยรับไปทั้งสององค์)

    หากท่านใดเป็นสมาชิกชมรมพระวังหน้า ( ไม่ใช่สมาชิก กลุ่ม/ชมรมพระวังหน้าในเว็บพลังจิต ) ผมให้ร่วมทำบุญองค์ละ 100 บาท

    แต่หากเป็น สมาชิก กลุ่ม/ชมรมพระวังหน้า เว็บพลังจิต ให้ร่วมทำบุญเท่ากับบุคคลภายนอก

    โมทนาสาธุครับ

    .
    </td> </tr> </tbody></table>

    สำหรับพระสมเด็จ Tott 1 และ พระสมเด็จ Tott 4 หากท่านใดที่มีความประสงค์ที่จะร่วมทำบุญและรับพระ ให้ไปร่วมทำบุญในงานเท่านั้น

    ผมไม่ส่งให้ทางไปรษณีย์ครับ

    [​IMG]



    .
     
  11. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    นอกจากงาน ผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง (กำหนดการ วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2554 ณ ศาลาข้างกุฎิ 7 วัดพระศรีมหาธาตุฯ บางเขน กรุงเทพฯ) แล้ว โดยเฉพาะสมาชิกชมรมพระวังหน้าและผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้า ยังมีงานบุญอีก 1 งาน

    งานบุญที่ว่า ก็คือ ผมตั้งใจที่จะมอบพระวังหน้า(อยุธยา) ให้กับทหารผู้ที่ปฎิบัติหน้าที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องเป็นทหารที่ต้องปฎิบัิติหน้าที่อยู่ในพื้นที่เสียงอันตรายเท่านั้น ผมได้รบกวนให้พี่แอ๊ว ตรวจสอบจำนวนทหาร ว่ามีทั้งหมดกี่นาย ผมจะได้ไปเลี่ยมพระและใส่แหนบให้เรียบร้อย งานบุญนี้ มีผู้ที่ร่วมบุญแล้ว 4 ท่าน และ ยังมีอีก 2 ท่านที่แจ้งความประสงค์มาว่า จะขอร่วมทำบุญในงานบุญนี้

    งานบุญนี้ ผู้ที่ร่วมทำบุญได้ต้องเป็นสมาชิกชมรมพระวังหน้า และผู้สนับสนุนชมรมพระวังหน้าเท่านั้น

    ผมจะมาแจ้งความคืบหน้าอีกครั้งครับ

    .
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    <table class="tborder" border="0" cellpadding="6" cellspacing="1" width="100%"><tbody><tr><td class="thead">ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 1 คน และ บุคคลทั่วไป 2 คน ) </td> <td class="thead" width="14%"> [ แนะนำเรื่องเด่น ] </td> </tr> <tr> <td class="alt1" colspan="2" width="100%"> sithiphong</td></tr></tbody></table>

    สวัสดียามเช้า วันเสาร์สุขสันต์ครับ

    มีข่าวดีมาบอก

    ผมได้รับถุงผ้ามหาลาภมา ผมจะส่งให้สำหรับท่านที่ร่วมทำบุญงานบวชพระภิกษุที่สวนทิพย์โลกอุดรครับ

    ท่านที่ร่วมทำบุญก็มี พี่เปี๊ยก , คุณเฉลิมพล , คุณณฑนน , คุณกุ้งมังกอน , น้องปฐม และผมครับ


    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    <table id="post4733791" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-right: 0px">21-05-2011, 01:01 PM </td> <td class="thead" style="font-weight:normal; border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px" align="right"> page 2265 #45294 </td> </tr> <tr valign="top"> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px; border-bottom: 0px" width="175"> sithiphong
    สมาชิก

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Dec 2005
    สถานที่: ชมรมพระวังหน้า
    ข้อความ: 40,782
    พลังการให้คะแนน: 17055 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </td> <td class="alt1" id="td_post_4733791" style="border-right: 1px solid #FFFFFF"> ข้อความของคุณเพชร

    อ้างอิง:
    <table border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td class="alt2" style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    วันนี้ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศผลสอบข้อเขียน 2 สาขา ผลสอบผ่านทั้ง 2 สาขา รอสอบภาคปฏิบัติวันที่ 4-5 เป็นรอบสุดท้ายครับ ปีหน้าก็สอบเวชกรรมอีก 1 สาขา วันนี้ได้คุยกับคุณ newcomer เสียดายที่กำลังติวสอบอยู่ เลยไม่สามารถคุยได้นาน ขออภัยด้วยครับ..

    เอาไว้มาคุยหลังสอบเสร็จนะครับ..
    </td></tr></tbody></table>
    จบข้อความดั้งเดิมโดยคุณ :::เพชร::: [​IMG]
    -----------------------------------------------

    เรียนคุณอนัตตัง

    ผมขอให้คุณอนัตตัง แสดงความคิดเห็น(ในทางโลก) ที่เกี่ยวกับข้อความของคุณเพชร ไม่น้อยกว่า 10 บรรทัด
    และ แสดงความคิดเห็น(ในทางธรรม) โดยต้องยกธรรมะที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ อีกไม่น้อยกว่า 10 บรรทัด ครับ

    ขอบคุณครับ
    sithiphong
    21/5/2554


    .
    </td></tr></tbody></table>
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    คำวัด - ฉัน - หอฉัน

    คมชัดลึก :พุทธ ศาสนิกชนจำนวนไม่น้อยคิดว่า ภิกษุจะฉันได้แค่ก่อน เวลาเพล หรือก่อนเที่ยงวันเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ในพระวินัยปิฎก หมวด มหาวรรค บทที่ ๖. เภสัชชขันธกะ (ว่าด้วยเรื่องยาตลอดจนเรื่องกัปปิยะอกัปปิยะ และกาลิกทั้ง ๔) กล่าวไว้ว่า


