พระสมเด็จหลังรัชกาลที่5 สมเด็จพระแก้วกรุวังหน้า พระเก๊ไม่มีในสารบบพระ

พี่ชายผมประกาศสงครามผมขอร่วมในฝ่ายพี่โจ๊ะประกาศด้วย ครับพร้อมรบเอาอาวุธเมื่อไหร่บอกจะโทรไปขอลูกน้องบินลาดินครับ

 

ปริศนา!พระกริ่งปวเรศ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>


<SCRIPT type=text/javascript> var omitformtags=["input", "textarea", "select"]; //var message="You may not right mouse click this page."; /* Disable Right Click */ if (navigator.appName == 'Microsoft Internet Explorer'){ function NOclickIE(e) { if (event.button == 2 || event.button == 3) { alert(message); return false; } return true; } document.onmousedown=NOclickIE; document.onmouseup=NOclickIE; window.onmousedown=NOclickIE; window.onmouseup=NOclickIE; } else { function NOclickNN(e){ if (document.layers||document.getElementById&&!document.all){ if (e.which==2||e.which==3){ //alert(message); return false; } } } if (document.layers){ document.captureEvents(Event.MOUSEDOWN); document.onmousedown=NOclickNN; } document.oncontextmenu=new Function("return false") } /* ห้ามคลุมดำ */ function disableselect(e){ for (i = 0; i < omitformtags.length; i++) if (omitformtags==(e.target.tagName.toLowerCase())) return; return false } function reEnable(){ return true; } function noSelect(){ if (typeof document.onselectstart!="undefined"){ document.onselectstart=new Function ("return false") if (document.getElementsByTagName){ tags=document.getElementsByTagName('*') for (j = 0; j < tags.length; j++){ for (i = 0; i < omitformtags.length; i++) if (tags[j].tagName.toLowerCase()==omitformtags){ tags[j].onselectstart=function(){ document.onselectstart=new Function ('return true') } tags[j].onmouseup=function(){ document.onselectstart=new Function ('return false') } } } } } else{ document.onmousedown=disableselect document.onmouseup=reEnable } } window.onload=noSelect; </SCRIPT><?xml:namespace prefix = v ns = "urn:schemas-microsoft-com:vml" /><v:shapetype id=_x0000_t75 stroked="f" filled="f" path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" oreferrelative="t" o:spt="75" coordsize="21600,21600"><v:stroke joinstyle="miter"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn="if lineDrawn pixelLineWidth 0"></v:f><v:f eqn="sum @0 1 0"></v:f><v:f eqn="sum 0 0 @1"></v:f><v:f eqn="prod @2 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="prod @3 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @0 0 1"></v:f><v:f eqn="prod @6 1 2"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelWidth"></v:f><v:f eqn="sum @8 21600 0"></v:f><v:f eqn="prod @7 21600 pixelHeight"></v:f><v:f eqn="sum @10 21600 0"></v:f></v:formulas><vath o:connecttype="rect" gradientshapeok="t" o:extrusionok="f"></vath><o:lock aspectratio="t" v:ext="edit"></o:lock></v:shapetype><v:shape style="WIDTH: 472.5pt; HEIGHT: 283.5pt" id=_x0000_i1026 alt="Pic_169639" type="#_x0000_t75"><v:imagedata src="file:///C:\DOCUME~1\Toon\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_image001.jpg" o:href="http://www.thairath.co.th/media/content/2011/05/07/169639/hr1667/630.jpg"></v:imagedata></v:shape><o></o>
พระ​กริ่ง​ปวเร​ศอ​งค์วัดบวรฯ, พระ​กริ่ง​ปวเร​ศอ​งค์ พล.ต.ท.​สม​ยศ

องค์ความรูู้ เรื่องพระกริ่งปวเรศ วัดบวรฯ ค่อนข้างจำกัด  แค่สมเด็จ​กรม​พระยา​ปวเรศว​ริ​ยา​ลง​กร​ณ์ สร้าง​ระหว่าง​ปี ​พ.ศ. 2520–2530 จำนวน​การ​สร้าง (หนึ่ง​หรือ​สอง​ครั้งรวม​กัน) ประมาณ 30-80 องค์

