ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปภ.เตือน9จว.ใต้ระวังดินถล่มและน้ำป่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
อธิบดี ปภ. เผย มีมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรง ปกคลุมอ่าวไทย เตือน 9 จังหวัดภาคใต้ ระวังโคลนถล่ม น้ำป่าไหลหลาก -ส่วน จังหวัดประสบภัยแล้งแล้วมี 5 จังหวัด 36 อำเภอ ขณะภัยหนาวมี 37 จังหวัด 508 อำเภอ

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรง พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ทำให้มีฝนตกชุกหนาแน่นและตกหนักอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่มใน 9 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และตรัง จึงขอเตือนประชาชนในพื้นที่ดังกล่าว เตรียมการป้องกันอันตรายพร้อมติดตามการพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด ส่วนทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้สั่งการให้มิสเตอร์เตือนภัยเฝ้าระวังสถานการณ์และแจ้งเตือนประชาชน และรายงานสถานการณ์ภัย แก่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงทีแล้ว ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

พร้อมกันนี้ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ยังเปิดเผยว่า ปัจจุบัน มีจังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยแล้ง จำนวน 5 จังหวัด 36 อำเภอ

แบ่งเป็นภาคเหนือ 2 จังหวัด คือ กำแพงเพชร พะเยา ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวัด คือ อุดรธานี สุรินทร์ และภาคกลาง 1 จังหวัด คือ ประจวบคีรีขันธ์ ส่วนจังหวัดที่ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินภัยหนาว ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2553 – ปัจจุบัน มีจำนวน 37 จังหวัด 508 อำเภอ





</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พม่า ปิดท่าเรือไม่ให้สินค้าเข้า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
ทางการพม่า ปิดท่าเรือทั้งหมด ไม่ให้สินค้าเข้า อ้าง แม่ทัพ มาตรวจชายแดน ส่วนที่ อ.พบพระ ทหาร ห้ามไม่ให้ประชาชนข้ามฝั่งไปพม่า

ทางการพม่า จังหวัดเมียวดี ตรงข้ามบ้านห้วยม่วง ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก ได้สั่งให้ เจ้าหน้าที่ปิดท่าขนส่งสินค้าทั้งหมด ที่มีอยู่ 18 แห่ง ทั้งด้านเหนือและด้านใต้สะพานมิตรภาพไทย - พม่า ทั้งนี้ เนื่องจาก ฝ่ายพม่า อ้างว่า แม่ทัพภาคตะออกเฉียงใต้พม่า ซึ่งรับผิดชอบในพื้นที่รัฐกะเหรี่ยงและรัฐมอญ ลงพื้นที่ไปตรวจเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจาการสู้รบกับทหารกะเหรี่ยง ดีเคบีเอ. และกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง ( เคเอ็นยู. ) ในพื้นที่หลายจังหวัด และเดินทางไปที่จังหวัดกอกาเรก ลึกจากชายแดนไทย - พม่า ด้านอำเภอแม่สอด ราว 45 กิโลเมตร การปิดท่าข้ามดังกล่าว สร้างผลกระทบต่อชาวพม่า ไม่สามารถสัญจรไประหว่างฝั่งพม่ากับฝั่งไทย และไม่สามารถส่งสินค้าไปยังพม่าได้ตามปกติ ทำให้สินค้าจำนวนมาก วางเรียงรายอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมย เช่นเดียวกับ เรือหางยาว ต้องว่างงานไปด้วย อย่างไรก็ ก่อนหน้านี้ แม้นว่า ฝ่ายพม่า ปิดด่านพรมแดน แต่ก็ยังคงผ่อนปรนให้สินค้าและคนไปมาได้ ตามท่าข้ามต่าง ๆ แต่ขณะนี้ต้องหยุดชะงักหมด

ทางด้าน บ้านแม่ออกฮู ตำบลวาเล่ย์ อำเภอพบพระ หลังจากที่ทหารพม่า ได้ปล่อยตัวคนไทยกลับไปทั้งหมดแล้ว ฝ่ายทหารหน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารราบที่ 4 อ.แม่สอด ได้ห้ามไม่ให้ชาวบ้าน ตามแนวชายแดนข้ามไปยังฝั่งพม่า เกรงว่า ถูกจับกุมอีก ทำให้ชาวบ้านแม่ออกฮู และชาวบ้านพื้นที่ชายแดนหลายแห่ง ไม่กล้าข้ามไปฝั่งพม่า




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

อากาศหนาวจัดในเวียดนามมีผู้เสียชีวิต 7 คน​

​

ฮานอย 21 ม.ค. - เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์และหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์ ของทางการเวียดนาม รายงานว่า สภาพอากาศหนาวจัดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 7 คน และทำให้ปศุสัตว์ล้มตายกว่า 20,000 ตัว

อธิบดีกรมปศุสัตว์เวียดนามเปิดเผยว่า ร้อยละ 70 ของปศุสัตว์ที่ล้มตายใน 18 จังหวัดทางตอนเหนือของประเทศ เป็นลูกวัว ด้านหนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์รายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 7 คน จากอากาศหนาวจัดหรือสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นพิษเข้าไป หลังจุดเตาถ่านเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทำให้มีเด็กและผู้สูงอายุจำนวนมากถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล โดยส่วนใหญ่มีอาการระบบหายใจผิดปกติ ทั้งนี้ พยากรณ์อากาศคาดว่า อากาศจะหนาวเย็นต่อไปอย่างน้อย 2 สัปดาห์ โดยอุณหภูมิลดลงต่ำสุดถึง -3.6 องศาเซลเซียส ทั้งที่อุณหภูมิปกติในช่วงนี้จะอยู่ที่ราว 15 องศาเซลเซียส. - สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 21 ม.ค. 2554

บิน ลาดินเผยจะสังหารตัวประกันชาวฝรั่งเศสหากไม่ยอมถอนทหาร​

​

ดูไบ 21 ม.ค. - นายอุซามะห์ บิน ลาดิน ผู้นำเครือข่ายอัลกออิดะห์ กล่าวว่าจะปล่อยตัวประกันชาวฝรั่งเศส 2 คน ในอัฟกานิสถาน ก็ต่อเมื่อฝรั่งเศสยอมถอนทหาร พร้อมกับเตือนไปยังรัฐบาลฝรั่งเศสว่าจะต้อง “จ่ายแพง” หากยังดื้อแพ่ง

สถานีโทรทัศน์อัล-จาซีรา รายงานเทปบันทึกเสียงของผู้นำอัลกออิดะห์ที่ได้กล่าวย้ำคำเตือนก่อนหน้านี้ว่า การปล่อยตัวผู้สื่อข่าวและช่างภาพชาวฝรั่งเศส ขึ้นอยู่กับการถอนทหารฝรั่งเศสออกจากอัฟกานิสถาน ทั้งนี้ทั้งสองคนซึ่งทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์ฟรานซ์ ทรี ถูกจับพร้อมชาวอัฟกานิสถาน 3 คน เมื่อเดือนธันวาคม 2552 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงคาบูล

นายบิน ลาดิน กล่าวไปถึงประชาชนฝรั่งเศสว่า การที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสปฏิเสธถอนทหารออกจากอัฟกานิสถานเพราะเชื่อฟังอเมริกา ซึ่งการทำเช่นนี้ก็เหมือนเปิดไฟเขียวให้อัลกออิดะห์สังหารนักโทษเหล่านี้ได้ เขาได้เตือนประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ว่าการแสดงจุดยืนคงทหารไว้ในอัฟกานิสถาน จะเป็นต้นทุนที่ต้อง “จ่ายแพง” ทั้งในและนอกประเทศซึ่งตัวผู้นำจะได้รับ.- สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 21 ม.ค. 2554

ผลผลิตข้าวของฟิลิปปินส์ลดลงเมื่อปีที่แล้ว​

​

ฟิลิปปินส์ 21 ม.ค.-ผลผลิตข้าวของฟิลิปปินส์ลดลงเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากประสบภัยแล้งและพายุไต้ฝุ่นพัดถล่ม

สำนักงานสถิติของฟิลิปปินส์รายงานว่า ผลผลิตข้าวเมื่อปีที่แล้วได้รับผลกระทบจากไต้ฝุ่นหลายลูกที่พัดถล่มอย่างหนักในช่วง 9 เดือนแรก ส่งผลให้ปริมาณข้าวเปลือกลดลงร้อยละ 3.04 จากเมื่อปี 2552 ลงมาอยู่ที่ 15.77 ล้านตัน สำหรับในปีนี้ทางการคาดว่า ในช่วง 6 เดือนแรกน่าจะมีผลผลิตข้าว 7.64 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วถึงร้อยละ 15.4 จากที่เคยได้ผลผลิต 6.62 ล้านตัน

ก่อนหน้านี้ทางการระบุว่า มีแผนจะลดปริมาณนำเข้าข้าว เนื่องจากยังมีข้าวอยู่ในสตอกจำนวนมาก อย่างไรก็ดี เมื่อปีที่แล้วทางการกำหนดเพดานนำเข้าไว้ที่ 1.5 ล้านตัน แต่มีการนำเข้าจริงถึง 2.13 ล้านตัน.-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 21 ม.ค. 2554

ชาวเมืองบริสเบนเร่งเสริมกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมอีกระลอก​

​

บริสเบน 21 ม.ค.-ชาวเมืองบริสเบนในรัฐควีนส์แลนด์ของออสเตรเลียเร่งเสริมกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำท่วมอีกครั้ง หลังระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นผิดปกติ

นายกเทศมนตรีเมืองบริสเบนได้ประกาศให้ประชาชนที่อาศัยในบริเวณพื้นที่ลุ่มเตรียมตัวรับมือให้พร้อม หลังจากที่เผชิญกับเหตุน้ำท่วมรุนแรงมาแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่คาดว่าระดับน้ำในแม่น้ำบริสเบนจะยังสูงอยู่อย่างนี้ไปจนถึงวันอาทิตย์ ส่วนที่รัฐวิคตอเรีย บ้านเรือนหลายร้อยหลังอาจถูกน้ำท่วมในช่วงสุดสัปดาห์นี้ เนื่องจากแม่น้ำ 4 สายในบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเมลเบิร์น จะมีระดับสูงที่สุดในรอบ 1 ศตวรรษ