    กาลิก เนื่องด้วยกาล, ขึ้นกับกาล, ของอันจะกลืนกินให้ล่วงลำคอเข้าไปซึ่งพระวินัยบัญญัติให้ภิกษุรับเก็บไว้และฉันได้ภายในเวลาที่กำหนด จำแนกเป็น ๔ อย่าง คือ
    ๑. ยาวกาลิก รับประเคนไว้ และฉันได้ชั่วเวลาเช้าถึงเที่ยงของวันนั้นเช่น ข้าว ปลา เนื้อ ผัก ผลไม้ ขนมต่างๆ
    ๒. ยามกาลิก รับประเคนไว้ และฉันได้ชั่ววันหนึ่งกับคืนหนึ่ง คือก่อนอรุณของวันใหม่ ได้แก่ ปานะ คือ น้ำคั้นผลไม้ที่ทรงอนุญาต
    ๓. สัตตาหกาลิก รับประเคนไว้และฉันได้ ภายในเวลา ๗ วัน ได้แก่ เภสัชทั้ง ๕ คือ ๑.สัปปิ หมายถึง เนยใส ๒.นวนีตะ หมายถึง เนยข้น ๓.เตละ หมายถึง น้ำมัน ๔.มธุ หมายถึง น้ำผึ้ง และ ๕.ผาณิต หมายถึง น้ำอ้อย
    ๔. ยาวชีวิก รับประเคนแล้ว ฉันได้ตลอดไปไม่จำกัดเวลา ได้แก่ของที่ใช้ปรุงเป็นยา
    ทั้งพระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ ราชบัณฑิต) เจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม ได้อธิบายความหมายของคำว่า “ฉัน” ในคำวัดใช้ใน ๒ ความหมาย คือ
    ๑.ใช้แทนคำว่า กิน และ ดื่ม ของพระภิกษุสามเณร เช่นใช้ว่า “ฉันภัตตาหาร ฉันเช้า ฉันเพล” หรือ “ฉันน้ำปานะ ฉันน้ำส้ม”
    ๒.ใช้แทนตัวเองเมื่อพระภิกษุสามเณรพูดกับชาวบ้านที่คุ้นเคยกัน หรือ ไม่เป็นทางการ คือ ใช้แทนคำว่า อาตมา หรือ อาตมภาพ ซึ่งเป็นภาษาเขียน และค่อนข้างเป็นทางการ เช่นใช้ว่า "วันนี้ฉันไม่ว่าง ขอไปวันอื่นก็แล้วกัน" หรือ "ฉันขอร้องโยมละ ค่อยๆ พูดกันก็ได้"
    ฉัน ในความหมายหลังนี้ มาจากคำเต็มว่า ดีฉัน ซึ่งเป็นคำที่ผู้ชายพูดแทนตัวเองในสมัยก่อน ปัจจุบันคำว่า ดีฉัน ไม่นิยมใช้กันแล้ว ใช้ว่า ฉัน เฉยๆ
    ส่วนคำว่า “หอฉัน” เจ้าคุณทองดีได้ให้ความหมายไว้ว่า อาคารหรือศาลาที่สร้างไว้สำหรับเป็นที่ฉันอาหารของพระสงฆ์โดยเฉพาะ เรียกว่า โรงฉัน หรือ ศาลาหอฉันก็ได้
    หอฉัน ปกติจะเป็นศาลาโถงที่โปร่งไม่อับทึบ มองเห็นได้ทุกทิศทุกทาง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก นิยมสร้างเป็นสัดส่วนไว้ท่ามกลางวัด หรือ ท่ามกลางหมู่กุฏิหมู่ ใช้เป็นที่ฉันรวมกันของภิกษุสามเณรทั้งวัด หรือเฉพาะในแต่ละคณะสำหรับวัดที่มีหลายคณะ
    หอฉัน คำเดิมใช้ว่า อุปัฏฐานศาลา หมายถึง ศาลาเป็นอุปัฏฐากพระ และ อาสนศาลา หมายถึง ศาลาสำรับนั่งฉัน
    "พระธรรมกิตติวงศ์"



    http://www.komchadluek.net/detail/20110610/99975/คำวัดฉันหอฉัน.html



     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม



    ไม่มาเกิดไม่มาตายเรียกว่าชาติสุดท้าย "หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม" ศาสดาเอกของโลก

    หมายเหตุ - ในโอกาสวันถวายเพลิงสรีระสังขาร หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา คณะศิษย์วัดภูสังโฆ ได้จัดทำหนังสือ ไม่มาเกิดมาตายเรียกว่า “ชาติสุดท้าย” แจกเป็นที่ระลึก ก่อนหน้านี้คณะผู้จัดทำได้เคยจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้แล้วนำถวายหลวงตามหาบัว ครั้งยังดำรงขันธ์อยู่มาก่อนแล้ว เนื่องจากการพิมพ์ครั้งล่าสุดนี้หนังสือมีจำนวนจำกัด

    ทางกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์จึงได้ขออนุญาต พระอาจารย์วันชัย วิจิตโต เจ้าอาวาสวัดภูสังโฆ นำรายละเอียดของหนังสือมาเผยแผ่ซึ่งท่านได้แจ้งว่า ให้พิจารณาว่าจะเป็นประโยชน์หรือไม่ ทางกองบรรณาธิการจึงจะนำเสนอต้นฉบับตามเดิม โดยเพิ่มเนื้อหาที่เป็นเทศนาของพ่อแม่ครูอาจารย์แต่ละรูปเข้ามาอีกส่วนหนึ่ง แล้วนำเสนอต่อเนื่องไปคราวละสัปดาห์จนกว่าจะสิ้นความหลักในหนังสือ มีรายละเอียดดังนี้