องค์​หลัก​ที่​ใช้​เป็น​เกณฑ์ เทียบเคียง ตัดสิน​เก๊-แท้ อยู่​ใน​ห้อง​นิรภัย​วัด​บวรฯ

เดิมที​มี​ภาพ​ขาว​ดำ...ไม่ค่อย​ชัดเจน​นัก ตี​พิมพ์​ใน​นิตยสาร​พระ ภาพ​ที่​ถ่าย​ใหม่เห็น​สี​ผิว​สนิม ชัดเจน​แจ่ม​ตา น่า​จะ​อยู่​ช่วง​ที่​ต้อง​นิมนต์​ท่าน​มา​เป็น​แม่พิมพ์ หล่อ​พระ​กริ่ง​ปวเรศ​วัด​บวรฯ รุ่น​สอง ราว​ปี พ.ศ.2530

ภาพถ่าย​พระ​กริ่ง​ปวเรศที่​ชัดเจน​ยิ่ง​กว่า ตี​พิมพ์​ใน​นิตยสาร​ส​ปีริ​ต ฉบับ​ธันวาคม 2552 ถ่าย​ทั้ง​หน้า​หลัง ด้าน​ข้าง​ทั้ง​สอง​ข้าง รวม​ทั้ง​ด้าน​ก้น แถม​มี​แม่พิมพ์​ประ​กบ​แผ่น​ด้าน​หลัง เพื่อ​ให้​รู้​ว่า กระบวนการ​หล่อ​น่า​จะ​หล่อ​แบบ​เท​ทอง​ลง​แม่พิมพ์​ทันที (ไม่ได้​ใช้​วิธี​หล่อ​แบบ​หุ่น​เทียน​เหมือน​พระ​กริ่ง​สังฆราช​แพ วัด​สุทัศน์)

ได้​องค์​พระ​ที่​ไม่ค่อย​สวย​สม​คม​สวย​นัก แล้ว​ให้​ช่าง (หลวง) แต่ง​อีก​ที​หนึ่ง

ส​ปีริ​ต​เล่ม​เดียวกัน ให้​ผู้เชี่ยวชาญ​พระ​กริ่ง คัด​สรร​พระ​กริ่ง​ปวเรศ​ที่ (วงการ) แน่ใจ​ว่า​แท้ มา​ตี​พิมพ์​ไว้​รวม 13 องค์ นับ​เป็น​ครั้ง​แรก ที่​ผู้​สนใจ​ได้​รู้​ว่า พระ​กริ่ง​ปวเรศนั้น ทุก​องค์​ถูก​ช่าง​แต่ง​จน​รูปพรรณไม่​เหมือน​กัน​เลย​แม้แต่​องค์​เดียว

กระทั่ง​ผิว​สนิม หลาย​องค์​เหมือน​องค์​วัด​บวรฯ ค่อนข้าง​ดำ​สนิท​ทั้ง​องค์ แต่​หลาย​องค์​แดง แดง​คล้ำ บาง​องค์​สี​น้ำตาล​ปน​ดำ จน​ทำให้​คิด​ว่า แท้จริง​พระ​กริ่ง​ปวเรศ​ทุก​องค์​เนื้อ​เดียวกัน แต่​ผิว​ดำ​แดง เพราะ​สภาพ​แวดล้อม เช่น​แช่​น้ำมนต์ และ​ถูก​ใช้​เปื้อน​เหงื่อ เข้มข้น​ต่าง​กัน

