แกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 19 ธันวาคม 2010.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์

    [​IMG]

    [​IMG]

    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge)

    สโตนเฮนจ์ (StoneHenge) แห่งเมืองซาลเบอรี่ (Salisbury) ประเทศอังกฤษ มีอายุนานประมาณ 5,000-6,000 ปีผู้สนใจสามารถหาข้อมูลละเอียดมากเท่าที่ต้องการได้จากแหล่งข้อมูลอื่นๆ หากเป็นความรู้ที่ได้มาจากวิทยาศาสตร์ทางจิต จำเป็นต้องให้เครดิตกับ “ชาวแอตแลนตีส” ก่อนเมื่อประมาณ 13,000 ปี ล่วงมาแล้ว มหาอาณาจักรแอตแลนตีส เป็นศูนย์รวมของสรรพวิทยาการและอารยธรรมในยุคนั้น เรียกกันว่า “ยุคพีระมิด” เนื่องจากใช้พลังของพีระมิดเป็นพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ทางจิต พลังจิต การสื่อสาร การเดินทาง การรักษาโรค การคำนวณบอกเวลาทางดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 (ปฏิทินดาราศาสตร์) วิวัฒนาการด้านพลังงาน พลังจิต ได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้จากชาวดาวอังคาร จนสามารถก้าวไปถึงลำดับสุดท้าย คือการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสง และการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ วิวัฒนาการด้านพลังงานมีด้วยกัน 7 ระดับ คือ 1. ความร้อน 2. แสง 3. เสียง 4. แม่เหล็กไฟฟ้า 5. ปรมาณู 6. เส้นแสง 7. การเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ

    1 เดือนล่วงหน้าก่อนการล่มสลายของมหาอาณาจักร มีนักบวชรูปหนึ่ง เป็นนักบวชในพระพุทธศาสนา ยุคที่เหลือแต่พระธรรมคำสอน ของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ก่อนพระสมณโคดมของยุคนี้) นักบวชเป็นผู้มีความสามารถมาก มีพลังจิตสูง รู้อดีต อนาคต จึงได้รู้ถึงเวลาของการล่มสลายและยุบตัวจมลงในมหาสมุทรของมหาอาณาจักร ที่จะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือน จากสาเหตุการใช้ “อาวุธแสง” ทำสงครามทำลายล้างแผ่นดินคู่อริ นักบวชได้ชักชวนและอพยพบุคคลที่เชื่อพาลงเรือ เดินทางร่วม 1 เดือนพ้นออกมาจากการยุบตัวของทวีปขึ้นฝั่งที่แถบลุ่มแม่น้ำไนล์ ประเทศอียิปต์ในปัจจุบันนี้ นักบวชได้บอกไว้อีกว่า “แผ่นดินมหาอาณาจักรแอตแลนตีสนี้จะคืนกลับอีกครั้งในรอบ 13,000 ปีข้างหน้า จะเป็นแผ่นดินที่สมบูรณ์ด้วยทรัพยากรและจิตวิญญาณของมนุษย์” พร้อมทั้งยืนยันสัจจวาจาในครั้งนั้น

    โดยใช้พลังจิตและความช่วยเหลือจากชาวดาวอังคาร สร้างสัญลักษณ์ สฟิงซ์ (Sphinx) ขึ้น ด้วยวิธีของการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็นวัตถุ เพื่อเคลื่อนย้ายหินขนาดใหญ่ทำเป็นรูปสิงห์หมอบ มีใบหน้าเป็นชาวดาวอังคาร จัดวางไว้ในแนวทิศตะวันออก ตะวันตก มีพลังมโนธาตุสำหรับสร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์

    การสร้างสฟิงซ์มีจุดมุ่งหมายสำคัญ 3 อย่าง

    1. เป็นสัญลักษณ์แทนคำมั่นสัญญาของนักบวชที่ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุที่ได้สร้างไว้ในอดีต

    2. จมูกสฟิงซ์เป็นแหล่งของพลังกระแสลมปราณ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการหายใจของชาวดาวอังคารในยามที่แวะเวียนมาเยือนโลกของเรา แต่ในที่สุดจมูกถูกอาวุธสงครามทำลายแตกหักจนจมูกตัน ชาวดาวอังคารจึงค่อนข้างลำบากเมื่อมาท่องโลก