    ******************************

    มนุสโส วา เอตัง พุทธสาสนนฺติ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานี้ก็เป็นมนุษย์ เมื่อท่านเป็นมนุษย์นั้น ทานบารมีอยู่ในทานการถวายของปรารถนาอยากเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า ศีลบารมีตั้งอยู่ในการรักษาศีล 5 ศีล 8 ปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า เนกขัมมะบารมีใจคิดออกบวช ปัญญาบารมีความรู้ดีรู้ชอบในศีลในฌานแต่เป็นโลกิยะศีล โลกิยะฌาน น้ำใจปรารถนาอยากเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า วิริยะบารมีมีความเพียรให้ทานหรือความเพียรทำการทำงานต่างๆ แต่น้ำใจปรารถนาอยากเป็นพระพุทธเจ้า ขันติบารมีมีความอดทน ไม่มีเวรเป็นกรรมแก่ใคร แต่น้ำใจอยากเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมตตาบารมีมีจิตเมตตาแก่เพื่อนมนุษย์เพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา ไม่เป็นเวรแก่มนุษย์ ใจอยากเป็นพระพุทธเจ้าอุเบกขาบารมี กระทำจิตเป็นกลางวางจิตเฉย สังสาเร สังสารันติ ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตายไม่มีที่สิ้นสุด นับบารมีถึงสี่อสงไขยแสนมหากัปป์ ชาติที่สุดก็ได้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เป็นมนุษย์นั่นแหละ

    [​IMG]

    พุทธะกับเปนะ มนุสเสนะ ศาสนาพระเจ้ากัสสปะสูญไปแล้ว ไม่มีพระพุทธเจ้าไม่มีพระพุทธศาสนา มีแต่ศาสนาพราหมณ์ ธรรมชาติมนุษย์ผู้ถือพุทธก็มี ถือพราหมณ์ก็มี ถือไปตามอาการของมนุษย์ เทพยดาเจ้าจึงได้ปรึกษากันว่ามนุษย์จะได้เป็นพระพุทธเจ้ามีหรือไม่ เทพยดาเจ้าทั้งสี่สิงกุฏอมาตย์ สัจจะเทวบุตร อาการีเทวบุตร เป็นต้น จึงกล่าวว่า เอสะ ธัมโม เอกะญาโณ มีพระยาธรรมเจ้าองค์หนึ่งเวสสันตะระท่านตายจากมนุษย์นี้และจักได้เป็นพระ สัมมาสัมพุทธเจ้า เทพเจ้าจึงขึ้นไปอาราธนาถึงชั้นจาตุมหาราชิกา จึงกล่าวบทคาถาบาลีมคธว่า กะโรยัต เตมหาวีโร อาราธนังกะโร ข้าพเจ้าทั้งหลายขอโอกาสราธนาหน่อพุทธังกูรผู้มีบุญตนประเสริฐจงลงไปเกิด เถิดพระเจ้าข้า อุปมาดอกบัวสองดอก ดอกหนึ่ง ได้แก่ พระเจ้าสุทโธทนะ ดอกที่สองได้แก่พระนางเจ้าสิริมหามายาดังนั้น พระโพธิสัตว์รับนิมนต์แล้วลงมาจากสวรรค์ ในสวรรค์พรหมก็เป็นสวรรค์เหมือนกันนั่นแหละแต่ว่าเป็นชั้นๆ

    พระเจ้าสุทโธทนะลงมาจากพรหมชั้นพรหมปริสัสา พระนางเจ้าสิริมหามายาลงมาจากพรหมปโรหิตตา ตัวพระโพธิสัตว์มหาพรหมมานี้แหละลงมาจากพรหมปฏิสนธิธาตุเข้าท้องยายวันพุธ ยายฝันเห็นช้างเผือกได้อุ้มช้างเผือกว่าลูกยายจะเป็นผู้ชาย สิบเดือนคลอดเสร็จเจ็ดก้าวตีนโลกิยะฌานของท่าน ทานบารมีเป็นฌานที่หนึ่ง ศีลบารมีเป็นฌานที่สอง เนกขัมมะบารมีเป็นฌานที่สาม ปัญญาบารมีเป็นฌานที่สี่ วิริยะบารมีเป็นฌานที่ห้า ขันติบารมีเป็นฌานที่หก สัจจะบารมีเป็นฌานที่เจ็ดเสด็จเจ็ดก้าวตีน นางสาวสนมได้เห็นด้วยจักขุคือตา กล่าวคาถาว่า ธมฺมสฺสวนกาโลอยมฺภทนฺตา ลูกยายบินได้ลูกตาบินได้นี่น่าอัศจรรย์
    พระเจ้าสุทโธทนะรับเอาแม่กับลูกไปไว้ ได้เจ็ดวันพระมารดา ทิวงคต (ตาย) ทิ้งลูกเป็นกำพร้า พระแม่น้าเลี้ยงไว้ ฤษีมาทำนายจะได้เป็นพระพุทธเจ้าพระอาจารย์ฤษี 3 องค์เข้ามาเฝ้า พระเจ้าสุทโธ|ทนะจึงอุ้มเอาพระราชบุตรไปกราบฤษี พระฤษีมองเห็นแล้วด้วยฌานจึงกล่าวเป็นภาษาบาลีว่า อิทมฺปิ พุทฺเธ รตนํ อิทมฺปิ สงฺเฆ รตนํ มหาปุริสลกฺขณานุภาเวน อสีตยานุพยญชนานุภาเวน นวโลกุตฺรธมฺมานุภาเวน สมยวิมุตฺโตอสยวิมุตฺโต

    อธิบายเป็นภาษาไทยถวายพระบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระราชบุตรพระองค์เจ้าออกบวชเป็นฤษีพุทฺเธรตนํได้เป็นพระพุทธเจ้าหนึ่งไม่มี สองอักฏกสุริโยพระอาทิตย์ดวงเดียว ชายคนนี้แหละจะได้เป็นพระพุทธเจ้า เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะแสดงพระปรมัตถ์ พุทธบัญญัติ อิทมฺปิ สังเฆรัตนัง อสีสิติพุทธสาวก 80 องค์ องค์มีฤทธิ์ศักดานุภาพมหาปุริสลักขณานุภาเวนะ ฝ่าตีนเป็นกงจักรฝ่ามือเป็นดอกบัว อสีตยานุพยัญชนานุภาเวนะ
    เมื่อท่านได้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะเทศนาพระปรมัตถ์ได้ชื่อว่า พุทธบัญญัตินวโลกุตรธมฺมานุภาเวนะ แสดงธรรมเก้าประการเกิดจากวิญญาณหัวใจพระโพธิสัตว์ สมยะวิมุตโต...

