"ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์" จะเหลือเพียงศาสนาเดียวและมีความเชื่ออย่างเดียวกัน

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 25 กันยายน 2010.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "ยุคของพระเจ้าจักรพรรดิ์"
    จะเหลือเพียงศาสนาเดียวและมีความเชื่ออย่างเดียวกัน
    <!--sizeo:3-->(ไม่มีการมาทะเลาะกันเรื่องสำนักโน้นสำนักนี้อีกต่อไป)

    [​IMG]
    <!--/sizeo-->
    "ไอสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น" ของ นพ. สม สุจีรา<!--sizec--><!--/sizec-->​

    มีหลายท่านเข้าใจว่า ธรรมะกับวิทยาศาสตร์เป็นคนละเรื่องกัน แต่ตามความเห็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าคิดว่า เป็นคนละเรื่องเดียวกัน เพียงแต่วิทยาศาสตร์สมัยนี้ ยังไม่ละเอียดอ่อนเพียงพอที่จะเข้าถึงหรืออธิบายธรรมะได้​

    “ในเมื่อธรรมะคือสภาวะความจริงของธรรมชาติ หากเราจะพูดเรื่องนี้ในกรอบของเซต (set) แล้ว วิทยาศาสตร์เป็นเพียงเซตย่อย (subset) ของเซตใหญ่ ที่เรียกว่าธรรมะนั่นเอง” (24 January 2007, Dayvil) ​

    ปริศนาคำพูดของอัลเบิร์ต ไอสไตล์ กล่าวถึงพระพุทธศาสนาก่อนเสียชีวิต ถึงแม้อัลเบิร์ต ไอสไตล์ ได้จากโลกนี้ไปโดยที่เขายังไม่สามารถค้นพบตำตอบตามที่เขากำลังต้องการก็ตาม แต่ไอสไตล์ได้ทิ้งคำพูดที่เป็นปริศนาที่สำคัญมากให้กับมนุษยชาติ ในช่วงวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา อัลเบิร์ตได้เริ่มสงสัยแล้วว่า พระพุทธศาสนา อาจจะเป็นศาสนาที่ให้คำตอบต่อคำถามที่เขากำลังพยายามค้นหา ในช่วง 1 ปีก่อนที่เขาจะเสียชีวิตนั้น มหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน ได้ตีพิมพ์งานเขียนชิ้นหนึ่งของเขาชื่อเรื่อง “The Human Side” ซึ่งนักฟิสิกส์ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลผู้นี้ ได้กล่าวทิ้งท้ายให้เป็นปริศนาแห่งโลกอนาคตว่า ​

    “The religion of the future will be a cosmic religion. It should transcend a personal God and avoid dogmas and theology. Covering both the natural and the spiritual, it should be based on a religious sense arising from the experience of all things, natural and spiritual, as a meaningful unity. Buddhism answers this description. If there is any religion that would cope with modern scientific needs, it would be Buddhism.” ​

    (May 19th, 1939, Albert Einstein’s speech on “Science and Religion” in Princeton, New Jersey, U.S.A.)” ​

    “ศาสนาในอนาคต จะต้องเป็นศาสนาสากล ศาสนานั้นควรอยู่เหนือพระเจ้าที่มีตัวตน และควรจะเว้นคำสอนแบบสิทธันต์ (คือเป็นแบบสำเร็จรูปที่ให้เชื่อตามเพียงอย่างเดียว) และแบบเทววิทยา(คือพึ่งเทวดาเป็นหลักใหญ่) ศาสนานั้น เมื่อครอบคลุมทั้งธรรมชาติและจิตใจ จึงควรมีรากฐานอยู่บนสามัญสำนึกทางศาสนา ที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ต่อสิ่งทั้งปวง คือ ทั้งธรรมชาติและจิตใจอย่างเป็นหน่วยรวมที่มีความหมาย พระพุทธศาสนาตอบข้อกำหนดนี้ได้....​

    ถ้าจะมีศาสนาใดที่รับมือได้กับความต้องการทางวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ปัจจุบัน ศาสนานั้นก็ควรเป็นพระพุทธศาสนา”

    อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์ ชาวเยอรมัน ผู้เสนอทฤษฏีสัมพันธภาพ ศาสนาเดียวที่จะเหลืออยู่ในโลกอนาคต ก็คือ ศาสนาที่ถือว่าเป็นวิวัฒนาการตามกฎของธรรมชาติ เหมือนกับที่ไอสน์ไตน์เขาพูดไว้ว่า ​

    “ศาสนาที่เหลืออยู่ในโลก ก็คือศาสนาที่สามารถเผชิญกับความต้องการของโลกแห่งยุคปัจจุบัน”

    แต่......กว่าจะถึงเวลานั้นเกรงว่า............โลกจะไม่เหลือผู้คนให้นับถือศาสนา ​


    [​IMG]

    จากคำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอสไตล์ นี้เราก็พอจะมองเห็นกันแล้วว่าเริ่มใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะแล้ว อีกทั้งตรงกับคำทำนายของผู้มีญาณทิพย์ที่สามารถมองเห็นอนาคตได้หลายท่าน ก็กล่าวไว้เช่นนี้เหมือนกัน

    เรามาลองวิเคราะห์ถึงสาเหตุและความเป็นไปได้ ที่จะเหลืออยู่เพียงศาสนาเดียวในโลกนี้กันดูนะครับ เริ่มจากความเชื่อในทุกศาสนาที่มีความเชื่อตรงกัน อยู่อย่างหนึ่งว่า ในอนาคตจะบังเกิดมหาบุรุษท่านหนึ่ง ที่จะมาปฎิวัติเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ให้กลับมีสันติสุขอย่างแท้จริง ไม่มีการรบราฆ่าฟันกันอีกต่อไป มหาบุรุษท่านนี้จะมาปลูกฝังคุณธรรม ศีลธรรม อันดีงามให้กับมวลมนุษย์ทั้งโลก

