ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

เห็นพี่ทางสายธาตุเปิดประเด็น พลอยนาคราช ขึ้นมา อ็อฟเลยนำข้อมูลที่อ็อฟมีมาให้ครับ

ตำนานการก่อเกิดเพชรนาคา<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>
นับย้อนหลังนานแสนนานไปในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ที่มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้ 5 พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4) ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาล ด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาโพธิสัตว์ เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด “ฝนโบกพัท” ตกลงมา ใครใคร่ให้เปียกก็เปียก ใครใคร่ไม่เปียกก้ไม่เปียก ด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป เทื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพุธาบางส่วนได้ประมวลตัวธาตุดึงดูดธาตุทั้ง 4 คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ จนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น “เพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมา มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7 สี ส่องแสงสว่างครอบคลุมทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน รัศมีแห่งเพชรเจ็ดสี มณีเจ็ดแสงนี้ส่องสว่างจนถึงนครใต้บาดาลดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประการกลบรัศมีแสงสว่าง อัญมณีพลอย อันมีค่าต่างๆ ที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมด จนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาล จนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ต่าง หาสาเหตุต่างๆ นาๆ ถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้ จนทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมือง นามว่า “พญานาคราชสุนันโท” กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาล ที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วน ได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของต้นอธิษฐานขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์การณ์อันอัศจรรย์ใจในครั้งนี้ ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีดที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนา และได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาล ซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน “จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา” ก่อนที่จะละสังขาลตายลง (ขอเว้นในเหตุของกฏแห่งกรรมทีทำให้กำเนิดเป็นพญานาคผู้มีฤทธิ์) ด้วยเหตุนี้เองทำให้ล่วงหน้าถึงการก่อกำเนิดแห่ง เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้หน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้ พญานาคราชสุนันนทโทผู้เป็นใหญ่ ได้แสดงฤิทธิ์อำนาจแทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลาย ขึ้นมาสู่พื้นปัฐพีมาดูต้นเหตุอัศจรรย์อันที่ทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพี้นพิภพใต้บาดาล ท่านพญานาคราชสุนันนทโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลายต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขาหมวดหมู่ที่พวกตนได้สิงสถิตย์พักอาศัยอยู่ ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆมาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้ เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิ ให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดา อีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำที่ลึกลับที่ยากจะเข้าไปได้นำไปประดิษฐสถานเอาไปไว้แอ่งน้ำต่างๆ ภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควรพร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสีย จนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป<o></o>

 

น้องคงต้องการเนื้อหาในแผ่น vcd นี้เพื่อไปเป็นประโยชน์ในทางพระพุทธศาสนาใช่ไหมคะ ขออนุโมทนาค่ะ พี่ดีใจที่ได้มีส่วนช่วยในงานบุญงานกุศลของน้องอ๊อฟแม้จะเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่พี่พอจะช่วยได้พี่ก็ดีใจค่ะ

 

ช่วงนี้นอกจากเพชรพญานาค หรือพลอยพญานาคจะเริ่มปรากฏมากขึ้นแล้ว พระแก้วมณีโชติ พระพุทธรูปที่แกะขึ้นมาจากแก้วพญานาค ก็เริ่มปรากฏให้เห็นมากขึ้น ที่คุณรุ้งมีพระแก้วมณีโชติสีฟ้า 1 องค์ ที่พี่แขกมีพระแก้วมณีโชติสีฟ้า 1 องค์ ส่วนทางสายธาตุยังไม่มีวาสนาที่จะครอบครองพระแก้วมณีโชติค่ะ

​

​

 

อวดสมเด็จทรงครุฑ ที่ได้รับจากพระอาจารย์สิงห์ทน ท่านบอกว่าสมเด็จโตเป็นผู้สร้าง คุณรุ้ง กับพี่สะใภ้ และทางสายธาตุ ได้รับคนละหนึ่งองค์ค่ะ

​

ทำจากครั่งค่ะ ถ้ากุฏิท่านไม่ถูกไฟเผา คงจะมีคนได้รับอีกหลายคนละมัง แต่เท่าที่ทราบคือพระอาจารย์ท่านไม่มีอีกแล้ว แต่ไม่กล้าเรียนถามท่านนะคะ ถามจากแม่ชีเอา แม่ชีบอกว่าพระอาจารย์ท่่านไม่มีอีกแล้วค่ะสำหรับสมเด็จทรงครุฑทำจากคลั่งที่สร้างโดยสมเด็จโต สมเด็จโตทรงสร้างพระเครื่องนี้โดยรับพระราชกระแสรับสั่งจากองค์พระพุทธเจ้าหลวงให้จัดสร้างค่ะ
​