    3. เมื่อถึงเวลาครบรอบของการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดเข้าสู่อิทธิพลของอีกกาแลคซี่ ผู้กลับมาทำหน้าที่จะใช้เท้าขวาเหยียบลงบนเท้าหน้าขวาของสฟิงซ์ เกิดการขับเคลื่อนของพลังมโนธาตุและกระแสลมปราณม้วนหมุนเป็นเกลียวเข้าสู่ศูนย์กลาง สร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่ มีขั้วโลกอยู่ในแนวทิศตะวันออกและตะวันตก นักบวชรูปนั้น มีนามว่า รต (อ่านว่า ระตะ)

    นับเป็นเวลาหลายพันปีที่อารยธรรมแอตแลนตีสได้ถ่ายทอดสู่อนุชนรุ่นหลัง แตกแยกออกเป็นหลายเผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ แยกกระจัดกระจายออกจากลุ่มแม่น้ำไนล์ไปทั่วทุกส่วนของโลก พร้อมกับนำความรู้ของแอตแลนตีสเผยแพร่อย่างกว้างขวาง เช่นการทำมัมมี่ เคล็ดลับของการมีอายุยืน พลังพีระมิด รวมทั้งหลักการคำนวณของดวงดาวและกาแลคซี่ทั้ง 3 เป็นปฏิทินดาราศาสตร์ที่อธิบายถึงการสับเปลี่ยนแรงดึงดูดที่มีอิทธิพลต่อโลกและระบบสุริยจักรวาลในช่วง 26,000 ปี

    [​IMG]

    ชาวมายา (มายัน) เป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งที่สืบเชื้อสายและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเผยแพร่อารยธรรมแอตแลนตีสสู่สายตาชาวโลกเป็นหลักฐานที่มีชีวิต บ่งบอกยืนยันว่า “แอตแลนตีส” มีอยู่จริง มิใช่เป็นเพียงตำนานเล่าขาน ชาวมายาจึงได้สร้างปฏิทินดาราศาสตร์ขึ้นด้วยเสาหิน แท่งหินขนาดใหญ่จำนวนหลายร้อยแท่งจัดวางเป็นวงกลมซ้อนกันอยู่ 3 วง และวิธีการสร้างเป็นวิธีเดียวกับการสร้างสฟิงซ์ คือเป็นผลงานของมนุษย์ผู้มีพลังจิตสูงร่วมมือกับชาวดาวอังคารในการเปลี่ยนหินแท่งใหญ่ที่มีน้ำหนักมากกว่า 1 ตัน ให้เป็นพลังงานแสงก่อนแล้วเคลื่อนย้ายนำไปจัดวางในที่ที่ต้องการ และใช้พลังจิต เปลี่ยนพลังงานแสงคืนเป็นแท่งหินแท่งใหญ่อีกครั้งสโตนเฮนจ์ เป็นสัญลักษณ์ที่มีอายุประมาณ 5,000-6,000 ปี ใกล้เคียงกับยุคมหาพีระมิดของประเทศอียิปต์ ศาสตร์พีระมิดของชาวอียิปต์ เป็นตัวแทนของชาวแอตแลนตีสในการถ่ายทอดพลังของพีระมิดในศาสตร์การทำมัมมี่ทำสถานที่เก็บศพ เคล็ดลับการมีอายุยืน ยารักษาโรค ฯลฯ ตลอดจนปลูกฝังความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตายที่แสนงดงาม ในขณะที่สโตนเฮนจ์ของชาวมายาสร้างขึ้นเพื่อเตือนภัยแก่ชาวโลก เมื่อถึงวาระการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดของแต่ละกาแลคซี่ ในรอบ 13,000 ปี

    [​IMG] [​IMG]
    [​IMG]

    พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ได้ไขปริศนาและอ่านความลับจากการจัดวางเสาหินเป็นวงกลม 3 วงไว้ดังนี้

    เสาหินวงนอก เป็นวงกลมขนาดใหญ่ มีเส้นรอบวงกว้างโอบล้อมครอบคลุมวงกลมเล็กอีก 2 วงหมายถึง กาแลคซี่อันโดรเมดา (Andromeda Galaxy) พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่สะเทิน เพราะมีทั้งพลังงานเบา ดี และพลังงานหนัก มีขนาดใหญ่มาก เหมือนแผ่อาณาเขตปกป้องควบคุมไว้ทั้งกาแลคซี่ทางช้างเผือกและกาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    เสาหินวงกลาง หมายถึง กาแลคซี่ทางช้างเผือก (Milky Way Galaxy) เป็นกาแลคซี่ที่ดึงดูดระบบสุริยจักรวาลของเราไว้ในขณะนี้ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ พระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่หนัก เพราะพลังงานแรงดึงดูดที่เรียกว่าพลังงานแม่เหล็กโลกกำลังให้โทษอย่างรุนแรง และจะนำไปสู่การพลิกเพื่อเปลี่ยนแกนพลังงานโลกใหม่เข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอีกครั้ง เมื่อครบวาระ 13,000 ปี