    ... โยมทั้งหลายเกิดมาในพุทธศาสนาเป็นผู้ใกล้ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ใกล้อย่างนั้นอย่างไรจึงจะเป็นผู้ใกล้ นั่งใกล้ก็ไม่ใช่ นอนใกล้ก็ไม่ใช่ และยืนใกล้ก็ไม่ใช่

    ทำอย่างไรจึงจะเป็นผู้ที่ใกล้

    โยมผู้หญิง ผู้ชายทั้งหลาย ทานบารมีตั้งอยู่ในทาน การถวายทานของตามที่จัดหามาได้ มีมากก็ทานมาก มีน้อยก็ทานน้อย ทานตามมีตามเกิด ศีลบารมีตั้งอยู่ในศีล 5 ศีล 8 ธรรมบารมีตั้งอยู่ในธรรมคำสั่งสอนของเราแล้ว ศาสนาธรรมคำสั่งสอนของเราก็เจริญเต็มไปด้วยพระโสดาไม่เลือกผู้หญิงผู้ชาย เต็มไปด้วยพระสกทาคาได้ทั้งหญิงทั้งชาย เต็มไปด้วยพระอานาคา เต็มไปด้วย พระอรหันต์ จิตวิญญาณเท่ากันทั้งนั้นแม้โยมทั้งหลาย ทานบารมีก็ไม่ทำเลย ศีลบารมีศีลห้าศีลแปดก็ไม่เอา ธรรมคำสั่งสอนของเราก็สูญหมด หายหมดไม่เป็นประโยชน์แก่มนุษย์

    ธัมโม จะวินะโย จะพระธรรม อยู่ที่ไหนเดิมทีอยู่ที่กายพระพุทธเจ้า ที่ใจพระพุทธเจ้าน้อมเข้ามาในกายของเราก็เป็นตัวเดียวนั่นแหละ

    พระ ธรรมที่ใจของเรา วินัยก็ที่ใจของเรา ธรรมนั้นคืออะไร รูปก็พระธรรมเวทนาก็พระธรรม สัญญาก็พระธรรม สังขารก็พระธรรม วิญญาณก็พระธรรม ตาก็พระธรรม หูก็พระธรรม จมูกก็พระธรรม ปากก็พระธรรม กายก็คือพระธรรมนั่นแหละ
    ใจที่เราทำบาป บาปก็เกิดจากหัวใจนี่แหละ

    สมมติถ้าเราทำนาก็ได้ข้าวกิน เอาผัวเอาเมียก็ได้ลูกสาวลูกชายตามความปรารถนา ถ้าเราไม่เอาลูกเอาผัวก็ไม่ได้ลูกสาวลูกชายธรรมทั้งหลายก็อยู่ที่หัวใจของ เรา กายของเรา วินะโย จงรักษาวินัย ศีล 227 ก็พุทธะ วินัยศีลห้าเป็นเค้า ศีล 8 เป็นปลาย ศีล 10 ศีล 227 ก็เป็นปลาย ศีลทั้งหลายมีศีล 5 เป็นเค้า ศีล 5 เปรียบเหมือนแผ่นดิน ศีล 8 เหมือนต้นกล้วย ต้นอ้อย ศีล 227 เหมือนต้นข้าว เปรียบเหมือนนายเศรษฐีจะทำนาก็ดี จะปลูกต้นกล้วยก็ดี ต้นอ้อย ต้นข้าวทั้งหลายนี้ปลูกลงในแผ่นดิน ไม่มีดินกล้วยอ้อยทั้งหลายก็ตาย นี่แหละศีลทั้งหลายมีศีล 5 เป็นเค้า

    เมื่อได้ศีล 5 แล้ว ศีล 8 ศีล 10 ศีล 227 ก็ได้เค้า ศีล 5 ก็เค้า (ต้น) ขาของเราทุกคนเค้า (ต้น) แขนของเราทุกคนหัวศีล 5 ก็หัวใจของเรานี่แหละ หัวใจนั้นคืออะไร การที่เราเกิดมานี้เรียกว่าผู้หญิงผู้ชายนี้เป็นเพียงแต่ขันธ์เท่านั้น ส่วนใจนั้นทำให้เป็นพระอรหันต์ได้ เหตุนั้นธรรมอรหันต์ก็คือใจนั่นแหละ เวรมณีไม่ฆ่าสัตว์เป็นธรรมที่ 1 เวรมณีไม่ลักทรัพย์เป็นธรรมที่ 2 เวรมณีไม่ประพฤติผิดในกามเป็นธรรมที่ 3 เวรมณีไม่กล่าวมุสาวาทเป็นธรรมที่ 4 เวรมณีไม่กินเหล้าเมาสุราเป็นธรรมที่ 5

    นี่แหละธรรมะอยู่ที่นี่ จึงจะแปลเวรมณีออกเป็นภาษาไทย กายานุปัสสนาสติปัฏฐานังรูปขันธ์เป็นกายที่ 1 เวทนาขันธ์เป็นกายที่ 2 สัญญาขันธ์เป็นกายที่ 3 สังขารขันธ์เป็นกายที่ 4 วิญญาณขันธ์เป็นกายที่ 5 นี้แหละเรียกว่า กายานุปัสสนาสติปัฏฐานัง กายานุปัสสนาเรามีกายพากายไปฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา

    กายก็กลายเป็นพระพุทธเจ้า ใจก็เป็นพระพุทธเจ้า กายเราใจเราทุกคนนี้แหละ
    1.แปลงมาที่กายของเรา ใจของเรา รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมาใจเป็นโสดาผลหนึ่งพุทธโธคือใจของเรา
    2.รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ใจไม่ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม กล่าวมุสาวาท ดื่มสุรายาเมา ใจนั้นเป็นโสดาผล
    3.รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นโสดามรรค ออกบวชไม่มีผัวมีเมีย ใจนั้นเป็นโสดาผล
    4.รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็น|โสดามรรค ไม่ขี้ปด ใจเรานั้นเป็นโสดาผล
    5.กายานุปัสสนาเรามีกาย ไม่พากายไปกินเหล้ากายกับใจก็เป็นโสดาผล อริยบุคคลเกิดจากพุทโธ ธมฺโม สงฺโฆ อรหํ สมฺมา สมฺพุทฺโธ
    ฆ่าสัตว์ก็ละแล้วยังแต่พระพุทโธ ธมฺโม สงฺโฆ คือใจของเราทุกคน
    ลักทรัพย์ก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธมฺโม สงฺโฆ คือใจของเราทุกคน
    เสพกามก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธมฺโม สังโฆ คือ ใจของเราทุกคน
    ดื่มสุราก็ละแล้ว ยังแต่พุทโธ ธฺมโม สงฺโฆ คือใจของเราทุกคน
    พุทโธอยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเรา พุทธภายใน พุทธภายนอก
    พุทธภายในได้แก่ใจที่บริสุทธิ์ ใจที่บริสุทธิ์ใจที่ไม่เป็นใบ้ ใจดีใจงามใจซื่อสัตย์ ใจมีศีลธรรม
    พุทโธ เกิดจากใจของเราทุกคน
    ธมฺโม ก็ใจ
    สงฺโฆก็ใจ ใจเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้านี้เรียกว่าพุทธภายใน
    พุทธภายนอกได้แก่ตาของเรา ถ้าตาบอด ตาเสีย ตาไม่มีพุทธ ตาไม้สัก ไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ไม้ไร่ ไม้บง ตาอย่างนั้นไม่ใช่ตามีพุทธ ตามนุษย์เราท่านทั้งหลายผู้ถือพุทธศาสนา
    พุทธภายในได้แก่ ใจของเราทุกคน พุทธภายนอก ได้แก่ ตาอันนี้เป็นองค์ที่หนึ่ง และองค์ที่สองพุทธภายใน คือ ใจที่บริสุทธิ์ คือใจมีทาน ใจมีศีล ใจมีธรรม พุทโธ เกิดจากใจของเราทุกคน ธมฺโม สังโฆ ก็เหมือนกัน
    ใจเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อันนี้แหละเรียกว่า พุทธภายใน

    พุทธภายนอก พุทโธก็หูของเราทุกคน ธมฺโม สังโฆ ก็เหมือนกัน
    หูเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หูหนวกเสีย หูไม่มีพุทธ ได้แก่หูกระเช้า หูกระช้า หูกระทะ หูกระบุง หูอย่างนั้นไม่มีพุทธ หูมีพุทธได้แก่หูมนุษย์ เราท่านทั้งหลายผู้ถือพุทธศาสนาพุทธภายในก็คือใจของเราท่าน ทุกคน
    พุทธภายนอกก็คือหูอันเป็นองค์ธรรมที่สอง พุทธภายนอกในใจอันบริสุทธิ์ ใจมีเมตตา พรหมวิหาร ฐานที่อยู่ของใจ ได้แก่ อุเบกขาพรหมวิหารฐานที่อยู่ของใจเมตตาพรหมวิหารแก่เพื่อนมนุษย์เกิด แก่ เจ็บ ตาย อเวรา อย่าได้เป็นเวรแก่มนุษย์ กรุณาเจโตกรุณาแก่เพื่อนมนุษย์เพื่อนเกิดมาร่วมสุขร่วมทุกข์ อัพยาปัชฌาโหนฺตุ อย่าพยาบาทกันอาฆาตผูกเวรกัน มุทิตา เจโต มรจิตอ่อนหวาน ผู้เกิดก่อนเป็นปู่ ย่า ตา ยาย ผู้เกิดมาทีหลังเป็น ลูก หลาน เหลน ฐานที่อยู่ของจิต อุเบกขา พรหมวิหารกระทำจิตเป็นกลางวางจิตเฉยๆ

    พุทโธ ตั้งใจของเราให้มีพระพุทโธ ธัมโม สังโฆ ตั้งใจของเราให้มีพระธรรม พระสงฆ์ ชาวพุทธโธให้ขาวลงที่ใจของยาย
    ธัมโม สังโฆ ให้ขาวพระพุทธโธ ธัมโม สังโฆ ก็ให้เหลืองลงที่ใจของเราทุกพระองค์กันเถิด นี้แหละพระพุทธศาสนานี้แหละพุทธใน

    พุทธนอกได้แก่ปากของเรา ธัมโม สังโฆ ได้แก่ ปาก ปากเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ปากไม่มีพุทธ ได้แก่ปากน้ำบ่อ ปากน้ำบวย (กะบวย) ปากน้ำคนโท ปากหม้อ ปากไห ปากอย่างนี้ปากไม่มีพุทธ ปากมีพุทธได้แก่ปากมนุษย์ทั้งหลาย หูไม่มีพุทธ ได้แก่หูกระเช้า หูกระช้า หูกระทะ หูกระบุง หูมีพุทธได้แก่หูมนุษย์ ตาไม่มีพุทธ ได้แก่ตาไม้สัก ไม้ซาง ตาไม้ไผ่ ตาไม้ไร่ ตาไม้บง ตามีพุทธ ได้แก่ตามนุษย์เราท่านทั้งหลายทุกคน

    พุทธในก็คือใจของเรา พุทธนอกได้แก่ตาของเรา ปากไม่มีพุทธได้แก่ปากน้ำบ่อ ปากน้ำกระบวย ปากหม้อ ปากไห ปากมีพุทธ ได้แก่ปากมนุษย์เรา พุทธในก็ใจ พุทธนอกได้แก่ปากของเรา ท่านทั้งหลาย ขอนักกัมมัฏฐานทั้งหลาย ผู้มีพุทโธแล้วสวรรค์ 6 พรหม 16 พระนิพพานก็จะเป็นของท่าน ถ้าหากนักธรรมนักกัมมัฏฐานและพุทโธ ธัมโม สังโฆแล้วมันไกลพุทธศาสนาตั้งหมื่นวาแสนวาจะนั่งภาวนาเอาสวรรค์ 6 พรหม 16 พระนิพพานจนกระดูกหักก็ไม่ได้สวรรค์นิพพานหรอก ถ้ามีพุทโธ ธัมโม สังโฆ เป็นผู้รู้สวรรค์ รู้นิพพาน ปรารถนาสวรรค์ ปรารถนานิพพานก็จักได้นิพพานสมตามความปรารถนา



    ขอให้ท่านทั้งหลายจงตั้งพุทโธเถิด


    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม

    .