ทั้งนี้ ภาคตะวันออกของออสเตรเลียเผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่มาแล้วหลายสัปดาห์ ซึ่งรัฐบาลระบุว่า อุทกภัยครั้งนี้อาจเป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศมากที่สุดก็ว่าได้.-สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 21 ม.ค. 2554

พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2 รายในฮ่องกง​

​

ฮ่องกง 21 ม.ค. – เจ้าหน้าที่สาธารณสุขฮ่องกงเปิดเผยวันนี้ว่า พบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2 รายที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฮ่องกง หลังเกิดการแพร่ระบาดในฮ่องกงเมื่อปี 2552 ซึ่งคร่าชีวิตประชาชนไป 80 ราย

โฆษกหญิงของโรงพยาบาลควีนอลิซาเบธของฮ่องกง เปิดเผยว่า ผู้ป่วยหญิงวัย 21 ปีมีอาการหนัก หลังได้รับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ โดยหญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งเดินทางมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา และถูกส่งตัวไปยังแผนกไอซียูเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการยืนยันว่า หญิงสาวคนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสมาจากที่อื่น นอกจากนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เด็กหญิงวัย 2 ปีคนหนึ่งก็ถูกส่งตัวเข้าแผนกไอซียู หลังติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เช่นกัน

ทั้งนี้ ฮ่องกงวิตกกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดอย่างมาก หลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือซาร์ส เมื่อปี 2546 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนบนเกาะฮ่องกงไปถึง 300 คน และทั่วโลกอีก 500 คน - สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 21 ม.ค. 2554

วาฬนำร่อง 24 ตัวเกยตื้นตายในนิวซีแลนด์​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต

​

เวลลิงตัน 21 ม.ค. - เจ้าหน้าที่อนุรักษ์ธรรมชาติของนิวซีแลนด์ได้ฉีดยาให้วาฬนำร่องตายอย่างสงบ 10 ตัว จากทั้งหมด 24 ตัว ที่เกยตื้นในบริเวณป่าชายเลน

นายโจนาธาน แม็กซ์เวลล์ ผู้จัดการหน่วยงานอนุรักษ์ธรรมชาติกล่าวว่า เจ้าหน้าที่พบวาฬทั้งหมดในเช้าวันนี้ ติดอยู่ในบริเวณน้ำตื้นและโคลนบริเวณท่าเรือพาเรนกาเรนกา ฮาเบอร์ บนเกาะเหนือ โดยมีวาฬ 14 ตัวตายไปก่อนหน้าแล้ว และวาฬทั้งหมดอยู่ในบริเวณดังกล่าวมาระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งวาฬทั้ง 10 ตัวที่ยังรอดชีวิตมีอาการไม่ดีนัก และด้วยสภาพอากาศที่เลวร้ายและเหลือเวลาอีกกว่า 8 ชั่วโมงน้ำจึงจะขึ้น จึงไม่มีโอกาสที่จะนำวาฬกลับสู่ทะเลได้สำเร็จ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการดังกล่าวเพื่อยุติความทรมานของวาฬ

วาฬนำร่องมักเดินทางเป็นฝูง และเมื่อมีตัวใดตัวหนึ่งเกยตื้น ตัวอื่นๆ ที่เหลือจะพยายามเข้าช่วยเหลือและเกยตื้นตามไปด้วย. -สำนักข่าวไทย

วันศุกร์ ที่ 21 ม.ค. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

สงครามจะก่อตัวมาแน่นอน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ !!!​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4215569", true); </SCRIPT> หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

สวัสดีปีใหม่ครับทุกๆท่าน ปีใหม่ปีนี้น่ายินดีที่ชาวธรรมมากมาย เลือกที่จะทำความดีสวดมนต์ข้ามปีกันที่วัดต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด จนหลายๆวัดผู้คนแน่นไปหมด ความดีที่ทุกคนรวมใจกัน ย่อมบรรเทาเบาบางภัยพิบัติลงไปได้บ้าง

ที่ผ่านมา มีข่าวสารข้อมูลเพิ่มมาจากพระอภิญญาในป่า ท่านเมตตาเตือนเรื่องราวในปี 2554 เอาไว้ดังนี้

1.เค้ารางแห่งสงครามจะก่อตัวมาแน่นอน ทั้งจากต่างประเทศเป็นคู่ๆ จะขยายตัวลุกลามออกไป และสงครามระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านอีก 2-3 ประเทศ

2.จะมีการใช้อาวุธเคมีใหม่ๆ ที่เราไม่รู้จักและคาดไม่ถึง จากยักษ์แดง ต้องเข้าฌานสมาธิจนลมหายใจดับได้ จึงพอรอดได้ และบุุคลที่อยู่้ในเกณฑ์รอดจะมีพุทธบารมีลงมาคุ้มครองเป็นเฉพาะตน

3.ชาวธรรมที่อธิษฐานลงมาช่วยเรื่องภัยพิบัติ จะแตกแยกด้วยเหตุสามประการคือ

- ลงมาเกิดแล้วลืมเพลิดเพลินไปกับทางโลก จนลืมหน้าที่ที่อธิษฐานลงมา
- เกิดมานะทิษฐิ จนเป็นโมหะ แก่งแย่งแข่งดีกันจนลืมหน้าที่ส่วนรวมที่ต้องประสานให้เกิดกำลัง
- ขาดธรรมที่เข้าสู่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมตตาต่อสรรพสัตว์ เมตตาต่อหมู่คณะ

ส่วนอีกฝ่ายท่านบอกว่า เขาทั้งสามัคคีทำกันเป็นทีม ทั้งมีระบบ มีความพร้อมทุกด้านมากมาย (เสียดายที่นำไปใช้ในทางทำลายล้าง) ดังนั้นงานที่คิดว่าจะช่วยคนได้มาก ก็คงได้ตามกฏของกรรมที่มาตัดรอน ท่านให้อุเบกขาให้มาก ซึ่งสอดคล้องกับที่พระอาจารย์อีกท่าน ซึ่งท่านได้เตือน เรื่องให้ทำใจเรื่องบุคคลที่ต้องพลัดพรากไปเอาไว้

4. ท่านเตือนให้รักษา ศีลจากภายใจ จิต รักษาด้วยความศรัทธาเคารพในศีล หากรักษาศีลเพราะกลัวตาย ผลได้ไม่เต็มที่ ต้องรักษาศีลจากภายใจจิตด้วยความเคารพ

และการเคารพพระรัตนตรัยก็เช่นกัน หากขอให้พระท่านช่วยเพราะกลัวตาย ก็ไม่เกิดผลเต็มบริบูรณ์ เท่าการเคารพนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยใจที่บริสุทธิ์อย่างแท้จริง โดยสรุปท่านเน้นให้เตรียมจิตฝึกสมาธิ สร้างกุศลเป็นเครื่องคุ้มตัวให้มากๆกันครับ<!-- google_ad_section_end -->

01-01-2011, 12:58 PM

***จิตใจที่ดีงามจะคงอยู่ตลอดไป***​

ที่มา http://palungjit.org/threads/ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่.3906/page-1152#post4215569​

<!-- google_ad_section_end -->

 

"ทองคำ"อุปกรณ์ลี้ภัย
โดยคุณ Kati ​

ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต​

จำได้ว่าเมื่อตอนเป็นเด็กเล็ก ผมยังอยู่ในยุคสมัยสำคัญที่บ้านเมือง ยังหวั่นไหวใจกับทุกสิ่งอย่าง มีสงครามอยู่รอบข้างประเทศเรา แม้แต่ในประเทศของเรา สงครามของคนในชาติก็ยังคุกรุ่น ให้ได้หวั่นไหวใจกับทุกสิ่งอย่างของแต่ละวันคืน หรือแม้แต่เรื่องราวเรื่องเล่าของผู้ลี้ภัยสงครามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเขมร ลาว ญวน หรือพม่า ที่ต่างอพยพหนีภัยแห่งความโหดร้าย สู่ดินแดนซึ่งเขาคิดว่าปลอดภัยกว่า แม้ว่าจะไม่จริงเสมอไปสำหรับทุกคน แต่แผ่นดินไทยก็ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางเหมือนเช่นที่รับรู้รับฟัง

ตำนานการพกเงินพกทอง ทองเป็นเส้นเป็นก้อน เงินเป็นสร้อยเป็นแหวน หรือแม้แต่การรีดเงินรีดทอง ให้อยู่ในรูปร่างต่างๆ เพื่อเข้าพกเข้าห่อได้สะดวก ก็ยังเป็นหนึ่งเรื่องที่ผมจำฝังใจ จำได้กระทั่งว่า ตัวเองเคยเห็นทองและเงิน ที่เตรียมไว้สำหรับการหนี ทองมักเป็นเรื่องจริงมากกว่านิยายของเงินตราใดๆ เท่าที่อำนาจทองคำแท้จะก้าวล่วงถึง ทองจึงเป็นหนึ่งสิ่งของความจริง ยามเกิดภัยสงคราม หรือยามชีวิตผู้คนตัวเล็กตัวน้อยต้องลี้ภัยสงคราม ลี้ภัยการเมือง กระทั่งลี้ภัยจากทุกสิ่งอย่าง อันไม่ปลอดต่อชีวิตและทรัพย์สินของตน

ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่จริงก็ตาม ชีวิตผู้คนล้วนรับรู้ได้ดี ว่าที่ใดที่ตนจะมีชีวิตรอดชีวิตของประชาชนบนเรือน้อย กลางคลื่นลมแรงกลางทะเล ยังไม่น่ากลัวเท่าใจคน ยิ่งในยามที่เราได้เห็นศพของผู้คน ลอยมาติดชายฝั่ง ยังไม่ต้องนับที่พอมีลมหายใจ และชีวิตเล็ดรอดพอเพียงเพื่อบอกเล่าความโหดร้ายของผู้คนกลางทะเล ยามคนที่มีอาวุธมีอำนาจมีความเข้มแข็ง แย่งชิงสมบัติชิ้นสุดท้ายของผู้อพยพภัยสงครามมากมาย แม้สิ่งสุดท้ายคือชีวิตอาจเหมารวมไม่ได้ว่า คนทำเป็นคนไทยหรือโจรสลัดหรือเป็นโจรทั่วไป ที่ฉกฉวยวิกฤติของผู้คนหากินบนความทุกข์ยาก ชะตากรรม หยาดน้ำตา และความเจ็บปวด จะปล้นฆ่าข่มขืน หรือเพียงฉกชิงทรัพย์สินเงินทองก็ตามแต่