ป.ล. อาจารย์อูฐปล่อยพลังหรือเปล่าคะ แอบเห็นว่าแวะเข้ามาเยี่ยมชม ไปพบพระอาจาย์สุทัศน์ วัดทองบ่อ พระท่านมีเรื่องมอญสนทนากับอาจารย์อูฐได้ยาวๆค่ะ ท่านเรียนจบนิติศาสตร์และทำงานก่อนจะมาบวชค่ะ​

 

​

วันที่ 20 กันยายนเวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี ​

และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ คุณโมเยได้แต่งเพลงถวายพระองค์ท่านด้วยความจงรักภักดี ทางสายธาตุขออนุโมทนาด้วยค่ะ​

ในความจงรักภักดี เทิดพระบารมี ปิยะ มหาราชา ​

บทเพลงแห่งศรัทธา

ชุด หนึ่งเพชรล้านนา
สงวนลิขสิทธิ์ มีนาคม 2552​

กัญญนัทธ์ ศิริ / ขับขาน
​

เผยแพร่เพื่อเป็นธรรมทาน
สงวนลิขสิทธ์ ในการใช้หาผลประโยชน์ส่วนตน​

ในความจงรักภักดี เทิดพระบารมี ปิยะ มหาราชา - Buddhism Audio​

 

<!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <wunctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <wontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif]--><!--[if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-bidi-font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]ขอแจมด้วยคนค่ะคุณทางสายธาตุ[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]อนุโมทนาค่ะที่นำบุญมาฝากแถมพาไปเที่ยวหลายวัดแล้ว ทรงคุณค่าทั้งนั้น
[/FONT]
[FONT=&quot]ตามอ่านมาทุกบทความ[/FONT][FONT=&quot] แต่ที่ขอแจมเพราะติดใจวัดนี้ วัดนี้สวยงามน่าสนใจ[/FONT]
[FONT=&quot]มาก ดูเก่าและขลังดีจัง ยิ่งเจดีย์ยิ่งงามใหญ่ คงจะงามตรงความเก่า ที่ดูแล้ว[/FONT]
[FONT=&quot]ชอบ ..อีกอย่างคือรูปกษัตริย์มอญ วาดได้วิจิตรจริง ไม่ค่อยเคยเห็น[/FONT]