ข้อ​สะดุดใจ ก็​คือ​มี​องค์​หนึ่ง...นับ​จาก​องค์​วัด​บวรฯ เป็น​องค์​ที่ 9 มี​คำ​บรรยาย​ว่า เป็น​องค์​ทีี่​มี​รูปพรรณ​สัณฐาน​  จุด​ตำหนิ​โค้ด​ลับ  ใกล้​เคียง​กับ​องค์​วัด​บวรฯชนิด​ที่​เรียก​ว่า​เป็น​องค์​ฝาแฝด บาง​ท่าน​ให้​ความ​เห็น​ว่า เป็น​องค์​ของ​วัด​ที่​อยู่​คู่​กัน​มา

บาง​ท่าน​ว่า​เป็น​องค์​เดียวกัน แต่​จัด​แสง​ถ่าย​ภาพ​คน​ละ​มุม

ผู้​เขียน​คำ​บรรยาย ให้​ความ​เห็น “ข้าพเจ้า​พิจารณา​แล้ว เห็น​ทั้ง​จุด​เหมือน​และ​จุด​ต่าง ที่​ยาก​จะ​ชี้​ชัด จึง​อยาก​ให้​ท่าน​ผู้​อ่าน​ช่วย​กัน​พิจารณา​หา​คำ​ตอบ​เอา​เอง”

พระ​กริ่ง​ปวเร​ศอ​งค์​นี้ ไม่​ปรากฏ​ชื่อ​เจ้าของ จนกระทั่งนิตยสาร​โปลิศ​วาไรตี้ ฉบับ​เดือน เม.ย.2554 ตี​พิมพ์​คำ​ให้​สัมภาษณ์ พล.ต.ท.​สม​ยศ พุ่ม​พันธุ์​ม่วง ผช.​ผบ.ตร. พร้อม​ภาพถ่าย ก็​รู้​กัน​บัดนั้น เจ้า​ของพระ​กริ่ง​ปวเร​ศ

อ​งค์​ปริศนา คือ นาย​ตำรวจ​ท่าน​นี้​ เช่า​มา​อย่าง​เปิดเผย​โปร่ง​ใส รับ​รู้​กัน​ทั่วไป​ใน​ตลาด​พระเครื่อง จาก​เซียน​ใหญ่​คน​หนึ่ง​ใน​วงการ ชื่อ ต้า บาง​แค

ผู้​รู้...ระดับ​จับ​ต้อง​พระ​กริ่ง​ปวเร​ศอ​งค์​วัด​บวรฯ มา​กับ​มือ เทียบเคียง​แล้ว​ยอม​รับ​ว่า เป็น​พระ​แท้ แต่​จะ​เป็น​องค์​คู่​แฝด​วัด​บวรฯ หรือ​องค์​วัด​บวรฯ วิธี​ที่​จะ​ตัดสิน​ได้ ก็​คือ​ให้​ผู้​ดูแล​ห้อง​นิรภัย​วัด​บวรฯ ตรวจสอบ​ดู

บท​สรุป พระ​กริ่ง​ปวเร​ศอ​งค์​วัด​บวรฯ ก็​จะ​ต้อง​อยู่​ที่​วัด​บวรฯ พระ​กริ่ง​ปวเร​ศ

อ​งค์​ พล.ต.ท.​สม​ยศ ก็​ต้อง​อยู่​กับ​ พล.ต.ท.​สม​ยศ พระ​กริ่ง​ปวเรศ​สอง​องค์เหมือน​กัน​ทุก​ช่อง​ชั้น ทุก​รูป​รอย​ตำหนิ จะ​อยู่​พร้อม​กัน​ใน​สอง​ที่​ไม่ได้..อย่าง​แน่นอน.<o></o>
<o></o>

บาราย <o></o>​

ไทยรัฐออนไลน์<o></o>

 

พระกริ่งปวเรศองค์วัดบวรฯ, พระกริ่งปวเรศองค์ พล.ต.ท.สมยศ

องค์ ความรูู้ เรื่องพระกริ่งปวเรศ วัดบวรฯ ค่อนข้างจำกัด  แค่สมเด็จกรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ สร้างระหว่างปี พ.ศ. 2520–2530 จำนวนการสร้าง (หนึ่งหรือสองครั้งรวมกัน) ประมาณ 30-80 องค์