แต่สุดท้ายความเลวร้ายเหล่านั้น ย่อมถูกรับรู้ รู้เห็น และตระหนักในความจริงอันเจ็บปวด อุปกรณ์มากมายเพื่อการหนีภัย จึงเพิ่มเติมความจริงมากขึ้น กระเป๋าเดินทางที่ดีที่สุดในการหลบหนี ต้องสามารถประกอบใหม่ได้ทุกคราจนสามารถหยิบสอยอย่างอื่นได้ จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็น กระเป๋าและพกห่อเหล่านั้น ที่ทำจากผ้าขาวม้า หยิบจับหยิบห่อจับปลายมัดปม พอที่จะเก็บเสื้อผ้า และเงินทองยัดใส่พกใส่ห่อมาได้สะดวก หรือกระทั่งการเย็บชายขากางเกง ขอบเอว ชายกระโปรง เพื่อเก็บสร้อยแหวนเงินทอง หรือของมีค่าต่างๆ สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความจริงในการเอาชีวิตรอด ของผู้คนแทบจะไม่แตกต่างจากทุกวันนี้

เมื่อเราเห็นการจับกุมชาวพม่า ชาวเขมร หรือผู้ลักลอบเข้าประเทศไทย เมื่อเขาแต่ละคน ต่างคาดหวังถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มต้นชีวิตในดินแดนอันปลอดภัย พอที่เขาจะลืมตาอ้าปาก หรือมีชีวิตอยู่ด้วยความเป็นธรรม โดยไม่ถูกใครข่มเหงรังแก กระทั่งไม่ล้มหายตายจากไป เพราะการเข่นฆ่าของใครที่มีอำนาจในมือ ความจริงของอุปกรณ์ลี้ภัย จึงเป็นหนึ่งภาพสะท้อนของความจริงสำคัญ ความจริงอันเจ็บปวด ที่ทำให้เราตระหนักได้เสมอว่า โลกนี้ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ

เหมือนเช่นยุคสมัยหนึ่งที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ ทั้งที่เป็นจีนอพยพหรือจีนโพ้นทะเล ต่างรู้สึกดีถึงคำว่า บ้านแตกสาแหรกขาด การเริ่มต้นชีวิตด้วยเสื่อผืนหมอนใบ กับลมหายใจตัวเอง สำหรับความจริงในการเอาตัวรอดเอาชีวิตรอด ล้วนเป็นความจริงที่ไม่มีใครอยากจดจำเหมือนเช่น สงครามเวียดนาม สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ สงครามในอินโดจีน ได้ทำให้คนไทยเห็นถึงน้ำตา และรอยเลือดของพี่น้องรอบบ้านอุษาคเนย์ ขณะที่คนไทยบางท้องถิ่นก็เคยตระหนักถึงความเจ็บปวดเหล่านี้ได้ดี เท่ากับความจริงในความอยุติธรรมที่เราไม่ปรารถนา สำหรับการพลัดที่นา คาที่อยู่ การพลัดพรากจากบ้านล้วนคือความเจ็บปวด จะปรารถนาหรือไม่ปรารถนาก็ตามแต่

แต่เมื่อถึงวันหนึ่งแห่งการหลบหนี หลบเร้นหนีหาย ลี้ภัย และมุ่งหน้าสู่ดินแดนใหม่ เพื่อให้ชีวิตและลมหายใจยังคงเดินทางต่อไป เพียงเพื่อคาดหวังจะกลับมานอนตายในแผ่นดินเกิด หรือคิดเพื่อว่า เมื่อชีวิตยังไม่ดับดิ้นไป เราก็ยังจะมีโอกาสสำหรับเรื่องราวในความจริง ของสินทรัพย์ซึ่งเปลี่ยนแปลงตามโลกอันเร่งรัด ความจริงของนวตกรรมแห่งสินทรัพย์ ได้ทำให้เราตระหนักถึงตำนานแบบเทพนิยาย ที่ตัวพระตัวเอกสามารถหลบหนีไปได้ หากเขาเหล่านั้นปรารถนาที่เหาะเหินเดินอากาศ ไปยังที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้ หรือบางทีอาจจะมุดดินมุดน้ำก็ได้

หากมีคาถาอาคมอันวิเศษวิโสพอ ใครหลายคนในตำนาน นิทาน และนิยายปรัมปรา ต่างเคยบอกเล่าให้ได้ยินเหมือนเช่นทุกวันนี้ ที่ผู้ลี้ภัยการเมืองสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ทั่วโลกหากเขาเพียงต้องการ เช้าวันแรกแห่งสัปดาห์นี้ ไม่รู้เป็นไร สำหรับการมองเห็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนตัวไป พร้อมผู้ลี้ภัยมากมาย ที่อ้างอิงว่าตนถูกข่มเหงรังแก พร้อมกับความจริงบางอย่างที่ทำให้ผมนึกถึงชีวิตวัยเด็ก กับพรมวิเศษ และไม้กวาดเหาะได้ ผมกลับนึกถึงความวิเศษของผู้คน ยามได้บินหนีหลบหายไป

วันนี้ผมเพียงเรียนรู้ ว่าในความจริงของการลี้ภัยในโลกปัจจุบัน ทำให้คนลี้ภัยในแต่ละชีวิตไม่ใช่เป็นเพียงคนยากไร้เท่านั้น แต่สามารถเป็นคนร่ำรวยได้อย่างมหาศาลตามแต่ที่สินทรัพย์ของเขา จะบินตามไปเหมือนไม้กวาดกายสิทธิ์ข้างตัวเขา

Posted by Kati วันพุธ ที่ 13 สิงหาคม 2551

ที่มา http://www.oknation.net/blog/print.php?id=300215<!-- google_ad_section_end -->

 

เณรตุ๊ดพระตุ๊ด ยังมีข่าวเสียๆบ่อยๆ

มันอยู่ที่พ่อแม่ อย่าบอกเชียวว่าไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นตุ๊ด จ้องจะเอาแต่บุญๆ จะเกาะชายผ้าเหลือง ไม่คำนึงถึงข้อกฤระเบียบอะไรเลย ส่งบวชให้เป็นเรื่องกันตลอด

 

พระโอวาทานุสาสนี...จากพระไตรปิฏก​

​

บุคคลใด มีจิตปรารถนาพระโพธิญาณ ​

จงอุตสาหะ อภิบาล บำรุงบิดา มารดา ​

ประพฤติกุศลสุจริตธรรม​

จักสมปรารถนาทุกประการ​

***********************************​

 

เมื่อเกิดภัยพิบัติคนไทยให้หนีไปพึ่งวัด แล้วคนไทยในต่างประเทศจะหนีไปไหนดี​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->rabbymony<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4290700", true); </SCRIPT> สมาชิก

จากที่อ่านคำเตือนหลายๆกระทู้ จากผู้รู้ทั้งหลายไม่ว่า พระเกจิ หรือ ผู้รู้ และ เห็นอนาคตล่วงหน้า ต่างกล่าวว่าเมื่อเกิดภัยให้หนีขึ้นที่สูง และควรเป็นที่ที่มี พระธาตุหรือพระพุทธบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะมีในวัดซะส่วนใหญ่ จะปลอดภัย อย่าอยู่บ้าน อย่าห่วงสมบัติ จะไม่รอด คนไทยที่อยู่ต่างประเทศจะไปไหนดี วัดไทยน่ะพอหาได้ แต่ถ้าจะหาวัดที่มีพระธาตุคงลำบากอยู่ ถ้าไม่ควรอยู่บ้านจะไปไหนดีค่ะ จะกลับเมืองไทยคงยากสามีคงไม่ไปเพราะเค้าไม่เชื่อ แนะนำหน่อยน่ะค่ะ ตายไม่กลัวกลัวไม่ตาย แล้วไม่รู้จะไปไหนหรือจะทำอย่างไรต่อไปถ้ารอด

22-01-2011, 01:47 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->rangchai<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4291074", true); </SCRIPT> สมาชิก

ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งครับ อยู่ที่ไหนก็รอดได้ ที่สำคัญ ทาน ศีลและภาวนาอย่าให้ขาด เคยอ่านเรื่องภัยพิบัติต่างๆ แต่มีทางออกที่จิตครับ ไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่เพราะบุญจะพาไปในที่ปลอดภัย<!-- google_ad_section_end -->

22-01-2011, 04:12 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เเก้มบัว<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4291282", true); </SCRIPT> สมาชิก

อย่าได้กลัวไปเลยครับ หากคุณคิดว่าบุญกุศลที่คุณทำมานั้น มีมากกว่าบาปเเล้ว คุณก็จะได้รับความคุ้มครอง หากมีบาปมากกว่าบุญ คุณก็จะต้องได้รับผลกระทบของภัยพิบัติอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้นควรตั้งใจรักษาศีลเเละทำบุญเยอะๆ ทำสมาธิ นึกถึงพระทุกเวลานะ<!-- google_ad_section_end -->

22-01-2011, 05:31 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Vatairat<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4291342", true); </SCRIPT> สมาชิก

อย่ากลัวเลยค่ะ และอย่าห่างจากการปฎิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา จะมีเทวดามาดลใจพาไปยังที่ที่ปลอดภัยเองค่ะ บุญรักษานะค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

22-01-2011, 05:52 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Ricky<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4291812", true); </SCRIPT> สมาชิก

มันเป็นเรื่องของกรรม ถ้าเราดีจริงก็ไม่ต้องไปกลัวอะไรแล้วล่ะครับ<!-- google_ad_section_end -->

22-01-2011, 08:15 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->สิบหก<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4292195", true); </SCRIPT> สมาชิก

ใช่เลย..........ศีลเป็นเครื่องหมายและรักษาคนดี.........อนิสงค์ แห่งศีล<!-- google_ad_section_end -->

22-01-2011, 10:38 AM

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->rabbymony<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4293051", true); </SCRIPT> สมาชิก

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ ขอให้คุณพระรัตนตรัยคุ้มครองทุกท่านค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

22-01-2011, 03:32 PM

ที่มา http://palungjit.org/threads/เมื่อเกิดภัยพิบัติคนไทยให้หนีไปพึ่งวัด-แล้วคนไทยในต่างประเทศจะหนีไปไหนดี.276650/

คณานันท์ ทวีโภค หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

สรุปรวมสถานที่ปลอดภัย. ก่อนอื่น ต้องขอเรียนให้ทุกท่านได้ทราบก่อนว่า. การที่ท่าน จะเป็นผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้นั้น ได้ถูกกำหนดมาโดยอำนาจของกฏแห่งกรรม ...