[FONT=&quot][/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]พอดีเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ มอญเห็นได้ว่าหลายท่าน[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นบุคคลผู้มีความใกล้ชิดมีความสำคัญ ต่อประวัติศาสตร์ของไทยเราไม่น้อย[/FONT]
[FONT=&quot]โดยเฉพาะมีส่วนในการสนับสนุนไทยได้อิสรภาพจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตามจากการที่[/FONT]
[FONT=&quot] พระยาเจ่ง พระยาราม (ชาวมอญทั้งคู่) นำข่าวที่พระมหาอุปราชจะลอบสังหาร
[/FONT]
[FONT=&quot]สมเด็จพระนเรศวรเจ้า[/FONT][FONT=&quot],มากราบทูลให้ทรงทราบ จนนำไปสู่การประกาศอิสระภาพ[/FONT]
[FONT=&quot]แก่เทพยดาฟ้าดินว่า "ด้วยพระเจ้าหงสาวดี มิได้อยู่ในครองสุจริตมิตรภาพ[/FONT]
[FONT=&quot]ขัตติยราชประเพณี เสียสามัคคีรสธรรม ประพฤติพาลทุจริต คิดจะทำอั[/FONT]
[FONT=&quot]นตรายแก่เรา ตั้งแต่[/FONT][FONT=&quot]นี้ไป กรุงศรีอยุธยาขาดไมตรีกับกรุงหงสาวดีมิได้เป็น[/FONT]
[FONT=&quot]มิตรร่วมสุวรรณปฐพีเ[/FONT][FONT=&quot]ดังแต่ก่อนสืบไป"[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot] ราชอาณาจักรมอญ พ่ายแพ้แก่พม่า และถูกเผาเมืองหมดสิ้น. 10 ปี ก่อนเรา[/FONT]
[FONT=&quot]เสียกรุง(..ปี 2300) มอญมีความพยายามจะกอบกู้แผ่นดินหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ[/FONT]
[FONT=&quot]..จึงต้องสูญสิ้นแผ่นดินของตนและกลายมาเป็นชนกลุ่มน้อย บนแผ่นดินที่เคย[/FONT]
[FONT=&quot]เป็นประเทศของตนเอง[/FONT][FONT=&quot] อันที่จริงกองทัพกู้ชาติมอญ ก็ใช่จะไร้ฝีมือเสียทีเดียว
[/FONT]
[FONT=&quot]กองทัพมอญเคยมีฐานบัญชาการอยู่แถวชายแดนกาญจนบุรี เรียกค่าย มาเนอปลอว์[/FONT]
[FONT=&quot]ซึ่ง เคยต้านทานกองทัพพม่าได้อย่างเหนียวแน่น [/FONT][FONT=&quot]ก่อนค่าย
[/FONT]
[FONT=&quot]จะแตกสลายไปเมื่อ 20 ปีก่อน กระแสข่าวว่าสาเหตุเพราะผู้มีอำนาจของไทยสมัย[/FONT]
[FONT=&quot]หนึ่งเป็นใจเปิดทางให้พวกพม่ายกทัพเข้าตีทางด้านหลัง...[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot].ถึงแม้ทุกวันนี้ยังพอมีกองกำลังของมอญที่ยังต่อสู้เพื่อเอกราชอยู่บ้างแต่ก็ค่อนข้างน้อย[/FONT]
[FONT=&quot] จนมองไม่เห็นทางเช่นเดียวกับชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ ในแผ่นดินพม่าอย่างไทใหญ่ฯลฯ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]อาณาจักรเดิมของชนชาติมอญนั้น แบ่งเป็น [/FONT][FONT=&quot] 3 ยุค
[/FONT]
[FONT=&quot]ยุคแรกคือยุคราชวงศ์สะเทิม-(สุธรรมวดี) มีกษัตริย์ปกครอง 57 พระองค์
[/FONT]
[FONT=&quot]องค์แรกคือพระเจ้าสีหราชา มาจนถึงสมัยพระเจ้ามนูหา เชื่อว่ายุคนี้[/FONT]
[FONT=&quot]ครอบครองพื้นที่ได้ ทั้งอาณาจักรทวารวดีและอาณาจักรสะเทิม
[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]
[FONT=&quot]ยุคแรกสิ้นสุดลงเมื่อพระเจ้าอโนรธาแห่งพุกาม ยกทัพมาตีเมืองสะเทิมในสมัย[/FONT]
[FONT=&quot]พระเจ้ามนูหา ซึ่งนักประวัติศาสตร์ไทยบางท่านเชื่อว่าพระเจ้าอโนรธาน่าจะยกมาตีถึงนครปฐม[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ยุคต่อไป เป็นยุคราชวงศ์พะโค(หงสาวดี) มีกษัตริย์ปกครอง[/FONT][FONT=&quot] 17 พระองค์
[/FONT]
[FONT=&quot]องค์แรก ๆ คือ พระเจ้าสมละ และพระเจ้าวิมละ และสิ้นสุดในสมัยพระเจ้าติสสะ[/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]
[FONT=&quot]ยุคสุดท้าย[/FONT][FONT=&quot]คือยุคราชวงศ์เมาะตะมะ (-พะโค) เริ่มจากสมัยพระเจ้าวารีรู
[/FONT]
[FONT=&quot]หรือพระเจ้าฟ้ารั่ว พระองค์มีมเหสีเป็นราชธิดาของพ่อขุนรามคำแหง กษัตริย์ของ[/FONT]
[FONT=&quot]ไทย พอถึงสมัยพญาอู ได้ย้ายราชธานีมาอยู่ ณ เมืองพะโคหรือหงสาวดี ราชบุตรของพระองค์คือพญาน้อย ที่คนไทยคุ้นชื่ออย่างดี จากการนำมาร้องกัน ว่า พระยาน้อยชมตลาด...[/FONT]
[FONT=&quot] เรื่อยมาจนถึงพระเจ้าราชาธิราช ผู้ทำสงครามยาวนานกับกษัตริย์พม่าในสมัยพระเจ้าซวาส่อแก กับ พระเจ้ามีงคอง โดยมีทหารมอญ สมิงพระราม ละกูนเอง และ แอมูน-ทยา กษัตริย์องค์สุดท้ายของมอญคือ [/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]พระเจ้าพยะมองธิราช ซึ่งโดนพระเจ้าอลองพย าปราบมอญ ในปี ค.ศ.[/FONT][FONT=&quot] 1757[/FONT][FONT=&quot][/FONT]
[FONT=&quot]แต่องค์ที่อยู่ในรูปนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นยุคแรก ยึค 2 ยุค3 [/FONT]
[FONT=&quot] [/FONT]