    เริ่มจากคติความเชื่อในทางพุทธศาสนา ก็มีความเชื่อกันว่าในอนาคตอันใกล้นี้ พระศรีอาริยเมตไตรย จะเสด็จมาปกครองโลกนี้ในฐานะพระเจ้าจักรพรรดิ ปกครองมนุษย์ในโลกนี้และปกครองมนุษย์ในดวงดาวอื่นๆ ในจักรวาลนี้ทั้งหมด ให้มีแต่ความสันติสุขด้วยอำนาจของพระเจ้าจักรพรรดิ และแก้ววิเศษ 7 ประการ โดยมีจักรแก้ววิเศษ เป็นเครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงโลกนี้ ให้เป็นไปได้ตามที่พระองค์ต้องการ

    จากคติความเชื่อของทางคริสต์ศาสนา ก็เชื่อว่าในไม่ช้านี้พระเมสิอาร์หรือพระเยซูคริสต์ จะเสด็จมายังโลกนี้เป็นครั้งที่ 2เสด็จมาปกครอง โลกนี้ทั้งโลกให้เป็นคริสตศาสนิกชนทั้งหมด โดยจะมาในลักษณะจอมกษัตริย์ขี่ม้าขาวและไม่ได้เสด็จมาเพียงลำพังเพียงพระองค์เดียว แต่จะนำกองทัพสรรค์ลงมาด้วย เพื่อปกครองโลกนี้ให้มีสันติสุขอันยั่งยืนไปอีก 1,000 ปี

    จากคติความเชื่อของทางศาสนาอิสลาม ก็มีความเชื่อว่าในอีกไม่ช้านี้ ศาสดาท่านหนึ่งที่หายตัวไปเมื่อหลายร้อยปีแล้ว จะเสด็จกลับมากอบกู้โลกนี้ ให้กลับคืนสู่สันติภาพ ภราดรภาพ อีกครั้งหนึ่งโดยจะทำให้ทุกคนในโลกนี้ กลายเป็นอิสลามมิกชนไปทั้งโลก จะไม่มีใครยากจนอีกต่อไป ทุกคนจะได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาทั้งหมด จะไม่มีความอดอยาก หิวโหย โรคระบาด หรือสงครามอีกต่อไป ศาสดาในความเชื่อของชาวอิสลามท่านนั้นมีพระนามว่า "มฮุดีย์"

    จากคติความเชื่อของศาสนาฮินดู ก็มีความเชื่อว่าในอีกไม่ข้านี้ พระนารายณ์ จะเสด็จอวตารลงมาปราบคนชั่วให้หมดไปจากโลกนี้ โดยการเสด็จมาครั้งนี้เป็นปางที่ 10 คือเป็นบุรุษขี่ม้าขาว นามว่า กัลกี ในมือของท่านจะถือดาบวิเศษที่มีแสงแวววับ สามารถฟาดฟันเหล่าคนชั่วให้มอดม้วยได้ในพริบตาเดียว และจะคืนสันติสุขให้กลับมาสู่มวลมนุษย์ชาติอีกครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นอันสิ้นสุดของกลียุคอันยาวนานอีกด้วย

    ที่นี้เรามาลองวิเคราะห์กันดูว่า สาเหตุอะไรที่จะทำให้หลายศาสนาต้องหมดไป เหลืออยู่เพียงศาสนาเดียว ถ้าในอนาคตอันใกล้นี้เกิดสงครามนิวเคลียร์ สงครามชีวภาพ(เชื้อโรค) หรือต้องประสบกับภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง ทั้งแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก พายุสายฟ้า พายุเฮอริเคน พายุทอร์นาโด ภูเขาไฟระเบิด คลื่นยักษ์พัดเข้าสู่ชายฝั่งตามเมืองใหญ่ๆ ประชากรโลกจำนวนนับล้านๆคน ต้องจบชีวิตไปกับภัยพิบัติเหล่านี้

    ผู้คนทั้งหลายในเวลานั้นย่อมต้องเรียกร้องหาที่พึ่ง ให้กับชีวิตของตัวเองและครอบครัว ที่พึ่งที่ทุกคนรอคอยตามที่มีบันทึกอยู่ในทุกศาสนานั้นก็จะมีความสำคัญขึ้นในขณะนั้นทันที เมื่อบุคคลสำคัญท่านนั้นปรากฎพระองค์ขึ้นมา ต่างคนต่างก็พร้อมที่จะให้ความเคารพเชื่อฟังอย่างหมดหัวใจ ไม่มีคำโต้แย้งใดๆอีกต่อไป เพราะต่างคนต่างก็ประสบกับความทุกข์ยากแทบจะสิ้นใจตายกันแล้วในเวลานั้น และทุกคนต่างก็เชื่อว่านี่คือบุคคลสำคัญในศาสนาของพวกเขา ที่พวกเขากำลังรอคอยกันอยู่เป็นเวลายาวนาน

    เมื่อบุคคลสำคัญท่านนั้น ประกาศคำสอนใดๆ ออกมา คำสอนนั้นจึงเป็นเสมือนประกาศิต ที่ทุกคนในโลกนี้ยอมรับและประพฤติปฏิบัติตามทันที ผมจึงวิเคราะห์เอาว่า นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ศาสนาในโลกนี้เหลืออยู่เพียงศาสนาเดียว ส่วนจะเป็นศาสนาใดนั้นผมคิดว่าทุกๆท่าน ที่อ่านในกระทู้นี้คงมีคำตอบอยู่ในใจกันทุกคนแล้วนะครับ

    ข้อความทั้งหมดนี้เป็นความคิด ความเชื่อของผมเพียงคนเดียว ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ จะเชื่อก็ได้หรือไม่เชื่อก็ได้นะครับ -เกษม-
     
  2. พชร (พสภัธ)

    พชร (พสภัธ) ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    5,746
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +49,866
    กระดูกผุหมดแล้วยังไม่รู้เลย ว่าจะได้เห็นเหรือปล่าว?
     
