หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย lekpluto, 17 พฤษภาคม 2010.

  1. KHAjit

    KHAjit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +941
    สอบถามเหรียญหลวงปู่หน่อยครับผมไม่ทราบรุ่นไหนครับขออภัยครับผมถ่ายไม่ชัดเท่าไหร่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1060545.JPG
      P1060545.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      329
    • P1060546.JPG
      P1060546.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.1 MB
      เปิดดู:
      299
  2. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ใบนี้ไม่ปลอมครับ และท่านก็อนุญาตจริงๆ เนื่องจากคณะผู้สร้างอ้างว่า ทำเพื่อนำเงินมาถวายวัด แต่การอนุญาตท่านบอกว่า ให้ไปสร้างที่อื่น ปลุกเสกที่อื่น และจำหน่ายที่อื่น ทางวัดไม่รับรู้ ไม่รับดำเนินการใดๆ ในการจัดสร้าง หรือจำหน่ายวัตถุมงคล แม้แต่ในวัดก็ตาม เมื่อผู้สร้างรับปากมั่นเหมาะว่า จะสร้างและนำไปปลุกเสกที่วัดบวรฯ ตอนต้นเดือนตุลาคม ท่านก็ลงนามให้ แต่ท่านพลาดตรงที่ ไว้เนื้อเชื่อใจในคำพูดที่รับปากของผู้สร้าง เลยลงนามไปโดยไม่ได้อ่าน หรือระบุในรายละเอียดที่พูดตกลงกันไว้ ท่านเป็นพระชาวบ้าน ที่ไม่เก่งในเรื่องหนังสือมากนัก พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น จึงไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนพวกนี้

    เรื่องนี้ ผมไม่ได้แก้ตัวแทนท่านนะครับ แต่ท่านได้กล่าวอย่างชัดเจนถึงที่มาที่ไปของหนังสือฉบับนี้ ตอนนี้ภาพการประชุมทั้งสองฝ่าย ถูกบันทึกเป็นวีดีโอ.เอาไว้โดยหมู่เอก และทางฝ่ายผู้สร้าง ที่ยอมรับผิดทุกอย่าง ยอมแม้จะลงโฆษณาขอโทษทางวัด ที่ทำให้ศิษย์หลวงพ่ออุ้นเข้าใจผิด ว่าวัดจัดสร้าง วัดอนุญาต และยอมให้ปลุกเสกในวัด ในหนังสือพระเครื่อง แต่ทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้ดำเนินการตามที่ตกลงกันในที่ประชุม พวกนี้ขอรัองหมู่เอกที่บันทึกภาพวีดีโอ.เอาไว้ ไม่ให้นำมาเผยแพร่แก่สาธารณชน ซึ่งหมู่เอกก็รับปากโดยดี ไม่งั้นป่านนี้ถูกนำมาเผยแพร่ให้รู้ดำรู้แดงไปแล้ว แต่ก็นั่นแหละครับ ไฟล์ภาพวีดีโอ.ที่ว่า ไม่ได้มีแต่เฉพาะหมู่เอกเท่านั้น คนอื่นที่ขอหมู่เอกไปก็มี ซึ่งเขาเหล่านี้จะนำมาเผยแพร่เมื่อไรก็ได้ ไม่เกี่ยวกับสัจจะวาจาที่หมู่เอกได้ลั่นไว้ ให้เสียศักดิ์ศรีชายชาติทหาร ผมเองก็ยังขอหมู่เอกไว้เหมือนกัน กำลังส่งมาที่อเมริกา เรื่องนี้ หมู่เอกมีสิทธิที่จะให้ไฟล์ใครก็ได้ ที่อยากรู้ความจริง เพราะหมู่เอกไม่ได้รับปาก หรือบอกว่า จะไม่ให้ไฟล์นี้แก่ผู้ใดนี่ครับ และทางผู้สร้างก็ไม่ได้ร้องขอด้วย จึงเป็นสิทธิส่วนบุคคลของหมู่เอกที่จะให้ใครก็ได้ ตามที่เห็นสมควร โดยเฉพาะผม ซึ่งเป็นสื่อที่เผยแพร่เรื่องราวความจริงทั้งหมดที่ทราบมา ให้แก่สาธารณชนได้ทราบ ทั้งทางเวปไซด์ และหนังสือพิมพ์ไทยในอเมริกา

    สังเกตดูดีๆ นะครับ ในหนังสืออนุญาต ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ ในการจัดสร้าง วันเวลาการปลุกเสกแม้แต่น้อย ซึ่งมันผิดหลักการให้อนุญาตของทางวัดโดยทั่วไป ที่ต้องระบุว่า ให้สร้างอะไรบ้าง สร้างเท่าไร ปลุกเสกเมื่อไร และอีกอย่างหนึ่ง องค์หลวงพ่ออุ้นเท่านั้น ที่ท่านมีสิทธิอนุญาตว่าจะให้สร้างหรือไม่ เพราะวัตถุมงคลของท่าน ท่านควรจะเป็นผู้อนุญาต และปลุกเสก เหมือนพระเกจิอาจารย์องค์อื่น ๆ ทุกวัด เมื่อท่านอนุญาต ท่านต้องปลุกเสก เว้นแต่ท่านมรณภาพไปแล้ว ท่านคงอนุญาต หรือปลุกเสกไม่ได้

    แต่กลุ่มผู้สร้างกลุ่มนี้ ถือโอกาสตอนที่หลวงพ่ออุ้นอาพาธหนัก อนุญาตไม่ได้ ปลุกเสกไม่ได้ สร้างความคลุมเคลือแก่ผู้ไม่รู้ความจริง ไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง โดยเฉพาะ นักสะสมรุ่นหลังๆ ในอนาคต หลังจากหลวงพ่อมรณภาพแล้ว อาจจะหลงเข้าใจผิดคิดว่า รุ่นนี้ทันหลวงพ่อ หลวงพ่อต้องปลุกเสก แล้วอย่างนี้ ผลเสียจริงๆ จะตกอยู่กับผู้เข้าใจผิด ผลได้จริงๆ ตกอยู่กับผู้สร้าง แม้วันนี้ไม่ได้ ในวันหน้า พวกนี้ก็จะถอนทุนคืนได้ ของเหล่านี้ ไม่เน่าไม่บูดนี่ครับ

    คม ชัด ลึก ไหมครับ สำหรับคำตอบของผม สงสัย ข้องใจอะไร ถามมาได้เลยครับ ความจริงก็คือความจริง ย่อมหนีความจริงไม่พ้น
     
  3. merque

    merque เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +563
    ชัดเจนคับ สงสัยงานนี้ต้องรอดูคลิปจากอาจารย์ซะแล้วคับ แหมมันเป็นซะอย่างนี้น่าจะเปิดให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยคับ ลูกศิษย์ลูกหารุ่นนี้ และอนาคตจะได้รับรู้กันทุกคนคับ
     