    เสาหินวงใน หมายถึงกาแลคซี่ไตรแองกุลัม (Triangulum Galaxy) มีขนาดเล็กกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกพระอาจารย์เรียกกาแลคซี่นี้ว่า กาแลคซี่เบา เพราะเต็มไปด้วยพลังงานดี เบา ขาวนวล เหลืองสบาย เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์ และกำลังส่งอิทธิพลค่อยๆดึงโลก และระบบสุริยจักรวาลไปทางทิศตะวันออกทีละน้อยๆจนกว่าจะถึงวาระแกนโลกพลิกอีกครั้ง โลกและระบบสุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมอย่างสมบูรณ์ไปอีกประมาณ 13,000 ปี

    ฉะนั้นในช่วงระยะเวลา 26,000 ปี สุริยจักรวาลจะตกอยู่ภายใต้แรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือก 13,000 ปี และอีก 13,000 ปีจะสลับมาอยู่ในอิทธิพลของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม ดังนั้นเราคงพอจะรู้เหตุผลอย่างชัดเจนแล้วว่าการที่ขั้วโลกเหนือไม่ชี้ตรงไปทางทิศเหนือเสียทีเดียว ตามอิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ทางช้างเผือกแต่กลับตั้งเอียงไปทางทิศตะวันออก องศาเพราะต้านแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัมไม่ได้ การมีแรงดึงดูดระหว่าง 2 แรงที่แตกต่างคือมากกว่าและน้อยกว่าทำให้กาแลคซี่ทางช้างเผือกส่งแรงดึงดูดมายังโลกเราในลักษณะดึงเข้าและผลักออกเข้าหาศูนย์กลาง เป็นแรงยืดและแรงหด ในขณะที่กาแลคซี่ไตรแองกุลัม

    ตั้งอยู่ทางขวามือตรงกับทิศตะวันออก แรงดึงดูดที่ส่งมาจึงเกิดขึ้นเป็นแรงรับและแรงเหวี่ยง คือเหวี่ยงซ้าย-ขวา ผลจากการรับแรงกระทบแรงดึงดูดจากทั้งสองกาแลคซี่เป็นสาเหตุทำให้โลกของเรากำเนิดสิ่งมีชีวิตที่มีขันธ์ ครบ 5 ขันธ์ (รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) และตั้งชื่อเรียกว่า “มนุษย์” ซึ่งมีความแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงอื่นที่อาจจะมีขันธ์เพียง 4 ขันธ์ เพราะขาดตัว “รูป” พวกเขาจึงมีลักษณะเป็นเพียงพลังงานท่องเที่ยวไปได้ทั่วจักรวาลและใช้พลังจิตเพื่อสร้าง “รูป” ขึ้นมาบ้างในบางครั้ง

    ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ. 2552 เป็นต้นมา ทั้งแรงดึงเข้า-แรงผลักออก และแรงรับ-แรงเหวี่ยง จากทั้งสองกาแลคซี่เริ่มผิดปกติ คือมนุษย์แทบจะไม่รู้สึกถึงการกระทบของแรงเนื่องจากความหนาแน่นของพลังงานแม่เหล็กโลกที่ถมลงในโลกได้มาถึงจุดอันตราย ทำให้เกิดสภาพนิ่งเหมือนหยุดหมุน เป็นเหตุให้เชื้อไวรัสแบคทีเรีย ธรรมดาๆ กลับมาระบาดอีกครั้งพร้อมกับการกลายพันธุ์ ซึ่งภาวะนิ่งแบบนี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2552

    สฟิงซ์ สื่อความหมายบอกสถานที่ที่ถูกกำหนดให้เป็นจุดสร้างแกนพลังงานโลกใหม่

    สโตนเฮนจ์ บอกถึงกำหนดเวลาการเปลี่ยนขั้วอำนาจของแรงดึงดูดที่มีต่อโลกและระบบสุริยจักรวาล