องค์หลักที่ใช้เป็นเกณฑ์ เทียบเคียง ตัดสินเก๊-แท้ อยู่ในห้องนิรภัยวัดบวรฯ

เดิมที มีภาพขาวดำ...ไม่ค่อยชัดเจนนัก ตีพิมพ์ในนิตยสารพระ ภาพที่ถ่ายใหม่เห็นสีผิวสนิม ชัดเจนแจ่มตา น่าจะอยู่ช่วงที่ต้องนิมนต์ท่านมาเป็นแม่พิมพ์ หล่อพระกริ่งปวเรศวัดบวรฯ รุ่นสอง ราวปี พ.ศ.2530

ภาพถ่ายพระกริ่งปวเรศที่ชัดเจนยิ่งกว่า ตีพิมพ์ในนิตยสารสปีริต ฉบับธันวาคม 2552 ถ่ายทั้งหน้าหลัง ด้านข้างทั้งสองข้าง รวมทั้งด้านก้น แถมมีแม่พิมพ์ประกบแผ่นด้านหลัง เพื่อให้รู้ว่า กระบวนการหล่อน่าจะหล่อแบบเททองลงแม่พิมพ์ทันที (ไม่ได้ใช้วิธีหล่อแบบหุ่นเทียนเหมือนพระกริ่งสังฆราชแพ วัดสุทัศน์)

ได้องค์พระที่ไม่ค่อยสวยสมคมสวยนัก แล้วให้ช่าง (หลวง) แต่งอีกทีหนึ่ง

สปี ริตเล่มเดียวกัน ให้ผู้เชี่ยวชาญพระกริ่ง คัดสรรพระกริ่งปวเรศที่ (วงการ) แน่ใจว่าแท้ มาตีพิมพ์ไว้รวม 13 องค์ นับเป็นครั้งแรก ที่ผู้สนใจได้รู้ว่า พระกริ่งปวเรศนั้น ทุกองค์ถูกช่างแต่งจนรูปพรรณไม่เหมือนกันเลยแม้แต่องค์เดียว

กระทั่ง ผิวสนิม หลายองค์เหมือนองค์วัดบวรฯ ค่อนข้างดำสนิททั้งองค์ แต่หลายองค์แดง แดงคล้ำ บางองค์สีน้ำตาลปนดำ จนทำให้คิดว่า แท้จริงพระกริ่งปวเรศทุกองค์เนื้อเดียวกัน แต่ผิวดำแดง เพราะสภาพแวดล้อม เช่นแช่น้ำมนต์ และถูกใช้เปื้อนเหงื่อ เข้มข้นต่างกัน

ข้อสะดุดใจ ก็คือมีองค์หนึ่ง...นับจากองค์วัดบวรฯ เป็นองค์ที่ 9 มีคำบรรยายว่า เป็นองค์ทีี่มีรูปพรรณสัณฐาน  จุดตำหนิโค้ดลับ  ใกล้เคียงกับองค์วัดบวรฯ ชนิดที่เรียกว่าเป็นองค์ฝาแฝด บางท่านให้ความเห็นว่า เป็นองค์ของวัดที่อยู่คู่กันมา

บางท่านว่าเป็นองค์เดียวกัน แต่จัดแสงถ่ายภาพคนละมุม

ผู้ เขียนคำบรรยาย ให้ความเห็น “ข้าพเจ้าพิจารณาแล้ว เห็นทั้งจุดเหมือนและจุดต่าง ที่ยากจะชี้ชัด จึงอยากให้ท่านผู้อ่านช่วยกันพิจารณาหาคำตอบเอาเอง”

พระกริ่งปวเรศ องค์นี้ ไม่ปรากฏชื่อเจ้าของ จนกระทั่งนิตยสารโปลิศวาไรตี้ ฉบับเดือน เม.ย.2554 ตีพิมพ์คำให้สัมภาษณ์ พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผช.ผบ.ตร. พร้อมภาพถ่าย ก็รู้กันบัดนั้น เจ้าของพระกริ่งปวเรศ