  4. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    สุดยอดเลยครับ มีคนเขาอยากหาพิมพ์ใหญ่ แต่สำหรับผม พิมพ์เล็กยังหาไม่ได้เลย ถ้ามีสององค์ แบ่งกันสักองค์นะครับ หรือจะแลกอะไรกันก็ได้ ตามความพอใจทั้งสองฝ่าย ฝากข้อความส่วนตัวมาได้ทุกเวลา พร้อมอีเมล์ หรือเบอร์โทร.ครับ
     
  5. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ประมาณวันที่ ๑๔-๑๕ หมู่เอกจะฝากแผ่นวีดีโอ บันทึกการประชุมทั้งสองฝ่ายมาให้ผม ผ่านทางลูกศิษย์ของผมที่เดินทางไปเมืองไทยในขณะนี้ แล้วถ้าถึงคราวจำเป็น หรือผมเห็นควรที่จะเผยแพร่ต่อสาธารณชน ผมก็จะนำไปลงในยูทูป หรือ ยาฮู อดใจรอนะครับ แต่ตอนนี้ ใครที่เสียเงินสั่งจองเอาไว้ ยังไม่สายที่จะรีบไปขอคืนยอดจอง และเอาเงินคืน ระวังนะครับ ปล่อยให้เนิ่นนานไป อ้อยเข้าปากช้าง มันยากที่จะง้างเอาคืนออกมา แล้วจะหาว่าไม่เตือน
     
  6. merque

    merque เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +563
    เอาลงมะไหร่อย่าลืมลิงค์มานะคับ จะได้ช่วยกันเผยแพร่คับ อดใจรอคับบบบบบบ
     
  7. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    เป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ รุ่น ๓ นั่งเต็มองค์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๓ เนื้อทองคำ ๕ เหรียญ เนื้อเงิน ๕ เหรียญ เนื้อเงินลงยา ๔ เหรียญ เหรียญนวะโลหะ ๓๕๑ เหรียญ และ เนื้อทองแดง ๗,๘๐๐ เหรียญ ทุกเนื้อตอกโค๊ด สำหรับเนื้อทองแดง ตอกโค๊ดตัว อ.ด้านหลัง อ้อ ยังมีเหรียญเนื้อทองแดงลงยา ๖ เหรียญ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. KHAjit

    KHAjit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +941
    ขอบพระคุณครับอาจารย์ เล็ก มากครับ ที่ให้ข้อมูลผมจะได้สบายใจว่าหลวงปู่เสกแน่นอนจะได้เอาไปเลี่ยมติดตัวครับ สอบถามนิดครับอาจารย์ เนื้อเงินลงยาราคาประมาณเท่าไหร่ครับ อยากได้ไว้บูชาเหรียญหลวงปู่เต็มองค์นะครับ
     
  9. Agri_07

    Agri_07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,000
    ค่าพลัง:
    +1,250
    ขอบคุณครับท่านอาจารย์เล็ก ผมมีท่านอยู่องค์เดียว แบ่งบูชามาจากเพื่อนผม
    ขนาดพิมพ์เล็กผมว่า ขนาดองค์ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไป ผมตั้งใจลงเผยแผ่บารมี
    หลวงพ่ออุ้น เพื่อให้ทุกท่านได้ชม ไว้เป็นข้อมูลและแนวทางครับ (smile)(smile)(smile)
     
  10. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    คงไม่มีใครปล่อยหรอกครับ เพราะของดีมีน้อยจริงๆ ผมเองก็ชอบเหรียญหลวงพ่อแบบเต็มองค์ มีอีกรุ่นหนึ่ง คือ เหรียญอรหังน่ะครับ ผมเก็บเนื้อทองแดงรมดำไว้หลายเหรียญ แต่เนื้อเงินน่ะ หาเก็บเหมือนกัน ไม่มีใครออกตัวซักคน หรือใครมี อยากออกตัว เชิญแจ้งผมมาได้นะครับ สวยถูกใจ สู้ราคาครับ
     
  11. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ได้ทันไปกราบหลวงพ่ออุ้น ที่วัดท่านสองหน และเจอตามงานเสกพระวัดอื่น ท่านเมตตามากๆครับ ได้ฟังท่านคุยแล้วได้ความรู้และสนุกไปด้วย พระผงของท่านดีทางเมตตา ผมมีทั้งพระผงและเหรียญท่าน แค่นี้ก็พึงพอใจแล้ว แม้จะไม่มากนักก็ตาม
     
  12. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    พระของท่านทุกรุ่น ทุกแบบ ดีเด่น และมีพุทธคุณทุกด้าน เมตตา แคล้วคลาด มหาอำนาจ คงกระพัน มหาอุด ลาภผล ไม่ได้เชียร์ เพราะเชียร์ไปก็ไม่มีของจะแบ่งให้บูชา อยากได้ตอนนี้ต้องไปที่วัด หรือบูชาจากวัดโดยตรง ชัวร์ที่สุด ค่าบูชาตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหลักหมื่น นี่ถ้าผมไม่ติดที่จะเอาเงินไปลงทุนทำหนังสือ ป่านนี้เหรียญรุ่นแรก เนื้อนวะ (ตอนนี้ทางวัดตั้งไว้ ๖๐,๐๐๐ บาท) โดนผมบุกไปแล้ว ช่างเถอะครับ ถ้ามีวาสนา สักวันคงได้ดังใจ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. จงอาง

    จงอาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    2,537
    ค่าพลัง:
    +7,799
    สวัสดี ครับ อ.เล็ก

    ดีใจที่ อ.เล็ก เข้ามาโพสบ่อยขึ้น

    ไม่เคยไปกราบพ่อท่าน แต่ได้ดูท่าน จาก U มีหลายตอน น่าจะเป็นหมู่เอกถ่าย
    สงสารท่านนะ อย่างว่าจะขัดศรัทธาลูกศิษย์ได้อย่างไร ทั้งที่ท่านสมควรพักผ่อนให้มากๆ จะได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ของชาวพุทธไปนานๆ

    อ.เล็ก ถ้าเป็นไปได้ น่าจะมีบัญชีสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายให้ท่าน โดยเฉพาะ
    พวกเราจะได้โอนให้ สะดวกและเร็วที่สุด ไม่ทราบว่ามีโอกาสเป็นไปได้ไหม

    สุดท้าย นอกรายการอีกนิด พระหลวงพ่อตัด วัดชายนา เป็นรุ่นที่กล่าวถึงหรือไม่ ขอคำชี้แนะเหมือนเดิม ขอบคุณครับ