    โพสต์ทูเดย์ ธรรมะ-จิตใจ : หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม
    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    รู้จักรายจ่ายของตัวเอง


    บันทึกรายจ่ายเพื่อการรู้จักตนเอง อย่างน้อยของอย่างน้อยที่สุด ก็พอจะเห็นแววว่า จะพัฒนาหรือเปลี่ยนไปในทางที่รวยได้ยังไง ถึงจะ(ยัง) ไม่รวย แต่ก็ไม่จนไปกว่านี้!

    เรื่อง วันพรรษา อภิรัฐนานนท์

    แม้เงินจะซื้อทุกอย่างในชีวิตไม่ได้ แต่เงินก็ซื้อหลายๆ อย่างในชีวิตได้ ที่สำคัญคือมันให้โอกาสเราในการเป็นผู้เลือก และใช้ชีวิตอย่างที่เลือก เงินซื้อได้ไม่ทั้งหมดก็จริง แต่ถ้าพูดกันตามจริงเงินก็ซื้อได้เป็นส่วนใหญ่ สำหรับผู้เขียนแล้วเงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตก็จริง แต่อย่างน้อยมันก็เป็นหนึ่งในท็อปไฟว์
    ศิลปะของคนใช้เงินเป็น คือรู้ว่าจะใช้ซื้ออะไร ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของคนจน ซึ่งใช้จ่ายเงินเหมือนกระเชอก้นรั่ว คนที่ชอบบ่นว่าสิ้นเดือนไม่มีเงินเหลือ ชอบบ่นว่าค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตทำไมถึงได้สูงปรี๊ด (อย่าลืมรีบไปรีไฟแนนซ์นะ) พวกนี้คือพวกไม่รู้จักนิสัยในการใช้จ่ายของตัวเอง ไม่รู้จักตัวเอง และไม่มีเป้าหมายการออม ถ้าไม่อยากเป็นแบบนี้ ก็ต้องทำในสิ่งตรงกันข้าม

    ทำความเข้าใจกับตัวเองผ่านรายจ่าย ก่อนอื่นขอให้ลองสำรวจตัวเองว่า มีการใช้จ่ายทำนองนี้บ้างหรือไม่

    [​IMG]

    1.มื้อเที่ยงกินข้าวแกงจานละ 20 บาท ไม่ใส่ไข่ดาวนะ จะได้ประหยัด แต่ขากลับก่อนขึ้นออฟฟิศ ขอแวะซื้อกาแฟแบรนด์นอกถ้วยละ 100 กว่าบาท แหม...ก็มันติดกาแฟอ่ะ จริงๆ บนออฟฟิศก็มีบริการกาแฟฝาแดงให้ชงฟรีนะ แต่ไม่อยากกินเพราะรสชาติไม่คุ้นลิ้น

    2.ช็อปปิ้งที่ตลาดนัดข้างตึกทุกวัน ถือเป็นการผ่อนคลายความเครียด และรักษาสมดุลชีวิต ซื้อเสื้อผ้าถูกๆ ใส่ แค่ตัวละ 159 บาท แต่สัปดาห์หนึ่งต้องซื้อไม่ต่ำกว่าสี่ซ้าห้าตัว จะได้เอาไปสลับแบบสลับสีกับเสื้อกระโปรงที่มีอยู่แล้ว (เต็มตู้เสื้อผ้าที่บ้าน) ถามว่าเสียดายเงินไหม-ก็ไม่นะ ตัวล่ะไม่กี่สตางค์...เศษเงินอ่ะ...ขำขำ

    3.จากบ้านนั่งมอเตอร์ไซค์ออกมาที่ถนนใหญ่ ต่อแท็กซี่มาลงเรือ ขึ้นจากเรือแล้วไปรถไฟฟ้า ต่อจากรถไฟฟ้าขึ้นแท็กซี่เข้าออฟฟิศ รวมค่าเดินทางไป-กลับวันละไม่ต่ำกว่า 400 บาท

    4.เนื้อตัวเหนียวกว่าคนทั่วไป ต้องให้คนอื่นอาบน้ำให้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ครั้งละ 1,500-3,000 บาท แถมต้องเตรียมเงินไว้คอยทิปอีกครั้งละ 300 บ้าง 500 บ้าง (กลัวถูกหาว่าไม่ป๋าไง)

    5.สังคมจัดสุดสุด เย็นวันนี้สังสรรค์กับเพื่อนกลุ่มนี้ เย็นพรุ่งนี้สังสรรค์กับเพื่อนกลุ่มโน้น ศุกร์สุดสัปดาห์มีนัดรียูเนียนกับเพื่อนสมัยเรียนมัธยมประถมอนุบาล ฯลฯ ตกค่าสังสรรค์วันเว้นวัน เหยียบสัปดาห์หนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 3,000-4,000 บาท

    6.วันหยุดก็ไม่หยุด ไม่อยากพักผ่อนที่บ้าน แต่ตะลอนๆ ออกไปไม่เว้น ชอบเปิดโลกกว้าง ดูหนังฟังเพลง ไปเล่นกอล์ฟ โยนโบว์ลและอื่นๆ ถ้าไม่ค่ำถ้าไม่มืดไม่กลับบ้าน

    7.คลั่งเทคโนโลยีและเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด รุ่นใหม่ออกต้องตามติด เพราะกลัวเอาต์! เปลี่ยนมือถือหรือ PDA ทุก 3 เดือน ซื้อโน้ตบุ๊กใหม่ ซื้อคอมพ์ใหม่ทุกครั้งที่มีงานสินค้าไฮเทค

    8.บอกใครๆ ว่าชอบอ่านหนังสือ แต่จริงๆ แล้วชอบดูแต่รูป ซื้อแมกกาซีน วารสารไทยเทศมาจนเต็มบ้านเต็มห้อง แต่ไม่เคยเปิดอ่าน (พลิกดูแต่รูป-มีคนอย่างนี้จริงๆ)