  3. kencito

    kencito เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    241
    ค่าพลัง:
    +954
    "ที่นี้เรามาลองวิเคราะห์กันดูว่า สาเหตุอะไรที่จะทำให้หลายศาสนาต้องหมดไป เหลืออยู่เพียงศาสนาเดียว ถ้าในอนาคตอันใกล้นี้เกิดสงครามนิวเคลียร์ สงครามชีวภาพ(เชื้อโรค) หรือต้องประสบกับภัยธรรมชาติอย่างรุนแรง ทั้งแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก พายุสายฟ้า พายุเฮอริเคน พายุทอร์นาโด ภูเขาไฟระเบิด คลื่นยักษ์พัดเข้าสู่ชายฝั่งตามเมืองใหญ่ๆ ประชากรโลกจำนวนนับล้านๆคน ต้องจบชีวิตไปกับภัยพิบัติเหล่านี้

    ผู้คนทั้งหลายในเวลานั้นย่อมต้องเรียกร้องหาที่พึ่ง ให้กับชีวิตของตัวเองและครอบครัว ที่พึ่งที่ทุกคนรอคอยตามที่มีบันทึกอยู่ในทุกศาสนานั้นก็จะมีความสำคัญขึ้นในขณะนั้นทันที เมื่อบุคคลสำคัญท่านนั้นปรากฎพระองค์ขึ้นมา ต่างคนต่างก็พร้อมที่จะให้ความเคารพเชื่อฟังอย่างหมดหัวใจ ไม่มีคำโต้แย้งใดๆอีกต่อไป เพราะต่างคนต่างก็ประสบกับความทุกข์ยากแทบจะสิ้นใจตายกันแล้วในเวลานั้น และทุกคนต่างก็เชื่อว่านี่คือบุคคลสำคัญในศาสนาของพวกเขา ที่พวกเขากำลังรอคอยกันอยู่เป็นเวลายาวนาน

    เมื่อบุคคลสำคัญท่านนั้น ประกาศคำสอนใดๆ ออกมา คำสอนนั้นจึงเป็นเสมือนประกาศิต ที่ทุกคนในโลกนี้ยอมรับและประพฤติปฏิบัติตามทันที ผมจึงวิเคราะห์เอาว่า นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นให้ศาสนาในโลกนี้เหลืออยู่เพียงศาสนาเดียว ส่วนจะเป็นศาสนาใดนั้นผมคิดว่าทุกๆท่าน ที่อ่านในกระทู้นี้คงมีคำตอบอยู่ในใจกันทุกคนแล้วนะครับ"

    เป็นข้อสันนิษฐานที่ดีครับผม เป็นเหตุเป็นผลดี จะจริง ไม่จริงก็ต้องดูกันน่ะครับ ที่ำสำคัญ เราก็ปฎิบัติไปครับ ทำความดีไว้ บุญจะรักษา พาไปเจอกับพุทธศาสนา ตลอดจนถึงฝั่งพระนิพพานครับ

    ps: ไปนิพพานกันเลยดีไม๊ครับ จะได้ไม่ต้องเจอเรื่องร้ายๆ โหะๆ
     
  4. namotussa

    namotussa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    341
    ค่าพลัง:
    +1,470
    ทำปัจจุบันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า เพราะอดีตก็ผ่านมาแล้ว ส่วนอนาคตก็ยังมาไม่ถึง ปัจจุบันเรายังมีพระธรรมคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเพียงแต่ขออำนาจคุณพระรัตนตรัย ช่วยดลบันดาลให้ประเทศไทยมีแต่ความสุขสงบ ปลอดภัยจากภัยพิบัติต่างๆ ขอให้คนไทยจงมีความสามัคคีกลมเกลียวกัน ภัยที่ยิ่งใหญ่กำลังจะมาถึง เพราะเริ่มส่งสัญญาณให้เราได้รับทราบเป็นระยะระยะแล้ว
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,686
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สัจจะธรรม ****

    สัจจะธรรม...เป็นหลักเดียวที่ปักไว้มั่นคง
    เป็นความจริง ไม่ใช่ความเห็น
    เป็นเรื่องของ ตัวกระทำที่ไม่ตาย ติดตัวไป และมีผลตอบแทน
    ทำดีก็ไม่ตาย ทำชั่วก็ไม่ตาย ทุกการกระทำมีผลตอบแทนทั้งสิ้น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,686
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ศาสนาหนึ่งเดียว ****

    ศาสนศาสตร์...ที่นำพาให้สัตว์โลกหลุดพ้น มีหนึ่งเดียว
    คือ คำสอนของพระพุทธเจ้า ที่นำสัจจะธรรมมาปฏิบัติเพื่อหลุดพ้น
    หลุดพ้นจากนิสัยการกระทำได้ ก็หลุดพ้นทุกข์ได้
    ส่วนศาสนาอื่นๆ เป็นศีลปฏิบัติเพื่อคงอยู่ร่วมกันในสังคม ยังไม่หลุดพ้น ยังไม่ไปถึงที่สุด

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. อู๋9

    อู๋9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +229
    ไทย
    พระมหากษัตรย์ทรงธรรมที่สุดในโลก
    ไทยมีพระอรหันต์มากที่สุดในโลก
    พระสงฆ์อัฐิกลายเป็นพระธาตุมากที่สุดในโลก
    ศพไม่เน่าโดยไม่ต้องนำไปใส่ไว้ในพลังพีระมิดก็มีมากที่สุดในโลก
    พระมหากษัตรย์และชนชาวไทยก็ได้ทำบุญกับเนื้อนาบุญที่ให้ผลมากที่สุดในโลกมาตั้งแต่สมัยอยุธยา
    บุญที่คนเชื่อชาติไทยนั้นได้บำรุงพระพุทธศาสนานั้นแหละจะมาส่งผลในอนาคตอันไกล้นี้
    หลังจากภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่หลวงพ่อหลวงปู่ทั้งหลายนักภาวนาทั้งหลายที่รู้ทางจิตอนาคตังสญาณว่าต้องเกิดขึ้นแน่วันชำระล้างโลกหลังกึ่งพุทธกาลที่อาจจะเรียกชื่อว่าภัยพิบัติร่วมมิตร
    โลกจะก้มหัวให้ดวงอาทิตย์(คือแกนโลกเอียงแกนแม่เหล็กกับขั้ว
    แผ่นดินไหวคลื่นยักถล่มลมพายุเสียงฟ้าฟาดที่รุ่นแรงมากที่สุดที่มนุษย์เคยได้ยินมาและฟ้าผ่าผ่าลงประจุลบคนที่มีศีลธรรมจะมีพลังไฟฟ้าประจุบวกสถิตอยู่ในตัวส่วนคนชั่วจะมีพลังไฟฟ้าประจุลบแล้วแต่ความเข้มข้นของความชั่ว
    นี้แหละคือวันแยกคนชั่วออกจากคนดีโดยแท้
    ผู้ที่รอดชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีศีลธรรมศีล5 หรือศีล8 มีพรหมวิหาร4 และกรรมบถ10 ตามเพศที่ตนถือปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคนทั้วโลกจะเห็นในอิทธิฤทธิ์ของพุทธธานุภาพสถานที่ทางพุทธศาสนาจะมีแสงรัศมีสีม่วงปกป้องคุ้มครองให้รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ
    คนทั่วโลกจะหันมาเลื่อมใส่ศรัทธาในศาสนาพุทธดังที่นักวิทยาศาสตร์ที่เก่งที่สุดในโลกชื่อ อัลเบริดไอน์สไตน์กล่าวไว้ว่าศาสนาที่จะเป็นศาสนาที่พิสูตรได้และเป็นสากลของโลกและจักรวาลนั้นคือพระพุทธศาสนา
    ไทยจะเป็นมหาอำนาจโดยธรรมไม่ใช่โดยอาวุธหรือไปบังคับใดๆทั้งสิ้นเขาจะมาสยบเราโดยธรรมจะมาสวามิภักดิ์เองเขาจะมาขอรวมประเทศเข้ากับเราเช่น ลาวเป็นต้น
    ต่อไปโลกจะไม่ได้ปกครองโดยประชาธิปไตยแต่จะปกครองโดยธรรมาธิปไตย