 

ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากคุณโมเยค่ะ อย่างน้อยก็ยังอุ่นใจว่า
มีคนเคยเดินผ่านถนนนี้มาก่อน และไปถึงปลายทาง คือ ทางแยกไป
ถนนสายใหม่ ไม่ใช่เราเป็นผู้บุกเบิกเดินดุ่ม ๆ มาท่ามกล่งความมืด ลำพัง

เห็นด้วยค่ะ ที่ว่ามาทั้งหมดถูกต้อง โดยไม่ต้องลังเล สงสัย
แต่ก่อนเราจะตัด ปิดสวิทซ์เสีย ก็น่าจะลองดูสักนิดว่า เราจะช่วยอะไร
ใครที่อยู่ในสัญญาณดั้งเดิมได้บ้าง เพราะการที่จูนกันได้ คงไม่ใช่นึกสนุก
มาเฉย ๆ แน่ ๆ ถ้าเราจะตัด...ก็จากกันด้วยดีจะเป็นไร รับรองว่าถ้าไม่เคย
ทำกรรมหนักไว้กับใครเขามา ไม่มีทาง..ไฟฟ้าลัดวงจรหรอกค่ะน้อง เดินไป
ชะโงกดู สักนิด แล้วค่อยออกไปทางสายใหม่ คงพอตามไปไหว

 

ร้อยถ้อยอักษราไว้นอบนบ…..พระฤาสาย


กาลวานวันเนิ่นช้า ..............แรมปี
ครากษัตร์ย์เอกกรุงศรี ………...นเรศร์ล้ำ
กรีฑาทัพมากมี............ .....ยันศึก.......เตลงมา
กาญจนบุรี..ทรงพล้ำ...........เพี่ยงพร้อมสององค์

ทวยหาญทวยม่านล้วน .........โยธา
รายรอบสองอนุชา ..............เชษฐ์ไว้
มัวผงฝุ่นบังตา .................. มนมืด......เกินแล
องค์นเรศร์..ตรัสเทพไท้........ ทั่วฟ้าโองการ

การใดเสริมส่งข้า.................ชลอลง
ประสูติกษัตริย์พงศ์ ............ .เยี่ยงนี้
หมายผดุงพุทธศาสน์ยง-....... ยืนยั่ง......นานนา
ใยไม่คลายมืดลี้ ................ สว่างสิ้นหมอกควัน

ครืน..ครืน..ครัน..ครั่น..ครื้น .. .. กลางโพยม
พัดปั่นควันมืดโหม ............ .. สว่างจ้า
จอมคน..ทอดยามลม......... . . สงบนิ่ง
มหาอุปราชฟ้า .................. ข่อยต้นบังองค์

องค์ดำนำขับช้าง ................ เผชิญตรง
พญาคชเทียมฉัตรวง............. เกศกั้น
ราชาบุตรประทับทรง ........... เตลงรอบ....รายนา
พรายโอษฐ์..ลมัย..นั้น.......... ตรัสเอื้อนทูลไป


“พระพี่พระผู้ผ่าน..................ภพอุต- ดมเอย
ไป่ชอบเชษฐ์ยืนหยุด..............ร่มไม้
เชิญราชร่วมคชยุทธ์.......... .....เผยอเกียรติ ไว้แฮ
สืบกว่าสองเราไสร้............ .....สุดสิ้นฤามี”
(จาก ลิลิตเตลงพ่าย)


สุรเสียง..พระ..เสนาะล้วน......... วจนา
ทูลเชิญอุปราชา................... ท่านไท้
กระทำยุทธคชา ................... ผดุงเกียรติ....ลือนาน
พระตรึก..ทางออกไว้...............เลี่ยงพ้นเตลงพล

อุปราชาสดับแล้ว...................จนความ
ขัติยะมานะนำ.......................เทิดไว้
ทรงไสคชถลำตาม................. คำกล่าว....ชวนมา
สองหัศดินทร์โถมไซ้ .............. คลุกเคล้าแซงงา