    วพธ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2010
  14. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ผมเองไม่ใช่ศิษย์สายตรงหลวงพ่อตัด เพราะไม่ทันท่าน (อยู่เมกา มาเมืองไทยปีละครั้ง ยังไม่เคยไปที่วัดท่าน เลยไม่ได้สะสมไว้เลย) แต่ก็หาข้อมูลจากเวปไซด์ของทางวัด เข้าไปในตู้วัตถุมงคล มีให้บูชาที่วัด เหรียญทองแดง เหรียญละ ๕๐๐ บาท เนื้ออื่นๆ คงต้องโทร.ถามราคากับลูกลุงเยี่ยม

    ผมยังไม่ทราบข้อมูลการสร้างรุ่นนี้ ดังนั้น คุณต้องคิดเอาเองนะครับ ว่า ใช่ หรือ ไม่ ? ที่รุ่นนี้สร้างโดยกลุ่มนายทุน Death Teem เอาไว้เจอคนที่เขารู้เรื่องแล้วจะลองถามให้นะครับ

    ลิงค์ตู้วัตถุมงคลของทางวัดครับ

    Picasa Web Albums - pavarisa - gejimeungphet#
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 ตุลาคม 2010
  15. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    พระขุนแผนหลวงพ่ออุ้น<O:p</O:p
    นับเป็นวัตถุมงคลอีกรูปแบบหนึ่งของหลวงพ่ออุ้น ที่หลายคนมองข้ามไป ไม่ทราบเป็นเพราะมีความเข้าใจอะไรผิดๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะหลายคนที่ไม่ยอมแขวนพระขุนแผน มักจะบอกว่า ไม่เอาล่ะนะ แขวนแล้วเดี๋ยวจนแบบขุนแผน บ้างก็ว่า ไม่เอาหรอก กลัวติดคุกเหมือนขุนแผน ขังลืมถึง ๑๕ ปี เชียว
    ที่แปลกแหวกแนวกว่าเพื่อนก็คือ ไม่เด็ดขาด หัวขาดตีนเด็ดก็ไม่แขวน กลัวแม่ไอ้หนูที่บ้านตีหัวแตก หมอไม่รับเย็บ หาว่า พกขุนแผน อยากมีเมียมากหรือเจ้าชู้อย่างขุนแผนล่ะซิ น่าเห็นใจ ครับน่าเห็นใจ
    แต่สำหรับอีกหลายคนที่รู้คุณค่า และ กิตติศัพท์ของพระขุนแผน ไม่เฉพาะชายหนุ่ม และไม่หนุ่มเท่านั้น หญิงสาวยุคใหม่ไฮเทค ก็นิยมพกพาพระขุนแผนเหมือนกัน ยิ่งยุคปัจจุบัน พระขุนแผนได้พัฒนามาเป็น เครื่องรางชนิดหนึ่ง เป็นรูปขุนแผน ที่ไม่ใช่พระ ครับ ผู้สร้าง และ ผู้ปลุกเสกยืนยันหนักแน่นว่า ที่ให้บูชานี้ ไม่ใช่พระ แต่เป็นเครื่องรางของขลังชนิดหนึ่ง ก็ขืนบอกว่าเป็นพระล่ะก็ มหาเถรสมาคม และประชาชนชาวพุทธจะได้ด่ากันระงมทั่วบ้านทั่วเมือง อย่างเช่น ขุนแผนโคโยตี้ นั่นประไร
    ที่จริงแล้ว ขุนแผน ตัวเอกของตำนานพื้นบ้านเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน คงเป็นพระไปไม่ได้หรอกครับ แค่เป็นเณรถือศีล ๑๐ พี่แกยังแหกผ้าเหลือง เอาศีล ๑๐ ของเณรกองไว้กับต้นไม้ (สึกกับต้นไม้) ย่องขึ้นไปเป่ามนต์ เอานางพิมเป็นเมียซะงั้น เสร็จสมอารมณ์หมายก็บวชกับต้นไม้ เอาศีล ๑๐ ที่กองไว้คืนมาดังเดิม รุ่งเช้าออกบิณฑบาตรตามปกติอย่างหน้าตาเฉย ขืนนำมาทำเป็นรูปพระ ให้ปลุกเสกยังไงก็ปลุกเสกไม่ขึ้นเป็นแน่แท้ เพราะต้องอาบัติปราชิกตั้งแต่เป็นเณร ใครเขารู้เข้าเขาไม่ให้บวชพระหรอกครับ และก็จริงดังว่า พลายแก้ว หรือ ขุนแผน ไม่เคยบวชพระครับ
    อ้าว แล้วชื่อ พระขุนแผน มาจากไหนกันล่ะ มันต้องมีที่มาที่ไปสิครับ ล้อมวงเข้ามา กระผมจะวิสัชนาเล่าขานให้ฟังเพราะนี่คือตำนานพระเครื่องอันยิ่งใหญ่ของชาวสุพรรณบุรี เป็นที่มา และประสบการณ์อภินิหารของ พระขุนแผน กรุบ้านกร่าง ที่เลื่องลือมาจนทุกวันนี้<O:p</O:p
    ลุงพัน บ้านแกอยู่ศรีประจันต์ แต่แกมักจะตะลอนไปไม่เป็นที่ เพราะตอนหนุ่มเมื่อว่างจากนาก็จะเที่ยวได้ไปจีบสาวต่างถิ่น บางครั้งไปถึงบ้านกร่าง เพราะลุงพันแกว่า
    อ้ายหม่า พูดแล้วจะหาว่าคุย สาวบ้านกร่างน่ะเอ็งเอ๋ย งามกระไรเลย งามเหมือนเพลงหนุ่มสุพรรณฝันหวานของก้าน แก้วสุพรรณ เขาน่ะแหละ แต่หมาเอ๊ย หนุ่มบ้านกร่างซิโว๊ย มันดุชะมัด แถมยังเหนียวหนืดอีกต่างหาก ไม่ใช่เหนียวแบบไม่ยอมควักตังค์ซื้ออะไรกินนา แต่เป็นพวกเหนียวคงกระพันชาตรีน่ะ
    อ้ายหม่า เอ็งดูนี่ ถ้าข้าไม่ได้ของดีจากบ้านกร่างที่ญาติของข้าให้ไว้ล่ะก็ ไม่ได้มาคุยกับเอ็งหรอก ขมับนี่เห็นไหมล่ะ ยุบลงไปเห็น ๆ ก็จะอะไรล่ะ ไม้คันฉายน่ะซี ไม้ไผ่ตันๆ หวดเป้งลงมา ล้มทั้งยืนชักแหง็กๆ กว่าจะแก้ไขให้ฟื้นก็เล่นเอาค่อนวัน ฟื้นแล้วยังต้องหามไปให้หมอแกเอาเข็มสักเอาเลือดที่มันเสียออก ไม่งั้นเลือดมันเน่า แล้วจะแก้ไขลำบาก เลยมีเมียเป็นคนบ้านกร่าง เอามาอยู่ศรีประจันต์ ก็แก้ลำอ้ายคนที่ตีน่ะแหละ
    วันหลังไปเจอกับมันใหม่ คราวนี้ระวังตัว มึงเอ๊ย ตะพดหัวเลี่ยมของพ่อข้า เล่นกับคมแฝกของมัน คราวนี้เอาคืน หวดทัดดอกไม้ปัง มันถลา ตีซ้อนที่คางอีกโป้ง ถลาเหมือนนกปีกหัก ไปชักแหง็ก ๆ ๆ เหมือนกับที่มันเล่นทีเผลอ ได้ข่าวว่าหยอดน้ำข้าวต้มเป็นเดือน ฮะเอื๊อก ฮะเอื๊อก...