    เรื่องในตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว มี ๓ ตอนโดยนำมาลงเพียงบางส่วนของแต่ละตอน ดังนี้ <O:p</O:p
    ตอนที่ ๑เริ่มกล่าวตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จมาจากดอยเกิ้ง (ในเขตอำเภอจอมทองเชียงใหม่) โดยมีพระอรหันต์ พระอินทร์ และพระยาอโสกธัมมิกราชติดตามมาด้วย เมื่อทรงพบลัวะผู้หนึ่ง กำลังวิดน้ำเข้านา จึงทรงทำนายว่าในที่นั้นต่อไปจะเป็นเมืองหอด ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหินที่มีลักษณะคล้ายเต่าเมื่อเดินทางต่อไปพระยานาคเกิดความเลื่อมใสจึงประทับรอยพระบาทไว้ให้และทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองมหานครครั้นเดินทางไปถึงบ้านลัวะที่เป็นช่างปั้นหม้อ ทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองภุญชานคร และสั่งเอาไว้ว่าหากพระองค์นิพพานไปแล้วให้นำเอาธาตุกระดูกศีรษะด้านขวามาบรรจุไว้ที่นี่<O:p</O:p
    เมื่อเสด็จมาถึงใต้ร่มมะขาม เทวดาบันดาลห่าฝนเงินทองตกลงมาปูชาจึงได้ชื่อว่าดอยเขาฅำหลวง จากนั้นจึงเสด็จไปทางทิศตะวันออกทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองใหญ่มีอารามสำคัญ ๖ แห่งทรงประทับรอยพระบาทไว้บนก้อนหิน เมื่อมาถึงใต้ร่มไม้บุนนาคสองสามีภรรยานำเอาดอกบัวมาถวาย ก็ทรงทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดบุปผารามคือวัดสวนดอกไม้ทรงอธิษฐานให้เกศาธาตุแตกออกเป็น ๘ เส้นบรรจุไว้ในสถานที่ดังกล่าว<O:p</O:p
    ครั้นเสด็จมาถึงกอไม้หก จึงทำนายว่าต่อไปจะเป็นเวฬุวนารามป่าหกทรงประทานพระเกศาธาตุไว้เมื่อเสด็จไปทางทิศตะวันออก ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดบุพพารามต่อมามีพระชาวพม่ามาขอบวชใหม่ ทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองชีใหม่หรือเมืองเชียงใหม่เมื่อเสด็จไปทางทิศตะวันออก ลัวะนำเนื้อวัวกระทิงย่างมาถวายทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดอโสการามทรงประทานเกศาธาตุไว้จากนั้นจึงเสด็จไปทางทิศใต้ ลัวะนำผลไม้มาถวาย ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดพิชชอาราม<O:p</O:p
    ตอนที่ ๒กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเสด็จไปพบพระยายักษ์ที่ดอยอ่างสลุงทรงเทศนาให้พระยายักษ์ฟัง ทรงทำนายว่าต่อไปเมื่อศาสนาได้๒๐๐๐ ปี พระยายักษ์จะเกิดเป็นพ่อค้าข้าวสารเป็นผู้มีสติปัญญาและจะได้ครองเมืองเชียงดาว<O:p</O:p
    เมื่อเสด็จมาถึงเมืองฝาง ทรงทอดพระเนตรเห็นหนองน้ำใหญ่จึงทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองล้านช้างอโยธยาครั้นมาถึงหนองน้ำอีกแห่งหนึ่ง พระยานาคนำเอาน้ำผึ้งมาถวาย ทำนายว่าต่อไปจะได้ชื่อว่าพระนอนหนองผึ้งจากนั้นจึงเสด็จไปนอนบนคันนาแห่งหนึ่ง ทำนา <O:p</O:p
    ตอนที่ ๓กล่าวพระพุทธเจ้าได้เสด็จไปที่ถ้ำเชียงดาวทำนายว่ายักษ์ที่รักษาถ้ำจะได้เป็นพระยาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ มีอายุ ๒๐๐ ปีโดยองค์แรกเกิดที่เมืองปาฏลีบุตร องค์ที่ ๒ เกิดในเมืองหงสาวดี องค์ที่ ๓เกิดในเมืองเชียงดาว องค์ที่ ๔ เกิดในเมืองอังวะ องค์ที ๕เกิดในเมืองอโยธิยาและได้กล่าวถึงพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วก็นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาไว้ที่ดอยอ่างสลุงก็เลยได้ชื่อว่าอ่างสลุงเชียงดาวมีพระยาอินทร์ เทวดามาเนรมิตมหาเจดีย์ทองคำไว้บรรจุพระธาตุ ต่อจากนั้นก็มีพระยาอินทร์ พระยาพรหมพระยานาค มาสร้างพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ไว้ในถ้ำ ประดับตกแต่งไว้สวยงามในถ้ำแห่งนี้มีทางแวะไปสถานที่ต่างๆ ได้ หลายแห่งและได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติเมื่อจะเข้าไปชมถ้ำตามที่ต่างๆซึ่งหากปฏิบัติไม่ถูกก็จะกลับออกมาไม่ได้ยว่าต่อไปจะได้ชื่อว่าพระป้านและแม่ปูคาแห้ง