    9.ชอบกินอาหารหรูๆ อย่างต่ำก็ต้องเดลิเวอรีสั่งมากินที่บ้าน

    10.สมัครบัตรเครดิตเรื่อยไป ประมาณว่าอยากได้ของแถม (บางยี่ห้อก็แจกมาได้แค่ตุ๊กตาสตึๆ แต่ก็มีคนอยากได้แฮ่ะ) สมัครไปเถอะ เดี๋ยวค่อยบอกเลิกทีหลัง แต่ขอโทษเถอะ เงินเดือนแค่หมื่นสองหมื่น แต่วงเงินบัตรรวมกันทั้งหมดมากกว่ารายได้รวมกันสามปีเสียอีก (ไม่รู้ผ่านอนุมัติมาได้ยังไงเนี่ย)

    สรุปแล้วคือการไม่ประมาณตน ตัวเอง (มีปัญญา) จ่ายแค่ไหน ก็ควรวางแผนบริหารจัดการรายจ่ายให้เหมาะสม หมั่นเตือนตัวเองและทำบัญชีค่าใช้จ่าย ขอแนะนำการบันทึกรายจ่ายง่ายๆ แบบ Spread Sheet ในคอมพิวเตอร์ ขอให้ทำทุกวันโดยแบ่งเป็นหมวดๆ อย่างชัดเจน เช่น หมวดอาหาร หมวดค่าขนส่ง หมวดงานสังสันท์ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ หมวดเสื้อผ้าเครื่องประดับ หมวดภาษีสังคม (นานาซองทั้งหลาย) ฯลฯ

    ที่สำคัญคือต้องลงบันทึกทุกวัน หรือในทันทีที่ทำได้ ทุกรายจ่ายที่จ่ายจริง-จดเลย เล็กน้อยแค่ไหนก็จำไว้ว่าต้องจด เช่น ให้เงินขอทานหน้าปากซอย 5 บาท หยอดกระป๋องมูลนิธิหมาพิการ 17 บาท ใส่ซองผ้าป่า 200 เงินหาย 500 ฯลฯ หลักการคือตามจริง และขอให้บันทึกต่อเนื่องอย่างน้อย 3 เดือน แล้วใช้โปรแกรม Spread Sheet เพื่อดูแพตเทิร์นการจ่าย หรือแบบแผนการใช้เงินของตัวเองว่า สุรุ่ยสุร่ายในหมวดใดสูงสุด รองลงมาๆๆๆ หรือหมวดไหนที่มีปัญหาวิธีนี้เราจะเช็กตัวเองได้ และสกัดกั้นการจ่ายได้อย่างเป็นรูปธรรม
    อย่างน้อยก็จะรู้จักรายจ่ายของตัวเอง จับต้องได้ว่าใช้จ่ายด้านไหนเกินตัว จากนั้นวางแผนทางการเงิน ค่าใช้จ่ายที่ควรลดมากที่สุดคือค่าใช้จ่ายผันแปร (ค่าดูหนัง, ค่าเอนเตอร์เทน เป็นต้น) ส่วนค่าใช้จ่ายคงที่ส่วนใหญ่เป็นภาระหนี้สิน เช่น ค่าผ่อนบ้าน ค่าผ่อนรถ ก็ควรมองหาโอกาสที่จะทำให้ลดลง

    บันทึกรายจ่ายเพื่อการรู้จักตนเอง อย่างน้อยของอย่างน้อยที่สุด ก็พอจะเห็นแววว่า จะพัฒนาหรือเปลี่ยนไปในทางที่รวยได้ยังไง ถึงจะ(ยัง) ไม่รวย แต่ก็ไม่จนไปกว่านี้!




    โพสต์ทูเดย์ ไลฟ์สไตล์ : รู้จักรายจ่ายของตัวเอง

    .


    http://www.posttoday.com/ไลฟ์สไตล์/ไลฟ์/92868/รู้จักรายจ่ายของตัวเอง
    .



    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    วิธีพิชิตความอาย

    "ความอาย" อุปสรรคชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งที่คอยขัดขวางความสำเร็จ ลองดูเคล็ดลับข้ามผ่านความอาย เพื่อเปิดรับโอกาสดี ๆ ที่อาจเข้ามาในชีวิต

    "ความอาย" เป็นต้นเหตุสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้คนเสียโอกาสในหลาย ๆ เรื่อง หากต้องการพัฒนาตนเองและกำจัดความอาย จำเป็นต้องมีความกล้าแสดงออกเพิ่มขึ้น วันนี้จึงขอเสนอเคล็ดลับวิธีพิชิตความอาย เพื่อนำไปปรับใช้กับตนเอง

    สิ่งแรกที่ควรคำนึงถึงคือ 'การคิดบวก' การที่เราคิดถึงแต่เรื่องดี ๆ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจได้ เพราะเมื่อเราคิดบวก จะทำให้กล้าทำอะไรต่าง ๆ มากขึ้น โดยไม่กลัวความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น แล้วความอายก็ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป ประการต่อมาคนขี้อายจำเป็นต้องยอมรับความจริง และกล้าที่จะเผชิญหน้า กับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำความเข้าใจกับสิ่งนั้นอย่างมีเหตุผล แล้วทำด้วยความมั่นใจ แค่นี้ความอายก็จะหายไป

    เมื่อมีโอกาสควรลองทำสิ่งดี ๆ ที่แปลกใหม่ในชีวิต สิ่งที่ไม่เคยทำ หรือ ไม่กล้าที่จะทำมาก่อน พยายามเปิดใจมองให้ต่างจากมุมเดิมที่เคยมอง และต้องหมั่นเรียนรู้พร้อมทั้งกระตือรือร้นอยู่เสมอ นอกจากนั้นต้องยอมรับกับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น โดยให้คิดซะว่าเป็นบทเรียนเพื่อไว้ใช้ปรับปรุงตนเองในครั้งต่อ ๆ ไป ที่สำคัญอย่าเปรียบเทียบตนเองกับคนอื่น ซึ่งบางครั้งอาจทำให้เรารู้สึกดี แต่ก็ต้องมีด้านที่ทำให้รู้สึกแย่เช่นกัน ให้เปลี่ยนจากการเปรียบเทียบเป็นเรียนรู้จากผู้อื่น จะเกิดประโยชน์ต่อตนเองมากกว่า.