    แม้ลุงพันแกจะตายไป ๔๐ กว่าปีแล้ว ผู้เขียนก็ยังจำได้ดีถึงอานุภาพของพระขุนแผน วัดบ้านกร่าง ซึ่งตอนที่แกเล่าให้ฟัง ผู้เขียนยังเป็นเด็กๆ อยู่ แกพูดจบก็ล้วงเอาพระที่ถักลวดทองแดง เก่าคร่ำคร่า ผิวพระถูกเหงื่อไคลกัดจนถลอกปอกเปิก แกบอกว่า นี่แหละขุนแผนบ้านกร่างละอ้ายหม่า
    เมื่อเริ่มสะสมพระเครื่อง และค้นคว้าหาประวัติของพระกรุ จึงได้กระจ่างว่า พระขุนแผน ที่ลุงพัน คนศรีประจันต์แกว่า คือ พระขุนแผน ที่ออกจาก กรุวัดบ้านกร่าง ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี เป็นวัดที่อยู่ริมแม่น้ำ อันเป็นเส้นทางหลักในการสัญจรไปมาของคนยุคก่อน<O:p</O:p
    จากประวัติศาสตร์เมืองสุพรรณบุรี และกรุงศรีอยุธยา พบหลักฐานยืนยันว่า วัดบ้านกร่างเป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น และได้รับการทำนุบำรุงจนมีสภาพที่ยั่งยืนมาโดยตลอด เพราะเศรษฐีเมืองสุพรรณสมัยโน้น นิยมสร้างวัด และทำนุบำรุงวัด จนมีคำกล่าวติดปากว่า
    เป็นเศรษฐีแล้วไม่ได้สร้างวัดให้ลูกหลานไปวิ่งเล่นในลานวัด ต้องไปวิ่งเล่นในวัดของเศรษฐีคนอื่นสร้างไว้ มันน้อยหน้าเศรษฐีเมืองสุพรรณจริงๆ จึงเป็นที่ยอมรับกันว่า เมืองสุพรรณมีวัดราษฎร์มากที่สุดในประเทศไทย แต่ปัจจุบัน จังหวัดใดจะทำสถิติเกิน คงต้องไปถามสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ดูแลวัดทั่วราชอาณาจักรกันเอาเอง
    พลิกดูพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาแล้ว พบว่า ในสมัยพระนเรศวรมหาราชเป็นเจ้า ยังดำรงตำแหน่งเป็นมหาอุปราชพิษณุโลก เคยเสด็จลงมากรุงศรีอยุธยา เพื่อเฝ้าสมเด็จพระมหาธรรมราชา สมเด็จพระราชบิดา แล้วทำศึกกับพม่ามาตั้งแต่ศึกนันทบุเรงที่สุพรรณบุรี จนมาถึงศึกสุดท้ายก่อนกรุงศรีอยุธยาจะเป็นอิสระจากการยึดกุมของพม่า คือ ศึกมหาอุปราชา หรือ ศึกยุทธหัตถี<O:p</O:p
    ในสงครามยุทธหัตถีนั้น มหาอุปราชาใช้แผนน้ำป่าล้นท่วมเมือง โดยเกณฑ์กำลังทหารมาถึง ๒๐๐,๐๐๐ คน ทั้งพลเดินเท้า และกองทัพม้า กองทัพช้าง เสบียงกรัง บุกแบบสายฟ้าแลบจากด่านเจดีย์สามองค์ ทะลวงผ่านกาญจนบุรี ตรงตำบลพนมทวน แล้วตะลุยเข้าสุพรรณ ผิดจากการรบครั้งก่อน ที่พม่าจะแบ่งกำลังออกเป็น ๓ ทัพ คือ ทัพหลวง บุกจากด่านเจดีย์สามองค์ ทัพหน้าบุกจากด่านแม่ละเมาทางภาคเหนือ และทัพหนุนบุกจากด่านสิงขร ประจวบคีรีขันธ์ มาโอบล้อมกรุงศรีอยุธยา
    ด้วยพระมหาอุปราชาโดยเสด็จพระราชบิดาในราชการทัพหลายหน แต่ละหนพ่ายพระปรีชาสามารถของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชยับเยิน เพราะการเดินทัพ ๓ ทาง ยากจะให้มาประสานกันได้พร้อมเพรียง ต้องหยุดรอเสียเวลา เปลืองเสบียง สู้รวมกำลัง ๓ ทัพเข้าด้วยกัน แล้วบุกกรุงศรีอยุธยาด้วยกำลังที่เหนือกว่า น่าจะเอาชนะโดยง่าย
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีกองสอดแนมระวังด่านอยู่อย่างไม่ประมาท ประกอบกับตอนที่พระมหาอุปราชายกกองทัพมาพอดี กับที่พระองค์จัดทัพเตรียมไปตีกัมพูชาเพื่อตัดหัวพระยาละแวก เมื่อทรงสดับข่าวศึก ก็เหมือนกับพยัคฆราชได้กลิ่นคาวเลือด ทะยานออกจากกรุงศรีอยุธยามุ่งไปสุพรรณบุรีในทันที พระมหาอุปราชาตั้งค่ายอยู่ไม่ไกลจากหนองสาหร่าย อันเป็นที่ตั้งทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับสมเด็จพระอนุชา สมเด็จพระเอกาทศรถ เมื่อทั้งสองฝ่ายได้ทราบข่าวว่า กองทัพมาอยู่ใกล้กันจนสามารถประจันหน้ากันได้แล้ว พระมหาอุปราชาก็สั่งเคลื่อนพล
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงตระหนักในพระราชหฤทัยว่า กำลังทหารเป็นรอง จึงส่งกองสอดแนม นำโดยพระราชมนูไปหยั่งเชิงข้าศึก ส่วนพระองค์ซุ่มกำลังไว้สองข้างทางผ่านกองทัพพม่า และกระจายโอบไว้อีกชั้น ทรงมีรับสั่งให้พระราชมนูไปดูลาดเลา หากรบพุ่งกันให้รีบหนี ทำทีเป็นพ่ายลงมาให้ข้าศึกตกในวงล้อม แต่เอาเข้าจริงพระราชมนูเลือดเดือด ลืมรับสั่งเสียสิ้นสั่งสู้ตายถวายหัว
    สมเด็จพระนเรศวรมหาราชให้พระยาสีหราชเดโช ควบม้าไปเตือนสติพระราชมนูให้รีบถอยทัพ แต่พระราชมนูไม่ฟัง คงรบติดพันอยู่อย่างนั้น ที่สุดสมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมอบพระแสงอาญาสิทธิ์ให้พระยาสีหราชเดโชถือไป มีรับสั่งว่า หากพระราชมนูเห็นดาบอาญาสิทธิ์แล้วยังไม่ฟัง ให้ตัดหัวนำกลับมาเฝ้า
    พระยาสีหราชเดโชไปถึงพระราชมนูก็ร้องตะโกนว่า มีรับสั่งถึงพระราชมนูว่า หากไม่ถอยทัพก็ให้ตัดหัวนำไปเฝ้าแทบพระบาท ได้ยินอย่างนั้นพระราชมนูก็สั่งถอยทัพ กองทัพพม่าเห็นได้ทีก็ไล่ติดตามลงมาจนเข้ามาในกับดักของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงให้ทหารที่ซุ่มไว้ออกมาตีกระหนาบ ทหารพระราชมนูที่ถอยมาก็กลับหลังตีตะลุยบีบหน้า กองทหารที่รายปีกกาไว้ก็อ้อมตลบหลังทำลายกองทัพหน้าของพระมหาอุปราชาย่อยยับ ขณะนั้นเอง ช้างทรงของสมเด็จพระนเรศวร และสมเด็จพระเอกาทศรถตื่นเสียงปืน และได้กลิ่นช้างศัตรู จึงแล่นถลาฝ่าเข้าไปในด้านที่พม่าตั้งทัพอยู่โดยลำพังสองพระองค์