    จากความเห็นส่วนตัวผู้เขียนกรุงเทพน่าจะจมน้ำจากภัยพิบัติ(อ้างอิงจากพงศาวดารตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาวตอนที่1)เมืองมหานครแห่งใหม่จะอยู่เชียงใหม่ตอนล่าง
    การปกครองจากอำนาจสามร่มโพธิ์ศรี
    คือพระมหากษัตรย์
    พระสังฆราช
    นายกรัฐมนตรี
    ผู้บรรลุธรรมสูงสุดเป็นผู้เลือกนายกรัฐมนตรี
    แล้วก็ยังมีพระโพธิ์สัตว์ที่ลงมาเกิดสร้างบารีและเหล่าบริวารที่ตามลงมาจากสวรรค์อีกจำนวนมาก
    นี้ก็เป็นส่วนหนึ่งที่คงจะไม่มีอะไรมาปฏิเสธได้ว่าชาติที่จะเป็นอันดับ1ของโลกทั้งด้านวัตถุและทางด้านจิตวิญญาณ
    แล้วก็กษัตรย์ต้นแบบผู้นำต้นแบบทศพิศราชธรรมของโลกก็คือชาติไทยของเรา
    และเหตุผลที่ในช่วงนี้ทำไมเหตุการบ้านเมืองดูเค้ารางแล้วไม่น่าจะได้เป็นมหาอำนาจได้นั้นก็ด้วยเรื่องของกรรมมวลรวมของชนชาติไทยอีกนั้นแหละที่ในอดีตเคยรบสงครามก็ดีเคยป้องกันตัวเองจากการถูกล่าอาณานิคมก็ดีแต่กรรมที่ชาติไทยเราสมัยนั้นเวลาก่อนจะไปตีชาติใดเมืองใดเราก็มีกลยุทธกุศโลบายคือเราจะไปยุแยงให้เขาแตกกันจนวุ่นวายเสียก่อนแล้วเราจึงเข้าตีด้วยกรรมนั้นมาส่งผลให้บ้านเมืองเราต้องล้มรุกคุกคลานมาตลอดประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมีคนยุแยงให้แตกกันมีกลุ่มแบ่งสีแบ่งฝ่ายและกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้
    มีนักการเมืองที่ดีไม่พอหรือไม่พอที่จะได้ดีมาตลอดแต่เมื่อเข้าต้นรัชกาลที่10ประเทศจะมีผู้มีศีลธรรมได้ปกครองประเทศเวลานั้นแร่ธาตุต่างๆ
    ทองคำ น้ำมันรัตนชาติยูเรเนียมก็จะผุดขึ้นมาด้วยบุญกุศลที่เคยทำไว้แต่อดีตกับพระพุทธศาสนากับพระอริยเจ้าทั้งหลายก็จะส่งผลดึงไทยขึ้นมาเป็นมหาอำนาจของโลกอย่างแน่นอน
    รัชกาลที่11ไทยเป็นมหารัฐรุ่งเรืองมาก
    รัชกาลที่12จักรพรรดิราช
    ปัจจุบันมีการปรากฏของufo จ่านบิน
    มนุษย์ต่างดาวบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
    ก็เพราะเขามารอผู้มีบุญรอชมบารมีพระศรีอารย์พระเจ้าจักรพรรดิ์แห่งจักรวาลซึ่งมนุษย์ต่างดาวนั้นมีอยู่จริงและยังไม่ไว้ใจมนุษย์ในยุคนี้เขารอให้เข้ายุคพระศรีอาร์ยก่อนแล้วต่อไปเขาจะบินมาปรากฏให้เห็นเป็นเรื่องปกติไม่เป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป
    และในปัจจุบันมนุษย์ต่างดาวหรือufoก็เลือกที่จะติดต่อทางโทรจิตกับคนไทยกลุ่มหนึ่งที่เขากะลาจังหวัดนครสวรรค์เพื่อที่จะเตือนภัยพิบัติครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้
    ที่สุดของที่สุดอยู่ในไทยทั้งนั้น
    ปัจจุบันคือเงากรรมในอดีตมาส่งผลแต่ในอนาคตอันใก้ลนี้ไทยจะเจริญรุ่งเรืองมากเป็นมหารัฐ
    มีพระยาธรรมิกราชหรือพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองแผ่นดินมีพระอริยเจ้ามากกว่าปัจจุบันเป็นยุคพระศรีอริยเมตไตรแต่เป็นพระโพธิสัตว์พระศรีอริยเมตไตรที่ลงมาเกิดเพื่อสร้างบารมีค้ำชูพระพุทธศาสนาของพระสมณะโคดมให้ถึง5000ปี
    เพื่อจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นองค์ที่5คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศรีอริยะเมตไตรเป็นองค์สุดท้ายในภัทรกัปนี้
    จากพระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่า
    (พระเจ้าจักรพรรดิ์เป็นคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ด้วยบุพกรรมที่เคยถวายแตงโมที่มีรอยลิงแทะแก่พระพุทธเจ้า)
    ที่ศรีษะของท่านจะมีรอยแผลดุจรอยหนูเจาะแตงโมครั้นต่อมาท่าน
    จึงจะกลับมีผิวพรรณผ่องใสมีร่างกาย
    งามผุดผ่องดุจสีทอง)