    .

    Daily News Online > โทรโข่ง > หน้าเกร็ดความรู้ > วิธีพิชิตความอาย

    .

    http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=144414

    .

    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=424&contentId=144414-

    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    ขอชื่นชมครับ

    http://play.kapook.com/vdo/show-111138

    -http://play.kapook.com/vdo/show-111138-

    แต่ว่า มีดี ก็ต้องมีไม่ดีเช่นกัน

    พวกที่รีดไถก็มี พวกที่จับแพะก็มี ( มีรายการที่ออกอากาศเรื่องของการจับแพะ )

    จริงๆแล้ว น่าจะใช้วิธีโบราณ

    ดื่มน้ำสาบานที่วัดพระแก้ว ว่าจะปฎิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามกฎหมาย ให้ดื่มน้ำสาบานตั้งแต่ผบตร.ลงมายันพลตำรวจทุกนาย น่าจะดีครับ




    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    โฆษกสธ. เตือนประชาชนอย่าประมาทไข้หวัดใหญ่ 2009 หากป่วยเป็นหวัด ไข้ไม่ลงใน 2 วัน ต้องพบแพทย์

    โฆษกกระทรวง สาธารณสุข เผยในปี 2554 นี้ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ 2009 ยังเป็นสาเหตุหลักของโรคไข้หวัดใหญ่ ย้ำเตือนประชาชนที่ป่วยเป็นไข้หวัด หากอาการไข้ไม่ลงภายใน 2 วัน ขอให้คิดถึงว่าอาจเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ควรรีบพบแพทย์ตรวจรักษา โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ และ ผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องรีบพบแพทย์ทันที

    วันนี้(7 มิถุนายน 2554)นายแพทย์สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้สภาพอากาศของประเทศ มีความชื้นสูง เนื่องจากอยู่ในช่วงฤดูฝน เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะโรคทางเดินหายใจ ที่พบได้บ่อยได้แก่ ไข้หวัดทั่วไป ไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม รวมทั้งไข้หวัดใหญ่ 2009 ซึ่งยังคงพบเชื้อนี้อยู่ จากการเฝ้าระวังสถานการณ์ของโรคไข้หวัดใหญ่ ทุกชนิดในภาพรวม ในปี 2554 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – กลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรครายงานมีผู้ป่วยสะสมทั่วประเทศ 10,664 ราย ผลการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ พบว่า เกิดจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่2009มากที่สุด และมีผู้เสียชีวิต 5 ราย ทั้งหมดเกิดจากไข้หวัดใหญ่ 2009

    นายแพทย์สุพรรณ กล่าวต่อว่า ประชาชนที่มีอาการไข้หวัด คือ เป็นไข้ ไอ มีเสมหะ ขอให้หยุดพักผ่อนอยู่บ้าน อาการจะค่อยๆดีขึ้น แต่หากอาการไม่ดีขึ้น ไข้ยังไม่ลดภายใน 2 วัน ขอให้คิดถึงว่าอาจป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ 2009 ไว้ด้วย และควรไปพบแพทย์เพื่อการดูแลรักษาที่ถูกวิธี รวมทั้งเพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน ที่อันตรายที่สุดคือโรคปอดบวม ทำให้เสียชีวิตได้

    กลุ่มที่มีความเสี่ยงป่วยจากโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 และมีอาการรุนแรงกว่าประชาชนทั่วไป ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ และกลุ่มผู้ที่มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหอบหืด โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ โรคไต โรคโลหิตจาง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เนื่องจากร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่ำอยู่แล้ว ดัง นั้นหากมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด เช่น ไข้ ไอ มีน้ำมูกไหล ขอให้ไปพบแพทย์ทันที

    นาย แพทย์สุพรรณ กล่าวต่อไปว่า ในการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ขอให้ประชาชนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30 นาที รับประทานผักและผลไม้ให้มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความแข้งแรง เพิ่มภูมิต้านทานโรค และให้ยึดแนวปฏิบัติป้องกันโรคติดต่อ 3 ประการคือ กินร้อน ใช้ช้อนกลางและล้างมือบ่อยๆ การล้างมือจะสามารถขจัดเชื้อโรคที่ติดอยู่ตาม ฝ่ามือ ง่ามนิ้ว เล็บมือ ลงได้มากถึงร้อยละ 80

    ************************* 7 มิถุนายน 2554


    แหล่งข่าวโดย » สำนักสารนิเทศ
    [มิถุนายน อังคาร 7,พ.ศ 2554 13:54:12]
    .

    -http://www.moph.go.th/ops/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=38972-


    .

    http://www.moph.go.th/ops/iprg/include/admin_hotnew/show_hotnew.php?idHot_new=38972

    .
     
  20. ซึ้งบน

    ซึ้งบน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +377
    ขอร่วมเป็นเจ้าภาพงานผ้าป่าสามัคคีศรีชัยผาผึ้ง
    เพื่อติดตั้งไฟส่องสว่างจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรอบพระเจดีย์ศรีชัยผาผึ้ง และกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ขอสนับสนุนปัจจัย เป็นจำนวน 5,000 บาท พร้อมทั้งขอรับองค์พระ
    1. พระพิมพ์แม่นางกวัก 1 องค์
    2. พระพิมพ์พระแม่ธรณี 1 องค์
    3. สมเด็จเจ้าคุณกรมท่า และพิมพ์อื่น ๆ
    รบกวนคุณสิทธิพงษ์ ช่วยเลือกให้ด้วย (ถ้ามีพิมพ์หลวงปู่ทวด ขอบูชา 1 - 2 องค์ครับ)

    ขออนุโมทนาบุญทุกประการครับ
    ส่วนชื่อที่อยู่จะส่งทาง P.M. ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...