    ระบบวงโคจรของโลกและสุริยจักรวาลจะยังคงเคลื่อนที่ผิดปกติต่อไปอีก ถูกพลังงานแม่เหล็กโลกดึงเข้าใกล้ขอบกาแลคซี่ทางช้างเผือกทางทิศตะวันออกมากยิ่งขึ้น (ในอดีตเคยถูกดึงเข้าใกล้ทางทิศเหนือมาก่อน) เป็นสิ่งบ่งชี้ว่า พลังงานแม่เหล็กโลกกำลังอัดแน่นเพิ่มมากขึ้นๆ ทางทิศตะวันออก และเมื่อความหนาแน่นทวีขึ้นจนถึงอัตราสูงสุดจะเกิดการรีดตัวเป็นเส้นตรง พุ่งออกจากกาแลคซี่ทางช้างเผือกไปทางทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือตรงเข้าหากาแลคซี่อันโดรเมดา

    แต่เนื่องจากกาแลคซี่อันโดรเมดามีขนาดใหญ่กว่ามาก จึงมีพลังแรงดึงดูดมากกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกเป็นหลายพันเท่า พลังงานแม่เหล็กโลกจึงถูกอัด เด้งกลับคืนเข้าสู่ระบบสุริยจักรวาลและกาแลคซี่ทางช้างเผือก ซึ่งการเสียดสีของพลังงานจากทั้ง 2 กาแลคซี่ในครั้งนี้ จะทำให้แสงสว่างวาบขึ้น มองเห็นได้ทั่วจักรวาล ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน มนุษย์ในโลกจะเห็นแสงนี้ปรากฏขึ้นทันทีทันใด แบบที่ไม่ต้องตั้งตาคอย เป็น “แสงที่วาบ” อย่างรวดเร็ว เหมือนละครปิดฉากและผ้าม่านเวทีถูกดึงปิดทันที

    จากนั้นจะเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและพลังงานของโลก สุริยจักรวาลครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งเหมือนกับที่มหาอาณาจักรแอตแลนตีสเคยประสบมาแล้วเมื่อ 13,000 ปีที่ผ่านมา แต่ในครั้งนี้เป็นการวนครบรอบเปลี่ยนเข้าสู่อิทธิพลแรงดึงดูดของกาแลคซี่ไตรแองกุลัม เป็นเวลาอีกประมาณ 13,000 ปี และถ้าหากปรากฏการณ์เหล่านี้ได้เกิดขึ้นจริง โลกของเราจะมีทั้งแกนสสารและแกนพลังงานโลกใหม่

    โดยมีขั้วโลกตั้งอยู่ ณ จุดที่ตั้งของสฟิงซ์ มีการเปลี่ยนที่กันระหว่างพื้นดิน 1 ส่วน กับพื้นน้ำ 3 ส่วนทั่วโลก มหาสมุทรแอตแลนติกคงมีโอกาสคืนกลับมาเป็นผืนแผ่นดินกว้างใหญ่อีกครั้ง เทือกเขาหิมาลัยอาจจะลดต่ำลงมาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ของทวีปเอเชีย (เปลี่ยนแผนที่โลกใหม่) กล่าวโดยรวมคือช่วงเวลา 13,000 ปีครั้งนี้จะเป็นยุคทองของทรัพยากรธรรมชาติและจิตวิญญาณของมนุษย์ นักบวชรูปนั้น ได้ทำหน้าที่ของท่านเรียบร้อยแล้ว

    ภาพแสดงถึงกาแลคซี่ทั้ง 3 ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นภาพที่ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ใช้ “จิต” ศึกษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. คิดดีจัง

    คิดดีจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,626
    ค่าพลัง:
    +5,353
    อนุโมทนาครับ

    ได้ความรู้มากเลยครับ

    พระอาจารย์บรรยายเมื่อวานหน้าฟังมากเลยครับ

    กำลังรอฟังอีกรอบครับ
     
  3. Mr.Boy_jakkrit

    Mr.Boy_jakkrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    2,063
    ค่าพลัง:
    +2,676
    นี่แหละสาเหตุหนึ่งของอาการปวดหัวและเครียดโดยไม่รู้สาเหตุในระยะนี้
     
  4. ไห่เฉากุหลาบไฟ

    ไห่เฉากุหลาบไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    896
    ค่าพลัง:
    +2,177
    เปลี่ยนแสงให้เป็นวัตถุ น่าสนใจเรื่องนี้:cool:
     
  5. WindowsA2M

    WindowsA2M เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    26
    ค่าพลัง:
    +116
    ขออนุโมทนาบุญด้วยคนนะคะ ขอบคุณสำหรับความรู้มากๆเลยค่ะ น่าสนใจมากๆ
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข่าวดี ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 นี้.....