    ทัพหลวงของพระมหาอุปราชาเคลื่อนลงมาพอดี สมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับสมเด็จพระเอกาทศรถ จึงตกอยู่ในวงล้อมของพม่า ทหารไทยตามไม่ทัน ยกเว้นจตุรงคบาทที่รักษาเท้าช้าง มองไปทางไหนก็เห็นแต่ผ้าโพกหัว จึงทรงท้าพระมหาอุปราชากระทำยุทธหัตถี สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ฟันพระมหาอุปราชาขาดสะพายแล่ง ส่วนสมเด็จพระเอกาทศรถทำยุทธหัตถีกับเจ้าเมืองจาปะโร ฟันเจ้าเมืองจาปะโรหัวขาด
    ทหารไทยตามมาทัน รุกไล่พม่าแตกหนีไปทางด่านเจดีย์สามองค์ ยึดได้ช้างม้าอาวุธ และเสบียงมากมาย สถานที่นั้นปรากฏเป็นอนุสรณ์สถานนามว่า อนุสรณ์ดอนเจดีย์ มาจนทุกวันนี้
    ตามตำนานพระเครื่องเมืองสุพรรณกล่าวว่า เมื่อสมเด็จพระราชบพิตรสมภารเจ้ายกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา ระหว่างทาง ได้โปรดให้สร้างพระเครื่องเนื้อดินเผาจำนวนมาก อุทิศกุศลให้ดวงวิญญาณของทหารกล้า ที่เสียชีวิตในศึกยุทธหัตถี บรรจุไว้ในเจดีย์เป็นอุเทสิกเจดีย์ เฉลิมพระเกียรติแก่ผู้รับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทในพระราชสงครามจนตาย ที่วัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี
    โดยที่ถือเอาพระพิมพ์ที่ไม่เคยมีในกรุใด และไม่มีกรุใดที่จะพบพระพิมพ์เช่นนี้ คือ พระที่ทำเป็นสององค์เคียงคู่กันในซุ้มเรือนแก้ว ซึ่งสือความหมายถึง สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และ สมเด็จพระเอกาทศรถ สองพระองค์ที่ทรงกระทำยุทธหัตถีกอบกู้เอกราชของชาติไทยไว้เป็นครั้งแรก กับพระพิมพ์ขนาดต่างๆ ที่แทนทั้งสองพระองค์
    พระเครื่องที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเป็นเจ้าทรงโปรดให้สร้าง มีการค้นพบแตกออกมาจากกรุในพระเจดีย์โบราณในวัดบ้านกร่าง จ.สุพรรณบุรี หลายหลากมากพิมพ์ เมื่อแรกพบไม่มีการตั้งชื่อพระ เพียงแต่เรียกรวมกันว่า พระวัดบ้านกร่าง
    พระที่แตกกรุออกมา ไม่มีใครกล้าเอาไปบ้าน เพราะถือว่าเป็นของวัด จะเอาเข้าบ้านมิได้ ส่วนหนึ่งเด็กวัดเอาไปทอยแก่น หรือเอาไปขว้างให้ร่อนแฉลบน้ำ ที่เหลือก็กองอยู่ข้างกองอิฐซากพระเจดีย์ หนุ่มๆ จะไปหาสาวต่างถิ่นก็มาหยิบพระ ห่อผ้าเช็ดหน้าติดตัวไปเป็นเครื่องป้องกันภัยจากคมเขี้ยวสุนัข และคมอาวุธของฝ่ายมดแดงเจ้าถิ่นที่ตัวเองบุกรุกเข้าไป พระวัดบ้านกร่างจึงย้ายที่จากกรุไปยังที่ต่าง ๆ เช่น ตกอยู่ต่างตำบล เพราะเมื่อพกไปแล้วเกิดได้เพื่อนถูกใจก็มอบพระวัดบ้านกร่างให้ และคนที่มักจะนำพระวัดบ้านกร่างไปใช้ ก็เป็นนักเลง หรือไม่ก็พวกเจ้าชู้ไก่แจ้ จึงพลอยทำให้พระวัดบ้านกร่างเป็นที่เล่าลือว่า เมตตามหานิยม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2010
  16. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    ตำนานเรื่อง ขุนช้างขุนแผน เต้นระริกอยู่ในลมหายใจเข้าออกของชาวสุพรรณ บ้านรั้วใหญ่ วัดป่าเลไลยก์ วัดบ้านกร่าง วัดพระรูป และสถานที่ต่าง ๆ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับขุนแผน นางพิม หรือ นางวันทอง ขุนช้าง และบุคคลต่างๆ ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับตำนาน ทำให้พระวัดบ้านกร่างเริ่มถูกเรียกขานออกจากประวัติศาสตร์ของเมืองสุพรรณ พระนามของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช กับ สมเด็จพระเอกาทศรถผู้สร้างพระวัดบ้านกร่างถูกลืมเลือน และในที่สุด ชื่อของพระวัดบ้านกร่างก็เลยกลายเป็น พระขุนแผน
    เคยได้สนทนากับท่านอาจารย์ มนัส โอภากุล (บิดาของแอ๊ด คาราบาว) ท่านได้ให้ข้อสังเกตว่า ใครจะเป็นคนเรียกพระวัดบ้านกร่างว่าเป็น พระขุนแผน บอกไม่ได้ รู้แต่ว่าเขาเรียกกันอย่างนั้นมาตลอด และติดปากคนสุพรรณ ตลอดจนคนนอกถิ่นว่า พระขุนแผน
    สำหรับผู้เขียนแล้ว ขุนแผนแสนสะท้าน เป็นยอดขุนศึกของสมเด็จพระพันวสา กษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา แต่ท่านผู้อ่านไม่ต้องไปค้นพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ไม่ว่าจะเป็นของที่ไหน เพราะจะไม่ปรากฏพระนามของสมเด็จพระพันวสาอยู่แม้แต่บรรทัดเดียว แต่สมเด็จพระพันวสา คือ เจ้าชีวิตของขุนแผน หากไม่มีพระพันวสา ก็ไม่มีขุนแผนทำนองนี้