หมุนเวียนกันเพลี่ยงพล้ำ .......... เอาชัย
ยามสุดทาง..วางวาย............... พ่ายแล้ว
ศาสตราวุธ..สะบัดกราย ........... องค์ขาด....แล่งแฮ
ซานซบ ทบ คชาแก้ว............. .ลับฟ้าดับชนม์

นานเนานานตราบนั้น ............... ฤามี
จอมกษัตริย์ยศทวี................... เทียบได้
จดจารคู่ปฐพี............ ........... .ลือเลื่อง.....นามเฮย
นำสยามรอดอรินทร์ร้าย ... ......... สยบไท้นเรศวร

 

ขออนุญาต ประชาสัมพันธ์บอกบุญ

<CENTER>เจริญพร...คุณโยมที่มีจิตอันสว่างทางสีขาว

</CENTER>

<HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>
อาตมา พระธานินทร์ โชติโก (พงษ์พานิช) ในนามสมณภิกขุ ธ.โชติกะ สมณฉายานามแห่งดวงจิตเมตตา ปารถนาเยี่ยงพระโพธิสัตว์ สร้างบารมีด้วยการให้

อาตมาอยู่ที่พิษณุโลก เกิดในพิษณุโลก และ ศึกษาเล่าเรียนที่พระราชวังจันทร์ คือสถาณศึกษาเก่าพิษณุโลกพิทยาคม มาแต่รุ่นบิดา และ ตั้งจิตบรรพชาอุปสมบทในทางสายนอกรูปแบบ แหกคอกความคิด ที่จะยึดติดหมู่บ้านชุมชนเมืองแล้ว ด้วยกาย วาจา ใจ อันปารถนาจะไปสร้างที่พำนักเล็ก เหมาะแก่การปฏิบัติสมถกรรมฐานและวิปัสนา ศึกษาตามรู้ดูจิต พิชิตโรคาแก้ไขปัญาเรื่องกรรม

ให้กับผู้ด้อยโอกาศ ผู้เดือดร้อนขาดแคลน ทั้งทางความคิด ความรู้ สติปัญญา ร่างกาย ภายในนอก เพื่อชักนำสู่ทางกำเนิดสภาวะธรรมที่เป็นบุญบารมี พลังบารมีจากธรรมชาติ ที่หากอาตมาสังกัดวัดต่อไปอีก การปารถนาในเพศบรรพชิตให้ยาวนานตราบสิ้นในภพนี้ คงเลือนลางตามสาระกรรรมที่ทำมาแน่นอน อาตมาไม่เคยรู้ หรือพบท่านที่โยมแจ้ง แต่ยินดีรับความคิดเห็นจากทุกๆท่าน

ขออบอกกล่าวเล่าเจตนาของอาตมาในการสร้างจัดหาให้เป็นสถาณธรรมดังกล่าวใว้ หากคุณโยมสามารถสนับสนุนสิ่งใดเป็นพิเศษได้กับอาตมานั้นทุกสิ่งขออนุโมทนาสาธุการ กับครูอาจารย์ที่มีในบุญราศรีของ จิตอันเป็นกุศลของคุณโยมใว้ เป็นสูงที่สุดแห่งการจะเริ่มต้นยินดี (อาตมาตอนนี้มีเพียงจีวร - ผืน โทรศัพท์ ย่าม ) ส่วนเครื่องมืออื่นๆขอยืมคนนั้นทีคนนี้ทีตามกำลัง

แต่อาตมามีผู้รอจะบวช สามเณรที่ฝากใว้ตามวัดต่างๆอีก ๕ รูป พระสงฆ์ที่มีเรื่องราวในเรื่องเดียวกันอีก ๓ รูป และคนป่วยที่นอนอาการสมองช็อตอยู่ที่ กทม คนชราที่มีวิบากทรมาน และพระสงฆอาจารย์ที่ชราภาพจวนจะละสังขาร และงานที่จะสานต่อดังกล่าว ฝากด้วยจ้ะ

__________________
ติดต่ออาตมาได้ที่ 082-4446445 080-6813352 พระธานินทร์ โชติโก (ธ.โชติกะ)


บอกบุญค่ะ หลวงพี่มีเจตนาสืบสานพระศาสนาและช่วยเหลือผู้ที่อยู่ในชนบทห่างไกล นึกๆแล้วก็คล้ายๆพระอาจารย์พระมหาฤทธิชัย กัลยาโณอยู่มิใช่น้อย พระมหาฤทธิชัย ท่านไปดอยไตแลงไปช่วยสร้างช่วยเสริมที่นั่นอยู่ค่ะ