    สำหรับท่านที่ไม่ได้เข้าร่วมฟังการบรรยายของพระอาจารย์รัตน์ ในงานสัมนาครั้งนี้ ท่านพระอาจารย์รัตน์ได้ฝากบอกข่าวดีมาว่าในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 ที่กำลังจะถึงนี้

    ให้ทุกท่านหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กำหนดจิตไปที่สฟิงซ์ที่ประเทศอียิป พลังงานจากจักรวาลจากตัวสฟิงซ์ จะหมุนเข้ามาสู่ตัวท่าน เพื่อชำระล้างสารพิษ และมลพิษต่างๆ ในร่างกายของท่านลงสู่พื้นดิน ทำให้ร่างกายของท่านฟื้นคืนสภาพกลับมาสมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้ง และจะเป็นการไปช่วยสกัดกั้นความรุนแรงของภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น จากการเปลี่ยนแปลงพลังงานของจักรวาลให้บรรเทาเบาบางลงตามไปด้วยครับ
     
  7. ปู่ผอม

    ปู่ผอม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +7
    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    นัดเวลาในประเทศไทยดีไหมครับ จะได้พร้อมกันทั่วประเทศ พลังน่าจะสูงกว่า
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การเปลี่ยนวัตถุให้เป็นแสง

    [​IMG]

    พระอาจารย์รัตน์ บอกว่าเรื่องการเปลี่ยนวัตถุให้เป็นแสง และการเปลี่ยนแสงให้กลับมาเป็นวัตถุนี้ คนไทยเราก็ทำได้มานานแล้ว นั่นก็คือการใช้พลังจิตในการเสกหนังควายเข้าท้องคน ซึ่งเป็นการใช้พลังจิตไปในทางที่ไม่ดี และจะเป็นการสร้างเวรกรรมให้กับตนเองไปอีกอย่างยาวนาน จึงไม่สมควรกระทำอย่างเด็ดขาด

    พระอาจารย์รัตน์ บอกว่าชาวอียิปโบราณใช้วิธีร่วมกันสวดมนต์ เพ่งพลังจิตไปที่ก้อนหินเพื่อเปลี่ยนสภาพของก้อนหินนั้นให้เป็นพลังงานแสง แล้วใช้พลังจิตยกเอาพลังงานแสงนั้นกลับเป็นวัตถุก้อนหินไปวางเรียงตัวกันเป็นปิรามิดที่ประเทศอียิปครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2010
  9. เซี่ยมหล่อนั๊ง

    เซี่ยมหล่อนั๊ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    439
    ค่าพลัง:
    +665
    คำถามนี้ฝากไว้ แต่ไม่ได้อ่านในงาน เห็นด้วยที่จะนัดเวลาให้พร้อมกัน เพราะรวมพลังหมู่ ย่อมได้พลังมากเป็นเท่าทวีคูณ นัดเวลาพร้อมกันดีไม๊ ครับ
     
  10. ณัฐธยาน์12

    ณัฐธยาน์12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    263
    ค่าพลัง:
    +612
    เวลา ประมาณกี่โมงคะ อยากทราบคะ
     
  11. Ronrit

    Ronrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +167
    เท่าที่ผมทราบมา กาแลคซี่ทางช้างเผือก กับ กาแลคซี่แองโดรเมด้ามีขนาดพอๆกันนะครับ จากข้อมูลยังบอกว่า แองโดรเมด้ามีมวลน้อยกว่ากาแลคซี่ทางช้างเผือกอีกด้วย ไม่น่าจะมีผลกระทบกับแรงดึงดูดระหว่างกันขนาดนั้นนะครับผม

    A 2009 study concluded that Andromeda and the Milky Way are about equal in mass. Mass estimates for the Andromeda halo (including dark matter) give a value of approximately 1.23×10<SUP>12</SUP> M<SUB></SUB><SUP id=cite_ref-30 class=reference>[31]</SUP> (or 1.2 million million solar masses) compared to 1.9×10<SUP>12</SUP> M<SUB></SUB> for the Milky Way. Thus M31 may be less massive than our own galaxy, although the error range is still too large to say for certain. Even so, the masses of the Milky Way and M31 are comparable, and M31's spheroid actually has a higher stellar density than that of the Milky Way.<SUP id=cite_ref-31 class=reference></SUP>
    Andromeda Galaxy