    ท่านขุนแผนแสนสะท้านนั้นมีคุณสมบัติประจำตัวคือ เจ้าชู้มากเมีย ที่โบราณบอกว่า มากชู้หลายเมียได้เสียไม่ว่า มีเสน่ห์ในตัวเอง และมีคาถามหาเสน่ห์ที่เรียกว่านะมหาละลวย ที่ได้จากขรัวคง กล่าวกันว่า แม้หญิงใดต้องลมเป่าที่ออกมาจากปากของขุนแผนแล้ว ยากจะไม่มอบกายถวายพรหมจรรย์ให้ หญิงใดแม้สบตาขุนแผนก็ใจอ่อนระแน้ และหากขุนแผนถูกเนื้อต้องตัวเข้าแล้ว จะไม่อาจขัดขืนอารมณ์ได้เลย
    คาถาขุนแผนชมตลาด ที่ตกทอดกันมามีผู้ใช้ได้ผลคือ ภาวนาแล้วเดินไปตลาด แม่ค้าที่เป็นสาวแก่แม่หม้าย หรือ สาวบริสุทธิ์ ก็มิอาจจะทนสบตาได้ เดินหยิบของใส่ตะกร้าไม่จ่ายเงินก็ให้เมตตาไม่โต้แย้ง บางแผงถึงกับหยิบใส่ให้ก็มี และคนที่ใช้ก็ไม่ใช่ว่ารูปหล่อก็หาไม่ หน้าตาดูไม่ได้ แม้ไปเที่ยวสถานโสเภณี บรรดาโสเภณีก็ไม่อยากจะไปสวรรค์ด้วย เขาผู้นั้นมีนามว่า ลุงฉ่ำ บ้านอยู่บางกอกน้อย สมัยก่อนสงครามโลก ไม่มีใครไม่รู้จักลุงฉ่ำขุนแผน เพราะแกฉ่ำสมชื่อ วันหนึ่งก๊งเหล้าจนกลิ่นฟุ้ง
    ลุงฉ่ำมีวิชาอยู่สองอย่างคือ ขุนแผนชมตลาด และ คงกระพันกันปังตอ ตลาดบ้านขมิ้น บรรดาเขียงหมูรู้ฤทธิ์แกดี เพราะแกมักจะมาขอให้เอาปังตอฟันท้องแขนแก หากไม่เข้าก็ขอหมูเพียงครึ่งกิโลเอาไปกินก็เท่านั้น เจ็กเส็งยาฉุน (ปากมียาฉุนอมไว้) เป็นคู่ปรับลุงฉ่ำ แกยื่นแขนให้ฟันทุกเจ็ดวัน เจ็กเส็งก็ฟันเพื่อแลกหมู เจ็กเส็งแกฟันไม่เคยเข้า แต่แกก็ฟัน แกบอกว่า
    ฟังมังทุกวัง อ้ายฉ่ำเก๋า หมานี่ วังนี้ไม่เข้า วังหน้าก็เข้า วังไหนอั๊วเอาเลือดอ้ายฉ่ำออกล่าย อั๊วตายห่าตาหลับเลี๊ยว”<O:p</O:p
    จนแล้วจนรอดเจ็กเส็งไม่เคยสมดังใจ เพราะลุงฉ่ำแกจะมาเฉพาะวันที่แกแน่ใจเท่านั้น วันไหนแกไม่แน่ใจหรือเป็นวันเปื่อยของแก แกจะไม่ออกมาเดินให้ใครเห็น เหล้าก็ไม่กิน แกบอกว่า
    คาถาขุนแผนชมตลาด กับ คาถาคงกระพันกันปังตอ เป็นของขุนแผน ท่านให้กับลูกหลานต่อมา ข้าได้มาก็ต้องใช้ แต่บอกกันก่อนนะ ใครจะขอต่อเอาไปใช้ เหล้าสองขวด ไก่ ๑ ตัว เงิน ๑ บาท แล้วมาเอาไป ใช้ไม่ได้ผลอย่าเรียกว่าคน เรียกอ้ายหมาฉ่ำ
    ลุงฉ่ำแกมีเมียมาหลายคน แต่ละคนหน้าตาดีและเด็กกว่าแก แต่อยู่ไม่ยืด ไม่นานก็เลิกร้างกันไป ทุกคนต่างแปลกใจว่า ลุงฉ่ำแกทำได้อย่างไร เวลาแกเมาได้ที่แกจะบอกว่า
    นารีมีมากคล้ายฝูงลิง ไม่ต้องแย่งต้องชิงก็ได้ ภาวนาคาถาพ่อขุนแผนแล้วเป่า เพี้ยงพ้วงต้องตกได้เป็นเมีย"<O:p</O:p
    พวกบ้านขมิ้นที่มีลูกสาวสวย มักจะบอกกับลูกว่า อย่าได้ดูถูกดูแคลน หรือ ไปแสดงกิริยาเหยียดหยามลุงฉ่ำเข้าเชียว เดี๋ยวแกเล่นงานเอา อายเขาไปทั้งบาง นี่คือลุงฉ่ำขี้เมาที่มีเพียงคาถาขุนแผนเท่านั้น ยังสร้างความฮือฮาให้กับวงการเจ้าชู้ก่อนสงครามโลก แล้วอานุภาพพระขุนแผนจะขนาดไหน ถ้าผู้นำไปใช้แล้วกำกับด้วยพระคาถาทั้งสองของขุนแผนที่กล่าวมาแล้ว
    ปัจจุบันอย่าไปหาเลยครับ พระขุนแผนกรุบ้านกร่าง ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์ไหนก็ตาม เพราะสนนราคาในการแลกเปลี่ยน อย่างน้อยต้องหนึ่งแสนบาทขึ้นไป ดีไม่ดีเจอของเก๊ ผียัดกรุ ดูเหมือนของเก่า แต่เป็นของเน่า นำไปใช้ติดตัวไม่ได้ผลถูกตีหัวแบะกลับมา จะมาโทษกันไม่ได้นา
    ถึงอย่างไรก็ตาม ยังมีพระเกจิอาจารย์ในยุคหลังๆ ที่สร้างพระขุนแผนให้กับสานุศิษย์ นำไปใช้ได้ผลดีไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าของกรุ เผลอๆ อาจจะดียิ่งกว่าด้วยซ้ำไป อย่างเช่น ขุนแผนพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ระยอง, ขุนแผนไข่ผ่าซีกของหลวงปู่ถิร วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี, ขุนแผนเคลือบหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติฯ อยุธยา ฯลฯ เป็นต้น
    แต่ก็นั่นแหละครับ แม้จะเป็นของพระเกจิฯ รุ่นหลัง ไม่ใช่ของกรุ ราคาบางองค์ก็เหยียบแสน และของปลอมก็ระบาดมากเหมือนกัน ดังนั้น ถ้าจะหาพระขุนแผนที่ใช้แล้วได้ผลดี เชื่อถือได้ในยุคปัจจุบัน ก็ขอแนะนำให้บูชาจากสองสำนักนี้เท่านั้น คือ พระขุนแผนหลวงปู่ทิม วัดพระขาว อยุธยา และ พระขุนแผนหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี สำหรับองค์แรกนั้น พระขุนแผนของท่านสร้างเท่าไร ก็ไม่เคยเหลือติดวัด หลังจากท่านมรณภาพแล้ว หากจะหาคงหาได้ลำบากราคาก็สูง<O:p</O:p
    ส่วนหลวงพ่ออุ้นนั้น ยังพอหาได้ เพราะลูกศิษย์ของท่านมักจะมองข้าม เนื่องจากไปจดจ่ออยู่กับพระสมเด็จเหม็น ที่เยี่ยมยอดในเรื่องเมตตามหานิยม เลยทำให้ลืมพระขุนแผนที่หลวงพ่อท่านสร้างเอาไว้ ทำให้เหลือตกค้างอยู่ที่วัด แต่ก็ใช่จะมากมายอะไร คงหมดจากวัดอีกไม่นาน เชื่อเหอะ
    หลวงพ่ออุ้นท่านสร้างพระขุนแผนเพียง ๕ รุ่น เท่านั้น โดยสร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ , ปี พ.ศ. ๒๕๔๓ และ ปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ด้วยเนื้อผง หลังจากนั้นก็ว่างเว้นไป มาสร้างอีกทีในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ด้วยเนื้อผง และสร้างครั้งสุดท้าย หรือ รุ่นสุดท้าย ในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ ด้วยเนื้อสัมฤทธิ์