 

พระบรมรูป สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ผลงาน ของพระมหา ฤทธิชัย กัลยาโน



โชว์รูปที่ไปถวายพระแสงของ้าว กองพันพัฒนาที่สาม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในภาพพระท่่านคือพระอาจารย์พระมหาฤทธิชัยค่ะ​

 

โมเยคิดว่าผู้ที่มีสัญญา เจอ สัญญา ไม่ใช่ผู้ที่น่าตำหนิ
แต่เป็นโอกาส ที่ดี ที่สัญญา ทำให้เราได้รู้
รู้เพื่อได้แก้ แก้อดีตไม่ได้ ก็เริ่มที่ปัจจุบัน



สัญญาเกิด

รู้สัญญา

เจอผู้ร่วมสัญญา

ปรับให้เข้าใจ

อโหสิกรรม

อภัยทาน



เชื่อว่าพวกเราที่เจอกันตรงนี้เวลานี้ คงมีเหตุของการเจอเป็นแน่



เริ่มก่อนเลยนะคะ

หากกรรมหนึ่งกรรมใดที่โมเย ได้เคยล่วงเกิน คุณพี่ดอกไม้เมืองบน โดยเจตนา หรือไม่เจตนาก็ตาม อโหสิกรรมให้แก่โมเยด้วยนะคะ

ในอดีต เราอาจเคยรู้จักกัน

และกรรมหนึ่งกรรมใดที่ พี่อาจเคยล่วงเกินโมเย จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม
โมเย ก็ อโหสิกรรมให้ค่ะ


รวมไปถึง ทุกท่าน เช่นท่านผู้อาวุโส จงรักภักดี คุณพี่ทางสายธาตุ

น้องออฟ น้องฟอรท์ น้องไก่เหลือง

โมเย ต้องขอ อโหสิกรรม ด้วยนะคะ


บารมี 30 ทัศ(แบบครูบาศรีวิชัย)

ทานะ ปาระมี สัมปันโน , ทานะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

สีละ ปาระมี สัมปันโน , สีละ อุปะปารมี สัมปันโน , สีละ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

เนกขัมมะ ปาระมี สัมปันโน , เนกขัมมะ อุปะปารมี สัมปันโน , เนกขัมมะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

ปัญญา ปาระมี สัมปันโน , ปัญญา อุปะปารมี สัมปันโน , ปัญญา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

วิริยะ ปาระมี สัมปันโน , วิริยะ อุปะปารมี สัมปันโน , วิริยะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

ขันตี ปาระมี สัมปันโน , ขันตี อุปะปารมี สัมปันโน , ขันตี ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา


สัจจะ ปาระมี สัมปันโน , สัจจะ อุปะปารมี สัมปันโน , สัจจะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

อะธิฏฐานะ ปาระมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ อุปะปารมี สัมปันโน , อะธิฏฐานะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

เมตตา ปาระมี สัมปันโน , เมตตา อุปะปารมี สัมปันโน , เมตตา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

อุเปกขา ปาระมี สัมปันโน , อุเปกขา อุปะปารมี สัมปันโน , อุเปกขา ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน
เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

ทะสะ ปาระมี สัมปันโน , ทะสะ อุปะปารมี สัมปันโน , ทะสะ ปะระมัตถะปารมี สัมปันโน

เมตตา ไมตรี กะรุณา มุทิตา อุเปกขา ปาระมีสัมปันโน , อิติปิ โส ภะคะวา

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ นะมามิหัง


โมเย ได้แปลรหัสของสัญญา

ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ แก่ประเทศชาติ และแผ่นดิน
เืพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาต่อไป ค่ะ

 