    <!-- /firstHeading --><!-- bodyContent --><!-- tagline -->From Wikipedia
     
  12. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    พระอาจารย์ท่านบอกว่า ชาวอแตแลนติสเกี่ยวพันกับชาวอียิปต์ ในสายวิชาพลังจักรวาลก็พูดเรื่องนี้เหมือนกัน

    อีกเรื่องคือพลังปิรามิด ที่พระอาจารย์ท่านค้นคว้าอยู่ ทาง ดร. อาจอง ก็บอกว่า เคยให้นิสิตวิศวกรรมไฟฟ้า ที่ท่านเคยสอน ทดลองเรื่องนี้ และได้ผลที่น่าแปลกใจ


    [​IMG]


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 ธันวาคม 2010
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    พระอาจารย์รัตน์ ท่านบอกแต่เพียงว่าให้กำหนดจิตไปที่ตัวสฟิงซ์ ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 เท่านั้นครับ แต่ไม่ได้บอกเวลากี่โมง ตามความคิดของผมคิดว่าคงจะเป็นเวลาไหนก็ได้ ตามแต่ที่เราจะสะดวกในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 ครับ
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]


    ภาพของกาแลคซี่แองโดรเมด้า ที่กล้องดูดาวของนักวิทยาศาสตร์มองเห็น อาจจะเป็นเหมือนภาพภูเขาน้ำแข็ง ตามภาพข้างบนนี้ก็ได้นะครับ เพราะยังมีส่วนที่กล้องดูดาวยังมองไม่เห็นอีกมากครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. หยก พัทยา

    หยก พัทยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +158
    วิธีของการเปลี่ยนวัตถุเป็นแสงและการเปลี่ยนแสงเป็น วัตถุ เพื่อเคลื่อนย้ายหินขนาดใหญ่ทำเป็นรูปสิงห์หมอบ มีใบหน้าเป็นชาวดาวอังคาร จัดวางไว้ในแนวทิศตะวันออก ตะวันตก มีพลังมโนธาตุสำหรับสร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่อยู่ที่เท้าหน้าขวาของสฟิงซ์
    สาธุ อนุโมทนาบุญ กับความรู้ใหม่ที่ได้รับครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. สงบระงับ

    สงบระงับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    660
    ค่าพลัง:
    +2,919
    3. เมื่อถึงเวลาครบรอบของการเปลี่ยนแปลงแรงดึงดูดเข้าสู่อิทธิพลของอีกกาแลคซี่ ผู้กลับมาทำหน้าที่จะใช้เท้าขวาเหยียบลงบนเท้าหน้าขวาของสฟิงซ์ เกิดการขับเคลื่อนของพลังมโนธาตุและกระแสลมปราณม้วนหมุนเป็นเกลียวเข้าสู่ศูนย์กลาง สร้างเป็นแกนพลังงานโลกใหม่ มีขั้วโลกอยู่ในแนวทิศตะวันออกและตะวันตก นักบวชรูปนั้น มีนามว่า รต (อ่านว่า ระตะ)
    ภาพแสดงถึงกาแลคซี่ทั้ง 3 ที่มีอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นภาพที่ พระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ ใช้ “จิต” ศึกษา

    [​IMG]

     
  17. beverzone

    beverzone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    589
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +2,174
    ใช่ครับมันน่าจะเป็นพวกสสารมืดซ่อนอยู่อีกมากมาย

    ขอบคุณสำหรับข่าวสฟิงซ์นี้มากครับ
     
  18. Heartbull

    Heartbull สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +2
    สาธุ อนุโมทนาบุญ กับความรู้ใหม่ที่ได้รับครับ
     
  19. Aqua-ma-rine

    Aqua-ma-rine เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2008
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,242
    มีคนตั้งข้อสังเกตเรื่องสฟิงซ์ว่า จากการคำนวณอายุของหินที่ใช้สร้างสฟิงซ์ด้วยคาร์บอน 14 บอกว่า สฟิงซ์อายุเกือบหมื่นปี แต่ประวัติศาสตร์ชนชาติอียิปต์ บอกว่า ชนชาตินี้มีอายุสี่พันกว่าปี

    แล้วใครที่สร้างสฟิงซ์กันแน่

    ภาพนี้ถ่ายสฟิงซ์ด้านหลัง

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    [​IMG]
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Khundeaw [​IMG]
    มีเวลาหรือเปล่าหรือได้ทั้งวันในวันที่ 2 ม.ค. 54 นี้
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ได้ทั้งวัน ในวันที่ 2 มกราคม พ.ศ.2554 นี้ครับ<!-- google_ad_section_end -->
     

แชร์หน้านี้

Loading...