    พระขุนแผนเนื้อผง รุ่นแรก ที่สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ มีด้วยกัน ๒ พิมพ์ คือ พระขุนแผน ๕ เหลี่ยม จำนวน ๕,๒๐๐ องค์, พระขุนแผนทรงพลไหล่อุ (ภาพประกอบเรื่อง) จำนวน ๕,๑๐๐ องค์
    พระขุนแผนเนื้อผง รุ่นสอง สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ มีด้วยกัน ๒ พิมพ์ คือ พระขุนแผนยันต์เดี่ยว เนื้อผงคลุกรัก จำนวน ๒,๒๙๓ องค์ และ เนื้อผงผสมเส้นเกศา จำนวน ๓,๐๐๐ องค์ อีกพิมพ์หนึ่งก็คือ พระขุนแผน ๕ เหลี่ยม (ต่างพิมพ์กับรุ่นแรก) เนื้อผงผสมเส้นเกศา ซึ่งดาราสร้างถวาย ไม่ทราบจำนวนที่สร้าง
    พระขุนแผนเนื้อผง รุ่นสาม สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ มีเพียงพิมพ์เดียว คือ พระขุนแผนยอดขุนพล มีด้วยกัน ๒ เนื้อ คือ เนื้อผงคลุกรักผสมผงพระจันทร์ครึ่งซีก บรรจุตะกรุดทองคำ ๙ ดอก จำนวน ๓๙๙ องค์ และ บรรจุตะกรุดทองคำ ๓ ดอก จำนวน ๙๙๙ องค์ มีการฝังเพชรไว้ตรงกึ่งกลางพระอุระ และ เนื้อผงพระจันทร์ครึ่งซีก จำนวน ๓๐,๐๐๐ องค์<O:p</O:p
    พระขุนแผนเนื้อผง รุ่นสี่ สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ มีเพียงพิมพ์เดียว คือ พระผงขุนแผนทรงพลเล็ก เนื้อสีชมพู สร้างจำนวน ๘,๐๐๐ องค์
    พระขุนแผนเนื้อสัมฤทธิ์ รุ่นห้า สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๙ เป็นพิมพ์เดียวกับรุ่นสาม แต่เป็นเนื้อสัมฤทธิ์ สร้างจำนวน ๙๓๕ องค์
    เมื่อเทียบกับพระเครื่องรุ่นอื่นๆ ของหลวงพ่ออุ้น จะเห็นได้ว่า ท่านสร้างพระขุนแผนไว้น้อยมาก ทั้งๆ ที่ท่านปลุกเสกพระขุนแผนได้เข้มขลังไม่แพ้พระเกจิอาจารย์องค์อื่นๆ หรือของกรุ หลายคนที่ได้นำพระขุนแผนของท่านพกพาติดตัว ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า พระขุนแผนของท่านนั้น นำไปใช้แทนพระกรุได้เลย แต่ที่คนส่วนใหญ่มองข้ามก็ด้วยเหตุที่ว่า ไปให้ความสนใจพระสมเด็จเหม็น ว่ามีพุทธคุณเมตตามหานิยมอย่างยิ่งยวดไร้เทียมทาน ความดังของสมเด็จเหม็น จึงกลบคุณค่าของพระขุนแผนของหลวงพ่ออุ้นอย่างน่าเสียดาย
    ผมอยู่ในวงการพระเครื่องมานาน มีประสบการณ์ในการเช่าหาพระจากเกจิต่างๆ ทั่วประเทศ ย่อมรู้ดีว่า พระเกจิท่านใด เก่งทางไหน พระรุ่นใด อย่างใดของท่าน นำไปใช้แล้วได้ผลดี หรือ เช่าบูชาเอาไว้ ในอนาคตต้องได้รับความนิยมแน่ๆ เมื่อไปเจอพระขุนแผนของหลวงพ่ออุ้น ที่ตกค้างอยู่ที่วัดเข้า แถมยังเป็นรุ่นแรก มีอายุการสร้างมากกว่า ๑๐ ปี ก็อดไม่ได้ที่จะเช่าบูชาเอาไว้ อย่างน้อยก็นำมาเผื่อแฟนคอลัมน์ในอเมริกา ที่ด้อยโอกาสจะเสาะแสวงหาของดีตามวัดต่างๆ ได้มีโอกาสได้เช่าบูชากัน<O:p</O:p<ST1:p</ST1:p<O:p</O:p
    ท้ายที่สุดของบทความ ก็ขอนำเสนอพระคาถาของขุนแผน ให้ไว้สำหรับผู้ที่มีพระขุนแผนติดตัว ได้ผลหรือไม่ได้ผลอย่างไร ขึ้นอยู่กับศรัทธาความเชื่อ และจิตของผู้นำไปใช้ประกอบกัน ดังนั้น จึงไม่รับประกันนะครับ หากนำไปใช้แล้วไม่ได้ผล อย่ามาว่ากันนะ<O:p</O:p
    พระคาถาขุนแผนชมตลาด ตำรับ อ.เทพย์ สาริกบุตร<O:p</O:p
    โอม สิทธิฟ้าฟื้นเจริญศรี ศรีกูงามคือฟ้า หน้ากูงามคือพระแมน แขนกูงามคือพระนารายณ์ ฉายกูงามคือพระอาทิตย์ ฤทธิ์กูงามคือพระจันทร์ สาวในเมืองสวรรค์ มิเห็นหน้ากู อยู่บ่มิได้ กูจะรำลึกถึงต้นไม้ก็ให้มางวยงง กูจะรำลึกถึงพระยาหงส์ก็ให้มาลืมถ้ำ กูจะรำลึกถึงพระยาปลาในน้ำก็ให้มาลืมแม่พระคงคา กูจะรำลึกถึงท้าวพระยาก็ให้มาลืมแท่นที่นอน กูจะรำลึกถึงแม่ไก่อ่อน ก็ให้มาละลูกแล่นตาม กูจะรำลึกถึงสาวใช้ก็ให้มาลืมแม่ กูจะรำลึกถึงสาวแก่ก็ให้มาหลงใหล กูจะรำลึกถึงเจ้าไทยก็ให้มาลืมสวดมนต์ กูจะรำลึกถึงฝูงชนทั้งหลาย ก็ให้มารักกูอยู่ถ้วนหน้า กูจะรำลึกถึงนางสวรรค์ชั้นฟ้า และเทวดาทุกวิมาน โอม สัพพะสิทธิ สวาหะฯ
    สวดภาวนาทุกวัน ท่านว่า จะเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป แม้กระทั่งภูติผีเทวดาก็ยังให้ความเมตตา อุปเท่ห์ในการใช้อยู่ตรงที่ กูจะรำลึกถึง.....เช่น รำลึกถึงสาวใช้ นั่นหมายถึง ผู้หญิงทั่วไปที่ไม่สูงศักดิ์นัก หรือต่ำศักดิ์กว่าเรา เป็นสามัญชนลูกชาวบ้านธรรมดา จะไปหาสาวใด ก็ให้นึกถึงใบหน้า นึกถึงชื่อสาวนั้น แล้วค่อยว่าคาถาต่อไป หรือ ภาวนามาจนถึง สาวในเมืองสวรรค์ นั่นหมายถึง ผู้หญิงที่สูงศักดิ์ สวยสดงดงามดุจนางฟ้านางสวรรค์ ก็ให้นึกถึงชื่อ ถึงหน้าผู้นั้น ผู้ที่เราจะไปหา ฯลฯ เป็นต้น<O:p</O:p
     