เข้าใจว่าคุณทางสายธาตุ น่าจะยังคงอยู่ในทริปของการตระเวณทัวร์วัดต่างในอยุธยาที่มีความเป็นมาอันผูกพันกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้านะครับ ถ้าเข้าใจผิดก็ขออโหสิด้วย
เช้าวันนี้ได้มีโอกาสสนทนากับญาติธรรมท่านหนึ่งเกี่ยวกับวัดตาลเอนที่อยุธยา (ไม่แน่ใจว่าคุณทางสายธาตุได้เคยนำมาเอ่ยถึงบ้างแล้วหรือยัง) ก็เป็นวัดที่มีความเกี่ยวเนื่องกับพี่น้องเชื้อชาติมอญอยู่มากพอสมควรอีกทั้งยังมีความผูกพันกันกับสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเจ้าอย่างค่อนข้างจะเป็นพิเศษ เป็นอันว่ามีเรื่องราวต่างๆที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ได้ขอให้ญาติธรรมท่านนี้ได้นำมาเล่าสู่กันฟังในกระทู้นี้ด้วยถ้ามีโอกาส อย่างไรก็ตามขอฝากคุณทางสายธาตุไว้ด้วยก็แล้วกัน มีโอกาสสะดวกเมื่อใดก็ขอความกรุณาช่วยด้วยอีกแรงหนึ่งนะครับ (หากพลาดจะเสียดาย เดี๋ยวจะว่าไม่บอกกัน)

 

ไพเราะมากครับ นับเป็นเกียรติแก่กระทู้ ขอขอบพระคุณครับ

 

พระมณีโชติ แก้วสีฟ้า ของคุณรุ้ง (เอากรุออกเกือบหมด แต่ที่ยังติดอยู๋เพราะเอาไม่ออก)







พระเจ้าตากสินมหาราช พระอาจารย์สุทัศน์ วัดทองบ่อ สร้างมีมวลสารเยอะ และมีดอกพิกุลสื่อถึงการอัญเชิญดวงจิตแม่พิกุลทอง และไม้ตะเคียนสื่อถึงการอัญเชิญดวงจิตแม่พิศมัย มาอยู่ในองค์พระรูปสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชด้วย ให้คุณทางด้านเมตตามหานิยม และโชคลาภการค้า




พระสิวลี ของพระอาจารย์สุทัศน์ วัดทองบ่อ ให้คุณทางแคล้วคลาดค่ะ

เหรียญของพระอาจารย์สลับพระพุทธคุณกันค่ะ เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสิน ไปคุณทางด้านเมตตามหานิยม การค้าเจริญรุ่งเรือง แต่เหรียญพระสิวลี ให้คุณด้านแคล้วคลาด อันนี้พระอาจารย์สุทัศน์ท่านอธิบายมา ใครอยากได้บูชาเชิญไปวัดทองบ่อค่ะ ​

 

วันที่ 20 กันยายนเวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ ๕ แห่งราชวงศ์จักรี


และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ คุณโมเยได้แต่งเพลงถวายพระองค์ท่านด้วยความจงรักภักดี ทางสายธาตุขออนุโมทนาด้วยค่ะ​

ขออนุโมทนากับทั้งคุณโมเย และคุณทางสายธาตุ ครับ

...................................................................................

ข้าพระพุทธเจ้ายังสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันยิ่งใหญ่ไพศาลของพระองค์อย่างมิรู้เสื่อมคลาย

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ

 

รูปวัดตาลเอนยังไม่ได้นำเสนอค่ะ เดี๋ยวจะเสนอต่อเนื่องไปเลยนะคะ แต่วันที่ไป ก่อนหกโมงเย็น พระครูจิรยุทธ์ท่านจำวัดอยู่ในกุฏิ หน้ากุฏิท่่านมีพระบรมรูปสมเด็จฯขนาดสูงสองเมตรตั้งอยู่ เดินไปมารู้เลยค่ะกุฏิเจ้าอาวาส เสียดายยังไม่ได้สนทนาธรรมกับท่านค่ะ

 

​

พระประธานในหอสวดมนต์ วัดตาลเอน อ.บางปะหัน พระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ์ (ถ่ายรูปไม่คมชัด วันหลังจะพกขาตั้งกล้องไป กล้องนี้เป็นตัวเก่ารุ่นเก่า ต้องคนมือนิ่งมากๆจึงจะถ่ายออกมาได้คมค่ะ)

พลับพลาตรีมุข ประดิษฐานพระบรมรูปของทั้งสามพระองค์ วัดตาลเอน อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา



สมเด็จพระนเรศวรมหาราช



สมเด็จพระพี่นางสุพรรณกัลยา



สมเด็จพระเอกาทศรถ



สิงห์คู่ ศิลปะล้านนา ในหอสวดมนต์ วัดตาลเอน



บริเวณหน้าศาลพระแม่กวนอิม ในศาลประดิษฐานพระบรมรูปสมเด็จพระปิยะมหาราช ด้วยค่ะ​

 