    <O:p</O:p
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ (พระราชพรหมยาน)ได้เคยบอกลูกศิษย์ที่ตึกรับแขกเมื่อคราวหนึ่งท่านกล่าวกับคณะศิษย์ที่ตึกรับแขกว่า...ขณะนี้ "พระเจ้าจักรพรรดิ" ได้ลงมาเกิดในประเทศไทยแล้วและเกิดเป็นคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ มีเชื้อทางฝั่งลาว ตอนเกิดนั้นมารดาท่านฝันว่าได้แหวนทองจากเทวดา และตั้งชื่อลูกของท่านว่า"เทพ"



    <O:p</O:p
    และจากหนังสืออินตกกล่าวไว้ว่า
    บัดนี้ท่านเสด็จอยู่ล้านช้าง(ภาคอีสานในปัจจุบัน)ปี49ท่านเป็นหนุ่มแล้วผู้ใดอยากพบผู้มีบุญให้หมั่นรักษาศีลสดับฟังพระธรรมเทศนา
    จะได้เห็นท่านในปีกุน 62<?xml:namespace prefix = v /><v:shapetype class=inlineimg id=_x0000_t75 title="Tongue out" alt="" border="0" src="http://palungjit.org/images/smilies/tongue-smile.gif" o< v:shapetype path="m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe" filled="f" stroked="f" smilieid="24"><V:p</V:p
    หลวงปู่ทวด,หลวงปู่ดู่,พระศรีอริยเมตไตรยเป็นองค์เดียวกัน (ในหนังสือกายสิทธิ์)
    จากบทสนทนาของ นาย ยวง พึ่งสกุล (ปัจจุบันบวชเป็นภิกษุอยู่วัดสะแกตอนหนึ่งท่านป่วยเป็นโรคท้องเดินกะทันหัน ในคืนหนึ่งข้าพเจ้าปวดเหลือเกินจะลุกขึ้นยืนก็ตัวคดตัวงอเข้าๆออกๆห้องน้ำตั้งแต่หัวค่ำงีบหลับไปได้หน่อยก็ตื่นขึ้น ต่างคนต่างทำสมาธิกันไปขอกล่าวโดยย่อว่ามีหลวงปู่ทวดและหลวงปู่ดู่มาช่วยในสมาธิหลวงปู่ทวดหายไปกายเป็นหลวงปู่ดู่ท่านลงจากดวงอาทิตย์แล้วมาหยุดข้างหลังข้าพเจ้าก้มลงเล็กน้อยพร้อมกับยื่นมือขวามาจับพุงของข้าพเจ้าแล้วกระชากดึงพุงอย่างแรงจนตัวไหวไปทั้งตัว3ครั้ง แล้วท่านบอกว่าหายด้วยความดีใจก็บอกกับคุณถมยาว่า "เลิกเหอะ" ฉันหายแล้วหลวงพ่อทวดมาช่วยหลวงน้าดู่รักษาโดยการจับพุงฉันดึง3ทีก็เลยหายพอดี

    <O:p</O:p
    เมื่อครบกำหนด16วัน ตามที่แพทย์สั่งก็กลับบ้านแล้วมาที่วัดทันที่ ไม่มีดอกไม้ธูปเทียน มีแต่ใจมากราบนมัสการพร้อมกับทองคำเปลวอย่างดีข้าพเจ้าได้ถามหลวงน้า ข้าพเจ้าได้ถามหลวงน้าดู่ว่า "การที่หลวงพ่อทวดขึ้นมานั้งบนดวงอาทิตย์ครั้งแรก แล้วต่อมาเป็นหลวงน้าดู่พรหมปัญโญ พอจะถึงพื้นกลายเป็นหลวงพ่อทวด พอลงต่ำถึงพื้นก็กลายเป็นหลวงน้าดู่ลงมาช่วยดึงพุงผม3ครั้งจนหาย หมายความว่าอย่าวไร เดี๋ยวเป็นหลวงพอทวดเดี๋ยวเป็นหลวงน้าดู่

    <O:p</O:p
    หลวงน้าดู่พูด "แล้วแกว่าอย่างไร"

    <O:p</O:p
    ข้าพเจ้าว่า"เห็นกลับไปกลับมาก็คงเป็นหลวงพ่อทวดองค์เดียวกัน"

    <O:p</O:p
    หลวงน้าดู่พูด "ก็อย่างแกว่านั้นแหละ"

    <O:p</O:p
    ข้าพเจ้าว่า "ถ้าอย่างนั้น ก็เป็น พระศรีอริยเมตไตรยนะสิ"

    <O:p</O:p
    หลวงน้าดู่พูด "ก็หลวงพ่อทวด คือ พระศรีอริยเมตไตรย ท่านกลับชาติมาเกิด เพือสร้างบารมีรู้แล้วอย่าพูดไป เพราะคนที่เขาไม่เชื่อเขาจะพากันตกนรกเราจะพลอยบาปไปด้วย"

    <O:p</O:p
    ทองคำที่ปิดเท้าหลวงน้าดู่นั้นข้าพเจ้าติดถวายแก่พระศรีอริยเมตไตรย

    <O:p</O:p
    ที่เท้าหลวงน้าดู่พรหมปัญโญ

    <O:p</O:p
    สาเหตุที่นำเรื่องนี้มาเปิดเผยเนื่องจากก่อนที่จะทำการพระราชทานเพลิงศพบิดาของผู้เขียน(อ.ศุภรัตน์แสงจันทร์)ได้มีโอกาสคุยกับน้ายวง ผู้เขียนได้ถามว่า "น้าคิดว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์ หรือหน่อพุทธภูมิ"

    <O:p</O:p
    น้า ยวงจึงตอยว่า "อาจารย์คิดว่าหลวงน้าเป็นอะไร"

    <O:p</O:p
    ผู้เขียนตอบว่า"ท่านเป็นหน่อพุทธภมูเพราะท่านเคยบอกครั้งหนึ่ง เมื่อครั้งที่นำพระนาคปรก ซึ่งหลวงปู่บุดดาฝากถวายมาให้และมีอีกหลายอย่าง ครั้งจากนั้งสมาธิ มีคนเห็นหลวงพ่อกับหลวงพ่อทวดสลับกันไปสลับกันมา ซึ่งแสดงว่าท่านต้องเป็นองค์เดียวกัน"

    <O:p</O:p
    น้า ยวงจึงตอบว่า "ถ้าอย่างนั้นผมจะเขียนเรื่องราวที่ผมสัมผัสมากับหลวงน้าซึ่งหลวงน้าสั่งให้ปิดไว้เป็นความลับ เป็นเวลาหลายสิบปีแล้วคงจะถึงเวลาที่จะเปิดได้แล้ว<O:p></O:p>
    <O:p</O:p
    </v:shapetype>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กันยายน 2010
  8. เทพสำราญ

    เทพสำราญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    308
    ค่าพลัง:
    +888
    ..ญาณท่านเฉียบแหลมยิ่งนัก ขอนับถือท่าน หากมีบุญสัมพันธ์และถึงวาระอันควร
    เราคงได้ร่วมงานธรรมครั้งใหญ่กัน .........
    ..
     