สรุปรวมสถานที่ปลอดภัย - Scratchpad Wiki Labs - Free wikis from Wikia

 

คนดีที่จะได้อยู่รอดเป็นหน่อเนื้อยุคทองต่อไป จะมีสิ่งดลใจให้ไปอยู่ในที่ปลอดภัย
แต่คนที่ถูกคัดออก ก็จะมีสิ่งดลใจให้ไปอยู่รวมกันในที่ๆ จะถูกกวาดล้าง อย่าถามเรื่องวัน เดือน ปี เวลานาที เพราะเรื่องนี้ไม่มีการบอกกันหรอก รู้แค่อย่าประมาท ทำความดีให้มากๆ อย่าเบียดเบียนใคร ไม่ว่าเขาจะเป็นชีวิตเล็กน้อยแค่ไหน

 

"จะเป็นอย่างไรต่อไปถ้ารอด"​

​

"ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์"
จากบันทึกของชาวพุทธ​

เป็นกรรมของสัตว์โลกน่ะ ครูบาอาจารย์ท่านเคยบอกว่าระบบจะเริ่มล้างมนุษย์ ปลายปี 47 (ทีแรกคิดว่าไม่มีอะไรเกิดแล้ว จิตเกือบจะเผลอปรามาสครูบาอาจารย์เข้าแล้วเชียว) แล้วจะมีเหตุอื่นมาล้างเรื่อยๆ ด้วยระบบภัยพิบัติทาง ดิน น้ำ ลม ไฟ โรคระบาดและ อุบัติภัยสงคราม และจะหนักขึ้นเรื่อยๆ จนพระเจ้าจักรพรรดิ์ลงมา ภัยพิบัติจึงจะสงบ​

ต่อไปที่จะวิบัติหนักๆ ก็คือ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อเมริกา ฯลฯ เราเคยถามครูบาอาจารย์ว่าไม่มีใครเปลี่ยนได้เลยหรือ ท่านบอกว่า "ไม่ได้" ท่านว่า "ปู่ยี เว้า ก็ปานพระเจ้า เว้า นั่นแหละ ในโลกนี้ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้" เพราะกรรมของมนุษย์เป็นแบบนั้น​

สำหรับเมืองไทย ต่อไปกรุงเทพฯ ก็มิใช่ว่าจะปลอดภัย เพราะฝ่ายรักษาภายในของ กทม. เขาเริ่มถอนระบบออกไปมากแล้ว และต่อไปภาคใต้แทบจะไม่เหลือ จะเป็นเกาะเป็นแก่งทั้งหมด ครูบาอาจารย์ท่านว่า ท่านจะเอาแค่เพชรบุรีขึ้นมา ​

เราเข้าใจว่าภัยพิบัติในภาคใต้ เป็นสัญญาณของยุคจักรพรรดิ์ที่กำลังจะเริ่มต้น ที่จริงมีสัญญาณอย่างอื่นด้วย แต่เป็นเรื่องของเฉพาะบุคคล เช่นเรื่อง ธาตุแก้วเจ็ดประการ ที่เริ่มมาปรากฎเข้ามาสู่ระบบแล้ว และมีสิ่งของอื่นๆอีกหลายอย่าง ที่กระจัดกระจายกันอยู่ในหลายประเทศ เป็นต้น​

ผู้ที่ไม่มีหน้าที่และเข้าไม่ถึงระบบธาตุเหล่านี้ก็จะไม่สามารถเข้าใจได้ ถ้าใครมีจิตที่เอ็กเรย์ธาตุได้ ก็จะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร อย่างแก้วมังกร และแก้ววิเศษของเทวดา ก็อาจจะเป็นของไร้ค่าในโลกมนุษย์ เพราะความไม่รู้​

ครูบาอาจารย์เคยเล่าว่า แค่นาคโก่งหลังขึ้นมา มนุษย์ก็ตายเป็นเบือแล้ว ต่อไปบางที่ก็จะหายไปทั้งเกาะ นี่ยังไม่นับภัยพิบัติจากท้าวกกนาก แถวลพบุรี ที่ในไม่ช้า(ช่วงท้ายๆของภัยพิบัติ)จะลุกขึ้นมา(ภายใน)เพื่อไปรอรับพระจักรพรรดิ์ ขณะที่ทหารลิง 18 กองพลที่เคยเฝ้ายักษ์ตนนี้อยู่ เขาก็ถอนกำลังไปอยู่ที่อื่นแล้วเมื่อตอนออกพรรษาที่ผ่านมา ครูบาอาจารย์ท่านว่ายักษ์กกนากตนนี้มีพิษมาก แค่พลิกตัวได้ พิษของยักษ์จะทำให้เกิดโรคระบาด้ายแรง มนุษย์จะตายไปครึ่งโลก แต่คนที่มีศีลธรรมก็ไม่เป็นไร​

เราค่อนข้างมั่นใจว่า ภายในปี 2560 ประเทศไทยจะได้เป็นมหาอำนาจ และไทยกับลาวจะรวมกันเป็นหนึ่ง(ประเทศเดียวกัน) ท่านไหนที่ขยันหมั่นเพียร รักษาศีล ภาวนา ก็จะได้มีโอกาสอยู่ในยุคใหม่ต่อไป ส่วนท่านที่ยังไม่มีศีลธรรมพอ ก็คงจะต้องไปตามวิถีกรรมของตนเอง ​

ขออย่ามากังวลกับสิ่งที่เราเล่า หากท่านเดินตามทางบุญ ทางกุศล ที่ครูบาอาจารย์ของตนเองสอนได้แล้ว ก็คงจะเอาตัวรอดได้ ครับ และไม่มีใครเตือนใครได้ดีเท่ากับ การเตือนตนด้วยตนเอง ครับ ​

ศาสนาอื่นนั้นไม่เหลือหรอกครับ เมื่อถึงเวลาแล้วจะหนีตายกันมาพึ่งศาสนาพุทธกันหมดครับ เท่าที่ทราบต่อไปมหาอำนาจ อย่างเช่น อเมริกา อังกฤษ ฯลฯ จะต้องมาพึ่งพาไทย ศูนย์กลางโลกศูนย์กลางศาสนาอยู่ในเขตประเทศไทยนี่แหละ ซึ่งต่อไปที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย จะเป็นใจกลางโลก ใจกลางศาสนาในยุคจักรพรรดิ์ ทั้งโลกจะถูกปกครองโดยสามร่มโพธิ์ศรี อัญญาสิทธิ์และอัญญาธรรม พระจักรพรรดิ์จะเป็นพระมหากษัตริย์ของโลก อย่างที่พวกยิวเขาคิดจะครองโลกกันนั้น ไปไม่ถึงดวงดาวหรอกครับเพราะวิทยาศาสตร์ถึงทางตันแล้ว​

เหตุที่เกิดในภาคใต้ซึ่งเป็นเขตพุทธศาสนายังรุนแรงขนาดนี้ ต่อไปเหตุที่เกิดในเขตศาสนาอื่นๆนั้น จะรุนแรงกว่านี้มากครับและความหายนะที่จะเกิดขึ้นนั้นก็จะมากด้วย ​

ถ้าหากศึกษาถึงเชื้อของจิตวิญญาณเดิมของการมาเกิดก็จะเข้าใจว่าอย่างอิสลามและคริสต์นั้น เชื้อจิตวิญญาณเดิมหรือต้นธาตุของจิตวิญญาณ ของพวกนี้เป็นพวกยักษ์ ตระกูลต่างๆ ดังนั้นที่ครูบาอาจารย์ท่านว่าพวกยักษ์นอกศาสนาเขาตีกันนั้น ก็พวกยักษ์เหล่านี้แหละที่มีปัญหา และพวกยักษ์เหล่านี้เขาก็มาเกิดกันมากในยุคนี้ ส่วนใหญ่ในเขตไทยและใกล้เคียงจะเป็นเชื้อนาค เชื้อเทวดา เชื้อครุฑ คนในเขตประเทศไทย ส่วนใหญ่ก็วนเวียนอยู่กับการเกิดเป็นเชื้อต่างๆเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับชาติที่ทำบารมีมาเด่นๆ ว่าเคยทำบารมีมาในภพภูมิไหนมามาก ก็จะมีความเกี่ยวพันกันกับภพภูมิเหล่านั้นและเมื่อถึงเวลาก็จะเป็นการทำบารมีร่วมกันระหว่างภพภูมิ ​

และบางครั้งการทำงานจากภายใน ก็จะส่งผลออกมาสู่ภายนอก แต่คนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นภายใน ที่เห็นก็คือผลที่แสดงออกมาภายนอก และพยายามอธิบายกันด้วยเหตุและผลทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการรู้นอกแต่ไม่รู้ใน คล้ายๆกับวิทยาศาสตร์พยายามอธิบายเหตุผลภายนอก แต่ไม่เข้าใจถึงเรื่องกฏแห่งกรรมซึ่งเป็นเหตุภายใน เป็นต้น นี่คือรู้ไม่แจ้งในเรื่องนั้นๆ ก็เลยเกิดความ "ประมาท" กันต่อไป ครับ​

ต่อไปจะมีพระจักรพรรดิ์เป็นผู้ปกครองโลก พระยาธรรมมิกราชจะเป็นคล้ายพระสังฆราช และจะมีพระโพธิสัตว์อีกองค์หนึ่ง จะทำหน้าที่คล้ายนายกรัฐมนตรี ซึ่งสามร่มโพธิ์ศรีก็คือ สามโพธิสัตว์ที่ลงมาทำหน้าที่ดูแลพระพุทธศาสนา นั่นเอง ​