  17. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    พระขุนแผน รุ่น ๓ สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ มีเพียงพิมพ์เดียว คือ พระขุนแผนยอดขุนพล มีด้วยกัน ๒ เนื้อ คือ เนื้อผงคลุกรักผสมผงพระจันทร์ครึ่งซีก บรรจุตะกรุดทองคำ ๙ ดอก จำนวน ๓๙๙ องค์ และ บรรจุตะกรุดทองคำ ๓ ดอก จำนวน ๙๙๙ องค์ มีการฝังเพชรไว้ตรงกึ่งกลางพระอุระ และ เนื้อผงพระจันทร์ครึ่งซีก จำนวน ๓๐,๐๐๐ องค์
    รุ่นนี้พิเศษสุด ชื่อรุ่น "เพชรยอดขุนพล" ทำพิธีพุทธาภิเษกที่พระอุโบสถเก่าวัดตาลกง มีพระเกจิอาจารย์ที่เป็นสหธรรมิกของหลวงพ่ออุ้นร่วมปลุกเสกหลายรูป เช่น หลวงปู่ทิม วัดพระขาว, หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม, หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ ราชบุรี ฯลฯ

    ใครที่หาพระขุนแผนหลวงปู่ทิม วัดพระขาว ไม่ได้ หารุ่นนี้ขึ้นคอได้ รับรองไม่อายใคร<O:p</O:p
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2010
  18. lekpluto

    lekpluto เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    820
    ค่าพลัง:
    +1,064
    พระขุนแผนเนื้อผง รุ่นแรก ที่สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๒ มีด้วยกัน ๒ พิมพ์ คือ พระขุนแผน ๕ เหลี่ยม จำนวน ๕,๒๐๐ องค์, พระขุนแผนทรงพลไหล่อุ (ภาพประกอบเรื่อง) จำนวน ๕,๑๐๐ องค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. เด็กไทรน้อย

    เด็กไทรน้อย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 เมษายน 2008
    โพสต์:
    3,259
    ค่าพลัง:
    +4,327
    สวัสดีครับ...

    ผมได้ขุนแผนมาองค์นึงด้านหลังเป็นตัวย่อ วตก. ไม่ทราบว่าเป็นของวัดตาลกงหรือเปล่าครับออกปีไหนครับ...

    ไว้เดี๋ยวจะถ่ายมาให้ช่วยดูให้ครับผม...
     
  20. merque

    merque เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +563
    ชุดนี้เพิงบุกรังมาคับอันไหนเก๊ ไหนแท้ รบกวนด้วยคับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...