  9. ยามา

    ยามา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2005
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +484
    ผมคิดมาตั้งนานแล้วว่า ศาสนาจริงๆในโลกนี้ มีศาสนาเดียว และศาสดาองค์เดียวกันทั้งนั้น แต่ที่แตกต่างกันเพราะ การส่งสารของมนุษย์เมื่อก่อน มันไม่ได้มี ทีวีโทรทัศน์ โทรศัพท์ internet เวลาที่ศาสดาจะเผยแพร่ศาสนา ก็สอนลูกศิษย์ ลูกศิบก็สอนศิษย์รุ่นต่อๆไปแล้วค่อยไปเผยแพร่ ไปทั่วโลกตรงนี้ละที่ทำให้เกิดการผิดเพี้ยน จากคำพูดเดิมของศาสดาองค์เดียวกันนี้ละ อีกอย่างเรื่องภาษาก็ต่างกันพอคนภาษานี้ไปคุยกับคนอีกภาษานึง ชื่อศาสดาก็จะเพี้ยนไปตามภาษาของประเทศนั้นๆ

    ลองดูก็ได้แก่นของศาสนาทั้งหมดในโลก ทำไมต่างเหมือนกัน คือ สอนให้คนทำความดี ละเว้นความชั่ว

    ดังนั้นการที่บอกว่าในอนาคตจะมีแค่ศาสนาเดียว มันไม่น่าจะใช่เพราะเดิมมันก็มีศาสนาเดียว
    และมีศาสนาเดียวมาตลอดนานแล้ว
     
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ชีวิตฝ่ายจิตวิญาณทุกดวงทั่วโลกจะเข้าร่วมเป็นหนึ่งเดียวกัน

    27/9/53​
    ข้าพเจ้าได้ค้นพบความจริงกับความเชื่อช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ความจริงที่พุทธบริษัท ๔ ได้แก่ ภิกษุภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไม่เคยได้พิสูจน์กันเลย

    แต่เลือกยึดถือปฏิบัติแบบตามๆกัน เค้าพากันเชื่อว่า
    จะมีแต่พระอรหัตขีณาสพ อยู่แต่ในเพศนักบวช และ ศาสดาเจ้าลัทธิของตนเท่านั้น

    โดยขาดหลักการพิสูจน์อย่างแท้จริงแล้ว อะไรคือสิ่งที่ดีที่สุด
    ในหนทางของการปฏิบัติธรรมเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง

    ตามยุคสมัย ที่มนุษย์ควรวิวัฒนาการไปมากว่านี้
    โลกของเรากำลังจะเข้าไปสู่ ยุคที่เรียกว่า โลกในยุคพลังจิต ซึ่งจะเป็นยุคที่โลกวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว

    ไม่ใช่มีแต่ล้าหลังและตกต่ำลงไป (จนน่ากลัว)

    ข้าพเจ้าก็เป็นบุคคลเช่นท่าน ที่เกิดร่วมสมัยกับท่าน
    ที่มีความคิดที่แตกต่าง จากท่าน ไม่ได้ยอมรับอะไรโดยไม่พิสูจน์อย่างจริงๆจังๆ ก่อนจะเชื่อและยึดถือปฏิบัติ

    ไปตามบรรพบุรุษ ข้าพเจ้าต้องได้พิสูจน์จนสุดทางปัญญาแล้ว ว่าทฤษฎีที่ท่านต่างยอมรับกัน

    ว่ามีแต่พระอรหัตขีณาสพ อยู่แต่ในเพศนักบวช และ ศาสดาเจ้าลัทธิของตนเท่านั้น

    อันเป็นการปิดกั้นทางพระนิพพาน ของฆราวาสวิสัย
    ปฏิบัติไปแล้ว เกิดสงสัยในคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ซึ่งข้าพเจ้า ไม่ขอยอมรับทฤษฎีที่ว่ามีแต่พระอรหัตขีณาสพ อยู่แต่ในเพศนักบวช และ ศาสดาเจ้าลัทธิของตนเท่านั้น ทั้งๆที่คนสร้างเงื้อนไขแบบนี้ ก็ยังทำไม่ได้

    ข้าพเจ้าขอวิงวอนต่อบรรดาท่านว่า หากจะพิสูจน์กันเป็นจริงเป็นจังแล้ว ท่านจะพบว่า ฆราวาสวิสัยก็สามารถเป็น พระอรหัตขีณาสพที่ไม่ต้องบวชจนตายคาผ้าเหลืองก็ได้ เรื่องแบบนี้ท่านต้องพิสูจน์กันเอาเอง

    หากมีนักคิดนักประดิษฐ์ที่สามารถทำลายสมมติฐาน
    เก่าได้อย่างสิ้นเชิง ทฤษฎีเก่าก็จะตกไปเลิกใช้

    เพราะพิสูจน์แล้วพบความจริงว่า ไม่ทันต่อยุคสมัย
    ที่ประชากรจะล้นโลก

    ข้าเจ้าเป็นแต่ผู้บอกทางที่ค้นพบใหม่ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็เพียงบอกทางให้ ท่านต้องปฏิบัติด้วยตนเอง

    สรุป อะไรที่ตนคิดว่ามันดีก็ให้ทำไป


    ป.ล.รวิพันธุ์​
     
  11. ตันติปาละ

    ตันติปาละ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    4,421
    ค่าพลัง:
    +4,649
    เจริญพรหมวิหาร๔ อย่าเอาอุปธานมาเป็นความคิด คำทำนายเป็นเพียงการคาดการเท่านั้น
    โหรศาสตร์เป็นเรื่องของสถิติ หมอดูเป็นเรื่องของการเดา การเจริญเมตตาคือการหลุดพ้นทั้งปวง การมอบความรักความเมตตาต่อกัน จะทำให้ความเห็นแก่ตัวลดลงไป
     