เอาเป็นว่า มีผู้ที่เขาลงมาทำหน้าที่นี้กันครับ และก็มีเหล่าอัญญาสิทธิ์ อัญญาธรรม ที่ตามลงมาทำหน้าที่อีกจำนวนหนึ่ง บางคนก็รู้ตัวเองแล้ว บางคนก็อาจจะยังไม่รู้ตัวเองครับ ถึงเวลาแล้วก็คงจะได้เห็นว่าของจริงนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งบางท่านบางคน บางท่าน จะมีชื่อเสียงในหมู่ของเทพ เทวดา นาค ครุฑ กุมภัณฑ์ ฤษี มุนี ดาบส ฯลฯ และพวกเขาเหล่านั้นก็รอยุคพระยาธรรมมิกราชนี่แหละ แต่พวกมนุษย์ไม่รู้จักเพราะท่านเหล่านี้จะอยู่อย่างเงียบๆและลี้ลับ เป็นต้น ครูบาอาจารย์ท่านเคยเปรยๆให้ฟังว่า สำหรับผู้ทำบารมีเข้มข้นแล้วนั้น "ดังบ่ดี ดีบ่ดัง" ครับ​

จากที่ครูบาอาจารย์ท่านเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันไกล้นี้ ไม่มีใครที่จะสามารถหลีกเลี่ยงได้ เพราะกรรมเป็นตัวกำหนดและยุคพระยาธรรมฯ ก็เป็นพุทธประเพณี เป็นเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในกึ่งกลางพระพุทธศาสนา ในยุคของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ อย่างในยุคพระเวสสันดร(ซึ่งเป็นช่วงประมาณกึ่งกลางศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง) หลังจากพระเวสสันดรได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็เกิดยุคพระยาธรรมฯหรือยุคพระจักรพรรดิ์ขึ้น ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าลูกชายพระเวสสันดรจะเป็นพระจักรพรรดิ์ในสมัยนั้น ​

และในยุคร่วมสมัยในปัจจุบันนี้ มีบุคคลผู้หนึ่ง ทำทานบารมีจนได้พรแปดประการจากพระอินทร์แล้วเช่นกัน ดังนั้นผมก็พอจะอนุมานได้ว่า ยุคพระยาธรรมฯ นั้นเข้ามาใกล้ถึงปลายจมูกแล้วครับ ใครที่คิดจะทำบุญกุศลอะไร ก็ให้รีบเร่งทำกันได้เลยครับ หากเมื่อใดผู้ที่ได้พรพระอินทร์เขาทำอธิษฐานบารมีเพื่อดูแลพระศาสนา(ซึ่งเป็นประเพณีส่วนหนึ่งของการปรารถนาพุทธภูมิ) ระบบที่ทำหน้าที่ภายในเขาก็จะทำงาน ตามลำดับ เมื่อถึงตอนนั้นจะเห็นคุณค่าของศีลธรรม ของศีลห้า ศีลแปด ของบุญบารมีที่แต่ละท่าน บำเพ็ญเพียร สั่งสมมา ครับ​

ให้ลองนึกถึงเหตุการณ์คลื่นยักษ์ในภาคใต้ดูว่า คลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะทำให้ด้ามขวานไทยเหลือเป็นเกาะเป็นแก่ง และคลื่นยักษ์ขนาดไหนที่จะสามารถทำให้เกาะขนาดประเทศไต้หวัน หายวับไปได้ในพริบตา เมื่อไหร่ก็ตามที่นาคใหญ่เขาทำงาน จะสั่นสะเทือนไปทั้งโลก หากจะเทียบเหตุการณ์ในภาคใต้ที่ผ่านมา เป็นได้แค่ระดับนาคใหญ่เขาโก่งหลัง หรือสะดุ้งเพียงเล็กน้อย ลองจินตนาการดูว่าหากพวกนาคบางพวกเขามีหน้าที่ทำฤทธิ์เพื่อล้างผู้ที่มีศีลธรรมไม่เพียงพอสำหรับการอยู่ในยุคพระยาธรรม บนโลกนี้ก็จะเหลือคนไม่มาก อย่างที่พระสูตรบอกไว้ครับ ​

จากคุณ คนไกล เมื่อวันที่ 30/12/2547 8:42:27<!-- google_ad_section_end --> ​

ที่มา http://www.konmeungbua.com/webboard/​

 

ท่านทั้งหลายจำได้ไหมที่มีข่าวบนเน็ตหรืออีเมลล์ลูกโซ่แผนของโจรใต้ที่หลุดมา ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่พวกมันต้องการ ทำให้คนไทยฆ่ากันเอง ทำลายที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยไม่ว่าสถาบันศาสนาและพระมหากษัตริย์ด้วยการปล่อยข่าว การปล่อยข่าวถ้าทำมากๆจะทำให้ดูข่าวนั้นเป็นจริง ไม่ว่าจะเล่นงานท่านหลวงพ่อสนองหรือปลดเจ้าอาวาสบางองค์แบบที่ท่านยังไม่ได้ทำผิดกฎสงฆ์เพียงเพราะคนร้องเรียน แกล้งพิมพ์หลายที่บนเน็ตหรืออะไรก็ตามเพื่อใส่ร้ายสถาบัน ส่งคนแทรกซึมระดับปกครอง ที่เหลือท่านไปเก็บไว้คิดเป็นการบ้านและเอาตัวรอดเองเถิด จะใบ้ให้ว่าอะไรที่เปลี่ยนแปลงแบบแปลกๆในท้องถิ่นท่านนั่นแหละคือ สัญญาณแล้วไปคุ้ยเอาไอ้ที่อยู่บนเน็ตหรืออีเมลล์ลูกโซ่เก่าๆที่เกี่ยวข้องกับที่พูดเอาเอง เซิร์จเอ็นจิ้นมีไว้งานนี้ ส่วนผมคงจบเรื่องในครอบครัวแก้ปัญหาเสร็จมีทุน ผมคงต้องเตรียมตัวอพยพหรือไม่ก็ไปอยู่ที่นอกจุดยุทธศาสตร์อย่างบ้านพักที่เลยอย่างต่ำ จังหวัดใหญ่ๆก็ไม่ต้องบอก ดูจากจุดที่เคยมีการปะทะของม็อบเสื้อแดงและที่มีประชากรหน่าแน่น

 

ผมไม่มีความรู้ด้านนี้เลยครับ เข้ามาอ่านดูแล้วรู้สึกน่ากลัว ตัวเองตายไม่เป็นไรแต่ห่วงคนข้างหลังจะลำบาก

 

======================================


22 ม.ค. 54


SuperMan

ตอนแรกคิดว่าจะรอให้เกิดเหตุการณ์ก่อนแล้วค่อยเปิดเผยภาพในความฝัน
แต่อาจารย์ภิญโญ ได้ทำนายไว้ในบทอาถรรพ์เลข 8แล้ว เกี่ยวกับบุคคลชั้นสูง
ก็ขอให้ไปอ่านในบทนั้น


สัจจะ

เมื่ออาสา-------หน่วยเหนือ------ลงทำงาน
เฝ้าติดตาม------นายเก่า--------เข้าช่วยเหลือ
แต่กลับลืม------จิตอาสา--------ที่คลุมเคลือ
ไม่มีเหลือ-------อยู่ในใจ--------ของตนเอง

แต่ละองค์------ที่ลงมา---------ไม่ใช่เล็ก
กลับลืมเฮ็ด-----การงาน--------ที่อาสา
เมื่อขึ้นไป------ต้องอับอาย-----ขายขี้หน้า
เดี๋ยวจะว่า------ตัวของข้าฯ-----ไม่กล่าวเตือน

ทั้งสัจจะ--------ที่เคยให้--------ไว้ข้างบน
หลงลืมตน------ลืมหน้าที่-------ที่ให้ไว้
หมดเวลา-------หมดหน้าที่------กลับขึ้นไป
องค์เทพไท้-----ต้องตำหนิ------การกระทำ



องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นค่ะ(tanphaban.blogspot.com)
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

​

ภัยพิบัติและการเตรียมการ

เกี่ยวกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติและเกิดขึ้นโดยมนุษย์ มีทั้งทางแนววิทยาศาสตร์ พลังจิต และพุทธศาสตร์ มีการรวมตัวของกลุ่มสมาชิกเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เช่น "กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ" เพื่อเตรียมการล่วงหน้า ช่วยคนเมื่อภัยพิบัติต่างๆมาถึง

ข้อมูลการเตรียมตัวเพื่อการเอาตัวรอด ทั้งทางด้านจิตวิญญาณ และทางด้านร่างกายของตัวท่านและครอบครัวของท่าน พวกเราชาวคณะ "กลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ" ได้รวบรวมข้อมูลให้ทุกๆท่านไว้เรียบร้อยแล้ว ขอเขิญอ่านได้ที่ห้อง ภัยพิบัติและการเตรียมการ ครับ

ผมต้องขออภัยท่านสมาชิกเดิมๆ ที่ต้องเข้ามาอ่านเจอข้อมูลเก่าซ้ำๆ ที่ผมนำมาโพสต์อยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากมีสมาชิกใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยอ่านข้อมูลเหล่านี้มาก่อนอย่างเช่นคุณ Tanalop นี้เป็นต้น ผมจึงจำเป็นต้องนำข้อมูลเก่าๆมาฉายซ้ำอยู่เสมอๆ เพราะกระทู้นี้มีความยาวตั้งพันกว่าหน้าเข้าไปแล้ว คงไม่มีใครสามารถอ่านได้ครบทุกหน้าเป็นแน่ ผมจึงต้องขออภัยท่านสมาชิกเก่าๆ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ไทยตอนบนยังมีอากาศหนาวเย็น คลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2 เมตร</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 23 มกราคม 2554 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น. บริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อไปอีก กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่

สำหรับ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างและทะเลจีนใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในช่วงวันที่ 22-28 ม.ค.นี้ไว้ด้วย