องค์ปริศนา คือ นายตำรวจท่านนี้ เช่ามาอย่างเปิดเผยโปร่งใส รับรู้กันทั่วไปในตลาดพระเครื่อง จากเซียนใหญ่คนหนึ่งในวงการ ชื่อ ต้า บางแค

ผู้รู้...ระดับจับต้องพระกริ่งปวเรศองค์วัดบวรฯ มากับมือ เทียบเคียงแล้วยอมรับว่า เป็นพระแท้ แต่จะเป็นองค์คู่แฝดวัดบวรฯ หรือองค์วัดบวรฯ วิธีที่จะตัดสินได้ ก็คือให้ผู้ดูแลห้องนิรภัยวัดบวรฯ ตรวจสอบดู

บทสรุป พระกริ่งปวเรศองค์วัดบวรฯ ก็จะต้องอยู่ที่วัดบวรฯ พระกริ่งปวเรศ

องค์ พล.ต.ท.สมยศ ก็ต้องอยู่กับ พล.ต.ท.สมยศ พระกริ่งปวเรศสององค์เหมือนกันทุกช่องชั้น ทุกรูปรอยตำหนิ จะอยู่พร้อมกันในสองที่ไม่ได้..อย่างแน่นอน.

บาราย

 

ลากันด้วยเรื่อง คุณ ลุงเกษม ข้าราชการเกษียณ ซึ่งชอบเล่นพระมาก ดูได้จาก 2 ปีก่อน หอบพระเครื่องซึ่งเป็น พระสมเด็จล้วนๆ ไปให้เซียนพระดู จะขาย แต่ขายไม่ได้เพราะ เก๊ล้วนๆ ทั้ง 400 องค์.....

พอ รู้ความจริง ลุงเกษม ก็เ่ยวไปเลย เพราะทำงานราชการมาทั้งชีวิต เงินทองก็ไปลงที่พระสมเด็จหมด เช่ามาทีละองค์ละองค์ องค์ละหมื่นหมื่นกว่า คิดแล้ว 400 องค์ที่หอบมาเนี่ย เป็นเงินประมาณ 10 ล้าน! .....

เซียน พระสงสาร จึงปลอบใจว่า พระของลุงเนี่ย ดูแล้ว เก๊ฝีมือ และเป็น ฝีมือรุ่นเก่าๆ ซึ่งไม่ใช่ก็ใกล้เคียง และถ้า เก๊ฝีมือ ราคาก็ขึ้นเหมือนกัน.....

ฟังแล้ว ลุงเกษม ก็หอบพระกลับไป หายไป 2 ปี อาทิตย์ก่อนกลับมาอีก คราวนี้ มี พระสมเด็จวัดระฆัง พิมพ์ฐานแซม ห้อยมาด้วย คราวนี้ พระแท้ วุ้ย ก็ถามว่าได้มายังไงเนี่ย.....

ลุง เกษม ยิ้มแฉ่ง ก้อพอลุงรู้ว่า พระเก๊ราคาก็ขึ้น เลยไปเปิดแผงพระตามตลาดนัดพระที่หมุนเวียนไปจัดที่ต่างๆทุกอาทิตย์ เอาพระที่มีอยู่ไปขาย องค์ละหมื่นสองหมื่น ปรากฏว่ามีคนซื้อแฮะ พอลูกค้าเริ่มรู้ว่า ขาย พระสมเด็จฝีมือ ก็เลยขายได้เรื่อยๆ 2 ปีมาเนี่ย จึงขายพระไป 200 องค์ เมคมันนี่ได้มา 4 ล้าน เลยเอาไปเช่า พระสมเด็จแท้ๆ มาใช้เสียที-- จึงจบอย่างสวยเพราะ หนามยอกเอาหนามบ่ง--ขายพระเก๊ไปซื้อพระแท้ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง
ไทยรัฐออนไล