  12. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    คุณเกษมโพสต์เรื่องนี้บ่อยจัง ^^

    หรือว่า......ใกล้....แล้ว
     
  13. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    ผมว่ามีอะไรบางอย่างมาทำให้อนาคตที่ควรจะเป็นเปลี่ยนไปหมด อาจจะไม่มีสงครามโลกครั้งที่สาม อาจจะไม่มีการพลิกแกนหมุนของโลก อาจจะมีแค่เกิดภัยพิบัติขนาดใหญ่ทำให้คนบนโลกสูญหายและตายเพียงแค่ 1,000 ล้านคน แล้วคนบนโลกก็หัวหดกันหมดเพราะกลัวตายแล้วหันมาร่วมือกันสร้างโลกสร้างระบบอยู่ร่วมกันอย่างสันติเป็นมิตรต่อกันทั้งโลก อนาคตแม้เห็นแล้ว ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนไม่ได้
     
  14. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,861
    เรื่องนี้จะใช่อย่างที่ จขกท. กล่าวไว้หรือไม่.....ไม่ทราบ

    แต่ดูจากแผนที่โลกใหม่ของ กอร์ดอน ไมเคิล สแกลลอน แล้วพบว่า.......

    ศูนย์กลางของทุกศาสนาที่สำคัญๆของโลก.....จมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด

    ยกเว้น...........ของพระพุทธศาสนาที่จะไปรวมตัวกันอยู่แถบอีสาน

    จริงเท็จอย่างไร ท่านผู้เจริญโปรดนำไปพิจารณา
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    คนที่หมดเชื้อแล้ว เหมือนตาลยอดด้วนแล้ว เมื่อเสวยอารมณ์ของนิพพานขณะบรรลุอรหัตตผลจะไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆกับโลกอีกในรูปแบบที่จะต้องดิ้นรนทำมาหากินประกอบอาชีพใดๆที่ต้องเสี่ยงกับการผิดศีลผิดธรรมเพื่อหาอาหารมาเลี้ยงชีพ ด้วยพระอริยะนั้นรักศีลยิ่งนัก
    เป็นสาเหตุที่พระไตรปิฎกกล่าวไว้ว่าบุคคลผู้รู้แจ้งแล้วไม่อาจดำรงชีวิตในเพศคฤหัสถ์ได้เกิน7วัน หากไม่บรรพชาเป็นบรรพชิตก็จะตาย ในเพศของพระสงฆ์เหมาะกับความเป็นผู้ขวนขวายน้อยเพื่อดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารจากอุบาสก อุบาสิกาผู้มีจิตศร้ทธาใส่บาตรให้ และมีทรัพย์สินข้าวของเครื่องใช้แค่บริขาร8เท่านั้น เป็นชีวิตที่งดงามอย่างที่สุด
    หากท่านต้องการหักล้างก็คงต้องปฏิบัติให้ถึงอรหัตตผลและดำรงชีวิตได้เกิน7วัน เช่นนี้ก็จะหักล้างข้อกล่าวข้างต้น
    อีกประการคือพุทธศาสนาเถรวาทนี้เป็นอกาลิโก คือไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา
    เพราะสอนแต่เรื่องอริยสัจจ์4 ไตรลักษณ์ ปฏิจจสมุทปปาท มุ่งดับทุกข์เป็นสำคัญ ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาปฏิบัติในแนวดับทุกข์ไม่อาจจะเข้าใจได้ จึงมักมีคำกล่าวปรามาสพระศาสนาว่าคร่ำครึล้าสมัย เพราะมิได้ปฏิบัติตามอริยมรรคมีองค์8 แต่บ้าฤทธิ์อำนาจเป็นสำคัญมากกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 กันยายน 2010
  16. numnoina

    numnoina Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +53
    สงสัยว่า ถ้า ผู้คน สนใจพากัน บวช ทั้งโลก
    ใคร??? จะเป็น ผู้ทำงาน ผู้หาอาหาร ผู้ทำบุญ
    :'(
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,686
    ค่าพลัง:
    +51,931
    โลกุตตระ จัดสรรให้ผู้ตั้งใจจริง
    ผู้ตั้งใจจริง คือผู้มีสัจจะ เป็นผู้ทำได้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,686
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** เปิดรูรับแสงดวงอาทิตย์ ****

    ถ้าใจเปิดกว้าง รับสัจจะ
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็จะไปโปรดในฝัน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,686
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** สิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยดูแลจัดสรร ****

    พระพุทธเจ้าอยู่ในป่าคนเดียว
    ก็ไม่อดตาย ถึงเวลาก็มีอาหาร มีคนใส่บาตร
    ทั้งหมดคือ การจัดสรร มีโลกุตตระเป็นพี่เลี้ยง
    เดินๆไปมืดค่ำ ถึงเวลาก็มีที่เหมาะสมให้หลับนอน
    ทุกอย่างจะมาเอง ถ้ามีสัจจะทำ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "<!-- google_ad_section_end --> <!-- / message -->
     
  20. เมทิกา

    เมทิกา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    952
    ค่าพลัง:
    +2,393
    โดยส่วนตัวก็พอเข้าใจได้ว่าทุกศาสนาจริงๆก็เหมือนกัน แต่แตกแขนงมาให้ง่ายต่อจริตแต่ละคน

    โดยส่วนตัวก็พอเข้าใจได้ว่าศาสนาพุทธเองก็เหมือนกัน แต่แตกเป็นหลายนิกายให้ง่ายต่อจริตแต่ละคน

    โดยส่วนตัวก็พอเข้าใจได้ว่าครูบาอาจารย์หลายท่านนั้นล้วนเป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเหมือนกัน แต่แตกเป็นหลายสำนักให้ง่ายต่อการเข้าถึงแต่ละคนที่เป็นลูกหลานบริวารของท่านที่ตามกันมา....

    เพียงปฏิบัติไป เราก็จะรู้เองแหละ ว่าพระอยู่ในใจของเราเอง ไม่ต้องไปหาที่ไหน...
     

แชร์หน้านี้

Loading...