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่
ตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ส่วนตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศหนาว
อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศา
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-14 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็น
อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศา
ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็น
อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
โดย :จิ้มจุ่ม (สมาชิก) โพสเมื่อ [ วันอาทิตย์ ที่ 23 มกราคม 2554 เวลา 10:24 น.] </TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ภัยพิบัติโคลนถล่มบราซิลรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 100 ปี</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เหตุน้ำท่วมและโคลนถล่มรัฐริโอเดอจาเนโรของบราซิล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นับว่าเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในบราซิลมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2443

เว็บไซต์สำนักงานป้องกันภัยพลเรือนบราซิล รายงานว่า

ผู้เสียชีวิตจากโคลนถล่มที่เกิดจากฝนตกหนักในพื้นที่แถบภูเขาทางเหนือของเมืองริโอเพิ่มขึ้นเป็น 791 คน และมีผู้สูญหายอีก 430 คน ศูนย์ระบบฐานข้อมูลภัยพิบัติระหว่างประเทศที่มีสำนักงานในเบลเยียม รายงานว่า เหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีผู้เสียชีวิตติดอันดับมากที่สุดในบราซิลก่อนหน้านี้บันทึกไว้เมื่อปี 2510 จากอุทกภัยที่มีผู้เสียชีวิต 785 คน ทั้งพื้นที่ส่วนในและรอบเมืองริโอ สำหรับภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งร้ายแรง 10 อันดับ ของบราซิลได้รับการบันทึกไว้ตั้งแต่ปี 2443 จนถึงปัจจุบัน
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

งานของกลุ่ม "พลังจิตพิชิตภัยพิบัติ"

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->kananun<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_428859", true); </SCRIPT> หัวหน้ากลุ่มพลังจิตพิชิตภัยพิบัติ

วัตถุประสงค์คือ เราอยากช่วยคนให้รอดปลอดภัยเมื่อภัยพิบัติต่างๆ มาถึง อย่างเต็มที่ครับ เราจะได้ช่วยกันเตรียมการล่วงหน้า เผื่อเพื่อนๆสมาชิกของเราที่อยู่ในต่างประเทศและจะกลับมาไทยเมื่อเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นครับ

เราไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมือง ความเชื่อ หรือลัทธิใดๆทั้งสิ้นครับ เราช่วยผู้คนก็เพื่อเป็นการรักษา ความเป็นชาติไทย สืบทอดพระศาสนาให้ครบห้าพันปี พิทักษ์สถาบันพระมหากษัตริย์ไว้คู่แผ่นดินสุวรรณภูมิ

ในขณะเดียวกัน ในการทำงาน เราจะพยายามช่วยเสริมสร้างสังคมคุณธรรม และช่วยพัฒนาประเทศชาติด้วยเศษฐกิจพอเพียงไปพร้อมๆกันด้วยครับ สมาชิกท่านใดที่ มีความสนใจในเรื่องภัยพิบัติ ก็ขอให้เข้ามารายงานตัวในกระทู้นี้ได้เลยนะครับ

ส่วนท่านที่อาสาจะเข้ามาช่วยทำงาน กรุณาแจ้งชื่อและความสามารถ คุณสมบัติที่ท่านอยากจะช่วยให้เป็นประโยชน์มาได้ครับ ท่านที่ตามอ่านอยู่แต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกของเวปพลังจิต ก็ขอให้ช่วยมาลงทะเบียนเป็นสมาชิกกันให้เยอะๆครับ

จุดประสงค์ของการทำงาน ทุกๆท่านจะได้เข้าใจในทิศทางที่ตรงกันครับขอกราบโมทนาบุญของท่านเจ้าของเวป คุณWeb snow และ Stuff อาสาสมัคร ที่จะมาช่วยงานทุกๆท่าน ผู้อ่าน ผู้ช่วยให้การโมทนา รวมทั้งท่านที่คอยให้กำลังใจอยู่เงียบๆครับ สาธุ........

ที่มา http://palungjit.org/threads/งานของกลุ่ม-พลังจิต-พิชิตภัยพิบัติ.64550/
<!-- google_ad_section_end -->

 

สวิตเซอร์แลนด์ ปี 2010 ร้อนที่สุด​

​

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ WMO ซึ่งเป็นหน่วยงานลมฟ้าอากาศของสหประชาชาติ ประกาศเมื่อวานนี้ว่า ปี 2010 เป็นหนึ่งในปีที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึกมา ซึ่งเป็นการให้หลักฐานเพิ่มเติมว่าโลกของเรากำลังร้อนขึ้นอย่างช้าๆ แต่ร้อนในอัตราคงที่

WMO ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยเมื่อปีที่แล้ว อยู่ที่ 0.53 องศาเซลเซียส สูงกว่าค่าเฉลี่ย หรือมัชฌิมในช่วงปี 1961 ถึง 1990 ซึ่งใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการเปรียบเทียบ

นายมิเชล ชาร์โรด์ เลขาธิการ WMO กล่าวที่สำนักงานใหญ่ WMO ในนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ว่า เราสามารถรายงานว่า ปี 2010 กำลังจะติดอันดับปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยอยู่ในระดับเดียวกับปี 2005 และ 1998

นายชาร์โรด์ กล่าวเสริมว่า ปีที่ร้อนที่สุด 10 ปีหลังมีการบันทึกข้อมูล เริ่มขึ้นในปี 1854 อุณหภูมิทั่วโลกเฉลี่ย สำหรับศตวรรษที่ 20 คือ 13.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นตลอดช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านบรรยากาศทั่วโลกวิตกกังวล

นักวิทยาศาสตร์ด้านบรรยากาศส่วนใหญ่อ้างเหตุผลว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเป็นผลมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซอื่นๆที่ถูกปล่อยเข้าไปในอากาศ โดยเครื่องยนต์ที่เผาผลาญน้ำมันเบนซิน และกระบวนการทางอุตสาหกรรมอื่นๆ

WMO ตั้งข้อสังเกตว่า สภาพลมฟ้าอากาศสุดขีดของปีที่แล้ว ซึ่งก็รวมถึงคลื่นความร้อนรุนแรงในรัสเซีย และน้ำท่วมในฤดูมรสุมของปากีสถาน จะเกิดขึ้นต่อไปในปีนี้ โดย WMO ยกตัวอย่างให้เห็นถึงกรณีน้ำท่วมในบราซิล ออสเตรเลีย และศรีลังกา ในเดือนนี้

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 23 มกราคม พ.ศ.2554

น้ำในแม่น้ำไหลทะลักท่วมหมู่บ้านในเปรู​

​

ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ภาคกลางของเปรูทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ขณะที่ประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำต้องเร่งอพยพออกจากบ้านเรือนหลังน้ำในแม่น้ำไหลทะลักเข้าท่วม

สภาพความเสียหายหลังจากที่น้ำในแม่น้ำหลายสายในเมืองอะยาคูโชและฮวนตา ไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนในหมู่บ้านต่าง ๆ สำนักป้องกันภัยพลเรือนแห่งชาติเผยว่า กระแสน้ำได้พัดพาเอาโคลนมาด้วย ทำให้บ้านเรือนประชาชนราว 50 หลังพังราบเป็นหน้ากลอง ขณะที่อีก 70 หลังได้รับความเสียหาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 11 คน ประชาชนราว 600 คนต้องเร่งอพยพออกจากบ้านเรือน

รายงานระบุว่า ดินโคลนที่มากับกระแสน้ำยังได้ปิดกั้นถนนหลวงหลายสาย กองทัพเปรูต้องระดมทหารเข้ามาช่วยเก็บกวาดความเสียหาย แต่ปฏิบัติการฟื้นฟูเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากขาดแคลนเครื่องจักรขนาดใหญ่

อย่างไรก็ตามรัฐบาลเปรูได้จัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษธรรมไม่ว่าจะเป็นน้ำสะอาด,ผ้าห่ม,ที่นอนและอาหาร มีรายงานว่า รถที่นำสิ่งของบรรเทาทุกข์เข้าไปให้ผู้ประสบภัยเกิดอุบัติเหตุตกไหล่ทาง และรถประจำทางที่บรรทุกผู้โดยสารเกิดเสีย ผู้โดยสารต้องเดินเท้าเข้าไปในเมือง

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 23 มกราคม พ.ศ.2554

รัฐวิคตอเรียเจอน้ำท่วมหนัก​

​

ชาวเมืองชนบทในรัฐวิคตอเรียของออสเตรเลีย เตรียมรับมือกับน้ำท่วมต่ออีกสัปดาห์ บวกกับพายุโซนร้อน ที่คาดว่าจะเคลื่อนตัวพัดถล่มพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลียซ้ำในสัปดาห์หน้า

สำนักงานฉุกเฉินแห่งรัฐของออสเตรเลีย ประกาศเตือนว่าน้ำในทะเลสาบที่มีความยาว 90 กิโลเมตร ทางตะวันตกเฉียงเหนือ นครเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิคตอเรีย จะเอ่อเข้าท่วมพื้นที่เมืองชนบทที่เป็นเส้นทางน้ำผ่านในอีก 10 วันข้างหน้า และจะท่วมขังนานหลายวัน จนกว่าน้ำจะไหลลงแม่น้ำเมอร์เร่ย์ได้ โดยขณะนี้ได้จับตาดูพื้นที่ สวอน ฮิลล์ ซึ่งเป็นจุดที่แม่น้ำเมอร์เร่ย์ และแม่น้ำลอดเดน มาเจอกัน โดยคาดกันว่าน้ำจะท่วมจุดสูงสุดในช่วงกลางสัปดาห์นี้

โดยขณะนี้มี 75 เมืองของวิคตอเลีย ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม อาคารบ้านเรือนเกือบ 2,000 ครัวเรือนจมอยู่ใต้น้ำ บางพื้นที่น้ำท่วมจนความช่วยเหลือเข้าไปไม่ถึง ประชาชนราว 5 ,000 คนต้องอพยพไปอยู่ค่ายผู้ประสบภัยชั่วคราว ทั้งนี้ภาวะน้ำท่วมในรัฐวิคตอเรียอาจเลวร้าวลงไปอีก เพราะล่าสุดกรมอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลีย เตือนว่าความกดอากาศต่ำบริเวณนอกชายฝั่งรัฐควีนแลนด์ กำลังก่อตัวและพัฒนาเป็นพายุไซโคลนในอีก 2-3 วันข้างหน้า โดยมีโอกาศจะเป็นไปได้ 20-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอิทธิพลของพายุจะทำให้เกิดฝนตกหนักและลมพัดแรงตามมา