ในกระทู้นี้ได้เคยมีการคุยกันเรื่องอยากจะให้มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในลักษณะที่เป็นเรื่องของทางราชการและได้รับความร่วมมือร่วมใจกันจากหลายๆฝ่าย ก็คงต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปทำนองนั้นน่าจะเป็นเพราะหลายๆฝ่ายต่างฝ่ายต่างมองบางคนบางฝ่ายอาจจะมองเองหลายมุม เลยกลายเป็นเรื่องนานาจิตตัง ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วแทบทุกคนทุกฝ่ายก็ว่าได้ต่างก็เคารพรักในพระองค์ทั้งสิ้น

สำหรับในวันนี้มีข่าวการสร้างพระบรมราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แล้วครับที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย โดยมูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทย ขอเชิญร่วมสมทบทุนการจัดสร้าง พระมหาเจดีย์ "ชนะศึก" และพระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช

รูปแบบในการก่อสร้าง

๑. พระมหาเจดีย์โดยจำลองแบบเจดีย์วัดใหญ่ชัยมงคล ที่อยุธยา ขนาด ๒๙x๒๙ เมตร สูง ๓๙ เมตร
๒. พระบรมราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช อยู่ด้านหน้าพระมหาเจดีย์ หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ มีขนาดใหญ่กว่าพระองค์จริง ๑ เท่าครึ่ง เป็นรูปประทับบนหลังม้าทรงทวน

ปฏิมากรของกรมศิลปากรได้ปั้นหล่อต้นแบบพระบรมราชานุสาวรีย์ และได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการของกรมศิลปากรแล้ว ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินการเตรียมเพื่อจะหล่อด้วยโลหะสำริดตามขนาด ที่กรมศิลปากร

รายชื่อคณะกรรมการมูลนิธิพิทักษ์ภูมิไทย

๑. พลเอก วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ
๒. หม่อมราชวงศ์ สุขุมพันธุ์ บริพัตร รองประธานกรรมการมูลนิธิฯ
๓. ดร. สุรพล จิวาลักษณ์ กรรมการ
๔. พลโท นริศ ศรีเนตร กรรมการ
๕. พลตรี ศุภอักษร สังประกุล กรรมการ
๖. พลตรี สุระพันธุ์ อินทรบัวศรี กรรมการ
๗. พันเอก ธีระยุทธ เงินทอง กรรมการและเหรัญญิก
๘. พันโท บุญสืบ ดวงสง่า กรรมการและผู้ช่วยเหรัญญิก
๙. พันเอก นิติพัฒน์ กฤดิสวนสมบัติ กรรมการและเลขานุการ
๑๐. ร้อยตรี อิทธิพล สุขวัฒนะ กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

ประสงค์จะร่วมบริจาคเงินหรือบริจาคโลหะสำหรับการหล่อองค์พระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ติดต่อสำนักงานมูลนิธิฯ โทร. 02-280-0020 ถึง 3 หรือ 02-628-1810 ถึง 5 ต่อ 2463 ในวันและเวลาราชการ

 

บางท่านอาจจะพอรู้จักและจำกันได้กับท่านพลเอก วัธนชัย ฯบ้างนะครับ ท่านเคยเป็นแม่ทัพภาคที่ ๓ ก่อนหน้าท่านสะพรั่ง กัลยาณมิตร อยู่สองยุค ในยุคสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งอยู่นั้น ได้รับความเกรงใจจากพม่าอยู่หลายส่วน สำหรับโครงการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ในคราวนี้นั้น ท่านที่ติดตามเรื่องนี้มาอาจจะพอทราบเบื้องหน้าเบื้องหลังกันอยู่บ้าง ก็จะไม่ขอพูดถึง เพียงแต่ขอย้ำว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ท่านพลเอก วัธนชัยฯ ได้เป็นกำลังสำคัญในการผลักดันโครงการมาตั้งแต่เริ่มต้นหลายปีมาแล้ว ส่วนรายละเอียดความเป็นมาอย่างไร จะมีพิธีกันเมื่อใดและอย่างไรนั้น ขอได้อดใจรอติดตามครับ เรื่องราวและความเป็นมากำลังจะได้รับการเปิดเผยในไม่ช้าครับ