ทั้งนี้รองนายกรัฐมนตรีเวน สวอน กล่าวแถลงการณ์ว่า ภาวะน้ำท่วมครั้งนี้จะถือจัดให้เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่สร้างมูลค่าความเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของออสเลีย และยังส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ที่อาจะต้องใช้เวลาหลายปีในการฟื้นฟู หลังจากที่เกิดภาวะน้ำท่วมนานกว่า 1 เดือน ในพื้นที่รัฐควีนแลนด์และวิคตอเรีย คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 23 มกราคม พ.ศ.2554

อิหร่านไม่ล้มเลิกเสริมนิวเคลียร์​

​

อิหร่านไม่ทำตามข้อเรียกร้องต่างๆ ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนิวเคลียร์ โดยปฏิเสธข้อเรียกร้องของมหาอำนาจโลก 6 ชาติ ที่ให้อิหร่านยุติการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม

นางแคทเธอรีน แอ็ชตัน หัวหน้านโยบายต่างประเทศของอียู. ประเทศในนครอีสตันบูล เมืองใหญ่ที่สุดของตุรกี สถานที่จัดการเจรจาระหว่างอิหร่านกับจีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศสสหรัฐฯ และเยอรมนี ยอมรับว่าการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์อิหร่านล้มเหลวไม่เป็นท่า และยังไม่มีการกำหนดการเจรจาครั้งต่อไป

นางแอ็ชตัน โทษว่า ความล้มเหลวมาจากข้อเรียกร้องที่ไมสอดคล้องกับความเป็นจริงของอิหร่าน คือให้ยุติการคว่ำบาตรทั้งหมดต่ออิหร่าน และข้อตกลงที่อนุญาตให้อิหร่านเดินหน้าเสริมสมรรถนะยูเรเนียมต่อไปได้

ข่าวทีวีช่อง 3 วันอาทิตย์ ที่ 23 มกราคม พ.ศ.2554

ที่มา http://www.krobkruakao.com

 

*** อย่าลืมสัจจะ ****

สัจจะ...นี้ลืมไม่ได้
ถ้าลืม มันก็เป็นวิบัติกับตนเอง
คือ ต้องรับผลของการทำไม่ได้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

"พระเจ้าจักรพรรดิราช"
ขณะนี้ยังเป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดา​

​

เนื่องจากมีสมาชิกหลายท่าน ได้มีจดหมายสอบถามผมว่า พระเจ้าจักรพรรดิราช" หรือพระศรีอาริยเมตไตรย ที่ผมชอบโพสต์ลงในกระทู้ประเทศไทยฯ นี้เป็นใคร อยู่ที่ไหน จะมาปรากฏตัวเมื่อไหร่ ฯลฯ ​

ผมจึงขออนุญาตตอบในกระทู้นี้เสียเลยว่า"ผมก็ยังไม่ทราบแน่ชัด ว่าท่านเป็นใคร อยู่ที่ไหนครับ" เพราะมีคนอ้างตัวว่าเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย อยู่มากมายหลายท่าน แต่ผมดูๆแล้วจะเป็นพวกสติแตก(หลงผิด)ซะเป็นส่วนมาก ผมจึงไม่ได้ให้ความสนใจอะไรมากนัก​

แต่จากข้อมูลที่ผมได้รับรู้มา "พระเจ้าจักรพรรดิราช" จะมาปรากฏพระองค์หลังจากที่ภัยพิบัติต่างๆ สงบลงแล้ว เพื่อมาเป็นผู้ชี้นำทางให้คนในโลกยุคใหม่ ได้เดินตามแนวทางแห่งสัมมาทิฐิ ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ ได้ตรัสสอนเอาไว้ครับ ซึ่งถ้าเทียบเวลากับทางศาสนาคริสต์แล้ว เขาก็บอกว่ายุคแห่งสันติสุขโลก 1,000 ปี ซึ่งเป็นยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์ (King of kings) จะเริ่มต้นขึ้นเมื่อ ค.ศ. 2018 หรือ ปี พ.ศ.2561 ของไทยเรานั่นเอง และใกล้เคียงกับคำทำนายของชาวพุทธที่กล่าวว่า ชาวโลกจะได้พบผู้มีบุญ(พระยาธัมมิราช) ในปีกุน พ.ศ.2562 ครับ​

ในขณะนี้ "พระเจ้าจักรพรรดิราช" ได้ลงมาเกิดที่ประเทศไทยแล้ว แต่เกิดเป็นสามัญชนคนธรรมดา จึงไม่มีใครจะสามารถบอกได้ว่า ท่านเป็นใคร อยู่ที่ไหน แต่เมื่อท่านประกาศตัวเองเมื่อไหร่ คนทั้งหลายจะทราบได้ทันทีว่าเป็นพระองค์ท่าน เพราะท่านจะมาปรากฏตัวแบบเหนือธรรมชาติ ดังข้อความต่อไปนี้ครับ​

หน้าที่โดยตรงของพระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ก็คือต้องมาช่วยกันทำนุบำรุงและเผยแพร่คำสอน ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ครับ พระโพธิสัตว์จึงต้องจุติลงมายังโลกมนุษย์นี้บ่อยๆ เพื่อเป็นการสร้างบารมีของตนให้เต็มเปี่ยม เพื่อที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์ต่อไปในภายภาคหน้า

ในปัจจุบันนี้มีพระโพธิสัตว์มากมายจุติลงมาจากสวรรค์ เพื่อมาช่วยกันสืบต่ออายุของพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวไปจนครบ 5,000 ปี พระโพธิสัตว์บางองค์ที่ยังมีบารมีไม่มากนัก ก็มักถูกมารเข้าครอบงำได้โดยง่าย ทำให้หลงผิดคิดไปว่าตัวเองเป็นพระศรีอาริยเมตไตรย ซึ่งเราจะพบว่าในปัจจุบันนี้มีคนอ้างตนว่าเป็นพระศรีอาริย์มากมาย จนเราไม่รู้ว่าองค์ไหนจริงองค์ไหนไม่จริง

พระศรีอาริย์เมื่อท่านได้จุติลงมายังโลกมนุษย์นี้นั้น ท่านได้อธิษฐานจิตปิดบังตัวของท่านเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้มนุษย์โลกมาหลงยึดติดอยู่กับตัวท่าน จนลืมที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน เมื่อท่านไม่ต้องการให้ใครรู้ ก็ไม่มีใครหน้าไหน ที่จะกล้าไปก้าวล่วงคำอธิษฐานของพระมหาโพธิสัตว์ เพราะกลัวเทวดาจะลงโทษทำให้ศรีษะต้องแตกเป็น 7 เสี่ยง

แต่เมื่อถึงคราวที่มนุษย์โลกต้องประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ในกึ่งพุทธกาลนี้แล้วเท่านั้น พระศรีอาริย์ท่านจึงจะออกมาปรากฏตัวให้ชาวโลกได้เห็น เพื่อเป็นผู้นำให้กับโลกนี้ ได้ก้าวเดินไปตามแนวทางแห่งพุทธศาสนิกชนที่ถูกต้อง ตามที่พระสมณโคดมพุทธเจ้าได้ทรงประทานเอาไว้ตั้งแต่ในครั้งพุทธกาล

ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า เมื่อท่านมาปรากฎตัว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นพระศรีอาริย์ตัวจริง คำตอบก็คือเราจะรู้ได้จากหลักฐานที่มีการบันทึกถึงการมาปรากฎตัวของพระองค์ท่าน ในคัมภีร์ของทางศาสนาต่างๆ ในโลกนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ในศาสนาคริสต์ ได้มีบันทึกเอาไว้ว่า:-

บุตรมนุษย์จะเสด็จกลับมาพร้อมด้วยสง่าราศี
(มก 13:24-27; ลก 21:25-36)

24:27 ด้วยว่าฟ้าแลบมาจากทิศตะวันออกส่องไปจนถึงทิศตะวันตกฉันใด การเสด็จมาของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น

24:28 ด้วยว่าซากศพอยู่ที่ไหน ฝูงนกอินทรีก็จะตอมกันอยู่ที่นั่น

24:29 แต่พอสิ้นความทุกข์ลำบากแห่งวันเหล่านั้นแล้ว `ดวงอาทิตย์จะมืดไปและดวงจันทร์จะไม่ส่องแสง ดวงดาวทั้งปวงจะตกจากฟ้า และบรรดาสิ่งที่มีอำนาจในท้องฟ้าจะสะเทือนสะท้านไป'

24:30 เมื่อนั้นหมายสำคัญแห่งบุตรมนุษย์จะปรากฏขึ้นในท้องฟ้า `มนุษย์ทุกตระกูลทั่วโลกจะไว้ทุกข์' แล้วเขาจะเห็น `บุตรมนุษย์เสด็จมาบนเมฆในท้องฟ้า' พร้อมด้วยฤทธานุภาพและสง่าราศีเป็นอันมาก

24:31 พระองค์จะทรงใช้เหล่าทูตสวรรค์ของพระองค์มาด้วยเสียงแตรอันดังยิ่งนัก ให้รวบรวมคนทั้งปวงที่พระองค์ทรงเลือกสรรไว้แล้วจากลมทั้งสี่ทิศนั้น ตั้งแต่ที่สุดฟ้าข้างนี้จนถึงที่สุดฟ้า

ที่มา FREE Online KJV Thai Bible.

จากคัมภีร์ใบลานของทางพุทธศาสนา

เมื่อปรากฏภัย ๑๐ ประการหนาแน่นขึ้น ก็จะปรากฏผู้เฒ่าผมขาวหนวดเครายาวขี่ม้าขาว เหาะลอยมายังท่ามกลางเมืองเชียงใหม่ นั่นคือองค์สมเด็จพระศรีอริยะเมตไตรยมาปรากฏเป็นที่พึ่งแก่โลกแล้ว อย่าสงสัยเลย....

วันตัดสินโลกได้เริ่มมาถึง 7 วันแล้ววันนี้เป็นวันคำรบ 8 โลกสว่างแล้ว! สงครามครั้งสุดท้ายได้เสร็จสิ้นไปแล้ว คนบาปทั้งหลายได้ถูกความมืดกลืนกินไปหมดแล้ว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตูข้าจะสร้างอาณาจักรสัมมาทิฏฐิให้พวกสูทั้งหลายอยู่ดีกินดีกันทั่วไป

พระอิศวรเจ้าฟ้าตะคอกขู่จู่โจมเสียงนั้นสะท้านเหมือนฟ้าผ่า ได้ยินตลอดไปทั่วทั้งกองทัพ แม้พวกจอมทัพจอมขุนศึกทั้งหลายก็พากันตกใจ เหมือนหัวจะแตกลงในยามนั้น พญาลายตีนเป็นกงจักร พญาแขนสั้นยาว พญาลิ้นกาฬฯลฯ ต่างก็พากันส่งสัญญาณให้กองทัพของตนถอนกลับไปสู่บ้านเมืองสิ้นด้วยกัน ครั้นแล้ว พระอิศวรเป็นเจ้าก็บันดาลฝนห่าใหญ่ตกลงมาถึง 7 วัน 7 คืน ท่วมท้นซากศพเหล่านั้น ลอยไปลงทะเลจนหมดสิ้น คงเหลือแต่พื้นดินป็นปรกติ อนึ่ง ก็เป็นธรรมดาสงครามที่ล้างโลก จะต้องบังเกิดมรสุมทำลายความชั่วช้าเลวทรามของมนุษย์ที่กระทำขึ้น แล้วฝูงมนุษย์ก็จะต้องเป็นทายาทรับกรรมนั้นๆ หาใช่ผู้ใดหรือพระเจ้าองค์ใดมากระทำขึ้นให้ไม่ ก็เมื่อมนุษย์พากันฝ่าฝืนคำสอน พระเจ้าหาใช่ทาสของมนุษย์ดังที่บางคนเข้าใจกัน

พระศรีอาริย์ห้ามทัพตะวันออกเฉียงใต้ ตำนานพุกามทำนายว่าเมื่อปรากฏแล้วพระอาริย์ธรรมิกราช พร้อมด้วยพระอิศวรเจ้าจะเสด็จไปห้ามทัพตะวันออกถึง 2 ครั้ง ไปโดยทางฟ้าและกองทัพฟ้าของเทวดาเป็นหมู่รี้พล

ที่มา http://gotoknow.org/blog/merit/154060

จากคัมภีร์ในทางศาสนาฮินดู

พระนารายณ์ปางที่ 10 อวตารเป็นพระกัลกี

กล่าวถึงปางนี้มีนามเรียกขานต่างกันไป บ้างก็เรียกว่า ปางกาลกิยาวตาร หรือ กาลกิวตาร คือปางการอวตารของพระวิษณุนารายณ์ในอนาคต ซึ่งจะเกิดในช่วงกลียุคที่มนุษย์ในโลกเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน มีความมืดมน ความหลงผิดในความชั่ว ไม่มีการทำพิธีบูชาต่อเทพ เมื่อนั้นพระนายราณ์จะทรงอวตารมาคุ้มครองช่วยเหลือเหล่ามวลมนุษย์ และสร้างโลกให้สงบสุขอีกครั้ง พระองค์จะอวตารเพื่อล้างบาปอีกครั้ง

พระกัลกีเป็นบุตรของพราหมณ์วิษณุยศ พระกัลกีทรงเป็นบุรุษทรงม้าขาว ถือดาบสังหารคนบาปในอนาคตให้หมดสิ้นในกลียุค หลังจากนั้นพระองค์จะตั้งศาสนาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง

ที่มา www.omaarti.com

 

ญี่ปุ่นกำจัดไก่ 4 แสนตัว คุมหวัดนก​

​

ญี่ปุ่น 24 ม.ค. - ญี่ปุ่นเตรียมฆ่าทำลายไก่ราว 410,000 ตัว ที่ฟาร์มแห่งหนึ่งในจังหวัดวิยาซากิ ทางตะวันตกของประเทศ หลังพบการแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดนก

กระทรวงเกษตรของญี่ปุ่นออกแถลงการณ์ระบุว่า ไก่ทั้งหมดในฟาร์มดังกล่าวราว 410,000 ตัว จะถูกฆ่าทำลายทั้งหมดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนก หลังจากพบว่าไก่ 20 ตัว ในฟาร์มดังกล่าวตายลงเมื่อช่วงเช้าวานนี้ ขณะที่ฟาร์มแห่งดังกล่าวอยู่ห่างจากฟาร์มไก่อีกแห่งที่กำลังมีการฆ่าทำลายไก่กว่า 10,000 ตัว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของหวัดนก

ขณะที่นายกรัฐมนตรีนะโอโต คัง ผู้นำญี่ปุ่น ได้จัดตั้งคณะทำงานเพื่อหาทางป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดนกในจังหวัดมิยาซากิ ซึ่งถือเป็นการพบเชื้อครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2550. - สำนักข่าวไทย

วันจันทร์ ที่ 24 ม.ค. 2554

ที่มา http://www.mcot.net

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนตอนบนอากาศยังหนาวเย็น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 24 มกราคม 2554 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ในวันพรุ่งนี้ (25ม.ค.54) ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยตอนล่างจะมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังในช่วงวันที่ 25-28 ม.ค.นี้ไว้ด้วย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย
ตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่
ตอนบนของภาค: อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ส่วนตอนล่างของภาค: อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศา
สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหมอกบางในตอนเช้า อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา
สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ บริเวณตอนกลางของภาค
ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) อากาศเย็น และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศา
ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แฉโจรใต้ปล่อยข่าวมีทหารเป็นหนอนบ่อนไส้ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
มทภ.4 สั่งล่าโจรใต้บุกโจมตีฐานทหาร แฉเล่ห์คนร้ายปล่อยข่าวมีหนอนบ่อนไส้ สร้างความแตกแยกในกลุ่มจนท.

วันนี้ (23ม.ค.) ที่ห้องรับรองชั้น 2 อาคารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภ.4 สน.) ค่ายสิรินธร ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาค 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงกรณีเหตุการณ์กลุ่มคนร้ายเข้าโจมตีฐานปฏิบัติการพระองค์ดำ หมู่ 1 ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวพบว่าการเข้าปฏิบัติการของฝ่ายตรงข้าม ได้มีการเตรียมการมาค่อนข้างดี เริ่มต้นด้วยการโจมตีทางด้านหน้าฐานปฏิบัติการ และทางข้างฐาน ด้วยอาวุธนานาชนิดพร้อมกับตัดไฟภายในฐาน เมื่อกำลังพลสาระวนกับการป้องกันทางด้านหน้า จึงเกิดช่องว่างทางด้านหลังทำให้ผู้ก่อการเข้าจู่โจมได้สะดวก แล้วเกิดการต่อสู้ประมาณ 30 นาที คนร้ายจึงล่าถอยไป สามารถสร้างความสูญเสียให้ฝ่ายเราโดยมีสิ่งของเสียหาย และอาวุธสูญหายไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งจะมีการติดตามและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป

“พวกเราได้สูญเสียทหารกล้าไป 4 นาย และบาดเจ็บ 6 นาย ขณะนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากทางราชการ สำหรับการทำงานของตนหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งเป็นแม่ทัพภาค 4 จะดำเนินงานตามยุทธศาสตร์พระราชทาน จนทำให้ประชาชนที่จับปืนสู้กับเจ้าหน้าที่กลับใจเข้ามาร่วมสร้างสันติสุขกับทางราชการจำนวนมาก ส่งผลให้ฝ่ายตรงข้ามเสียมวลชนไป จึงต้องทำอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อที่จะลดความเชื่อถือของรัฐต่อพี่น้องประชาชน การปฏิบัติการรุนแรงจึงเกิดขึ้นดังกล่าว” แม่ทัพภาค 4 กล่าว

พล.ท.อุดมชัย ยังกล่าวอีกว่า ตนเองขอชี้แจงให้ประชาชนทราบว่าทางเจ้าหน้าที่จะไม่หลงกลกับดักของฝ่ายตรงข้าม ที่ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ เพื่อยั่วยุให้ใช้ความรุนแรงกับพี่น้องประชาชน หวังให้หยุดนโยบายการสร้างความเจริญ สร้างความสันติสุข ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะปฏิบัติตามนโยบายต่อไป เพื่ออุดช่องว่าง ไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะเช่นนี้อีก ส่วนความคืบหน้าในการติดตามกลุ่มคนร้ายล่าสุด ก็พอจะทราบแล้วว่ามีส่วนใดที่เข้าปฏิบัติการ อยู่ในระหว่างการติดตาม ซึ่งขอยืนยันว่าจะติดตามจนกว่าจะได้ตัวผู้ที่ก่อเหตุ รวมทั้งติดตามสิ่งของคืนกลับมา ทั้งนี้เมื่อวาน(22 ม.ค.) เจ้าหน้าที่ก็สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ 1 คน และเป็นคนในพื้นที่เอาไว้ อยู่ในระหว่างการขยายผล โดยกลุ่มที่มาปฏิบัติการในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นกลุ่มที่รวมตัวกันมาจากหลายพื้นที่ ซึ่งมีความกังวลกันว่าขณะนี้มีกลุ่มกำลังจำนวนมากนั้น แต่จริงๆแล้วเป็นการรวมกำลังจากสถานที่ต่างๆ ให้มาร่วมปฏิบัติการ ตนเองมีความมั่นใจว่ากลุ่มคนร้ายไม่ได้มีกองกำลังมากมายขนาดนั้น เกิดจากการรวมตัวกันจากหลายๆพื้นที่ในการปฏิบัติการ และอาศัยช่องว่างในการปฏิบัติการจู่โจม

สำหรับอาวุธปืนในขณะนี้อยู่ในระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากว่าในจุดเกิดเหตุที่มีเพลิงไหม้นั้น ก็มีอาวุธอยู่จำนวนหนึ่ง ที่ถูกเพลิงไหม้ไปด้วย ทางนิติวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ยอมรับว่ามีอาวุธส่วนหนึ่งที่ถูกคนร้ายนำไปด้วยจริง แต่ยังไม่สามารถระบุจำนวนได้.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>